สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 9 มีนาคม 2561

ปล่อยสินเชื่อซื้อบ้านปี60กว่า6แสนล้าน คาดปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยโต7.9%

ยอดปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ รวม 633,989 ล้าน คาดปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยโต 7.9% มูลค่าการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มบริษัทฯ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 611,800 ล้าน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ปี 2560 และประเมินแนวโน้มปี 2561 โดยในภาพรวมช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 ตลาดที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2559 หลังจากที่ไตรมาส 1 ปี 2560 มีอัตราขยายตัวติดลบเนื่องจากในช่วงต้นปี 2559 มีการเร่งการก่อสร้าง และการโอนกรรมสิทธิ์ ตามแรงกระตุ้นของมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์

โดยในปี 2560 มีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 315,102 หน่วย  มีมูลค่ารวม 674,116 ล้านบาท มีจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนทั่วประเทศ 184,771 หน่วย และมียอดปล่อยใหม่สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ รวม 633,989 ล้านบาท

2_7

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยในฐานะรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ โดยกล่าวว่าภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปี 2560 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านอุปทาน และอุปสงค์ ทำให้อัตราการดูดซับดีขึ้น ซึ่งตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ยังคงมีแนวโน้มที่ดีกว่าตลาดที่อยู่อาศัยในภูมิภาค คาดการณ์ว่าสถานการณ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศในปี 2561 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีการขยายตัวร้อยละ 10.7 ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูมิภาค ขยายตัวร้อยละ 4.2

อุปทานโครงการที่อยู่อาศัย ปี 2560 เมื่อพิจารณาประเภทโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ พบว่า ในปี 2560 มีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล รวม 385 โครงการ จำนวน 113,926 หน่วย มูลค่ารวม 491,878 ล้านบาท จำนวนโครงการลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 18.6 จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 ในขณะที่มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 ทั้งนี้ เมื่อแยกตามประเภทบ้านและระดับราคา พบว่า โครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่ในปี 2560 เป็นประเภททาวน์เฮ้าส์มากที่สุด ร้อยละ 67 ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด และส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท

ขณะที่โครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่เป็นประเภท 1 ห้องนอนมากที่สุดร้อยละ 74.8 ของหน่วยที่เปิดตัวใหม่ทั้งหมด และส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท  โดยทำเลที่มีหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรก ประเภทบ้านจัดสรร ได้แก่ 1.สมุทรปราการ 2.ลำลูกกา – คลองหลวง – ธัญบุรี – หนองเสือ 3.บางกรวย – บางใหญ่ – บางบัวทอง – ไทรน้อย 4.มีนบุรี – หนอกจอก – คลองสามวา – ลาดกระบัง และ 5.เมืองนนทบุรี – ปากเกร็ด

สำหรับทำเลที่มีหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรก ประเภทอาคารชุด ได้แก่ 1.ธนบุรี 2.ห้วยขวาง – จตุจักร – ดินแดง 3.สุขุมวิทตอนต้น 4.นนทบุรี และ 5. พญาไท – ราชเทวี

3_3

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทโครงการในปี 2560 พบว่า โครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่มีจำนวน 232 โครงการ 44,353 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 195,188 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2559 ทั้งจำนวนโครงการ จำนวนหน่วยและมูลค่าโครงการ ร้อยละ 30.1, 10.8 และ 3.1 ตามลำดับ แต่ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 4.05 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 4.40 ล้านบาท ส่วนโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่มีจำนวน 153 โครงการ 69,574 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 296,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ทั้งจำนวนโครงการ จำนวนหน่วย และมูลค่าโครงการ ร้อยละ 8.5, 24.4 และ 49.3 ตามลำดับ รวมทั้งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 3.55 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 4.26 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในภูมิภาคจากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ครอบคลุมพื้นที่ 20 จังหวัด พบว่า มีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยประเภทโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 1,775 โครงการ รวม 207,655 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 688,281 ล้านบาท เป็นประเภทโครงการอาคารชุดจำนวน 506 โครงการ รวม 148,525 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 459,919 ล้านบาท เมื่อแยกตามระดับราคา กลุ่มราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท ยังเป็นประเภทสินค้าที่มีเสนอขายสูงสุด โดยมีการเปิดขายโครงการใหม่ในปี 2560 จำนวน 306 โครงการ รวม 27,411 หน่วย

