จับตา5ทำเลแคมปัสคอนโดมาแรง! ย่านจุฬาฯ เนื้อหอม
จับตา5ทำเลแคมปัสคอนโดมาแรง! ย่านจุฬาฯ เนื้อหอมมากสุด เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมือง ส่งผลให้กลายเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินสูงสุดในกรุงเทพมหานคร
ตลาดที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้สถานศึกษาก็ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งราคาที่ดินในย่านนี้ยังคงสูงและมีการขยายตัวของความต้องการทั้งจากนักศึกษาและบุคลากรสถานศึกษา รวมไปถึงการเติบโตของตลาดคอนโดฯ ในทำเลใกล้มหาวิทยาลัยต่างๆ
ทำเลใกล้สถานศึกษาถือเป็นอีกตลาดที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ หันมาให้ความสำคัญมากขึ้น มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างนักเรียน-นักศึกษา ผู้ปกครอง และบุคลากรในสถานศึกษาที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และสามารถลงทุนระยะยาวโดยประกาศขายหรือปล่อยเช่าได้เรื่อย ๆ ส่งผลให้เทรนด์แคมปัสคอนโดฯ (Campus Condo) หรือคอนโดฯ ในทำเลใกล้สถานศึกษามีการเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากคอนโดฯ เป็นรูปแบบอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในเมืองหลวง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
โดยทำเลในละแวก “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” มีการค้นหาที่อยู่อาศัยเพื่อซื้อ/เช่ามากที่สุด เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจสำคัญใจกลางเมือง ส่งผลให้กลายเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินสูงสุดในกรุงเทพมหานคร เห็นได้จากผลการสำรวจราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยว่า ที่ดินบริเวณ”สยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต” ครองอันดับหนึ่งราคาที่ดินสูงที่สุดของประเทศไทย
โดยประมาณการไว้ที่ 3.75 ล้านบาทต่อตารางวา หรือไร่ละ 1,500 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 และทำเลนี้ยังเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า ประกอบกับเป็นสถานศึกษาชั้นนำจึงทำให้มีความต้องการซื้อ/เช่าทั้งจากนักศึกษา บุคลากรสถานศึกษา รวมทั้งวัยทำงานในย่านนั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจ”ซื้อ”มากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่
• อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
• อันดับ 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
• อันดับ 4 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
• อันดับ 5 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ขณะที่ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจ”เช่า”มากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่
• อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
• อันดับ 3 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
• อันดับ 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
• อันดับ 5 Bangkok Prep International School
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“ธุรกิจรับสร้างบ้าน” ปรับตัวสู้ยุคเศรษฐกิจท้าทาย
นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เผยปัจจัยส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้าน 68 ชี้กลยุทธ์ปรับตัว สร้างคุณภาพ เพื่อทรงตัวในยุคเศรษฐกิจชะลอ หวังรัฐขานรับขยายมาตรการลดหย่อนภาษี
เมื่อนึกถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจคุ้นเคยกับโครงการบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมที่เป็นที่นิยมในตลาด ในอีกมุมหนึ่ง ธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการบ้านในแบบเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านบนที่ดินส่วนตัวหรือการออกแบบให้ตรงกับความต้องการเฉพาะกลุ่ม
แม้ว่าตลาดนี้จะดูเป็นเฉพาะทางและมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับธุรกิจบ้านจัดสรร แต่ความยืดหยุ่นและการตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุดทำให้ธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดอสังหาฯของไทย
ตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านในปัจจุบันยังคงเผชิญความท้าทายจากหลากหลายปัจจัย ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 67 ที่ผ่านมามูลค่าการเซ็นสัญญาในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลอยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2566 ราว 10% อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในธุรกิจยังคงแสดงศักยภาพในการปรับตัวและวางกลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า
เป้าหมายที่มีความต้องการเฉพาะตัว
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจรับสร้างบ้านปัจจุบันว่า แม้เศรษฐกิจโดยรวมและความไม่แน่นอนทางการเมืองจะสร้างความท้าทายให้ธุรกิจ แต่กลยุทธ์ในการปรับตัวคือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้บริษัทในอุตสาหกรรมนี้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ด้วยตนเองโดยการสร้างการรับรู้และเข้าใจให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้าน
“ธุรกิจรับสร้างบ้านมีความแตกต่างจากผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป เพราะเราให้บริการครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงบริการหลังการขาย รวมถึงรับประกันคุณภาพ (Warranty) ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อคุณภาพที่เหนือกว่าและมาตรฐานที่สูงขึ้น”
