รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ พลิกข้อจำกัดเป็นโอกาส “พื้นที่อนุรักษ์”เกาะรัตนโกสินทร์

รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เร่งก่อสร้าง เปิดให้บริการ ปี72 พลิกข้อจำกัดเป็นโอกาส “พื้นที่อนุรักษ์” บริเวณเการะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร
เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ แม้ว่าจะมีเส้นทางที่มีระยะทางรวมกว่า 23.6 กิโลเมตรและจำนวนสถานีของแนวเส้นทางนี้ก็มีอยู่ 17 สถานี โดยที่ 7 สถานีเป็นสถานีใต้ดิน แต่มีพื้นที่ที่สามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มากนัก เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางนี้ผ่านพื้นที่มีข้อจำกัดในการพัฒนามาก รวมไปถึงเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่ผ่านพื้นที่ และเขตชุมชนดั้งเดิมของกรุงเทพมหานครซึ่งมีข้อจำกัดในการพัฒนาค่อนข้างมาก
ฝ่ายวิจัย และที่ปรึกษา คุชแมน แนอด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทยวิเคราะห์ว่าเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่หรือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางรถไฟฟ้าที่เชื่อมจังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานครในแนวเหนือ-ใต้เข้าด้วยกัน ดังนั้น เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จะมีสถานีร่วมหรือจุดที่ตัดกับเส้นทางรถไฟฟ้าอื่นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้เชื่อมต่อกันเป็นสถานีเดียว แต่ก็อยู่ในระยะที่เดินถึงกันได้หลายสถานีในแนวเส้นทาง
เช่น สถานีเตาปูนเป็นสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินสถานีสามยอดเป็นสถานีร่วมกับสายสีนํ้าเงิน สถานีวงเวียนใหญ่เป็นสถานีร่วมกับสายสีเขียว เป็นต้น นอกจากนี้ในอนาคตอาจจะมีสายสีส้มตะวันตกที่สถานีผ่านฟ้า และสายสีทองที่สถานีสะพานพุทธเพิ่มเติมอีกหลังจากนี้ ถ้าเส้นทางเหล่านี้ดำเนินการก่อสร้าง
ขณะความก้าวหน้าของการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ประมาณ 54.58% ซึ่งการที่มีทั้งส่วนที่เป็นเส้นทางและสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดิน และต้องลอดผ่านแม่นํ้าเจ้าพระยาอีกด้วยจึงอาจจะทำให้เส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางมีกำหนดแล้วเสร็จที่ประมาณปี2572
ความคืบหน้าของเส้นทางและสถานีในฝั่งพระนครเกินกว่า 50% ไปแล้วเกือบทุกสถานี ส่วนเส้นทางและสถานีในฝั่งธนบุรีคืบหน้าไปแล้วในช่วงประมาณ 14.28-45.9% การก่อสร้างบางช่วงอาจจะล่าช้า เพราะมีการรื้อถอนสะพานข้ามแยก และมีความอ่อนไหวในการก่อสร้างด้วย แต่คาดการณ์จะเสร็จทันกำหนดแน่นอน
เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้อาจจะไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ตามแนวเส้นทางมากนัก เพราะพื้นที่ส่วนหนึ่งของแนวเสนทางอยู่ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ หรือพื้นที่อนุรักษ์ รวมไปถึงพื้นที่บางส่วนมีข้อจำกัดในการพัฒนาค่อนข้างมาก นอกจากนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนามานานแล้ว แต่หากพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กที่มีจำกัดความสูงแต่สร้างมูลค่าให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ทั้งนี้การหาที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ทำได้ยากแล้วในปัจจุบัน การเปลี่ยน แปลงในพื้นที่ตามแนวเส้นทางอาจจะเห็นได้ชัดเจนในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ตั้งแต่บริเวณรอบ สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปตามแนวถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินต่อเนื่องไปถึงถนนสุขสวัสดิ์ รวมไปถึงถนนใกล้เคียง เช่น ถนนราษฎร์บูรณะ เป็นต้น และพื้นที่ตามแนวถนนบางช่วง เช่น พื้นที่ตามแนวถนนสามเสนซึ่งมีการเปิดขายโครงการขนาดใหญ่ตอนปลายปี2566 นอกนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นเลย
อย่างไรก็ตาม แม้พื้นที่ส่วนใหญ่มีข้อจำกัด เช่น พื้นที่อนุรักษ์ แต่มองว่าสามารถพัฒนาให้สอดรับกับพื้นที่ที่จะพลิกเป็นโอกาสได้!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“NPS ฟื้นตัวแรง Q1/68 กำไรพุ่ง 133% เดินเครื่องโรงไฟฟ้าเต็มสูบ-บุก EV Truck”

NPS กวาดรายได้ Q1/68 พุ่ง รับดีมานด์ไฟฟ้า-น้ำจากภาคอุตฯ โตต่อเนื่อง พร้อมเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเต็มกำลัง หนุนผลประกอบการพุ่งทะยานกว่า 100%
NPS เผยผลประกอบการ Q1/2568 เติบโตต่อเนื่อง เดินเครื่องโรงไฟฟ้าฟื้นตัว-ดีมานด์ภาคอุตสาหกรรม หนุนรายได้โต 6.2% กำไรสุทธิกระโดด 133.3%
บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ “NPS” เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ปรับตัวสูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังการซ่อมบำรุงใหญ่โรงไฟฟ้า 7 แล้วเสร็จตามแผน ส่งผลให้สามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ขณะเดียวกันความต้องการใช้ไฟฟ้าและน้ำจากลูกค้าอุตสาหกรรมยังคงเติบโตตามจำนวนผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่มาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในสวนอุตสาหกรรม 304 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของพื้นที่และความพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐานจาก NPS ในการรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม
ตารางเปรียบเทียบผลประกอบการ NPS (หน่วย: ล้านบาท)
รายการ | Q1/2568 | Q4/2567 | % เปลี่ยนแปลง |
รายได้รวม | 4,746 | 4,468 | +6.2% |
กำไรขั้นต้น | 833 | 634 | +31.4% |
กำไรสุทธิ | 427 | 183 | +133.3% |
