สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2560

เร่งประมูลระบบราง’8แสนล.’กระตุ้นศก.

รัฐเตรียมเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง 11 โครงการ วงเงินกว่า 8.44 แสนล้าน นักวิเคราะห์หวังลงทุนรัฐครึ่งปีหลังฟื้น หลัง 5 เดือนแรกหดตัว 3.7% มองโครงการรถไฟ ความเร็วสูงยังไร้อานิสงส์ดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ เหตุงบส่วนใหญ่เริ่มทยอยออกปีหน้า ชี้โครงการ ดังกล่าวหากเชื่อมไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน ในภูมิภาค ดึงต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตได้ถือว่าคุ้ม

โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค)ในไทย ที่รัฐพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ เป็นไปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะจากนี้ ต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปี โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบราง กระทรวงคมนาคมประเมินว่า ปีนี้น่าจะผลักดันการประมูล ได้มากถึง 11โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 843,902 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างเปิดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 10 สัญญา 5 เส้นทาง ระยะทาง 702 กิโลเมตร มูลค่ารวม 79,161 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยได้ตัวผู้รับเหมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.-ก.ย. นี้ ได้แก่

  1. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ หัวหินประจวบคีรีขันธ์2.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ -เส้นทางนครปฐม-หัวหิน3. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร4. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และ 5. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรีปากน้ำโพ

ร.ฟ.ท.ยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายช่วง คาดว่าทั้งหมดจะเปิดประมูลไม่ทันปีนี้ ได้แก่ 1. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ช่วงดอนเมืองบางซื่อ-พญาไท

  1. รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง
  2. รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย2ช่วง คือ ช่วงตลิ่งชัน-ศิริาช และช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา รวมถึงรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

เตรียมประมูลส่วนต่อขยาย4ช่วง

ประเทศไทย (รฟม.) เหลือการประมูลรถไฟฟ้า ด้านการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งส่วนต่อขยายอีก 4 ช่วง ได้แก่ 1.รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 2.รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย4 3.รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน และ 4.รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มส่วนต่อขยายทางใต้ ช่วงสมุทรปราการ-บางปู

เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดประมูลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 3 โครงการแรกได้ภายในปีนี้ คือ สีม่วงใต้ สีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และสีส้มตะวันตก แต่จะไม่มีการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยาย เพราะ รฟม. ได้โอนทรัพย์สินรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้ว จึงต้องการให้ กทม. ตัดสินใจเรื่องการเปิดประมูลส่วนต่อขยายเอง

“ชมพู-เหลือง”ตอกเสาเข็มปีนี้

รถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทางและจะเริ่มก่อสร้าง เมื่อต้นปีที่ผ่านมารฟม. ยังได้เปิดประมูลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งจะเริ่มตอกเสาเข็มไม่เกินเดือน ก.ย.นี้ รวมถึงโครงการสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งเริ่มตอกเสาเข็มเมื่อ ต้นเดือนที่ผ่านมา

ผลักดันรถไฟเร็วสูง4เส้นทาง

กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างการ ผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯนครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กิโลเมตร วงเงิน 179,413 ล้านบาท เตรียมลงนามสัญญากับฝ่ายจีน 2 ฉบับไม่เกินเดือน ก.ย. และคาดว่า อาจเริ่มเปิดประมูลงานโยธาได้ภายในปีนี้

ส่วนรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกรุงเทพฯเชียงใหม่ ระยะทาง 673 กิโลเมตรวงเงินลงทุน 546,744ล้านบาทนั้น ทางญี่ปุ่นจะส่งรายงานการศึกษาความเหมาะสมฉบับสมบูรณ์ให้ฝ่ายไทยในเดือน ส.ค.นี้ แต่จะเปิดประมูลไม่ทันปีนี้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ยังมีรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร มูลค่า 215,100 ล้านบาทและกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กิโลเมตร มูลค่า 94,673 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ทั้ง 2 เส้นทางต้องรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนเพิ่มเติม และเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ต้องรอผลการศึกษาการวิ่งรถเชื่อม 3 ท่าอากาศยานของ ร.ฟ.ท. ก่อน โดยเบื้องต้นคาดว่าอาจเปิดประมูลทั้ง 2 เส้นทางได้ภายในปีนี้

ครึ่งปีหลัง”เห็นการลงทุนรัฐชัด

“นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนของภาครัฐช่วง 5เดือนแรกปีนี้ ยังคง หดตัว 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ทั้งปียังเชื่อว่าจะขยายตัวได้ 8.5%และหนุนให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ 3.4%

“น่าจะเห็นการลงทุนภาครัฐที่ชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี เพราะโดยปกติแล้วรัฐมักจะเร่งลงทุนในช่วงท้ายๆ ของปีงบประมาณ จึงเชื่อว่าการลงทุนภาครัฐช่วงครึ่งปีหลังจะช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทย”

รถไฟไทย-จีนยังไม่ส่งผลต่อศก.ปีนี้

ครม. เพิ่งอนุมัติโดยมีมูลค่าโครงการ 1.79 สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ แสนล้านบาท อาจยังไม่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย ปีนี้ เพราะเงินลงทุนที่จัดสรรในปีนี้ยังน้อยมาก แต่จะมีผลต่อเศรษฐกิจในปีถัดไป ส่วนความคุ้มค่าการลงทุน คงต้องขึ้นกับว่าโครงการนี้จะดึงดูดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติได้มากน้อยแค่ไหน

“ผลต่อเศรษฐกิจระยะสั้นเราก็หวังว่า งบประมาณการก่อสร้างจะหนุนเศรษฐกิจไทยบ้าง แต่ระยะกลางถึงยาวหลังจากที่โครงการเสร็จสิ้น เราคาดหวังว่าจะดึงให้ต่างชาติ เข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตในไทย

ต่างชาติ”ตั้งตารอพรบ.อีอีซี

“สำหรับการลงทุนของรัฐที่คาดหวังให้เอกชนลงทุนตาม เวลานี้นักลงทุนส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติรอดูความชัดเจนของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในช่วงเดือนต.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนบางส่วนอาจมีคำถามในเรื่องของการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งประเด็นที่ห่วงกันค่อนข้างมาก คือ ความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของภาครัฐ

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า การลงทุนของภาครัฐในขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเภท ระบบขนส่ง เช่น ทางด่วน รถไฟฟ้า รวมทั้ง รถไฟความเร็วสูงที่เตรียมจะลงทุนใน เร็วๆ นี้ ซึ่งการลงทุนลักษณะนี้แม้จะดึงดูดให้เอกชนลงทุนตามได้ แต่ประสิทธิผลคงไม่มากนัก

“การลงทุนเหล่านี้จะผูกโยงกับภาคการก่อสร้าง ซึ่งการลงทุนเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างมีสัดส่วนเพียง 20% ของการลงทุนทั้งหมด ส่วนอีก 80% เป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือ เครื่องจักร ดังนั้นการจะหวังให้การลงทุนเอกชนกลับมาได้ อาจต้องมุ่งไปที่โครงการในลักษณะอีอีซี (ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก)”

อีอีซี”ความหวังดันเศรษฐกิจ

” นายนริศ กล่าวว่า อีอีซี ถือเป็นความหวัง ของการลงทุนเอกชน และจะเป็นตัวที่ ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างมั่นคงในอนาคต ขณะเดียวกันก็เชื่อว่า จะเริ่มเห็นเอกชนบางส่วนเข้ามาลงทุนในโครงการนี้ ช่วงครึ่งปีหลัง เพราะปัจจุบันเอกชนบางแห่ง เริ่มที่จะลงทุนแล้ว

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ ครม. มีมติอนุมัติไปเมื่อเร็วๆ นี้ หากมองในเรื่องความคุ้มค่าคงต้องดูว่าโครงการนี้จะดึงให้ไทยเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของกลุ่มภูมิภาคได้อย่างไร หากเป็นเพียงแค่เส้นทางผ่านไปยังประเทศอื่น ไทยก็คง ไม่ได้ประโยชน์จากโครงการเหล่านี้

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


มองต่างมุม มรสุมอสังหาหรู ‘เพซ’

นักลงทุนแฟนคลับหุ้น “อสังหา ริมทรัพย์” ส่วนใหญ่คงจะได้ยินข่าวประเด็นร้อนของ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) กันบ้างแล้ว โดยเฉพาะข้อกังขาความสามารถในการชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน ระยะสั้น (บี/อี) แต่ไม่ใช่เพียงแค่นี้ หลายคนคงยังสงสัยด้วยว่า เมื่อไหร่ PACE ผู้พัฒนาอสังหาฯหรูค่ายนี้จะกลับมามีกำไรให้นักลงทุนได้ชื่นใจเสียที

ท้าวความไปถึงก่อนหน้านี้ ที่มีประเด็นข่าวที่ว่า “เพซถูกธนาคารไทยพาณิชย์ควบคุมหนี้อย่างใกล้ชิด เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีความสามารถในการชำระหนี้ตั๋วบี/อี และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเร็ว ๆ นี้ได้หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีบริษัท จดทะเบียนหลายแห่งที่ประสบปัญหานี้” ทำให้ “สรพจน์ เตชะไกรศรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ออกมาแจกแจงปมร้อนนี้ทันทีว่า เพซไม่ได้ประสบปัญหาตามที่เป็นข่าว และมีความสามารถในการชำระหนี้ตั๋วบี/อี แต่เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีหลายบริษัทประสบปัญหาผิดนัดชำระหนี้ (ดีฟอลต์) จึงทำให้บริษัทต้องเตรียมตุนสภาพคล่องไว้ล่วงหน้า ด้วยการขอกู้เงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ 3,000 ล้านบาท เพื่อรองรับตั๋วบี/อีที่จะทยอยหมดอายุในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า และตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้จะลดหนี้ตั๋วบี/อี 50% ของหนี้ปัจจุบัน

“เรื่องตั๋วบี/อี เราเตรียมการไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะมีปัญหา และก็ถือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ด้วย เพราะหนี้ ก้อนใหม่จากแบงก์นี้ กว่าจะครบกำหนด ชำระคืนก็ประมาณปลายปีหน้า ถือเป็น การเอาหนี้ระยะยาวมาคืนหนี้ระยะสั้น”

นอกจากนี้ หากประเมินภาระหนี้สินแท้จริงของเพซ ณ สิ้นไตรมาส 1/2560 มีหนี้สินอยู่ราว 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตั๋วบี/อีกว่า 4,000 ล้านบาท หุ้นกู้ระยะยาว 5,000 ล้านบาท และเงินกู้จาก3ธนาคารพาณิชย์ 9,000 ล้านบาท ก็ไม่ได้ทำให้เพซอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีสินทรัพย์มูลค่ารวม 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งครอบคลุมมูลหนี้

ขณะเดียวกันเขาเชื่อว่า “CITIC Construction” (ซีติค) จะเป็นกุญแจสำคัญที่ไขปัญหาให้เพซค่อย ๆ ปรับตัว ดีขึ้นได้ เพราะภายในไม่เกินไตรมาส 3/2560 จะมีการเซ็นสัญญากับกลุ่มซีติค เพื่อร่วมมือใน “3 ประเด็นหลัก” ดังนี้ 1.กลุ่มซีติคจะเข้ามาเป็นผู้รับเหมาโครงการคอนโดมิเนียมนิมิตร หลังสวน มูลค่างานก่อสร้าง 3,000 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างเร็ว ๆ นี้ 2.กลุ่มซีติคจะเข้ามาเป็นพันธมิตรในการรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงให้แหล่งเงินทุนการก่อสร้างกับ เพซ ด้วย โดยคิดดอกเบี้ยกู้ราว 3% ถูกกว่าต้นทุนเดิมกว่าเท่าตัว และ 3.กลุ่มซีติคจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ของเพซ พร้อมทั้งช่วยจัดการตั๋วบี/อีให้ด้วย ซึ่งน่าจะชัดเจนภายในปี 2560