4_4

แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปี 2561  ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ปี 2561 โดยภาพรวม คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวในด้านหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยร้อยละ 7.9 มีอัตราการขยายตัวด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ร้อยละ  10.8 และมีอัตราการขยายตัวด้านยอดปล่อยใหม่สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อที่อยู่อาศัยร้อยละ  2.8 และมีอัตราการขยายตัวที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนร้อยละ 10.9  เมื่อพิจารณาแยกเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดการณ์ว่า จะมีอัตราการขยายตัวในด้านหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยร้อยละ 8.9 มีอัตราการขยายตัวด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ร้อยละ  13.9 และมีอัตราการขยายตัวด้านยอดปล่อยใหม่สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อที่อยู่อาศัยร้อยละ  2.8 และมีอัตราการขยายตัวที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนร้อยละ 15.3
ขณะที่ในภูมิภาค คาดการณ์ว่า จะมีอัตราการขยายตัวในด้านหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยร้อยละ 6.8 มีอัตราการขยายตัวด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ร้อยละ  5.5 และมีอัตราการขยายตัวด้านยอดปล่อยใหม่สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อที่อยู่อาศัยร้อยละ  2.8 และมีอัตราการขยายตัวที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนร้อยละ 4.3

“ภาพโดยรวมตลาดที่อยู่อาศัยจะยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยองค์ประกอบสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งเป็นการเติบโตของอาคารชุดเป็นหลัก ขณะที่ในภูมิภาคเป็นการเติบโตในตลาดทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวเป็นหลัก คาดการณ์ว่า ปี 2561 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะมีหน่วยโครงการเปิดขายใหม่ประมาณ 117,100 หน่วย ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 2.8 โดยมีช่วงคาการณ์อยู่ที่ประมาณ 107,800-128,800 หน่วย สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในภูมิภาคคาดการณ์ว่า จะมีหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมประมาณ 111,300 หน่วย แบ่งเป็น โครงการบ้านจัดสรร 79,900 หน่วย และโครงการอาคารชุด 31,400 หน่วย”

ทั้งนี้ ในปี 2561 จะมีมูลค่าการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 29 บริษัทมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 611,800 ล้านบาท

http://www.bangkokbiznews.com


เทรนด์แข่งขันอสังหาฯ กรุงเทพฯ ปี 61 เข้าสู่โหมดยุคที่ดินแพง

เทรนด์อสังหาฯ กรุงเทพฯ ปี 61 การแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงในยุคที่ดินแพง

บรรยากาศของการลงทุนของไทยในปี 2561 ดีขึ้น เป็นผลมาจากปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลายประการ และภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยทาง CBRE ประเทศไทย คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะได้เห็นการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลาย ๆ ด้าน ในยุคที่ราคาที่ดินต่อตารางวา ราคาคอนโดมิเนียม และค่าเช่าพื้นที่สำนักงานทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แข่งเดือดจับจองที่ดินทำเลชั้นนำ
ความต้องการที่ดินในทำเลชั้นนำของกรุงเทพฯ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะผู้พัฒนาโครงการยังหาซื้อที่ดินเพื่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้จากการปล่อยเช่า เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก ทำให้ราคาที่ดินย่านใจกลางธุรกิจ หรือซีบีดี ในทำเลชั้นนำที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ราคาที่ดินบางทำเลปรับตัวสูงถึง 25-30% ต่อปี ตัวอย่างที่เพิ่งผ่านมาคือ การซื้อขายที่ดินครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทยอย่างการร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลและฮ่องกงแลนด์ในการเข้าซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษด้วยราคา 420 ล้านปอนด์ และการซื้อที่ดินขนาด 880 ตร.ว. ในซอยหลังสวน โดย บมจ.เอสซี แอสเสท ซึ่งทำราคาซื้อขายที่ดินสูงสุดด้วยราคา 3.1 ล้านบาท/ตร.ว.

โดยจะเห็นภาพผู้พัฒนาโครงการกระจายการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ มากขึ้น และผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยตลาดระดับกลางและล่างขยับขึ้นมาทำตลาดระดับลักซ์ชัวรีมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง

ดีเวลลอปเปอร์จับมือต่างชาติพัฒนาโครงการ
จากที่ธนาคารไทยมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในการพัฒนาโครงการใหม่ จึงทำให้ผู้พัฒนาโครงการต่างมองหาเงินลงทุนจากพันธมิตรต่างชาติ โครงการอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ที่เกิดจากการร่วมทุนมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 4 โครงการในปี 2556 เป็น 52 โครงการในปี 2560 ทั้งจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน เชื่อว่าในอนาคตจะเห็นการลงทุนใหม่ ๆ ที่มีทั้งคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้อื่น ๆ เช่น อาคารสำนักงาน
ด้านสัดส่วนผู้ซื้อคอนโดมิเนียมชาวต่างชาตินั้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อยมาอยู่ที่ 25% ของธุรกรรมการซื้อขายคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่ผ่าน CBRE และคาดการณ์ว่าผู้ซื้อชาวต่างชาติจะยังคงซื้อที่พักอาศัยในไทยทั้งระดับหรูและระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง จากการทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้นของผู้พัฒนาโครงการ

ค่านิยมการใช้ Co-Working Space เพิ่มมากขึ้น

ค่านิยมการใช้ Co-Working Space เพิ่มมากขึ้น

พื้นที่สำนักงานน้อย หันใช้ Co-Working Space 
ด้านปริมาณความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะยังคงอยู่ที่ระดับ 2 แสนตารางเมตร/ปี ปัจจุบันอัตราพื้นที่ว่างอยู่ที่ระดับ 7.8% และจะลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4-5% ในทุกเกรดและทุกทำเล

จากปัจจัยที่ในปี 2561 มีพื้นที่สำนักงานใหม่เพิ่มเข้ามาน้อยกว่า 2 แสนตารางเมตร ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงในมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศที่ค่าเช่าตลอดระยะเวลาการเช่า ต้องรวมอยู่ในงบดุล รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการตกแต่งสำนักงานใหม่ และการที่บริษัทลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนโดยไม่ต้องการทำสัญญาเช่าระยะยาว จะส่งผลให้บริษัทข้ามชาติบางแห่งเลือกที่จะเช่าพื้นที่ทำงานใน Co-Working Space

มากกว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานแบบเดิม

ทั้งนี้ ในปี 2561 ผู้ให้บริการพื้นที่ Co-Working Space จากต่างชาติ 4 ราย จะเปิดให้บริการครั้งแรกในอาคารสำนักงานในย่านใจกลางซีบีดีของกรุงเทพฯ โดยมีพื้นที่รวมทั้งหมดราว 1.8 หมื่นตารางเมตร และคาดว่าจะมีการขยายสาขาออกไปอีกในปี 2561

อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลาย ๆ ด้าน อาทิ ราคาที่ดินที่สูงเกินไปทำให้การพัฒนาโครงการเป็นไปได้ยาก ความสามารถในการซื้อที่พักอาศัยในตลาดระดับกลางและระดับล่างมีน้อย ความเสี่ยงที่จะเกิดซัพพลายล้นตลาดในหลายภาคธุรกิจ หากโครงการใหม่ที่วางแผนไว้เริ่มก่อสร้างในเวลาเดียวกัน ความไม่แน่นอนทางการเมืองเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง นโยบายด้านภาษีที่ยังไม่มีความแน่นอน และอัตราดอกเบี้ยที่อาจเพิ่มสูงขึ้น

https://www.ddproperty.com


‘สมคิด’ สั่งทอท.แก้ปัญหาสนามบินแออัดใน 3 เดือน

 

“สมคิด” จี้ทอท.เร่งแก้ปัญหาความแออัดของสนามบินใน 3 เดือน-พัฒนาสนามบินเมืองรอง รองรับนทท.เพิ่ม

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ว่า ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาความแออัดของสนามบิน ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่และภูเก็ต โดยการแก้ไขปัญหาระยะสั้นของสนามบินสุวรรณภูมิ นั้น จะต้องให้เห็นผลภายใน 3-4 เดือน และจะต้องไม่ทำให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบจากการเดินทางเข้าออกประเทศด้วย ในขณะที่แผนการแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วยการลงทุนก่อสร้างสนามบินเฟส 2 จะต้องเร่งดำเนินการให้เร็ว ภายในปี 2564 เพื่อรองรับจำนวนคนที่เดินทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิให้ได้ถึง 90 ล้านคน จากปัจจุบันที่รองรับได้ 60 ล้านคน และสำหรับสนามบินเชียงใหม่ ที่มีความแออัดของพื้นที่อาคารจอดรถนั้น ได้มีการพิจารณาให้ก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 โดยอยู่ในระหว่างการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสม รองรับผู้โดยสารที่มีมากขึ้นในอนาคต รวมถึงสนามบินภูเก็ตที่จะต้องมีการขยายรันเวย์ จากเดิมที่มีเพียงรันเวย์เดียว

โดยการพัฒนาสนามบินทั้งหมดนั้น เพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศกว่าปีละ 30 ล้านคน และมีแผนที่จะดึงการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นๆ มากขึ้น โดยให้กรมท่าอากาศยาน ทอท. และกรมการบินพลเรือนไป หาพื้นที่ในการพัฒนาสนามบินเพิ่มเติม ที่หัวหิน และจังหวัดชุมพร เพื่อเป็นสนามบินเพิ่มเติมรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้

http://www.bangkokbiznews.com


แบงก์เก่าราคาพุ่ง ! เผยธนบัตร ร.9 ทะลุหลักแสน แบงก์ 20 แพงสุด

 

เผยราคาธนบัตร ร.9 ทะลุหลักแสน แบงก์ 1 – 20 แพงสุด 400,000 บาท ส่วนธนบัตรเลขตอง ราคาใบละ 35,000 – 40,000 บาท 

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ธนบัตร เป็นธนบัตรที่ใช้แลกเปลี่ยนประจำวันทั่วไป มีมูลค่าแลกเปลี่ยนตามราคาปรากฏในธนบัตร เมื่อมีการชำรุดเสียหายก็จะมีการพิมพ์ทดแทน ทั้งนี้ธนบัตรไทยออกใช้แบบแรกเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2445 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2561) มีออกมาใช้ทั้งหมด 16 แบบแล้ว

และในวันที่ 6 เมษายน 2561 ที่จะถึงนี้ตรงกับวันจักรี คนไทยกำลังจะได้ใช้ธนบัตรแบบใหม่ โดยแบงก์ชาติได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต จัดพิมพ์และออกใช้ธนบัตร ในหลวง รัชกาลที่ 10 แบบใหม่ (แบบ 17) เพื่อใช้เป็นธนบัตรหมุนเวียนทั่วไป ประเดิมชนิดราคา 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท ส่วนราคา 500 บาท และ 1,000 บาท ออกใช้ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (อ่านเพิ่มเติม : แบงก์ชาติ เปิดตัวธนบัตรใหม่ ชนิดแรกในรัชกาลที่ 10 เริ่มใช้ 6 เม.ย. นี้)

ธนบัตร

และในวันนี้ (8 มีนาคม) กระปุกดอทคอม ขอพาทุกท่านไปดูกันว่า ธนบัตรเก่าบางใบนั้นมีมูลค่ามากแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ นายบุญญฤทธิ์ ศรีวิเศษ นักสะสมและเจ้าของร้านเข็มเพ็ชร์วัตถุโบราณ แฟนเพจ “แบงค์ เข็มเพ็ชร์วัตถุโบราณFC” ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับธนบัตร รัชกาลที่ 9 ผ่านเดลินิวส์ออนไลน์ ดังนี้

– ธนบัตร 1 บาท รัชกาลที่ 9 แบบ 9 รุ่น 1 พระพักตร์หนุ่ม เลขสีแดง หมวดดอกจัน จุดสังเกตดูที่หมวดตัวเลข ต้องเป็นเครื่องหมาย “ดอกจัน” เท่านั้น จึงจะมีราคาสูง 400,000 บาท แต่ถ้าเป็นธนบัตรปกติจะอยู่ที่ใบละ 150 บาท

– ธนบัตร 10 บาท รัชกาลที่ 9 แบบ 11 ด้านหลังจะเป็นรูปวัดเบญจมบพิตร หมวดเลข 4F ลายเซ็น สมหมาย นุกูล ซึ่งธนบัตรหมวดนี้ ลายเซ็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะมี “ขนาดเล็ก” กว่าปกติ โดยจะพบเฉพาะหมวดนี้เท่านั้น ราคาอยู่ที่ใบละ 5,000 บาท แต่ธนบัตรแบบปกติราคาจะอยู่ที่ 150 บาท

– ธนบัตร 20 บาท รัชกาลที่ 9 แบบ 9 รุ่น 1 พระพักตร์หนุ่ม เลขสีแดงหมวดดอกจัน จุดสังเกตดูที่หมวดตัวเลขต้องเป็นเครื่องหมาย “ดอกจัน” เท่านั้นจึงจะมีราคาสูง 100,000 บาท แต่ถ้าเป็นธนบัตรปกติจะอยู่ที่ใบละ 250 บาท ขณะที่ ธนบัตร 20 บาท รัชกาลที่ 9 อีกใบ เป็นแบบ 9 พระพักตร์หนุ่ม เลขแดง หมวด F12 ลายเซ็น จอมพล ป.พิบูลสงคราม จำนวนผลิตเพียง 0.1 หรือแสนใบ จึงทำให้ราคาของธนบัตรใบนี้ สูงถึง 400,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นแบบปกติ ราคาจะอยู่ที่ 2-300 บาท

– ธนบัตร 100 บาท รัชกาลที่ 9 แบบ 12 ด้านหลังเป็นรูปช้างแดง หมวดนำหน้า 92P ลายเซ็น สมหมาย นุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะมี “ขนาดเล็ก” กว่าปกติ ใบนี้มีมูลค่าสูงถึง 10,000 บาทเลยทีเดียว แต่ราคาปกติจะอยู่ที่ 150 บาท ซึ่งเหตุผลที่ธนบัตรใบนี้แพง เพราะมีหมวดเดียวที่มีลายเซ็นขนาดเล็ก ถ้าเป็นหมวดอื่นจะเป็นขนาดที่มีตามปกติราคา จึงแพงกว่าปกตินั่นเอง

– ธนบัตร 100 บาท รัชกาลที่ 9 แบบ 9 หมวด B97 ลายเซ็น ส.วินิฉัยกุล โชติคุณะเกษม ธนบัตรใบนี้ภาษานักสะสมจะเรียกว่า “หมวดคล่อม” จำนวนผลิตเพียง 0.2 หมวด หรือ 2 แสนใบ จึงทำให้ราคาของธนบัตรใบนี้สูงถึง 200,000 บาท แต่ถ้าเป็นแบบปกติราคาจะอยู่ที่ 800 บาท

นอกจากนี้ยังมีธนบัตรที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมอีกมากมาย เช่น ธนบัตรที่ระลึก ธนบัตรเลขสวย ธนบัตรเลขตอง ธนบัตรตลก (ที่พิมพ์ผิด) และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะ ธนบัตร 9 หน้า (ดูหลักล้าน) 9 หลัง (หลังสุดหลักหน่วย) ควรที่จะสะสมไว้ เพราะหลังจากนี้จะได้รับความนิยมเพิ่ม ทำให้ราคาอาจปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 100 บาท แต่จะมีความแตกต่างจาก ธนบัตรเลขตอง เช่น เลข 9 ซึ่งขณะนี้ในวงการนักสะสม ราคาจะอยู่ที่ใบละ 35,000-40,000 บาท

ทั้งนี้ธนบัตรของรัชกาลที่ 9 เริ่มใช้หมุนเวียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 เป็นต้นมา โดยธนบัตรหมุนเวียนของรัชกาลที่ 9 มีทั้งสิ้น 8 ชนิดราคา 50 สต., 1, 5, 10, 20, 100, 500 และ 1,000 บาท ซึ่งธนบัตรเหล่านี้ มีบางชนิดราคาที่มีความแตกต่างจากธนบัตรปกติทั่วไป ทำให้นักสะสมแสวงหา และราคาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

https://money.kapook.com


ตีแผ่ข้อมูล 6 แพลตฟอร์มมาแรง ที่คนออนไลน์ต้องรู้

ตีแผ่ข้อมูล 6 แพลตฟอร์มมาแรง ที่คนออนไลน์ต้องรู้

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโซเชียลมีเดียในทุกวันนี้ ส่งผลให้พฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก รวมไปถึงนักการตลาด, แบรนด์, เอเจนซี่ ก็ยิ่งต้องปรับตัวให้ทันต่อกระแสเพื่อวางกลยุทธ์การตลาดอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน  โดยปีนี้ โธธ โซเชียล โอบีว็อค ได้วิเคราะห์ข้อมูล อัพเดทสถิติที่น่าจับตาบนโลกออนไลน์ในงาน “Thailand Zocial Awards 2018” ครั้งที่ 6 พร้อมจับมือแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Facebook , Instagram, Line, Twitter, YouTube และ Pantip มา Uncensored ข้อมูลที่น่าสนใจภายใต้คอนเซ็ปต์  18+ “Data is Sexy” ขึ้น ณ โรงละครสยามพิฆเนศ เคแบงก์ สยามสแควร์ วัน จะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันเลย…

2_4

Facebook

– คนไทยใช้ Facebook 49 ล้านคน เป็นอันดับที่ 8 เพิ่มขึ้นเพียง 4% และส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพ

– เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้งานคือแทบจะตลอดทั้งวัน หรือส่วนใหญ่ในช่วง 10.00 – 12.00 น. / 14.00 – 15.00 น. / 18.00 – 23.00 น.

เทรนด์ที่มาแรงที่สุดในปี 2017

– Social Commerce การทำธุรกิจต่างๆ การไลฟ์สดขายของ ซึ่งเกิดขึ้นเยอะมากๆ

– การโพสคอนเทนต์ในรูปแบบ Video จะมีการ Engagement มากที่สุด

Data is Sexy

–            Messenger Ad ที่แสดงบน Contact List และในแชท

–            Performance Campaign ที่มี Dynamic Creative กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่ม เอเจนซี่ที่คิดว่าจะให้ความสนใจเข้าไปใช้มากขึ้น

–            Marketplace ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

–            Social Commerce จะมี Feature สนุกๆ ในกลุ่มที่ Support individual

 

3_1

Instagram

– คนไทยใช้ IG 13.6 ล้านคน เป็นอันดับที่ 14 เพิ่มขึ้น 24%

– เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้งาน คือช่วง 17.00 – 22.00 น. โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

Data is Sexy

–            IG Story ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ แบรนด์จะสามารถทำ Ad โดยใส่ความครีเอทีฟเข้าไปได้

–            Multi Picture ซึ่งจากสถิติสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีความคุ้นชินกับการเลื่อนดูภาพ (Carousel) แล้ว

Twitter

– คนไทยใช้ Twitter เพิ่มขึ้น 33% ในขณะที่มีการ Active มากถึง 83% สูงที่สุดในโลก

– อายุโดยเฉลี่ยผู้ใช้ Twitter อยู่ที่ 16-24 ปี

– เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้งาน คือช่วง 20.00 – 00.00 น. แลเพิ่มขึ้นเป็น 01.00 น. ในปัจจุบัน

(แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มคนนอนดึกมากขึ้น)

-Brand Post มากขึ้นถึง 124 %

-Retweet 101% ทำให้เห็นได้ว่า Twitter เป็นอีกหนึ่งช่องทางขายของที่แต่ละแบรนด์ต่างหันมาสนใจกันมากขึ้น

 

Data is Sexy

–            Promote Trend โดยซื้อได้วันละ 1 แบรนด์

–            ลงโฆษณาแล้วทำ Targeting ได้

–            Target Follower ของ Account จะสามารถเห็นได้ด้วย

–            สามารถค้นหา Keyword Targeting อาทิ หิว ก็จะโชว์ ad อาหาร เป็นต้น

 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

–            Content Partnership

–            Support Guideline

4_1

LINE

– คนไทย Active User 41 ล้านคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

– Brand การตลาดได้วงกว้างมากขึ้น

– Business Connect จะ service ได้มากกว่าปกติ เพราะสามารถ engage กับลูกค้าได้มากขึ้น

 

Data is Sexy

–            Data Management Solution โดยการใช้แพลตฟอร์มหาข้อมูลของลูกค้า

–            Business Connect จะสามารถเชื่อมได้เลยว่าช็อปอะไรไป ต่อระบบหลังบ้านได้เลยว่าสิ่งนี้ลูกค้าอยากได้

–            มี Consult

 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

–            Privacy / Safe เป็นแพลตฟอร์มที่เซฟที่สุด ไม่เก็บข้อมูลไว้ในแชทเลย

–            Consumer on demand สนใจในสิ่งที่เกี่ยวกับตัวลูกค้า

–            Line Idol กำลังจะมา!!

 

YouTube

จากสถิติที่คนนิยมทำบน YouTube ในปี 2017 มี 3 ข้อหลักๆ คือ

1.        Simulcast – เอาคอนเทนต์ TV ขึ้นบน Youtube พร้อมกัน อาทิ รายการ The Mask Singer ที่ทำได้ดีมาก

2.        Rural – 1 ปีที่ผ่านมา คนต่างจังหวัดหันมาใช้ แพลตฟอร์มนี้อย่างมหาศาล จากที่ไม่เคยมีเพลงลูกทุ่ง ก็ติด Top 10 ที่คนดูเยอะที่สุด

3.        Creators ทั่วไป – Gold Channel 90 ช่อง Top 3 คือ Gaming, Family และ Beauty

 

Data is Sexy

–            Data Privacy

–            Machine Learning เลือกความสนใจแบบเจาะข้อมูลละเอียด แม้จะวงกว้างแต่ได้ผลมาก

–            Live Event สามารถดูได้ว่าคนกำลังสนใจอะไรอยู่

–            In-Market อาทิ คนกำลังซื้ออะไรอยู่

–            Custom Infinity

5

Pantip

จากสถิติ ห้องที่มีคนดูมากที่สุดในปี 2017

1.        บางขุนพรหม – เกี่ยวกับละคร / ดารา

2.        ศุภชลาศัย – เกี่ยวกับกีฬา

3.        ห้องศาลาประชาคม – เกี่ยวกับกฎหมาย ร้องเรียน

(โดยใช้ Engagement ที่วัดจากคนตั้งกระทู้)

 

ห้องที่มียอดวิวที่คนอ่านตัวกระทู้มากที่สุด

1.        Blue Planet – เกี่ยวกับการท่องเที่ยว

2.        โต๊ะเครื่องแป้ง – รีวิวเครื่องสำอาง

3.        สวนลุมพินี – เกี่ยวกับสุขภาพ การรักษาโรค

4.

Data is Sexy

–            Brand Expert Account แบรนด์สามารถให้ความรู้พิ่มเติมได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งคนตั้งกระทู้และคนอ่าน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

–            Consumer Review

–            Business Review

–            Pantip Branded Content กระทู้ที่แบรนด์มาให้ข้อมูลตรงๆ โดยเชื่อว่าคอนเทนต์ที่ดี ต้องมีการเปิดเผย โปร่งใส (หากไม่มีคนเขียนคอนเทนต์ สามารถแนะนำ Influencer ให้ได้)

จากสถิติข้อมูลทั้ง 6 แพลตฟอร์มข้างต้น เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งนี้ การขับเคลื่อนของทุกธุรกิจต่างก็คงต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโซเชียลมีเดีย ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตข้างหน้ากันต่อไป

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 9/03/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  9/03/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35
แก๊สโซฮอล E-20 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84
แก๊สโซฮอล E-85 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล 91 27.08 27.08 27.18 27.58 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08
เบนซิน 95 34.46 34.91 34.96 34.46 34.46 34.46
ดีเซลหมุนเร็ว 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59
มีผลตั้งแต่ 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า