EBITDA | 1,172 | 878 | +33.4% |
นาย โยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ จำนวน 111 MW และคาดว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 จะทำให้ NPS มีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ เพิ่มขึ้นเป็น 157 MW
นอกจากนั้นในระหว่างไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ยังได้จัดตั้ง บริษัทฯกลุ่มขนส่งเพื่อให้บริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะใช้รถ EV Truck เป็นหลัก โดยปัจจุบันมีรถ EV Truck 215 คัน และมีตู้ชาร์จไฟฟ้าตามจุดต่าง ๆ 9 แห่ง ทั้งนี้รถ EV Truck จะใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมนโยบายการใช้พลังงานสะอาดและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศได้มาก”

อนึ่ง บริษัทฯ ได้นำเงินทุนที่ระดมได้จากการออกหุ้นกู้ เมื่อวันที่ 21-24 เมษายน 2568 ไปไถ่ถอนหุ้นกู้รุ่น NPS258A ก่อนกำหนดตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทระบุไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ ไม่มีภาระหนี้หุ้นกู้ที่จะต้องชำระคืนในช่วงระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า สนับสนุนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29พ.ค.“อ่อนค่าลง”ที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.60-32.85 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางแรงกดดันจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งได้แรงหนุนบ้างจากแนวโน้มเฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย
ที่สะท้อนผ่านรายงานผลการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 74% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับลดสถานะ Short USD ของผู้เล่นในตลาดลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์เริ่มทยอยรีบาวด์สูงขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุด อ่อนค่าเข้าใกล้โซน 146 เยนต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ การทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ยิ่งกดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับแถว 3,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวลดลงของราคาทองคำดังกล่าวก็ยิ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.85 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้านี้
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะ Nvidia ในช่วง After Close ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ และหุ้นสไตล์ Growth ย่อตัวลงบ้าง หลังปรับตัวขึ้นแรงในวันก่อน ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.56%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลงบ้าง -0.61% โดยผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรหุ้นยุโรปออกมาบ้าง เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทว่า ตลาดหุ้นยุโรป ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร อาทิ Thales +2.1%, BAE System +0.6% ท่ามกลางสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงร้อนแรงอยู่
ในส่วนตลาดบอนด์ แนวโน้มเฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย จากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ยังคงทำให้ ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดอาจมีโอกาสราว 74% ที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้
และเฟดอาจเลื่อนไปลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2026 โดยภาพดังกล่าว กอปรกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้ที่ส่วนใหญ่ออกมาสดใส ก็หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้าง สู่ระดับ 4.50%
ทั้งนี้ เราคงย้ำมุมมองเดิมว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ก็จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อสะสม (Buy on Dip) ได้ โดยเฉพาะโซนสูงกว่าระดับ 4.50%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น หนุนโดยท่าทีไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่เข้าใกล้โซน 146 เยนต่อดอลลาร์ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 100.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.4-100.4 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ทว่า การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025)
ทยอยปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับแถว 3,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งช่วยชะลอการปรับตัวลงของราคาทองคำ
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และข้อมูลตลาดบ้าน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
ส่วนในฝั่งเอเชีย ในช่วงราว 6.30 น. ของเช้าวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่น ที่อาจสะท้อนถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Productions) และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนพฤษภาคม โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOJ มีโอกาสราว 80% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปีนี้
และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดสต็อกน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ โดย EIA ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้ พร้อมทั้งรอติดตาม สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29พ.ค.2568 ที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเริ่มมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง ในลักษณะ Sideways Up หลังเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น