นอกจากนี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังเน้นเรื่องการพัฒนาบุคลากรและคุณภาพงานระหว่างช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงการลงทุนในด้านการตลาดเพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจ โดยมองว่าการสร้างภาพลักษณ์และคุณภาพที่ดีสามารถช่วยดึงดูดผู้บริโภคกลับมา แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซา
เมื่อถูกถามถึงความแตกต่างระหว่างธุรกิจรับสร้างบ้านกับผู้รับเหมาก่อสร้าง นายอนันต์กรชี้แจงว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านมีต้นทุนสูงกว่าเนื่องจากบริการที่ครบวงจรตั้งแต่ออกแบบ ควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง ไปจนถึงบริการหลังการขาย
เป็นการยกระดับคุณภาพงาน ผู้บริโภคจะได้รับบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านฟังก์ชันและมาตรฐาน ซึ่งต่างจากผู้รับเหมาทั่วไปที่ไม่มีบริการเหล่านี้ ให้บริการเพียงก่อสร้างตามแบบที่มีอยู่เท่านั้น
“การปรับตัว สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ การพัฒนาคุณภาพ และการสื่อสารกับผู้บริโภคคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตไปได้”
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของสมาคมฯคือการขยายไปทั่วประเทศ ทั้งในแง่การรับและคัดกรองสมาชิกเพิ่ม และการเก็บสถิติซึ่งแต่เดิมนั้นมีการเก็บข้อมูลแค่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
แต่หากอ้างอิงจากข้อมูลการขอใบอนุญาตก่อสร้างทั่วประเทศเผยแพร่โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุมีมูลค่าราว 200,000 ล้านบาท พื้นที่รวมทั้งมด 22 ล้านตารางเมตร เฉลี่ย 130-150 ตารางเมตรต่อหลัง ซึ่งนับเป็นจำนวนไม่น้อย
อีกทั้งสมาคมฯจะเดินหน้าจัดโรดโชว์ที่ภูมิภาคต่างๆ ในปีนี้ โดยเฉพาะ ภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือที่มีบริษัทในธุรกิจรับสร้างบ้านจำนวนมากในตลาด
การเข้าถึงในหลายๆจังหวัดไปทั่วประเทศของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านนั้นไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกและเก็บข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการเพิ่มการรับรู้และยังสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อเพิ่มศักยภาพตลาดในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สมาคมยังคงผลักดันแนวทางการสนับสนุนจากภาครัฐเพิ่มเติม โดยหวังให้มาตรการช่วยเหลือด้านการลดหย่อนภาษี 1 หมื่นบาทต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท ขยายระยะเวลาจนถึงปี 2569 เพื่อช่วยกระตุ้นตลาดอย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้ได้มีการเสนอต่อกระทรวงการคลังแล้วเสร็จ คาดว่าอาจต้องรอติดตามการดำเนินงานต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ในปี 2568 นายอนันต์กรคาดว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์การเมืองที่ยังไม่แน่นอน การแข่งขันที่รุนแรง และยังคงไม่เห็นปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจรับสร้างบ้านฟื้นตัวชัดเจนนัก
โดยเฉพาะบ้านในเซ็กเมนต์ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ที่แม้จะเป็นส่วนใหญ่ในตลาด แต่ยังต้องเผชิญกับหนี้ครัวเรือนที่สูงและความเข้มงวดของธนาคาร ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในตลาดต่างมุ่งมั่นที่จะปรับตัวและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจด้วยกลยุทธ์เฉพาะตัว เพื่อประคับประคองและอยู่รอดได้ในสถานการณ์เช่นนี้
ท้ายที่สุด แม้ว่าเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกจะยังคงสร้างความท้าทายต่อธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2568 การปรับตัวและความมุ่งมั่นในการพัฒนาไม่เพียงแค่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำรงอยู่ได้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ยังสามารถสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลากร ซึ่งในช่วงที่ตลาดซบเซายังเป็นโอกาสในการหาแรงงานช่างฝีมือง่ายยิ่งขึ้น หรือด้านการตลาด และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถเติบโต ได้ในระยะยาวต่อไปในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23 ม.ค. “อ่อนค่าลง” ที่ระดับ 33.91 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways ใกล้โซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงระหว่างวันนี้ หากราคาทองคำทยอยปรับตัวลดลงต่ออาจเพิ่มแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23ม.ค. 2568ที่ระดับ 33.91 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะทยอยอ่อนค่าลงบ้าง แต่เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้น
หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เมื่อประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงชัดเจน เหนือโซน 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนในช่วงระหว่างวันนี้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways ใกล้โซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อน โดยอาจผันผวนไปตามทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยหากราคาทองคำทยอยปรับตัวลดลงต่อ ก็อาจเพิ่มแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้
ทว่า เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนบ้างจากแรงซื้อสินทรัพย์ไทยโดยบรรดานักลงทุนต่างชาติ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อีกทั้งผู้เล่นในตลาดก็คลายกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 ไปพอสมควร
อย่างไรก็ดี เราขอเน้นย้ำว่า ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 จะเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน ซึ่งเงินบาทก็เสี่ยงอ่อนค่าลงเร็วและแรง ได้ทุกเมื่อ หากมีความชัดเจนของการเดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้า
แม้เงินบาท อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ก็อาจติดโซนแนวต้านแรกแถว 34.10 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีโซนแนวต้านถัดไปช่วง 34.30 บาทต่อดอลลาร์ (ถ้าหากอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าว จะเปิดโอกาสกลับไปแถว 34.50 บาทต่อดอลลาร์ และสัญญาณจากกลยุทธ์ Trend-Following จะสะท้อนโอกาสเงินบาทอ่อนค่าลงได้) ขณะที่โซนแนวรับจะอยู่ในช่วง 33.75-33.80 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซนแนวรับถัดไปแถว 33.65 บาทต่อดอลลาร์
เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง Jobless Claims ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่นในช่วงเช้าของวันศุกร์นี้
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-34.10 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในกรอบ 33.78-33.92 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง
ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ตอบรับแนวโน้มโครงการลงทุนใน AI (Stargate Project) ของรัฐบาล Trump 2.0
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงบ้างของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ท่ามกลางความกังวลว่า สหภาพยุโรปอาจเสี่ยงเผชิญการขึ้นภาษีนำเข้าจากรัฐบาล Trump 2.0 ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
ขณะเดียวกัน การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีส่วนกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซน 156.50 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติม หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ย่อตัวลงบ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) หลังรัฐบาล Trump 2.0 ประกาศลงทุนขนานใหญ่ใน AI ในโครงการ Stargate Project หนุนให้บรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor ต่างปรับตัวขึ้นร้อนแรง
อาทิ Nvidia +4.4% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงถูกกดดันบ้างจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Exxon Mobil -1.7% หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลนโยบายพลังงานของรัฐบาล Trump 2.0 ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.28% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.61%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.39% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ ASML +2.1% นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมก็สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ อาทิ Hermes +2.2% แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่จะเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากยุโรปและจีนในเดือนกุมภาพันธ์ก็ตาม
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์นั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.61% อีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน
ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงระมัดระวังต่อท่าทีการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ที่จะเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากยุโรปและจีนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 2 ครั้ง ในปีนี้ อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนสูง ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ซึ่งต้องติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 20 อย่างใกล้ชิด ทำให้เราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดก็สามารถทยอยซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นได้ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคาซื้อ เพื่อ Risk-Reward ที่น่าสนใจ)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก อาทิ เงินยูโร (EUR) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)
หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่โซน 108.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 107.7-108.3 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การทยอยปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) พลิกกลับมาปรับตัวลดลง สู่โซน 2,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) พร้อมกันนั้น
ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 อย่างใกล้ชิด พร้อมรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนธันวาคม (ทยอยรับรู้ในช่วง 6.30 น. ของเช้าวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย) รวมถึงรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) เดือนมกราคม (ทยอยรับรู้ในช่วง 7.30 น.)
เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะรู้ผลการประชุม BOJ ในวันศุกร์นี้ด้วยเช่นกัน โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า BOJ มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคมนี้ และทั้งปี อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้ง หรือ 50bps
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.86-33.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.49 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศวานนี้ที่ 33.82 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่ขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย (หลังแข็งค่าขึ้นไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ที่ 33.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ เมื่อวานนี้) ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงประคองกลับมาบางส่วน หลังจากที่มีรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับแนวโน้มการเตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (โดยปธน. ทรัมป์มีการกล่าวถึงอัตราภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% ต่อสินค้าที่นาเข้าจากจีนในวันที่ 1 ก.พ. นี้)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.75-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะยังอยู่ที่สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก การเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวน และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ฮอตต่อเนื่อง “บาส-เฟรม” ตบคู่ญี่ปุ่นเข้าก่อนรองฯคู่ผสมแบดมินตันอินโดนีเซีย
“บาส-เฟรม” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน มือ 6 ของรายการ คู่มือ 26 ของโลก ตบชนะ ยูตะ วาตานาเบ้ กับ มายะ ทากูชิ คู่มือ 116 ของโลกจากญี่ปุ่น 2-0 เกม 21-17, 21-13 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศแบดมินตันอินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025 ได้สำเร็จ
ผลแบดมินตันอินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 420,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,490,000 บาท ที่อิสโตร่า เสนายัน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค.68 ที่ผ่านมา
ประเภทคู่ผสม รอบสอง “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มือวางอันดับ 6 ของรายการ คู่มืออันดับ 26 ของโลก พบ ยูตะ วาตานาเบ้ กับ มายะ ทากูชิ คู่มืออันดับ 116 ของโลก จากญี่ปุ่น
ผลการแข่งขันปรากฏว่า “บาส-เฟรม” เล่นได้เหนือดีกว่าคุมเกมทั้งเกมท้ายคอร์ทและหน้าเน็ตได้ตลอดก่อนเอาชนะได้ไม่ยากเท่าไหร่ 2-0 เกม 21-17, 21-13 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
อย.เผยวิธีเลือกน้ำเกลือล้างจมูก เลือกแบบไหน เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย
ช่วงนี้ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงต่อเนื่องเกือบทุกวัน การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ จึงเป็นอีกวิธีการทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก เพจ FDA Thai หรือ อย. ได้มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับหลักการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำเกลือสำหรับล้างจมูกง่ายๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้
การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ (Nasal Irrigation) คือ การทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก โดยใช้น้ำเกลือ 0.9% Sodium Chloride ชำระล้างสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย และสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ส่งผลให้หายใจสะดวกขึ้น บรรเทาอาการคัดจมูก ลดความข้นเหนียวของน้ำมูกทำให้ขจัดน้ำมูกออกมาง่ายขึ้น และช่วยลดการแพ้จากสารก่อภูมิแพ้ลงได้
โดยทั่วไปผู้ที่ควรล้างจมูกคือผู้ที่มีอาการ หรือโรค เช่น จมูกอักเสบจากไข้หวัด จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ โรคริดสีดวงจมูก โดยมีหลักในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำเกลือสำหรับล้างจมูก ง่าย ๆ ดังนี้
1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน อยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท ไม่มีการรั่วซึม
2. ฉลากผลิตภัณฑ์มีข้อความครบถ้วน ชัดเจน เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อสารออกฤทธิ์ วิธีใช้ วันที่หมดอายุ ฯลฯ
3. สารออกฤทธิ์เป็นน้ำเกลือนอร์มอลซาไลน์ที่ปราศจากเชื้อ (Normal saline solution , 0.9% Sodium chloride) ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล Glucose
4. ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำเกลือล้างจมูกที่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยผลิตภัณฑ์น้ำเกลือล้างจมูกมี 2 ประเภท คือ ขึ้นทะเบียนเป็นยา และขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องมือแพทย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อบ่งใช้ ส่วนประกอบและกลไลการออกฤทธิ์ผู้บริโภคสามารถสังเกตเลขทะเบียนตำรับยา หรือสังเกตเลขจดแจ้งเครื่องมือแพทย์ และสามารถตรวจสอบรายชื่อผลิตภัณฑ์น้ำเกลือล้างจมูกที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์” หรือตรวจสอบได้ที่ Line: @FDATHAI
นอกจากน้ำเกลือรูปแบบเป็นขวดแล้ว ยังมีรูปแบบที่เป็นเกลือซองผสมน้ำตามที่กำหนด (อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ล้างจมูก) และยังมีรูปแบบสเปรย์พ่นจมูก ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัย ควรศึกษาวิธีใช้ให้ถูกต้อง หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อุตสาหกรรม EV สหรัฐฯ สั่นคลอน ทรัมป์ถอนสนับสนุนรถไฟฟ้า
คำสั่งบริหารล่าสุดของทรัมป์เพื่อยุติแรงจูงใจรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน จุดกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ รถ EV จะยังไปต่อหรือไม่ เมื่อแรงจูงใจจากรัฐถูกตัด และเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษก็ถูกสั่นคลอน
การเคลื่อนไหวล่าสุดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งประกาศยกเลิกนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของโจ ไบเดน ส่งผลให้เกิดความกังวลถึงอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยมลพิษ นโยบายดังกล่าวอาจชะลอการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและส่งผลกระทบต่อความพยายามของสหรัฐฯ ในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่ทำให้โลกร้อนขึ้น
คำสั่งของเขาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาที่ทรัมป์ให้ไว้ในช่วงหาเสียงเพื่อยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “ไร้สาระ” ต่อรถยนต์ไฟฟ้า คำสั่งดังกล่าว รวมถึงมาตรการอื่น ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลทรัมป์ชุดที่สอง
คำสั่งบริหารของทรัมป์ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า
คำสั่งของทรัมป์ระบุว่าเขาจะ “ยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV)” และส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีทางเลือก ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม โดยการขจัดอุปสรรคด้านกฎระเบียบต่อการเข้าถึงรถยนต์ สร้างสนามแข่งขันด้านกฎระเบียบที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้บริโภคในการเลือกรถยนต์
แม้ว่าจะไม่มีคำสั่งของไบเดนในการบังคับให้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่นโยบายมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้ชาวอเมริกันซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และให้บริษัทผลิตรถยนต์เปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า
คำสั่งของทรัมป์ที่มีชื่อว่า “Unleashing American Energy” เพิกถอนเป้าหมายที่ไม่ผูกมัดซึ่งกำหนดโดยไบเดน ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็นครึ่งหนึ่งของรถยนต์ใหม่ที่ขายภายในปี 2030 นอกจากนี้ คำสั่งยังมุ่งหมายจะยุติการยกเว้นของรัฐบาลกลางที่อนุญาตให้รัฐแคลิฟอร์เนียยุติการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในปี 2035
การยกเว้นของรัฐบาลกลางมีความสำคัญไม่เพียงแต่ต่อรัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐอื่น ๆ อีกกว่าสิบรัฐที่ปฏิบัติตามมาตรฐานชั้นนำของประเทศในด้านการปล่อยไอเสียจากยานยนต์อีกด้วย
พยายามยกเลิกเครดิตภาษี 7,500 ดอลลาร์ สำหรับการซื้อรถ EV ใหม่
คำสั่งที่ออกโดยทรัมป์บ่งชี้ว่า น่าจะพยายามขอยกเลิกเครดิตภาษี 7,500 ดอลลาร์สำหรับการซื้อรถ EV ใหม่ ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายภูมิอากาศสำคัญของไบเดนในปี 2022 รวมไปถึงการยกเลิกกฎของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมในยุคของไบเดนเพื่อเข้มงวดขีดจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษอื่นๆ จากรถโดยสารและยานพาหนะเชิงพาณิชย์
คำสั่งของทรัมป์ สะท้อนให้เห็นถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของเขาในทำเนียบขาว เมื่อยกเลิกมาตรฐานการปล่อยไอเสียยานยนต์ที่เข้มงวดซึ่งกำหนดไว้ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครตในขณะนั้น
ทรัมป์พูดถึงเรื่องการชาร์จ EV หรือไม่
ภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหาร ทรัมป์ได้สั่งระงับการจัดสรรเงินทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโดยทันที ซึ่งได้รับการจัดสรรผ่านกฎหมายว่าด้วยสภาพอากาศ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ พระราชบัญญัติลดอัตราเงินเฟ้อ และกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคที่ได้รับการอนุมัติในปี 2021
ไบเดนตั้งเป้าว่าจะสร้างเครื่องชาร์จดังกล่าวให้ได้ 500,000 เครื่องภายในปี 2030 เมื่อปลายปีที่แล้ว มีเครื่องชาร์จที่ใช้งานได้ 214 เครื่องใน 12 รัฐ ที่ได้รับเงินทุนจากกฎหมายของรัฐบาลกลาง โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 24,800 โครงการทั่วประเทศ
ตามข้อมูลของสำนักงานบริหารทางหลวงกลาง มีพอร์ตชาร์จสาธารณะให้บริการ มากกว่า 203,000พอร์ตทั่วสหรัฐอเมริกา มีการเปิดใช้งานเกือบ 1,000 พอร์ตทุกสัปดาห์ ตามข้อมูลของหน่วยงาน ซึ่ง มากกว่า จำนวนที่มีอยู่ในปี 2021 มากกว่าสองเท่า
แฟรงก์ พัลโลน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวเจอร์ซี ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตคนสำคัญในคณะกรรมาธิการด้านพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ความพยายามของทรัมป์ในการยึดเงินที่รัฐสภาจัดสรรไปแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกามีสถานะอยู่ที่ไหน
แม้ว่าอัตราการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงเมื่อปีที่แล้ว แต่รถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีสัดส่วน 8.1% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ เพิ่มขึ้นจาก 7.9% ในปีก่อน ตามข้อมูลของ Motorintelligence.com
ต้นทุนของรถยนต์ไฟฟ้าลดลงอย่างช้าๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ขยายการผลิตยานยนต์และราคาแบตเตอรี่ที่แพงขึ้น แต่รถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่ารถยนต์พลังงานน้ำมันแบบดั้งเดิม และแม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์จะยินดีกับความพยายามในการผ่อนปรนมาตรฐานการปล่อยมลพิษ แต่การยกเลิกเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางอาจทำให้การขายรถยนต์ไฟฟ้าทำได้ยากขึ้น ซึ่งผู้ผลิตได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการพัฒนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แม้กระทั่งก่อนจะมีคำสั่งผู้ผลิตรถยนต์บางรายได้ถอนแผนที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าออกไปแล้ว ฟอร์ดได้ยกเลิกแผนการผลิตรถยนต์ SUV 3 แถวที่ใช้ไฟฟ้าโดยเลือกที่จะผลิตเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้าแทน ขณะที่ เจนเนอรัล มอเตอร์สได้เลื่อนการผลิต ที่โรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าออกไป
มีการคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอาจพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อรถต่างพากันรีบใช้ประโยชน์จากเครดิตภาษีที่มีอยู่ซึ่งสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
ความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษ
คำสั่งดังกล่าวยังหมายถึงว่า สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษในระยะยาว รถยนต์และรถบรรทุกขนาดเบาเป็นสาเหตุของก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งของสหรัฐฯ มากกว่าครึ่งหนึ่ง และภาคส่วนนี้เองเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการปล่อยมลพิษโดยรวมของประเทศ
การดำเนินการใดๆ เพื่อย้อนกลับหรือแก้ไขกฎระเบียบมีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมายจากกลุ่มสิ่งแวดล้อมและกลุ่มอื่นๆ
ก่อนการเลือกตั้ง ทรัมป์เริ่มสนิทสนมกับ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla บริษัทนี้มีมูลค่าตลาดสูงสุดในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกและเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แม้จะมีการแข่งขันจากผู้ผลิตรายอื่นเพิ่มขึ้นก็ตาม ที่น่าสังเกตคือ ทรัมป์ดูเหมือนจะผ่อนปรนท่าทีต่อรถยนต์ไฟฟ้าชั่วคราวในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ปัจจุบัน มัสก์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกประสิทธิภาพรัฐบาลของประธานาธิบดี ซึ่งเป็นหน่วยงานนอกภาครัฐที่มองหาวิธีลดกฎระเบียบของรัฐบาลไล่พนักงานของรัฐบาลออกและตัดลดโครงการต่างๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คําศัพท์ครอบครัวภาษาอังกฤษ (Family Vocabulary)
คําศัพท์ครอบครัวภาษาอังกฤษ
เริ่มจากครอบครัวเล็กๆ กันก่อน คำเหล่านี้เราก็รู้ๆกันอยู่แล้วเนอะ
- Father (ฟา’เธอะ) พ่อ
หรือในภาษาพูดที่เรามักได้ยินบ่อยๆ dad, daddy - Mother (มา’เธอะ) แม่
ในภาษาพูด คือ mom (American) หรือ mum (British) - Son (ซัน) ลูกชาย
- Daughter (ดอ’เทอะ) ลูกสาว
- Brother (บรา’เธอะ) พี่ชาย, น้องชาย
- Older brother (โอลเดอะ บราเธอะ) พี่ชาย
- Younger brother (ยังเกอะ บราเธอะ) น้องชาย
- Sister (ซิส’เทอะ) พี่สาว, น้องสาว
- Older sister (โอลเดอะ ซิสเทอะ) พี่สาว
- Younger sister (ยังเกอะ ซิสเทอะ) น้องสาว
- Sibling (ซิบ-ลิง) คำนี้แปลว่า พี่น้อง เหมือนคำว่า brother, sister พี่น้องร่วมบิดามารดา
- Uncle (อัง’เคิล) ลุง, อา, น้า
- Aunt (อานทฺ) ป้า, อา, น้า
- Cousin (คัซ’เซิน) ลูกพี่ลูกน้อง คือ ลูกของลุงป้าน้าอาเรานั่นแหละ
- Relative (เรล’ละทิฟว) ญาติพี่น้อง, เครือญาติ
- Nephew (เนฟ’ฟิว) หลานชาย
- Niece (นีซฺ) หลานสาว
คําศัพท์ครอบครัวภาษาอังกฤษ ปู่ ย่า ตายาย
ศัพท์ภาษาอังกฤษความสัมพันธ์ในครอบครัว รุ่นปู่ย่าตายาย ก็ง่ายๆ แค่ใส่ grand นำหน้า
- Grandfather (แกรน ฟา’เธอะ) ปู่, ตา ฝรั่งก็จะเรียกสั้นๆ ว่า grandpa หรือ granddad
- Grandmother (แกรน มา’เธอะ) ย่า, ยาย สั้นๆก็ grandma
- ถ้าพูดรวมทั้งสองท่านเราเรียกว่า Grandparents (แกรน แพ’เรินท) พ่อแม่, บรรพบุรุษ
- Grand children (แกรน ชิล’เดรน) หลานๆ
- Grandson (แกรน ซัน) หลานชาย
- Granddaughter (แกรน ดอ’เทอะ) หลานสาว
คําศัพท์ภาษาอังกฤษ ครอบครัว รุ่นคุณทวด
ศัพท์ภาษาอังกฤษความสัมพันธ์ในครอบครัว รุ่นปู่ทวด ย่าทวด ก็ง่ายๆ แค่ใส่ great นำหน้า
- Great grandfather (เกรท แกรน ฟา’เธอะ) ปู่ทวด, ตาทวด
- Great grandmother (เกรท แกรน มา’เธอะ) ย่าทวด, ยายทวด
- Great grandchildren (เกรท แกรน ชิล’เดรน) เหลนๆ
คําศัพท์ครอบครัวภาษาอังกฤษ ลูกเขย ลูกสะใภ้
ถ้าเป็นลูกเขย ลูกสะใภ้ล่ะ ใช้คำว่า in-law ต่อท้ายเลยค่ะ
- Son-in-law – ลูกเขย
- Mother-in-law – แม่สามี
อีกหนึ่งคำที่อยากจะแนะนำคือคำว่า “step” เช่น
- Stepfather – พ่อเลี้ยง
- Stepmother – แม่เลี้ยง
- Stepson, stepdaughter – ลูกเลี้ยง
- Stepbrother, stepsister – พี่น้องที่เป็นลูกติดของพ่อหรือแม่เลี้ยง
สุดท้ายคือพี่น้องต่างพ่อหรือแม่ เราเรียกว่า half-brother, half-sister นั่นเอง
คําถามภาษาอังกฤษเกี่ยวกับครอบครัว
คำถามครอบครัว พี่, น้อง
- How many people are there in your family?
ในครอบครัวของคุณมีกี่คน
There are five people in my family: my dad, mom, sister, brother and me.
ในครอบครัวของฉันมี 5 คน คือ พ่อของฉัน, แม่, พี่สาว, พี่ชาย และ ฉัน
- Do you have any brothers or sisters?
คุณมีพี่น้องหรือน้องสาวไหม?
เราสามารถตอบได้หลายแบบ ดังนี้
Yes, I’ve got …
ครับ/ค่ะ ฉันมี…
และต่อด้วย…
– a brother. พี่ชาย/น้องชาย
– a sister. พี่สาว/น้องสาว
– an elder brother. พี่ชาย
– a younger sister. น้องสาว
– two brothers. พี่ชาย/น้องชายสองคน
– two sisters. พี่สาว/น้องสาวสองคน
– one brother and two sisters. พี่ชาย/น้องชายหนึ่งคนและพี่สาว/น้องสาวสองคน
– No, I’m an only child. ไม่ครับ/ค่ะ ฉันเป็นลูกคนเดียว
- Is she or he older or younger than you?
เธอหรือเขานั้นอ่อนกว่าหรือแก่กว่าคุณ ? - Are they older or younger than you?
พวกเขานั้นอ่อนกว่าหรือแก่กว่าคุณ ?
จะเห็นได้ว่า คำว่า “brother” มีโอกาสเป็นได้ทั้งพี่ชายหรือน้องชาย ในขณะที่คำว่า “sister” ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้งพี่สาวหรือน้องสาวเช่นกัน
เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะระบุลงไปให้ชัดสามารถนำคำว่า “younger” และ “older” มาประกอบได้ เช่น older brother ก็คือ พี่ชายคน younger sister ก็คือ น้องสาวนั่นเอง
- Is she or he older or younger than you?
เธอหรือเขานั้นอ่อนกว่าหรือแก่กว่าคุณ ? - Are they older or younger than you?
พวกเขานั้นอ่อนกว่าหรือแก่กว่าคุณ ?
คำถามครอบครัวเกี่ยวกับ ลูก, หลาน
Do you have any children? ดู ยู แฮฟ เอนี่ ชิวเดร้นท์
คุณมีลูกไหม
Yes, I’ve got … ครับ/ค่ะ ฉันมี…
และต่อด้วย…
a boy and a girl. ลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน
a young baby. ลูกอ่อนหนึ่งคน
three kids. ลูกเล็กๆ สามคน
I don’t have any children. ฉันไม่มีลูก
Do you have any grandchildren? ดู ยู แฮฟ เอนี่ แกรนชิวเดร้นท์
คุณมีหลานไหม
คำถามครอบครัวเกี่ยวกับ พ่อแม่, ปู่ย่า, ตายาย
- Where do your parents live?
พ่อแม่ของคุณอาศัยอยู่ที่ไหน? - What do your parents do?
พ่อแม่ของคุณทำอะไร? - What does your father do?
พ่อคุณทำอะไร?
My father is a doctor.
พ่อของผมเป็นหมอ - What does your mother do?
แม่คุณทำอะไร?
My mother is a teacher.
แม่ของฉันเป็นครู - Are your grandparents still alive?
ปู่ ย่า ตา ยายของคุณยังมีชีวิตอยู่ไหม?
Where do they live?
พวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน?
คำถามสนทนาเรื่องความสัมพันธ์
Do you have a boyfriend?
คุณมีแฟนไหม (แฟนผู้ชาย)?
Do you have a girlfriend?
