สาระน่ารู้ประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2565

เปิด Master Plan “เอส อ่างทอง” นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 1,776 ไร่

เปิด Master Plan “เอส อ่างทอง”  นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 1,776 ไร่

เปิด Master Plan “เอส อ่างทอง” นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 1,776 ไร่ แห่งแรก ของ สิงห์เอสเตท ขึ้นแท่น World Food Valley

29 มิถุนายน 2565 – บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) “เปิดตัวโครงการ เอส อ่างทอง” นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับอาหาร และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตั้งเป้าเป็น World Food Valley ชูแนวคิด Enriching Tomorrow ในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิต ด้วยธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม ส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดรับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสิงห์ เอสเตท 

เปิด Master Plan “เอส อ่างทอง”  นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 1,776 ไร่

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าว ว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2014 และเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์กระจายการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลายใน 4 กลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ 
 

โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงสร้างธุรกิจแบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบด้วย ธุรกิจพักอาศัย ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีก และล่าสุดธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน


โดยกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานของสิงห์ เอสเตท แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

  1. ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน:  ครอบคลุมธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจบริการ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ
  2. ธุรกิจโรงไฟฟ้า:ร่วมทุนเพื่อดำเนินงานโรงไฟฟ้า จำนวน 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400มกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาซื้อขายกับกฟผ. แล้วราว 70% เป็นเวลา 25 ปี โดยบริษัทจะมีการรับรู้ผลการดำเนินงานของธุรกิจผ่านส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้า
  3. นิคมอุตสาหกรรม:สร้างนิคมอุตสาหกรรมที่สร้างคุณที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า ชุมชน สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและส่งเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจ
เปิด Master Plan “เอส อ่างทอง”  นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 1,776 ไร่

นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแห่งใหม่ 

นางฐิติมา ยังกล่าวถึงที่มาของนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแห่งนี้ด้วยว่า ตอนนี้ประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการรับมือกับสถานการณ์ความมั่นคงด้านอาหารโลก และก้าวสู่ 1 ใน 10 ประเทศผู้ส่งออก ตามแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ 1 ของกระทรวงอุตสาหกรรม

 
ในปัจจุบันประเทศไทยเรายังมีความต้องการนิคมอุตสาหกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนธุรกิจอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะ สิงห์ เอสเตท จึงเห็นถึงโอกาสในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยเลือกพื้นที่อ่างทองซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงเพราะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อวัตถุดิบอาหารที่สำคัญของไทยและยังสะดวกในการขนส่งวัตถุดิบจากภาคเหนือและภาคกลางตอนบนสู่ศูนย์กระจายสินค้าหลักของประเทศอีกด้วย นอกจากนั้นอ่างทองยังพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล โรงเรียน แหล่งช้อปปิ้ง มีแรงงานจำนวนมากรองรับการความต้องการของผู้ประกอบการ

เปิด Master Plan “เอส อ่างทอง”  นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 1,776 ไร่

 Master Plan “เอส อ่างทอง” 

สำหรับแนวทางในการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง นั้น นายกำจร ลีประพันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส. ไอเอฟ. จำกัด กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องบนพื้นที่โครงการ 1,776 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย กม.63 ต. ไชยภูมิ อ. ไชโย จ. อ่างทอง ห่างจากสนามบินและท่าเรือขนส่งเพียงแค่ 1ชั่วโมงครึ่ง 

พร้อมไปด้วยโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เพียงพอ มั่นคง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์ พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้า 22 KV และ 115 KV รองรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการไฟฟ้าในปริมาณมากและมีเสถียรภาพสูง รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น น้ำประปา ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทางเลือก 

พร้อมทั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบ 5G และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ครอบคลุมทุกพื้นที่โครงการ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาพื้นที่ค้าปลีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ พนักงาน และประชาชนทั่วไป ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ของเราอีกด้วย โดยแบ่งเป็นพื้นที่โครงการทั้งหมด: 1,776 ไร่ 

  • พื้นที่ขาย: 993 ไร่ 
  • พื้นที่พาณิชยกรรมพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน: 34 ไร่ 
  • พื้นที่สีเขียว: 148 ไร่ 
  • ระบบสาธารณูปโภค: 214 ไร่ 
  • อ่างเก็บน้ำ: 384 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำปริมาณ 6.12 ล้าน ลูกบาศก์เมตร 
เปิด Master Plan “เอส อ่างทอง”  นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 1,776 ไร่

โดยพื้นที่อุตสาหกรรมเบา 393 ไร่ถูกจัดโซนอยู่บริเวณรอบโครงการ เพื่อความคล่องตัวของแต่ละประเภทธุรกิจ พื้นที่อุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 600 ไร่ ถูกจัดโซนพื้นที่เพื่อให้ใกล้กับแหล่งพลังงานไอน้ำเพื่อประหยัดต้นทุนในการใช้พลังงาน

 ที่สำคัญ นิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทองนี้ ยังมุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยนำแนวคิด “Enriching Tomorrow” มาพัฒนาโครงการ ผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานคาร์บอนต่ำที่เหมาะสมกับธุรกิจอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ครอบคลุมทั้ง:

 
แหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำตอบโจทย์อนาคต (Climate change mitigation)

  • ระบบไฟฟ้าที่เพียงพอและมีความเสถียรสูงจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์โดยไฟฟ้ามีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในสัดส่วน 70% และสัดส่วน 30% รองรับให้กับลูกค้าในนิคมอย่างเพียงพอและที่สำคัญเป็นพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่สะอาด
  • น้ำดิบคุณภาพดีปริมาณมากกว่า 6.12 ล้านลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ 384 ไร่ เพียงพอในการรองรับการผลิตของลูกค้าทั้งนิคม และยังใช้ระบบผลิตน้ำประปาด้วยระบบอัลตร้าฟิลเทรชั่น ที่สามารถกรองสิ่งสกปรกได้ละเอียดมากกว่า 0.1 ไมครอน ทำให้น้ำประปาที่ผลิตได้ มีคุณภาพสูง สะอาด เหมาะสมกับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารได้เป็นอย่างดี
  • พลังงานไอน้ำที่มีเสถียรภาพและคาร์บอนต่ำ ที่นอกจากจะได้พลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าแล้วยังได้พลังงานไอน้ำที่สามารถจ่ายให้กับผู้ประกอบการในนิคมได้อีกด้วย มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและมีเสถียรภาพ
  • พลังงานสะอาดผลิตจาก Solar cell นิคมฯ มีพื้นที่พร้อมที่จะทำ Floating  solar  ภายในอ่างเก็บน้ำหรือพื้นที่ส่วนกลางเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่จะเข้าสู่ NET ZERO เพื่อโอกาสในอนาคตทั้งเรื่องการส่งออกต่าง
  • ประเทศ ช่วยลดภาษีคาร์บอน (CBAM) และการเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน Green Finance

ระบบการบริหารจัดการของเสียและนำกลับมาใช้อย่างรู้คุณค่า (Responsible consumption)

เทคโนโลยี Co-Generation Power Plant ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าที่ทำให้เกิดของเสียน้อยที่สุด ลดการปล่อยคาร์บอนแต่ยังได้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง
ระบบน้ำที่สามารถใช้ได้อย่างคุ้มค่าและไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ สามารถผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรมได้เองและมีการรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมระบบบริหารจัดการกาก ตะกอนที่เหมาะสมพื้นที่สีเขียวกว่า 148 ไร่ ที่จะช่วยลดภาวะจากฝุ่นและดูดซับคาร์บอนได้กว่า 148 ตันต่อปีระบบป้องกันน้ำท่วมและแนวป้องกันที่สูงถึง 10.5 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลางพร้อมระบบการระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพและที่สำคัญไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชนรอบข้าง
 

ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน (Sustainable community)

ส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้ชุมชน เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเกิดการจ้างงานในนิคมมากกว่า  5,000 คนและส่งเสริมให้เกิดรายได้กับพื้นที่ชุมชนรอบข้างสร้างพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย และสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยร้านค้าและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์บนพื้นที่พาณิชยกรรม 34 ไร่ สร้างศูนย์การเรียนรู้ เรื่องข้าว และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงแบ่งปันพื้นที่เพื่อสนับสนุนการขายสินค้าท้องถิ่น
 
นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน เหมาะกับนิคมอุตสาหกรรมอาหารที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การเดินทางในโครงการ ยังสะดวกสบาย ด้วยถนนสายหลักที่มีถึง 4 เลน เขตทางกว้าง 35 เมตร ออกแบบอย่างใส่ใจเพื่อความปลอดภัย และยังมีเทคโนโลยีโครงข่าย Internet ความเร็วสูง (FTTx) และ IOT และเครือข่าย โทรคมนาคมที่ครอบคลุม พร้อมระบบ CCTV เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งพื้นที่สีเขียวกว่า 148 ไร่ ยังเป็นพื้นที่พักผ่อนให้กับผู้คนในโครงการเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนอีกด้วย

สำหรับแผนธุรกิจของโครงการนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง นั้น นางฐิติมาเผยว่า บริษัทฯ วางแผนการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดภายใน 6 ปี มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรับ Recurring income อีกปีละกว่า 150 ล้านบาท และในปี 2022 นี้ ตั้งเป้าขายที่ 15% ของพื้นที่ทั้งหมด คิดเป็นพื้นที่ 149 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมพร้อมรับรู้รายได้จากการขายให้โรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ อ่างทอง 2 และ 3 จำนวน 78 ไร่ ภายในไตรมาส 3 ปี 2022 นี้

ภาพรวมของเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นอีก และจากผลสำรวจพบว่าราคาที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจังหวัดในภาคกลาง จึงมั่นใจว่านิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เอส อ่างทอง จะสร้างโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตลาด ‘วัสดุก่อสร้าง’ขยายตัวแรง ‘ตราเพชร’ ผลิตกระเบื้องเพิ่ม 1 แสนตัน

ตลาด 'วัสดุก่อสร้าง'ขยายตัวแรง  'ตราเพชร' ผลิตกระเบื้องเพิ่ม 1 แสนตัน

‘ตราเพชร’ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตอีก 1 แสนตันต่อปี รับดีมานด์โครงการแนวราบพุ่ง ขณะประเมินครึ่งปีหลังตลาดวัสดุก่อสร้างขยายตัวต่อเนื่อง แม้ท้าทายต้นทุน

29 มิถุนายน 2565 – นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 เห็นชอบอนุมัติแผนการลงทุนเพิ่มสายการผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 100,000 ตันต่อปี ภายใต้งบลงทุน 477 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต 

โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 3 และแล้วเสร็จสามารถเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นปี 2567  

การลงทุนดังกล่าว จะส่งเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคา ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของ DRT ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นพร้อมรองรับกับการเติบโตในอนาคต จากปัจจุบัน บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรผลิตกระเบื้องหลังคา คิดเป็นร้อยละ 95 ของกำลังการผลิตรวม 

ซึ่งภายหลังการเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ในสายการผลิตดังกล่าว ทำให้ DRT บริหารจัดการด้านการผลิตให้มีความยืดหยุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีขึ้น

“การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้ คาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดในการดำเนินงานและกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน เนื่องจากบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง มีสภาพคล่องที่ดีและมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.49 เท่า ทำให้เรามีความสามารถลงทุนเพิ่มเติม โดยไม่ส่งผลกระทบการจ่ายเงินปันผลแต่อย่างใด” นายสาธิต กล่าว 

ตลาด 'วัสดุก่อสร้าง'ขยายตัวแรง  'ตราเพชร' ผลิตกระเบื้องเพิ่ม 1 แสนตัน

ขณะดร.พิชญานันท์ ล้อวรลักษณ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างในครึ่งปีหลังคาดว่ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักมากขึ้น หลังภาครัฐเตรียมประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น 

แม้ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นที่ยังเป็นปัจจัยที่เป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม DRT เชื่อมั่นจะสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวได้ จากการมุ่งรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 80-90% พร้อมตอกย้ำจุดเด่นด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ‘ตราเพชร’ เพื่อตอบสนองสนองความต้องการลูกค้า ผ่านช่องทางจำหน่ายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่แบรนด์ต่างๆ ที่พบว่า คู่ค้าแต่ละรายต่างเร่งลงทุนเปิดสาขาใหม่หลายแห่งในช่วงครึ่งปีหลัง และช่องทางตลาดต่างประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านคลี่คลายไปในทางที่ดี และบริษัทฯ เริ่มกลับเข้าไปทำกิจกรรมการตลาดอีกครั้งเพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น  

ตลาด 'วัสดุก่อสร้าง'ขยายตัวแรง  'ตราเพชร' ผลิตกระเบื้องเพิ่ม 1 แสนตัน

นายกำชับ วัฒนธรรม ผู้จัดการฝ่ายขาย (อาวุโส)DRT กล่าวว่า ส่วนกลุ่มลูกค้าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกช่องทางที่มีทิศทางเติบโตที่ดีมาก โดยผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ หลายราย วางแผนเร่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้มีความต้องการใช้สินค้าและบริการมากขึ้น เช่นเดียวกับช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายย่อยที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น หลังจากประเมินแล้วว่าราคาน้ำมันไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงในเร็วๆ นี้ จึงเพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ช่องทางดังกล่าวมีอัตราการขยายตัวที่ดี  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.24 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.24 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.24 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” เงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนสูงต่อ กดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวหนักหรือถดถอย จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังจากที่ ประธานเฟดได้ออกมาย้ำจุดยืนในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงก็ตาม ซึ่งความกังวลดังกล่าวทำกอปรกับรายงาน GDP สหรัฐฯ ในไตรมาสแรกที่หดตัว -1.6% แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก็ทำให้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานล้วนปรับตัวลงแรง อาทิ Conoco Phillips -4.0%, Exxon Mobil -3.7%, Chevron -2.0% กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นำโดย Meta (Facebook) +2.0%, Microsoft +1.5%, Amazon +1.4% ทำให้ ดัชนี S&P500 ย่อตัวลงเพียง -0.07%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลดลง -0.67% กดดันโดยความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเสี่ยงที่จะถดถอยจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลาง ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะขายหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจ อย่าง กลุ่มยานยนต์ Volkswagen -1.3%, กลุ่มการเงิน UBS -1.9% เป็นต้น

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักหรือถดถอย ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.08% ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี เรามองว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงมีความผันผวนอยู่สูง จนกว่าที่ตลาดจะมั่นใจว่า เฟดจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงมากกว่าคาด (ขึ้นดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมครั้งหน้า หรือ ขึ้น 0.75% ต่อเนื่องกันหลายครั้ง) ซึ่งในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น เราเชื่อว่าผู้เล่นบางส่วนจะรอทยอยซื้อ Buy On Dip โดยเฉพาะผู้เล่นที่มีมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงหนักหรือถดถอยได้ในปีหน้า

ในฝั่งตลาดค่าเงิน ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้กลับมาหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนเลือกที่จะถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 105 จุด อีกครั้ง นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ยังคงเป็นอุปสรรคต่อราคาทองคำ ทำให้ราคาทองคำผันผวนหนัก แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดก็ตาม โดยล่าสุดราคาทองคำแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะเงินเฟ้อ PCE โดยตลาดมองว่า เงินเฟ้อ PCE เดือนพฤษภาคม อาจเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 6.4% สอดคล้องกับรายงานเงินเฟ้อทั่วไป CPI ที่ออกมาก่อนหน้า ทำให้ตลาดยังคงมองว่า เฟดอาจมีความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนกรกฎาคมอยู่

ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดมองว่า เศรษฐกิจจีนจะส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น จากอานิสงส์ของการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางการจีน สะท้อนผ่าน ดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายนที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.3 จุด นอกจากนี้ ภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะในฝั่งภาคการบริการที่คึกคักมากขึ้น จะสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการ ที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.1 จุด เช่นกัน

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนสูงต่อ กดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงจากนักลงทุนต่างชาติที่อาจยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงหนักหรือเสี่ยงที่จะเข้าสู่สภาวะถดถอย อย่างไรก็ดี หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาดีกว่าคาดและสะท้อนถึงการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีนหลังการผ่อนคลาย Lockdown ก็อาจช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในฝั่งเอเชียและมีโอกาสช่วยหนุนให้สกุลเงินในฝั่งเอเชียแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง (correlation ระหว่างเงินบาทกับเงินหยวนจีนในช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 70%)

ทั้งนี้ เรามองว่า การแข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาของเงินบาทนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการกลับมาเก็งกำไรของผู้เล่นในตลาดที่มีทั้งการทยอยขายทำกำไรฝั่ง Long USDTHB และอีกส่วนก็เริ่มกลับมา Short USDTHB ตามความคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ดังจะเห็นได้จากยอดซื้อบอนด์ระยะสั้นสุทธิกว่า 5.2 พันล้านบาท ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งผู้เล่นกลุ่มดังกล่าวอาจรอดูความเคลื่อนไหวของเงินบาทว่าจะแข็งค่าหลุด 35 บาทต่อดอลลาร์ หรือ ไม่ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครอง ทำให้เรามองว่า โซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ยังเป็นแนวรับที่สำคัญในช่วงนี้ ส่วนแนวต้านจะอยู่ในช่วง 35.30-35.40 บาทต่อดอลลาร์

อนึ่ง ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราคงแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.35 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


คอมเมนต์แฟนทั่วโลกถึง “วอลเลย์บอลหญิงไทย” คว้าชัยเหนือ เกาหลีใต้ ศึกเนชั่นส์ลีก

คอมเมนต์แฟนทั่วโลกถึง "วอลเลย์บอลหญิงไทย" คว้าชัยเหนือ เกาหลีใต้ ศึกเนชั่นส์ลีก

ถือเป็นแมตช์การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2022 สัปดาห์ที่สาม ที่กำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกสำหรับเกมที่ “วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย” ลงสนามพบกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ เมื่อคืนวันพุธที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา

โดย ทีมชาติไทย เป็นฝ่ายเดินหน้าตบทำคะแนนเอาชนะไปได้แบบขาดลอย 3-0 เซต เรียกได้ว่าประกาศศักดาการก้าวขึ้นเป็นทีมแกร่งของเอเชียเรียบร้อย เราลองไปฟังความคิดเห็นจากแฟนๆ ในโลกออนไลน์กัน

คอมเมนต์ที่ 1
ทั้งสองทีมเล่นเกมรับได้ดีมาก แต่ทีมไทย แข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพในการโจมตีมากกว่า พิมพิชยา ก๊กรัมย์ ฉันรักในรอยยิ้มของคุณ

คอมเมนต์ที่ 2
อยากให้พวกเธอผ่านเข้ารอบไฟนัลจริงๆ สาวไทย สู้ๆ

thaip

คอมเมนต์ที่ 3
ทีมไทย คู่ควรกับโอลิมปิกเกมส์ หวังว่าเราจะได้เห็นพวกเธอสร้างประวัติศาสตร์ใน ปารีส 2024

คอมเมนต์ที่ 4
ทีมไทยขวัญใจทุกคน ชัชชุอร โมกศรี กับ 5 บล็อก เธอทำให้เราประทับใจจริงๆ

คอมเมนต์ที่ 5
ฉันกลายเป็นแฟนของประเทศไทย ฉันหวังว่าพวกเธอจะไปได้ไกล ฉันจะเป็นกำลังใจ ฉันเป็นคนบราซิล และสนับสนุนบราซิล ก่อนแล้วค่อยประเทศไทย พระเจ้าอวยพรทุกคน

คอมเมนต์ที่ 6
ไทยแลนด์ แกร่งมาๆ ยินดีด้วย! พวกเธอกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และแสดงให้โลกเห็น ลุยกันต่อกับเกมที่เหลือเพื่อคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้าย

thaip3

คอมเมนต์ที่ 7
มันเป็นเกมที่ยอดเยี่ยม ฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ทีมไทย สามารถเอาชนะ เกาหลีใต้ ได้แบบไม่ยากเย็น มันแสดงให้เห็นว่าพวกเธอเริ่มเข้าใจกันมากขึ้น

คอมเมนต์ที่ 8
ทุกคนรู้ เสน่ห์ และความสุดยอดของ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอน!

คอมเมนต์ที่ 9
ยินดีด้วยประเทศไทย! ตอนนี้คุณคือทีมแกร่งในเอเชีย โชคดีในปารีส 2024 จากชาวเกาหลี

คอมเมนต์ที่ 10
ฉันเป็นกำลังใจให้ประเทศไทยคว้าเหรียญรางวัลใน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2022 สาวไทย สมควรได้รับมันมากๆ พวกเธอแสดงความสามารถออกมาให้เห็นแล้ว จากใจชาวบราซิล

คอมเมนต์ที่ 11
มันยอดเยี่ยมมาก พวกเธออ่านเกมกันเก่งมาก! ชัชชุอร เล่นมอนสเตอร์บล็อก ฉันชอบมาก เป็นอีกเกมที่ดีของทีมไทย พวกสาวๆ เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น

คอมเมนต์ที่ 12
ทีมเกาหลีใต้ ในวันที่ไม่มีทั้ง คิม ยอน-คยอง และพี่น้องฝาแฝด กลายเป็นทีมที่อ่อนลงทันที แต่ดีใจกับสาวไทยด้วย พวกเธอแสดงให้เห็นแล้วด้วยบรรดาผู้เล่นสายเลือดใหม่

คอมเมนต์ที่ 13
บรรดาผู้เล่นของทีมไทยดูสนุกกับเกม สนุกกับการเล่น และฉันก็มีความสุขเช่นกันที่ได้เห็นภาพเหล่านั้น จากชาวญี่ปุ่น

คอมเมนต์ที่ 14
เก็บชัยได้แล้ว 1 เกม เหลืออีก 3 นัด ชัยชนะครั้งนี้ทำให้เส้นทางสู่อันดับ 8 เปิดอีกครั้ง เกมที่เหลือของสัปดาห์จะเป็นตัวตัดสินว่าจะสามารถไปต่อได้หรือไม่

คอมเมนต์ที่ 15
10 เต็ม 10 ไปเลย สาวไทย! พวกเธอยอดเยี่ยมมากๆ    

คอมเมนต์ที่ 16
สาวไทย สามารถเอาชนะ เกาหลี ได้อย่าง่ายดาย ทีมไทยจะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แล้วเจอกันที่ตุรกี พวกเราจะเข้าไปเชียร์พวกคุณในสนามอีกครั้ง

คอมเมนต์ที่ 17
โอ้! ไทยแลนด์ พวกเธอทำได้อีกแล้ว รักรอยยิ้มของพวกเธอจริงๆ

คอมเมนต์ที่ 18
ทำแต้มได้จากการบล็อกถึง 17 แต้ม มันเหลือเชื่อมากๆ พวกเธอสุดยอดจริงๆ สาวไทย

คอมเมนต์ที่ 19
ฉันคิดว่าเกมนี้เป็นเกมที่น่าภาคภูมิใจของ วอลเลย์บอลหญิงเกาหลี มากกว่าที่จะต้องมานั่งเสียใจ ฝ่ายตรงข้ามที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นทีมมหาอำนาจในเอเชีย หวังว่าเกมนี้จะเปลี่ยนทีมเราให้มีความพยายามมากขึ้นในนัดต่อไป

คอมเมนต์ที่ 20
เมื่อฉันได้ดูเกมนี้ มันทำให้รู้เลยว่า ทีมไทย ไม่ได้บังเอิญชนะ จีน หรือ เกาหลีใต้ แต่พวกเธอมีความสามารถจริงๆ เกมต่อไปต้องเจอกับ สาธารณรัฐโดมินิกัน จะเป็นเกมที่ยากแน่นอน หวังว่าพวกเธอจะทำผลงานได้ดี จากกำลังใจจากชาวญี่ปุ่น ที่เทใจเชียร์สาวไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ปวดศีรษะ-ประจำเดือนผิดปกติ อาการเสี่ยง “เนื้องอกต่อมใต้สมอง”

ปวดศีรษะ-ประจำเดือนผิดปกติ อาการเสี่ยง "เนื้องอกต่อมใต้สมอง"

ต่อมใต้สมอง ที่มีขนาดเพียงเมล็ดถั่ว อาจทำให้ร่างกายรวนได้ หากมีเนื้องอกเกิดขึ้น

ผศ.นพ.ธิติ สนับบุญ แพทย์ฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า ต่อมใต้สมอง เป็นต่อมขนาดเล็กเท่าเมล็ดถั่ว ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระบบการทำงานของร่างกาย ประกอบด้วย ฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโต ฮอร์โมนควบคุมการสร้างน้ำนม ฮอร์โมนควบคุมการทำงานของต่อมเพศ ต่อมไทรอยด์ และต่อมหมวกไต 

เมื่อเกิดเนื้องอกจะทำให้เกิดความผิดปกติ ดังนี้

อาการเสี่ยง “เนื้องอกต่อมใต้สมอง”

อาการเสี่ยง เนื้องอกต่อมใต้สมอง ที่สังเกตได้

  1. ปวดศีรษะ เพราะเนื้องอกอาจไปกดทับเส้นประสาทสมอง ทำให้เกิดความผิดปกติในการมองเห็น และอาจเสี่ยงตาบอดในเวลาต่อมาได้
  2. ตัวสูงผิดปกติ มือเท้าใหญ่ คางยื่น หากเนื้องอกทำให้ฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโตทำงานผิดปกติ
  3. น้ำนมไหล ประจำเดือนผิดปกติ เกิดจากเนื้องอกที่เข้าไปทำให้การทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมการสร้างน้ำนมผิดปกติ
  4. ความต้องการทางเพศลงลด หรือเกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ เพราะเนื้องอกอาจไปทำให้การทำงานของฮอร์โมนเพศลดลง

วิธีรักษาเนื้องอกต่อใต้สมอง

แพทย์อาจพิจารณาวิธีผ่าตัดผ่านจมูก ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาให้หายขาด เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย กรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ทั้งหมด อาจต้องใช้วิธีรังสีรักษา

นอกจากนี้ ต่อมใต้สมองบางชนิด อาจรักษาให้หายด้วยการกินยา เช่น เนื้องอกที่สร้างฮอร์โมนโปรแลคติน เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


25 ประโยคสุดฮิตที่ใช้แทนคำว่า “Bye” ในภาษาอังกฤษ

25 ประโยคต่อไปนี้ที่แอดมินจะมานำเสนอ เป็นประโยคที่ใครๆ ก็คงหนีไม่พ้น เพราะมันเป็นประโยคที่เอาไว้ใช้พูดจบสนทนาในภาษาอังกฤษ นอกจากคำว่า “Bye หรือ Goodbye” แล้ว ยังมีประโยคอื่นๆ ที่เราสามารถใช้พูดจบสนทนาได้อีกด้วย มาดูกันว่ามีอะไรบ้างค่ะ


1. See you soon.
= แล้วพบกันเร็วๆนี้

2. See you later.
= ไว้เจอกันนะ

3. See you then.
= ไว้เจอกันใหม่นะ

4. See you again next time.
= เจอกันใหม่คราวหน้า

5. See you again tomorrow.
= เจอกันพรุ่งนี้นะ

6. See you around / I’ll see you around.
= แล้วเจอกัน

7. Until the next time.
= แล้วเจอกันคราวหน้านะ

8. Have a nice day.
= ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี / โชคดีนะ

9. Have a good one / Have a great one.
= ขอให้วันนี้เป็นวันดีๆ

10. Have a nice weekend.
= ขอให้มีความสุขมากๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้นะ

11. Have a wonderful holiday.
= ขอให้มีวันหยุดที่แสนวิเศษ

12. Have a good trip.
= ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

13. Have a good time.
= ขอให้มีความสุขนะ / โชคดีนะ

14. Take care / Take care of yourself.
= ดูแลตัวเองด้วย / รักษาตัวด้วย

15. I must be on my way.
= ฉันต้องไปแล้ว

17. We’d better be off now.
= เราจะกลับกันแล้วนะ

18. Oh, it’s time to go.
= โอ้ ได้เวลากลับแล้ว / ได้เวลาออกเดินทางแล้ว

19. I think it’s time to go.
= ฉันคิดว่า ได้เวลากลับแล้วนะ

20. I think I’d better go.
= ฉันคิดว่าฉันกลับดีกว่า

21. I have to go now.
= ฉันจะต้องไปแล้วนะ

22. Peace หรือ Peace out!
= ไปก่อนนะ! (เป็นคำแสลง, ไม่เป็นทางการ)

23. I’ll see you sometime.
= หวังว่าคงจะได้พบคุณอีก

24. I’m out / I’m out of here.
= ไปก่อนนะ (ไม่เป็นทางการ)

25. Ok, talk later / I will catch you later.
= ไว้คุยกันครั้งหน้านะ แล้วเจอกัน (ใช้ในโอกาสที่คุณเร่งรีบหรือไม่มีเวลาคุย)

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


เผย 3 อันดับหมวดสินค้าไทยขายดีบนแพลตฟอร์มอีเบย์

เผย 3 อันดับหมวดสินค้าไทยขายดีบนแพลตฟอร์มอีเบย์

“ไปรษณีย์ไทย – อีเบย์” เผย 3 อันดับหมวดสินค้าไทยขายดีบนแพลตฟอร์มอีเบย์ พร้อมส่งโปรฯ ลดสุดคุ้ม 5%ในบริการ ePacket ดันสินค้าโกอินเตอร์ด้วยค่าส่งสุดประหยัด

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า จากเสียงตอบรับของงานสัมมนาออนไลน์ “eBayXThailand Post โกอินเตอร์กับอีเบย์” ภายใต้ความร่วมมือของ อีเบย์ ประเทศไทย ซึ่งมีผู้สนใจร่วมนำสินค้าเข้าจำหน่ายส่งออกต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 400 ราย เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ไปรษณีย์ไทย เล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมาโดยตลอด

เผย 3 อันดับหมวดสินค้าไทยขายดีบนแพลตฟอร์มอีเบย์

ล่าสุดนี้จึงร่วมมือกับ อีเบย์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญที่สามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ขายในการพัฒนาการให้บริการผ่านโปรแกรม eBaySEAPaSS ให้ผู้ขายสามารถทำจ่าหน้าโดยออกเลข Tracking สินค้าที่จัดส่ง และติดตามสถานะการจัดส่งของสินค้าจำนวนมากได้บนแพลตฟอร์มของอีเบย์ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เปิดร้านค้าบนอีเบย์ และสมัครสมาชิก POST Family ให้ได้รับส่วนลดค่าจัดส่ง 5% เมื่อใช้บริการ ePacket ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ

“สำหรับบริการส่งด่วนทั่วโลก ePacket  บริการจัดส่งสิ่งของด่วนระหว่างประเทศ EMS World และบริการส่งประหยัดสุดคุ้มไปรษณีย์ลงทะเบียนระหว่างประเทศ เป็น 3 บริการยอดนิยมของไปรษณีย์ไทย ที่จะช่วยให้ผู้ขายสามารถวางแผนคำนวณต้นทุนการส่งของได้ดีขึ้น ทั้งยังสามารถแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าจัดส่งให้แก่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า โดยคิดค่าบริการในอัตราราคาสุทธิ ไม่รวมภาษีน้ำมัน หรือภาษีมูลค่าเพิ่มอื่น ๆ ซึ่งมีจุดแข็งที่มีจำนวนสาขาครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้ง่ายใช้บริการได้สะดวกและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ขาย โดยมีปลายทางยอดนิยม 3 อันดับแรกของสินค้าที่จัดส่ง ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย และประเทศอังกฤษ”  ดร.ดนันท์ กล่าวสรุป

นางรินทร์ลิตา ศรีโรจนภิญโญ หัวหน้าฝ่ายการตลาด อีเบย์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับกลุ่มสินค้าจากประเทศไทย 3 อันดับแรกที่ได้รับความนิยม ประกอบด้วย สินค้าหมวดจิวเวลรี ได้แก่ พลอย เครื่องประดับ นาฬิกา  สินค้าหมวดอะไหล่ยนต์  ได้แก่ อุปกรณ์ตกแต่ง รถยนต์ รถบรรทุก และมอเตอร์ไซค์ โดยการซื้อขายอะไหล่มอเตอร์ไซค์เป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตมากในปัจจุบัน  รวมถึงหมวดสินค้าเพื่อสุขภาพความงาม ได้แก่ อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เป็นต้น

เผย 3 อันดับหมวดสินค้าไทยขายดีบนแพลตฟอร์มอีเบย์

นอกจากนี้ยังมี “Trading Card” ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและเติบโตมาก อาทิ การ์ดการ์ตูน การ์ดนักกีฬา และการ์ดเกม ซึ่งลงจำหน่ายจำนวน 119 ใบ และจำหน่ายออกจำนวน 90 ใบ ในทุก 1 นาที มีสัดส่วนอัตราการขายออกสูงถึง 75% และถูกขายไปแล้วกว่า 45 ล้านใบ บนอีเบย์ในปี 2563 เป็นต้นมา

“สำหรับงานสัมมนาออนไลน์ “eBayXThailand Post โกอินเตอร์กับอีเบย์” เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทย และ eBay Thailand เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ ในการทำธุรกิจ การทำการตลาด และการให้คำแนะนำการส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ รวมไปถึงโปรโมชันส่วนลดต่างๆ สำหรับส่งสินค้าไปต่างประเทศ ซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถส่งสินค้าขายต่างประเทศได้อย่างมืออาชีพ และช่วยผลักดันให้เกิดผู้ขายรายใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มต่อไปในอนาคต โดยผู้สนใจสามารถติดตามอัปเดตข่าวสารการจัดงานสัมมนาดี ๆ เพื่อผู้ประกอบการในครั้งต่อไปได้จากช่องทางของไปรษณีย์ไทย อาทิ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไลน์ออฟฟิเชียล เป็นต้น” นางรินทร์ลิตา กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เทคนิคเลือกช่างซ่อมหลังคา ให้หมดปัญหารั่วซ้ำซาก

เจ้าของบ้านท่านไหนที่ปวดหัวกับปัญหาหลังคาช่วงหน้าฝน น่าจะกำลังมองหาช่างซ่อมหลังคากัน ขอแนะนำ 5 เทคนิคที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกช่างซ่อมหลังคา

  1. สามารถระบุปัญหาและสาเหตุได้ชัดเจน

เราจะรู้ได้ยังไงว่าช่างซ่อมหลังคาที่เราคุยอยู่นั้นเชี่ยวชาญ? เรื่องแรกก็คือความสามารถในการระบุปัญหาและสาเหตุของปัญหาได้หลังจากการเข้าสำรวจหน้างานค่ะ ตอนนี้ช่างหลายคนมีการใช้เทคโนโลยีอย่างโดรนเพื่อช่วยให้สำรวจเสร็จเร็วขึ้น แถมเห็นภาพในมุมอับสายตาด้วย

  1. เลือกวิธีซ่อมได้เหมาะสม

ถ้าคุณเคยปวดหัวกับหลังคาที่ไม่ว่าซ่อมยังไงก็ไม่หายขาด ก็เป็นไปได้ที่ช่างอาจเลือกซ่อมแบบชั่วคราว เช่นการโปะปูนหรือยิงซิลิโคน ที่ใช้เวลาไม่นาน แถมงบประมาณไม่สูง แต่หลังคาอาจกลับมารั่วซ้ำได้ในเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ส่วนช่างซ่อมหลังคาที่มีประสบการณ์นั้นจะเลือกวิธีการซ่อมรวมถึงวัสดุที่เหมาะสมกับปัญหา ราคาอาจแพงกว่า แต่ก็ช่วยให้เราไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาหลังคาได้ในระยะยาว

  1. มีแผนการทำงานชัดเจนและมีอุปกรณ์ครบถ้วน

การกำหนดแผนทำงานที่ชัดเจนคืออีกหนึ่งจุดที่เราสามารถใช้สังเกตได้ว่าช่างรายนั้นๆ มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพมากแค่ไหน แผนการทำงานที่ควรมีก็เช่นวันเข้าสำรวจ ระยะเวลาที่ใช้ซ่อมแซม และวันส่งมอบงาน

เรื่องของอุปกรณ์ความปลอดภัยและอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานก็เป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจ เพราะคงไม่ดีแน่หากช่างเกิดมาเกิดอุบัติเหตุตอนทำงานที่บ้านเราเพราะไม่ได้ใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย หรือกระเบื้องหลังคาที่รอปูเกิดเสียหายเพราะช่างขนด้วยการโยนแทนที่จะใช้รางขนส่ง

  1. การรับประกันหลังติดตั้ง

และเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่องการรับประกัน เพราะหลังจากซ่อมเสร็จแล้ว กว่าเราจะรู้ว่างานซ่อมโอเคไหมก็อาจต้องรอฝนตกก่อน การรับประกันจะช่วยให้เจ้าของบ้านมั่นใจว่าจะไม่ถูกเท และช่างพร้อมดูแลเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้หลังคามีปัญหา

  1. มาตรการป้องกัน COVID-19

ด้วยสถานการณ์โรค COVID-19 ในปัจจุบัน ทีมช่างที่มาทำงานควรมีมาตรการป้องกันอย่างการวัดอุณหภูมิก่อนเข้าทำงาน การล้างมือบ่อยๆ ด้วยแอลกอฮอลล์หรือสบู่ หรือการแบ่งพื้นที่ระหว่างทีมช่างและเจ้าของบ้านเพื่อเพิ่มความมั่นใจเรื่องสุขอนามัยและลดความเสี่ยงของโรค

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 30/06/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a30,300.0030,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,963.0029,759.0830,900.00
ทองรูปพรรณ 90%1,766.7026,783.17n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,570.4023,807.26n/a
ทองรูปพรรณ 50%883.0013,386.28n/a
ทองรูปพรรณ 40%687.0010,414.92n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,034.0030,835.44n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30/06/2565


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9545.1545.1546.1545.8546.0545.1545.1545.1545.8545.15
แก๊สโซฮอล์ 9144.8844.8845.8845.5845.7844.8844.8844.8845.5844.88
แก๊สโซฮอล์ E2044.0444.0445.0444.7444.9444.0444.0444.7444.04
แก๊สโซฮอล์ E8537.5437.5437.54
เบนซิน 9552.5653.9153.0653.6652.56
ดีเซล B734.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9435.2434.9434.9434.9434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม46.3649.3651.6950.5650.5946.36
แก๊ส NGV15.5915.5915.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า