ทว่า เงินดอลลาร์จะสามารถคงโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ได้หรือไม่นั้น จำเป็นจะต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาสดใสและโดดเด่นกว่าบรรดาประเทศอื่นๆ
ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ก็ควรทยอยลดลง เพื่อทำให้ธีม Sell US Assets ค่อยๆ ลดลงไปในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ เนื่องจากฤดูกาลจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติใกล้จบแล้ว
นอกจากนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ราคาทองคำยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยง Two-Way risk ที่อาจทำให้เงินบาทสามารถเคลื่อนไหวแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลงได้ ตามทิศทางราคาทองคำ แม้ว่าการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ยังมีอีกบ้าง จนกว่าจะถึงโซนแนวรับสำคัญแถว 3,225-3,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ซึ่งอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเพิ่มเติม ทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก แต่ทว่า หากราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้น เช่นในช่วงก่อนหน้า ก็อาจชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท หรือ ช่วยหนุนให้เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้
อนึ่ง เราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following
พร้อมกันนี้ เราขอเน้นย้ำว่า พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงนี้ ได้สะท้อนว่า ตลาดค่าเงินยังอยู่ในภาวะผันผวนสูง ทำให้เรายังคงแนะนำผู้เล่นในตลาดว่า ควรใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น
โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-32.95 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผลบอล เชลซี ถล่ม เรอัล เบติส ซิวแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่

เรอัล เบติส พบ เชลซี : ผลบอล 1-4 เชลซีคว้าแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก สร้างประวัติศาสตร์ทีมแรกคว้าแชมป์ยุโรปครบทุกถ้วย
“สิงห์บลูส์” เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ยูฟา คอนเฟอเรนซ์ ลีก 2024/25 หลังพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง เรอัล เบติส 0-1 ในครึ่งแรก กลับมายิงรัวในครึ่งหลังเอาชนะไป 4-1 พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์รายการยุโรปครบทุกถ้วยภายใต้การดูแลของยูฟา
เรอัล เบติส ภายใต้การคุมทีมของ มานูเอล เปเยกรินี เข้าชิงถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยมี อิสโก สวมปลอกแขนกัปตัน นำทีมร่วมกับ อับเด เอซซัลซูลี, อันโทนี และ เซดริก บากอมบู
ด้าน เชลซี ของกุนซือ เอ็นโซ มาเรสกา จัดทัพเต็มสูบ นำโดย มอยเซส ไกเซโด, โนนี มาดูเอเก, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, โคล พาลเมอร์ และ นิโคลัส แจ็กสัน
เกมเริ่มต้นด้วยความคึกคัก นาทีที่ 9 เรอัล เบติส ได้เฮก่อน เมื่อ อิสโก เปิดบอลจากกลางสนามให้ อับเด เอซซัลซูลี ซัดด้วยซ้ายผ่านมือ ฟิลิป ยอร์เกนเซน เข้าประตูให้ทีมจากสเปนนำ 1-0
ช่วงท้ายครึ่งแรก เรอัล เบติส มีโอกาสหนีห่าง แต่ เชลซี ยังประคองเกมไว้ได้ จบ 45 นาทีแรก เบติส ขึ้นนำ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง เชลซี เปิดเกมรุกอย่างหนัก นาทีที่ 65 โคล พาลเมอร์ เปิดบอลจากฝั่งขวาให้ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ โหม่งเข้าไปตีเสมอ 1-1
ถัดมาเพียง 5 นาที นาทีที่ 70 โคล พาลเมอร์ คนเดิม พลิกบอลจ่ายให้ นิโคลัส แจ็กสัน ยิงแฉลบเข้าประตู พลิกขึ้นนำ 2-1
เกมเริ่มเป็นของ เชลซี โดยสมบูรณ์ นาทีที่ 83 เจดอน ซานโช ตัวสำรองที่ลงมาครึ่งหลัง ซัดด้วยขวาบอลโค้งเสียบเสาไกลจากการแอสซิสต์ของ เคียร์แนน ดิวส์เบอรี-ฮอลล์ ขยับสกอร์เป็น 3-1
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+1 เชลซี ปิดท้ายอย่างสวยงาม จากจังหวะที่ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ไหลให้ มอยเซส ไกเซโด กดเต็มข้อเข้าประตู ให้ทีมจากลอนดอนหนีไปไกล 4-1
หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี ถล่ม เรอัล เบติส 4-1 คว้าแชมป์ยูฟา คอนเฟอเรนซ์ ลีก สมัยแรกของสโมสร และกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ครบทุกถ้วยยุโรป ได้แก่
- ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก: 2012, 2021
- ยูฟา ยูโรปา ลีก: 2013, 2019
- ยูฟา คัพ วินเนอร์ส คัพ (ถ้วยยกเลิก): 1971, 1998
- ยูฟา คอนเฟอเรนซ์ ลีก: 2025
เช็ก ผลบอลสด อัปเดตเรียลไทม์ เร็วทันใจทุกคู่กับ Sanook Sport
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โควิด 2568 อาการโควิดสายพันธุ์ XEC แพร่เร็วขึ้น แม้ไม่รุนแรง แต่ต้องเฝ้าระวัง

โควิดสายพันธุ์ XEC หรือ โควิด 2568 แม้จะแพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่ อาการโควิด 2568 ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้า โดยมักส่งผลกระทบต่อ ระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบันยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะใน เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เพราะถึงแม้หลายคนจะได้รับวัคซีนแล้ว และมองว่าโควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่สายพันธุ์ XEC นี้ยังคงสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม และอาจนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อน ได้ในบางรายหากละเลย
โควิดสายพันธุ์ XEC คืออะไร?
