สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2561

ลุ้นตลาดที่อยู่อาศัยโต10%

นายกสมาคมบ้านจัดสรร คาดตลาดอสังหาฯปีนี้โตได้ 5-10% รอลุ้นยอดขายภูมิภาคฟื้นตัว หลังไตรมาสแรกของปี พบยอดขายไม่ขยับฉุดภาพรวม

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ว่า คาดการณ์ตลาดจะเติบโตประมาณ 5-10 % และลุ้นให้การขยายตัวสูงถึงระดับถึง 10% “อยากจะเห็นในปีนี้ เพราะว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมาตลาดในภาพรวมเติบโตไม่ถึง 10%”

แม้แต่ยอดการจองและขายภายในมหกรรมบ้านและคอนโดฯ เกือบทุกปีอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาท แต่ก็เป็นยอดขายที่ไม่ได้มีผลมากนักในภาพรวม เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักเข้ามาในลักษณะเพียงการสำรวจตลาด ก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากที่อยู่อาศัย เป็นกลุ่มสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการประเมิน ประกอบกับการตัดสินใจหลายองค์ประกอบ ทั้งนี้ กลุ่มคอนโดมิเนียมมียอดขายภายในงานคึกคักมากกว่ากลุ่มบ้าน เนื่องจากรูปแบบการขายแตกต่างกัน

โดยส่วนสำคัญของตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น ตนเองมองว่านอกจากจะเป็นยอดขายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เป็นหลักของตลาดแล้วปีนี้ยังคาดหวังให้ยอดในต่างจังหวัดไต่ระดับขึ้นบ้าง เนื่องจากยังคงมีสัดส่วนขายออกไม่มากนัก ซึ่งจะฉุดให้ตัวเลขในภาพรวมไม่สวยงาม อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในภูมิภาค โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ขณะนี้กำลังซื้อในภูมิภาคมีการส่งสัญญาณที่ดีขึ้น

“หากดูตัวเลขช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ตลาดภูมิภาคนั้นยังคงเติบโตเพียงเฉพาะกลุ่ม เป็นกลุ่มแนวราบเท่านั้น แนวสูงยังคงที่ และมีเพียงบางจังหวัดที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวเติบโต เช่นที่ พัทยา (ชลบุรี) และภูเก็ต ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ได้รับผลกระทบยังคงเป็นกลุ่มบริษัทขนาดกลาง-เล็ก เพราะยอดขายขณะนี้ไปกระจุกตัวอยู่เพียงในโครงการของบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์

จากการสอบถามผู้ประกอบการรายใหญ่บางส่วนให้ข้อมูลว่า ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายมีสัดส่วนที่ดีขึ้น ทั้งนี้คาดว่าเป็นจากผลที่บริษัทขนาดเล็กมีเป้าหมายในการทยอยขายในโครง การเก่าและมีข้อจำกัดในแหล่งเงินทุน ทำให้ไม่สามารถส่งโครงการใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดได้ จึงไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ต่างจากบริษัทขนาดใหญ่ ที่ไม่ต้องอาศัยการขอสินเชื่อจากธนาคาร มีสภาพคล่องของตนเอง มีโครงการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีกว่า

“สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนี้บริษัทน้อยใหญ่ แข่งขันกันออกโปรโมชันเรียกกำลังซื้อกันอย่างคึกคัก ก็เพราะเป็นผลที่ต้องการทยอยขายโครงการค้างเก่าที่ขายไม่หมด ซึ่งสะท้อนว่ายอดขายต่อเดือนของบริษัทนั้นๆกำลังมีปัญหา”

http://www.thansettakij.com


3 นวัตกรรมใหม่ ยกระดับการอยู่อาศัยในยุค 4.0

3 นวัตกรรมใหม่ ตอบรับการอยู่อาศัยในยุค 4.0

ปัจจุบันเราจะเห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่นเดียวกับทางด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างตอบรับการอยู่อาศัยในยุค 4.0 ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ภายในโครงการ เรียกว่าเอาใจคนรุ่นใหม่ เพื่อให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ช้อปปิ้ง-ชำระบิล ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส
เริ่มด้วยฮาบิแทท กรุ๊ป ที่เพิ่งทุ่มงบ 2,500 ล้านบาท รุกตลาดไฮเอนด์ย่านศูนย์กลางธุรกิจในกลางเมืองเป็นครั้งแรก กับโครงการ “วาลเด้น อโศก” ที่นอกจากจะมีที่จอดรถอัตโนมัติแล้ว ยังได้ร่วมมือกับ Nasket พัฒนานวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตในคอนโดมิเนียมสะดวกมากขึ้นด้วยบริการ “Walden Privilege” แท็บเล็ตอัจฉริยะ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายของใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ส่งตรงถึงหน้าประตูห้อง รวมไปถึงบริการเสริมอีกมากมาย อาทิ แม่บ้านทำความสะอาด ช่างซ่อมงานเล็ก-ใหญ่ สั่งอาหาร และบริการชำระบิลต่าง ๆ เพียงแค่แสกนบาร์โค้ดและชำระผ่านบัตรเครดิต โดยไม่ต้องโหลด ไม่ต้องสมัคร และไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม

โครงการวาลเด้น อโศก

โครงการวาลเด้น อโศก

อุ่นใจด้วยสุดยอดสมาร์ทล็อก
ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการอยู่อาศัย ทางบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จึงได้จับมือกับแบรนด์ “igloohome” (อิกลูโฮม) ลุยติดตั้ง ‘สมาร์ทล็อก’ ระบบล็อกอัตโนมัติ เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานของโครงการแสนสิริเทียบมาตรฐานโลก

ความพิเศษของสมาร์ทล็อกคือ เปิดประตูได้ทุกที่ผ่านโมบายแอปพลิเคชันด้วยระบบ Bluetooth หรือผ่านระบบ Pin Code ซึ่งเป็นระบบ OTP (One Time Password) ส่งรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวหรือกำหนดเวลาของ Pin Code ได้ รวมทั้งยังสามารถติดตามรายละเอียดเมื่อมีคนเข้า-ออกบ้านได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ และยังปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบป้องกันการแฮ็กพิเศษด้วย Cryptography ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ธนาคารชั้นนำเลือกใช้ ทำงานได้โดยที่ล็อกไม่ต้องเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังสะดวกและปลอดภัยสำหรับปล่อยเช่า ผู้เช่าสามารถเข้าห้องได้โดยได้รับ Pin Code เอื้อประโยชน์ต่อการให้เพื่อนเข้าพักหรือปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมตากอากาศ

โดยในไตรมาส 2 ทางแสนสิริเตรียมนำร่องใช้ใน 9 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้แก่ เดอะ ไลน์ สาทร, คาวะ เฮาส์ สุขุมวิท 77 และโอกะ เฮาส์ สุขุมวิท 36 บ้านเดี่ยว 6 โครงการ ได้แก่ บุราสิริ บางนา, บุราสิริ ปัญญาอินทรา, บุราสิริ พัฒนาการ, บุราสิริ วงแหวน-อ่อนนุช, เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล และเศรษฐสิริแจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น 2

แอปพลิเคชัน LPN SHARE

แอปพลิเคชัน LPN SHARE

สร้างชุมชนน่าอยู่ด้วยแอปพลิเคชัน
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ก็ไม่น้อยหน้า ยกระดับโครงการที่อยู่อาศัยให้เป็น “ชุมชนน่าอยู่” มากขึ้น ด้วยแอปพลิเคชัน LPN SHARE โดยประเดิมฟีเจอร์แรกด้วย “คาร์พูล” (Carpool) ชื่อ “LPN SHARE by LILUNA” (แอลพีเอ็น แชร์ บาย ลิลูน่า)

ระบบคาร์พูลเป็นระบบการเดินทางที่ใช้รถร่วมกันเพื่อโดยสารในเส้นทางเดียวกัน แบบ “ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน” โดย LPN SHARE by LILUNA จะมีฟังก์ชั่น LPN Board เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเส้นทางที่ต้องการเดินทาง เพื่อหาผู้ร่วมเดินทางหรือผู้ขับขี่ หรือในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ได้สร้างเส้นทางไว้ล่วงหน้า ผู้ใช้บริการก็สามารถใช้ฟังก์ชั่นนี้ เพื่อหาเพื่อนร่วมทางสำหรับการแชร์ค่าแท็กซี่ด้วยกันก็ได้ นอกจากจะเป็นการลดภาระค่าเดินทางแล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ช่วยลดการใช้รถยนต์ พลังงาน และปัญหาการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนอีกด้วย

ขณะนี้ แอล.พี.เอ็น. ได้ทดลองใช้ LPN SHARE by LILUNA ที่โครงการลุมพินีเพลส พระราม 9-รัชดา เป็นแห่งแรก และตั้งเป้าที่จะขยายการให้บริการไปยังเจ้าของร่วมในโครงการ “ลุมพินี” ทุกโครงการซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว ๆ 2.5 แสนรายทั่วประเทศ

จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างนำนวัตกรรมต่าง ๆ มาเป็นตัวนำในการแข่งขันในตลาดนอกเหนือจากคุณภาพ และบริการมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อผู้อยู่อาศัยที่จะได้ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นแล้ว ยังตอบโจทย์การอยู่ร่วมกันในสังคมได้เป็นอย่างดีด้วย

https://www.ddproperty.com


ธปท. จับมือ 14 แบงก์ไทย พัฒนาระบบ “Blockchain”

ธปท.

ธปท. ร่วมมือ 14 ธนาคารไทย และ 7 องค์กรขนาดใหญ่ พัฒนาระบบ Blockchain เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของประเทศ
 วันที่ 19 มีนาคม 2561 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงาน Bangkok FinTech Fair 2018 ว่า ขณะนี้ ธปท. ได้ร่วมมือกับ 14 ธนาคารไทย รัฐวิสาหกิจและองค์กรธุรกิจใหญ่ 7 แห่ง เดินหน้าโครงการ “Thailand  Blockchain Community Initiative” เพื่อนำเทคโนโลยี Blockchain มายกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของประเทศ
 โดยจะเริ่มต้นด้วยโครงการบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ บนระบบ Blockchain โดยนำหนังสือค้ำประกันวงเงิน 1.35 ล้านล้านบาท แปลงเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ 100% ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายถึง 2 เท่า คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ในระหว่างทดสอบ ภายใต้การกำกับของ ธปท. (Regulatory Sandbox) เพื่อช่วยให้การพัฒนาบริการใหม่ ๆ เป็นไปอย่างมีมาตรฐานและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการและภาคเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินในหลายมิติของภาคธนาคาร และภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการ ทั้งเรื่องของการประหยัดต้นทุน ลดความซ้ำซ้อนในการเชื่อมต่อระบบ รวมถึงลดความเสี่ยงการปลอมแปลงข้อมูล

 ธปท.

สำหรับองค์กรที่เข้าร่วมโครงการนี้ ประกอบด้วย ธนาคาร 14 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารทิสโก้, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารธนชาต, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ธนาคารยูโอบี, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และธนาคารออมสิน

อีกทั้ง ยังมีภาครัฐวิสาหกิจและธุรกิจขนาดใหญ่ 7 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล, บจก. พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง, บมจ. ไออาร์พีซี และ เครือปูนซิเมนต์ไทย

 https://money.kapook.com

‘ขนส่งอัจฉริยะ’ โจทย์ท้าทายวิถีขับขี่คนเมือง

โดยเฉลี่ยผู้ขับขี่จะใช้เวลาไปกับการหาที่จอดรถประมาณ 20 นาที

“จอดรถที่ไหนดี?” คำถามนี้คนที่อาศัยตามเมืองใหญ่ต่างต้องขบคิดให้ถี่ถ้วนก่อนออกเดินทาง

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่าทุกวันนี้ผู้ขับขี่ต่างต้องเผชิญกับรถยนต์จำนวนมหาศาลบนท้องถนน ปัจจุบันมีรถที่จดทะเบียนทั่วประเทศรวมกว่า 37 ล้านคัน

ที่ผ่านมา ผู้ใช้รถใช้ถนนจำต้องเสียเวลากับรถติดบนถนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 56 ชม.ต่อปี เฉพาะปี 2560 สถิติรถยนต์ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานครมีจำนวน9,593,706 คัน เพิ่มขึ้นราว 6% ทุกปี

สอดคล้องไปกับข้อมูลการวิจัยของ INRIX Global Traffic Scorecard บริษัทที่ทำการวัดผลการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนและช่วงเวลาอื่นๆ ในแต่ละวันใน1,360 เมืองทั่วโลก ซึ่งได้รายงานการประเมินสภาพจราจรทั่วโลกประจำปี 2560 ว่ากรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 16 ของโลกเมืองที่รถติดมากที่สุดของเอเชีย ผู้ใช้รถต้องเสียเวลาบนท้องถนนมากถึง 64 ชม.ต่อปี

โดยถนน 10 สายที่รถใช้ความเร็วได้ต่ำในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น อันดับหนึ่ง คือพหลโยธิน เช้าวิ่งได้ 8 กม.ต่อชม.ช่วงเย็นวิ่งได้ 18 กม.ต่อชม. รองลงมาคือ สุขุมวิท สุขสวัสดิ์ เพชรเกษม บรมราชชนนี ติวานนท์ ราชวิถี งามวงศ์วาน สาทร และพระราม 1

ดังนั้นการเดินทางโดยขนส่งมวลชนสาธารณะที่ครอบคลุมจึงเป็นทางเลือกที่ทำให้คนยอมทิ้งรถส่วนตัวมาขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน เพื่อแลกกับเวลาที่เสียไปกับรถติด แต่บ่อยครั้งที่ต้องไปทำงานหรือประชุมในสถานที่ต่างๆ แล้วเลือกที่จะจอดรถไว้ที่จอดรถสาธารณะใกล้รถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน ทว่าต้องพบปัญหาใหม่คือ ที่จอดรถไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดปฏิบัติการ “วน-เวียน-หา” ที่จอดรถ และบางครั้งปัญหานั้นไม่ได้อยู่เพียงแค่ในบริเวณดังกล่าวแต่ยังกระทบมายังถนนบริเวณใกล้เคียง

สู่ลานจอดรถมีชีวิต

นิธิพัทธ์บอกว่า การพัฒนาระบบการขนส่งอัจฉริยะ(Smart transportation) เป็นแนวทางของการบรรเทาปัญหาดังกล่าว หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของสมาร์ทซิตี้ โดยการนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่อย่างเป็นระบบเช่น ระบบลานจอดรถอัจฉริยะเพื่อแก้ปัญหาการเสียเวลาวนหาที่จอดรถ

ปัจจุบัน ลานจอดรถอัจฉริยะไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายๆ ประเทศเริ่มนำโซลูชั่นลักษณะนี้มาเป็นตัวช่วย โดยประยุกต์ใช้กับสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง ระบบจะช่วยลดระยะเวลาตามหาพื้นที่ว่างและกระบวนการต่างๆ ภายในที่จอดรถ ไม่ว่าจะเป็นรับบัตรจอดรถ ชำระค่าใช้จ่าย ให้เหลือเพียงขั้นตอนเดียวบนมือถือ

ข้อมูลระบุว่า โดยเฉลี่ยผู้ขับขี่จะใช้เวลาไปกับการหาที่จอดรถประมาณ 20 นาที หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนรถบนท้องถนนที่ไม่มีที่จอดรถ ซึ่งส่งผลอย่างมากกับสภาพการจราจรบนท้องถนน

“เมื่อต้องการให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ก็ควรสนับสนุนให้มีลานจอดรถทั้งของภาครัฐและเอกชนใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าหรือสถานีรถไฟใต้ดิน เพื่อให้คนนำรถมาจอดและเชื่อมต่อรถไฟฟ้าไปยังจุดต่างๆ ได้”

โอกาสในวิกฤติ

เอเซอร์ชี้ว่า ท่ามกลางปัญหายังมีความน่าสนใจ อย่างการลงทุนในธุรกิจหาพื้นที่จอดรถให้คนกรุงการมาของเศรษฐกิจการแชร์ในกลุ่มธุรกิจเช่าที่จอดรถในสังคมไทย ที่ผ่านมาได้เห็นสตาร์ทอัพขยับเข้ามาจับเทรนด์ “sharing economy” ในการทำธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทธุรกิจให้เช่าพื้นที่เพื่อจอดรถเช่น จอดสบาย, p2go, ParkNRide ฯลฯ

ธุรกิจประเภทนี้สามารถประหยัดงบลงทุนในการสร้างพื้นที่ใหม่ด้วยการนำทรัพยากรที่มีอยู่เดิมมาจัดสรรใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านมูลค่าเชิงเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่ในมุมของผู้ใช้งานเทคโนโลยีนี้สามารถจับคู่ความต้องการของผู้บริโภคกับทรัพยากรที่มีอยู่ได้ง่ายมาพร้อมกับการใช้งานง่ายและประหยัดเวลา

นอกจากนี้ หนุนธุรกิจช้อปปิ้งสโตร์ด้วยบิ๊กดาต้า พัฒนาไปสู่ประสบการณ์ส่วนบุคคล(personal experience) ระบบจะมีการจัดเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละราย จดจำ วิเคราะห์เพื่อให้บริการซ้ำในครั้งถัดไป เช่น ระยะเวลาที่จอดรถ เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นหรือกิจกรรมจากร้านต่างๆ ภายในห้าง ที่สามารถนำมาหักลบชั่วโมงค่าจอด, ระบบแจ้งเตือนเมื่อชั่วโมงรถใกล้จะหมดลง

หรือแม้แต่กรณีฉุกเฉิน อย่างการขยับเคลื่อนย้ายรถหรืออุบัติเหตุใดๆ บริเวณลานจอดรถ ระบบก็สามารถแจ้งเตือนไปยังเจ้าของได้ทันท่วงที ข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาลเหล่านี้จะเป็นข้อมูลเครดิตของผู้บริโภคที่ดีมากสำหรับทั้งแบรนด์ห้างเอง หรืออาจนำไปขายต่อให้ธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นๆ

ทุกอย่างอยู่บนโมบาย

การสำรวจของกูเกิล คอนซูเมอร์ บารอมิเตอร์ ประจำปี 2561ระบุว่า กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีไลฟ์สไตล์ที่พึ่งพิงสมาร์ทโฟนสูงมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ใช้เวลาเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ถึง 60% เมื่อเทียบกับแกดเจ็ทอื่นๆ

นอกจากนี้ นำไปสู่ลักษณะการใช้งานที่อิงกับโมบายแทบจะสมบูรณ์แบบ การชำระเงินด้วยระบบโมบายเพย์เมนต์ ได้เห็นกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการทั้งสัญชาติไทยหรือต่างชาติพากันปรับกลยุทธ์เพื่อผลักดันสังคมไร้เงินสด

“การให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการการใช้พื้นที่สาธารณะ ดึงเอาพื้นที่ส่วนตัวบางส่วนมาใช้เป็นที่สาธารณะชั่วคราว การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยลดต้นทุน ควบคุมการใช้พื้นที่ การจองพื้นที่ใช้งานล่วงหน้า รวมถึงการเก็บเงินค่าจอดทางโมบายแอพ ฯลฯ ล้วนเป็นแนวทางที่กระตุ้นให้เกิดการจัดสรรการใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อความคล่องตัวของการจราจรคลายความตึงเครียดบนท้องถนน ไปจนถึงความคล่องตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ” นิธิพัทธ์ กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


13 ทริกทาง “จิตวิทยา” ที่นำไปใช้ได้ในชีวิตจริง(เห็นผลแน่นอน)

สวัสดีค่ะ มีใครชอบเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยามั้ยคะ? พี่เป้ ไม่ค่อยชอบนั่งเรียนจิตวิทยา แต่ชอบอ่านทริกน่าสนใจเกี่ยวกับจิตวิทยาแบบเป็นข้อสั้นๆ เพราะรู้สึกสนุกดีแถมเอามาใช้กับชีวิตจริงได้ด้วย เลยนำมาฝากกันให้อ่านสนุกๆ 

 1. ถ้าคุณถามอะไรใครไป แล้วอีกฝ่ายตอบไม่หมดหรือตอบไม่ถูกใจ อย่าเพิ่งลุกหนีไปไหน จ้องตาเขานิ่งๆ ให้เวลาเขาคิดอีก 4-5 วินาที ความเงียบระหว่างนั้นแหละ จะทำให้เขาค่อยๆ พูดคำตอบส่วนที่เหลืออกมา
2. ในการต่อรอง ใช้ความเงียบเป็นอาวุธ คนส่วนมากมักทนกับความเงียบ(และเฉยชา)ไม่ได้ อีกฝ่ายจะรู้สึกอึดอัดและมีโอกาสจะยินยอมให้คุณ เพื่อให้การต่อรองนี้จบลงโดยไว
      3. เวลาที่คุณอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่กำลังหัวเราะกันอย่างเมามันส์ เพื่อนคนแรกที่คุณหันไปดูปฏิกิริยาของเขาตอนหัวเราะ คือเพื่อนคนที่คุณสนิทที่สุดหรือคุณอาจจะแอบชอบเขาอยู่ก็เป็นได้
      4. ถ้าคุณรู้สึกว่ามีใครแอบมองคุณอยู่ ให้คุณก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง คนที่แอบมองคุณอยู่ส่วนมากจะก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองตามคุณ อาศัยจังหวะนั้นแหละหันไปดูเลยว่าเขาก้มมองนาฬิกาหรือเปล่า

  5. วิธีเพิ่มความมั่นใจที่ทำได้ง่ายๆ คือ พยายามทำตัวเองให้ใหญ่(ไม่ใช่กินให้อ้วนนะ) เช่น ลองนอนแผ่ขยาย กางแขนกางเท้าให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลองทำแบบนี้เพียง 2 นาทีต่อวัน ทำบ่อยๆ ทุกวัน แล้วคุณจะค่อยๆ รู้สึกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
      6. ถ้าไม่ชอบใคร ตอนคุยกับเขา ให้พยายามมองที่หน้าผากเขามากกว่ามองหน้าตรงๆ เขาจะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากคุยกับคุณอีก 55555
7. เวลาถามคำถามหรือถามความเห็นจากผู้อื่น ตอนที่พูดให้พยักหน้าไปด้วย มันจะทำให้คนอื่นคล้อยตามคุณ
8. เวลาไปออกกำลังกายและต้องนับครั้งหรือนับรอบ แทนที่จะนับ 1 2 3 ให้นับถอยหลังเป็น 10 9 8 คุณจะรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น

9. ถ้าคุณคิดจะโกหก ในเนื้อเรื่องนั้นๆ ให้ผสมเรื่องที่ฟังดูน่าอายลงไปด้วย รับรองว่าแทบทุกคนจะเชื่อเรื่องโกหกนี้ เช่น เมื่อวานไปเที่ยวกับแฟนมา แต่เผลอสะดุดล้มในห้าง อายมาก (จริงๆ คือไม่เคยมีแฟนซักคน)
     10. ถ้าอยากได้อะไร ให้ขอตอนที่อีกฝ่ายกำลังเหนื่อย เพราะเมื่อเขาเหนื่อย เขามักจะตอบว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำให้” โดยลืมใส่ใจว่าเราขออะไรไป (เพราะมัวแต่เหนื่อยอยู่) แล้วพอวันรุ่งขึ้น เขาก็จะนึกได้ว่าเขารับปากไว้แล้วว่าจะทำให้ ถ้าไม่ใช่คนผิดสัญญา เขาก็น่าจะทำให้คุณแน่นอน
11. สมองของคนเรามักจำสิ่งแรกและสิ่งสุดท้ายได้ดีมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลางคัน ดังนั้นเวลาที่ต้องไปพบปะนัดสำคัญหรือสอบสัมภาษณ์ หากเลือกได้ พยายามขอเข้าเป็นคนแรกไม่ก็คนสุดท้ายไปเลย
12. พยายามเลียนแบบ body language หรือภาษากายของฝ่ายตรงข้ามที่คุณกำลังคุยกับเขา เช่น หากเขากอดอก คุณจะกอดอกบ้างก็ได้ เพราะมันอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไว้ใจคุณมากขึ้น
13. เวลามองพิจารณาสิ่งของอะไร ให้มองจากขวาไปซ้าย ไม่ใช่จากซ้ายไปขวา แล้วคุณจะเห็นรายละเอียดของมันชัดเจนขึ้น

 

น่าสนใจเนาะ ลองเอาไปใช้กันดูค่ะ ใช้ได้ทั้งนักเรียนและคนทำงาน ส่วนตัวชอบข้อที่สร้างความมั่นใจด้วยการนอนแผ่ ใครรู้สึกตัวเองไม่มีความมั่นใจเลย ต้องลองแล้วล่ะ

https://www.dek-d.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 20/03/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,400.00 19,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,257.00 19,056.12 20,000.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,131.30 17,150.51 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 566.00 8,580.56 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 440.00 6,670.40 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,303.00 19,753.48 n/a

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  20/03/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35
แก๊สโซฮอล E-20 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84
แก๊สโซฮอล E-85 20.14 20.14 20.14 20.14
แก๊สโซฮอล 91 27.08 27.08 27.18 27.58 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08
เบนซิน 95 34.46 34.91 34.96 34.46 34.46 34.46
ดีเซลหมุนเร็ว 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.59 30.46 30.46 30.46 30.46
มีผลตั้งแต่ 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า