เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิงรุกตลาดAffordable จับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อลดลง
- จากการฟื้นตัวค่อนข้างช้าของตลาดที่อยู่อาศัยที่มีปัญหา”Oversupply”
- เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ออกสินค้ากลุ่ม “Affordable” รองรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อ”ลดลง”
- เร่งสร้างการเติบโตของสินค้ากรีนและโซลูชันที่ตอบเทรนด์รักษ์โลกและประหยัดพลังงานรับเทรนด์คาร์บอนต่ำ
วิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 3% ในส่วนของมูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ จากแผนเตรียมเสนอเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมหลายโครงการ ในขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1% จากการฟื้นตัวค่อนข้างช้าของตลาดที่อยู่อาศัย ถือเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างน้อยหากเทียบกับ 2-3 ปีก่อน ด้วยเหตุผลของ Oversupply ในขณะที่ตลาดพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่สำนักงานให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยที่ 0-2% และ 2-4% ต่อปี ตามโครงการที่ทยอยก่อสร้างเสร็จ
แผนระยะสั้นจะยังคงเน้นเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดและการแข่งขัน โดยออกสินค้ากลุ่ม Affordable Product เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่มีงบประมาณจำกัด ครบทั้งกลุ่มหลังคา บอร์ด ไม้สังเคราะห์ และผนังพื้นตกแต่งภายนอกบ้าน, ทำโครงการลดต้นทุนต่อเนื่อง โดยยังคงประสิทธิภาพและคุณภาพของสินค้าและบริการ และเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจใหม่ รวมทั้งนำ AI เข้ามาช่วยพนักงานและคู่ค้าในการเข้าถึงข้อมูลสินค้า วิธีการติดตั้ง ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที
“เราเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจใหม่ ซึ่งจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ภายใต้แบรนด์ใหม่ ONNEX by SCG Smart Living เช่น Solar Solutions หรือที่เราเรียกว่า Smart Energy เพิ่มรูปแบบการให้บริการ ตั้งแต่บริการออกแบบทางวิศวกรรม ขออนุญาตโครงการ รวมถึงติดตั้งโครงสร้างระบบแบบครบวงจร เจาะกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน เรามี Business Model และระบบ Solar ที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอกลุ่มลูกค้า และ Stakeholder ใน Ecosystem ของ Solar Industry ภายใต้แนวคิด EPC+”
ในขณะเดียวกัน ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมมีผลกับธุรกิจวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้างในปัจจุบันมากขึ้นกว่าในอดีต หากไม่มีการปรับตัวก็จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ปัจจุบันความตื่นตัวเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอน มุ่งสู่ Net Zero จากทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ผลิตหลายราย เอสซีจีได้ทำเรื่องเหล่านี้ตามกลยุทธ์ของบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีวัสดุก่อสร้างที่ปล่อยคาร์บอนต่ำลงจากการใช้พลังงานสะอาด และ Biomass ในการผลิต ใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุเหลือทิ้งทดแทนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในปริมาณมากขึ้น
ธุรกิจสมาร์ทลีฟวิงมีสัดส่วนสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ได้รับรอง SCG Green Choice มากถึง 70% ของยอดขายสินค้าและบริการทั้งหมด ตามแนวคิด “Inclusive Green Growth” ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและหาเทคโนโลยีเพื่อทำให้สินค้าปล่อยคาร์บอนน้อยลง ในขณะที่คุณภาพการใช้งานยังตอบการใช้งาน รวมทั้งความสวยงามและแข็งแรงทนทาน
สินค้าในธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ได้การรับรองค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย (TGO) เป็นจำนวนกว่า 50% ของสินค้าทั้งหมด และได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อม Environmental Product Declaration (EPD) สำหรับกลุ่มสินค้าไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดและวัสดุตกแต่งทั้งหมด การันตีคุณสมบัติสินค้าคาร์บอนต่ำเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานระดับสากล ตั้งเป้า 80% ของสินค้าวัสดุก่อสร้างในธุรกิจสมาร์ทลีฟวิงต้องมีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ภายในปี 2568 พร้อมรับนโยบายจากพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ. Climate Change ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในปี 2568
นอกจากนี้เอสซีจีมีแผนร่วมกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายบริษัทในการนำเศษวัสดุเหลือทิ้งจากงานก่อสร้างมาเป็นวัสดุรีไซเคิลผสมในการผลิตสินค้าและนำสินค้าที่ผลิตได้กลับไปใช้งานที่โครงการนั้นๆ อีกครั้ง แม้จะยังไม่ได้มีปริมาณมาก และต้องใช้ความพยายามให้ปรับกระบวนการทำงานของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยกันลดเศษวัสดุจากการก่อสร้างนำมาใช้ประโยชน์ และลดการปล่อยคาร์บอนร่วมกัน
ด้านการวางแผนระยะยาวยังคงมุ่งศึกษาและพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ผลิตมาจากวัสดุที่ยั่งยืน ลดการปล่อย Greenhouse Gas (GHGs) ตอบโจทย์ Industry Trend ผลักดัน Building Code ให้เป็น Net Zero Building ที่ใช้สินค้าคาร์บอนต่ำมากขึ้น รวมทั้งเร่งพัฒนาระบบการติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว เพื่อช่วยลดต้นทุนและค่าแรงงานที่จะแพงและหายากมากขึ้น โดยแผนการทำงานจะดำเนินการไปตามวัฒนธรรมองค์กร “Way of Work” คือทำงานแบบ Collaboration ทั้งกับหน่วยงานภายใน และภายนอกมุ่งตอบความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก หรือ Customer Centric และสร้าง Entrepreneurship Mindset มองหาโอกาสใหม่ในธุรกิจเหมือนเป็นธุรกิจของตัวเอง ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการก่อสร้างที่ลดการใช้พลังงานและลดเศษวัสดุ รวมไปถึงเรียนรู้การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
“เราเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และนำไปพัฒนาสินค้าโซลูชัน ที่ตอบโจทย์และรวดเร็วในราคาที่จับต้องได้ หรือมีทางเลือกให้ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการเสมอ ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา Greenovation for Better Living เพราะเราทราบดีว่าบ้านหรืออาคารเป็นสิ่งที่อยู่กับลูกค้า และผู้คนไปอีกนาน”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
อารีย์ ทำเลผู้ดีเก่าฮอต!ราคาที่ดินพุ่ง15% ต่อปี เศรษฐีใหม่ซื้ออยู่-ลงทุน
อสังหาฯแห่ผุดบ้านหรู ย่านอารีย์ ทำเลผู้ดีเก่า จับเศรษฐีใหม่ซื้ออยู่กับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีคนหลายเจนเนอเรชัน หรือ ลงทุนปล่อยเช่าต่างชาติสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 6 – 7% ต่อปี
อารีย์ นับเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงเนื่องจากสามารถเชื่อมการเดินทางสะดวกรวดเร็วทั้งระบบรางและล้อสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แต่ความท้าทายก็คือเป็นทำเลที่ดินหายากและมีราคาสูง ! เพราะเป็นทำเลของบ้านเศรษฐีเก่า ปัจจุบันกลายเป็นย่านธุรกิจการค้าที่น่าจับตา จึงมีดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่โดดเข้ามาพัฒนาโครงการบ้านหรูขายเศรษฐีใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่สามารถรองรับ ทั้งด้านธุรกิจและการใช้ชีวิตของครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีคนหลายเจนเนอเรชัน
โดยราคาที่ดินในย่านนี้อยู่ที่ 500,000 – 600,000 บาท/ตร.วา ซึ่งจากข้อมูลของกรมธนารักษ์ พบว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปีในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา คาดว่าราคาประเมินที่ดินปี 2570 – 2574 จะเพิ่มขึ้นถึง 725,000 บาท/ตร.วา
ด้วยศักยภาพของทำเลใจกลางอารีย์ที่อยู่ในเมือง เดินทางสะดวกสบาย เพียง 15 นาทีถึงโซนสยาม – สามย่าน – สีลม ย่านไลฟ์สไตล์ ชอปปิง และย่านธุกิจ จึงเป็นทำเลที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 6 – 7% ต่อปีและคุ้มค่าสำหรับซื้อเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าได้อย่างมั่นคงในอนาคต
ล่าสุดโครงการ VI ARI (วี อารีย์) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 6 ยูนิต ใจกลางอารีย์ ซ.3 ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและพร้อมเข้าอยู่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาประสบการณ์การอยู่อาศัยสุดพิเศษ กับพื้นที่ใช้สอยที่ปรับแต่งได้ตามต้องการบนทำเลน่าอยู่ของกรุงเทพฯคอนเซปต์ “Your Signature Penthouse” ซึ่งสามารถปรับแต่งพื้นที่ใช้สอยกว่า 550 ตร.ม. ได้ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของผู้อยู่อาศัย
ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรพื้นที่สำหรับครอบครัวทุกประเภท หรือการออกแบบที่สะท้อนไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล ทุกยูนิตในโครงการรองรับฟังก์ชันห้องนอนได้ 3 ถึง 5 ห้อง, 6 ห้องน้ำ, 2 ระเบียงพร้อมจัดสวน, 1 ห้องแม่บ้าน, และ 3 ที่จอดรถ รวมถึงขยายพื้นที่ในแต่ละชั้นสามารถปรับเปลี่ยนเป็น Penthouse ส่วนตัว ให้สมาชิกในครอบครัวสร้างพื้นที่อยู่อาศัยที่สะท้อนเอกลักษณ์ของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักผ่อนสุดหรู ห้องทำงานพร้อมวิวสวน หรือพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ชีวิต แต่ละยูนิตยังมาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวพร้อมระบบ SwimJet และลิฟต์ในตัว
นอกจากนี้ยังมีระบบ Smart Home และนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบ Gated Community ดูแลความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุดภายในโครงการ สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อชีวิตที่ดีและยั่งยืน (ALL IS WELL) ของพราว เรียล เอสเตทและเป็นโครงการ Rare Item ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคตเนื่องจากที่ดินแนวราบในอารีย์มีจำนวนจำกัด การสร้างโครงการลักษณะนี้อาจจะไม่สามารถทำได้ง่ายล่าสุดได้พร้อมโปรโมชันพิเศษส่งท้ายปี Signature Offering Price ในราคาเริ่มต้น 75 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทปิดตลาดวันนี้ 16ธ.ค.ที่ระดับ 34.03 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาททยอยแข็งค่ากลับมา ตามจังหวะการฟื้นตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.80-34.20 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาททยอยแข็งค่ากลับมา ตามจังหวะการฟื้นตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ขาดเแรงหนุนใหม่ๆ เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามผลการประชุมและ dot plot ของเฟดในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 1,270.74 ล้านบาท และ 1,463 ล้านบาทตามลำดับ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.80-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ตลาดรอติดตามสัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางเงินหยวน ยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ รวมถึงผลการประชุมเฟดและ กนง. ในช่วงกลางสัปดาห์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ธนวัฒน์-ณัฏฐ์นันทน์” ควงคู่คว้าทองแบดมินตันศึกกีฬาแห่งชาติ
ธนวัฒน์ ยิ้มจิตต์ จากสมุทรปราการ ตบแซงชนะ “โค้ชอาร์ม” คเชนทร์ บัวรุ่ง ของจังหวัดสตูล 2-1พิชิตเหรียญทองชายเดี่ยวแบดมินตัน “จันท์เกมส์” ส่วนประเภทหญิงเดี่ยว ณัฏฐ์นันท์ กุลมาตร์ จากลพบุรี ผงาดแชมป์หญิงเดี่ยว
การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 49 “จันท์เกมส์” ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.67 ที่จังหวัดจันทบุรี โดยเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา การชิงชัยได้ผ่านครึ่งทางของมหกรรม แบดมินตัน ชิง 5 ทอง ที่โรงยิมแบดมินตัน สนามกีฬากลางจังหวัดจันทบุรี ไฮไลต์สำคัญอยู่ในประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว ที่มีผู้เล่นระดับทีมชาติไทยลงห้ำหั่นกันสนุก
ในประเภทชายเดี่ยวเป็นการดวลกันระหว่าง “อาร์ม” คเชนทร์ บัวรุ่ง จอมเก๋าอดีตทีมชาติไทย ที่ปัจจุบันผันตัวไปเป็นผู้ฝึกสอน และเพิ่งช่วยต้นสังกัดจังหวัดสตูลสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองประเภททีมชายในกีฬาแห่งชาติได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันก่อน ลงปะทะ “คิมหันต์” ธนวัฒน์ ยิ้มจิตต์ นักตบทีมชาติไทยจากสมุทรปราการ
รูปเกมเป็นทางมือเก๋า โค้ชอาร์ม คเชนทร์ เปิดหัวได้ดีกว่า ตบชนะไปก่อนในเกมแรก 21-19 ขึ้นนำ 1-0 เกม และในเกมสองขนไก่หนุ่มจากสตูลก็ยังคงฟอร์มนิ่ง ไม่เสียท่ารุ่นน้องง่ายๆ แต่ในช่วงท้ายเกม คเชนทร์ มีพลาดตีเสีย ทำให้ ธนวัฒน์ ที่เน้นแบบสุดๆ ตบพลิกสถานการณ์เอาชนะอย่างสนุก 22-20
ในเกมตัดสิน คเชนทร์ เหมือนช็อตไปจากการเสียเกมที่สอง ส่งให้นักตบขนไก่รุ่นน้องที่กำลังได้ใจตบชนะไปในที่สุด 21-15 จบการแข่งขัน “คิมหันต์” ธนวัฒน์ ยิ้มจิตต์ จากสมุทรปราการ ชนะ “อาร์ม” คเชนทร์ บัวรุ่ง จากสตูล 2-1 เกมคว้าเหรียญทองชายเดี่ยวกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 49 ไปครอง
ส่วนประเภทหญิงเดี่ยว คู่ชิงเป็นการพบกันของ “เกรซ” พรรษอร พรรณเชษฐ์ ขนไก่สาวเยาวชนทีมชาติไทยของจังหวัดพิษณุโลก ดีกรีรองแชมป์หญิงเดี่ยว ศึกแบดมินตันเยาวชนนานาชาติ โยเน็กซ์ สิงห์ บีทีวาย จูเนียร์ ล่าสุด พบกับ ณัฏฐ์นันท์ กุลมาตร์ จากลพบุรี แชมป์หญิงเดี่ยวรุ่น 23 ปี รายการแกรนนูลาร์-เทอร์มินอล 21 เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ผลเป็นทาง ณัฏฐ์นันทน์ ที่โชว์ผลงานได้ดีกว่า ไล่ตบเอาชนะรุ่นน้อง 2-0 เกม 21-18 และ 21-7 คว้าเหรียญทองหญิงเดี่ยวกีฬาแห่งชาติไปครอง
ขณะที่ผลคู่ชิงอีก 3 ประเภท ประเภทคู่ผสม นัทธมน ไล้สวน กับ อภิชสิษฐ์ ธีระวิวัฒน์ จากกาญจนบุรี ชนะ วีรภัทร ภาคจรุง กับ ธีวรา เชื้อบ่อคา จากตรัง 2-0 เกม 21-18, 21-17, ประเภทชายคู่ สิรวิชญ์ โสทน กับ วีรภัทร ภาคจรุง จากตรัง ชนะ เหนือดวง มังกรลอย กับ แอนดรูว์ ปีเตอร์นิวแมน จากเชียงใหม่ 2-1 เกม 21-23, 21-10, 21-17 และประเภทหญิงคู่ ณัฐชนันพร รุ่งพิบูลโสภิษฐ์ กับ ศิรดา รุ่งพิบูลโสภิษฐ์ จากจันทบุรี ชนะ ธนพร เขียวฉอ้อน กับ ทิพธิดา คงสอน จากชัยภูมิ 2-0 เกม 21-7, 21-16