สายพันธุ์ XEC เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่เริ่มระบาดในปี 2568 มีคุณลักษณะเด่น คือ ความสามารถในการแพร่เชื้อที่รวดเร็วมาก โดยข้อมูลจากการศึกษาในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่าแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์โอมิครอนรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน
อาการโควิด 2568
อาการโควิด 2568 ที่พบในผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XEC โดยทั่วไปอาการโควิดมักเริ่มจากไข้ เจ็บคอ คัดจมูก ไอ และมีอาการปวดเมื่อยหรืออ่อนเพลีย ซึ่งอาจรุนแรงหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพพื้นฐานของผู้ป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้มีโรคประจำตัวควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
สถานการณ์โควิดปัจจุบัน
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานข้อมูลระหว่างวันที่ 18–24 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยใหม่ 65,007 ราย ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีพุ่งสูงถึง 204,965 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 51 ราย โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 8 ราย
กลุ่มอายุที่ป่วยโควิดมากที่สุด
- เด็กอายุ 0-4 ปี – อัตราป่วยสูงสุด
- วัยทำงาน 30-39 ปี – อันดับสอง
- วัยทำงาน 20-29 ปี – อันดับสาม
- ผู้สูงอายุ 60+ ปี – กลุ่มเสียชีวิตมากที่สุด
ลักษณะการติดเชื้อโควิด และการแพร่กระจาย
- ระยะฟักตัว: 3-7 วัน หลังสัมผัสเชื้อ
- ระยะแพร่เชื้อ: สามารถแพร่เชื้อได้นานถึง 10 วัน
- การติดต่อ: ผ่านทางอากาศ สิ่งของปนเปื้อน และจากผู้ที่ไม่แสดงอาการ
- ความรุนแรง: อาการไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์แรกๆ แต่ยังคงแพร่ได้ง่าย
อาการโควิดที่พบบ่อยในผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XEC
อาการโควิดโดยทั่วไป
- ไข้สูง หนาวสั่น
- ไอเรื้อรัง คัดจมูก น้ำมูกไหล
- เจ็บคอ ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
อาการโควิดด้านทางเดินอาหาร
- คลื่นไส้ เบื่อของ
- ท้องเสีย ท้องร่วง
อาการโควิด พิเศษ (ในบางราย)
- การรับกลิ่น หรือ รสชาติผิดปกติ
- ผื่นหรือการเปลี่ยนแปลงผิวหนัง
เป็นโควิด กี่วันหาย?
อาการโควิดจะดีขึ้นในช่วง 3–5 วันแรก หากผู้ป่วยมีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ โดยทั่วไปจะหายได้ภายใน 7–10 วัน
แต่ถ้าอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ คนท้อง หรือคนที่มีโรคประจำตัว อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น และควรพบแพทย์ทันที
เป็นโควิด 2568 ต้องหาหมอไหม?
ในรายที่อาการไม่หนัก สามารถรักษาแบบ Home Isolation โดยใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ ยาละลายเสมหะ ทานยาตามอาการ และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 5–7 วัน
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือแย่ลง ควรพบแพทย์เพื่อพิจารณายาต้านไวรัส
วิธีป้องกันโควิด 2568 และการดูแลตนเอง
การป้องกันพื้นฐาน
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัดหรือปิด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาด
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารร้อนๆ ใช้ช้อนกลาง
- แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
การตรวจและการรักษาโควิด 2568
เมื่อสงสัยว่ามีอาการโควิด
- ตรวจ ATK ทันทีเมื่อมีอาการหรือสงสัยว่าติดเชื้อ
- กักตัวอย่างน้อย 5 วันแรกหากผลตรวจเป็นบวก
- รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาบรรเทาอาการ
สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608
- ควรพบแพทย์เพื่อประเมินและรับยาต้านไวรัสหากจำเป็น
- ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
- รีบพบแพทย์หากอาการแย่ลง
กลุ่มเสี่ยง 608 มีใครบ้าง
กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่
ตามอายุและสภาพร่างกาย
- ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป – ระบบภูมิคุ้มกันลดลง
- หญิงตั้งครรภ์ – การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มหลัก
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- เบาหวาน
- ไตวายเรื้อรัง
- มะเร็งทุกชนิด
- โรคอ้วน (BMI ≥30)
- โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
- โรคหลอดเลือดสมอง
คำแนะนำจากกรมควบคุมโรค
กรมควบคุมโรคเน้นย้ำแนวคิด “อย่าตระหนก แต่ให้ตระหนัก” โดยมีคำแนะนำดังนี้
- หากมีอาการให้ตรวจ ATK ทันที
- ป้องกันตนเองเพื่อลดการแพร่เชื้อสู่คนรอบข้าง
- ใส่ใจดูแลกลุ่มเสี่ยงในครอบครัวเป็นพิเศษ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
Q&A เกี่ยวกับอาการโควิด 2568 สายพันธุ์ XEC
Q: โควิด 2568 (สายพันธุ์ XEC) มีอาการหลักๆ เป็นอย่างไร?
A: อาการหลักๆ ของโควิด 2568 มักเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ คล้ายกับโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้า เช่น มีอาการหวัด ไอ เจ็บคอ แต่ส่วนใหญ่ อาการจะไม่รุนแรง
Q: ความรุนแรงของอาการโควิด 2568 แตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่างไร?
A: โดยรวมแล้ว อาการมักจะไม่รุนแรงเท่า สายพันธุ์โควิดที่เคยระบาดรุนแรงก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนอาจมองว่าเป็นโรคประจำถิ่น
Q: ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอาการโควิด 2568 เป็นพิเศษ?
A: กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ, และผู้มีโรคประจำตัว เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่า
Q: โควิด 2568 แพร่กระจายได้เร็วแค่ไหน?
A: โควิดสายพันธุ์ XEC มีอัตราการแพร่ระบาดที่ รวดเร็วมาก
Q: ฉีดวัคซีนครบแล้ว ยังต้องกังวลเรื่องโควิด 2568 หรือไม่?
A: แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว สายพันธุ์ XEC ก็ยังคงสามารถสร้างผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจได้ หากละเลย อาจนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อน ในบางรายได้ จึงยังคงต้องเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพ
Q: มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโควิด 2568 หรือไม่?
A: มีโอกาสเกิด ภาวะแทรกซ้อนได้ในบางราย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง หากไม่ดูแลสุขภาพและเฝ้าระวังอาการ
สรุป แม้ว่าโควิดสายพันธุ์ XEC จะมีอาการที่ไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์แรกๆ แต่ความสามารถในการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ยังคงต้องเฝ้าระวัง การป้องกันที่เหมาะสม การตรวจเมื่อมีอาการ และการดูแลกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดในปี 2568
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ถึงเวลาปรับระบบนวัตกรรมไทยให้ตอบโจทย์ประเทศได้จริง | วาระทีดีอาร์ไอ

ในบริบทที่เศรษฐกิจโลกและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สงครามการค้าสร้างความปั่นป่วนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
คำถามสำคัญสำหรับประเทศไทยคือ เราจะรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?
ประเทศไทยได้เริ่มปฏิรูประบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ในปี 2562 ด้วยการจัดตั้งกระทรวงใหม่ และออกกฎหมายปฏิรูปที่สำคัญ 4 ฉบับ เพื่อให้ระบบ อววน. เป็นกลไกหลักในการสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
แต่ทว่าผ่านไปกว่า 5 ปี ระบบ ววน. ที่สร้างขึ้นยังไม่สามารถสร้างผลกระทบได้ชัดเจนตามที่มุ่งหวังโดยเฉพาะการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เป้าหมายของระบบ ววน. ที่ประเทศไทยพึงปรารถนาคือ ระบบที่สร้างประโยชน์ต่อประเทศอย่างแท้จริง ทั้งใน ด้านเศรษฐกิจ เช่น พัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรมูลค่าสูง และสร้างอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต ด้านสังคม เช่น รับมือสังคมสูงอายุ และลดความเหลื่อมล้ำ และ ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ลด PM 2.5 และรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งต้องการการประสานงานในหลายด้านที่เกี่ยวข้อง เช่น สร้างนวัตกรรม สร้างนักวิจัยที่เก่ง พัฒนาตลาดในและต่างประเทศ ลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ ช่วยดึงดูดการลงทุน สร้างความเข้มแข็งแก่ภาคธุรกิจและชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
แม้มีการลงทุนกว่า 9 หมื่นล้านบาทผ่านกองทุนส่งเสริม ววน. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่โครงการจำนวนมากยังไม่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากขาดความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ และไม่ครอบคลุมการสนับสนุนงานวิจัยที่มีระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี (TRL) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นปลาย และส่วนใหญ่มักเป็นโครงการขนาดเล็ก
ระบบ ววน. ของไทยยังมีช่องว่างในทุกระดับ ได้แก่ ระดับนโยบาย นโยบายและวิสัยทัศน์ไม่ชัดเจนผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ มีสัดส่วนผู้ใช้จริงจากภาคเอกชนน้อยมากและขาดการติดตามและประเมินผลนโยบาย
ยุทธศาสตร์ แผน ววน. ระดับจัดทำแผนและจัดสรรงบประมาณ บทบาทของคณะกรรมการส่งเสริม ววน. (กสว.) มีส่วนซ้ำซ้อนกับสำนักงานสภานโยบายฯ (สอวช.) ทำให้ไม่มีเอกภาพด้านนโยบายและโครงสร้าง กสว. ก็ไม่มีองค์ประกอบผู้ใช้อย่างชัดเจน
ระดับบริหารและจัดการทุน หน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) หลายแห่งยังไม่สามารถบริหารจัดการเชื่อมโยงการวิจัยสู่การใช้งานจริงและยังจัดสรรงบประมาณให้แก่ภาคธุรกิจเอกชนซึ่งเป็นผู้ใช้หลักน้อยเกินไป ระดับทำวิจัยและสร้างนวัตกรรม หน่วยงานวิจัยส่วนใหญ่เน้นผลงานตีพิมพ์วิชาการ
บทเรียนต่างประเทศจากการศึกษาของ OECD (2012, 2021) ชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่สำเร็จในการดำเนินนโยบายนวัตกรรมมีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1.มียุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ระดับชาติที่ชัดเจน 2.มีหน่วยงานกลางหรือกระทรวงที่รับผิดชอบด้านนวัตกรรมโดยเฉพาะ 3.มีการประเมินและทบทวนนโยบายอย่างต่อเนื่อง
4.มีองค์กรด้านนโยบายระดับสูงที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรูปแบบขององค์กรด้านนโยบายที่หลายประเทศให้ความสนใจอย่างมากคือ โมเดลที่เน้นวางแผน ซึ่งมุ่งเน้นภารกิจ (Mission-oriented) ที่ชัดเจนเพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมได้
เช่นในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ที่องค์กรด้านนโยบายทำหน้าที่เสมือน “กระทรวงนวัตกรรม” ที่รวมคนจากหลายกระทรวงร่วมวางแผนและขับเคลื่อนนโยบายที่มีความสอดคล้องกัน มีการจัดสรรทรัพยากรอย่างตรงเป้าหมายและลดความซ้ำซ้อนของภารกิจ
ประเทศไทยสามารถเรียนรู้และปรับใช้แนวทางนี้ได้ โดยมีข้อเสนอแนะหลัก 6 ประการ ได้แก่
1.กำหนดโจทย์ที่ชัดเจนและเน้นผลกระทบจริงโดยสภานโยบายฯ ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้นำระดับสูง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่เห็นความสำคัญของ ววน. ขณะเดียวกัน ประชาคม ววน. เองต้องแสดงผลกระทบจากงานวิจัยให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อทำให้ผู้นำยอมรับและเห็นความสำคัญ
2.แยกบทบาทให้ชัดเจนระหว่างสำนักงานสภานโยบายฯ (สอวช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับนโยบาย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม ววน. (สกสว.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่นำนโยบายไปปฏิบัติในภาพรวม โดย สอวช. ควรจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้าน ววน.
ขณะที่ สกสว. ควรจัดทำแผนปฏิบัติการ จัดสรรงบประมาณ และประสานงานระหว่างกระทรวงในการจัดทำแผนปฏิบัติการและสนับสนุนการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้งานจริง
3.เพิ่มสัดส่วนของภาคธุรกิจเอกชนซึ่งเป็นผู้ใช้งานจริงในสภานโยบายฯ และ กสว. โดยคัดเลือกจากภาคธุรกิจเอกชนที่มีความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ในการบริหารสร้างนวัตกรรมที่ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นที่ประจักษ์
4.แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผน เพื่อรายงานผลต่อสภานโยบายฯ และมอบหมายให้มีสำนักงานติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผน
ซึ่งมีหน้าที่จัดทำแผนและดำเนินการประเมินผลก่อนและหลังดำเนินงานเผยแพร่ผลลัพธ์ของโปรแกรมต่อสาธารณะถอดบทเรียนและจัดทำข้อเสนอแนะ และศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของโปรแกรมขนาดใหญ่
5.ปรับหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) หรือโปรแกรมให้สอดคล้องกับภารกิจ เช่น
– โปรแกรมที่เน้นภารกิจ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จในการใช้งานจริงทั้งในเชิงเศรษฐกิจหรือสังคม โดยไม่แบ่งตาม TRL เช่น แก้ปัญหา PM 2.5 หรือสร้างอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคตและควรมีผู้ใช้ (ภาคธุรกิจเอกชน) เป็นพันธมิตรหลักหรือผู้จัดการโปรแกรม
– PMU ที่เน้นสมทบเงินกับธุรกิจเอกชน ซึ่งมีระเบียบการพิจารณาที่รวดเร็วและโปร่งใส และผู้จัดการ PMU ควรมีทักษะทั้งด้านธุรกิจและเทคโนโลยี
– PMU ที่เน้นวิจัยพื้นฐาน ซึ่งมีผลผลิตหรือผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น งานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีคุณภาพและการอ้างอิงในระดับนานาชาติ หรือการสร้างผลกระทบเชิงนโยบายหรือนำงานวิจัยไปประยุกต์ใช้ในสังคม
6.สนับสนุนให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจเอกชนรวมตัวกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการสะท้อนความต้องการด้านนวัตกรรม โดยจัดตั้งคล้ายคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ด้านนวัตกรรม
ท้ายที่สุด ประเทศไทยไม่ขาดงบประมาณหรือบุคลากร แต่ขาดระบบที่เชื่อมโยงและมียุทธศาสตร์ร่วม ดังนั้นการปรับระบบ ววน.ให้ตอบโจทย์ประเทศอย่างแท้จริง โดยยึดหัวใจสำคัญของการเชื่อมโยงกับผู้ใช้ ตลอดจนประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
และการมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมีเจตนารมณ์ทางการเมืองที่มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรม จึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นเงื่อนไขจำเป็นที่ทำให้ระบบ ววน.สามารถเป็นกลไกหลัก ในการสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างที่มุ่งหวัง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน ง่ายๆ ไว้พูดกับเพื่อน

ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจําวัน
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน ง่ายๆ คำที่ใช้พูดทั่วๆ ไป และคุยกับเพื่อนได้ มีดังนี้
ประโยคคําถามภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน
What have you been doing? แปลว่า ช่วงนี้คุณทำอะไรบ้าง?
What’s on your mind? แปลว่า คุณคิดอะไรอยู่?
Is that so? แปลว่า อย่างนั้นหรือ?
How come? แปลว่า ทำไมล่ะ?
How’s it going? แปลว่า เป็นอย่างไรบ้าง?
Got a minute? แปลว่า มีเวลาไหม?
About when? แปลว่า เมื่อไหร่?
Anything else? แปลว่า มีอะไรอีกไหม?
So we’ve met again, eh? แปลว่า เราจะได้พบกันอีกใช่ไหม?
ประโยคคําสั่งภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
Help yourself! แปลว่า เชิญตามสบาย
Speak up! แปลว่า พูดซิ
Come here. แปลว่า มานี่
Do as I say. แปลว่า ทำอย่างที่ฉันพูด
Explain to me why. แปลว่า อธิบายฉันมาซิว่าทำไม
Stop it right away! แปลว่า หยุดเดี๋ยวนี้เลย
No litter. แปลว่า ห้ามทิ้งขยะ
Go for it! แปลว่า ลงมือทำเลย
Be good! แปลว่า อย่าซน ทำตัวดีๆ
Mark my words! แปลว่า จำคำพูดฉันเอาไว้นะ
Give me a certain time! แปลว่า ให้เวลาที่แน่นอนกับฉันด้วย
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน ใช้พูดกับเพื่อน
Absolutely! แปลว่า อย่างแท้จริง
Nothing much. แปลว่า ไม่มีอะไรมาก
I was just thinking. แปลว่า ฉันแค่กำลังคิด
I was just daydreaming. แปลว่า ฉันแค่ฝันกลางวัน
It’s none of your business. แปลว่า ไม่ใช่เรื่องของคุณ
Definitely! แปลว่า อย่างแน่นอน
Of course! แปลว่า แน่นอน
You better believe it! แปลว่า เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
I guess so แปลว่า ฉันเห็นด้วย
I’ll be shot if I know. แปลว่า ฉันต้องตายแน่ถ้าฉันรู้
There’s no way to know. แปลว่า ไม่มีทางที่จะรู้เลย
I can’t say for sure. แปลว่า ฉันบอกได้ไม่ชัดหรอกนัก
This is too good to be true! แปลว่า มันดีเกินกว่าที่จะเป็นจริง (เหลือเชื่อ)
No way! (Stop joking!) แปลว่า ไม่มีทาง
I got it. แปลว่า ฉันเข้าใจแล้ว
Right on! (Great!) แปลว่า ถูกต้อง!
I did it! (I made it!) แปลว่า ฉันทำได้แล้ว
I won’t take but a minute. แปลว่า ฉันใช้เวลาไม่นานหรอก
To argue hot and long. แปลว่า ข้อโต้แย้งที่รุนแรง
This one is on me! แปลว่า ฉันเลี้ยงเอง
Never mind! แปลว่า ช่างมันเถอะ
Come over. แปลว่า มาเยี่ยม
Don’t go yet. แปลว่า อย่าเพิ่งไป
Please go first. After you. แปลว่า เชิญไปก่อนเลยครับ
Thanks for letting me go first. แปลว่า ขอบคุณที่ให้ฉันไปก่อนนะคะ
What a relief. แปลว่า โล่งอกไปที
bad luck! แปลว่า โชคร้าย
You’re a life saver. แปลว่า คุณช่วยชีวิตฉันไว้
I know I can count on you. แปลว่า ฉันรู้ว่าฉันสามารถไว้ใจคุณได้
That’s a lie! แปลว่า นั่นเป็นเรื่องโกหก
This is the limit! แปลว่า นี่คือขีดจำกัด
Ask for it! แปลว่า แส่หาเรื่อง
In the nick of time. แปลว่า ทันเวลาพอดี
Don’t forget แปลว่า อย่าลืมนะ
How cute! แปลว่า ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้
None of your business! แปลว่า ไม่ใช่ธุระของคุณ
Don’t peep! แปลว่า ห้ามแอบดู
What I’m going to do if… แปลว่า ฉันจะทำยังไงถ้า…
A wise guy, eh?! แปลว่า คนที่อวดฉลาดหรอ?
You’d better stop dawdling. แปลว่า คุณควรจะหยุดทำตัวอืดอาดได้แล้ว
Say cheese! แปลว่า ยิ้มหน่อย
what a pity! แปลว่า น่าเสียดายจัง
Please speak more slowly แปลว่า กรุณาพูดช้าๆกว่านี้หน่อย
Scratch one’s head. แปลว่า เวลาที่เราพบความยากลำบากในการทำความเข้าใจกับบางสิ่งบางอย่าง
Take it or leave it! แปลว่า ยอมรับหรือลืมมันเสียเถอะ
Just kidding (joking) แปลว่า ล้อเล่น
No, not a bit. แปลว่า ไม่แม้แต่น้อยเลย, ไม่เลย
Nothing particular! แปลว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
I’ll take your word for it. แปลว่า ฉันจะเชื่อคุณละกัน
The same as usual! แปลว่า เหมือนเดิม
It serves you right! แปลว่า สมน้ำหน้า
The more, the merrier! แปลว่า คนยิ่งเยอะก็ยิ่งครึกครื้น
Boys will be boys! แปลว่า ผู้ชายก็เป็นผู้ชายอยู่วันยังค่ำ
Good job! / Well done! แปลว่า ดีมาก
Just for fun! แปลว่า แค่สนุกๆ, ขำๆ
Try your best! แปลว่า พยายามให้ถึงที่สุด
Make some noise! แปลว่า ขอเสียงหน่อย
Calm down! แปลว่า ใจเย็นๆ
Go for it! แปลว่า ลงมือทำเลย
Strike it lucky. แปลว่า โชคดี
What a relief! แปลว่า โล่งอกไปที
Always the same. แปลว่า เหมือนเดิมตลอด
Hit it off. แปลว่า ถูกชะตากัน
Hit or miss. แปลว่า อย่างไม่ระมัดระวัง, อย่างไร้ทิศทาง
Add fuel to the fire. แปลว่า เติมเชื้อไฟ
Don’t mention it! / Not at all. แปลว่า ไม่เป็นไร
Enjoy your meal! แปลว่า ทานอาหารให้อร่อยนะ
Provincial! แปลว่า บ้านนอก
Discourages me much! แปลว่า ฉันรู้สึกท้อมาก
It’s a kind of once-in-life! แปลว่า มันคือครั้งหนึ่งในชีวิต
The God knows! แปลว่า พระเจ้าทรงทราบ, พระเจ้าทรงเป็นพยาน
Poor you/me/him/her..! แปลว่า น่าสงสารจัง
Almost done! แปลว่า เกือบเสร็จแล้ว
You ‘ll have to step on it. แปลว่า คุณต้องรีบๆหน่อย
I’m in a hurry. แปลว่า ฉันกำลังรีบ
Sorry for bothering! แปลว่า ขอโทษที่รบกวน
Congrats! แปลว่า ยินดีด้วยนะ!
Congratulations! แปลว่า ขอแสดงความยินดีด้วย
Congratulations on your success. แปลว่า ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเธอน้า
Sincere Congratulations! แปลว่า ขอแสดงความยินดีด้วยจากใจเลย!
Let me congratulate you. แปลว่า ขอชั้นยินดีกับเธอด้วยคนนะ
Well done! หรือ Good job! แปลว่า ทั้งสองคำนี้แปลว่า ทำได้ดีมากๆ เลย!
I’m so happy for you. แปลว่า ชั้นรู้สึกยินดีกับเธอมากๆ เลย
We’re so proud of you. แปลว่า พวกเราภูมิใจในตัวเธอนะ
ประโยคภาษาอังกฤษชวนเพื่อนคุย หลังวันหยุดยาว
How was your vacation? วันหยุดของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
Where did you go? คุณไปที่ไหนมา
Who did you travel with? คุณไปเที่ยวกับใคร?
What was the most enjoyable thing that you did during your vacation? อะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกสนุกที่สุดในช่วงวันหยุด
Did you have any bad experiences? คุณเจออะไรแย่ๆ ไหม?
เพื่อนๆ สามารถนำประโยคภาษาอังกฤษนี้ ไปฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน จะได้พูดได้อย่างคล่องแคล่วนะคะ การเรียนภาษาอังกฤษไม่ยากเลยแต่ต้องให้เวลากับมัน แล้วหมั่นฝึกฝนบ่อยๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
ใบยอ คืออะไร ทำความรู้จัก ใบยอ พืชสมุนไพรพื้นบ้านพร้อมสรรพคุณ

ใบยอ เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคใต้ มักถูกใช้ประกอบอาหาร เช่น แกงไตปลา หรือแกงคั่วต่าง ๆ นอกจากรสชาติที่โดดเด่นแล้ว ใบยอ ยังมีคุณค่าทางยาที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งได้รับความสนใจในวงการแพทย์แผนไทยมาอย่างยาวนาน
ใบยอ คืออะไร
ใบยอ คือ ใบของต้นยอ (Morinda citrifolia) พืชสมุนไพรที่นิยมใช้ทั้งในอาหารและการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะใบสดที่มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว ลักษณะของใบจะเป็นใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม ขอบเรียบ ขนาดใหญ่ สามารถนำไปประกอบอาหารหรือต้มเป็นน้ำสมุนไพรได้
สรรพคุณของใบยอที่ดีต่อสุขภาพ
- ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร
ในตำรายาไทย ใบยอมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแน่นท้อง หรืออาหารไม่ย่อย - ลดการอักเสบในร่างกาย
มีการศึกษาพบว่าใบยอมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดการอักเสบในระดับเซลล์ และช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หรือโรคหัวใจ - แก้อาการปวดเมื่อย
แพทย์แผนไทยมักใช้ใบยอ อบหรือนึ่งเพื่อประคบแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย หรือใช้พอกบรรเทาอาการฟกช้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ขับลม แก้ท้องอืด
การต้มใบยอดื่มช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และลดอาการแน่นจุกได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีระบบทางเดินอาหารไม่ปกติ - บำรุงผิวพรรณจากภายใน
สารต้านอนุมูลอิสระในใบยอช่วยชะลอวัย ลดความหมองคล้ำ และเสริมการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูสดใสขึ้นจากภายใน
วิธีใช้ใบยอ อย่างปลอดภัย
- ควรใช้ใบยอ สดจากแหล่งที่สะอาด และไม่ผ่านสารเคมี
- หากใช้เป็นสมุนไพรต้มดื่ม ควรต้มให้เดือดและดื่มในปริมาณที่เหมาะสม
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือหญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
Advertisement
เมนูจากใบยอ
- แกงคั่วใบยอกุ้งสด – เมนูเข้มข้นหอมกะทิ เสริมความหวานมันด้วยใบยออ่อน
- แกงเลียงใบยอ – แกงน้ำใสใส่ผักรวมและใบยอ รสเผ็ดร้อนสมุนไพร
- ไข่เจียวใบยอ – ไข่เจียวหอมฟูมีใยอาหารจากใบยอ สุดง่ายและอร่อย
- ใบยอชุบแป้งทอด – เมนูกรอบ ๆ เคี้ยวเพลิน กินเล่นหรือจิ้มซอสก็เข้ากัน
- ใบยอลวกจิ้มน้ำพริกกะปิ – กินคลีนแต่อร่อย จิ้มกับน้ำพริกเผ็ดจัดจ้าน
- ห่อหมกใบยอ – ห่อหมกรสกลมกล่อม ใส่ใบยอรองด้านล่างแทนใบตอง
- ผัดใบยอกับไข่ – เมนูประหยัด ทำง่ายเหมาะสำหรับมื้อเร่งด่วน
- ต้มจืดหมูสับใบยอ – ซุปใสรสอ่อน ดับเลี่ยน มีสรรพคุณช่วยย่อย
- น้ำพริกใบยอ – โขลกใบยอกับพริกและเครื่องปรุง เป็นน้ำพริกรสเฉพาะตัว
- แกงอ่อมใบยอกับเนื้อวัว – แกงพื้นบ้านอีสานหอมเครื่องสมุนไพร ใส่ใบยอเพิ่มรสกลมกล่อม
ใบยอ ไม่ได้เป็นเพียงแค่พืชประกอบอาหารพื้นบ้าน แต่ยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางยาที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการปวดเมื่อย หรือแม้แต่ดูแลผิวพรรณ หากนำมาใช้ให้ถูกวิธี ใบยอจะเป็นสมุนไพรใกล้ตัวที่เปี่ยมด้วยประโยชน์อย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/05/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 50,850.00 | 50,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,294.00 | 49,937.04 | 51,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,964.60 | 44,943.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,635.20 | 39,949.63 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,482.00 | 22,471.67 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,153.00 | 17,477.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,413.00 | 51,748.23 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/05/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.55 | 32.55 | 33.05 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.18 | 32.18 | 32.68 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.34 | 30.34 | 30.84 | 30.34 | 30.34 | – | 30.34 | 30.34 | 30.34 | 30.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.69 | 28.69 | – | – | – | – | – | – | – | 28.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.14 | 48.84 | 49.84 | 48.84 | – | – | – | – | – | 41.14 |
เบนซิน 95 | 40.84 | – | – | – | 48.81 | – | 41.34 | 40.99 | – | 40.84 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |