สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561

ธุรกิจรับสร้างบ้าน เติบโตจากปีก่อนประมาณ 8-10%

คาดว่าตลาดรวมทั่วประเทศของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน มีมูลค่าประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณ 8-10% 

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association:THBA) มองภาพรวมเศรษฐกิจประเทศปี 2561 เป็นไปในทิศทางบวกเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา สะท้อนได้จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการของภาคธุรกิจ ผู้บริโภค และประชาชนทั่วไป ที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต ภายหลังจากที่รัฐบาลคสช.ส่งสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้งช่วงปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า ทั้งนี้ในหลาย ๆ กลุ่มธุรกิจพบว่ามีการขยายและปรับตัวดีขึ้น อาทิเช่น กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจส่งออก ฯลฯ ยกเว้นบางกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ได้แก่ ภาคการเกษตรและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง กลุ่มค้าส่งและค้าปลีกในภูมิภาค สะท้อนได้จากกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ยอดขายยังไม่ฟื้นตัวและเงินหมุนเวียนในธุรกิจฝืด ดังนั้น ทุกรายจึงต้องหันมาเร่งปรับตัวเพื่อลดต้นทุนและลดภาระค่าใช้จ่าย รวมทั้งหาช่องทางขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยว่า ปริมาณและมูลค่าบ้านสร้างเอง ภายหลังผ่าน 2 เดือนแรกศักราชใหม่ปี 2561 สมาคมฯ มองเห็นสัญญาณความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ของผู้บริโภคและประชาชน สามารถขยายตัวได้ดีกว่าปีที่แล้ว โดยจากการสอบถามผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด และผู้ประกอบการสร้างบ้านในท้องถิ่น (ต่างจังหวัด) ส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า ผู้บริโภคที่สนใจและติดต่อเรื่องการสร้างบ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการขอสินเชื่อสร้างบ้านในปีนี้เริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยสมาคมฯ ประเมิน 5 ปัจจัยบวกที่จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจสร้างบ้านในปีนี้ ประกอบด้วย 1.ผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้นต่อทิศทางเศรษฐกิจและการเมืองในอนาคต 2.แรงกระตุ้นจากอัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคาร ที่แข่งขันกันให้กู้ยืมเพื่อปลูกสร้างบ้านในปีนี้ 3.ความต้องการที่อยู่อาศัยและกำลังซื้อที่อั้นมาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีที่ดินเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เริ่มกล้าที่จะลงทุนและใช้จ่ายเรื่องบ้านมากขึ้น 4.ผลของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ที่จะประกาศใช้บังคับ ทำให้ประชาชนตื่นตัวและนำที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ และ 5.ผลจากราคาบ้านเดี่ยวที่สูงขึ้นและภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลางโครงการบ้านจัดสรร ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนใจมาซื้อที่ดินเปล่าและปลูกสร้างบ้านเอง

สำหรับ ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้ โอกาสขยายและเติบโตน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับปริมาณบ้านสร้างเอง โดยคาดว่าตลาดรวมทั่วประเทศของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านมีมูลค่าประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณ 8-10%  อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ พบว่าการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การแข่งขันในธุรกิจรับสร้างบ้านทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโลกออนไลน์ช่วยให้ผู้บริโภคค้นหาข้อมูลได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น และผู้ประกอบการสื่อสารกันได้สะดวกขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรหาทางเร่งปรับตัว เพื่อลดต้นทุนในภาวะที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูง รวมทั้งมุ่งตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคเศรษฐกิจ 4.0 ที่เน้นความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ประกอบการ ก่อนจะตัดสินใจเลือกผู้ประกอบการที่ตรงใจ

นายสิทธิพร กล่าวเสริม เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเครื่องมือสื่อสารออนไลน์ ทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์และบริการ แทนสื่อออฟไลน์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นที่มาและแนวคิดใหม่ของสมาคมฯ และสมาชิกในการขับเคลื่อนธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างของผู้บริโภค โดยร่วมมือกับ นิตยสารและเว็บไซต์โฮมแอนด์รีสอร์ต ริเริ่มจัดงานอีเวนท์ออนไลน์ขึ้นในปี 2561 นี้ภายใต้ชื่องาน “บ้านและวัสดุออนไลน์ 2561” สำหรับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดงานครั้งนี้ ก็เพื่อปรับตัวรับกับสถานการณ์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมทั้งเพื่อประโยชน์ของทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายใต้กรอบแนวคิดคือ

ประการแรก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศ ที่สนใจเรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้าง ในการจะเข้าถึงข้อมูลของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและวัสดุก่อสร้าง ผ่านเครื่องมือสื่อสารออนไลน์เสมือนว่าได้เข้าชมงานแสดงสินค้าจริง ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่งในงานฯ ออนไลน์ครั้งแรกนี้ จะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมออกบูธนับ 100 ราย พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดหรือขนโปรโมชันเด็ด ๆ ทั้ง ลด แจก แถม กันอย่างคึกคักเฉพาะในงานฯ เท่านั้น ประการถัดมา ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่เป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่าย ซึ่งจะได้พบกำลังซื้อผู้บริโภคใหม่ ๆ จากทั่วประเทศโดยตรง จากเดิมที่อาจต้องพึ่งพาผู้แทนจำหน่ายหรือโมเดิร์นเทรด ในการขยายตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะได้พบทั้งผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของบ้านและกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน เจ้าของโครงการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด ที่จะเข้ามาเลือกซื้อเลือกช็อป เพื่อนำไปใช้กับการสร้างบ้าน ซ่อมบ้าน ต่อเติมบ้าน เป็นต้น ประการสุดท้าย เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้สู่ผู้บริโภคในวงกว้างทั่วประเทศ ทั้งในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้าน วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือก่อสร้าง และธนาคารผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ต้องการผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพ และวัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงในราคายุติธรรม รวมถึงความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินเชื่อสร้างบ้าน ซื้อบ้านและที่อยู่อาศัย จากธนาคารชั้นนำและเจ้าของแบรนด์หรือตัวแทนโดยตรง

นายสิทธิพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า งานฯ นี้สมาคมฯ ตั้งเป้าจะมีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม www.thaionlinefair.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์จัดงาน “บ้านและวัสดุออนไลน์แฟร์ 2561” วันละ 3 – 5 หมื่นรายหรือประมาณ 4-5 แสนราย ตลอดระยะเวลาของการจัดงาน 11 วัน ในระหว่างวันที่ 10 – 20 มีนาคม 2561 โดยภายในงานฯ จะมีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและวัสดุเข้าร่วมออกบูธประมาณ 100 ราย ปัจจุบันมีผู้ประกอบการตอบตกลงเข้าร่วมออกบูธแล้วกว่า 70-80% สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมงานฯ สามารถติดต่อและจองบูธออนไลน์ได้จนถึงวันจัดงานฯ และนี่คือจุดเด่นของการจัดงานอีเวนท์ออนไลน์ ที่ตัดสินใจใกล้ถึงวันจัดงานฯ ก็ได้ เพราะบูธไม่ต้องมีการก่อสร้างใด ๆ

นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 10-20 มีนาคม 2561 นิตยสารและเว็บไซต์โฮมแอนด์รีสอร์ต ในฐานะผู้บริหารเว็บไซต์จัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ ยังได้จัดงาน “โฮมแอนด์รีสอร์ตออนไลน์แฟร์ 2561” ขึ้นพร้อมกันอีกหนึ่งงานฯ ภายใต้คอนเซปต์ “VITAMIN SEA” หรือ “เพราะร่างกายต้องการทะเล” อันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้คึกคักยิ่งขึ้นตามนโยบายภาครัฐอีกด้วย

http://www.bangkokbiznews.co


อาคาร สนง. กรุงเทพฯ ส่อเค้าขาดแคลน

อาคาร สนง. กรุงเทพฯ ส่อเค้าขาดแคลน

อาคารสำนักงานถือเป็นอสังหาริมทรัพย์อีกรูปแบบหนึ่งที่ปัจจุบันส่อเค้าขาดแคลนโดยเฉพาะอาคารสำนักงานเกรดเอในทำเลใจกลางเมือง แม้ว่าค่าเช่าอาคารสำนักงานเหล่านี้จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยที่ผลักดันให้บริษัทหลายๆ บริษัทต้องย้ายออฟฟิศ คืออาคารเดิมมีพื้นที่ไม่เพียงพอรองรับการเติบโตของบริษัทได้ จากข้อมูลของศูนย์บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทยของเจแอลแอลพบว่า อาคารสำนักงานเกรดเอเหลือพื้นที่ว่างเพียง 6.3%

อาคารสำนักงานขาดแคลนยาวถึงปี 65
กรุงเทพฯ มีอาคารสำนักงาน รวมพื้นที่ประมาณ 8.9 ล้านตารางเมตร ในจำนวนนี้เป็นอาคารเกรดเอประมาณ 3.2 ล้านตารางเมตร ซึ่งมีพื้นที่ว่างเหลือเช่าเพียงประมาณ 6.3% หรือประมาณ 200,000 ตารางเมตร โดยพื้นที่ว่างเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ขนาดเล็กซึ่งกระจายอยู่ตามชั้นต่าง ๆ ของอาคาร ในขณะที่พื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่ในชั้นเดียวกันส่วนใหญ่มีผู้เช่าเต็มแล้ว และมักมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเช่าต่อทันทีที่ผู้เช่ารายเดิมย้ายออก ดังนั้น การเช่าหรือขยายออฟฟิศในอาคารสำนักงานเกรดเอที่มีอยู่ในปัจจุบันจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่

สถานการณ์เช่นนี้จะดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ทั่วกรุงเทพฯ จะมีอาคารสำนักงานใหม่สร้างเสร็จเพิ่มกว่า 451,000 ตารางเมตร แต่ในระหว่างปี 2561-2564 มีอาคารสำนักงานใหม่กำหนดสร้างเสร็จทั่วกรุงเทพฯ คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมกันทั้งสิ้นเพียง 554,000 ตารางเมตร หรือเฉลี่ยประมาณ 185,000 ตารางเมตร/ปี

ผู้เช่าปรับตัว เพิ่มการใช้ประโยชน์พื้นที่-หาทำเลรอง
ส่วนบริษัทผู้เช่าที่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนพนักงาน แต่ยังไม่พร้อมที่จะย้ายออฟฟิศไปยังอาคารอื่นได้ จึงต้องปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การลดขนาดโต๊ะที่นั่งของพนักงาน ออกแบบให้มี hot desk ลดการกั้นห้องหรือกั้นที่นั่ง และใช้บริการจัดเก็บเครื่องใช้หรือเอกสารข้างนอก นอกจากนี้ยังมีบริษัทผู้เช่าบางส่วนที่ย้ายไปยังอาคารที่มีคุณภาพรอง หรือมีที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นรอง ซึ่งหลายอาคารจะยังพอมีพื้นที่ว่างเหลือรองรับผู้เช่ารายใหญ่ได้และมีค่าเช่าถูกกว่า

ผู้เช่าอาคารสำนักงานเน้นใกล้รถไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นหลัก

ผู้เช่าอาคารสำนักงานเน้นใกล้รถไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นหลัก

ผู้เช่าเน้นใกล้รถไฟฟ้า-สิ่งอำนวยความสะดวก
เกณฑ์การคัดเลือกอาคารของบริษัทผู้เช่าส่วนใหญ่จะเลือกอาคารที่มีคุณภาพดีและมีรูปลักษณ์ทันสมัยซึ่งสอดคล้องหรือสามารถยกระดับภาพลักษณ์องค์กรของบริษัทผู้เช่าได้ ภายในอาคารมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ฟู้ดคอร์ท ร้านจำหน่ายอาหาร-เครื่องดื่ม และธนาคาร ตั้งอยู่ในย่านที่มีสถานที่ให้พนักงานได้กิน เที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจหลังเลิกงาน และที่สำคัญที่สุดคือใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน

ค้นหาข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเรื่อง “เช่า” ได้ที่นี่

ทั้งนี้ ตัวอย่างอาคารสำนักงานเกรดเอที่ประสบความสำเร็จสูงในการดึงดูดผู้เช่าที่เป็นบริษัทชั้นนำทั้งของไทยและต่างชาติ มียอดการเช่าพื้นที่และค่าเช่าสูง แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในทำเลศูนย์กลางธุรกิจ หรือซีบีดีของกรุงเทพฯ ได้แก่ อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ อาคารจีทาวเวอร์ และอาคารเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส ที่ตั้งอยู่ในย่านพระราม 9-รัชดาภิเษก รวมถึงอาคารที-วัน ที่ตั้งอยู่ในย่านทองหล่อ

https://www.ddproperty.com


‘สมคิด’ มั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวมากกว่า 4.1%

“สมคิด” ชี้เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว มั่นใจ “จีดีพี” ปีนี้ขยายตัวมากกว่า 4.1% แน่นอน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว สะท้อนจากล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ที่ 3.9% พร้อมคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2561 ที่ 3.6-4.6% ขณะที่ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เติบโต 17.6% สูงสุดในรอบ 62 เดือน และเชื่อว่าการที่รัฐบาลพยายามสนับสนุนดิจิทัลเพื่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ จะเป็นแรงกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยปีนี้สามารถขยายตัวได้มากกว่า 4.1% อย่างแน่นอน

“ตัวเลขเหล่านี้จะทะยานพุ่งไปข้างหน้าเพราะเป็นก้าวสู่ดิจิทัล ช่วงเวลา 3-4ปีนี้มันคือโอกาสของประเทศ ในขณะเดียวกันอาเซียนคือบ่อทอง ไทยคือศูนย์กลางที่แท้จริงของโอกาส เพราะเรามีโอกาสที่ดีในจุดที่เหมาะสม สามารถเคลื่อนไปข้างหน้า ตอนนี้แม้ทุกอย่างยังไม่สมบูรณ์เพราะรากหญ้ายังไม่แข็ง เพาาาะโครงสร้างเกษตรมันล้าสมัยมาก ต้องใช้เทคโนเข้าไปช่วย จังหวะนี้เราต้องใช้โอกาสอย่างสูงสุด ยุคนี้คือรุ่งอรุณของการปฎิวัติอุตสาหกรรมใหม่ ด้วยการใช้ดิจิทัลเป็นตัวผลักดัน ทำให้พฤติกรรมของชีวิตเปลี่ยนไปเลย” นายสมคิด กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


‘SCB EIC’ คาดส่งออกปีนี้โต 5% ห่วงบาทแข็ง

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดส่งออกปีนี้โต 5% ห่วงเงินบาทแข็งค่า สั่งจับตานโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดมูลค่าการส่งออกทั้งปี 61 จะขยายตัวที่ 5.0% ตามแนวโน้มการเติบโตของภาคการผลิตโลก ประกอบกับราคาน้ำมันและสินค้าเกษตรบางรายการที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจะขยายตัวที่ 7.5% โดยเติบโตตามความต้องการสินค้าวัตถุดิบและสินค้าทุน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวตามการลงทุนในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี เงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าอยู่ที่ราว 31.00-31.50 บาท/ดอลลาร์ในช่วงนี้ อาจกระทบต่อรายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกไทย ขณะที่ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในเดือนมกราคมที่แข็งค่าขึ้นกว่า 5.4%YOY ก็สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันด้านอัตราแลกเปลี่ยนของไทยที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ก็กลับมาเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกไทยอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติมาตรการ safeguard เก็บภาษีการนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงโซล่าร์ ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะกระทบต่อส่งออกไทยเป็นสัดส่วนราว 0.2% ของการส่งออกทั้งหมด

 นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ อาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับส่งออกไทยในระยะต่อไป นโยบายกีดกันทางการค้าที่ต้องจับตามองในระยะต่อไป ประกอบด้วย (1) มาตรการกีดกันการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม (2) การต่ออายุสิทธิ GSP ของไทย ซึ่งอาจกระทบสินค้าบางกลุ่มเป็นพิเศษ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เลนส์ และเครื่องซักผ้าบางชนิด (3) การตรวจสอบสินค้าที่อาจมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งอาจมีสินค้าทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภคที่เข้าข่าย และ (4) การเจรจา NAFTA ที่อาจกระทบการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่าหากมีประเด็นที่กล่าวข้างต้นเกิดขึ้นจริงอาจกระทบการส่งออกไทยเป็นสัดส่วนรวมกว่า 2.7% ของการส่งออกทั้งหมด

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ แถลงว่า มูลค่าการส่งออกไทยเดือน ม.ค.ขยายตัวสูงกว่า 17.6%YOY โดยเติบโตดีในเกือบทุกตลาดส่งออกสำคัญและหมวดสินค้า นำโดยการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ เคมีภัณฑ์และพลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป ที่เติบโต 28%YOY และ 26%YOY ตามลำดับ ด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลักยังคงเติบโตสอดคล้องกับภาคการผลิตของโลก เช่น คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 26%YOY และ 18%YOY ตามลำดับ ขณะเดียวกันราคาส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ฟื้นตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าดังกล่าวเติบโตที่ 37%YOY และ 42%YOY ตามลำดับ

ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเติบโตต่อเนื่องที่ 24.3%YOY จากการนำเข้าสินค้าในกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิงที่เติบโตกว่า 48%YOY ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ด้านการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยังขยายตัวกว่า 31%YOY ตามแนวโน้มการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในสินค้ากลุ่มดังกล่าว ขณะที่สินค้าทุนเติบโตกว่า 34%YOY สะท้อนการลงทุนในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

http://www.bangkokbiznews.com


 

10 ความรู้สึกบนฐานเกี่ยวเนื่องกับ ‘เวลา’ และคำตอบทางจิตวิทยาที่อธิบายให้กระจ่าง

การควบคุมกาลเวลานั้นคงเป็นพลังพิเศษในความฝันของใครหลายๆ คน เพราะจะได้ย้อนเวลาไปแก้อดีต หรือหยุดเวลาเพื่อทำอะไรให้มันสนองความต้องการ แต่พวกเราเองก็รู้ดีนั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หรือแทบจะเป็นไม่ได้เลย

ในขณะที่พวกเราได้แต่รอให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีการท่องเวลาและควบคุมเวลา ปัจจุบัน นักจิตวิทยาได้ออกมาเผยถึงข้อมูลที่จะทำให้รู้เท่าทัน “ความเร็วของเวลา” ราวกับจะสามารถควบคุมเวลาได้เลยทีเดียว แล้วข้อมูลที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า

1. เวลาเดินช้าลงเมื่อเรารู้สึกเบื่อ

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเวลาที่เราทำกิจกรรมที่แสนน่าเบื่อ มันทำให้สมองเราเบนความสนใจจากกิจกรรมนั้นๆ มาอยู่ที่ตัวเอง ทำให้เรารับรู้ถึงสิ่งรอบตัวมากเกินไป นั่นจึงทำให้การรับรู้เวลาของเรานานขึ้นด้วยนั่นเอง ตรงกันข้าม หากเรากำลังทำกิจกรรมที่สนุกหรือน่าสนใจล่ะก็ สมองเราจะมุ่งสนใจไปยังกิจกรรมนั้นๆ แทน ทำให้เรารับรู้ถึงเวลาได้น้อย จึงรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเร็ว

2. เวลาเดินช้าลงเมื่อต้องพบเจอกับความไม่แน่นอน

เคยไหมเมื่อเราจะต้องออกไปทำงานในอีก 10 นาที แต่เรากลับเพิ่งตื่น ต่อให้เราเร่งรีบแค่ไหนมันก็ยังจะรู้สึกว่า ทำไม 10 นาทีมันช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน แต่ถ้าหากว่าคุณกำลังรอลุ้นผลการตรวจครรภ์ที่จะปรากฏออกมาใน 10 นาทีล่ะก็ คุณจะรู้สึกว่าเป็น 10 นาทีที่นานเหลือเกิน

นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อคุณไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต คุณจะคิดมาก และรับรู้รายละเอียดรอบตัวได้มาก สมองจึงรับรู้เวลาอยู่ตลอด และทำให้รู้สึกว่าเวลานานขึ้นนั่นเอง

3. เวลาเดินช้าจนแทบจะไม่เดินเลย หากเราจ้องมองแต่นาฬิกา

อาการดังกล่าวเขาเรียกกว่า “Stopped Clock Illusion” ในขณะที่เข็มนาฬิกากระดิกไปเรื่อยๆ หากเรามองมันตลอดมันจะรู้สึกถึงเวลาที่ยาวนานขึ้นนิดหน่อย และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ขณะที่เรากำลังมองนาฬิกาสติของเราจะหลุดคิดเรื่องอื่นเสมอ สมองจึงต้องหลอกเราว่าที่จริงเราดูนาฬิอยู่ตลอดซึ่งทำให้เหมือนกับนาฬิกาแทบไม่ได้เดินไปเลย นี่เองที่ทำให้เรารู้สึกเวลามันผ่านไปช้าลงมากขึ้น

4. เวลาเดินช้าลงเมื่อเราจดจ่ออยู่กับตัวเอง

ขึ้นไปแสดงบทเวที 20 นาทีอาจจะรู้สึกว่านานเท่าๆ กับการเดินกลับบ้าน 1 ชั่วโมงเลยก็ได้ เพราะว่าเมื่อเราทำสิ่งใดที่เคยทำซ้ำๆ เป็นกิจวัตร เรามักจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และไม่เพ่งสมาธิมาที่ความเป็นจริง แต่เมื่อไรก็ตามที่ เราต้องทำอะไรต่อหน้าคนหมู่มาก เช่น ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที เราจะกังวลว่าเราจะเป็นอย่างไรในสายตาผู้อื่น

นั่นทำให้สมองเราเกิดการเพ่งความสนใจมาที่ตัวเราเอง ซึ่งจะทำให้เรารับรู้ถึงรายละเอียดรอบตัวได้มากขึ้นในขณะนั้น เมื่อเรามุ่งเน้นสิ่งต่างๆ รอบตัว จะทำให้เวลานั้นเดินช้าลง และทำให้เราจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีอีกด้วย

5. เวลาเดินช้าลงเมื่อเรากลัวหรือรู้สึกเป็นอันตราย

ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวหรือรู้สึกอันตราย สมองจะรับข้อมูลจำนวนมากในเวลานั้น และคิดหาทางที่จะทำให้เอาชีวิตรอดในสถานการณ์นั้นๆ ให้ได้ เมื่อเรารับรู้สิ่งรอบตัวอย่างละเอียด เราจะรู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง แต่อาการนี้จะหายไปเมื่อเรากลับเข้าสู่สภาวะปกติ

6. เวลาเดินช้าลงเมื่อเรากำลังรอคอย

ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ขณะที่เรากำลังรอคอยอะไรบางอย่างสมองของเราจะไม่คิดเรื่องอื่นนอกจากสิ่งที่เรากำลังรอคอย จึงทำให้เรารู้สึกถึงสิ่งรอบข้างได้ง่าย รวมไปถึงเวลาด้วย เราจึงรู้สึว่าเวลาช้าลงนั่นเอง

7. เวลายาวนานขึ้นเสมอเมื่อเราพบเจอกับสิ่งแปลกใหม่

เช่นเวลาเรารู้สึกว่าถนนที่เราเพิ่งเคยไปครั้งแรกมันไกล แต่พอขากลับดันรู้สึกว่าใกล้ขึ้นเสียอย่างนั้น นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อครั้งแรกที่เราเดินทางบนถนนเส้นนี้เราไม่รู้ว่าจะพบเจอกับอะไรข้างหน้า

ดังนั้นเมื่อเราเห็นสิ่งใหม่ๆ สมองเราจะรับรู้และใช้เวลามากในการประมวลข้อมูลและส่งมาให้เราสามารถเข้าใจได้ ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งใช้เวลาประมวลผลมาก ก็จะยิ่งรู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง แต่เมื่อข้อมูลถูกนำขึ้นมาประมวลเป็นครั้งที่สอง ซึ่งสมองเราเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้วจึงทำให้ประมวลได้เร็วขึ้น

8. เวลาเดินเร็วขึ้นเมื่อเรากำลังรีบร้อน

ยกตัวอย่างเช่นเวลา 3 วันในการอ่านหนังสือสอบ จะเร็วกว่าเวลา 3 วันในการรอคอยผลสอบ นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเรามีเวลา 3 วันในการเตรียมตัวสอบ มันทำให้เรารู้สึกว่าต้องการที่จะอ่านหนังสือให้เสร็จให้ทันเวลา แปลว่าสมองของเราจะเพ่งความสนใจไปในการกระทำสิ่งเดียวให้สำเร็จลุล่วง จนไม่รับรู้ข้อมูลรอบตัว จึงทำให้เวลานั้นผ่านไปรวดเร็วอย่างไม่ทันสังเกต

9. เวลาเดินเร็วขึ้นเมื่อเราทำกิจกรรมเดิมๆ ทุกวัน

เมื่อเราได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอในกิจวัตรประจำวัน สมองเราจะทำการประมวลข้อมูลใหม่เสมอๆ เช่น ที่ท่องเที่ยวใหม่ ภาพทิวทัศน์ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ หรืออาหารใหม่ๆ เป็นต้น

เมื่อสมองเราทำการประมวลข้อมูลใหม่ๆ เหล่านี้ จะทำสมองรับรู้ว่าเวลานั้นเดินช้ากว่าความเป็นจริง และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่เราคุ้นชินกับกิจกรรมหรือข้อมูลใหม่ๆ เหล่านั้นแล้ว เราก็จะรู้สึกว่าเวลาเร็วขึ้นกว่าเดิม

10. เวลาเดินเร็วขึ้นเมื่อเรามีอายุมากขึ้น

หนึ่งวันสำหรับเด็กๆ นั้นแสนยาวนาน แต่หนึ่งสัปดาห์สำหรับผู้ใหญ่อาจจะรวดเร็วเพียงพริบตา เคยสังเกตกันไหมว่าความทรงจำครั้งเยาว์วัยนั้นเราจะสามารถจำมันได้ดี ในขณะที่สิ่งต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเรากลับจำไม่ได้

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเมื่อเราโตขึ้น สมองของเราไม่ได้รับข้อมูลใหม่ๆ อย่างที่เคยได้รับแบบตอนเด็กๆ อีกแล้ว เมื่อครั้งเรายังเด็ก ทุกสิ่งดูใหม่สำหรับเราไปหมด ตรงกับทุกข้อที่กล่าวไปแล้วว่าเมื่อเราพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ สมองเราจะทำการประมวลข้อมูลและรับรู้เวลาที่ยาวนานยิ่งขึ้นนั่นเอง

ดังนั้นเมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว หากคุณกำลังพบเจอปัญหาที่ว่าเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกินล่ะก็ ลองทำให้สมองได้คิดบ่อยๆ เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ รู้จักบุคคลใหม่ๆ และลองไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไปดู มันจะทำให้เวลาของคุณนั้นช้าลง

www.catdumb.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 22/02/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,750.00 19,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,279.00 19,389.64 20,350.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,151.10 17,450.68 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 576.00 8,732.16 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 448.00 6,791.68 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,325.00 20,087.00 n/a

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  22/02/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05
แก๊สโซฮอล E-20 24.54 24.54 24.54 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04
แก๊สโซฮอล E-85 20.14 20.14 20.14 20.14
แก๊สโซฮอล 91 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78
เบนซิน 95 34.16 34.61 34.66 34.16 34.16 34.16
ดีเซลหมุนเร็ว 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.19 30.06 30.56 30.06 30.06
มีผลตั้งแต่ 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00 16 Feb 05:00
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า