“ปีนี้หวังว่าเราน่าจะกลับมาเป็นบวก โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 14,000-17,000 ล้าน บาท” สรพจน์กล่าวขณะที่ความคิดเห็นอีกมุมหนึ่งของ นักลงทุน “ธำรงชัย เอกอมรวงศ์” นักลงทุน รายใหญ่ที่เน้นวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เห็นว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่จะเข้าไปลงทุน เพราะ PACE ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวของกำไรสุทธิ จึงเห็นว่ายัง “ไม่น่ารีบร้อนเข้าซื้อ” จนกว่าบริษัทจะโชว์ศักยภาพผลดำเนินงานให้เห็น

“หากทำโครงการใหญ่ก็ควรมีการประเมินอย่างรอบคอบในเรื่องเงินทุน ที่จะใช้ และที่สำคัญถ้าเป็นธุรกิจอสังหาฯ แบบที่ว่าต้องขายโครงการ แล้วต้องก่อสร้างไปเรื่อย ๆ ผมว่าจะเหนื่อยมาก เพราะต้องเฟ้นหาทำเลดี ๆ ตลอด แถมถ้าไม่มีรายได้ประจำเข้ามาเสริม ก็จะยิ่งทำยากขึ้น จึงอยากดูผลประกอบการของเขาก่อน” ธำรงชัยกล่าวด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำเพียง “ถือ” เพราะยังคงต้องติดตามเรื่องการแก้ปัญหาสภาพคล่องด้านการเงินที่ “เพซ” มีภาระคืนหนี้จำนวนมากในปีนี้ และหากไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ก็อาจปรับลดคำแนะนำลงได้อีก

ส่วนไตรมาส 2/2560 ประเมินว่าเพซ มีโอกาสจะ “ขาดทุน” ได้อีก เพราะการโอนคอนโดฯมหานครเป็นรายได้อยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 1/2560 แต่ค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับ รายได้ยังสูงมาก โดยเห็นได้จากไตรมาส 1/2560 มีสัดส่วนถึง 51.3%

ทั้ง 3 มุมมอง ต่างมีเหตุผลบน หลักการของตัวเอง ดังนั้นคงเป็นหน้าที่ของนักลงทุนที่ต้องชั่ง ตวง วัด ให้ดีว่าจะเลือกเชื่อใคร

ที่มา  หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ


รู้ก่อนป่วย 14 โรคที่ประกันสังคมไม่คุ้มครอง

รู้ก่อนป่วย 14 โรคที่ประกันสังคมไม่คุ้มครอง

แม้ว่าปัจจุบันสิทธิประกันสังคมจะเพิ่มความคุ้มครองด้านสุขภาพในหลายๆ โรคมากขึ้นกว่าในอดีต แต่ยังมีอีก 14 โรคและบริการทางการแพทย์ที่ไม่สามารถใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมได้ ซึ่งผู้ประกันตนควรทราบ

14 โรคและบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้
1. โรคหรือการประสบอันตรายอันเนื่องจากการใช้สารเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด
2. โรคเดียวกันที่ต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาลประเภทคนไข้ใน 180 วัน ในหนึ่งปี ยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นตามดุลยพินิจของคณะกรรมการการแพทย์
3. การบำบัดทดแทนไตกรณีไตวายเรื้อรัง ยกเว้นกรณีไตวายเฉียบพลันที่มีระยะเวลารักษาไม่เกิน 60 วัน ให้มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้สิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ โดยการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ด้วยวิธีล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร และด้วยวิธีปลูกถ่ายไต ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการปลูกถ่ายไต ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและอัตราที่กำหนดในประกาศสำนักงานประกันสังคม
4. การกระทำใดๆ เพื่อความสวยงามโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
5. การรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าทดลอง
6. การรักษาภาวะมีบุตรยาก
7. การตรวจเนื้อเยื้อเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ยกเว้นการปลูกถ่ายไขกระดูก
8. การตรวจใดๆ ที่เกินความจำเป็นในการรักษาโรคนั้น
9. การผ่าตัดอวัยวะ ยกเว้นการปลูกถ่ายไขกระดูก ปลูกถ่ายไตการเปลี่ยนอวัยวะกระจกตาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
10. การเปลี่ยนเพศ
11. การผสมเทียม
12. การบริการระหว่างรักษาตัวแบบพักฟื้น
13. ทันตกรรม ยกเว้น ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด และการใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วน หรือทั้งปาก
14. แว่นตา

14 โรคที่ประกันสังคมไม่คุ้มครอง

เพิ่ม 2 สิทธิ ปี 60 ตรวจสุขภาพฟรี-ทำฟันไม่ต้องสำรองจ่าย
ในปี 2560 นี้ สำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมในการตรวจสุขภาพประจำปี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงยื่นบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนได้เลือกใช้สิทธิ โดยมีรายละเอียดตามช่วงอายุ ดังนี้
ตรวจร่างกายตามระบบ
1. คัดกรองการได้ยิน Finger Rub Test อายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้ง/ปี
2. ตรวจเต้านมโดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข อายุ 30-39 ปี ตรวจได้ทุก 3 ปี อายุ 40-54 ปี ตรวจได้ทุกปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจตามความเหมาะสมหรือมีความเสี่ยง
3. ตรวจตาโดยจักษุแพทย์ อายุ 40-54 ปี ตรวจได้ 1 ครั้ง อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจได้ทุก 1-2 ปี
4. ตรวจตาด้วยสาย Snellen eye Chart อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้ง/ปี
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1. ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC อายุ 18-54 ปี ตรวจได้ 1 ครั้ง อายุ 55-70 ปี ตรวจได้ 1 ครั้ง/ปี
2. ตรวจปัสสาวะ UA อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้ง/ปี
3. ตรวจสารเคมีในเลือด
– น้ำตาลในเลือด FBS อายุ 35-54 ปี ตรวจได้ทุก 3 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้ง/ปี
– การทำงานของไต Cr อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้ง/ปี
– ไขมันในเส้นเลือดชนิด Total & HDL cholesterol อายุ 20 ปีขึ้นไป ตรวจได้ทุก 5 ปีขึ้นไป
การตรวจอื่น ๆ
1. เชื้อไวรัสตับอักเสบ HB sAg สำหรับผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ตรวจได้ 1 ครั้ง
2. มะเร็งปากมดลูก Pap Smear อายุ 30-54 ปี ตรวจได้ทุก 3 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจตามความเหมาะสม หรือมีความเสี่ยง
3. มะเร็งปากมดลูกวิธี VIA อายุ 30-54 ปีขึ้นไป ตรวจได้ทุก 5 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจ Pap smear
4. เลือดในอุจจาระ FOBT อายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้ง/ปี
5. การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก Chest x–ray อายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้ง

ม้จะยังมี 14 โรคและบริการที่ประกันสังคมยังไม่ครอบคลุม แต่สำนักงานประกันสังคมก็ได้เพิ่มบริการตรวจสุขภาพฟรีเข้ามาถือเป็นการป้องกันก่อนรักษาซึ่งดีไม่แพ้กัน หากผู้ประกันตนท่านใดมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 หรือ www.sso.go.th

ที่มา ddproperty.com


“ขายฝาก 2017” เพิ่มผลตอบแทนช่องทางใหม่ สบายใจ ชัดเจน

“ขายฝาก” เป็นคำคุ้นหูที่หลายคนยังไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าการ “ขายฝากอสังหาริมทรัพย์” นั้น เป็นช่องทางในการเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินทุนหมุนเวียนที่สะดวกและรวดเร็วและเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มผลประโยชน์ตอบแทนที่ค่อนข้างปลอดภัย สำหรับฝั่งผู้รับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์ด้วย

การขายฝากอสังหาฯคืออะไร?
การขายฝากอสังหาฯ คือ การซื้อขายอสังหาฯอย่างหนึ่ง ซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปยังผู้รับซื้อฝากทันที โดยมีข้อตกลงกันว่าผู้ขายฝากนั้นสามารถไถ่ถอนทรัพย์นั้นคืนได้ ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมนี้ มี 3 ส่วน

1. ผู้ขายฝาก เป็นผู้ต้องการขายฝากอสังหาริมทรัพย์ที่ตนมีกรรมสิทธิ์ โดยทำสัญญาไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ไม่เกิน 10 ปี โดยผู้ขายฝากมีสิทธิ์นำเงินมาไถ่ถอนอสังหาฯนั้นกลับคืนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา หากพ้นกำหนดระยะเวลาแล้วยังไม่นำเงินมาชำระ ผู้ขายฝากหมดสิทธิ์ไถ่ทรัพย์นั้นคืนทันที
2. ผู้รับซื้อฝาก เป็นผู้ต้องการซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์โดยมุ่งหวังผลตอบแทนสูงและลดความเสี่ยง เพราะการรับซื้อฝากนั้นกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์จะตกไปยังผู้รับซื้อฝากทันทีในวันที่ทำสัญญา เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าผู้ขายฝากมีสิทธิ์ไถ่คืนตามเวลาในสัญญา
3. เจ้าพนักงานที่ดิน เป็นผู้ดำเนินการให้สัญญาขายฝากถูกต้องตามกฎหมาย โดยผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝากต้องทำสัญญากันที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่ตามโฉนด

ในอดีตที่ผ่านมาการขายฝากมักเกิดขึ้นจากการตกลงกันระหว่างญาติมิตรหรือมีคนรู้จักแนะนำให้ เนื่องจากเป็นแหล่งเงินทุนที่น่าไว้วางใจหรืออาจจะไม่มีแหล่งข้อมูลอื่นๆ เป็นทางเลือก
ZAZZET (ซีแอซเซ็ท) เป็นเว็บไซต์จับคู่ขายฝากอสังหาฯ ที่โดดเด่นด้วยบริการ Online Matching ซึ่งคือบริการจับคู่ทรัพย์กับผู้รับซื้อฝากที่ใช่ ผ่านระบบการยื่นข้อเสนอด้วยราคาขายฝากและอัตราการจ่ายค่าตอบแทน โดยผู้รับซื้อฝากเป็นผู้ยื่นข้อเสนอ ส่วนผู้ขายฝากเป็นผู้เลือกข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ นอกจากนี้ ซีแอซเซ็ทยังให้ความรู้และมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำในเรื่องการขายฝาก ช่วยดูแลให้การจ่ายค่าตอบแทนเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ขายฝากจึงไม่โดนขูดรีด และช่วยบริการเรื่องการทำสัญญาที่สำนักงานที่ดินให้ด้วย โดยผู้ใช้งานสามารถใช้บริการผ่านเว็บไซต์ Zazzet.com อย่างสะดวกสบาย มั่นใจในทุกกระบวนการ
ที่มา thairath.co.th


5 ประโยคชิคๆสำหรับบอกว่า “ฉันไม่รู้”

หลายๆคนคงจะเคยโดนถามแล้วตอบไม่ได้ใช่ม้า เช่น  Do you know how to go to the police station? ซึ่งเด็กไทยส่วนใหญ่ก็คงจะตอบว่า I don’t know (หรืออาจจะยิ้มๆส่ายหัว และเดินจากไป) ซึ่งถ้าจะพูดแค่ประโยคนี้เพียงประโยคเดียว ก็อาจจะดูซ้ำๆซากๆเกินไป และวิธีที่จะบอกว่า “ฉันไม่รู้” ไม่ได้มีแต่ I don’t know สักหน่อย เอาล่ะ! เรามาดูกันดีกว่าว่ามีคำไหนบ้าง

1. I have no idea/I have no clue.

แปลแบบตร๊งตรงก็คือ ฉันไม่มีความคิดอะไรเลยหรือฉันไม่มีเบาะแสอะไรเลย แต่ก็หมายความว่า ฉันไม่รู้ นั่นแหละ ตัวอย่างเช่น

A: Do you know that Jake skipped a class today? (เธอรู้รึเปล่าว่าเจ๊คโดดเรียนวันนี้)
B: I have no idea. (ไม่นะ ฉันไม่รู้เลย)

2. I can’t help you there.

ประโยคนี้ แปลแบบตรงๆก็จะหมายความว่า “ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้” เอาล่ะ เรามาดูตัวอย่างกันดีกว่า

A: Excuse me, could you tell me how to go to the nearest bus stop?
(ขอโทษนะครับ คุณพอจะบอกผมได้ไหม ว่าจะไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดได้ยังไง)

B: Sorry, I can’t help you there.
(ขอโทษที แต่ฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ = ฉันไม่รู้ นั่นเอง)

บางทีหลังจากขอโทษแล้วเราอาจจะแนะนำคนถามให้ไปลองถามคนอื่นดูก็ได้นะคะ โดยการบอกว่า “Why don’t you ask…” (เอางี้ ลองไปถาม…ดีมั้ยคะ)

3. Beats me. (Informal)

ประโยคนี้มีความหมายตรงๆก็คือ เอาชนะฉัน หรือตีฉัน แต่ความหมายจริงๆก็คือ “ฉันไม่รู้” ซึ่งคำๆนี้ มีวงเล็บๆน้อยว่า (Informal) แล้วมันคืออะไรล่ะ? ง่ายมากเลยค่ะ…มันคือคำที่ไม่เป็นทางการนั่นเอง ซึ่งนั่นหมายความว่า คำนี้สามารถพูดกับเพื่อนๆได้ พูดกับคนสนิทได้ แต่ถ้าเอาไปพูดกับคนที่ไม่รู้จัก หรือครูบาอาจารย์ละก็…ก็คงจะดูไม่ดีเท่าไรนัก เอาล่ะ เรามาดูตัวอย่างกันดีกว่า

Jenny: Claire, how should we explain this to our parents?
(นี่แคลร์ เราจะอธิบายเรื่องนี้กับพ่อแม่ยังไงดีล่ะ)

Claire: Beats me. (ไม่รู้อะ)

4. I’m not really sure.

ต่อมาประโยคที่สี่ ประโยคนี้แปลตรงๆจะแปลได้ว่า ฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไร ความหมายของมันก็คือ ฉันไม่รู้นั่นเอง เห็นแบบนี้ก็คงจะไม่เคลียร์เท่าไร เอาล่ะ เรามาดูประโยคตัวอย่างกันค่ะ

A: When will you finish your work? (เธอจะเสร็จงานเมื่อไร)
B: I’m not really sure. (ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน = ฉันไม่รู้)

5. I’ve been wondering that, too.

ข้อสุดท้ายท้ายสุด ประโยคนี้ เราจะแปลตรงๆได้ว่า ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น

A: When does the movie start? (หนังจะเริ่มฉายกี่โมง)
B: I’ve been wondering that, too. (ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน)

เอาละ ตอนนี้เราก็ได้เรียนวิธีบอกว่า “ฉันไม่รู้” แบบง่ายๆไปห้าวิธีแล้ว หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่าน และหวังว่านำเอาไปใช้กันนะคะ ^^

ที่มา dailyenglish.in.th


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 18/07/2560

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,600.00 19,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,270.00 19,253.20 20,200.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,143.00 17,327.88 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 572.00 8,671.52 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 445.00 6,746.20 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,316.00 19,950.56 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  18/07/2560


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 25.55 25.55 25.55 25.55 25.55 25.55 25.55 25.55 25.55
แก๊สโซฮอล E-20 23.04 23.04 23.04 23.04 23.04 23.04 23.04 23.04 23.04
แก๊สโซฮอล E-85 19.24 19.24 19.24 19.24
แก๊สโซฮอล 91 25.28 25.28 25.28 25.28 25.28 25.28 25.28 25.28 25.28 25.28
เบนซิน 95 32.66 33.11 33.11 33.16 32.66 32.66 32.66
ดีเซลหมุนเร็ว 24.49 24.49 24.49 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 27.49 28.17 28.17 28.17 28.17
มีผลตั้งแต่ 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00 05 Jul 05:00
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า