สาระน่ารู้ประจำวันที่ 26 เมษายน 2567

4ทำเลฮอตยุทธศาสตร์เมเจอร์ฯรุกกาญจนาภิเษก-พุทธมณฑล–พัฒนาการ–รามคำแหง

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยมุมมองขยายพอร์ตโครงการอสังหาฯรอบนอกสู่ 4ทำเลฮอตจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกรุงเทพฯย่านกาญจนาภิเษก – พุทธมณฑล – พัฒนาการ – รามคำแหง

เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)   กล่าวว่า ด้วยนโยบายของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับแนวคิด “Satellite City” เพื่อต้องการสร้างพื้นที่พัฒนาเชิงศูนย์พาณิชยกรรมควบคู่กับย่านที่อยู่อาศัย เพื่อลดความแออัดและขยาย Workplace จากพื้นที่ชั้นในและชั้นกลางของกรุงเทพฯ ไปยังกรุงเทพฯ รอบนอก (Suburban) ภายใต้การขยายตัวของเส้นทางคมนาคมรถไฟฟ้าของกรุงเทพฯ รอบทิศทาง
 
ด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน สายสีน้ำเงิน สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีเขียว และสายสีม่วง ทำให้พื้นที่บริเวณใกล้เคียงและการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมเกิดการขยายตัวและมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยในแนวราบบริเวณกรุงเทพฯ รอบนอกได้เพิ่มขึ้น โดยเมเจอร์ฯ มองว่าพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกที่มีศักยภาพการเติบโตทั้งในเชิงพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยสำคัญๆ อาทิ พื้นที่กาญจนาภิเษก พื้นที่พัฒนาการ พื้นที่พุทธมณฑล และพื้นที่รามคำแหง เป็นต้น ทำให้เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้วางแนวทางในการพัฒนาและดำเนินการโครงการต่างๆ ในพื้นที่ศักยภาพเหล่านี้ในอนาคต

กาญจนาภิเษก พุทธมณฑล ประตูเศรษฐกิจสู่ภาคตะวันตก

นับว่าเป็นพื้นที่เชื่อมต่อของกรุงเทพฯ รอบนอก สู่จังหวัดอื่นๆ ในส่วนภาคตะวันตกและภาคกลาง เรียกว่าเป็น “ประตูเศรษฐกิจสู่ภาคตะวันตก” บนพื้นที่นี้ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆ ด้วยทางด่วนเพื่อเข้าศรีรัช และเพื่อเข้ากรุงเทพฯ ชั้นใน อย่างย่านเพชรบุรี เอกมัย ทองหล่อ และอโศกได้ หรือสามารถใช้เส้นทางต่อเนื่องเพื่อไปภาคตะวันออกด้วยเส้นทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี

นอกจากนี้ ยังมีระบบโครงข่ายคมนาคมอย่างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน รถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์และโครงการที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มกำลังการขยายตัวที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว และบ้านหรูที่มีที่ดินขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป ซึ่งข้อดีคือสภาพแวดล้อมยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก

พัฒนาการ สู่การพัฒนาเรสซิเดนซ์ระดับลักชูรี

ด้วยการพัฒนาของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ “ย่านพัฒนาการ” มีการเติบโตของสภาพแวดล้อมบนทำเลที่เหมาะกับการอยู่อาศัยและการซื้อเพื่อลงทุน ด้วยปัจจัยอย่างการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่โอบล้อมพื้นที่ทั้ง สวนหลวง ร.9 ที่มีเนื้อที่มากกว่า 500 ไร่

โครงการป่ากลางกรุงที่ใช้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอน เป็นต้น เส้นทางคมนาคมหลายสายที่เชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางพื้นที่ CBD ทั้งถนนเพชรบุรี ถนนสุขุมวิท อย่างเอกมัย-ทองหล่อ เพียง 10 นาที

พร้อมทั้งมีเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการในปัจจุบันอย่างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน และ Airport Rail Link เป็นต้น ในด้านสิ่งแวดล้อมที่อำนวยความสะดวกต่อไลฟ์สไตล์ ทั้งศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล และสถาบันศึกษาต่างๆ

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สนใจเข้ามาพัฒนาพื้นที่ย่านพัฒนาการ เป็นเพราะบนพื้นที่ของย่านนี้ คือ ที่ดินแปลงใหญ่ มีความเป็นธรรมชาติ ใกล้เมืองชั้นใน และสังคมคุณภาพ ปัจจุบัน ที่อยู่อาศัยบริเวณนี้

โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวเริ่มต้นเฉลี่ยที่ 35 ล้านบาท โดยราคาที่ดินปรับขึ้นกว่า 7-15% ต่อปี ทั้งนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้พัฒนาพื้นที่พัฒนาการภายใต้พอร์ตใหม่ คือ Major’s Subtle Luxury Collection พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ ‘10 & Only (เทน แอนด์ โอนลี่)’ แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักชูรี (Ultra Luxury) โดยเริ่มพัฒนาโครงการแรก คือ 10 & Only พัฒนาการ 20 มูลค่าโครงการรวม 1,100 ล้านบาท บนที่ดินซอยพัฒนาการ 20

รามคำแหง ที่อยู่อาศัยสู่ฮับแห่งครีเอทิวิตี้

พื้นที่ที่นับว่าเนื้อหอมในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ นั่นคือ ย่านรามคำแหง ที่นับเป็นฮับใหญ่แห่งกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดยถูกวางบทบาทให้เป็นพื้นที่ที่รองรับการขยายตัวของประชากรจากย่านเศรษฐกิจสำคัญอย่างสุขุมวิท อโศก และพระราม 9 ทำให้พื้นที่นี้เข้า-ออก จากจุดศูนย์กลางกรุงเทพฯ ได้สะดวกสบาย

และด้วยคาแรคเตอร์ของย่านรามคำแหงที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่นแต่ดั้งเดิมและมีสถาบันศึกษาหลายแห่ง ย่านนี้จึงเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายล้อมรอบทำเล ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าและไลฟ์สไตล์มอลล์ แหล่งช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่อย่างตลาดนัด และร้านอาหาร เรียกว่าครบครันและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักศึกษาและผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

รวมทั้งการเข้ามาถึงของศูนย์กลางระบบรถไฟฟ้า ทั้งสายสีส้มที่เชื่อมกรุงเทพฯ ตะวันออก-ตะวันตก สายสีเหลือง เชื่อมต่อกรุงเทพทางเหนือ สู่ตะวันออกและตอนใต้ และในอนาคตกับสายสีน้ำตาล นับเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพพื้นที่และรองรับการขยายตัวเพื่อให้การเดินทางไปยังพื้นที่อื่นมีความสะดวกสบายขึ้น

สิ่งเหล่านี้ ทำให้ที่ดินบริเวณย่านรามคำแหงขยายตัวเพิ่มขึ้น ประมาณ 6.25 – 40.12% หรือราคาประเมินที่ดิน 110,000 – 170,000 บาทต่อตารางวา ในรอบ 10 ปี ข้อมูลจากกรมธนารักษ์

ทั้งนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้วางแผนเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ Milford ลาดพร้าว – รามคำแหง Private Luxury Townhome หนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญบนที่ดิน 12-0-8.2 ไร่ ตัวบ้านมีพื้นที่ตั้งแต่ 24.5 – 72 ตารางวา สร้างสรรค์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “English Eclectic Design” มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท

โดยเชื่อมั่นว่า “พื้นที่ดินของกรุงเทพฯ รอบนอก จะสามารถสร้างสรรค์พื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยที่รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ และเป็นจุดยุทธศาสตร์ให้กับผู้อยู่อาศัยสามารถเชื่อมโยงทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนและใช้ไลฟ์สไตล์ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ยังคงมุ่งมั่นและพร้อมที่จะสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพพรีเมี่ยม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบในอนาคตอันใกล้เช่นกัน” คุณเพชรลดา กล่าวสรุป

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ศุภาลัยผนึกทีโอเอปั้นฝ้ายิปซัม & สีรักษ์โลกรับเทรนด์ที่อยู่อาศัยสีเขียว

ศุภาลัย ผนึก ทีโอเอ ปั้นนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียว ผุดโปรเจกต์‘ฝ้ายิปซัม & สีรักษ์โลก’นำร่อง 2 โครงการศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ และ ซิตี้โฮม สนามบินน้ำ – รัตนาธิเบศร์ เดินหน้าสู่องค์กร Zero Waste

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีความยั่งยืน ตามแนวคิด ESG โดยมีส่วนร่วมใส่ใจดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่บริษัทฯ เน้นย้ำมาโดยตลอดระยะเวลา 35 ปี โดยมีการตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573 จาก BAU (Business As Usual) พร้อมตระหนักถึงการคิดค้น หาวิธีการและนวัตกรรมที่จะมาช่วยชดเชยปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของธุรกิจอสังหาฯ

  หนึ่งในเรื่องที่ศุภาลัยเน้นย้ำและผลักดันมาตลอด คือ การคัดสรรวัสดุก่อสร้างจากพันธมิตรธุรกิจ ที่เน้นประหยัดพลังงาน  ลดความร้อน  ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้น้ำ รวมถึงการบริหารจัดการขยะและวัสดุเหลือใช้ในงานก่อสร้าง (Waste Management) ให้เหลือน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์  ซึ่งสามารถนำเศษวัสดุก่อสร้างมาต่อยอดให้เกิดมูลค่าและประโยชน์สูงสุด

โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนากระบวนการก่อสร้าง พร้อมการวางแผนจัดการที่ดีทั้งในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย

ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายนวัตกรรม ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจนเป็นโปรดักส์ใหม่ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับสากล ถูกนำมาใช้ภายในโครงการที่อยู่อาศัยของศุภาลัย พร้อมการันตีคุณภาพการก่อสร้าง  สร้างความเชื่อมั่น  และส่งต่อแนวความคิดด้านสิ่งแวดล้อม สร้างการเรียนรู้ให้กับลูกบ้านศุภาลัยทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน การอยู่อาศัยแบบรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  พร้อมร่วมแบ่งปันนวัตกรรมที่ร่วมสร้างสรรค์กับพันธมิตรธุรกิจส่งต่อสู่สาธารณะ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนพันธกิจ Zero Waste ระดับประเทศ

นายกิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  ศุภาลัยมุ่งมั่นให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในวิธีการ คือการพูดคุยอย่างจริงใจกับพันธมิตรธุรกิจ เสนอความคิดเห็นและความต้องการ  หาแนวร่วมเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียวร่วมกัน โดยการคิดค้น-ออกแบบวัสดุ และผลักดันแนวคิด Waste Management ในกระบวนการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง

 โดยเฉพาะพันธมิตรที่สำคัญอย่างทีโอเอ ที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกันจนทำให้เกิดโปรเจกต์ “ฝ้ายิปซัม รักษ์โลก” นำร่อง 2 โครงการคอนโดมิเนียม โดยการนำเศษฝ้าที่เหลือใช้จากงานก่อสร้างหน้างาน นำมาผ่านกระบวนการใหม่ที่ได้คุณภาพมาตรฐานดีเหมือนเดิม  และยังช่วยลดวัสดุเหลือใช้  นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

รวมทั้งนวัตกรรม “สีรักษ์โลก รุ่น Expert” ที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจากการลดการใช้สีรองพื้น สำหรับโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย โดยทั้งสองนวัตกรรมดังกล่าว สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 332,179 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ชดเชยการปลูกต้นสักได้ถึง 19,313 ต้น ภายใน 1 ปี ลดการใช้น้ำได้ถึง 98,347 ลิตรต่อปี ตลอดจนยังมีการตั้งเป้าหมายใช้นวัตกรรมฝ้ายิปซัม รักษ์โลก อีก 23 โครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ภายในปี 2567  

 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการร่วมกันพัฒนานวัตกรรมสีรองพื้นและสีทับหน้ารูปแบบใหม่ Direct to Metal  ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานสีรวมได้กว่า 10 ชั่วโมง จากรอบการทาและรอบรอสีแห้งที่ลดลง เมื่อเทียบกับสีรูปแบบเดิมโดยยังคงประสิทธิภาพสีเท่าเดิม

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนานวัตกรรมในการก่อสร้างที่ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจอีกมากมาย ร่วมกันสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยรักษ์โลก เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดไป

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 26เม.ย. “อ่อนค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 37.06 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวนสูงปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ลุ้น “ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น 10.00 น. วันนี้และ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ช่วง 19.30 น.ในวันเดียวกัน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 26เม.ย. 2567 ที่ระดับ  37.06 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  37.03 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ ไปจนถึงช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ

โดยต้องระวังการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนของทางการญี่ปุ่น ที่สถิติในอดีต เราพบว่า การเข้าแทรกแซงดังกล่าวมักจะทำให้ เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้น ราว +3% เป็นอย่างน้อย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็อาจทำให้เงินดอลลาร์ผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง และช่วยให้เงินบาทอาจแข็งค่าหลุดโซน 37 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทำให้เงินบาทอาจยังติดโซนแนวรับ 36.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 36.60 บาทต่อดอลลาร์) และหากไม่มีการเข้าแทรกแซงเกิดขึ้น อีกทั้ง BOJ ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพิ่มเติม

เราคาดว่า เงินเยนญี่ปุ่นก็เสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าต่อ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งถ้าหากเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่อาจจะออกมาสูงกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าทดสอบโซน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ ได้เช่นกัน และหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ ระดับ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ ก็จะเป็นแนวต้านถัดไป

อย่างไรก็ตาม ต้องรอจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ว่าจะทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือขายทำกำไรสถานะ Short THB ในช่วงโซนแนวต้านดังกล่าวเช่นกัน

เรามองว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.25 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.97-37.11 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)

โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวราว +1.6% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี น้อยกว่าที่ตลาดคาด (ทว่าปัจจัยกดดันส่วนใหญ่มาจาก การเปลี่ยนแปลงสินค้าคงคลัง และ Net Exports)

ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในไตรมาสแรกของปีนี้ ก็พุ่งสูงขึ้นสู่ระดับ 3.4% สูงกว่าคาดไปมาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจยิ่งชะลอลงช้า และทำให้เฟดอาจต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดให้นานขึ้น โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้ประเมินว่า เฟดมีโอกาสเพียง 35% ในการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.70% ส่วนเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นบ้าง กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็ชะลอลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย จากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงขาย อาทิ Meta -11%, Microsoft -2.5% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (สำหรับ Meta ถูกกดดันเพิ่มเติม จากคาดการณ์ยอดขายที่ต่ำกว่าคาด) ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -0.64% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.46%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.64% กดดันโดยแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ SAP -3.1%, LVMH -2.8% นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของหลายบริษัทที่ออกมาแย่กว่าคาด ก็มีส่วนกดดันตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มเติม เช่น Adyen -18%, Nestle -2.0%

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.70% หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด จากรายงานดัชนี PCE (และ Core PCE) ในรายงาน GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ออกมาสูงกว่าคาด สะท้อนว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงได้ช้ากว่าคาดและเสี่ยงที่จะทำให้เฟดต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นานขึ้น

ภาพดังกล่าวก็สอดคล้องกับมุมมองที่เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงทดสอบโซน 4.70% หากผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น และในวันนี้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้เช่นกัน

หากรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE (โดยเฉพาะ Core PCE) เดือนมีนาคม ออกมาสูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นมีความน่าสนใจในทุกจังหวะการปรับตัวขึ้น (เน้นกลยุทธ์ทยอย Buy on Dip) โดยมี Risk-Reward ที่คุ้มค่ามากขึ้น

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD (มองเงินดอลลาร์แข็งค่า) ออกมาบ้าง ทำให้ เงินดอลลาร์พลิกกลับมาย่อตัวลง และโดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 105.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.5-106.0 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ย่อตัวลงหลุดโซน 2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะรีบาวด์ขึ้นสู่โซน 2,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป

การรีบาวด์ขึ้นดังกล่าวก็ของราคาทองคำก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง ทำให้ราคาทองคำย่อลงเล็กน้อยและแกว่งตัวแถวโซน 2,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

 สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม (รายงานในช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ อีกไฮไลท์สำคัญที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะทราบผลการประชุมในช่วงราว 10.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และจะมีการแถลงต่อสื่อมวลชน โดยผู้ว่าฯ BOJ ในช่วง 13.30 น. โดยในการประชุม BOJ ครั้งนี้ เราคาดว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม ทว่าต้องจับตาการปรับแผนการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของ BOJ ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นได้

อีกทั้งต้องจับตาคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ของ BOJ ที่จะช่วยสะท้อนแนวโน้มนโยบายการเงินในอนาคต เช่น หาก BOJ ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ก็อาจสะท้อนว่า BOJ มีโอกาสทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ และที่สำคัญ ต้องระวังการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนญี่ปุ่นของทางการญี่ปุ่น หลังเงินเยนได้อ่อนค่าทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งทางการญี่ปุ่นอาจใช้จังหวะในช่วงการประชุม BOJ เพื่อเข้าแทรกแซงได้ หรือ อาจรอในช่วงตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ก็ได้เช่นกัน

และในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของไทยในเดือนมีนาคม ซึ่งคาดว่า ยอดการส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า  เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 37.00-37.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 37.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทเคลื่อนไหวในฝั่งที่อ่อนค่ากว่าแนว 37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตาม Sentiment ของสกุลเงินเอเชียนอื่นๆ แต่ในภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงระหว่างรอผลการประชุม BOJ ที่จะสิ้นสุดการประชุมในวันนี้ 

ทั้งนี้แรงขายเงินดอลลาร์ฯ (หลังจากตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ประจำไตรมาส 1/67 ขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาด) ชะลอลงไป และดอลลาร์ฯ มีแรงประคองกลับมาตามการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และข้อมูลเงินเฟ้อประจำไตรมาส ที่สะท้อนว่า เฟดอาจยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกของเฟดไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เร็ว 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.90-37.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ผลการประชุม BOJ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สถานการณ์ค่าเงินเยนและเงินหยวน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


6 กลุ่มเสี่ยง “ฮีตสโตรก” อันตรายที่มาทุกหน้าร้อน

เตือนระวัง กลุ่มเสี่ยงฮีตสโตรก อันตรายจากอากาศร้อน ระวังป่วยโรคฮีตสโตรก โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยง ขอให้ดูแลสุขภาพของตนเองและหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด

ฮีตสโตรก คืออะไร?

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปมีอุณหภูมิสูงขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอาจเจ็บป่วยจากโรคฮีตสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้

อาการของฮีตสโตรก

ฮีตสโตรก มีอาการสำคัญ ได้แก่ 

  • ตัวร้อน อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิน 40 องศาเซลเซียส
  • หน้ามืด 
  • เพ้อ กระสับกระส่าย 
  • มึนงง 
  • หายใจเร็ว 
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ 
  • ชัก เกร็ง 
  • ช็อก หมดสติ 

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้

6 กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยง โรคฮีตสโตรก

  1. ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น ผู้ที่ทำงานก่อสร้างหรือออกกำลังกาย
  2. เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว
  3. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง
  4. ผู้ที่มีภาวะอ้วน
  5. ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งผู้ที่มีภาวะอ้วนและนอนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อกลไกควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย
  6. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม ซึ่งในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้

Advertisement

วิธีลดความเสี่ยงภาวะฮีตสโตรก

  1. สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี
  2. ควรอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
  3. ลดหรือเลี่ยงทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้งนานๆ
  4. สวมแว่นกันแดด กางร่ม สวมหมวกปีกกว้าง
  5. ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อชดเชยการเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก
  6. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  7. อย่าทิ้งเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดไว้กลางแจ้ง เนื่องจากอุณหภูมิภายในรถจะสูงกว่าภายนอก ส่วนผู้ที่ออกกำลังกาย ควรเลือกในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก และเป็นเวลาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม หากสงสัยผู้มีอาการเจ็บป่วยจากภาวะอากาศร้อน ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยให้ดื่มน้ำเย็นและเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น ให้อยู่ในที่ระบายอากาศที่ดี ถ้ามีอาการรุนแรงหรือหมดสติควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เปิด 3 กลยุทธ์สำคัญทำทีม TOYOTA GAZOO Racing Thailand ปี 2024

“TOYOTA GAZOO Racing Thailand” ทีมแข่งรถที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จอย่างสูงของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ภายใต้การสนับสนุนของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดกลยุทธ์และแนวทางการทำทีมประจำปี 2024 ตั้งเป้าครองแชมป์ในประเทศต่อยอดพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย และเป็นผู้นำทีมแข่งรถที่พัฒนาการใช้พลังงานทางเลือกที่หลากหลายตามนโยบาย Multi-pathway เพื่อเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน เดินหน้าใช้รถแข่งพลังงาน e-fuel ลงสนามต่อเนื่อง

​คุณอาร์โต้ – สุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่งสังกัด TOYOTA GAZOO Racing Thailand กล่าวว่า “สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมาทีมทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และครองถ้วยแชมป์ทั้งประเภทรุ่นและประเภททีมยอดเยี่ยมในทุกรายการที่แข่งขัน และในปี 2024 จะเดินหน้าสานต่อภารกิจสำคัญที่เป็นหมุดหมายของทีมโดยมีกลยุทธ์ใน 3 ข้อหลัก กล่าวคือ

ส่วนร่วมการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย

ทีมเข้าร่วมส่งเสริมและให้ความสำคัญกับการแข่งขันรายการในประเทศมากยิ่งขึ้น เพราะต้องการพัฒนาบุคลากรทุกภาคส่วน ทั้งนักแข่ง ทีมช่าง ทีมงานสตาฟ ให้ได้มีส่วนร่วมกับรายการแข่งขันมาตรฐานในประเทศ อันจะสร้างให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์จริง ได้คิดวิเคราะห์ วางแผน แก้ปัญหา ที่จะเกิดขึ้นจริง ภายใต้สถานการณ์การแข่งขัน อันจะทำให้เกิดการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเพิ่มยิ่งขึ้นไป

ผู้นำในการใช้รถแข่งพลังงานทางเลือกที่หลากหลาย

ทีมยังเดินหน้าพัฒนาและใช้รถแข่ง ที่สามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงทางเลือกที่หลากหลาย ตามนโยบาย “Multi Pathway”ของบริษัท โตโยต้าฯ ด้วยแนวคิดหลักที่ต้องการใช้พลังงานทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การขับเคลื่อนที่ไม่ยึดติดอยู่กับเทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียว โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือเป็นมิตรต่อโลกและมีความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งเชื้อเพลิง e-fuel จะไม่สร้างมลภาวะเพิ่มขึ้นเพราะนำคาร์บอนที่มีอยู่แล้วมาผลิตเป็นเชื้อเพลิง เมื่อเกิดการเผาผลาญในเครื่องยนต์ก็ไม่สร้างมลภาวะเพิ่มขึ้นเพราะมันเท่าเดิมกับที่นำมาใช้ ซึ่งทีมได้นำประสบการณ์จากปีก่อนมาพัฒนาและปรับปรุงรถแข่งให้มีสมรรถนะสูงเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในฤดูกาลนี้จะได้เห็นรถแข่งพลังงาน e-fuel ของเราทั้ง 2 คัน คือ Yaris 1.5 Turbo e-fuel และ Corolla ALTIS 1.5 Turbo e-fuel  ลงแข่งขันทั้ง 3 รายการ คือ Thailand Super Series 2024, รายการมาราธอนทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย RAAT Thailand Endurance Championship 2024 และรายการ Idemitsu Super Endurance Southeast Asia Trophy 2024

ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนารถจากสนามแข่ง

ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนารถจากสนามแข่ง

โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้ทำความร่วมมือกับ TOYOTA MOTOR ASIA (TMA) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและออกแบบรถยนต์ ให้เข้ามาร่วมศึกษาวิจัยและเก็บข้อมูลจากทุกรายการแข่งของเราตลอดฤดูกาล เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อโลกของเรา และให้มีสมรรถนะและตอบโจทย์การใช้งานให้กับการขับขี่บนท้องถนนเพื่อให้คนไทยได้ใช้รถที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ตามแนวทางของโตโยต้า คือ “Make Ever-Better Car”

สำหรับปี 2024 TOYOTA GAZOO Racing Thailand จะลงแข่งขันในสนามทางเรียบรวม 3 รายการ คือ Thailand Super Series 2024 รุ่น Thailand Super Car GTM, GTC, GT4, Super Compact และเพิ่มรุ่น Super Pick Up ที่จะใช้รถ Hilux Champ ลงแข่งขัน, รายการ RAAT Thailand Endurance Championship 2024 รุ่น Touring Car, Compact, รายการ Idemitsu Super Endurance Southeast Asia Trophy 2024 สำหรับรายการทางฝุ่นลงแข่งขัน 2 รายการ คือ รายการ Asia Cross Country Rally 2024 ที่เราพัฒนารถคันใหม่ Hilux Revo 2.8 GR-S AT (Wide Tread) และ RAAT Thailand Rally Championship 2024 กับรถ Yaris Cross HEV ลงแข่งเป็นปีแรก

ด้านนักแข่งหลักประจำทีมประกอบด้วย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ, มานัต กุละปาลานนท์, เฉิน เจี้ยน หงษ์, กรัณฑ์ ศุภพงษ์, อัครพงษ์ อัคนีนิโรธ, ธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ, กฤษฎิ์ วสุรัตน์, ณ ดล วัฒนธรรม และนักแข่งใหม่ “นรรัศมิ์ อภิวาท” ซึ่งเป็นแชมป์ประจำปีรุ่น โคโรลล่า อัลติส จีอาร์สปอร์ต วันเมคเรซ ปี 2023 จากรายการ โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นรายการเดียวในประเทศที่ต่อยอดสานฝันนักแข่งมือสมัครเล่นได้ก้าวสู่ระดับอาชีพมาเสริมทีม เพิ่มความแกร่งเก๋าในส่วนของ Super Pickup ด้วย ทรงศักดิ์ กรศิริสืบสกุล และในส่วนของ Rally จรัส แจ้งกลมกุลชัย, ณัฐพล อังฤทธานนท์, มานะ พรศิริเชิด มาร่วมทัพ

“ผมเชื่อมั่นว่าปี 2024 โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ จะสร้างผลงานยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จในทุกรายการแข่งขันอย่างแน่นอน และพวกเรายังมีความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ผ่านความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปี รวมถึงความเป็นผู้นำในการใช้รถแข่งที่สามารถใช้พลังงานทางเลือกอย่าง e-fuel ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนลงแข่งขัน อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงต่อไปในวงการของมอเตอร์สปอร์ตทั้งในประเทศและต่างประเทศครับ”

ร่วมติดตามชมและเชียร์ทีมแข่งรถสัญชาติไทย TOYOTA GAZOO Racing Thailand ที่มุ่งมั่นและตั้งใจพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและคนไทย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram: TOYOTAGAZOORacingTeamThailand

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษที่เจอได้บ่อยพร้อมแนวทางการตอบ

การสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษอาจทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวล แต่ไม่ต้องห่วงหากคุณมีการเตรียมพร้อมกับคำถามที่อาจจะเจอ เพียงเท่านี้การสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช จะพาไปรีวิวคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษที่พบได้บ่อยกัน


Could you tell me about yourself?

ช่วยแนะนำตัวเองให้ฟังหน่อย

แนวทางการตอบ

  • แนะนำข้อมูลเบื้องต้นของตัวเองที่สำคัญให้กระชับได้ใจความ
  • เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ตำแหน่งความรับผิดชอบ หรือการศึกษาที่จบมา ว่ามีประโยชน์อย่างไรกับสายงานนี้
  • แสดงความมั่นใจว่าประสบการณ์ของคุณเหมาะสมที่จะสามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้

ตัวอย่างคำตอบ 

Hello, my name is [ชื่อของคุณ]. I am currently working as a [ตำแหน่งงานของคุณ] with [จำนวนปี] years of experience in the [สาขาของงาน] industry. My responsibilities are including [หน้าที่รับผิดชอบในตำแหน่ง]. I’m confident that my skills and experience would be a valuable asset to your team.”

What are your greatest strengths?

อะไรคือจุดแข็งของคุณ ?

แนวทางการตอบ

ยกจุดเด่นของคุณที่มองว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานในตำแหน่งที่สมัครมาพูด ความถนัด ทัศนคติ ความเป็นมืออาชีพ

ตัวอย่างคำตอบ

One of my greatest strengths is my [จุดแข็ง]. For example, in my previous role, I was able to [ยกตัวอย่างผลงานที่แสดงถึงจุดแข็ง]. I am confident that my skills will be beneficial to the team.

Why do you want to work here?

ทำไมคุณถึงอยากเข้าทำงานที่นี่ ?

แนวทางการตอบ

เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจในบริษัท และบอกถึงความมั่นใจว่าความสามารถของคุณในการทำงานจะช่วยพัฒนาบริษัทนี้ได้ โดยหากคุณทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นบริษัทมาก่อนจะยิ่งมีความได้เปรียบ

ตัวอย่างคำตอบ

I’m interested in working at [ชื่อบริษัท] because [เหตุผลที่สนใจบริษัท]. I’m convinced that my contributions would be highly beneficial to your team.

Why did you leave your last job?

ทำไมคุณถึงอยากเข้าทำงานที่นี่ ?

แนวทางการตอบ

เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจในบริษัท และบอกถึงความมั่นใจว่าความสามารถของคุณในการทำงานจะช่วยพัฒนาบริษัทนี้ได้ โดยหากคุณทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นบริษัทมาก่อนจะยิ่งมีความได้เปรียบ

ตัวอย่างคำตอบ

I’m interested in working at [ชื่อบริษัท] because [เหตุผลที่สนใจบริษัท]. I’m convinced that my contributions would be highly beneficial to your team.

Why did you leave your last job?

ทำไมคุณถึงลาออกจากที่ทำงานเก่า ?

แนวทางการตอบ

นอกจากจะบอกเหตุผลที่ลาออกตามสมควรแล้วควรพูดถึงเป้าหมายในการหางานใหม่ของคุณด้วย ตัวอย่าง เช่น มองหาความท้าทาย ต้องเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ

ตัวอย่างคำตอบ 

I left my previous job because [เหตุผลที่ลาออก]. I was looking for a new challenge and an opportunity to [เป้าหมายในการหางานใหม่]

How do you deal with pressure or stressful situations?

คุณมีวิธีจัดการกับความกดดัน และความเครียดอย่างไรบ้าง

แนวทางการตอบ

ควรตอบคำถามนี้อย่างมั่นใจ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพมากพอในสถานการณ์จริง โดยแต่ละคนจะมีวิธีรับมือที่แตกต่างกัน ค่อย ๆ ตอบวิธีการรับมืออย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ตัวอย่างคำตอบ

Instead of pointing something , my first reaction was to take a step back and figure out some strategies around and see if we could solve the problem step-by-step. Previously, I may feel panic handling this kind of situaition, so being calm and try to find out the root clause of the issues reasonably could help me cope with the tough situation.

What are your salary expectations?

คุณคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่ ?

แนวทางการตอบ

คุณควรเช็กฐานเงินเดือนของตำแหน่งที่สนใจให้แน่ใจก่อนว่าเป็นไปตามความคาดหวัง ของคุณหรือไม่ โดยสามารถดูเบื้องต้นได้จากเว็บหางานโดยทั่วไป

ตัวอย่างคำตอบ

Based on my skills and experience and the current industry rates. I’m looking for a salary in the range of [ช่วงเงินเดือนที่คาดหวัง].


Tell me about a time you worked on a team project.

เล่าเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณทำงานกับทีมโปรเจค

แนวทางการตอบ

อธิบายถึงหน้าที่การทำงานรวมถึงความรับผิดชอบในทีมของคุณ อธิบายการดำเนินงานภายในทีมรวมไปถึงผลลัพท์หลังการทำงาน

ตัวอย่างคำตอบ

In my previous role, I was part of a team that was responsible for [อธิบายหน้าที่การทำงาน]. My role was to [อธิบายหน้าที่ความรับผิดชอบ]. We were able to [อธิบายผลลัพธ์ของของการดำเนินงานครั้งนั้น].

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


MG EXE181 รถต้นแบบขุมพลังไฟฟ้าตัวโหด 0-100 กม./ชม. ไม่ถึง 1 วินาที!

MG EXE181 รถต้นแบบขุมพลังไฟฟ้าสมรรถนะสุดโหด ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 1 วินาที ท็อปสปีดทะลุ 400 กม./ชม. เผยโฉมครั้งแรกที่งาน Beijing International Auto Show 2024 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

MG EXE181 เป็นรถต้นแบบคันล่าสุดของ SAIC Motor Corporation ที่ถูกออกแบบโดย SAIC Motor UK Advanced Design Center ได้แรงบันดาลใจมาจากรถที่เป็นตัวแทนของการทำสถิติความเร็วสูงสุด 410.5 กม./ชม. ในช่วงปี 1959-2014 โดย Mr.Phil Hill หนึ่งในแชมป์โลก F1 คนแรกของสหรัฐฯ โดยเอ็มจีระบุว่ารถต้นแบบ EXE181 ถือเป็นตัวอย่างผลงานความสำเร็จของแบรนด์ที่มุ่งมั่นในเรื่องการแข่งขัน และการทำความเร็ว

MG EXE181 ถูกออกแบบให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.181 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 415 กม./ชม.

พร้อมกันนี้ MG ยังได้จัดแสดง MG Cyberster รถสปอร์ตไฟฟ้าเปิดประทุนในงานดังกล่าวด้วย หลังจากที่มีการประกาศราคาจำหน่ายในประเทศไทยเริ่มต้นที่ 2,499,000 บาทไปก่อนหน้านี้

รถตันแบบ MG EXE181 ยังเตรียมนำไปจัดแสดงอีกครั้งที่งาน Goodwood Festival of Speed ประเทศอังกฤษ ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


7 คุณประโยชน์มะขามป้อมที่มีดีกว่าการแก้ไอ

มะขามป้อม ผลไม้ขนาดเล็กแต่ให้วิตามินซีสูง อาจจะเป็นผลไม้ที่หลายคนไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ถ้าได้รู้ถึงประโยชน์ที่ได้รับจากผลไม้ชนิดนี้ เชื่อว่าจะทำให้ใครหลายๆ คนต้องรีบไปหามากินก็เป็นไปได้ ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมคุณประโยชน์ที่ได้จากมะขามป้อมมาแชร์ให้สาวๆ ได้ทราบกันค่ะ รับรองว่าต้องถูกใจอย่างแน่นอน

ประโยชน์มะขามป้อม

1.แก้อาการไอ เจ็บคอ
สำหรับหลายคนที่รู้จักมะขามป้อม อาจจะรู้อยู่แล้วว่าผลไม้ชนิดนี้มีส่วนช่วยแก้อาการไอและอาการเจ็บคอได้เป็นอย่างดี ซึ่งนั่นเป็นเพราะมะขามป้อมอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารกลุ่มแทนนิน แถมยังมีรสชาติเปรี้ยวที่มีส่วนช่วยละลายเสมหะพร้อมทั้งบำรุงเสียงได้ดีอีกด้วย ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าบางโรงพยาบาลได้มีการนำเอามะขามป้อมมาทำเป็นยาแก้ไอแล้วลงทะเบียนเป็นยาแผนโบราณกันเลยทีเดียว

2.แก้ไข้
อย่างที่ทราบกันแล้วว่ามะขามป้อมมีวิตามินซีและสารกลุ่มแทนนิน ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ดังนั้นจึงสามารถแก้ไข้จากอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ผู้ที่มีไข้สามารถเอาผล เมล็ด หรือรากจากมะขามป้อมมาคั้นดื่ม จะช่วยแก้อาการที่เป็นอยู่ได้ เพราะน้ำมะขามป้อมถือเป็นยาที่ช่วยลดและช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายนั่นเอง


3.แก้อาการปวดฟัน
สำหรับใครที่มักมีอาการปวดฟัน สามารถรักษาอาการให้บรรเทาลงได้ด้วยการกินมะขามป้อม หรือจะเอาปมก้านมะขามป้อมมาต้มกับน้ำแล้วเอามาอมหรือบ้วนปากก็ช่วยได้มาก นั่นเพราะมะขามป้อมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้ดี


4.ดับกระหาย
การกินมะขามป้อมสดๆ ช่วยดับและลดอาการกระหายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการกัดมะขามป้อม จะทำให้น้ำมะขามป้อมซึมออกมา ซึ่งน้ำที่ซึมจากมะขามป้อมนั่นเองที่ช่วยแก้อาการคอแห้งได้ และหากดื่มน้ำเปล่าตามเข้าไป ก็จะยิ่งให้ความรู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น

5.แก้อาการผื่นคัน
สำหรับสาวๆ คนไหนที่มีอาการผื่นคัน หรือมีอาการผิวหนังอักเสบ แนะนำให้เอาใบมะขามป้อมมาต้มเพื่อใช้อาบ หรือจะใช้วิธีการเอาเมล็ดมาเผาแล้วบดละเอียด นำมาผสมกับน้ำมัน คนให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วเอามาทาแผล แค่นี้ก็ช่วยบรรเทาอาการผื่นคัน ช่วยรักษาแผล และแก้พิษน้ำร้อนลวกได้แล้ว


6.รักษาโรคหอบหืด
ในส่วนของการรักษาโรคหอบหืดด้วยมะขามป้อมนั้น จะใช้วิธีการเอาเมล็ดของมะขามป้อมมาตำให้เป็นผง แล้วนำมาชงดื่มกับน้ำร้อน วิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการหอบหืดให้ดีขึ้นได้


7.บำรุงผิวพรรณ
เนื่องจากมะขามป้อมอุดมไปด้วยวิตามินซีสูง จึงมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดี แถมยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย พร้อมทั้งช่วยให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งสดใสขึ้นอีกด้วย ซึ่งการบำรุงผิวพรรณด้วยมะขามป้อมนั้น สาวๆ ทำได้ด้วยการเอามะขามป้อมมาฝนแล้วเอาน้ำที่ได้มาทาที่บริเวณหน้าหรือผิว แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

นอกจากสรรพคุณเหล่านี้แล้ว มะขามป้อมยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น

วิธีการรับประทานมะขามป้อม

มะขามป้อมสามารถรับประทานสดๆ หรือนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น เชื่อม ดอง ตำน้ำพริก เป็นต้น วิธีการรับประทานมะขามป้อมเพื่อประโยชน์สูงสุด คือ รับประทานสดๆ หรือนำไปคั้นเป็นน้ำดื่ม

ข้อควรระวังในการรับประทานมะขามป้อม

มะขามป้อมมีฤทธิ์เป็นยาเย็น หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสียได้ นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้มะขามป้อม ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน

ดังนั้น มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย จึงควรหามารับประทานเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี


เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 7 คุณประโยชน์ที่ได้จากมะขามป้อม ผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง หลายๆ คุณประโยชน์ที่ได้ทราบกันไป อาจทำให้สาวๆ แปลกใจกันมากเลยใช่ไหมละคะ แต่บอกเลยว่าประโยชน์จากมะขามป้อมยังมีอีกมากมายและน่าเหลือเชื่อกว่านี้อีกละค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26/04/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,800.0040,900.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,643.0040,067.8841,400.00
ทองรูปพรรณ 90%2,378.7036,061.09n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,114.4032,054.30n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,189.0018,025.24n/a
ทองรูปพรรณ 40%925.0014,023.00n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,739.0041,523.24n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/04/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.9539.9541.3539.9539.9539.9539.9539.9539.9539.95
แก๊สโซฮอล์ 9138.8838.8840.2838.8838.8838.8838.8838.8838.8838.88
แก๊สโซฮอล์ E2037.8437.8439.2437.8437.8437.8437.8437.8437.84
แก๊สโซฮอล์ E8537.5937.5937.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม47.6449.4449.9449.4447.64
เบนซิน 9547.8449.0148.3447.9947.84
ดีเซล B730.9430.9431.5430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซล30.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซล B2030.9430.9430.9430.94
ดีเซลพรีเมี่ยม42.9445.1446.9445.1445.1442.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า