คุณมีแฟนไหม (แฟนผู้หญิง)?
Are you married?
คุณแต่งงานหรือยัง?
Are you single?
คุณโสดหรือเปล่า?
Are you seeing anyone?
คุณคบกับใครอยู่ไหม?
I’m seeing someone.
ฉันกำลังคบกับใครคนหนึ่งอยู่
หรือสามารถตอบสถานะความสัมพันธ์ได้ ดังนี้
I’m … และตามด้วย
single – โสด
engaged – มีคู่หมั้นแล้ว
married – แต่งงานแล้ว
divorced – หย่าแล้ว
separated – แยกกับเขา/เธอแล้ว
a widow – แม่ม่าย
a widower – พ่อม่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
รู้หรือไม่!? ชาเขียวช่วยลดความอ้วนได้
มีหลากหลายวิธีการที่ทำให้ลดน้ำหนักได้ผล ซึ่งได้แก่ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมให้น้ำหนักลดได้ง่าย เป็นต้น ชาเขียวเป็นหนึ่งตัวเลือกที่คนญี่ปุ่นใช้เป็นตัวช่วยลดน้ำหนัก มารู้กันว่าทำไมชาเขียวถึงช่วยลดความอ้วนได้กัน
1. ฤทธิ์ในการทำงานร่วมกันระหว่างคาเฟอีนและสารคาเทชิน
คาเฟอีนในชาจะกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนและนอร์อะดรีนาลีนออกมาในเลือดเพิ่มขึ้น นอร์อะดรีนาลีนมีหน้าที่ในการเสริมการสลายไขมันในเนื้อเยื่อไขมัน ส่วนสารคาเทชิน (Catechin) เป็นสารโพลีฟีนอลที่แบ่งออกเป็นสี่ประเภท ได้แก่ อีพิคาเทชิน (Epicatechin) อีพิแกลโลคาเทชิน (Epigallocatechin) อีพิคาเทชิน แกลเลต (Epicatechin gallate) และอีพิแกลโลคาเทชิน แกลเลต (Epigallocatechin gallate) โดยในบรรดาสารโพลีฟีนอลทั้งหมดสารอีพิแกลโลคาเทชิน แกลเลต หรือ EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่ช่วยป้องกันการสลายของฮอร์โมนนอร์อะดรีนาลีนซึ่งมีผลในการสลายไขมันในร่างกาย ดังนั้นทำให้ร่างกายรักษาผลในการย่อยไขมันได้นานขึ้น
2. สารโพลีฟีนอลในชาเขียวเพิ่มความสามารถในการขับสารพิษของตับ
สารโพลีฟีนอลในชาเขียวและมัทฉะมีฤทธิ์เสริมการทำงานของตับช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อสารพิษถูกขับออกมาได้ง่าย จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น และทำให้ผอมเพรียวขึ้นได้ง่าย
3. สารธีอะนีนในชาเขียวช่วยลดความอยากอาหาร
แอล ธีอะนีน (L-theanine) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีมากในชาเขียวและมัทฉะ มีสรรพคุณทำให้ร่างกายผ่อนคลายและทำให้นอนหลับดีขึ้น อีกทั้งสารชนิดนี้ยังช่วยปรับระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนิน (Serotonin) และโดพามีน (Dopamine) ให้อยู่ในสภาพที่สมดุลกัน จึงช่วยกดความรู้สึกอยากอาหารและนำไปสู่การลดน้ำหนักได้
หากอยู่ในช่วงควบคุมและลดน้ำหนักลองใช้ชาเขียวเป็นตัวช่วยทำให้น้ำหนักลดเร็วขึ้นดูค่ะ โดยพบว่าการดื่มชาเขียวก่อนอาหาร 1 ถ้วย จะมีประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดี และปริมาณที่ดื่มเพื่อการลดน้ำหนักควรอยู่ที่วันละประมาณ 500 มิลลิลิตร ทั้งนี้ชาเขียวบางชนิดมีปริมาณคาเฟอีนค่อนข้างสูงจึงควรระวังไม่ดื่มก่อนนอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/01/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 44,100.00 | 44,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,857.00 | 43,312.12 | 44,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,571.30 | 38,980.91 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,285.60 | 34,649.70 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,286.00 | 19,495.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,000.00 | 15,160.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,961.00 | 44,888.76 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/01/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.75 | 35.75 | 36.25 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.38 | 35.38 | 35.88 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.54 | 33.54 | 34.04 | 33.54 | 33.54 | – | 33.54 | 33.54 | 33.54 | 33.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.59 | 32.59 | – | – | – | – | – | – | – | 32.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.34 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.34 |
เบนซิน 95 | 44.04 | – | – | – | 49.81 | – | 44.54 | 44.19 | – | 44.04 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |