สาระน่ารู้ประจำวันที่ 29 มกราคม 2568

‘ศุภาลัย’สบช่องคู่แข่งwait&see ผุด36โครงการ4.6หมื่นล้านชิงแชร์

‘ศุภาลัย’สบช่องคู่แข่งwait&seeส่งผลให้เปิดตัวใหม่ต่ำสุดในรอบ 15 ปี เหตุกำลังซื้ออ่อนแอเข้าถึงสินเชื่อยาก เร่งผุด36โครงการ4.6หมื่นล้านชิงแชร์ตลาด ระบุเป็นโอกาสคนที่มีความพร้อม ถือเป็นขาขึ้นของศุภาลัย

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมายจากภาวะเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ตลาดยังคงเติบโตได้จากการปรับตัวของผู้ประกอบการให้ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและความยั่งยืน หัวใจหลักขับเคลื่อนธุรกิจแห่งอนาคต

ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดปี 2568 จะยังคงได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งการลดลงของซัพพลายจากผู้ประกอบการที่ลดการเปิดโครงการใหม่ ความหายากของที่ดินทำเลดี เป็นข้อจำกัดที่สำคัญสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคมุ่งเน้นไปที่โครงการรับเทรนด์สีเขียวและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI และ IoT ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของตลาด

อีกทั้ง ความท้าทายทางด้านการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เป็นอุปสรรคที่ผู้ประกอบการต้องรับมือ! อย่างไรก็ตาม การลงทุนจากต่างชาติและการขยายตัวของเมืองรอง ถือเป็นโอกาสสำคัญที่อาจช่วยผลักดันให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้ในระยะยาว “ไม่ว่าปีนี้้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรแต่ปีนี้เป็นขาขึ้นของศุภาลัย”

ศุภาลัยเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2568  มองว่า สถานการณ์การเงินที่แข็งแกร่งของตนเองเป็น “จุดแข็ง” ช่วยให้จับจังหวะในการขยายตัวและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้ 

ปี 2567 ศุภาลัย มียอดขายรวม 26,743 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพการบริหารความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับปี 2568 ตั้งเป้าหมายยอดขาย 32,000 ล้านบาท รายได้ 30,000 ล้านบาท เปิดตัว 36 โครงการใหม่ มูลค่า 46,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 28 โครงการ คอนโดมิเนียม 8 โครงการ เน้นทำเลศักยภาพสูง รวมถึงจังหวัดใหม่ๆ เช่น ลพบุรี สุพรรณบุรี และเกาะสมุย

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า สถานะการเงินที่แข็งแรงเป็น”โอกาส”ที่ศุภาลัยจะช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งท่ามกลางซัพพลายที่จำกัด แม้ปีนี้จะมีการเปิดตัวแนวราบลดลง แต่จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น “เท่าตัว” ในทำเลสุขุมวิท39 แจ้งวัฒนะ ตากสิน ท่าพระ ศรีนครินทร์ พัทยา-นาเกลือ พัทยา-วงศ์อมาตย์ และ ภูเก็ต จากปีก่อนเปิดคอนโดมิเนียม 4 โครงการมูลค่า 6,000 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 21% ส่วนแนวราบมีทั้งโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

“การเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ลดลงต่ำสุดรอบ 15 ปี แต่ศุภาลัยมั่นใจในศักยภาพความพร้อม ความแข็งแกร่งของเงินทุน ยิ่งในภาวะที่ดีเวลลอปเปอร์บางส่วนไม่สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ถือเป็นโอกาสเข้าถึงลูกค้าใน 2-3 ปีจากนี้”

ประกอบกับสถานการณ์ราคาที่่ดินสมเหตุสมผลมากขึ้นหลังพุ่งสูงจนไม่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ ค่าก่อสร้าง ค่าแรง และวัสดุก่อสร้างลดลง ทำให้สามารถพัฒนาโครงการในราคาที่่ลูกค้าจับต้องได้!

เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ศุภาลัยไม่เพียงแค่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในด้านราคาหรือทำเลเท่านั้น แต่ยังลงทุนในนวัตกรรม เทคโนโลยี โดยการนำ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาด สร้างประสบการณ์การซื้อที่ง่าย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

พร้อมให้ความสำคัญกับการพัฒนา “Smart Village” เป็นการสร้างชุมชนที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย ใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่มีความท้าทายมากขึ้นในด้านสิ่งแวดล้อม

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


คุมก่อสร้าง 246 ตึกสูงกลางกรุง รัฐบาลหวังเบรกฝุ่นPM2.5 ยกระดับวาระแห่งชาติ

กทม.คุมก่อสร้าง 246 ตึกสูง ใจกลางกรุง กรมโยธาฯงัดกฎควบคุมอาคาร-EIA เข้มมาตรการฝุ่นหากฝ่าฝืนโทษถึงคุก บิ๊กอสังหาฯขานรับ ด้านคมนาคม สั่งคุมเข้มพื้นที่ก่อสร้าง โครงการใหญ่ เบรกรถ 6 ล้อเข้ากรุงเทพฯชั้นใน หลังรัฐบาลยกเป็นวาระแห่งชาติ

ปัญหาฝุ่นพิษหรือPM2.5 ทวีความรุนแรง ยากต่อการควบคุม หลายฝ่ายกังวลว่า นอกจากจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว ยังมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศ

ที่รัฐบาล แพทองธาร ให้ความสำคัญยกระดับเป็นนโยบายระดับชาติ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ โดยมีหมุดหมายหยุดปัญหาฝุ่นจากต้นตอ และที่มองข้ามไม่ได้คือภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง อีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดฝุ่นพิษ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนควบคุมไม่รัดกุมเพียงพอ อาจนำมาซึ่งการฟุ้งกระจายเป็นวงกว้างได้

ออกกฎคุมตึกกำลังก่อสร้าง

กรมโยธาธิการและผังเมือง กำชับมาตรการป้องกันฝุ่นละออง รับมือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจที่มีการก่อสร้างอาคารสูงหนาแน่น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้าง โดยเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการฯ อย่างเคร่งครัด เช่น การกันล้อมพื้นที่ก่อสร้าง การปิดคลุมวัสดุ และการฉีดพรมน้ำ

เพื่อควบคุมการปล่อยฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น และการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการลดฝุ่นในพื้นที่ก่อสร้างอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและ ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการออกกฎหมายควบคุมอาคาร

จึงได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 (พ.ศ.2563) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นหนึ่งในกฎหมายป้องกันฝุ่นที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร มีความครอบคลุมในเรื่องการฟุ้งกระจายของฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร

มองว่าปัญหาเรื่องฝุ่นละอองมีความเกี่ยวข้องในหลายมิติ กฎกระทรวงดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการ ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้างอาคารเท่านั้น ซึ่งยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง กับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีมาตรการEIA หรือการขออนุมัติ การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ไม่ปฎิบัติตามโทษถึงคุก

อย่างไรก็ตามมาตรการป้องกันฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง มีดังนี้ กฎกระทรวงฉบับที่67 (พ.ศ. 2563) ฯ เฉพาะเรื่องมาตรการป้องกันฝุ่นกำหนด เป็นเงื่อนไขในท้ายใบอนุญาตกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ออกตาม มาตรตรา 8(11) หากไม่ปฏิบัติตาม มีโทษจำคุก 6 เดือนปรับ 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับโดยปรับวันลด 3 หมื่นบาทจนกว่าจะปฎิบัติถูกต้อง

และกรณีไม่ปฏิบัติตามมาตรกา รEIAประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีฝุ่นจำคุก 3 เดือนปรับ 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและปรับวันละ  1หมื่นบาทจนกว่าจะปฏิบัติถูกต้องเป็นต้น

จี้ 246 ตึกสูง เข้มฝุ่น ตามกฎEIA

“ฐานเศรษฐกิจ”ตรวจสอบอาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ตามที่กรมโยธาธิการและผังเมืองออกมาตการควบคุม พบว่ามี 246โครงการ (ข้อมูลณ วันที่ 28มกราคม2568) ซึ่งเป็นอาคารสูงเกิน23เมตร อาคารขนาดใหญ่ และอาคารขนาดใหญ่พิเศษ กระจายอยู่บริเวณพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน

แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) อธิบายเพิ่มเติมว่า อาคารที่ได้รับอนุญาต อยู่ ในความรับผิดชอบของ สำนักการโยธา อย่าง เขตปทุมวัน วัฒนา บางรัก สาทร สีลม บางคอแหลม ฯลฯ ซึ่งเป็นทั้งโครงการคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงแรม อาคารสาธารณะ โรงพยาบาล รวมถึงสถานีน้ำมันขนาดใหญ่

โดยมีการก่อสร้างค่อนข้างหนาแน่น ส่งผลให้มีฝุ่นเกิดขึ้น ทั้งฝุ่นPM10 (ฝุ่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า) และฝุ่นPM2.5(ฝุ่นจิ๋ว มีผลกระทบต่อสุขภาพ ) ซึ่งฝุ่นที่มีผลต่อสุขภาพ เกิดในขั้นตอนการ ตอกเสาเข็มทำฐานรากอาคาร ทำให้เกิดการฟุ้งกระจาย และ กรณีรถบรรทุกขนวัสดุก่อสร้าง เข้า-ออกโครงการ

รวมถึงเครื่องจักร ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล โดย กทม.ได้กำชับเอกชนปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของกฎหมายควบคุมอาคารและข้อบังคับ ของ EIA หรือการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะการควบผ้าใบคุลมตึก และใช้ละอองน้ำฉีดพ่นรวมถึง ให้รถบรรทุกล้างล้อทุกครั้งที่ออกนอกเขตก่อสร้างอาคาร และหมั่นตรวจตราการก่อสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชนรอบข้าง

บิ๊กเอกชนหนุนนโยบายรัฐ

 อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนส่วนใหญ่จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยมองว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายเป็นมลพิษทางอากาศสำคัญในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัย

 นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นส่งผลต่ออาคารสำนักงานในด้านการเดินทางของลูกค้าและผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม อาคารสำนักงานของเฟรเซอร์สได้รับการออกแบบให้มีระบบฟิตเวลส์ (Fitwel) และมาตรฐานการควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร ซึ่งช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ฯ กล่าวว่า สำหรับอาคารโรงงานและคลังสินค้า เฟรเซอร์สได้ยึดมาตรฐานอาคารเขียว LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ของสหรัฐอเมริกา

ไม่เพียงแต่เน้นการใช้วัสดุรีไซเคิล แต่ยังรวมถึงการจัดการฝุ่นระหว่างการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม มาตรการลดฝุ่นจากการก่อสร้าง เฟรเซอร์สมีมาตรการควบคุมฝุ่นอย่างเคร่งครัด เช่น การฉีดน้ำเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น และการจัดการตะกอนจากการก่อสร้างไม่ให้ปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม

ขณะที่นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ระบุว่า สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยในเขตชานเมือง

ปัญหาฝุ่นอาจไม่รุนแรงเท่าในเขตเมือง แต่เฟรเซอร์สได้เตรียมระบบคลีนคูลแอร์ (Clean Cool Air) ที่สามารถกรองฝุ่นและปรับปรุงการระบายอากาศภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการใช้เครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติม

สอดคล้องกับนายชัชวีร์ พรหมปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ (COO) บมจ.สัมมากร มองว่าบริษัทให้ความสำคัญนโยบายลดฝุ่น โครงการของบริษัทส่วนใหญ่เป็นแนวราบ ส่วนใหญ่อยู่โซนชานกรุงเทพฯซึ่งมองว่าไม่กระทบมากนักอีกทั้งได้มีมาตการลดฝุ่นด้วยการใช้น้ำฉีดพ่นเพื่อลดผลกระทบชุมชนรอบข้าง

ห้ามรถเข้าเมือง–คุมบิ๊กโปรเจ็กต์

ด้าน กระทรวงคมนาคม มีมาตรการลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่มาจากการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคลมากขึ้น รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน- บ้านแพ้ว (M82) บนถนนพระราม 2โครงการทางพิเศษ สายพระราม 3- ดาวคะนอง- วงแหวนรอบนอกกรุงเทพ มหานครด้านตะวันตก ฯลฯ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จัดชุดเฝ้าระวังออกตรวจสอบค่าควันดำจากรถโดยสารสาธารณะ รถร่วมบริการ รถบรรทุก และยานพาหนะที่มีการตกแต่งเครื่องยนต์ (รถกระบะแต่งซิ่ง) ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในที่มีค่า PM 2.5 สูง

 ขณะเดียวกันได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพฯในการลงพื้นที่ตรวจฯ และจัดชุดผู้ตรวจการขนส่งทางบก จำนวน 16 ชุด ออกตรวจในกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พ่นข้อความ “ห้ามใช้” ในกรณีมีค่าการปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน

และกำชับและเตือนผู้ประกอบการรถโดยสารและรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ของกทม.ห้ามขับรถเข้าไปในพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก จำนวน 9 เขต ได้แก่ ดุสิต พญาไท พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ คลองสาน สาทร ปทุมวัน บางรัก เพื่อลด PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯชั้นในที่มีการจราจรหนาแน่น หากฝ่าฝืนมีโทษตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550

ปิดผ้าคลุม-ฉีดน้ำเขตก่อสร้าง

ฟากกรมทางหลวง โดยนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า กรมฯได้กำหนดเป็นมาตรการเข้มข้นเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้านงานก่อสร้าง การจำกัดดูแลพื้นที่ก่อสร้างให้เกิดฝุ่นละอองน้อยที่สุด พร้อมทั้งเข้มงวดมาตรการป้องกัน และ ลดฝุ่นละออง

นายกิตติ เอกวัลลภ ผู้ช่วยผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) กล่าวว่า รฟม.ได้คุมเข้ม PM2.5 อย่างเข้มงวด รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับจ้าง อาทิ การตรวจสอบสภาพเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพดี การปิดคลุมกองวัสดุก่อสร้างที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองภายในพื้นที่โครงการ ฉีดพรมน้ำบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง กำชับให้ผู้รับจ้างดำเนินการเป็นไปตามEIA กำหนด

ตรวจเช็คควันดำรถโดยสาร

 นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่าขสมก. วางมาตรการตรวจวัดควันดำรถโดยสารทุกคันอย่างเคร่งครัดมากขึ้น โดย ขสมก. ได้เพิ่มมาตรการควบคุม ดูแล และป้องกัน รถโดยสารควันดำ ดังนี้ ตรวจวัดควันดำรถโดยสารทุกคัน ทุกวัน ทั้งกะเช้าและกะบ่าย ก่อนนำรถโดยสารออกให้บริการประชาชน หากพบรถโดยสารที่มีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 ต้องงดใช้งานและนำเข้าแก้ไขทันที

 อย่างไรก็ตามขสมก. ได้รวบรวมและจัดทำข้อมูลรถโดยสารทุกคัน เข้าโครงการระบบบัญชีสีเขียว (Green List) ของกรุงเทพฯ โดยขสมก.ขอความร่วมมือรถเอกชนร่วมบริการในการตรวจเช็คควันดำ รวมทั้ง จัดทีมลงพื้นที่สุ่มตรวจรถร่วมบริการทุกประเภทของขสมก. อย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29ม.ค. “แข็งค่าขึ้น”ที่ระดับ 33.82 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.95 บาท/ดอลลาร์ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ผลการประชุม FOMC ของเฟดคาดยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50%รอความชัดเจนของนโยบายTrump 2.0

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29ม.ค.2568 ที่ระดับ  33.82 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ  33.88 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด ที่จะรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ นี้

อีกทั้ง วันนี้ยังเป็นวันหยุดเทศกาลตรุษจีนของหลายตลาดในฝั่งเอเชีย ทำให้ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินอาจเบาบางลงได้บ้าง ทั้งนี้ เรายังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้น

หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เมื่อประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงชัดเจน เหนือโซนแนวต้าน 34.20 บาทต่อดอลลาร์

อนึ่งในช่วงระหว่างวันนี้ เรามองว่า บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินก็อาจพอช่วยหนุนเงินบาทได้บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม เหมือนในวันก่อนหน้า

นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจได้รับอานิสงส์เพิ่มเติม หากราคาทองคำยังสามารถทยอยปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านก่อนหน้าได้บ้าง ทว่าต้องระวังความผันผวนของราคาทองคำ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินบาทได้พอสมควร โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด

อนึ่ง เรามองว่า เงินบาทอาจยังไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องชัดเจน เนื่องจากในช่วงนี้ เรายังคงเห็นแรงซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าอยู่ รวมถึงอาจมีโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบจากผู้เล่นในตลาดอยู่บ้าง หลังราคาน้ำมันดิบได้ทยอยปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เงินบาทอาจพอมีแนวรับแถวโซน 33.60-33.70 บาทต่อดอลลาร์ ได้

ทั้งนี้ เราขอย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา ชี้ว่า เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัวกว่า +/-0.30%

โดยเฉลี่ย ภายในช่วง 30 นาที หลังทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟดได้ นอกจากนี้ ในช่วง 2.30 น. ซึ่งจะเป็นช่วง Press Conference ของประธานเฟด Jerome Powell ก็จะเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ตลาดการเงินมักจะผันผวนไปตามถ้อยแถลงของประธานเฟด

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.95 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟดและช่วง Press Conference ของประธานเฟด)

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.81-33.95 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะปรับตัวลดลงบ้าง

โดยในส่วนของเงินดอลลาร์ก็ถูกกดดันบ้าง จากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือนธันวาคม หดตัว -2.2% จากเดือนก่อนหน้า

อีกทั้ง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย Conference Board ในเดือนมกราคม ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 104.1 จุด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังคงไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องชัดเจน หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสฯ นี้

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายความกังวลประเด็น AI จากจีน “DeepSeek-R1” และกลับเข้าซื้อหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่ปรับตัวลงแรงก่อนหน้า โดยเฉพาะ Nvidia +8.9% ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +2.03% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.92%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.36% หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลประเด็น AI จากจีนลงบ้าง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ Inditex (เจ้าของแบรนด์ Zara) +3.1% รวมถึงความหวังต่อแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์นั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.53% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะหลังนี้ ทยอยออกมาผสมผสาน (แย่กว่าคาดเป็นส่วนใหญ่)

ทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจสามารถลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้ ตามที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด (นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังมองอีกว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 1 ครั้ง หรือ 25bps ในปี 2026)

อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนสูง ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

และการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 20 อย่างใกล้ชิด ทำให้เราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดก็สามารถทยอยซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นได้ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคาซื้อ เพื่อ Risk-Reward ที่น่าสนใจ)

 ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด

ทว่าผู้เล่นในตลาดยังคงไม่รีบปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ที่ชัดเจน เพื่อรอลุ้นผลการประชุมเฟดและECB ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 107.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 107.8-108.1 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลงบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงความต้องการถือทองคำเพื่อรับมือกับ Trump’s Uncertainty ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025)

ทยอยปรับตัวขึ้น สู่โซน 2,790-2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 2.00 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ ตามเวลาประเทศไทย โดยเรามองว่า ในการประชุมครั้งนี้ เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50% เพื่อรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

รวมถึงรอความชัดเจนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อได้ ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดมีโอกาสที่จะกลับมาลดดอกเบี้ยต่อในการประชุม FOMC เดือนมีนาคม

หากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องชัดเจน ส่วนนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็อาจไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตลาดกังวล

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Apple ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า  เงินบาทแข็งค่ากลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.76-33.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.19 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.91 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้น ขณะที่ แรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วนเนื่องจากตลาดยังรอติดตามผลการประชุมเฟดในคืนนี้ ประกอบกับมีปัจจัยลบจากการปรับตัวลงของบอน์ยีลด์สหรัฐฯ หลังข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือนม.ค. ออกมาแย่กว่าคาด และลดลงเมื่อเทียบกับระดับความเชื่อมั่นในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกด้วยเช่นกัน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้  ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.70-33.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทิศทางฟันด์โฟลว์และค่าเงินเอเชีย และสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากผลการประชุมเฟด (28-29 ม.ค.)
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บูม-กษิดิศ นำทัพเดวิสคัพไทยถึงไซปรัส พร้อมทำศึกเทนนิสชิงแชมป์โลก

คณะนักกีฬาเทนนิสทีมชาติไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2568 เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ด้วยสายการบิน กาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบิน QR 837 จากนั้นได้แวะต่อเครื่องที่โดฮา ประเทศกาตาร์ เที่ยวบิน QR 265 และล่าสุด ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานลาร์นากา สาธารณรัฐไซปรัส วันที่ 27 ม.ค. เวลาประมาณ 16.40 น. ของไทย

พันเอก วัฒนา จันทร์ไพจิตต์ กรรมการอำนวยการสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการทีมเดวิสคัพไทย ได้นำคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เดินทางต่อโดยรถยนต์ไปยัง กรุงนิโคเซีย และเข้าพักที่โรงแรมคลาส ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมชาย รายการ “2025 เดวิสคัพ” เวิลด์ กรุ๊ป 2 เพลย์ออฟส์ ที่สนามดิน นิโคเซีย ฟิลด์ คลับ กรุงนิโคเซีย สาธารณรัฐไซปรัส ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. 2568

 จากนั้น พันเอก วัฒนา พร้อมด้วย “โค้ชเบิ้ม” ดร.ธนากร ศรีชาพันธุ์ กัปตันทีมและผู้ฝึกสอน, พันโท วิทยา สำเร็จ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ได้นำนักกีฬาทั้ง 5 คน “บูม” กษิดิศ สำเร็จ “โอเว่น” ธนเพชร ฉันทะ “จูเนียร์” วิชยา ตรงเจริญชัยกุล “แม็กซิ” แม็กซิมัส ภราพล โจนส์ (ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย) และ “ณัฐ” ปรัชญา อิสโร พร้อมด้วย นายวีรภัทร สิริจริยาพร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ออกเดินทางไปยังสนาม นิโคเซีย ฟิลด์ คลับ กรุงนิโคเซีย เพื่อฝึกซ้อมแบบเบา ๆ เน้นเรื่องการยืดกล้ามเนื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พันเอก วัฒนา จันทร์ไพจิตต์ ผู้จัดการทีมเดวิสคัพไทย และคณะ ได้นำเค้กมาอวยพรวันเกิดให้แก่ “บูม” กษิดิศ สำเร็จ นักเทนนิสมือ 1 ทีมชาติไทย และขอให้ กษิดิศ เป็นกำลังสำคัญในการนำทีมไทยคว้าชัยในการแข่งขันครั้งนี้ โดย กษิดิศ นั้น มีวันคล้ายวันเกิดตรงกับวันที่ 26 ม.ค. และมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ สร้างความดีใจและปลื้มใจให้กับ กษิดิศ และครอบครัว “สำเร็จ” เป็นอย่างมาก

สำหรับ กษิดิศ นั้น เป็นนักเทนนิสที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยมาหลายรายการ รวมถึงล่าสุด ที่ได้สิทธิแข่งขันเทนนิสแกรนด์ สแลม ครั้งแรกในชีวิต ในรายการ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ก่อนพ่ายให้แก่ “ดานิล เมดเวเดฟ” มืออันดับ 5 ของโลก ในการแข่งขันเมนดรอว์ รอบแรก 2-3 เซต

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


11 วิธีแก้อาการ “ท้องร้อง” แบบที่ไม่ต้องกินอาหารเสมอไป

เรามีประสบการณ์แบบนี้กันทุกคน: คุณนั่งอยู่ในห้องเงียบสนิท แล้วจู่ๆ ท้องก็ส่งเสียงดังโครกคราก เสียงนี้เรียกว่า “บอร์โบริกมี” (borborygmi) เกิดขึ้นในระหว่างการย่อยอาหารตามปกติ ขณะที่อาหาร ของเหลว และแก๊สเคลื่อนผ่านลำไส้ บอร์โบริกมีอาจสัมพันธ์กับความหิว ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการหดตัวภายในระบบทางเดินอาหาร เมื่อไม่มีอาหารช่วยลดทอนเสียง คุณจึงได้ยินเสียงท้องร้องดังสนั่นที่รู้สึกเหมือนจะได้ยินไปไกลเป็นไมล์ การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ การย่อยอาหารช้า และการรับประทานอาหารบางชนิด สามารถส่งผลให้เกิดบอร์โบริกมีได้ โดยส่วนใหญ่มักเป็นปรากฏการณ์ปกติ

วิธีแก้ปัญหาท้องร้อง

1.ดื่มน้ำ ถ้าคุณติดอยู่ที่ไหนสักแห่งที่หาอะไรกินไม่ได้ และท้องก็ร้องโครกคราก การดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาอาการนี้ได้ น้ำจะช่วยในสองเรื่อง คือ ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้อิ่มท้อง ช่วยลดอาการหิวได้บ้าง แต่ควรระวังไว้ว่า ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำทีเดียวจำนวนมาก อาจทำให้เกิดเสียงกุกกักในท้อง แทนที่จะเป็นเสียงท้องร้องก็ได้

2.ทานช้าๆ ถ้าคุณสังเกตว่าท้องมักจะร้องโครกครากในช่วงประชุม 9 โมงเช้า แม้ว่าจะเพิ่งทานอาหารเช้าไปแล้ว ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานให้ช้าลงดูค่ะ การทานอาหารช้าๆ จะช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอาการท้องร้องได้

3.ทานอาหารบ่อยขึ้น นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาท้องร้องโครกครากบ่อยครั้ง ถ้าร่างกายของคุณส่งสัญญาณว่าหิวบ่อยมากจนถึงขั้นรบกวนกิจวัตรประจำวัน แสดงว่าคุณอาจต้องทานอาหารบ่อยขึ้น การแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 4-6 มื้อเล็กๆ แทนที่จะทาน 3 มื้อใหญ่ จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันอาการท้องร้องระหว่างมื้อ และยังช่วยให้อิ่มท้องอยู่เสมอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวจนเกินไป

4.เคี้ยวอาหารช้าๆ เมื่อทานอาหาร ควรเคี้ยวอาหารให้ช้าๆ และละเอียด การเคี้ยวอาหารแต่ละคำให้ละเอียดจะช่วยลดภาระการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้การย่อยอาหารเป็นไปได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การเคี้ยวอาหารช้าๆ ยังช่วยลดการกลืนอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ

5.หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส อาหารบางชนิดมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดแก๊สและอาหารไม่ย่อย การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จะช่วยลดอาการท้องร้องที่เกิดจากแก๊สเคลื่อนที่ในลำไส้ได้อย่างมาก

ตัวอย่างอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารที่ย่อยยาก เช่น:

  • ถั่ว
  • กะหล่ำปลีบรัสเซลส์
  • กะหล่ำปลี
  • บลอกโคลี

6.ลดการบริโภคอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด อาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง สามารถทำให้เกิดเสียงท้องร้องได้ การลดการบริโภคอาหารเหล่านี้จึงช่วยป้องกันปัญหาท้องร้องได้ ตัวอย่างเช่น ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะเขือเทศ และโซดาบางชนิด นอกจากนี้กาแฟก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรระวัง การลดหรือเลิกดื่มกาแฟตอนเช้า อาจช่วยลดอาการท้องร้องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้หลายชั่วโมง ลองเปลี่ยนมาดื่มชาที่มีคาเฟอีนแทน

7.อย่ากินมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่เราจะสังเกตเห็นเสียงท้องร้องหลังจากทานอาหารมื้อใหญ่ในวันหยุด โดยการทานอาหารทีละน้อย แต่บ่อยครั้งตลอดทั้งวัน และทานช้าๆ (ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรับรู้ว่าอิ่มแล้ว) จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไปได้

8.เดินหลังอาหาร ช่วยย่อยอาหาร การเดินหลังทานอาหารช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น โดยช่วยให้อาหารเคลื่อนที่ผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาพบว่าการเดินทันทีหลังทานอาหาร แม้จะเป็นการเดินเบาๆ ระยะทางสั้นๆ เพียงครึ่งไมล์ ก็สามารถช่วยเร่งการย่อยอาหารได้อย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้ว่าสิ่งนี้ไม่สามารถใช้กับการออกกำลังกายหนักหรือที่มีแรงกระแทกสูงได้ เพราะการออกกำลังกายแบบนั้นหลังทานอาหารทันทีอาจหนักเกินไป

9.พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นความวิตกกังวล คุณเคยรู้สึกว่าท้องปั่นป่วนเมื่อรู้สึกกังวลหรือเครียดไหมคะ? ความวิตกกังวลหรือความเครียดในระยะสั้นที่รุนแรง สามารถทำให้กระบวนการย่อยอาหารช้าลงได้ โดยเฉพาะกระบวนการที่อาหารเคลื่อนที่จากกระเพาะอาหารไปยังลำไส้ ทำให้อาหารย่อยช้าลงและทำให้ท้องร้อง

หากคุณกำลังรู้สึกวิตกกังวลมาก ลองหายใจลึกๆ เพื่อช่วยให้ระบบประสาทส่วนกลางสงบลง และลดอาการทางกายอื่นๆ ที่ตามมา

10.ลดปริมาณน้ำตาลในอาหาร การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะฟรุกโตสและซอร์บิทอล สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียและท้องอืด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงในลำไส้

11.ทานอะไรสักเล็กน้อยทันทีที่รู้สึกหิว วิธีที่ง่ายที่สุดเมื่อคุณรู้สึกหิวก็คือ การทานอะไรสักเล็กน้อยทันที ลองทานอาหารเบาๆ เช่น แครกเกอร์ หรือธัญพืชบาร์ขนาดเล็ก หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ เช่น มันฝรั่งทอด เพราะอาหารเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดแก๊สหรืออาหารไม่ย่อยได้ง่ายกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


22 เว็บไซต์อันตรายที่ ตำรวจไซเบอร์ เตือนว่า อย่ากดเด็ดขาด

ออกมาเตือนภัยอีกครั้ง เมื่อตำรวจไซเบอร์โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ออกมาเตือนภัยประชาชนว่ามี 22 เว็บมิจฉาชีพที่ห้ามกด

เพราะมิจฉาชีพมักจะสร้างเว็บปลอมที่เกี่ยวกับ การลงทุน, หลอกหารายได้พิเศษ, หลอกใส่ข้อมูลส่วนตัว โดยเมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อก็จะหลอกให้โอนเงินหรือขโมยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ

22 เว็บไซต์อันตราย ห้ามกด

  1. thaigrowthdigitalmarketing .cc
  2. www.settradethailand .com
  3. m.athur .net/trade
  4. www.ezbuy66 .com/
  5. ftc. trade-thai .com
  6. okx. hsgi .xyz
  7. www. btscswl .com/djvjpw
  8. wap.happinessco .cc
  9. bitmart.erwz .live
  10. tokts .life/ww
  11. www. thaibet248 .com/
  12. tiktok.thaipvz .com/
  13. www. shopping-now-maket .com/
  14. pi-moneyloan .com
  15. pea.bjgth .cc
  16. www. cryptoxj .com/
  17. www. bonanza-store .net
  18. hshh-banktt .app
  19. dedifeqa-spt .top
  20. royaltrad .vip
  21. h5.jgol .live
  22. affilliiate .com/index/login

โดยทั้ง 22 เว็บดังกล่าวตำรวจไซเบอร์ได้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์มิจฉาชีพทั้งหมดแล้ว แต่เนื่องจากว่าเว็บดังกล่าวผู้ให้บริการไม่ได้อยู่ภายในประเทศ โดยทางตำรวจไซเบอร์ได้ทำการเสนอปิดกั้น ไปยังผู้ให้บริการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังพบว่ามีหลายเว็บที่ยังมีการเปิดใช้งานอยู่ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน อย่ากดเข้าเว็บดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีน

คำศัพท์ความหมาย
Chinese New Yearวันตรุษจีน
Dragon danceการเชิดสิงโต
CelebrationCelebration
Red envelopeซองแดงหรือซองอั่งเปา
Offer sacrifices to one’s ancestorsการเส้นไหว้บรรพบุรุษ
Firecrackersประทัด
Fireworksดอกไม้ไฟ
Fortuneโชคดี
Good fortuneความโชคดี
Incenseกำยานหรือธูปบูชา
Longevityการมีอายุยืนยาว
Prosperityความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง
Family reunionการรวมญาติ
Traditionประเพณี

ขอบคุณข้อมูลจาก britishcouncil.or.th


“กาแฟดำ” ใส่ “น้ำมันมะกอก” เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจริงหรือ ?

หลังจากแบรนด์กาแฟรายใหญ่อย่างสตาร์บัคส์ เปิดตัวเมนู “โอเลอาโต” ในอิตาลีเป็นที่แรก ซึ่งเป็นเมนูที่เกิดจากการนำเมล็ดกาแฟอาราบิก้ามาชงกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์แบรนด์ Partanna ด้วยการ infusion หรือการสกัดด้วยการแช่เมล็ดกาแฟลงในน้ำมันมะกอก เพื่อให้ได้เอสเปรสโซซอตเข้ม นั่นทำให้สงสัยว่ากาแฟดำกับน้ำมันมะกอกเมื่อรวมอยู่ในแก้วเดียวกันประโยชน์ของเครื่องดื่มแก้วนี้คืออะไร


ประโยชน์ของกาแฟดำใส่น้ำมันมะกอก

1.ชะลอการดูดซีมคาเฟอีน เนื่องจากน้ำมันมะกอกจะช่วยเคลือบผนังกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงส่งผลในการชะลอการดูดซึมคาเฟอีนจากกาแฟได้ นั่นจึงทำให้ผลของการดื่มกาแฟไม่เกิดอาการรุนแรงหากเทียบกับการดื่มกาแฟเพียวๆ นอกจากนี้คุณสมบัติในการเคลือบผนังกระเพาะอาหารของน้ำมันมะกอกยังช่วยปรับความเป็นกรดของกาแฟลงอีกด้วย

2.เพิ่มไขมันดี ลดไขมันเลว เฉพาะตัวน้ำมันมะกอกเองก็ถือเป็นสุดยอดอาหารที่มีคุณประโยชน์มากมาย โดดเด่นด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน

  • ไขมันชนิดนี้ส่งผลดีต่อหัวใจ ช่วยลด “ไขมันเลว” (Low-density lipoprotein หรือ LDL) ในขณะเดียวกันก็เพิ่ม “ไขมันดี” (High-density lipoprotein หรือ HDL) ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ
  • นอกจากนี้น้ำมันมะกอกยังช่วยลดความดันเลือด อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ

3.ชะลอการย่อยอาหาร ทำให้คุณรู้สึกอิ่มอยู่ท้องนาน ไขมันรวมถึงน้ำมันมะกอก ช่วยชะลอการย่อยอาหาร ทำให้คุณรู้สึกอิ่มอยู่ท้องนาน และได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ไขมันยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลพุ่งสูงหลังอาหาร คุณสมบัตินี้เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ แต่ยังส่งผลดีกับทุกคนด้วยเช่นกัน ช่วยป้องกันอาการเหนื่อยล้าหรือหิวโหยที่อาจเกิดขึ้นหลังอาหาร

4.อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย น้ำมันมะกอกยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามินอีและสารโพลีฟีนอล

  • วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แถมยังช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง
  • สารพืช (plant polyphenols) ก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็นต้นเหตุของโรคเรื้อรัง นอกจากนั้นยังช่วยชะลอริ้วรอยและป้องกันโรคทางระบบประสาท

มีงานวิจัยหนึ่งพบว่าการบริโภคน้ำมันมะกอกอาจช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ อีกการวิจัยแบบ meta-analysis ยังพบว่าน้ำมันมะกอกอาจช่วยป้องกันมะเร็งได้ทุกชนิด

5.ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดีขึ้น น้ำมันมะกอกช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดีขึ้น วิตามินเหล่านี้ ได้แก่ วิตามิน A, D, E และ K หลายคนอาจแปลกใจ การกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเหล่านี้เพียงอย่างเดียว ร่างกายก็ยังไม่สามารถดึงคุณค่าทั้งหมดไปใช้ได้ หากไม่บริโภคไขมันไปพร้อมกัน จากประโยชน์มากมายของน้ำมันมะกอก ทำให้เป็นแหล่งไขมันชั้นยอดในการช่วยดูดซึมวิตามินเหล่านี้

ขอบคุณข้อมูลจาก .sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/01/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a44,000.0044,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,850.0043,206.0044,600.00
ทองรูปพรรณ 90%2,565.0038,885.40n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,280.0034,564.80n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,283.0019,450.28n/a
ทองรูปพรรณ 40%998.0015,129.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,953.0044,767.48n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/01/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.7535.7536.2535.7535.7535.7535.7535.7535.7535.75
แก๊สโซฮอล์ 9135.3835.3835.8835.3835.3835.3835.3835.3835.3835.38
แก๊สโซฮอล์ E2033.5433.5434.0433.5433.5433.5433.5433.5433.54
แก๊สโซฮอล์ E8532.5932.5932.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.3449.8449.8449.8444.34
เบนซิน 9544.0449.8144.5444.1944.04
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า