ด้านรักบี้ฟุตบอล ที่มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี ประเภท 15 คน เดินทางเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ไฮไลต์อยู่ในคู่ระหว่าง สุรินทร์ ทีมม้ามืดประจำรายการปีนี้ ปะทะ นครราชสีมา เจ้าของเหรียญทองแดงกีฬาแห่งชาติปีที่แล้ว รูปเกมในช่วงครึ่งแรกทั้งสองฝ่ายกินกันไม่ลง ได้แต้มจากลูกโทษฝั่งละลูก เสมอกันอยู่ที่ 3-3 จุด
ก่อนที่ในครึ่งหลังทัพรักยี้หนุ่มสุรินทร์จะทำเซอร์ไพรส์ หาจังหวะทำได้ 1 ประตูและวางได้ 1 ไทร์ ขณะที่ทีมอันดับ 3 ปีที่แล้วได้เพียง 1 ทรัย กับ 1 ลูกโทษ ส่งผลให้หมดเวลาการแข่งขัน สุรินทร์ สามารถโค่นทีมแกร่ง นครราชสีมา ไปได้ 15-11 จุด ทัพนักกีฬาเมืองช้างผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป ขณะที่ผลอีก 3 คู่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นครปฐม ชนะ เชียงใหม่ 39-0 จุด, นครนายก ชนะ ราชบุรี 28-0 จุด และ ชลบุรี ชนะ กรุงเทพฯ 46-6 จุด
สรุปอันดับเหรียญรางวัลกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 49 “จันท์เกมส์” ที่จังหวัดจันทบุรี ประจำวันที่ 16 ธ.ค.67 ณ เวลา 16.30 น. เมื่อนับเฉพาะ 5 อันดับแรก อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร ได้เหรียญทองเพิ่มมาเล็กน้อยที่ 6 เหรียญทอง แต่ก็ยังทำให้พวกเขานำโด่งห่างจากอันดับ 2 อยู่ไกลลิบ หลังกวาดไปแล้ว 86 เหรียญทอง 85 เหรียญเงิน 86 เหรียญทองแดง
ที่น่าชื่นใจแทนชาวจันทบุรีเจ้าภาพ คือพลพรรคนักกีฬาของพวกเขาแซงชลบุรีกลับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 บนตารางเหรียญอีกครั้ง หลังหล่นไปอยู่ที่ 3 อยู่ 2 วัน โดยเจ้าภาพคว้าไปได้ 39 เหรียญทอง 23 เหรียญเงิน 26 เหรียญทองแดง ส่วนอันดับ 3 ทัพนักกีฬาเมืองชล ชลบุรี สลับลงมาเป็นที่ 3 แทน ด้วยการคว้ามาได้ 37 เหรียญทอง 31 เหรียญเงิน 42 เหรียญทองแดง อันดับ 4 นครศรีธรรมราช คว้าได้ 22 ทอง 20 เงิน 28 ทองแดง และอันดับ 5 เชียงใหม่ 20 ทอง 28 เงิน 30 ทองแดง
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
5 สัญญาณอันตราย “เส้นเลือดในสมองตีบ”
มีอยู่ไม่กี่โรคที่สามารถคร่าชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไปได้ภายในไม่กี่วินาที หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นโรคหัวใจวาย หลอดเลือดสมองแตก หรือโรคอื่นๆ ที่ทำให้ระบบการทำงานของหัวใจ หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน แต่อีกหนึ่งโรคที่อันตรายไม่แพ้กัน และยังสามารถคร่าชีวิตเราไปได้ภายในเวลาไม่นาน คือ “เส้นเลือดในสมองตีบ”
เส้นเลือดในสมองตีบ คืออะไร?
เส้นเลือดในสมองตีบ เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดสมองอย่างหนึ่ง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง สิ่งที่ทำให้เส้นเลือด หรือหลอดเลือดตีบ คือการที่มีลิ่มเลือดเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดระหว่างที่เลือดกำลังไหลไปตามกระแสเลือดเข้าสู่สมอง หรืออาจจะมีลิ่มเลือดก่อตัวขึ้นในหลอดเลือดสมอง และขยายใหญ่ขึ้นจนอุดตันเส้นเลือดในสมอง หรือทำให้เส้นเลือดในสมองตีบจนเลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ทำให้หลอดเลือด หรือเส้นเลือดตีบแคบลง มีความยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพในการลำเลียงเลือดลดลง เหมือนท่อน้ำที่ตันจากเศษอาหาร
ปัจจัยเสี่ยงของเส้นเลือดในสมองตีบ
– อายุที่มากขึ้น ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพลงไปด้วย ผิวชั้นในของผนังหลอดเลือดด้านในอาจจะหนา หรือแข็งขึ้นจากการที่มีไขมัน หรือหินปูนมาเกาะ ทำให้รูในเส้นเลือดแคบลง เลือดก็ไหลเวียนได้น้อยลง
– เพศชาย มีความเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดในสมองตีบ รวมไปถึงโรคในตระกูลหลอดเลือดสมองมากกว่าผู้หญิง
– อยู่ในภาวะพบการแข็งตัวของเลือดเร็วกว่าปกติ ทำให้มีความเสี่ยงของการที่เม็ดเลือดจับตัวกัน หรือเกิดลิ่มเลือดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
– ความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ
– เบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย หากเกิดอาการหลอดเลือดแข็งที่สมอง ก็จะมีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน และโรคหลอดเลือดสมองอื่นๆ มากกว่าคนทั่วไปถึง 2-3 เท่า
– ไขมันในเลือดสูง เป็นปัจจัยที่สำคัญของโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เพราะอยู่ในภาวะไขมันสะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดมากเกินไป จนทำให้เข้าไปกีดขวางการลำเลียงเลือดเข้าสู่สมอง
– โรคหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจผิดปกติ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดลิ่มเลือด และอาจเข้าไปอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง จนทำให้สมองขาดเลือดได้
– สูบบุหรี่ เพราะนิโคติน และคาร์บอนมอนอกไซด์ทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลง เป็นตัวทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว เพียงแค่สูบบุหรี่ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองมากถึง 3.5 %
– ยาคุมกำเนิด ผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงเป็นเวลาติดต่อกัน อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด
– โรคซิฟิลิส เป็นสาเหตุของอาการหลอดเลือดอักเสบ และหลอดเลือดแข็ง
– ขาดการออกกำลังกายอย่างพอเพียง และเหมาะสม
สัญญาณอันตราย “เส้นเลือดในสมองตีบ”
- มีอาการชา หรืออ่อนแรงที่ใบหน้า และ/หรือบริเวณแขนขาครึ่งซีกของร่างกาย
- พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ขยับปากได้ไม่ปกติ น้ำลายไหล กลืนลำบาก
- ปวด หรือเวียนศีรษะเฉียบพลัน
- ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือเห็นเพียงครึ่งซีก หรืออาจจะตาบอดข้างเดียวเฉียบพลัน
- เดินเซ ทรงตัวลำบาก
อาการเหล่านี้อาจเกิดเพียงชั่วคราวแล้วหายไป อาจจะเกิดขึ้นหลายครั้งเป็นๆ หายๆ หรืออาจจะมีอาการตอนที่หลอดเลือดอุดตันจนมีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองไม่เพียงพอกะทันหัน จนทำให้สมองขาดเลือดถาวร ดังนั้นหากมีสัญญาณตามอาการดังกล่าวแม้เพียงครั้งเดียว ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยทันที เพราะหากไม่ถึงชีวิต ก็อาจมีความเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้เช่นกัน
การรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
แพทย์อาจทำการสั่งยาสลายลิ่มเลือดให้ทาน เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น วิธีนี้จะได้ผลดีกับผู้ป่วยที่มีอาการแล้วรีบมาพบแพทย์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง (ไม่เกิน 4.5 ชั่วโมง) แต่หากถึงขั้นเส้นเลือดในสมองปริ หรือแตกจนเลือดออก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสียหายต่อสมองที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต
วิธีป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
- ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงก่อนเกิดอาการ
- ควบคุมระดับความดันโลหิต ปริมาณไขมัน และน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตลอดเวลา
- ควบคุมอาหาร โดยลดอาหารรสเค็ม หวาน และมัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ และอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง
- งดการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
- หากมีอาการตามที่กล่าวเอาไว้ใน “สัญญาณอันตราย เส้นเลือดในสมองตีบ” ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำความรู้จักกับการสื่อถึง ความสุขภาษาอังกฤษ ที่ไม่ใช่เพียงแค่คำว่า Happy
คำศัพท์หรือสำนวนภาษาอังกฤษที่เป็นการสื่อความหมายถึง ความสุขภาษาอังกฤษ การแสดงความยินดี หรือแสดงความรู้สึกดี ๆ ที่เราคุ้นเคยกันและใช้กันบ่อย คงหนีไม่พ้นคำว่า Happy หรือ I am happy ที่แปลว่า ความสุข หรือ ฉันมีความสุข แต่อันที่จริงแล้ว ยังมีคำศัพท์ สำนวน หรือคำพ้องความหมาย (Synonyms) อีกเป็นจำนวนมาก ที่ให้ได้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย ไม่ซ้ำกับคำเดิม ๆ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการนำไปแต่งประโยค หรือการสื่อสารผ่านบทสนทนา ที่จะทำให้ผู้อ่าน ผู้รับฟังหรือคู่สนทนารู้สึกประทับใจ และสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ วันนี้เราจึงขอแนะนำคำศัพท์ สำนวนหรือวลีที่สื่อความหมายถึงความสุข พร้อมตัวอย่างประโยคให้ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้กันได้ในชีวิตประจำวัน
คำศัพท์ที่หมายถึง ความสุขภาษาอังกฤษ หรือความหมายคล้าย
- Pleased หมายถึงความสุข หรือ ความชอบพออะไรบางอย่าง
- Joyful หมายถึง เปี่ยมไปด้วยความสุข เป็นคำที่ใช้แสดงความรู้สึก
- Delighted หมายถึง ความพอใจ หรือรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หรือแสดงถึงการมองหาความสุขในบางสิ่งบางอย่าง
- Cheerful และ Cheery หมายถึง คนที่มีความสุข มองโลกในแง่ดี ร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงความยินดีออกมาทางสีหน้าได้อย่างชัดเจน
- Satisfied หมายถึง ความพอใจ ซึ่งจะเป็นคำคล้าย ๆ กับความสุข
- Gratified หมายถึง ผู้ที่มีความสุขและได้รับความพึงพอใจอย่างมาก
- Jovial หมายถึง ผู้ที่มีความสุข ร่าเริง มีชีวิตชีวา ซึ่งมักจะใช้ในการอธิบายบุคลิกภาพ
- Carefree หมายถึง ผู้ที่ปราศจากความกังวล หรือผู้ที่ไม่มีภาระยุ่งยาก
- Lighthearted หมายถึง การอธิบายถึงอารมณ์ที่สนุกสนานและเพลิดเพลิน
- Gleeful หมายถึง ผู้ที่มีความสุขหลังจากมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น
- Buoyant หมายถึง ผู้ที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดี หรืออาจหมายถึงการลอยตัว
- Contented และ Content หมายถึง ผู้ที่มีความสุข พอใจ ผ่อนคลาย แต่ก็อาจจะเป็นคำที่หมายถึงความสุขที่น้อยกว่าคำอื่น ๆ เช่น jovial หรือ cheerful
- Merry และ Jolly หมายถึง ผู้ที่ร่าเริง โดยจะสามารถสังเกตความสุขได้บนสีหน้าของผู้พูด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการอวยพรให้มีวันที่ดี ซึ่งเราจะพบบ่อยในรูปประโยค Merry Christmas
- Radiant หมายถึง คนที่มีความสุขมาก ซึ่งสามารถมองเห็นจากสีหน้าที่ดูมีออร่าแจ่มชัด
- Jocular เป็นคำที่สื่อถึงคนขี้เล่น หรือชอบล้อเล่นขำขัน
รวมสำนวน/วลีที่แสดงถึง ความสุขภาษาอังกฤษ
สำนวนที่พบเห็นได้บ่อย เช่น
- สำนวน Over the moon หมายถึง มีความสุขมาก ๆ สุขล้นหลามจนรู้สึกเหมือนได้ลอยขึ้นไปเหนือพระจันทร์ จากการทำบางสิ่งบางอย่างได้สำเร็จหรือพิชิตอะไรได้สักอย่าง เช่น เวลาสัมภาษณ์งานผ่าน การใช้คำว่า I am over the moon. เหมาะสมที่จะใช้ในสถานการณ์นี้ได้ดีที่สุด
- สำนวน Walk on the air หมายถึง ดีใจมากจนเหมือนตัวลอย คล้ายกับว่าเท้าลอยได้ไม่ติดพื้น มีความสุขมากจนต้องกระโดดลอยจากพื้น โดยส่วนใหญ่จะใช้เมื่อได้กินของอร่อย ได้รับชัยชนะ ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน การถูกลอตเตอรี่ เป็นต้น
- สำนวน a whale of a time หมายถึง มีความสุขมาก เป็นการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต เปรียบความสุขเหมือนกับปลาวาฬที่เป็นทั้งสัตว์ใหญ่และเป็นสัตว์ที่น่าประทับใจที่สุด สำหรับผู้ที่ได้เห็นปลาวาฬกลางทะเลแล้วจะรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจและจะไม่มีวันลืม
- สำนวน Give someone butterflies หมายถึง รู้สึกมีความสุข ตื่นเต้น ทำให้รู้สึกดี รู้สึกเขินเหมือนมีผีเสื้อมาบินวนอยู่ในท้อง มักจะเป็นสำนวนที่ใช้กับความรัก เช่น ความรู้สึกเขินอายเวลาได้เจอคนที่ชอบหรือคนที่เราชอบ เขาชอบเรากลับ
- สำนวน thrilled to bits หมายถึง มีความสุขล้น ซาบซึ้งใจจนพูดไม่ออก รู้สึกโชคดีที่สุด มักจะใช้เมื่อเวลาเกิดเรื่องดี ๆ หรือพิเศษสุด หรือการเปลี่ยนของชีวิต เช่น เมื่อหายป่วย การถูกขอเป็นแฟนหรือแต่งงาน หรือสถานการณ์ที่มีความสุขซาบซึ้งใจมากจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
- สำนวน Have a ball หมายถึง มีความสุขมาก มีช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ทุกอย่างออกมาดีมาก ๆ เช่น งานออกมาดี หรือเป็นทริปการไปเที่ยวที่ดี
- สำนวน tickled pink หมายถึง ผู้ที่กำลังสนุกสุด ๆ หรือเขินสุด ๆ เปรียบเหมือนการโดนจั๊กจี้แล้วหัวเราะไม่หยุดจนหน้าแดงหรือชมพู เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงมาก
- สำนวน got red bottoms on แสดงถึงความร่ำรวย มั่งคั่ง ความสำเร็จ หรือเมื่อมีความสุขเมื่อได้ซื้อสิ่งของที่อยากได้สำเร็จ เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรืออื่น ๆ ที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
- สำนวน Grin Like a Cheshire Cat หมายถึง ยิ้มกว้าง ยิ้มไม่ยอมหุบ หรือยิ้มจนปากฉีกถึงใบหู ซึ่งเปรียบเหมือนแมว Cheshire Cat จากการ์ตูนเรื่อง Alice’s Adventures in Wonderland ซึ่งแสดงถึงการมีรอยยิ้มที่ซุกซน
- สำนวน on cloud nine หมายถึง ผู้ที่มีความสุขมาก ๆ เหมือนตัวเองล่องลอยขึ้นไป จนไปถึงเมฆชั้นที่สูงที่สุด เนื่องจากเชื่อว่าเมฆมีทั้งสิ้น 9 แบบ สำหรับแบบที่ 9 เป็นเมฆที่อยู่สูงที่สุด นั่นคือ สุขที่สุดหรือสุขมาก ๆ
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษที่แสดงถึงความสุข
- We are feeling very joyful today. หมายถึง วันนี้พวกเรามีความสุขมาก
- Living with you has been a joyful experience. หมายถึง การได้ใช้ชีวิตอยู่กับคุณเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขมาก
- The smile on his face was radiant when he saw his girlfriend walk towards him down the aisle. หมายถึง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาช่างดูสดใสทันทีที่เห็นแฟนของเขาเดินตรงมาหา
- She was gratified to see how many people showed up for her performance. หมายถึง เธอพอใจที่เห็นว่ามีคนเข้ามาชมการแสดงของเธอมากขนาดไหน
- Have a jolly Christmas season หมายถึง สุขสันต์วันคริสต์มาส
- She is delighted at how quickly the new furniture was delivered. หมายถึง เธอดีใจที่เฟอร์นิเจอร์ใหม่ได้รับการจัดส่งอย่างรวดเร็ว
- She is so jovial. It is fun to be around her and she talks to everyone. หมายถึง เธอร่าเริงมาก เป็นเรื่องที่น่าสนุกที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เธอ และการที่เธอได้พูดคุยกับทุกคน
- She is in a jocular mood, she has been telling jokes all afternoon. หมายถึง เธออยู่ในอารมณ์เฮฮาและเล่าเรื่องตลกตลอดช่วงบ่าย
- After getting such a great news, he was gleeful. หมายถึง เขาร่าเริงหลังจากได้รับข่าวดี
- She was satisfied with the amount of people that attended the conference. หมายถึง เธอพอใจกับจำนวนคนที่มาร่วมงานประชุม
- She looks particularly merry today, did something good happen. หมายถึง วันนี้เธอดูร่าเริงเป็นพิเศษ มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นใช่ไหม
- She was buoyant after her wedding ceremony. หมายถึง เธอมีความสุขหลังจากพิธีแต่งงานจบ
- We have a whale of a time on a London trip. หมายถึง พวกเรามีช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ สำหรับทริปที่ลอนดอน
- We have a ball. หมายถึง พวกเรามีความสุขมาก
- She has been on cloud nine ever since she met him. หมายถึง เธอรู้สึกเหมือนอยู่บนปุยเมฆมาตลอดตั้งแต่พบเขา
- He was lighthearted even after such a stressful day. หมายถึง เขาดูเบิกบานใจแม้ว่าจะผ่านวันเครียด ๆ มา
- It was great to have a carefree vacation time. หมายถึง เป็นเรื่องที่ดีมากที่มีวันหยุดแบบไร้ความกังวล
- He is thrilled to bits. หมายถึง เขาซาบซึ้งใจมาก
- She was very content with her project. หมายถึง เธอพอใจกับโครงการของเธอ
- He is pleased with the output of the meeting. หมายถึง เขาพอใจกับผลการประชุม
- I am over the moon. หมายถึง ฉันมีความสุขล้นปริ่มจนแทบจะลอยได้อยู่แล้ว
- I am walking on air. หมายถึง ฉันกำลังรู้สึกฟินสุด ๆ
- She has a grin on her face like a Cheshire Cat. หมายถึง เธอมีความสุขสุด ๆ
- She was tickled pink when her husband brought her roses. หมายถึง เธอมีความสุขมากตอนที่สามีเธอซื้อดอกกุหลาบให้
- He has such a cheery personality. หมายถึง เขามีบุคลิกที่ร่าเริงดี
- She gave me so many butterflies. หมายถึง เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้อง
- We love hanging out with Jane, she’s always so cheerful. หมายถึง เราชอบออกไปเที่ยวกับเจน เพราะเธอเป็นคนที่ร่าเริงเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
‘ไอบีเอ็ม’ มองเทรนด์ ‘AI’ ปี 68 ปฐมบทใหม่ดิจิทัลปฏิวัติโลกธุรกิจ
- ปี 2568 AI จะถูกนำมาใช้งานจริงอย่างเป็นรูปธรรม
- องค์กรธุรกิจจะโฟกัสที่ผลตอบแทน คาดหวังว่าจะได้รับ ROI จากการลงทุนด้าน AI
- “Strategic AI” จะถูกมาใช้ในปี 2568
- ปีหน้า “Agentic AI” ซึ่งผสมผสาน AI กับระบบอัตโนมัติ จะสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และเสริมการตัดสินใจได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ความก้าวหน้าควรตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า AI เป็นตัวสนับสนุนมากกว่าที่จะแทนที่มนุษย์
วันนี้ AI กำลังวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วจากการทดลองนำร่องสู่การนำไปใช้เชิงกลยุทธ์
อโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย แสดงทัศนะ พร้อมประเมินว่า ปี 2568 จะได้เห็นว่า AI ถูกนำไปใช้งานจริง โดยองค์กรจะมองหาโมเดล AI ที่มีความเฉพาะด้านและมีขนาดเล็กลง และมาพร้อมสถาปัตยกรรมแบบโอเพ่นซอร์สที่ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
สำหรับปฐมบทใหม่ในพัฒนาการด้าน AI นี้ การโฟกัสจะอยู่ที่การเน้นความได้เปรียบในการแข่งขันและการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ซึ่งต้องอาศัยความสามารถในการบูรณาการแพลตฟอร์มได้แบบไร้รอยต่อ
อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะปูทางไปสู่ Agentic AI แต่เหนือสิ่งอื่นใด ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้คือ แนวทางการใช้ AI ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
ก้าวต่อไป AI ในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยปี 2568 การลงทุน AI จะมุ่งที่การออโตเมทกระบวนการธุรกิจของส่วนงานแบ็คออฟฟิศ (29%) การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานด้านไอที (18%) รวมถึงการออโตเมทงานด้านการขายและการจัดการวงจรชีวิตของลูกค้า (16%)
โดยมีความก้าวหน้าและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นของเทคโนโลยี AI (42%) ความกดดันในแง่สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (41%) รวมถึงความกดดันจากลูกค้า (39%) เป็นแรงผลักดันที่สำคัญ
อย่างไรก็ดี เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ องค์กรไทยจำเป็นต้องต่อกรกับความท้าทายหลัก อย่างปัญหาเวนเดอร์ล็อคอิน (41%) การขาดเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาโมเดล AI (38%) และต้นทุนการติดตั้งระบบหรือค่าใช้โซลูชัน AI ต่างๆ (34%)
ปัจจัยเสี่ยงของเส้นเลือดในสมองตีบ
– อายุที่มากขึ้น ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพลงไปด้วย ผิวชั้นในของผนังหลอดเลือดด้านในอาจจะหนา หรือแข็งขึ้นจากการที่มีไขมัน หรือหินปูนมาเกาะ ทำให้รูในเส้นเลือดแคบลง เลือดก็ไหลเวียนได้น้อยลง
– เพศชาย มีความเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดในสมองตีบ รวมไปถึงโรคในตระกูลหลอดเลือดสมองมากกว่าผู้หญิง
– อยู่ในภาวะพบการแข็งตัวของเลือดเร็วกว่าปกติ ทำให้มีความเสี่ยงของการที่เม็ดเลือดจับตัวกัน หรือเกิดลิ่มเลือดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
– ความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ
– เบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย หากเกิดอาการหลอดเลือดแข็งที่สมอง ก็จะมีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน และโรคหลอดเลือดสมองอื่นๆ มากกว่าคนทั่วไปถึง 2-3 เท่า
– ไขมันในเลือดสูง เป็นปัจจัยที่สำคัญของโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เพราะอยู่ในภาวะไขมันสะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดมากเกินไป จนทำให้เข้าไปกีดขวางการลำเลียงเลือดเข้าสู่สมอง
– โรคหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจผิดปกติ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดลิ่มเลือด และอาจเข้าไปอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง จนทำให้สมองขาดเลือดได้
– สูบบุหรี่ เพราะนิโคติน และคาร์บอนมอนอกไซด์ทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลง เป็นตัวทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว เพียงแค่สูบบุหรี่ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองมากถึง 3.5 %
– ยาคุมกำเนิด ผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงเป็นเวลาติดต่อกัน อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด
– โรคซิฟิลิส เป็นสาเหตุของอาการหลอดเลือดอักเสบ และหลอดเลือดแข็ง
– ขาดการออกกำลังกายอย่างพอเพียง และเหมาะสม
สัญญาณอันตราย “เส้นเลือดในสมองตีบ”
- มีอาการชา หรืออ่อนแรงที่ใบหน้า และ/หรือบริเวณแขนขาครึ่งซีกของร่างกาย
- พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ขยับปากได้ไม่ปกติ น้ำลายไหล กลืนลำบาก
- ปวด หรือเวียนศีรษะเฉียบพลัน
- ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือเห็นเพียงครึ่งซีก หรืออาจจะตาบอดข้างเดียวเฉียบพลัน
- เดินเซ ทรงตัวลำบาก
อาการเหล่านี้อาจเกิดเพียงชั่วคราวแล้วหายไป อาจจะเกิดขึ้นหลายครั้งเป็นๆ หายๆ หรืออาจจะมีอาการตอนที่หลอดเลือดอุดตันจนมีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองไม่เพียงพอกะทันหัน จนทำให้สมองขาดเลือดถาวร ดังนั้นหากมีสัญญาณตามอาการดังกล่าวแม้เพียงครั้งเดียว ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยทันที เพราะหากไม่ถึงชีวิต ก็อาจมีความเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้เช่นกัน
การรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
แพทย์อาจทำการสั่งยาสลายลิ่มเลือดให้ทาน เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น วิธีนี้จะได้ผลดีกับผู้ป่วยที่มีอาการแล้วรีบมาพบแพทย์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง (ไม่เกิน 4.5 ชั่วโมง) แต่หากถึงขั้นเส้นเลือดในสมองปริ หรือแตกจนเลือดออก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสียหายต่อสมองที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต
วิธีป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
- ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงก่อนเกิดอาการ
- ควบคุมระดับความดันโลหิต ปริมาณไขมัน และน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตลอดเวลา
- ควบคุมอาหาร โดยลดอาหารรสเค็ม หวาน และมัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ และอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง
- งดการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
- หากมีอาการตามที่กล่าวเอาไว้ใน “สัญญาณอันตราย เส้นเลือดในสมองตีบ” ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
สำหรับนโยบายรัฐที่จะผลักดันให้ไทยกลายเป็น AI ฮับนั้นเชื่อว่ามีความเป็นไปได้เสมอ ทว่าสิ่งสำคัญคือการยกระดับทักษะบุคลากรเพื่อสร้างความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้น ถามว่าสายไหมคงไม่สายไป แต่ว่าต้องเร่งสร้าง เชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพ ไทยควรเปลี่ยนจากซูเปอร์ยูสเซอร์ ไปเป็นครีเอเตอร์ได้แล้ว
‘ปลดล็อค’ ศักยภาพใหม่ธุรกิจ
รายงาน “APAC AI Outlook 2025” ซึ่งเป็นภาพสะท้อนถึงสิ่งที่องค์กรต้องฝ่าฟันเพื่อปลดล็อคศักยภาพการทรานส์ฟอร์มธุรกิจด้วย AI จัดทำโดย “ไอบีเอ็ม” เผยว่า องค์กรในเอเชียแปซิฟิกกำลังเดินหน้าเพื่อก้าวข้ามระยะทดลองการใช้ AI สู่การสร้างผลลัพธ์สูงสุดจากการลงทุนด้าน AI
โดยมากกว่าครึ่งหนึ่ง (54%) คาดหวังว่า AI จะนำมาซึ่งประโยชน์ระยะยาวแก่องค์กรธุรกิจ อาทิ นวัตกรรมหรือการสร้างรายได้ โดยการพัฒนาโซลูชัน AI ที่คุ้มค่า และมีความยืดหยุ่นจากการใช้โมเดลโอเพนซอร์สที่ปรับแต่งให้เข้ากับโฟกัสขององค์กร ขณะที่ความสามารถในการบูรณาการระบบที่มีผู้ให้บริการหลายรายได้แบบไร้รอยต่อจะเป็นตัวพลิกเกมสำคัญ
การมองหาความสำเร็จระยะสั้น ช่วงเริ่มแรกของโครงการ Generative AI (Gen AI) ต่างๆ ทำให้องค์กรเข้าใจศักยภาพของ AI ลึกซึ้งมากขึ้น นำสู่การเปลี่ยนโฟกัสจากการใช้งานในรูปแบบงานที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักขององค์กร ไปสู่การใช้ Gen AI ในฟังก์ชันธุรกิจหลักเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและ ROI จากการลงทุน
ไอบีเอ็มพบว่า เกือบ 60% ขององค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าตนจะได้รับ ROI จากการลงทุนด้าน AI ภายในสองถึงห้าปี และมีเพียง 11% เท่านั้นที่คาดหวังจะได้รับผลตอบแทนภายในสองปี
‘5เทรนด์’ กำหนดอนาคต AI
สำหรับเทรนด์เชิงกลยุทธ์ “5 ประการ” ที่จะกำหนดอนาคต AI ขององค์กรในเอเชียแปซิฟิกและในประเทศไทยในปี 2568 ประกอบด้วย
1. รายได้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะทวีความสำคัญ: องค์กรจะนำแนวทาง “Strategic AI” มาใช้ในปี 2568 โดยให้ความสำคัญกับโครงการต่างๆ บนพื้นฐานของความเป็นไปได้และผลกระทบทางธุรกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตกผลึกว่า การพยายามสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับภายในองค์กรเพื่อความสำเร็จของโครงการ AI ในระยะแรกต้องสมดุลกับกลยุทธ์ระยะยาว ความท้าทายในวันนี้คือการสเกล AI ผ่านกรณีการใช้งานต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสทางรายได้และ ROI สูงสุด
2. โมเดลโอเพนซอร์สขนาดเล็กและเฉพาะทางจะเป็นทางเลือกที่ทรงพลังสำหรับการใช้งาน AI ในรูปแบบต่างๆ: โมเดลที่สร้างขึ้นเพื่อตอบวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจงขององค์กรจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งรวมถึงโมเดลที่ออกแบบเฉพาะสำหรับภาษาท้องถิ่น ตอบโจทย์บริบทของแต่ละภูมิภาค และงานการคำนวณคอมพิวติ้งที่ซับซ้อนน้อยกว่า
โดย “Rightsizing AI” นี้ จะใช้ข้อมูลในการเทรน AI น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นต์น้อยกว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่
‘ธรรมาภิบาล’ กุญแจสู่ความสำเร็จ
3. องค์กรเปิดรับเครื่องมือใหม่เพื่อสร้างความโปร่งใส รวมถึงกำกับดูแลและช่วยบูรณาการระบบ AI แบบไร้รอยต่อ: องค์กรในเอเชียแปซิฟิกรวมถึงในไทย จะใช้ประโยชน์จากโมเดล AI โอเพ่นซอร์สมากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและประสิทธิภาพ
โดย “Unified AI” พร้อมเครื่องมือการบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้การบริหารจัดการโซลูชันต่างๆ เป็นไปอย่างยืดหยุ่น คุ้มค่า มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น และเชื่อมโยงโซลูชันของผู้ให้บริการต่างๆ ได้แบบไม่มีสะดุด
4. ตัวช่วย AI จะกำหนดอนาคตการทำงานรูปแบบใหม่: องค์กรจะมองถึงเวิร์กโฟล์วการทำงานเชิงปฏิบัติการมากขึ้น โดยมีตัวช่วย AI (AI agent) ที่สามารถทำหน้าที่ต่างๆ ได้อัตโนมัติด้วยตัวเองคอยสนับสนุน โดยทำงานร่วมกับพนักงานในองค์กรเพื่อสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ
ปี 2568 “Agentic AI” ซึ่งผสมผสาน AI กับระบบอัตโนมัติ จะสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และเสริมการตัดสินใจได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม องค์กรจำเป็นต้องวางแนวทางกรอบควบคุมภายในและประเมินโมเดลที่รองรับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจถึงการใช้งานอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ
‘มนุษย์’ ต้องเป็นศูนย์กลาง
5. นวัตกรรมที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางจะขับเคลื่อนเฟสต่อไปของ AI: แม้การใช้งานในฐานะการเป็นเครื่องมือเพิ่มผลิตภาพจะเป็นโฟกัสหลักของการนำ AI มาใช้ในช่วงที่ผ่านมา แต่อนาคตจะขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อยกระดับประสบการณ์และความสามารถของมนุษย์
โดยแนวทาง “Human-Centric AI” จะกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับพนักงานในองค์กร ทั้งในแง่การสนับสนุนบทบาทหน้าที่ต่างๆ การช่วยออโตเมทกิจวัตรงานต่างๆ รวมถึงการปลดล็อคโอกาสใหม่ๆ ในด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม การให้ความสำคัญกับการออกแบบ AI ที่เข้าใจความรู้สึก จะช่วยให้องค์กรสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ไอบีเอ็มระบุว่า ส่วนที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนา AI คือ “มนุษย์” และมนุษย์จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงการตรวจตราการใช้งานที่สำคัญๆ อย่างสม่ำเสมอ
วัตถุประสงค์ของ AI จะต้องเป็นไปเพื่อการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกเสมอ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมแห่งการสร้างความน่าเชื่อถือ การร่วมมือ และการสร้างสรรค์ร่วมกัน
ขณะที่ความก้าวหน้าควรตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า AI เป็นตัวสนับสนุนมากกว่าที่จะแทนที่มนุษย์ โดยทั้งคู่สามารถทำงานและเติบโตไปด้วยกันได้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
8 อาหารกินแล้วรักแร้เปียกชุ่ม กระตุ้นสร้างเหงื่อ กลิ่นตัวโชย
เคยสงสัยไหมว่า “ทำไมฉันถึงเหงื่อออกเวลาที่กินอาหาร?” หรือทำไมอาหารมื้ออร่อยหรือขนมยามบ่ายมักจะตามมาด้วยอาการเหงื่อออกมากผิดปกติอย่างหาสาเหตุไม่ได้? เหงื่อที่รักแร้และฝ่ามือที่ชื้นเป็นเพียงบางส่วนของบริเวณที่เหงื่อเจ้าปัญหาเหล่านี้อาจปรากฏตัว อาการเหงื่อออกหลังรับประทานอาหารเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและน่าอาย มันอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกกำหนดให้ต้องสั่งอาหารกลับบ้านและรับประทานอาหารคนเดียวตลอดไป
8 อาหารกินแล้วรักแร้เปียก
อาหารที่คุณกินสามารถทำให้คุณเหงื่อออกได้จริงหรือ? คำตอบคือ ใช่ มีอาหารทั่วไปหลายชนิดที่สามารถกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาเหงื่อออกได้ บ่อยครั้งที่อาหารกระตุ้นเหล่านี้มีเหตุผลทางชีวภาพที่แตกต่างกันที่ทำให้คุณเหงื่อออก
1.อาหารรสเผ็ด จากข้อมูลของ ดร. แบร์รี กรีน ศาสตราจารย์ด้านศัลยศาสตร์ (โสต ศอ นาสิกวิทยา) และอดีตผู้อำนวยการของ The John B. Pierce Laboratory มีเหตุผลที่ทำให้คุณเหงื่อออกหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด “คำตอบขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าอาหารรสเผ็ดจะกระตุ้นตัวรับในผิวหนังที่ปกติจะตอบสนองต่อความร้อน…ซึ่งจะกระตุ้นปฏิกิริยาทางกายภาพของความร้อน รวมถึงการขยายตัวของหลอดเลือด การขับเหงื่อ และหน้าแดง” กรีนกล่าว
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่สงสัยว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกร้อนหลังจากกินอาหารรสเผ็ด” คุณควรรู้ว่าโดยพื้นฐานแล้ว แคปไซซิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในอาหารรสเผ็ด จะหลอกให้ร่างกายของคุณคิดว่ามันร้อนจริงๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของคุณขับเหงื่อ
2.คาเฟอีน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าคาเฟอีนกระตุ้นการขับเหงื่อเนื่องจากมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางของคุณ มันจะเพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของปฏิกิริยาการขับเหงื่อทางสรีรวิทยา มีงานวิจัยเฉพาะที่ตีพิมพ์ใน Journal of Medicinal Food ซึ่งศึกษาผลของกาแฟต่อนักกีฬาโดยเฉพาะที่สนับสนุนทฤษฎีนี้
3.แอลกอฮอล์ จากข้อมูลของ MD Health มีเหตุผลบางประการที่แอลกอฮอล์อาจเป็นสาเหตุของอาการเหงื่อออกหลังรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประการแรก แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดของคุณขยายตัว ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิผิวหนังของคุณสูงขึ้น ร่างกายที่อบอุ่นส่งผลให้เกิดเหงื่อ ปฏิกิริยานี้พบได้บ่อยที่สุดเมื่อคุณดื่มมากกว่าปริมาณที่แนะนำ
อีกทางหนึ่งบางคนไม่สามารถทนต่อแอลกอฮอล์ได้เลย พวกเขาขาดเอนไซม์ที่จำเป็นที่ร่างกายของเราต้องการเพื่อย่อยสลายแอลกอฮอล์ ภาวะนี้มักมาพร้อมกับอาการหน้าแดง ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และปวดศีรษะ
4.น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต หากคุณบริโภคขนมที่มีน้ำตาลมากเป็นพิเศษหรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอาจสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อสู้กับการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือด ร่างกายของคุณจะหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่าอินซูลิน หากระดับอินซูลินของคุณสูงเกินไป จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาจทำให้เหงื่อออกได้ หากเหงื่อออกขณะรับประทานอาหารเกิดขึ้นบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน การเหงื่อออกหลังรับประทานอาหารหมายถึงโรคเบาหวานหรือไม่? ไม่เสมอไป แต่จะกล่าวถึงในภายหลัง
5.โปรตีน (เหงื่อออกจากการกินเนื้อ) ยังไม่มีงานวิจัยมากมายที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของเนื้อต่อการขับเหงื่อ สิ่งที่เรารู้คือการย่อยอาหารใช้พลังงานประมาณ 25% ของพลังงานทั้งหมดของเรา และโปรตีนต้องใช้พลังงานมากกว่าอาหารอื่นๆ ในการย่อย เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนและเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น เราขอเสริมรายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโปรตีน การย่อยอาหาร และการขับเหงื่อ
- Thermogenesis (การสร้างความร้อน): การย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ร่างกายใช้พลังงาน ซึ่งจะสร้างความร้อนออกมา กระบวนการนี้เรียกว่า Thermogenesis โปรตีนมีผลต่อ Thermogenesis มากกว่าคาร์โบไฮเดรตและไขมัน หมายความว่าร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการย่อยโปรตีน ทำให้เกิดความร้อนในร่างกายมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การขับเหงื่อ
- การใช้พลังงานในการย่อยโปรตีน: ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการย่อยโปรตีน เนื่องจากโมเลกุลของโปรตีนมีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่าคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ร่างกายต้องใช้เอนไซม์และกระบวนการที่ซับซ้อนมากขึ้นในการย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโน ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ กระบวนการนี้ใช้พลังงานและสร้างความร้อน
- ผลกระทบต่อแต่ละบุคคล: ปริมาณเหงื่อที่ออกหลังรับประทานโปรตีนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณโปรตีนที่บริโภค อัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคล และสภาพร่างกายโดยทั่วไป
- อาหารอื่นๆ ที่มีโปรตีน: นอกเหนือจากเนื้อสัตว์แล้ว ยังมีอาหารอื่นๆ ที่มีโปรตีนสูง เช่น ปลา ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่ว และธัญพืช ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเหงื่อออกได้เช่นกันในบางคน
ถึงแม้ว่างานวิจัยเกี่ยวกับผลของเนื้อต่อการขับเหงื่อโดยตรงยังมีจำกัด แต่จากข้อมูลข้างต้น เราสามารถสรุปได้ว่า การบริโภคโปรตีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปริมาณมาก อาจส่งผลให้เกิดเหงื่อออกได้มากขึ้น เนื่องจากกระบวนการย่อยโปรตีนต้องใช้พลังงานและสร้างความร้อนมากกว่าการย่อยอาหารประเภทอื่น
หากคุณสังเกตว่าตนเองมีเหงื่อออกมากผิดปกติหลังจากรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง
6.อาหารและเครื่องดื่มร้อน ข้อนี้อาจจะค่อนข้างชัดเจน แต่อาหารและเครื่องดื่มอุ่นๆ สามารถเพิ่มการขับเหงื่อหลังรับประทานได้ เนื่องจากพวกมันทำให้อุณหภูมิร่างกายของคุณสูงขึ้น ทำให้คุณเหงื่อออก โดยปกติจะออกบริเวณริมฝีปาก จมูก หรือหน้าผาก ที่น่าสนใจคือ นักวิจัยจาก University of Ottawa’s School of Human Kinetics ชื่อ Ollie Jay กล่าวว่าอาหารและเครื่องดื่มร้อนจะเพิ่มเหงื่อแต่สุดท้ายแล้วสามารถทำให้ร่างกายของคุณเย็นลงได้
“สิ่งที่เราพบคือเมื่อคุณดื่มเครื่องดื่มร้อน คุณจะมีการเพิ่มขึ้นของปริมาณเหงื่ออย่างไม่สมส่วน…แต่ปริมาณที่คุณเพิ่มการขับเหงื่อนั้น หากมันระเหยได้ทั้งหมด จะชดเชยความร้อนที่เพิ่มขึ้นให้กับร่างกายจากของเหลวนั้นได้มากกว่า” Jay กล่าว
7.อาหารแปรรูป อาหารแปรรูปอาจทำให้เหงื่อออกหลังรับประทานอาหารด้วยเหตุผลเดียวกันกับโปรตีนและน้ำตาล อาหารแปรรูปส่วนใหญ่มีไขมันสูงและขาดไฟเบอร์ ทำให้ย่อยยาก ร่างกายของคุณต้องทำงานหนักและใช้พลังงานจำนวนมากในการย่อยพวกมัน ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิแกนกลางร่างกายของคุณสูงขึ้น ส่งผลให้เหงื่อออก
หากอาหารแปรรูปนั้นมีน้ำตาลอยู่มาก ก็อาจเป็นผลจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรากล่าวถึงข้างต้น ไอศกรีม แป้งขาว และอาหารสำเร็จรูปเป็นตัวการสำคัญในกรณีนี้ เพื่อเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างอาหารแปรรูป การย่อยอาหาร และการขับเหงื่อ ข้าพเจ้าขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้:
- องค์ประกอบของอาหารแปรรูป: อาหารแปรรูปมักมีปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง ในขณะที่มีไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุน้อย ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ รวมถึงระบบการย่อยอาหาร
- ผลต่อระบบย่อยอาหาร: เนื่องจากอาหารแปรรูปมีไขมันสูง ร่างกายจึงต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการย่อยไขมัน ทำให้เกิดความร้อนในร่างกายมากขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการขับเหงื่อ นอกจากนี้ อาหารแปรรูปที่มีน้ำตาลสูงยังส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลิน ดังที่กล่าวไปข้างต้น
- การขาดไฟเบอร์: ไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญในการช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติ การขาดไฟเบอร์ในอาหารแปรรูปอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้นและใช้เวลานานขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความร้อนและเหงื่อออก
- สารปรุงแต่งและสารเคมี: อาหารแปรรูปมักมีสารปรุงแต่ง สารกันบูด และสารเคมีอื่นๆ ซึ่งบางชนิดอาจส่งผลต่อระบบประสาทและต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดการขับเหงื่อมากขึ้นในบางคน
- ตัวอย่างอาหารแปรรูปที่เป็นตัวการ: ตัวอย่างอาหารแปรรูปที่มักมีส่วนทำให้เหงื่อออก ได้แก่ อาหารจานด่วน ขนมขบเคี้ยว เบเกอรี่สำเร็จรูป เครื่องดื่มรสหวาน และอาหารแช่แข็ง
หากคุณสังเกตว่าตนเองมีเหงื่อออกมากผิดปกติหลังจากรับประทานอาหารแปรรูปบ่อยๆ ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค โดยลดปริมาณอาหารแปรรูปและหันมารับประทานอาหารสดใหม่และมีประโยชน์มากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไม่ติดมัน หากอาการยังคงอยู่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง
8.บุหรี่ เอาล่ะ บุหรี่ไม่ใช่ อาหาร อย่ากินมัน (แน่นอนอยู่แล้ว) แต่มันเป็นสิ่งที่คุณนำเข้าปาก เราจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะกล่าวถึง ในกรณีที่คุณสงสัยว่า “ทำไมฉันถึงมีอาการร้อนวูบวาบหลังจากกินอาหาร?” หลักฐานบ่งชี้ว่าการสูบบุหรี่สามารถเพิ่มอาการร้อนวูบวาบ ซึ่งส่งผลให้เกิดเหงื่อออก
นอกจากนี้นิโคตินในบุหรี่ (และบุหรี่ไฟฟ้า) สามารถกระตุ้นการตอบสนองต่อเหงื่อเนื่องจากการทำงานในตัวรับนิโคตินอะเซทิลโคลีนในปมประสาทและในผิวหนัง (9) นิโคตินยังสามารถเพิ่มความวิตกกังวล ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทราบกันดีของการขับเหงื่อ
เพื่อเสริมข้อมูลเกี่ยวกับบุหรี่และผลกระทบต่อการขับเหงื่อ ข้าพเจ้าขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้
- นิโคตินและระบบประสาท: นิโคตินเป็นสารกระตุ้นที่ส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกายโดยอัตโนมัติ รวมถึงการควบคุมต่อมเหงื่อ นิโคตินจะกระตุ้นตัวรับนิโคตินอะเซทิลโคลีน ซึ่งมีอยู่ทั่วร่างกาย รวมถึงในสมอง ปมประสาท และผิวหนัง การกระตุ้นเหล่านี้ส่งผลให้มีการหลั่งสารสื่อประสาทต่างๆ เช่น อะดรีนาลีน ซึ่งกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดเหงื่อออก
- ความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ อาหาร และเหงื่อ: ถึงแม้บุหรี่จะไม่ใช่อาหาร แต่การสูบบุหรี่หลังรับประทานอาหารอาจส่งผลให้เหงื่อออกมากขึ้นได้ เนื่องจากกระบวนการย่อยอาหารเองก็กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติอยู่แล้ว เมื่อรวมกับการกระตุ้นจากนิโคติน ก็จะยิ่งเพิ่มการทำงานของต่อมเหงื่อ
- ผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต: นิโคตินมีผลทำให้หลอดเลือดหดตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต และอาจทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการขับเหงื่อ
- ผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม: การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอด และมะเร็ง ซึ่งโรคเหล่านี้อาจมีอาการเหงื่อออกเป็นหนึ่งในอาการได้
ดังนั้นการสูบบุหรี่จึงสามารถกระตุ้นการขับเหงื่อได้โดยตรงและโดยอ้อม ทั้งผ่านการกระตุ้นระบบประสาท ผลต่อการไหลเวียนโลหิต และผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม หากคุณกังวลเกี่ยวกับอาการเหงื่อออก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/12/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 42,750.00 | 42,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,769.00 | 41,978.04 | 43,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,492.10 | 37,780.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,215.20 | 33,582.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,246.00 | 18,889.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 969.00 | 14,690.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,869.00 | 43,494.04 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/12/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.55 | 36.55 | 37.05 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.18 | 36.18 | 36.68 | 36.18 | 36.18 | 36.18 | 36.18 | 36.18 | 36.18 | 36.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.44 | 34.44 | 34.94 | 34.44 | 34.44 | – | 34.44 | 34.44 | 34.44 | 34.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.19 | 34.19 | – | – | – | – | – | – | – | 34.19 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.14 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.14 |
เบนซิน 95 | 44.84 | – | – | – | 49.81 | – | 45.34 | 44.99 | – | 44.84 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 31.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |