สาระน่ารู้ประจำวันที่ 20 มกราคม 2568

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง x เวสท์บาย เดลิเวอรี่ชุมชนยั่งยืนด้วยนวัตกรรมรีไซเคิล

“เอ็น.ซี. x เวสท์บาย เดลิเวอรี่” พันธมิตรแห่งการเปลี่ยนแปลงชุมชนสู่ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมรีไซเคิลช่วยลดปริมาณขยะที่ไปยังหลุมฝังกลบ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุที่เคยถูกทิ้งอย่างไม่มีประโยชน์

นายแพทย์สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง การร่วมผนึก จับมือ MOUเพื่อทำบันทึกความร่วมมือการบริหารจัดการวัสดุ ขยะรีไซเคิลกับ บริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด เพื่อเดินหน้าขยายความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บ้านแนวราบ มากกว่า75 โครงการ ซึ่งปัจจุบัน มีชุมชนขนาดใหญ่ ภายใต้แบรนด์เอ็น.ซี ซึ่งเฉพาะโซนเหนือครอบคลุมฐานใหญ่มากกว่า 12,000ครอบครัว 

“เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมในชุมชนเพื่อสานต่อ เชิญชวนลูกบ้าน สมาชิก เริ่มต้นเพื่อความเปลี่ยนแปลง รีไซเคิลจัดการขยะต้นทางอย่างเป็นระบบ และรูปธรรมการจัดการอย่างมีองค์ความรู้ สู่ชุมชน”

แนวทางการจัดการขยะรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ช่วยให้วัสดุเหล่านี้สามารถถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นขวดพลาสติกหรือขวดแก้ว ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะที่ไปยังหลุมฝังกลบ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุที่เคยถูกทิ้งอย่างไม่มีประโยชน์

การมีส่วนร่วมของชุมชน NC Housing ไม่ได้แค่สร้างบ้าน แต่ยังมุ่งมั่นในการสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการลดขยะ แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกในชุมชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยใช้แนวคิด “ESG 2025” ที่เน้นการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม, สังคม, เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาลให้สมดุลกัน

อิทธิกร ศรีจันบาล ประธานกรรมการบริหารของ WasteBuy Delivery ได้ชี้ให้เห็นว่าโครงการนี้มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 3,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบได้กับการปลูกต้นไม้ถึง 3 แสนต้น  ฉะนั้นการเชื่อมต่อของทั้ง2บริษัทไม่เพียงแค่สร้างระบบการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกครัวเรือนและสร้างโมเดลการรีไซเคิลที่ยั่งยืนในระดับชุมชน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลสะท้อนในด้านเศรษฐกิจโดยการสร้างรายได้จากการขายวัสดุรีไซเคิลกลับคืนสู่ชุมชน

โครงการนี้เริ่มต้นจากการสร้างความตระหนักรู้และการให้ความรู้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการของ NC Housing โดยการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และเปิดคาราวาน “WasteBuy Delivery” ในชุมชนต้นแบบ การจัดกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะ แต่ยังช่วยให้ทุกครอบครัวได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม และเรียนรู้วิธีการจัดการขยะที่ถูกต้อง

“ผลลัพธ์ของโครงการนี้ไม่เพียงแค่เป็นการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างต้นแบบชุมชนที่ยั่งยืนในประเทศไทย ที่สามารถเป็นแนวทางให้กับชุมชนอื่น ๆ ได้ในอนาคต”
 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ธุรกิจออฟฟิศปี 68 เผชิญ Oversupply แนะผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ ดันเทรนด์ ESG

SCB EIC เผยตลาดพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ -ปริมณฑลอาจกดดันจาก Oversupply ต่อเนื่องในปี 2568 ความต้องการเช่าพื้นที่ฟื้นตัวช้า แนะผู้ประกอบการเร่งปรับกลยุทธ์ พัฒนาคุณภาพโครงการ ยกระดับความยั่งยืน

สถานการณ์ตลาดพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2025 ยังคงเผชิญความท้าทายจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยรายงานจาก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC

ที่เผยแพร่โดยนายเชษฐวัฒก์ หรงประเสริฐ นักวิเคราะห์อาวุโส SCB EIC ชี้ว่าอุปทานพื้นที่สำนักงานให้เช่าในปี 2024-2025 มีแนวโน้มขยายตัว 2.5% ถึง 4.5% ต่อปี หรืออยู่ที่ 10.4 ล้านตารางเมตรในปี 2025 เพิ่มขึ้นจากปี 2024 ซึ่งอยู่ที่ 10.1 ล้านตารางเมตร

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึง Oversupply ที่ยังคงกดดันตลาดและผู้ประกอบการ แม้ว่าความต้องการเช่าพื้นที่ (Occupied Space) จะคาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยเพียง 1% ถึง 2% YOY แต่ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับอุปทานใหม่ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ความต้องการเช่าพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงจำกัดอยู่ในกลุ่มบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่มองหาพื้นที่สำนักงานในโครงการระดับเกรด A และ A+ ของผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น AWC และ S ซึ่งสามารถดึงดูดผู้เช่าที่มีคุณภาพได้ดี ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กและกลางยังคงเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนการดำเนินงานและการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ผู้ประกอบการอาจต้องระมัดระวังในการพัฒนาโครงการใหม่ในทำเลที่มีการแข่งขันสูง เช่น ใจกลางเมืองสุขุมวิท และโซนรัชดาฯ-ลาดพร้าว ขณะที่ในระยะยาว ความสามารถในการปรับตัวและการเน้นเทรนด์ ESG จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในตลาดสำนักงานที่ยังมีการแข่งขันสูงอย่างต่อเนื่อง

การปรับกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในตลาดนี้ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการที่มีความแตกต่าง เช่น การเพิ่มความหลากหลายในประเภทผู้เช่า การปรับปรุงพื้นที่ให้ได้มาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) เช่น LEED หรือ TREES รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนพลังงาน เช่น Solar Cell และ EV Charger ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยั่งยืนและดึงดูดผู้เช่าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ธุรกิจพื้นที่สำนักงานให้เช่าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่การปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของผู้เช่าและการเปลี่ยนแปลงของตลาดจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในอนาคตของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้​

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 20ม.ค. “อ่อนค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 34.48 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐมีความเสี่ยงผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 รวมถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้  20ม.ค. 2568 ที่ระดับ  34.48 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.46 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 34.34-34.54 บาทต่อดอลลาร์)

 โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็วตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการปรับสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน หลังเงินบาทแข็งค่าทะลุโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เงินบาทก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลงทดสอบโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง หลังเงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้น ท่ามกลางความต้องการถือเงินดอลลาร์เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล Trump 2.0 ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม นี้

 ขณะเดียวกัน เงินบาทก็ถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) สู่โซน 2,690-2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ พร้อมกับบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อีกทั้ง บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด

โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันเพิ่มเติม จากการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีโอกาสราว 84% ที่ขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 0.50% ได้ในการประชุมเดือนมกราคมนี้

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ จากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Global Manufacturing & Services PMIs) เดือนมกราคม รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)

 พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจและตลาดการเงินได้ โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้า นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะ หุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Netflix

ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE และ ECB รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ ข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ ที่ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Wage Growth)

รวมถึง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของทั้งอังกฤษและยูโรโซน ในเดือนมกราคม โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า BOE มีโอกาสราว 58% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง หรือ 75bps ในปีนี้ ส่วน ECB อาจลดดอกเบี้ยได้ถึง 4 ครั้ง หรือ 100bps (ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสถึง 99%)

▪ ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งเรามองว่า BOJ อาจเลือกที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ไปก่อนเพื่อรอประเมินทิศทางนโยบายรัฐบาล Trump 2.0 รวมถึงรอลุ้นผลการเจรจาค่าจ้างญี่ปุ่นในช่วงต้นปี

ทว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่และผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่า BOJ อาจขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 0.50% และยังเชื่อว่า BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้อีก 1 ครั้ง ในปีนี้ สู่ระดับ 0.75%

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญญี่ปุ่น อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนมกราคม ยอดการส่งออกและนำเข้า รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนธันวาคม

ส่วนทางฝั่งมาเลเซีย เรามองว่า ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.00% ซึ่งมีความเหมาะสมต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและพัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อล่าสุด ทั้งนี้ BNM อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้บ้าง หากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 ที่รุนแรง 

ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน ซึ่งอาจช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump

โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งอาจกดดันการค้าโลกและส่งผลกระทบเชิงลบต่อทั้งการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนของไทยได้

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท นั้น หากประเมินจากกลยุทธ์ Trend-Following เรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลง หรือ อย่างน้อยแกว่งตัว Sideways ตราบใดที่ เงินบาทไม่ได้กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจนทะลุโซนแนวรับ 34.30 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวใน Sideways ก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม แต่ก็มีความเสี่ยงผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0

รวมถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก ซึ่งต้องรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามทิศทางราคาทองคำ รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน และจะขึ้นกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์เสี่ยงผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility ขึ้นกับ แนวโน้มการดำเนินนโยบายของรัฐบาล Trump 2.0 และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ

อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก นอกจากนี้ ทิศทางเงินดอลลาร์จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังตลาดรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.15-35.00 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.35-34.55 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หนุ่มไดมอนด์ ฟู้ดควงสาวสุพรีม ตบเก็บชัยวอลเลย์บอลไทยแลนด์ ลีก

ตบหนุ่ม ไดมอนด์ ฟู้ดเอา เอาชนะ ประเสริฐนิกรกุล 3-0 เซต ส่งผลให้หนุ่ม ไดมอนด์ ฟู้ด ทำผลงาน ชนะ 8 แพ้ 1 มี 23 คะแนน รั้งอันดับ 2 ส่วน ประเสริฐนิกรกุล ชนะ 5 แพ้ 4 มี 15 คะแนนอยู่อันดับ 3

การแข่งขัน วอลเลย์บอลอาชีพ ไทยแลนด์ ลีก เลกที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 68 เป็นการแข่งขันวันสุดท้ายของ สัปดาห์ที่ 9 ที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ กรุงเทพฯ 

ประเภททีมชาย ไดมอนด์ ฟู้ด ไฟน์เชฟ–สมุทรสาคร ที่มีการเสริมทัพด้วยการดึงตัว ธนทัต ทวีรัตน และ อัศนพรรณ จันทจร จากเมืองพล-บัณฑิตเอเซีย เข้าสู่ทีม ส่วนขุมกำลังหลักยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ธูปดิษฐ์ พระพุทธ, ปิยะ ควบพิมาย และ ณัฐพงษ์ ชาชำนาญ รวมถึงนักตบต่างชาติอย่าง ซาร์ จูลฟิการ์ เซตเตอร์ จากอินโดนีเซีย, เฟเดริโก้ เปเรย์ร่า บีหลังจากอาร์เจนตินา และ อับดุลลาห์ ชัม หัวเสาชาวตุรกี ลงสนามเจอกับ ประเสริฐนิกรกุล ที่นำมาโดย “เจมส์” จิรายุ รักษาแก้ว, จักรกริช ถนอมน้อย, ณัฐพล กล้าหาญ, คงกะพัน ทองขาว และ ดาวุด บุญมาเลิศ ซึ่งผลปรากฏว่าเกมนี้ ไดมอนด์ ฟู้ด เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นฝ่ายเอาชนะไป 3-0 เซต (25-18, 25-17, 25-21) ส่งผลให้หนุ่ม ไดมอนด์ ฟู้ด ทำผลงาน ชนะ 8 แพ้ 1 มี 23 คะแนน รั้งอันดับ 2 ส่วน ประเสริฐนิกรกุล ชนะ 5 แพ้ 4 มี 15 คะแนนอยู่อันดับ 3

ด้านทีมหญิง สุพรีม ทิพย ชลบุรี – อี.เทค ขุมกำลังของ “โค้ชกิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ยังอยู่กันครบ นำโดย ปลื้มจิตร์ ถินขาว, วริศรา สีทาเลิศ, กนกพร แสงทอง, กัญญารัตน์ ขุนเมือง และ กัตติกา แก้วพิน เจอกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอนแก่นสตาร์ ที่นนำโดย แก้วกัลยา กมุลทะลา และ กรรณิการ์ ธิปโชติ ซึ่งผลปรากฏว่า สาวสุพรีม ทิพย ชลบุรี – อี.เทค ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ตบเอาชนะไป 3-0 เซต (25-15, 25-19, 25-13)

ส่งผลให้ สุพรีม ทิพย ชลบุรี – อี.เทค ทำผลงาน ชนะ 8 แพ้ 1 มี 25 แต้ม รั้งอันดับ 2 ต่อไป ส่วน ขอนแก่นสตาร์ ชนะ 6 แพ้ 3 มี 18 แต้มอยู่อันดับ 3

ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นมีดังนี้ ประเภททีมชาย เอโนครราชสีมา ปลูกปัญญา ขามทะเลสอ ชนะ ประเภททีมชาย เอโฟร์เอส เกาะกูดคาบาน่า แพ้ ว.นครราชสีมา ปลูกปัญญา ขามทะเลสอ 3-0 เซต สกอร์ (25-23, 25-20, 25-18) 

สำหรับ สัปดาห์ที่ 10 ยังแข่งขันที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 25-26 ม.ค. 2568 เริ่มเวลา 12.00 น. ทั้งสองวัน

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


เมื่อใจเจ็บ…ร่างกายก็ป่วย ชวนรู้จัก Conversion Disorder โรคที่ต้องการความเข้าใจไม่ใช่คำวิจารณ์

ในยุคปัจจุบัน ภาวะ ‘เครียดจนป่วย’ ได้กลายเป็นเรื่องปกติที่เราเห็นได้ตลอด ซึ่งบ่อยครั้งการป่วยจากความเครียดไม่ใช่การแกล้งทำหรือการเรียกร้องความสนใจอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด อย่างกรณีล่าสุดของ “จ้าว ลู่ซือ” นางเอกสาวชาวจีนที่มีความเครียดจนป่วยหนัก มีภาวะร่างกายอ่อนแรงและการรับรู้ทางประสาทลดลง ซึ่งเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Conversion Disorder” โรคที่ปัญหาสุขภาพจิตไปรบกวนการทำงานของสมอง ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติทางกายโดยที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมได้ วันนี้ พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ จิตแพทย์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต จะพาไปทำความรู้จักกับโรค Conversion Disorder เพื่อตอกย้ำให้สังคมเข้าใจว่าโรคทางจิตใจก็ทำให้เกิดความผิดปกติทางร่างกายได้ พร้อมแนะนำแนวทางการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคนี้

Conversion Disorder โรคทางจิตที่ทำให้เกิดอาการทางกาย

Conversion Disorder เป็นโรคที่เกิดจากปัญหาสุขภาพจิตไปขัดขวางการทำงานของสมอง พบได้บ่อยในแผนกผู้ป่วยทั่วไป โดยคนไข้มักมาพร้อมกับความผิดปกติทางกาย ทั้งด้านการเคลื่อนไหวและด้านประสาทสัมผัส แต่เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วยการตรวจเลือดหรือการตรวจทางรังสีกลับไม่พบความผิดปกติ จึงไม่สามารถอธิบายโรคนี้ได้ด้วยผลการตรวจร่างกาย แต่อาการทั้งหมดเกิดขึ้นจริงโดยที่ผู้ป่วยไม่ได้ตั้งใจ

เครียด กดดัน ประสบการณ์ไม่ดี ปัจจัยกระตุ้น Conversion Disorder

Conversion Disorder มักเกิดจากความเครียด ความกดดัน และประสบการณ์ที่มีผลกระทบต่อจิตใจจนแสดงอาการออกมาทางกาย เช่น ตัวชา ชัก พูดไม่ได้ ตาพร่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินไม่ได้ หรือไม่ได้ยินเสียง พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ ยกตัวอย่างกรณีที่น่าสนใจว่า “มีวัยรุ่นทะเลาะกับแม่แล้วกรี๊ดออกมา หลังจากนั้นก็พูดไม่ได้เลย แต่ยังไอและทำเสียงอืออาได้ปกติ หลังจากนั้น 2-3 วันก็กลับมาพูดได้ นอกจากนี้ สมัยก่อนเราอาจได้ยินชื่อโรคฮิสทีเรีย ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ได้จัดให้อยู่ในกลุ่ม Conversion Disorder โดยส่วนใหญ่มีอาการการคล้ายกัน อย่างการพูดหรือเดินไม่ได้แบบฉับพลัน อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือทหารในช่วงสงครามโลก เพราะต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดันในสนามรบสูงมากจนเกิดอาการทางกายจากโรคนี้”

หัวใจสำคัญในการรักษา Conversion Disorder คือความเข้าใจ

การวินิจฉัยกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับ Conversion Disorder จะประเมินด้วยเจตนาและเป้าหมายของผู้ป่วย โดยสามารถจำแนกได้คือ Conversion Disorder เป็นภาวะที่ผู้ป่วยไม่มีเจตนาในการแสดงอาการ และอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการจริงที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยผลการตรวจร่างกาย Factitious Disorder เป็นภาวะที่ผู้ป่วยแกล้งป่วยโดยเพื่อเรียกร้องความสนใจ และสุดท้ายคือ Malingering ภาวะที่ผู้ป่วยเจตนาแกล้งป่วยเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์หรือหลีกเลี่ยงภาระหน้าที่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยการตรวจร่างกายและการวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อยืนยันว่าเป็น Conversion Disorder จริงหรือไม่ เพราะหากวินิจฉัยผิดพลาดอาจรักษาไม่ถูกวิธีและทำให้ผู้ป่วยอาการแย่ลงได้ “การรักษาโรค Conversion Disorder สามารถทำได้ทั้งวิธีจิตบำบัด กายภาพบำบัด หรือการใช้ยา โดยปรับให้เหมาะสมกับแต่ละคน โดยระหว่างการรักษาก็ต้องอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจผู้ป่วยว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายดี นอกจากนี้อาจต้องระวังคำพูดอย่าง ‘ตรวจร่างกายแล้วก็ปกติ’ หรือ ‘คิดไปเองหรือเปล่า’ เพราะอาจกระทบจิตใจผู้ป่วยจนอาการแย่ลงได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้น จิตใจมั่นคงขึ้น เราจะค่อย ๆ ให้ผู้ป่วยทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของอาการ และหาวิธีรับมือกับสิ่งที่มากระทบจิตใจจนทำให้แสดงอาการ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากคนรอบตัวด้วย” พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ อธิบาย

“อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า Conversion Disorder ทำให้เกิดความผิดปกติทางกายได้จริง ไม่ใช่การแกล้งทำหรือการเรียกร้องความสนใจ ตัวผู้ป่วยเองก็มักจะสับสนและกังวลกับอาการที่เกิดขึ้นมากอยู่แล้ว เราก็ควรช่วยผู้ป่วยด้วยการให้กำลังใจและรับฟังผู้ป่วยให้มาก ๆ และไม่กดดันหรือเร่งให้ผู้ป่วยหาย แต่ควรให้เวลาในการรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเราสร้างเซฟโซนให้ผู้ป่วย จิตใจพวกเขาก็จะดีขึ้น และอาการทางกายก็จะหายดี” พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ ศูนย์สุขภาพใจ ชั้น 18 โรงพยาบาลวิมุต เวลาทำการ 08:00 – 18:00 น. โทร. 0-2079-0078 หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือใช้บริการปรึกษาหมอออนไลน์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘ไมโครซอฟท์’ ปักธง ‘ซิเคียวริตี้’ ปูทางพลิกโฉม ‘AI Transformation’

  • ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่ภูมิทัศน์ของภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากที่สุดในประวัติศาสตร์
  • การสร้างความสำเร็จ “AI transformation” ต้องเริ่มต้นจาก “ซิเคียวริตี้”
  • วัดกันตามขนาดจีดีพีอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้กลายเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกแล้ว
  • ไมโครซอฟท์ มุ่งผลักดันแนวคิด “AI – first company” ภายใต้ความปลอดภัย Secure by design, Secure by default, Secure Operations

ปีนี้ AI รวมถึง Generative AI ยังคงเป็นเมกะเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่ร้อนแรง โดยเฉพาะบทบาทของการเป็นตัวจักรสำคัญในการพลิกโฉมวงการเทคโนโลยี ธุรกิจ การทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้คน…

วาสุ จักกัล รองประธานฝ่ายความปลอดภัย ไมโครซอฟท์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า AI กำลังเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เชื่อว่าหลายคนคงตระหนักถึงผลกระทบเชิงบวกที่ AI กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะการยกระดับศักยภาพของมนุษย์ในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ไมโครซอฟท์พบว่า องค์กรกว่า 95% กำลังวางแผนที่จะใช้ AI ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ขณะที่ 66% กำลังวางแผนที่จะใช้และพัฒนาแอป AI ของตนเอง กล่าวได้ว่าความต้องการและความสำคัญของ AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การปฏิวัติ AI ซึ่งเกิดขึ้นและพบเห็นโดยทั่วไปได้มาถึงแล้ว

เราอยู่ในยุคของ AI เมื่อมองไปรอบๆ จะพบว่าไม่มีประเทศหรือองค์กรใดในโลกปัจจุบันที่ไม่พูดถึง AI จากข้อมูลล่าสุดที่ได้มามอร์แกน สแตนลีย์ เผยว่า AI และแมชีนเลิร์นนิงยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับซีไอโอทั่วโลก ขณะที่ความปลอดภัยทางไซเบอร์รองลงมาเป็นอันดับที่สอง

ข้อมูลโดยบริษัทวิจัยไอดีซีระบุว่า เมื่อปี 2566 ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์มีการลงทุนกับ Generative AI มูลค่าราว 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ปี 2567 เพิ่มขึ้นมาเป็น 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ปี 2566 มีแผนการใช้ Generative AI 55% เพิ่มขึ้นมาเป็น 75% ในปี 2567

หากมองถึงโอกาส เกิดขึ้นทั้งในส่วนของการเพิ่มศักยภาพบุคลากรและการสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ สอดคล้องไปกับรายงานของการ์ทเนอร์ที่คาดการณ์ว่า ภายในปี 2571 ราว 33% ของเอ็นเตอร์ไพรส์ซอฟต์แวร์จะมีการผสานผสานกับ Agentic AI จากที่เคยมีเพียง 1% ในปี 2567

ต้องเริ่มต้นจาก ‘ซิเคียวริตี้’

วาสุ กล่าวว่า การสร้างความสำเร็จให้กับ “AI transformation” ต้องเริ่มต้นจาก “ซิเคียวริตี้” เป็นอันดับแรก “Secure by design, Secure by default, Secure Operations”

ท่ามกลางพัฒนาการที่ก้าวกระโดดนี้ ไมโครซอฟท์ ตระหนักถึงความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยและความท้าทายที่ลูกค้าต้องเผชิญ ดังนั้นแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจจะอยู่ภายใต้ “Microsoft Secure Future Initiative” ที่มุ่งกำหนดนิยามใหม่ของการปกป้องระบบนิเวศดิจิทัล

ด้วยการผนวกรวมนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Generative AI เข้าไปในกรอบงานด้านความปลอดภัย โดยบริษัทไม่ได้เพียงแค่แก้ไขความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ยังสร้างอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับบุคคลและองค์กร เชื่อว่าการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบจะช่วยส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม

วันนี้หากวัดกันตามขนาดจีดีพีอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้กลายเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกแล้ว จากมูลค่าเมื่อปี 2567 ที่สูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อถึงปี 2571

ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่ภูมิทัศน์ของภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีรหัสผ่านจำนวนมากถูกขโมยในทุกๆ วินาที จากปี 2565 ถึง 2567 การโจมตีโดยแรนซัมแวร์เติบโตกว่า 275% จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อข้อมูลรั่วมีนับพันล้านราย และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปีในระดับที่มากกว่า 490% ต่อปี ทั้งการมาของ Gen AI ยังทำให้การโจมตีของโจรไซเบอร์ ฉลาดขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปูทางปลดล็อกศักยภาพ AI

วาสุย้ำว่า การยกระดับความปลอดภัยในภูมิทัศน์ AI ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วถือเป็นประเด็นสำคัญอย่างมาก พันธกิจของไมโครซอฟท์คือ การสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องแอปพลิเคชันและข้อมูล AI ด้วย “Security Future Initiative” โปรโตคอลความปลอดภัยล่าสุด กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อรับประกันความความปลอดภัยเมื่อต้องการใช้เทคโนโลยี AI

โดยมีมุมมองว่า สำหรับผู้นำธุรกิจในปัจจุบัน การเปลี่ยนผ่านสู่ AI ต้องเริ่มต้นด้วยความปลอดภัย ไมโครซอฟท์จึงมุ่งยกระดับบริการรวมถึงเตรียมความพร้อมด้วยทรัพยากรด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถนำ AI มาใช้ได้อย่างมั่นใจ

อีกทางหนึ่ง เมื่อต้องการ “สร้าง” และ “ใช้” AI ควรมองและรักษาสมดุลในสองด้านคือ การใช้ศักยภาพของ AI และการใช้ AI เป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งสำหรับองค์กร

กลยุทธ์ของไมโครซอฟท์มุ่งใช้ AI เป็นตัวนำทางหลัก ขณะเดียวกันมีการผสมผสาน AI เข้ากับความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยต้องมั่นใจได้ว่ามีการป้องกันที่ครอบคลุม เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ได้ครบวงจร ที่สำคัญมีการร่วมมือเพื่อพัฒนาและสร้างการเติบโตร่วมกันในระบบนิเวศ

การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไม่เพียงแต่ช่วยปกป้ององค์กร แต่ยังช่วยปลดล็อกศักยภาพ AI อย่างเต็มรูปแบบเพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการเติบโต ที่ผ่านมา AI และซิเคียวริตี้เป็นเรื่องที่แทบจะแยกจากกันไม่ขาด ทุกครั้งที่มีการสนทนาเรื่องหนึ่งจะมีอีกเรื่องหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเสมอ

ชูแนวคิด ‘AI – first company’

คาลลี่ ชาน ผู้จัดการทั่วไป ไมโครซอฟท์ ฮ่องกงและมาเก๊า กล่าวว่า วันนี้ AI ได้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังซึ่งช่วยสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นทั้งในแวดวงเทคโนโลยี ธุรกิจ และการทำงาน

สำหรับไมโครซอฟท์มุ่งผลักดันองค์กรธุรกิจด้วยแนวคิด “AI – first company” โดยมี “Copilot” เป็นเครื่องมือในการทรานส์ฟอร์มการทำงาน ภายใต้บทบาทที่ไม่ใช่เพียงแค่ซอฟต์แวร์ ทว่าเป็นแพลตฟอร์ม รวมถึงผู้ช่วยที่จะทำให้การทำงานมีศักยภาพมากขึ้นใน Agentic World ที่กำลังสร้างมิติใหม่ๆ ในโลกของการทำงาน

แน่นอนว่า “บุคลากร” ยังคงเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญมากที่สุดในการขับเคลื่อนองค์กร และที่ไม่อาจมองข้ามเมื่อต้องการทำ AI ทรานส์ฟอร์เมชันคือ “ซิเคียวริตี้” ทุกการเร่ิมต้นต้องมีความปลอดภัยเป็นรากฐาน

วันนี้ AI กำลังถูกพัฒนาให้เร็วขึ้น ถูกลง มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้คน ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนและทุกองค์กรควรเริ่มต้นและกลายเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ AI เป็นอันดับแรก

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“18 วลีในการเจรจาต่อรองทางธุรกิจ” บทสนทนาภาษาอังกฤษเจรจาธุรกิจ

บทสนทนาภาษาอังกฤษเจรจาธุรกิจ

ตัวอย่างการเจรจาต่อรองทางธุรกิจ ที่เป็นเคล็ดลับให้คุณประสบความสำเร็จ

18 กลยุทธ์ในการเจรจาต่อรองทางธุรกิจ

#1 วลีต้อนรับและสร้างสัมพันธ์

Welcoming and establishing a rapport

การพูดต้อนรับในการเจรจาธุรกิจ เป็นรากฐานของความสัมพันธ์เชิงบวก โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าของธุรกิจมักชอบทำธุรกิจกับบริษัทที่มีความสัมพันธ์ที่ดี การแสดงการต้อนรับและการแสดงความมีน้ำใจ จะช่วยสร้างแรงดึงดูดและความน่าประทับใจ โดยคุณสามารถใช้วลีภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้

  • “I would like to welcome you to…”
  • “How was your trip?”
  • “Did you have a good journey?”
  • “Is this your first visit to…?”
  • “Would you like anything to drink?”

#2 วลีกำหนดวาระการเจรจา

Setting the negotiation agenda

เริ่มการเจรจาธุรกิจ โดยก่อนเริ่มอาจมีการพูดเกริ่นสักเล็กน้อย ถึงจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของการพูดคุยในครั้งนี้

  • “Before we begin, shall we have a look at the main points on the agenda?”
  • “Should we have a look at the main points for today’s discussion?”
  • “To start with, I think we should establish the overall procedure”
  • “I’d like to outline our aims and objectives.”

#3 วลีถามว่าอีกฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่?

Asking if the other party is in agreement

หลังจากพูดถึงวาระการเจรจาธุรกิจในครั้งนี้แล้ว ควรถามความเห็น อีกฝ่ายว่าเห็นด้วยหรือไม่ หรือมีหัวข้ออื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้หรือไม่ ด้วยวลีภาษาอังกฤษต่อไปนี้

  • “How do our objectives compare to yours?”
  • “Is it acceptable to you?”
  • “Is there anything you’d like to add?”

#4 วลีภาษาอังกฤษการพูดยื่นข้อเสนอ

Making proposals

หลังจากกำหนดวาระหัวข้อการเจรจาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นข้อเสนอ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในความสำเร็จ ในการเจรจาธุรกิจ โดยสามารถใช้วลีด้านล่างต่อไปนี้

  • “We’d like to propose that…”
  • “Concerning your proposal, our basic position is…”
  • “We’ve got several options…”

#5 วลีที่ใช้ตั้งคำถามสำหรับข้อเสนอ ที่มีประสิทธิภาพ

Effective questioning for proposals

เพื่อข้อเสนอทางธุรกิจที่ดีที่สุด คุณควรถามความคิดเห็นหรือฟังคำแนะนำอีกฝ่าย เพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยถามรายละเอียดเพิ่มเติม ตามวลีภาษาอังกฤษด้านล่างนี้

  • “What are your views on…?”
  • “How do you feel about…?”
  • “Could you be more specific?”
  • “Would you like to suggest a course of action for…?”

#6 วลีการเจรจาเพิ่มทางเลือก

Responding to suggestions

ในบางประเด็น การเจรจาคุณจะต้องให้คำแนะนำและแนวทางแก้ไขข้อเสนอที่เป็นไปได้ เพื่อการเจรจาที่ราบรื่นไม่ติดขัด คุณสามารถใช้วลีต่อไปนี้

  • “Considering that I would like to suggest…”
  • “Now that you mentioned it…”
  • “Maybe it would be better to…”
  • “Perhaps a better idea would be…”
  • “I’d like to make an alternative offer. I propose that…”
  • “From where we stand, a better solution might be…”

#7 วลีที่ใช้เพื่อบอกเหตุผล

Reasoning

หลังจากที่คุณยื่นข้อเสนอทางธุรกิจแล้ว คุณควรให้เหตุผลในข้อเสนอนั้นหรือโต้แย้งอย่างมีเหตุผล เพื่อให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกันทั้งสองฝ่าย ด้วยวลีต่อไปนี้

  • “One of the key reasons for this is…”
  • “This is because…”
  • “I am basing my solution on three ideas/points/reasons: first,… second,… lastly..”

#8 วลีการแสดงลำดับความสำคัญ

Expressing priorities

การลำดับประเด็นสำคัญของการสนทนา จะช่วยในการทำให้อีกฝ่ายเข้าใจเป้าหมายธุรกิจของคุณมากขึ้น โดยคุณอาจใช้วลีต่อไปนี้

  • “We might like to…”
  • “Our main priority is…”
  • “Our intention is…”
  • “The most important issue for us is…”

#9 วลีให้อีกฝ่ายอธิบายรายละเอียด

Giving clarification

เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด เข้าใจไม่ตรงกัน คุณสามารถใช้วลีดังต่อไปนี้ เพื่อให้อีกฝ่ายอธิบายรายละเอียดทางธุรกิจที่คลุมเครือ ให้คุณสามารถเข้าใจมากขึ้น

  • “What exactly do you mean by…?”
  • “Are you suggesting that…?”
  • “Could you clarify one point for me?”
  • “Could you be more specific?”
  • “In other words, you feel that…”

#10 วลีการยอมรับข้อตกลง

Expressing agreement

การพูดแสดงความคิดเห็น “เห็นด้วยและยอมรับข้อเสนอธุรกิจ” ทำให้ส่งผลดีในการเจรจาของคุณ โดยสามารถคุณสามารถแสดงถึงความเข้าใจ ในข้อตกลงด้วยวลีต่อไปนี้

  • “I agree with you on that point.”
  • “You have a strong point there.”
  • “I think that would be acceptable.”
  • “That’s a fair suggestion.”
  • “That sounds great to us.”
  • “I am with you on that.”

#11 วลีแสดงความไม่เห็นด้วย

Expressing disagreement and giving reasons

“การไม่เห็นด้วย” เป็นบริบทหนึ่งของการเจรจาทางธุรกิจ โดยคุณสามารถแสดงออกอย่างมีไหวพริบด้วยคำพูดที่สุภาพโดยใช้วลีต่อไปนี้

  • “I understand where you’re coming from, however,…”
  • “I can’t quite agree with you on that.”
  • “I’d have to disagree with you there.”
  • “I’m afraid we have some reservations on that point…”
  • “I’m afraid that doesn’t work for me.”
  • “I’m afraid I had something different in mind.”
  • “That’s not exactly how I look at it.”

#12 การพูดประนีประนอม

Compromising

“การเจรจาอย่างประนีประนอม” เสนอทางเลือกหรือเงื่อนไข เพื่อได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน จะช่วยให้การเจรจาธุรกิจคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยวลีการพูดดังต่อไปนี้

  • “We might be able to work on… if you could…”
  • “We are ready to accept your offer; however, there would be one condition.”
  • “Would you be willing to accept a compromise?”
  • “In return for this, would you be willing to…?”
  • “Could you meet us halfway?”

#13 การเจรจาต่อรอง

Bargaining

การเจรจาตกลงราคา เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ โดยต่างฝ่ายอาจมีการถกเถียงกันเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่ดีที่สุด โดยวลีพูดต่อรอง ดังต่อไปนี้

  • “I’m afraid we can only go as low as…”
  • “From where we stand an acceptable price would be…”
  • “Our absolute bottom line is…”

#14 วลีเมื่อต้องการไตร่ตรองให้ดี

Delaying

การทำธุรกิจต้องอาศัยความรอบคอบ อาจจำเป็นต้องใช้เวลา หรือต้องรอการอนุมัติจากหัวหน้างาน โดยคุณสามารถใช้ประโยคเหล่านี้เพื่อชะลอการตัดสินใจ

  • “I have to admit that we will have to study this. May we get back to you on this point later?”
  • “I’ll have to consult with my bosses back in the office.”
  • “I will need to think about it more and return to you again later.”
  • “I am not entitled to make decisions of that kind by myself.”

#15 การปฏิเสธโดยไม่ให้เสียความสัมพันธ์

Refusing a proposal while maintaining goodwill

การเจรจาทั้งหมดไม่สามารถประสบความสำเร็จ 100% ได้ โดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจะไม่พอใจกับข้อเสนอหรือข้อตกลง ในกรณีนี้เราสามารถปฏิเสธข้อเสนอแต่ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้ได้ ด้วยประโยคต่อไปนี้

  • “I am afraid I can’t agree with that.”
  • “With all due respect, I must kindly decline your offer.”
  • “That’s not really a viable option for us.”
  • “That would be very difficult for us because…”

#16 การยอมรับข้อเสนอ

Accepting the proposal

เมื่อการเจรจาธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดีทั้งสองฝ่าย คุณสามารถใช้วลียอมรับข้อตกลงดังต่อไปนี้

“This agreement is acceptable to us.”
“I think we have reached an agreement here.”
“That sounds reasonable.”
“I think we have a deal.”
“I believe we have an agreement.”
“I can agree to that.”

#17 การสรุป

Concluding

การเจรจาจะสิ้นสุดลง แนะนำให้สรุปประเด็นที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย อย่างเป็นทางการเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายสามารถปฏิบัติตามข้อตกลง ตามที่คุยกันไว้

  • “Let’s look at the points we agree on…”
  • “Shall we try to sum up the main points of our discussion?”
  • “Have I left anything out?”
  • “I think you’ve covered everything.”
  • “Let’s just confirm the details, then.”
  • “This is where we currently stand…”

#18 จบการเจรจา

Closing

ไม่ว่าการเจรจาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ที่ดีที่สุดคือปิดการสนทนาอย่างเหมาะสม ต่อไปนี้เป็นวิธีปิดการเจรจา

  • “Let’s leave it this way for now.”
  • “I’m willing to work with that.”
  • “I think we both agree to these terms.”
  • “I’m satisfied with this decision.”
  • “I think we should get this in writing.”
  • “Would you be willing to sign a contract right now?”
  • “Let’s meet again once we’ve had some time to think.”

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


“สับปะรด” กับ 7 ผลกระทบ ผลข้างเคียงต่อสุขภาพที่ควรใส่ใจ

สับปะรดมีรสชาติสดชื่นและช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะหั่นเป็นชิ้นๆ ผสมเป็นเครื่องดื่ม หรือใช้ประกอบอาหาร สับปะรดก็ยังคงมีบทบาทสำคัญเสมอ อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีข้อดีและข้อเสีย และแม้แต่ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างสับปะรดก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้เช่นกัน หากบริโภคในปริมาณมากเกินไป สับปะรดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาบางชนิด

7 ผลข้างเคียงของสับปะรด

แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่การบริโภคมากเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ต่อไปนี้คือผลข้างเคียงของสับปะรดที่คุณควรรู้

1.อาการแพ้ การบริโภคสับปะรดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน เนื่องจากสับปะรดมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีน ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ นอกจากนี้ สับปะรดะยังอาจทำให้เกิดอาการแพ้ลาเท็กซ์ในบางราย อาการแพ้สับปะรดมักจะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

2.ผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด หนึ่งในผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจากการบริโภคสับปะรดมากเกินไปคือการทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น การบริโภคสับปะรดในปริมาณมากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในผู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา

สับปะรดมีน้ำตาลกลูโคสและซูโครสเป็นส่วนประกอบหลัก และเมื่อบริโภคเข้าไป ร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ผลไม้ส่วนใหญ่มีคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นแหล่งของน้ำตาล เมื่อรับประทานเข้าไปก็จะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเช่นกัน โดยเฉลี่ยแล้ว สับปะรดครึ่งถ้วยจะมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม

3.ผลกระทบของเอนไซม์บรอเมเลน บรอเมเลน เป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่พบได้ในน้ำสับปะรดและลำต้นของสับปะรด เอนไซม์นี้มีผลต่อร่างกายของเรา และเมื่อรับประทานในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ บรอเมเลนมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งหมายความว่าหากรับประทานบรอเมเลนร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออกได้

4.ปฏิกิริยาระหว่างสับปะรดกับยา การบริโภคสับปะรดร่วมกับยาบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงขึ้นได้ เอนไซม์บรอเมเลนในสับปะรดอาจเพิ่มการดูดซึมของยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น อะม็อกซิซิลลินและเตตราไซคลิน ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในบางบุคคล อาการที่เกิดขึ้นคือ เจ็บหน้าอก เลือดกำเดาไหล หนาวสั่น ไข้ เวียนหัว

5.ผลกระทบต่อสุขภาพช่องปาก และฟันผุ แม้สับปะรดจะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ แต่การรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากได้ ผลไม้ที่มีความเป็นกรดสูง เช่น สับปะรด เมื่อรับประทานเข้าไป กรดในผลไม้จะทำปฏิกิริยากับผิวเคลือบฟัน ทำให้ผิวเคลือบฟันบางลงและเสื่อมสภาพ หากไม่ดูแลสุขอนามัยในช่องปากที่ดี อาจทำให้เกิดฟันผุได้

6.โรคภูมิแพ้ทางปาก เป็นอาการแพ้ชนิดหนึ่งที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดคิดว่าโปรตีนในอาหารบางชนิด เช่น สับปะรด เป็นละอองเกสรดอกไม้หรือสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ เมื่อร่างกายสัมผัสกับโปรตีนเหล่านี้ ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองโดยการปล่อยสารฮิสตามีนออกมา ทำให้เกิดอาการแพ้ อาการทั่วไปที่พบหลังจากรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ บวมที่ริมฝีปาก ลิ้น หรือเพดานปาก คันคอ

7.ท้องเสีย เป็นอีกหนึ่งอาการที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการบริโภคสับปะรดในปริมาณมาก

เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับสับปะรด

มีคนเชื่อว่าเอนไซม์บรอเมเลนในสับปะรดสามารถย่อยสลายโปรตีนบนลิ้นและเพดานปาก ทำให้รู้สึกแสบร้อนหลังรับประทานสับปะรด พวกเขาบอกว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบในโลกนี้ รวมถึงผลไม้ด้วย ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ผลไม้บางชนิดอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่บางชนิดก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/01/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a43,900.0044,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,844.0043,115.0444,500.00
ทองรูปพรรณ 90%2,559.6038,803.54n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,275.2034,492.03n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,280.0019,404.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%995.0015,084.20n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,947.0044,676.52n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/01/2568



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.1536.1536.6536.1536.1536.1536.1536.1536.1536.15
แก๊สโซฮอล์ 9135.7835.7836.2835.7835.7835.7835.7835.7835.7835.78
แก๊สโซฮอล์ E2033.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.94
แก๊สโซฮอล์ E8533.0933.0933.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.7449.8449.8449.8444.74
เบนซิน 9544.4449.8144.9444.5944.44
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า