พฤกษา ปั้นแบรนด์ ‘บ้านภัสสร’ เจาะตลาดผู้หญิง ‘กำลังซื้อ’สูง
พฤกษา รุกทำการตลาดเพื่อผู้หญิง จับมือแฟชั่นแนวหน้า Passorn X S’uvimol ผสานนวัตกรรมบ้านและแฟชั่นดีไซน์ชั้นนำ สะท้อนความสำเร็จของคนยุคใหม่ เปิดตัวโครงการ ‘ภัสสร จตุโชติ-ทางด่วนรามอินทรา’
20 มิถุนายน 2565 – นางสาว อังคณา ลิขิตจรรยากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดการทำตลาดเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงในกลุ่มผู้หญิง โดยระบุว่า ผู้หญิงเป็นกลุ่มที่ทรงอิทธิพลทางการตลาดและมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่อตัวเองหรือเพื่อครอบครัว การทำตลาดสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นผู้หญิงจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องไม่มองข้าม ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน
แม้ว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยในภาพรวมทุกโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงจะมุ่งไปที่แนวคิดการดีไซน์ที่สะท้อนบุคลิกตัวตนและรสนิยมของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละเซกเม้นต์โดยไม่ได้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายเจาะจงชายหญิง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สำหรับการซื้อบ้านนั้น มากกว่าร้อยละ 90 มาจากการตัดสินใจของผู้หญิง
พฤกษามองเห็นความท้าทายในการทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มผู้หญิง จึงเป็นที่มาของการริเริ่ม Marketing Campaign ดังกล่าว ด้วยการใช้ไดนามิกของแฟชั่นดีไซน์ ไอเทมที่ผู้หญิงทุกคนชื่นชอบมาเป็นกลไกขับเคลื่อน อีกทั้งในไลน์ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มพฤกษา มีบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมแบรนด์ “ภัสสร” ที่เป็นสินค้าซึ่งเข้ากันได้ดีกับนิยามความเป็นผู้หญิงที่มีสไตล์โดดเด่น มีความหรูหรา สง่างาม สอดคล้องกับคาแร็คเตอร์ของ S’uvimol แบรนด์แฟชั่นระดับเอ-ลิสต์ที่ผู้หญิงทั่วโลกให้ความชื่นชอบ มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สะท้อนบุคลิกผู้นำที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
ขณะ นายอริชัย ลลิตกุลานันท์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภัสสร เป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมของพฤกษา โดยในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ จะเปิดพรีเซลโครงการ ภัสสร จตุโชติ-ทางด่วนรามอินทรา สไตล์โมเดิร์นนีโอ ที่มีความพิเศษของการดีไซน์พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
พื้นที่ห้องนอนใหญ่มาพร้อมฟังก์ชัน Walk in Closet ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยรสนิยมเหนือระดับ เติมความสนุกสดใสไปกับการ Mix & Match แฟชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าและเครื่องประดับในสไตล์ของตนเอง รังสรรค์ให้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ภายในบ้านที่สร้างความสุขในชีวิตได้ในทุก ๆ วัน ด้วยความพร้อมของที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่
ขนาดบ้านที่ดิน 50 – 70 ตารางวา ดีไซน์ฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอย 161 – 197 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถกว้างขวางเพียงพอตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ผู้คนใช้เวลาและใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การพักผ่อน การออกกำลังกายและการทำงานอดิเรก ด้วยการพัฒนาดีไซน์แนวคิด Living Solution นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยตอบโจทย์ทุกมิติของไลฟ์สไตล์ในยุคเน็กซ์นอมอล บ้านทุกหลังจึงมีฟังก์ชัน Grand Free Space สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความชอบตอบรับไลฟ์สไตล์วิถีใหม่ในทุกมิติความเปลี่ยนแปลงของชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมระบบไฟไว้เพื่อรองรับการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า (EV Charger) เพื่อไลฟ์สไตล์การเดินทางยุคใหม่ บนสุดยอดทำเลเพียง 5 นาทีถึงทางพิเศษฉลองรัช เชื่อมต่อเอกมัย-รามอินทรา มีความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนบ้านในโครงการเพียง 99 หลัง ในราคาดึงดูดใจเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่จองในวันพรีเซล นอกจากจะได้รับส่วนลดพิเศษ และสิทธิประโยชน์หลากหลายรายการแล้ว ยังจะได้รับชุดของขวัญ Exclusive Gift Set จาก S’uvimol เพิ่มเติมอีกด้วย
ด้าน นางสาวพัชรพิมล ยังประภากร ผู้บริหารแบรนด์ S’uvimol กล่าวว่า มีความยินดีกับไอเดียสร้างสรรค์มากมายที่เกิดขึ้นเมื่อสองแบรนด์มีโอกาสได้มาร่วมงานกันเพราะดีไซน์เป็นสิ่งสะท้อนบุคลิก สไตล์ และตัวตนแท้จริงของบุคคล ความร่วมมือของแบรนด์ในกิจกรรมพิเศษร่วมกับพฤกษาจึงถือเป็นอีกก้าวของการขยายการรับรู้ในแบรนด์ S’uvimol และมีส่วนในการสร้างพลังผลักดันตลาดให้กับทั้งสองแบรนด์ที่มีความเข้ากันได้อย่างลงตัว
ความโดดเด่นของแบรนด์ S’uvimol คืองานดีไซน์กระเป๋าหนัง Exotic ที่ให้ความพิเศษของผิวสัมผัสที่แตกต่างและดีไซน์รูปทรงกระเป๋าแบบเรขาคณิตที่มีเอกลักษณ์เป็นสไตล์เฉพาะตัว หรูหรามีระดับ อ่อนหวานแต่มีพลัง สะท้อนบุคลิกความคิดสร้างสรรค์ และเต็มไปด้วยความประณีตในการใช้ชีวิต
ขณะที่ความโดดเด่นของแบรนด์ภัสสร คือดีไซน์บ้านมาตรฐานใหม่ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่และสะท้อนบุคลิกภาพลักษณ์แห่งความสำเร็จ แคมเปญ Passorn X S’uvimol จึงเป็นการผสานแบรนด์นวัตกรรมบ้านและแฟชั่นดีไซน์ชั้นนำสะท้อนความสำเร็จของคนยุคใหม่ ทั้งนี้ทางแบรนด์ได้เข้ามาร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับทางพฤกษา เป็น Exclusive Gift Set ประกอบด้วยกระเป๋าขนาดเล็กทรงหัวใจสีม่วงตัดเย็บด้วยหนังจระเข้เกรดพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นสีพิเศษที่ทางแบรนด์ได้รังสรรค์ให้กับแบรนด์ภัสสรโดยเฉพาะ โดยลูกค้าสามารถนำไปเพ้นท์ชื่อได้ที่ S’uvimol ทุกสาขา นอกจากนี้ยังมีผ้าพันคอดีไซน์ลิมิเต็ด และ Card Holder ที่ผลิตจำนวนจำกัดเฉพาะแบรนด์ภัสสรเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บ้านแนวราบพีค! 5 เดือน ‘แสนสิริ’ โกยยอดขายพุ่ง หมื่นลบ.
อสังหาฯฟื้นดี แนวราบ บ้านเดี่ยว , บ้านแฝด ,ทาวน์โฮม ดีมานด์พุ่ง ส่งผล 5 เดือนแรก บมจ.แสนสิริ โกยยอดขายทะลุแล้ว หมื่นล้าน หลังจากประกาศปิดการขาย 4 โครงการ ขณะครึ่งปีหลัง จ่อเปิดใหม่ 6 พันล้าน ชูแบรนด์ ‘อาณาสิริ’ – ‘สราญสิริ’
20 มิถุนายน 2565 – นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริมีผลงานยอดขายโครงการแนวราบที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุดสร้างยอดขายรวมโครงการแนวราบทะลุ 10,000 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบ 30% และคิดเป็นกว่า 40% จากเป้าหมายยอดขายแนวราบ 24,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการบ้านเดี่ยว 6,600 ล้านบาท ยอดขายจากโครงการมิกซ์โปรดักส์แบรนด์อณาสิริ 1,500 ล้านบาทและยอดขายจากทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส อีก 1,900 ล้านบาท ความสำเร็จของยอดขายโครงการแนวราบในรอบ 5 เดือน มาจากการปิดการขาย 4 โครงการแนวราบ ได้แก่
- สราญสิริ ติวานนท์ – แจ้งวัฒนะ 2
- บุราสิริ บึงหนองโคตร ขอนแก่น
- เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2
- ทาวน์โฮม สิริ เพลส รังสิต
พร้อมจ่อคิวปิดการขายอีก 3 โครงการ คือ คณาสิริ ราชพฤกษ์ – 346 , ฮาบิเทีย ออร์บิต หทัยราษฎร์ และฮาบิเทีย ไพรม์ ราชพฤกษ์อีกด้วย
นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำแนวทางการพัฒนาโครงการแนวราบในปีนี้ ภายใต้แนวคิด “Home for Everyone” ด้วยการพัฒนาโครงการแนวราบที่ครอบคลุมทุกโปรดักส์บ้านเดี่ยว – บ้านแฝด – ทาวน์โฮม ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ความต้องการในทุกระดับราคาและทำเล เจาะกลุ่ม Real Demand แผนการพัฒนาโครงการแนวราบในเดือนมิถุนายน แสนสิริจะเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ได้แก่ ต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ สิริ เพลส หลังประกาศปิดการขายสิริ เพลส รังสิต จำนวน 413 ยูนิต
โดยล่าสุด แสนสิริเผยโฉมทาวน์โฮม สิริ เพลส Dream Destination ดีไซน์ใหม่ “อัมสเตอร์ดัม” ทาวน์โฮมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมนต์สเน่ห์ของกังหันลมและสายน้ำ แฝงไว้ด้วยความซุกซนเล็กๆ สะท้อนไลฟ์สไตล์ที่มีสีสัน โดดเด่นด้วย Façade บ้านหลากสีสันทรงจั่ว พื้นที่ส่วนกลางที่มาพร้อมคลับเฮาส์สไตล์ Vintage Dutch ตกแต่งด้วยกังหันลมซิกเนเจอร์ของอัมสเตอร์ดัม พร้อมให้เข้าชมโครงการ บนทำเลศักยภาพ 2 ทำเลใหม่ สิริ เพลส พระราม 2 – วงแหวน จำนวน 252 ยูนิต ทาวน์โฮมฟังก์ชันบ้านเดี่ยวติดถนนพระราม2 ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนใหม่เพียง 2 นาที เริ่ม 2.89 ล้านบาท*
สิริ เพลส ดอนเมือง – สรงประภา จำนวน 138 ยูนิตตอบทุกแพสชันกับทำเลที่ใช่ ทาวน์โฮม ใจกลางดอนเมือง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ใกล้สนามบินดอนเมือง ใกล้ทางด่วน 2 เส้น อุดรรัถยาและทางยกระดับโทลเวย์เชื่อมต่อแจ้งวัฒนะ ดอนเมือง และวิภาวดี เริ่ม 2.79 ล้านบาท*
สานต่อความสำเร็จของแบรนด์ “อณาสิริ” ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีมากในปีที่ผ่านมาจนถึง เพื่อตอบรับความต้องการที่หลากหลาย บ้านและทาวน์โฮมในโครงการเดียวภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัย Feel Just Right “ความพอดีที่ลงตัว”
แสนสิริจึงได้เปิดตัว โครงการ “อณาสิริ รามคำแหง” ประกอบด้วย บ้านแฝดและทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่จำนวน 272 ยูนิต กับ 4 แบบบ้าน 4 ฟังก์ชัน รองรับการอยู่อาศัยในทุกรูปแบบความต้องการ พื้นที่ใช้สอย 99 – 148 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด
“สีสันของความพอดี ในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน” ดีไซน์ใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีในโครงการของแสนสิริมาก่อน พร้อมครั้งแรกของแสนสิริ บนทำเลแห่งอนาคต รามคำแหง – กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่เพียง 10 นาที ถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม และมอเตอร์เวย์ เดินทางสะดวกเชื่อมต่อเมืองรวดเร็วด้วย 4 ถนนสายหลัก ได้แก่ รามคำแหง, กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่, ร่มเกล้าและเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ระดับราคา 3.69 – 8 ล้านบาท* โครงการ อณาสิริ ราชพฤกษ์ – 346 บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 164 ยูนิต กับ 5 แบบบ้าน พื้นที่ใช้สอย 99 – 161 ตารางเมตร พร้อมฟังก์ชันบ้านที่ตอบทุกความต้องการของชีวิตครอบครัวยุคใหม่ ทั้ง Master Bedroom พร้อมห้องน้ำในตัว Bay Window ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ บนทำเลศักยภาพติดถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ เชื่อมต่อถนนสายหลักหลายเส้นทั้ง ถ.กาญจนาฯ, ถ.ชัยพฤกษ์และถ.แจ้งวัฒนะ เปิดการขายเฟสใหม่ใน ราคา 4.59 – 6 ล้านบาท* หลังได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า ปิดการขายเฟสแรกทันทีในวันพรีเซลล์ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาในเดือน มิถุนายนนี้
แสนสิริยังได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ สราญสิริ “บ้านเดี่ยวหลังแรกของครอบครัว” ภายใต้แนวคิด “WHERE THE LOVE EXPANDS” 2 โครงการใหม่ได้แก่ โครงการ สราญสิริ บางนา บ้านเดี่ยวสไตล์ Urban Farmhouse ที่มาพร้อมฟังก์ชันใหม่ล่าสุด เพิ่มพื้นที่ความสุขให้มากขึ้น ในบรรยากาศทะเลสาบกว่า 3 ไร่รายล้อมด้วยธรรมชาติ บ้านทุกหลังออกแบบตอบโจทย์ทุกการใช้พื้นที่ของทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว โดยมีแบบบ้านที่รองรับทุก Generationทั้งหมดถึง 5 แบบบ้าน พื้นที่ใช้สอย 153 – 333 ตารางเมตร จำนวนทั้งสิ้น 246 ยูนิต ระดับราคา 6 – 12 ล้านบาท*
โครงการ สราญสิริ พระราม 2 สไตล์ Modern Farmhouseกับฟังก์ชันพิเศษ อาทิ Enclosed Balcony, Bay Window, Connecting Living Area มีแบบบ้านให้เลือกถึง 4 แบบบ้าน พื้นที่ใช้สอย 162 – 203 ตารางเมตรมีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนเพียง 135 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และการเดินทางที่ใกล้ทางด่วน เข้าสู่ย่าน CBD อย่างง่ายดายราคาเริ่มต้น 8 – 12 ล้านบาท* ทั้งนี้ทั้ง 6 โครงการใหม่ พร้อมเปิดให้เข้าชมโครงการในเดือนมิถุนายนนี้
“ตลาดอสังหาฯ ครึ่งหลังปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงได้รับการตอบรับที่ดีและมีความต้องการมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิดที่ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยเปลี่ยนไป ซึ่งจะส่งผลให้โครงการแนวราบเติบโตดีในทุก segment ระดับราคาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดลักซ์ชัวรี บ้านเดี่ยวระดับบน จะเห็นการขยายตัวที่ชัดเจน จากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่ดี แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งโรงพยาบาล, คอมมูนิตี้ มอลล์ และโรงเรียน เป็นปัจจัยอันดับแรกที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยระดับบนจะมองหาเมื่อตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยจากพฤติกรรมที่มองว่าที่อยู่อาศัย ต้องเอื้อต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกและคนในครอบครัวด้วย “
ทั้งนี้ แสนสิริเดินหน้าเปิดโครงการแนวราบตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งมั่นใจว่า จะสร้างผลงานยอดขายโครงการแนวราบได้ 24,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้จากยอดขายโครงการแนวราบล่าสุดที่ทำได้ถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบ 30% และคิดเป็นกว่า 40% จากเป้าหมายยอดขายแนวราบในปีนี้
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีโครงการที่จ่อคิวปิดการขายอีก 3 โครงการ อาทิ คณาสิริ ราชพฤกษ์ – 346, ฮาบิเทีย ออร์บิต หทัยราษฎร์ และฮาบิเทีย ไพรม์ ราชพฤกษ์รวมทั้งอีกหลายโครงการที่เตรียม Sold Out ในช่วงครึ่งปีหลัง อันจะส่งผลให้รายได้ของแสนสิริเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญจากโครงการแนวราบที่ได้รับการตอบรับที่ดีรวมทั้งโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่จะทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าได้อีกจำนวนมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.32 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”
กรุงไทย ค่าเงินบาทยังอ่อนค่า ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง แนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องจากวันหยุด Juneteenth แต่ผู้เล่นในตลาดการเงินก็ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยง หนุนให้สินทรัพย์เสี่ยง อย่าง หุ้น สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ หลังจากหุ้นส่วนใหญ่ต่างเผชิญแรงเทขายรุนแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวหนัก หากบรรดาธนาคารกลางต่างเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ โดยในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป รีบาวด์ขึ้นมาราว +0.96% นำโดยการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มพลังงาน และหุ้นเทคฯ อาทิ HSBC +5.7%, BP +3.2%, ASML +1.8%
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ การเคลื่อนไหวโดยรวมยังเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ ปิดทำการ ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนอาจเริ่มทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวมากขึ้น หลังจากที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก และหากมีมุมมองว่า การขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยในกรณีเลวร้ายสุด บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็จะสามารถทยอยปรับตัวลดลงได้ อย่างไรก็ดี เรามองว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวจะยังมีความผันผวนอยู่ จากความไม่แน่นอนของแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าจะขึ้นไปได้สูงสุดเท่าใด (Terminal Rate สุดท้ายจะอยู่ตรงไหน)
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) แกว่งตัวใกล้ระดับ 104.4 จุด ตามภาวะการทยอยเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด รวมถึงการกลับมาแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินฝั่งยุโรป อาทิ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ที่แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.225 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ส่วนเงินยูโร (EUR) ก็ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.053 ดอลลาร์ต่อยูโร อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด รวมถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ยังคงผ่อนคลายสวนทางกับการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ แม้เงินดอลลาร์จะย่อตัวลงบ้าง แต่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดยังคงกดดันให้ราคาทองคำแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่า ราคาทองคำอาจมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways จนกว่าตลาดจะมีความมั่นใจในแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดก่อน
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก โดยในฝั่งของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด นั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของ Loretta Mester (FOMC Voter) เพื่อประเมินมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางการปรับดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากล่าสุดหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ที่มีสิทธิ์โหวต Christopher Waller ได้ออกมาสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ นอกเหนือจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของ ECB หลังช่วงที่ผ่านมา บรรดาเจ้าหน้าที่ ECB ได้ส่งสัญญาณสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากระดับเงินเฟ้อของยุโรปนั้นอยู่ในระดับสูงเกินกว่าเป้าหมายไปมาก
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า แม้เงินบาทจะพอได้แรงหนุนในฝั่งแข็งค่า จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์รวมถึงภาพตลาดการเงินที่ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น แต่โดยรวมเงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวน โดยแรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่านั้น อาจมาจากแรงขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี ในฟันด์โฟลว์ในฝั่งบอนด์เริ่มชะลอการขายลงบ้างแล้ว หลังผู้เล่นบางส่วนเริ่มมองว่า บอนด์ยีลด์ที่ขึ้นสูงไปก่อนหน้านั้น ได้สะท้อนภาพการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยมากเกินไป อย่างไรก็ดี ความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติจะมีส่วนทำให้เงินบาทยังมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าต่อได้ในช่วงนี้
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีแนวต้านอยู่ในโซน 35.ภ0-35.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนรอทยอยขายเงินดอลลาร์อยู่ ทั้งนี้ เราคงมองว่า เงินบาทจะยังไม่อ่อนค่าทะลุระดับดังกล่าวไปไกลมาก ยกเว้นจะเกิดภาพเทขายสินทรัพย์ฝั่ง EM Asia ที่อาจเกิดขึ้นได้ หากจีนตัดสินใจ Lockdown วงกว้างอีกครั้ง
อนึ่ง ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราคงแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.20-35.40 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
Scoop : Generation ใหม่ของวงการว่ายน้ำไทย ในศึกชิงแชมป์โลก 2022
เมื่อปี 2019 ทีมว่ายน้ำไทยส่งนักว่ายน้ำทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันว่ายน้ำชิงแชมป์โลกทั้งหมด 6 คน ผ่านมา 3 ปี จำนวนนักว่ายน้ำที่ไทยส่งเข้าแข่งขัน รายการชิงแชมป์โลกเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 9 คน ซึ่งทั้ง 9 คน นั้นมีแค่ นวพรรษ วงค์เจริญ กับเจนจิรา ศรีสะอาดเท่านั้น ที่เหลือรอดมาจากชุดปี 2019 และยังมีนักว่ายน้ำทีมชาติไทยชุดนี้ถึง 4 คน ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และโดยคนที่เด็กที่สุดมีอายุเพียง 14 ปี ดังนั้นถ้าจะกล่าวว่า ศึกว่ายน้ำชิงแชมป์โลกประจำปี 2022 คือ ศึกเปิดตัวในเวทีระดับโลกของเหล่านักว่ายไทย Generation ใหม่ ก็ต้องถือว่าไม่ใช่คำกล่าวที่เกินเลยไปเลย
New Generation ใหม่ของว่ายน้ำไทย พร้อมพิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับโลก
ต่อยอดจากผลงานอันยอดเยี่ยมใน ซีเกมส์ 2021 ที่เวียดนาม ที่ถูกขยับมาแข่งปี 2022 ของเหล่ากลุ่มเด็กดาวรุ่ง Generation ใหม่ ของวงการว่ายน้ำไทย อย่าง จินห์จุฑา ผลแจ่มจำรัส, กมนชนก ขวัญเมือง, ต้นน้ำ กันตีมูล, รัฐวิทย์ ธรรมนันทโชติ, ดุลยวัต แก้วศรียงค์ และญารินดา สุนทรรังษี พวกเขาจะได้โอกาสในการพิสูจน์ฝีมือในเวทีระดับชาติอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้มันจะเป็นการเปิดซิงในเวทีระดับโลก (สระยาว 50 เมตร) ครั้งแรกของพวกเขาทั้ง 6 คน ซึ่งในการแข่งขันในรอบนี้ ดาวรุ่งทั้ง 6 คน ก็จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในรายการว่ายน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกใบนี้ โดยแต่ละคนมาด้วยเหตุผล และสถานะที่ต่างกัน โดยเวทีนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ชั้นดีว่า กลุ่มนักว่ายน้ำดาวรุ่งของไทยที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีหลัง จะทำได้ดีแค่ไหน และยังมีช่องว่างระยะห่างอีกแค่ไหน ในเวทีระดับโลก
– จินห์จุฑา ผลแจ่มจำรัส เดินหน้าเก็บประสบการณ์ในเวทีระดับโลกอีกครั้ง
บูดาเปสต์ 2022 หรือศึกว่ายน้ำชิงแชมป์โลก 2022 ไม่ใช่รายการระดับโลกครั้งแรกของ โมจิ จินห์จุฑา ผลแจ่มจำรัส ถึงเธอจะมีอายุแค่ 17 ปี แต่เธอเคยผ่านรายการชิงแชมป์โลกสระสั้นปี 2021 เมืองอาบูดาบี ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาก่อนแล้ว แต่รายการนี้จะเป็นการแข่งขันชิงแชมป์โลกสระยาวครั้งแรกของเงือกสาววัย 17 ปี ผู้นี้ ซึ่งน่าจะเพิ่มพูนประสบการณ์ในการว่ายน้ำของเธอให้มากขึ้นไปอีก หลังจากผ่านซีเกมส์มาได้อย่างน่าประทับใจทั้ง 2 สมัย รอบนี้มาเก็บประสบการณ์ในศึกชิงแชมป์โลกเพิ่ม พร้อมโบนัสพิเศษที่ เธออาจได้เจอกับไอดอล ในการว่ายน้ำของเธออย่าง คาทินก้า ฮอสซู นักว่ายน้ำเจ้าภาพเป็นครั้งแรก น่าจะทำให้เธอเติมเชื้อไฟ กลับมาไล่ล่าเหรียญรางวัลในรายการระดับชาติให้กับทีมชาติไทยไปได้อีกหลายปี
– กมนชนก ขวัญเมือง พกตำแหน่งเหรียญทองซีเกมส์ มาต่อยอดผลงาน
เนย กมนชนก ขวัญเมือง อีกหนึ่งเงือกสาววัย 17 ปีของทีมชุดนี้ ที่มารอบนี้พกดีกรีเหรียญทองซีเกมส์ในท่าเดี่ยวผสม 400 เมตรหญิงติดมาด้วย ในซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมาเธอเจอปัญหาเยอะมาก ทั้งติดโควิดก่อนแข่ง ทั้งโดนขโมยอุปกรณ์ในห้องแต่งตัวตั้งแต่วันแรก ๆ หรือแม้กระทั่งแพ้แตะในจังหวะเข้าเส้นแบบค้านสายตา ถึงปัญหาจะรุมเร้า แต่ก็ยังรวมสมาธิคว้าเหรียญทองมาครองได้ เรียกได้ว่าเธอเติบโตแบบเต็มขั้น สลัดภาพดาวรุ่งกลายมาเป็นตัวหลักของทีมว่ายน้ำสาวไทยไปแล้ว แถมรอบนี้ยังได้ทำงานกับโค้ชคู่ใจชาวฝรั่งเศสอย่าง ซาเวียร์ อีดุ๊ แบบต่อเนื่อง น่าจะทำผลงานต่อยอดได้อย่างน่าประทับใจอีกครั้ง ทั้งการทำลายสถิติส่วนตัว และสถิติประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจ และเตรียมความพร้อมไว้ สู้ต่อในซีเกมส์ และเอเชียนเกมส์ในปีหน้า
– ต้นน้ำ กันตีมูล เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเอง
ฉลามหนุ่มวัย 17 ปี จากแดนเหนือ อีกหนึ่งสมาชิกนักว่ายน้ำเด็ก Class of 2548 ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดเหลือเกินในรอบ 2 หลัง ทำลายสถิติประเทศไทยนับไม่ถ้วน รวมถึงติดทีมไปแข่งชิงแชมป์โลกสระสั้น ติดซีเกมส์สมัยแรกพร้อมกับหยิบเหรียญได้เลย เขาได้ความสำเร็จไปเกือบทุกอย่างที่นักว่ายน้ำเด็กผู้ชายวัย 17 ปีคนหนึ่งจะฝันได้แล้ว ศึกชิงแชมป์โลก 2022 ในครั้งนี้ น่าจะเป็นการเติมเต็มอีกหนึ่งความฝันของเจ้าตัวในการว่ายน้ำรับใช้ชาติ และเชื่อว่าเจ้าตัวน่าจะพร้อม สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง และประเทศไทยอีกครั้ง
– รัฐวิทย์ ธรรมนันทโชติ ขอลบความผิดหวังด้วยผลงาน
ถ้าถามว่าใครผิดหวังที่สุดของทีมว่ายน้ำไทย ในซีเกมส์ 2021 ที่ผ่านมา คำตอบคือ เป้ รัฐวิทย์ ธรรมนันทโชติ ฉลามหนุ่มวัย 20 ปี ผู้ซึ่งมุ่งมั่นเหลือเกินกับการคว้าเหรียญทองให้ได้ในซีเกมส์สมัยที่ 2 ในชีวิต แต่เขาก็ต้องกลับบ้านมือเปล่าอีกครั้ง คงไม่มีอะไรลบความผิดหวังในการแข่งขันได้ดีเท่ากับ ทำให้ตัวเองสมหวังในการแข่งขันจริง ๆ เพราะฉะนั้น เวทีชิงแชมป์โลก ซึ่งเป็นเวทีใหญ่ที่สุดของวงการว่ายน้ำโลก รายการนี้แหละ เหมาะที่สุด ที่ฉลามเป้ จะใช้ลบความผิดหวังในซีเกมส์ทั้ง 2 สมัย ยิ่งมีคู่แข่งนักว่ายน้ำอาเซียนที่โชว์ฟอร์มดีในซีเกมส์มาด้วย เป้น่าจะใช้โอกาสนี้สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และวัดระดับกับคู่แข่งอีกครั้ง จริงอยู่มันอาจไม่ได้ลุ้นเหรียญรางวัลใด ๆ แต่ถ้าเรียกฟอร์มเดิม หรือกลับมาว่ายทำลายสถิติของตัวเองได้ ก็น่าจะสร้างความมั่นใจในการกลับมาไล่ล่าเหรียญรางวัลเหรียญแรกในระดับทีมชาติชุดใหญ่ของตัวเองให้ได้สักที
– ดุลยวัต แก้วศรียงค์ จอม Surprise แห่งทัพว่ายน้ำไทย
ฉลามจัส วัย 20 ปี สร้าง Surprise มาก ๆ ในการแข่งขันซีเกมส์ 2021 ที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่เป็นการติดทีมชาติไทยชุดใหญ่รายการแรกด้วยซ้ำ เขาเป็นกำลังสำคัญให้ทีมผลัดชาย พร้อมคว้าเหรียญเงินท่าเดี่ยวผสม 200 เมตรชาย โดยทำลายสถิติประเทศไทยของ เจมส์ บอนด์ ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ท่านี้ตอนแรกไม่มีใครหวังมาก่อนเลย ชิงแชมป์โลกครั้งนี้ จัสจะได้ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นรายการที่ 2 ซึ่งก็ข้ามเลเวล มาเป็นรายการระดับโลกเลย ต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิดว่า ฉลามจัส นักว่ายน้ำ Feel Good จะสร้าง Surprise อะไรให้กับทัพว่ายน้ำไทยได้อีกหรือไม่ในครั้งนี้
– ญารินดา สุนทรรังษี น้องเล็กแห่ง ทัพว่ายน้ำไทย
น้องจีน ญารินดา สุนทรรังษี เงือกสาววัย 14 ปี ปิดฉากซีเกมส์ครั้งแรกในชีวิตได้เหมือนฝันเลย ทั้ง ๆ ที่ยังมีคำนำหน้าว่าเด็กหญิงด้วยซ้ำไป แต่ก็สามารถคว้าเหรียญรางวัลรายการระดับซีเกมส์มาได้แล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการเปิดฉากชีวิตการรับใช้ชาติตอนใหม่ ถึงแม้จะยังเป็นน้องเล็กสุดเหมือนเช่นเคย แต่เชื่อว่า การแข่งขันว่ายน้ำชิงแชมป์โลกครั้งนี้ น้องจีน ญารินดา สุนทรรังษี พร้อมพิสูจน์ตัวเอง ว่าเธอคือเงือกสาวกำลังสำคัญ ของทีมว่ายน้ำไทย Generation ใหม่ ในอนาคต
แน่นอนรายการชิงแชมป์โลก อาจไม่ใช่รายการที่ทัพนักว่ายน้ำไทยจะไปลุ้นเหรียญรางวัลอะไร แต่เชื่อว่านักว่ายน้ำไทยสายเลือดใหม่หลาย ๆ คน คงมีเป้าหมายส่วนตัว ที่หวังจะทำให้สำเร็จ ทั้งการทำลายสถิติของตัวเอง ทำลายสถิติประเทศไทย หรือทำเวลาให้ผ่านเกณฑ์ไปรายการระดับทวีปอย่าง เอเชียนเกมส์ ซึ่งผลงานที่ดีของเด็ก ๆ เหล่านี้ นอกจากจะสำคัญกับตัวพวกเขาเองแล้ว ยังสำคัญมากต่อศรัทธาของประชาชนต่อ วงการว่ายน้ำไทย ที่กำลังจะกลับมา หลังจากทีมว่ายน้ำไทยทำผลงานได้ดีในซีเกมส์ครั้งที่มา งานนี้ต้องมาลุ้นกันว่า ผลงานของพวกเขาจะเป็นการเติมเชื้อไฟพลังศรัทธาให้ลุกโชติช่วงยิ่งขึ้น หรือว่าจะกลับไปริบหรี่ใกล้มอด เหมือนเกือบ 10 ปีหลังที่ผ่านมา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เช็ก 11 อาการเสี่ยง “สมองเสื่อม” ไม่แก่ก็เป็นได้
แพทย์หญิงพิมลพรรณ วิเสสสาระกูล แพทย์เฉพาะทางอายุรแพทย์ประสาทวิทยา โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและการทำงานของตัวผู้ป่วยเอง รวมถึงผู้ดูแลที่ต้องรับหน้าที่หนักเพิ่มขึ้น
การสังเกตอาการและปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อาจนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว เป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยและญาติ
ภาวะสมองเสื่อม คืออะไร
ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะที่สมองมีการทำงานแย่ลงจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน เช่น หลงลืม หลงทางที่ใช้อยู่เป็นประจำ คิดคำนวณเงินผิดพลาด บวกลบเลขง่ายๆไม่ได้ จำไม่ได้ว่าวางสิ่งของไว้ที่ไหน การตัดสินใจในภาวะต่างๆแย่ลง รวมถึงการมีพฤติกรรมที่ผิดแผกไปจากเดิม เช่น ทำอะไรซ้ำๆ พูดอะไรซ้ำๆ
สาเหตุของภาวะสมองเสื่อม
- แบบที่รักษาได้ ซึ่งจำเป็นต้องสืบค้น เพื่อให้การรักษา
- โรคทางกาย เช่น โรคไทรอยด์ การติดเชื้อซิฟิลิสในสมอง โรคขาดวิตามินบี 12 หรือโฟลิค ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- โรคทางสมอง เช่น มีเลือดออกในสมอง น้ำคั่งในโพรงสมอง หรือเนื้องอกสมอง โรคพาร์กินสัน
- ภาวะอื่นๆ เช่น การใช้ยาประจำบางชนิด หรือ โรคซึมเศร้า
- แบบที่ไม่หายขาด
- สมองเสื่อมอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
- หลอดเลือดสมองตีบ ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับความจำ (vascular dementia)
เช็ก 11 อาการเสี่ยง “สมองเสื่อม” ไม่แก่ก็เป็นได้
อาการของสมองเสื่อม อาจจะเกิดในระยะเวลาไม่นานหรือใช้เวลานานเป็นเดือนหรือปีก็ได้ ขึ้นกับสาเหตุ
- พูดหรือถามเรื่องเดิมที่เพิ่งเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยมักจะยังจดจำความจำเรื่องเก่าๆในอดีตได้
- สับสนเรื่องวันเวลาสถานที่
- ทำอะไรซ้ำๆ เช่น เก็บของแล้ว รื้อออกมาเก็บใหม่
- วางของทิ้งไว้แล้วหาไม่เจอ
- หลงทางในเส้นทางที่ใช้อยู่เป็นประจำ
- คิดเงินหรือทอนเงินผิดพลาดไป
- ลืมเหตุการณ์หรือนัดสำคัญๆ
- การตัดสินใจผิดพลาดมากขึ้น
- อารมณ์ หรือบุคลิกเปลี่ยนไป เช่น เชื่องช้า หรือก้าวร้าวหงุดหงิดง่ายมากขึ้น
- ใช้คำพูดผิด หรือนึกคำไม่ออกบ่อยๆ
- ช่วยเหลือตัวเองในเรื่องกิจวัตรประจำวันได้ลดลง ต้องมีคนคอยช่วยเหลือ เช่น กินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน
การวินิจฉัยสมองเสื่อม
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย ซึ่งโดยทั่วไปผู้ป่วยมักให้ข้อมูลได้ไม่ครบถ้วนเนื่องจากมีอาการหลงลืม จึงควรพาญาติใกล้ชิดหรือคนที่อยู่ดูแลประจำมาร่วมในการซักประวัติด้วย
- การตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการ
- การตรวจโดยใช้แบบทดสอบความจำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI brain) หรือ PET scan
การรักษาสมองเสื่อม
- รักษาตามสาเหตุ ถ้าเป็นสาเหตุที่สามารถรักษาได้
- ถ้าวินิจฉัยเป็นสมองเสื่อมแบบอัลไซเมอร์ โดยปกติ จะใช้ยาในการประคับประคอง ให้อาการไม่ทรุดลงเร็วมาก ซึ่งมักจะได้ผลดีเมื่อเริ่มให้ในระยะแรกๆ ร่วมกับการฝึกพัฒนาสมอง (cognitive training)
- การรักษาปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมจากตัวโรค เช่น โวยวาย ก้าวร้าว ด่าทอหยาบคาย ไม่ให้ความร่วมมือกับผู้ดูแล ซึ่งการแก้ไขจำเป็นต้องได้รับการปรับเปลี่ยนรูปแบบและความเข้าใจในตัวโรคของผู้ดูแล หรืออาจต้องใช้ยาร่วมด้วยเพื่อลดอาการ
- การดูแลผู้ดูแลผู้ป่วย เนื่องจากการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม มักส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้ดูแลโดยตรง อาจทำให้เกิดความเครียด ห่อเหี่ยว และทุกข์ใจ ดังนั้นการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ดูแลจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ดูแลและยังช่วยให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้ดีมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
30 สำนวนในภาษาอังกฤษที่เจอบ่อยใน TOEIC
วันนี้แอดมินได้รวบรวมสำนวน หรือ Idioms ในภาษาอังกฤษที่พบบ่อยมากในข้อสอบโทอิคมาฝากกันค่า ถ้าหากสำนวนไหนไม่เคยผ่านตาเราเลย เราอาจจะเป็นงงในการสอบได้ค่ะ อย่างน้อยถ้าหากเคยผ่านตาเราบ้าง ก็จะช่วยให้การสอบนั้นง่ายขึ้นเยอะเลย ลองไปดูกันเลยค่า
Act your age
= เลิกทำตัวเป็นเด็กซะที
After all แปลว่า
= อย่างไรก็ดี
Alive as well
= เป็นสุขสบายดี
All over the place
= ทั่วทุกที่
Arrive on time
= มาถึงตรงเวลา
Behind (someone)’s back
= พูดหรือกระทำโดยอีกคนหนึ่งไม่รู้ตัว
Be my guest
= พูดหรือทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจกัน
Bless you
= ขอให้หายเร็วๆ
Bored to death
= เบื่อมาก, เบื่อจนจะตายอยู่แล้ว
Business as usual
= ทุกอย่างเป็นปกติ
Bye for now
= แค่นี้ก่อนนะ
Call it a day
= เลิกงาน, เลิกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
Can’t be bad
= ไม่เลวเลย
Chill out
= สงบสติอารมณ์
Come across
= พบเจอโดยไม่ได้ตั้งใจ
Drop by / stop by
= แวะ
Eat your heart out
= อิจฉามั้ยล่ะ
Give (someone) a ride
= ขับรถไปส่ง(ใครบางคน)
Give me a break
= ให้โอกาสหน่อยสิ, ขอทีเถอะ
In advanced = ล่วงหน้า
In good condition
= อยู่ในสภาพดี
Keep in mind
= จำไว้, อย่าลืม
Let (someone) down
= ทำให้(ใครบางคน)ผิดหวัง
Run out of (something)
= หมด, ไม่เหลือ
Out-of-date = ล้าสมัย, เชย
Pick (someone) up
= ไปรับ
Place an order
= สั่งซื้อสินค้า
Take a day off
= ลาหยุด
Take it easy
= อย่าอารมณ์เสีย, อย่าเครียด
Without notice
= โดยไม่แจ้งให้ทราบ
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ครั้งแรกของไทย! ผนึกเครือข่ายรัฐ-เอกชน จัดงาน “เวิลด์ โรโบคัพ 2022”
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ผนึกภาคีเครือข่ายสถาบันการศึกษา สาขาวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมเปิดศึกการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ในกิจกรรมการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก ครั้งที่ 25 ในงานมหกรรม “World RoboCub 2022” พร้อมกับสีสันนวัตกรรมโรโบติกส์ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 13 – 17 กรกฎาคม 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา
ดร.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า การร่วมเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม “การแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก ครั้งที่ 25” หรือ World RoboCup 2022 ถือเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทย และเป็นแนวทางที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการยกระดับสินค้าและบริการด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ผ่านการเฟ้นหาผู้ที่มีความสามารถที่เข้าร่วมในกิจกรรม โดยงานในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์ไม่ต่ำกว่า 3,000 ราย จากทั้งหมด 45 ประเทศ และมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 15,000 ราย
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประธานการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ RoboCup 2022 กล่าวว่า การแข่งขันในครั้งนี้ประกอบด้วยการแข่งขันทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ การแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ หุ่นยนต์กู้ภัย หุ่นยนต์ในบ้านเพื่อการบริการส่วนบุคคล หุ่นยนต์และแขนกลเพื่องานอุตสาหกรรม และโครงการริเริ่มด้านการศึกษาที่มุ่งเน้นการสนับสนุนกิจกรรมหุ่นยนต์ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติสำหรับเด็กนักเรียนรุ่นเยาว์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เด็กไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้งานหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ
“เพื่อให้การดำเนินงานในด้านอุตสาหกรรมหุ่นยนต์มีการเติบโคที่ดียิ่งขึ้น ในปีนี้จึงได้มีการจัดตั้งสมาคมหุ่นยนต์โรโบคัพประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งในฐานะองค์กรอิสระ และมีเป้าหมายเพื่อการเรียนรู้และผลิตกำลังคนด้านหุ่นยนต์ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงงาน World RoboCup 2022 ที่จะถูกจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2565 นี้ นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ พร้อมยกระดับมาตรฐานและความสามารถของหุ่นยนต์ของไทยให้สูงขึ้น พร้อมมุ่งสนับสนุนความร่วมมือด้านวิชาการกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจากภายในและต่างประเทศ ตลอดจนวางนโยบายในการผลิตกำลังคนด้านอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายความต้องการของประเทศและสังคม” รองศาสตราจารย์ ดร.จักรกฤษณ์กล่าว
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ่นยนต์และโรโบติกส์มีบทบาทและทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมในประเทศไทย และการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นเวทีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของภูมิภาค ตลอดจนการเติบโตของระบบนิเวศไอซีทีที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
ภายในงานจะประกอบด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ รวมทั้งหุ่นยนต์ที่เตรียมลงแข่งขันแต่ละลีกในงาน RoboCup 2022 อาทิ หุ่นยนต์กู้ภัย ที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้ช่วยในภารกิจกู้ภัย มีความสามารถในการค้นหาผู้รอดชีวิตหรือผู้เสียชีวิตที่ตกค้างอยู่ในซากปรักหักพังต่าง ๆ ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึง นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ในบ้านเพื่อการบริการส่วนบุคคล ที่มีความสามารถในการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล รวมทั้งหุ่นยนต์ที่จะลงแข่งขันเตะฟุตบอลหุ่นยนต์ ที่มีลักษณะใกล้้เคียงกับมนุษย์
พร้อมกันนี้ ผู้ชมยังจะได้พบกับสินค้านวัตกรรมจากคนไทย การจัดแสดงระบบพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หุ่นยนต์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์โลจิสติกส์ หุ่นยนต์ทางการแพทย์และเภสัชกรรม หุ่นยนต์ก่อสร้างและตรวจสอบเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ ICT ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://2022.robocup.org/index.php หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/RoboCup2022
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เมล็ดเจีย ธัญพืชสำหรับลดความอ้วนได้ผล
สาวกคนรักสุขภาพต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่า เมล็ดเจีย นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับใครที่ไม่เวลาพาตัวเองเข้าไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส เพราะสุขภาพที่ดีหาซื้อไม่ได้ ถ้าอยากได้ต้องทานเอง นั่นเป็นเหมือนสโลแกนที่ทำให้ใครต่อใครต้องหันกลับมาดูแลสุขภาพกันอย่างเข้มข้น เป็นเพราะว่าทุกวันนี้การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก งานเยอะ ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ปล่อยให้ร่างก่ายอ้วนฉุดูไม่ดี
“เมล็ดเจีย” หรือ “เมล็ดเชีย” เป็นธัญพืชที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเม็ดแมงลัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าจะมีสีออกดำคล้ายๆ กันแต่ เมล็ดเจีย มีขนาดเล็กกว่ามาก เชื่อกันว่าธัญพืชชนิดนี้เป็นอาหารหลักของชาวแอชแท็กโบราณและชาวมายา ซึ่งคุณประโยชน์ที่ได้ไม่ได้เล็กไปตามขนาดของมัน ให้พลังงานสูง ซึ่งชาวโบราณนิยมรับประทาน เมล็ดเจีย ก่อนออกไปทำศึกสงคราม หรืออาจเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก ในปัจจุบัน เมล็ดเจีย กำลังได้รับความนิยมจากผู้ที่ห่วงใยในสุขภาพ และหันมาออกกำลังกายเพื่อรักษารูปร่างให้ดูเป๊ะ เป็นหนึ่งในสูตรอาหารสำหรับลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะมาพาทำความรู้จักกับธัญพืชชนิดนี้ให้มากขึ้นกัน
เมล็ดเจีย หรือ เมล็ดเชีย (Chia Seed)
จัดเป็นพืชในกลุ่มเครื่องเทศตระกูลเดียวกัน “มินต์” และ “กะเพราะ” มีถิ่นกำเนิดทางตอนกลางไปจนถึงตอนใต้ของประเทศเม็กซิโกและกัวเตมาลา เป็นพืชที่มีอายุมากกว่า 3,500 ปีก่อนคริสตกาล มีการจัดว่าพืชชนิดนี้เป็น “Super Food” หรืออาหารระดับโลกเลยทีเดียว เนื่องมากจากว่าเป็นพืชที่ได้รับความนิยมรับประทานไปทั่วโลก เพราะด้วยสรรพคุณที่ช่วยในด้านการลดน้ำหนักและคุณประโยชน์อีกนับไม่ถ้วนอยู่ภายในเมล็ดเล็กๆ นี้
ด้วยลักษณะของ เมล็ดเจีย ที่พอมองเผินๆ แล้วอาจคิดว่าเป็นเม็ดแมงลัก แต่จริงๆ แล้วเป็นพืชคนละชนิดกัน โดยสามารถสังเกตลักษณะภายนอกของ เมล็ดเจีย จะเรียวรี มีสีน้ำตาลเทา เมื่อแช่น้ำจะเกิดการพองตัว มีลักษณะใส ส่วนเม็ดแมงลักนั้นจะมีสีดำเข้ม เมื่อแช่น้ำจะพองตัวมีลักษณะเป็นเมือกขาวขุ่น นอกจากนี้ภายใน เมล็ดเจีย ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน พลังงาน น้ำ ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซิงก์ โซเดียม วิตามินเอ วิตามินบี 1 ถึงบี 3 และบี 6 ตลอดจนโฟเลต กรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว เป็นต้น ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นตัวช่วยในการลดน้ำได้อย่างดีอีกด้วย นับได้ว่า เมล็ดเจีย เป็นทั้งพืชและสมุนไพรไปในคราวเดียวกัน
เมล็ดเจียกินกับอะไรดี
เมล็ดเจียสามารถรับประทานได้ทั้งแบบอาหารคาว อาหารหวาน หรือจะประยุกต์ทำเป็นเครื่องดื่มได้ อาจใส่ทานกับสลัดผัก สปาเก็ตตี้ หรือพิซซ่า ตลอดจนโรยตกแต่งหน้าไอศกรีม โยเกิร์ต ซีเรียลอาหารเช้า หรือแม้กระทั่งใส่ในน้ำผลไม้ ชา กาแฟได้อีกสารพัดตามความชอบ
ค่าทางอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดเจีย
การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ คุณค่าทางอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดเจียสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ แต่นั่นต้องทำไปพร้อมกับการออกกำลังกาย และทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ
- ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
- ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว ไม่ติดเชื้อจากบาดแผลง่าย
- ช่วยให้ห่างไกลจากโรคเบาหวานประเภท 2
- ช่วยบำรุงสมองและความจำ
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้น
- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้เป็นปกติ
- ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น พุงไม่ป่อง ท้องไม่ผูก
- ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น
- ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย (ช่วยให้หน้าเด็ก)
ผู้ที่ไม่ควรทานเมล็ดเจีย
- ผู้ที่มีปัญหาในระบบกระเพาะอาหารและลำไส้
- ผู้ที่เป็นโรคแพ้โปรตีนในธัญพืช (กลูเตน)
- ผู้ที่ทำศัลยกรรมและประวัติแพ้ยาแอสไพริน
- ในผู้ชายหากรับประทานมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์
- ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ เพราะอาจทำให้ช็อก หรือหมดสติไปได้
- ไม่ควรรับประทานร่วมกับวิตามินบี 17 ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจสะสมเป็นสารพิษขึ้นในร่างกายก่อเกิดโรคมะเร็งได้
แต่ถ้าหากใครที่ได้อ่านบทความนี้แล้วยังเกิดความไม่มั่นใจว่า “เมล็ดเจีย” นั้นจะช่วยทำให้สุขภาพของเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ เราขอยก 6 เหตุผลที่คุณควรจะออกตามหาเมล็ดเจียมารับประทานเพื่อสุขภาพที่ดี เพื่อรูปร่างที่ดูสวยหล่อจนใครๆ ต้องมองตาม
1. ช่วยในการลดน้ำหนัก
ด้วยเส้นใย 11 กรัม บวกกับโปรตีน 4.4 กรัมที่มีอยู่ในเมล็ดเจีย จะช่วยให้เรื่องการลดน้ำหนักดูง่าย ไม่ทรมานร่างกายตัวเองอีกต่อไป เพราะพืชชนิดนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น โดยที่เมล็ดเจียสามารถดูดซึมน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึง 10 เท่า สามารถนำไปใส่ในเครื่องดื่มสมูธตี้และขนมอบต่างๆ ได้ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่ารับประทานมากจนเกินไป เพราะด้วยคุณสมบัติของเส้นใยอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดเจียอาจทำให้ท้องไส้ของคุณปั่นป่วนได้
2. มีแคลเซียมที่มากกว่านม
การทานเมล็ดเจียเข้าไปเพียงหนึ่งหน่วยบริโภคก็จะได้รับแคลเซียมมากกว่านมถึงเกือบร้อยละ 20 ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ถือได้ว่าเมล็ดเจียคือทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ดื่มนม หรือไม่สามารถดื่มนมได้ การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอจะช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นได้อีกด้วย
3. พิชิตความเครียด
ภายในเมล็ดเจียมีสารอหารที่จำเป็นอยู่หนึ่งชนิดซ่อนอยู่ นั่นก็คือ แมกนีเซียม ซึ่งจะช่วยรักษาระดับฮอร์โมนคอร์ติชอลให้ต่ำอยู่เสมอ หากระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำก็เป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะและเหนื่อยล้าง่าย นอกจากนี้ เมล็ดเจียยังอุดมไปด้วย ทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโน ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนินที่ต่อสู่กับความเครียดได้เป็นอย่างดี
4. ผิวพรรณผ่องใส
ภายในเมล็ดเจียมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีมากกว่าในปลาแซลมอน ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย อีกทั้งไขมันดังกล่าวจะช่วยบำรุงผิวหนัง เส้นผมและเล็บ ที่สำคัญยังช่วยลดอาการอักเสบบวมแดง รวมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้อีกด้วย
5. ลดอาการบวม
หากใครที่ชอบรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัดประเภทเติมเกลือ หรือน้ำปลาลงไปอย่างไม่กำหนดลิมิต อาจจะไม่ทำให้คุณดูอ้วน แต่มันจะทำให้คุณกลายเป็นคนบวมน้ำ แนะนำให้เคี้ยวเมล็ดเจียหลังจากที่รับประทานอาหารทันที เพราะสารโปแตสเซียมในเมล็ดเจียที่มีมากกว่ากล้วยถึง 2 เท่า จะช่วยลดอาการบวมน้ำลงได้ เนื้อหนังของคนก็จะดูสุขภาพดีจนเห็นได้ชัด
6. ต่อต้านอนุมูลอิสระ
หนึ่งหน่วยบริโภคของเมล็ดเจียประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 3 เท่า ซึ่งสารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพในการช่วยให้เซลล์ในร่างกายต่อสู่กับสารอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กินเมล็ดเจียแล้วทำไมท้องอืด ท้องผูก?
เมล็ดเจีย ถึงแม้ว่าจะเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่สำหรับบางคนเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วเกิดอาการอึดอัด ท้องอืด ท้องผูกตามมา หรือในบางวันกลับมีอาการขับถ่ายลำบาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการรับประทานเมล็ดเจียเข้าไปต้องช่วยให้เราขับถ่ายได้สะดวก โดยอาการที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากสาเหตุหลัก 2 อย่าง คือ การรับประทานเมล็ดเจียผิดวิธี หรือ ร่างกายไม่ตอบรับต่อธัญพืชชนิดนี้
วิธีการรับประทานเมล็ดเจีย
สำหรับการรับประทานเมล็ดเจียนั้นทำได้ทั้งแบบแห้ง และแบบแช่น้ำ ซึ่งคนที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก ท้องอืด หรือขับถ่ายไม่สะดวกแนะนำให้ให้ทานแบบแช่น้ำเท่านั้น
ตรวจดูกันว่าทานเมล็ดเจียถูกวิธีรึเปล่า
เราควรเริ่มรับประทานเมล็ดเจียทีละน้อยเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับร่างกาย หากคนไหนที่ยังไม่เคยทานเมล็ดเจียมาก่อน ควรเริ่มต้นทานประมาณ 2 – 3 ช้อนชา / วัน เพื่อให้ร่างกายได้ทำความรู้จักกับธัญพืชชนิดนี้เสียก่อน เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินแล้วจึงค่อยๆ ปรับให้ปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยอัตราส่วนของเมล็ดเจียต่อน้ำนั้นไม่ได้มีกำหนดตายตัว แต่หากเอาให้ดีก็ควรเป็นเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ น้ำไม่น้อยกว่า 400cc รวมถึงไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียเกิน 6 ช้อนโต๊ะ / วัน
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของการขับถ่ายยากอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเจียแบบดิบๆ โดยเด็ดขาด แต่หากทำทุกวิธีที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังเกิดอาการท้องผูก ท้องอืดอยู่อย่างต่อเนื่อง เราจะต้องยอมรับสัญญาณจากร่างกาย หยุดรับประทานเมล็ดเจีย และหันมาเลือกอาหาร หรือธัญพืชชนิดมาบริโภคแทน
ข้อดีด้านอื่นๆ ของเมล็ดเจีย
- ช่วยทำให้อิ่มเร็วขึ้น เมล็ดเจียช่วยให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการที่เมล็ดเจียจะเข้าไปดูดซับน้ำแล้วพอตัวเป็นเจล จึงทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
- ช่วยลดภาวะที่ร่างกายเราสูญเสียน้ำ เมล็ดเจียนับว่าเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์สำหรับนักกีฬา เพราะเจลเจียสามารถชดเชยน้ำให้กับร่างกายได้เนื่องมาจากการสูญเสียเหงื่อ
- ช่วยลดความดันโลหิต จากผลการวิจัยโดยโรพยาบาลเซนต์ไมเคิล โตรอนโต ประเทศแคนาดา ได้ชี้ให้เห็นว่าเมล็ดเจียนั้นมีความสามารถในด้านการลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจได้
- มีโอเมก้า 3 (Omega 3) นับว่าเมล็ดเจียเป็นแหล่งที่มีโอเมก้า 3 สูงสุด ซึ่งโอเมก้า 3 นั้นเป็นไขมันที่ช่วยป้องกันการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นไขข้อ และโรคหัวใจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมล็ดเจียนั้นมีโอเมก้า 3 สูงกว่าปลาแซลมอนเสียอีก
- เป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เมล็ดเจียช่วยชะลอกระบวนการทำงานของร่างกายเราที่จะเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นน้ำตาล โดยจากการศึกษาระบุว่า เมล็ดเจียสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
- ย่อยง่าย เมล็ดเจียมีกากใยสูง ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้สะดวก อีกทั้งยังย่อยง่ายอีกด้วย
ทั้งหมดที่ได้อ่านวันนี้ก็เป็นเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพที่ สนุก! Health นำมาฝากกัน อย่าเพิ่งมองข้ามธัญพืชเมล็ดเล็กๆ อย่าง “เมล็ดเจีย” ไป เห็นเมล็ดเล็กจิ๋วขนาดนี้แต่คุณทางอาหารที่ได้กลับไม่ได้เล็กตามลงไปเลย เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับใครที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ทานเปล่าๆ หรือจะเอาผสมเข้ากับเครื่องดื่ม หรืออาหารคาวหวานได้อย่างหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องอดอาหารให้เหนื่อยใจอีกต่อไป และอย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำกันด้วย สุขภาพจะได้แข็งแรง ดีพร้อมในทุกส่วน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/06/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,700.00 | 30,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,989.00 | 30,153.24 | 31,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,790.10 | 27,137.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,591.20 | 24,122.59 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 895.00 | 13,568.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 696.00 | 10,551.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,061.00 | 31,244.76 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/06/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 45.15 | 45.15 | 46.05 | 45.45 | 45.75 | 45.15 | 45.15 | 45.15 | 45.45 | 45.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 44.88 | 44.88 | 45.78 | 45.18 | 45.48 | 44.88 | 44.88 | 44.88 | 45.18 | 44.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 44.04 | 44.04 | 44.94 | 44.34 | 44.64 | – | 44.04 | 44.04 | 44.34 | 44.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.54 | 37.54 | – | – | – | – | – | – | – | 37.54 |
เบนซิน 95 | 52.56 | – | – | – | 53.61 | – | 53.06 | 53.66 | – | 52.56 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.34 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.34 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.34 | – | 35.24 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 46.36 | 47.86 | 51.79 | 50.56 | 50.89 | – | – | – | – | 46.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |