5 ขั้นตอน ที่ควรรู้ เมื่อคิด ‘ซื้อบ้าน- ซื้อคอนโด’
DDproperty เปิด 5 ขั้นตอน ที่ควรรู้ เมื่อคิด ‘ซื้อบ้าน- ซื้อคอนโด’ เพราะ การซื้อบ้าน อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ขณะค่าใช้จ่ายการโอนกรรมสิทธิ์ มีอะไรบ้าง? ที่ต้องจ่าย
1 พ.ย.2565 – หลายคนมองว่า ‘การซื้อที่อยู่อาศัย’ เป็นเรื่องใกล้ตัว แต่แท้จริงแล้วเส้นทาง ‘การซื้อบ้าน’ อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป และมีรายละเอียดมากมายที่ผู้ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนควรศึกษาทำความเข้าใจ
เพื่อประโยชน์ และ ในการเตรียมความพร้อม ก่อนซื้อบ้าน เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น รวมทั้งป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง ล่าสุด ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์สื่อกลางเพื่อการซื้อขายอสังหาฯ ได้รวบรวม 5 ขั้นตอนสำคัญที่ผู้บริโภคควรรู้ เมื่อคิดซื้อที่อยู่อาศัย ดังนี้
5 ขั้นตอนที่ควรรู้เมื่อคิดเป็นเจ้าของบ้าน/คอนโดฯ
- หาข้อมูลและเลือกรูปแบบให้ตอบโจทย์ ผู้บริโภคควรมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการซื้อบ้าน/คอนโดฯ ว่าซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อลงทุน หากเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยต้องมีพูดคุยสรุปความต้องการกับสมาชิกในครอบครัวเพื่อกำหนดรูปแบบของบ้าน/คอนโดฯ ในฝันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ จากนั้นจึงเลือกทำเลที่สนใจ พร้อมทั้งกำหนดราคาที่อยู่อาศัยคร่าว ๆ ไว้ ก่อนทำการค้นหาข้อมูลโครงการบ้าน/คอนโดฯ จากเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง www.DDproperty.com ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลประกาศขายโครงการบ้าน/คอนโดฯ ที่น่าสนใจมากมายทั้งจากผู้พัฒนาอสังหาฯ เอเจนต์ที่เชื่อถือได้ หรือเจ้าของบ้านโดยตรง พร้อมทั้งรีวิวโครงการใหม่ที่น่าสนใจ ก่อนจะทำการคัดเลือกโครงการที่ตอบโจทย์ไม่เกิน 5 แห่งเพื่อนัดหมายเข้าชมโครงการจริง หรือเลือกเยี่ยมชมโครงการเสมือนจริง (Virtual Tour) เพื่อสอบถามข้อมูลหรือโปรโมชั่นเพิ่มเติมกับพนักงานขาย นอกจากนี้ การสำรวจพื้นที่รอบโครงการก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน โดยควรพิจารณาความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย รวมถึงศักยภาพของทำเลในปัจจุบันและอนาคต ก่อนนำข้อมูลทั้งหมดมาเปรียบเทียบเพื่อเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์มากที่สุด
- ศึกษารายละเอียดก่อนวางเงินจองและทำสัญญา เมื่อได้โครงการที่ถูกใจแล้ว ผู้บริโภคสามารถแจ้งความจำนงกับพนักงานขายเพื่อทำการจองบ้าน/คอนโดฯ ในยูนิตที่ต้องการ โดยจ่ายเงินจองเพื่อยืนยันว่าต้องการซื้อจริง ๆ ซึ่งเงินจองจะแตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน/คอนโดฯ นั้น ๆ นอกจากนี้ผู้บริโภคจะต้องศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ของสัญญาจองและสัญญาจะซื้อจะขายให้ถี่ถ้วน โดยสัญญาจะซื้อจะขายนั้นทำขึ้นเพื่อเป็นการแสดงเจตนาของฝ่ายผู้จะซื้อว่าต้องการจะซื้ออสังหาฯ ของผู้จะขาย พร้อมวางเงินมัดจำไว้เป็นประกันว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกัน และเกิดการโอนกรรมสิทธิ์ขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมระบุรายละเอียดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งผู้บริโภคจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูล รายละเอียด และเงื่อนไขในสัญญาให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความเสียหายหากเกิดปัญหาในภายหลัง เมื่อทำสัญญาแล้วจะมีการวางเงินดาวน์จำนวนหนึ่ง หากเป็นการซื้อโครงการบ้าน/คอนโดฯ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ผู้บริโภคจะสามารถผ่อนดาวน์เป็นงวดได้ตามที่ทางโครงการระบุไว้ในสัญญา หรือบางโครงการอาจจะเสนอโปรโมชั่นฟรีดาวน์ให้
- เตรียมความพร้อมทางการเงินเพื่อยื่นขอสินเชื่อ สำหรับผู้บริโภคที่ไม่ได้ซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเงินสดนั้น ควรเริ่มต้นประเมินความพร้อมทางการเงินและวางแผนออมเงินให้ดี เคลียร์หนี้สินที่มีให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อตามวงเงินที่ต้องการ รวมทั้งหาข้อมูลสินเชื่อที่สนใจจากธนาคาร/สถาบันการเงินเพื่อสอบถามเงื่อนไขและโปรโมชั่นต่าง ๆ ปกติแล้วธนาคารจะพิจารณาจากรายได้ของผู้กู้และกำหนดเงื่อนไขของผู้กู้ให้สามารถแบกรับภาระหนี้ได้ที่ 40% ของรายได้ต่อเดือน ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรเตรียมเอกสารแสดงความสามารถทางการเงินที่มีรายละเอียดข้อมูลรายได้และศักยภาพในการผ่อนชำระของผู้ขอสินเชื่อ รวมไปถึงหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้พร้อม เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติมากขึ้น โดยสามารถเลือกกู้ร่วมกับคนในครอบครัวเพื่อเพิ่มวงเงินให้สูงขึ้น ในกรณีซื้อโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จนั้น พนักงานจะแจ้งให้ผู้บริโภคยื่นเรื่องขอสินเชื่อเมื่อโครงการก่อสร้างใกล้เสร็จ จึงมีเวลาในการเตรียมพร้อมเอกสารเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี วงเงินที่ธนาคารอนุมัติอาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด ผู้บริโภคจึงควรมีเงินสำรองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไว้ด้วย
- ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนโอน เมื่อธนาคาร/สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว โครงการจะนัดให้ผู้บริโภคเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยของสภาพบ้าน/คอนโดฯ ก่อนเซ็นรับ ขั้นตอนนี้ผู้บริโภคควรเตรียมรายการตรวจสอบ (Checklist) เป็นตัวช่วยในการตรวจเช็กความเรียบร้อยทั้งในส่วนงานระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ระบบสื่อสาร พื้นและผนัง ประตูและหน้าต่าง หากผู้บริโภคไม่มั่นใจก็สามารถว่าจ้างบริษัทรับตรวจสอบบ้าน/คอนโดฯ โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในการตรวจสอบร่วมด้วยได้ ซึ่งการตรวจสอบโดยมืออาชีพจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและประหยัดเวลาได้มากขึ้น จากนั้นจึงแจ้งให้ทางโครงการแก้ไขจุดบกพร่องและกำหนดวันในการตรวจสอบการแก้ไขรอบสุดท้ายให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงไปโอนกรรมสิทธิ์ เนื่องจากหากโอนกรรมสิทธิ์ก่อนตรวจรับงานนั้น การขอให้ทางโครงการแก้ไขจุดบกพร่องเพิ่มเติมอาจเป็นเรื่องยากกว่าที่คิด
- เตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายการโอนกรรมสิทธิ์ ในขั้นตอนนี้นั้นทั้งผู้ซื้อ ตัวแทนโครงการ และตัวแทนจากธนาคาร/สถาบันทางการเงินจะต้องไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์พร้อมกันที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งวงเงินที่ผ่านการอนุมัติ พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อต้องเตรียม ซึ่งจะมีทั้งส่วนที่ผู้ซื้อเป็นคนจ่าย ผู้ขายเป็นคนจ่าย หรือจ่ายร่วมกัน ในกรณีที่ผู้ซื้อได้วงเงินน้อยกว่าที่ขอกู้ไป จะต้องเตรียมเงินเพื่อจ่ายค่าส่วนต่างที่เหลือให้กับทางโครงการ/ผู้ขายด้วย ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมโอนบ้าน คิดเป็น 2% ของราคาประเมินที่ดินรวมสิ่งปลูกสร้าง แบ่งจ่ายกันคนละ 1% ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย หรือตามข้อตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
- ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ คิดที่อัตรา 3.3% ของราคาขายหรือราคาประเมิน โดยใช้ราคาที่สูงกว่า เป็นค่าใช้จ่ายของผู้ขาย หากครอบครองมากกว่า 5 ปีขึ้นไป หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี จะไม่ต้องจ่ายภาษีส่วนนี้
- ค่าอากรแสตมป์ คิด 0.5% ของราคาขายหรือราคาประเมิน โดยใช้ราคาที่สูงกว่า แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน เป็นค่าใช้จ่ายของผู้ขาย (หากเสียภาษีธุรกิจเฉพาะไม่ต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์)
- ค่าจดจำนอง คิดเป็น 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด และเป็นค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อบ้านโดยการกู้
- ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีที่ผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดาต้องชำระค่าภาษีนี้ เพราะเป็นผู้มีรายได้จากธุรกรรมซื้อขาย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กรีเน่ ดอนเมือง-สรงประภา เฟส 3 ดีไซน์ The Santorini สไตล์รีสอร์ต
เก็บเกี่ยวความสำเร็จเป็นเฟสที่ 3 แล้ว สำหรับแบรนด์เจ้าตลาดย่านสรงประภา ในนาม “กรีเน่ คอนโด”
เจ้าของโครงการต้องบอกว่าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับตำนานอีกรายหนึ่งของวงการ “บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตท จำกัด” โดยปีนี้ง่วนอยู่กับอีเวนต์ฉลองครบรอบก่อตั้งองค์กร 60 ปี
“มิสเตอร์โฮม” ค่อนข้างคุ้นกับทำเลสรงประภา เป็นลูกค้าก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายใช้ ชื่อดังริมถนนวิภาวดีฯ ตั้งแต่ราคาชามละ 12 บาท ล่าสุดกินไป 4 ชาม ราคาชามละ 50 บาท อยู่กับสรงประภา ถนนเชื่อมวิภาวดีฯกับคลองประปาตั้งแต่เป็นถนน 2 เลนราดยางมะตอย วันนี้กลับมาเยี่ยมเยือนถิ่นพำนักเก่าก่อน โอ้โฮ ทำเลหล่อขึ้นเยอะเลย
งานนี้จะมากจะน้อยต้องคารวะกลุ่มปรีดา เรียลเอสเตท ที่มีส่วนร่วมช่วยพลิกฟื้นหน้าดินจนกระทั่งกลายเป็นย่านน่าอยู่อาศัย เฉพาะที่ดินรวมแปลงนี้กว่า 17 ไร่ วางผังพัฒนาแบรนด์ “กรีเน่ คอนโด ดอนเมือง-สรงประภา” มากสุดแค่ 3 เฟส
ได้แก่ เฟส 1 พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Maldives” บนพื้นที่ 5-3-80.6 ไร่ ออกแบบเป็นห้องชุดโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 567 ยูนิต มูลค่ารวม 958 ล้านบาท ขายและโอนเกลี้ยงโครงการแล้ว
เฟส 2 คอนเซ็ปต์ “The Miami” บนพื้นที่ 6-0-96.3 ไร่ สร้างโลว์ไรส์ 8 ชั้น อีก 3 อาคาร จำนวน 539 ยูนิต มูลค่ารวม 1,074 ล้านบาท ปัจจุบันขายและโอนเกลี้ยงโครงการแล้วเช่นกัน
สำหรับ waiting list ยังมีโอกาสช็อปซื้อห้องชุดกรีเน่ ในเฟส 3 พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ The Santorini บนพื้นที่ 4-0-80.50 ไร่ คราวนี้เป็นอาคารชุดโลว์ไรส์เหลือจำนวน 2 อาคาร จำนวน 344 ยูนิต มูลค่ารวม 832 บาท สถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
รายละเอียดเฟส 3 ออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด Vacation Condo คอนโดฯสำหรับพักผ่อนอย่างแท้จริง พิถีพิถันออกแบบห้องชุดต่างไซซ์เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งกลุ่มอยู่อาศัยคนเดียว และอยู่อาศัยเป็นครอบครัว
มีให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย ห้องชุด 1 นอน พื้นที่ใช้สอย 30-36 ตารางเมตร กับห้องชุด 1 นอนพลัส ขยายไซซ์กว้างขึ้นเป็น 37-39 ตารางเมตร
จุดโฟกัสอยู่ที่พื้นที่ส่วนกลาง จัดหนักให้กว้างขวางเกือบ 3 ไร่ สิ่งอำนวยความสะดวกนอกจากร้านค้าภายในโครงการแล้ว ยังประกอบไปด้วยสระว่ายระบบน้ำเกลือ, น้ำตกจากุซซี่ ฟิตเนส เซ็นเตอร์, ห้องโยคะ, ห้องเซาน่า, สนามเด็กเล่น, บีชเลานจ์ แอเรีย, โซเชียล เลานจ์
และแน่นอนว่าคอนโดฯสไตล์รีสอร์ตที่เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนรุ่นใหม่ บรรยากาศการพักอาศัยจึงเต็มไปด้วยระบบ smart technology ไม่ว่าจะเป็น smart barrier gate, key card access และอื่น ๆ อีกมากมาย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เตรียมเปิดพรีเซล 5-6 พฤศจิกายน 2565 นี้ เจ้าของฝากกระซิบในโอกาสฉลอง 60 ปีองค์กร มีนโยบายตรึงราคา เริ่มต้นห้องละ 1.89 ล้านบาท สำหรับยอดจองซื้อในอีเวนต์เปิดพรีเซลโครงการ
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 38.04 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังมีปัจจัยกดดันในฝั่งอ่อนค่า ทั้งแนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในภาวะปิดรับความเสี่ยง โฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว แต่การอ่อนค่าอาจถูกจำกัดโดย แรงซื้อหุ้นไทย
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 38.04 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.10 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways และอาจทรงตัวเหนือระดับ 38.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ ท่ามกลางบรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง
ปัจจัยกดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่า คือ แนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในภาวะปิดรับความเสี่ยง
รวมถึง โฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว อย่างไรก็ดี เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกจำกัดโดย แรงซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติได้บ้าง หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิในช่วงผ่านมา
ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.90-38.15 บาท/ดอลลาร์
บรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) มากขึ้น ท่ามกลางแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่รายงานผลประกอบการแย่กว่าคาดหรือผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับแนวโน้มผลประกอบการ นำโดย Meta -6.1%, Alphabet -1.9%
ทั้งนี้ ความกังวลสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีนที่นำไปสู่การใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง จนอาจกระทบกับการผลิตของ iPhone ถึง 30% ยังกดดันให้ ราคาหุ้น Apple -1.5% ซึ่งแรงขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ดังกล่าวได้กดดันให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq สหรัฐฯ ปรับตัวลงกว่า -1.03% ส่วนดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงราว -0.75%
ทั้งนี้ เรามองว่าผู้เล่นในตลาดอาจอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวและไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการส่งสัญญาณชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.35% หนุนโดยความหวังว่าเฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย และรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในยุโรปที่ออกมาดีกว่าคาด
นอกจากนี้ แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ตามคาด แต่ผู้เล่นในตลาดก็มองว่า ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงแนวโน้มการเร่งขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังว่า ECB อาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปี
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 4.06% อีกครั้ง ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่า เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ในการประชุมวันพฤหัสฯ นี้ อย่างไรก็ดี มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ต่างคาดหวังว่า เฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคม ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ (รวมถึงบอนด์ยีลด์ระยะสั้นอย่าง บอนด์ยีลด์ 2 ปี) ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นไปมากนัก
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) สามารถพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 111.5 จุด อีกครั้ง ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้น อนึ่ง แม้ว่า ตลาดจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
แต่การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำเข้าใกล้โซนแนวรับ อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนตุลาคม โดย ตลาดคาดว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิต อาจลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 50 จุด กดดันโดยภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ขณะเดียวกันบรรดาผู้ผลิตก็ยังแบกรับต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงอยู่
ส่วนในฝั่งไทย ตลาดคาดว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาก็จะทำให้ ภาคการผลิตของไทยอาจขยายตัวในอัตราชะลอลงเช่นกัน โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนตุลาคมอาจลดลงสู่ระดับ 55.5 จุด (ดัชนีมากกว่า 50 หมายถึง ภาวะขยายตัว)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 37.98-38.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ (9.00 น.) ในช่วงเช้าวันนี้ ใกล้เคียงระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 38.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยแม้เงินบาทจะขยับแข็งค่าขึ้น แต่คงต้องระวังความผันผวนในระหว่างวัน
เนื่องจากเงินหยวนที่อ่อนค่าลง ยังคงกดดัน sentiment โดยรวมของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 75 bps. ไปที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุม 1-2 พ.ย. นี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 37.90-38.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ PMI และ ISM ภาคการผลิตเดือนต.ค. และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนก.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กระหึ่มโลก! “โปรจีน อาฒยา” นักกอล์ฟสาวไทย ผงาดยึดมือ 1 โลกเรียบร้อย
“โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสาวชาวไทย สร้างประวัติศาสตร์ก้าวขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก จากการจัดอันดับโลกนักกอล์ฟหญิงล่าสุดของ Rolex Women’s World Golf Rankings เมื่อวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา
โดย ก้านเหล็กสาววัย 19 ปี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการเล่น แอลพีจีเอ ทัวร์ ปีแรก หลังจากคว้าแชมป์ 2 รายการใหญ่อย่าง เจทีบีซี คลาสสิก และวอลมาร์ท เอ็นดับเบิ้ลยู อาร์คันซอส์ แชมเปี้ยนชิพ นอกจากนั้นยังติดท็อปเทนอีกหลายรายการทำให้มีคะแนนรวมแซงหน้า โค จิน-ยอง โปรสาวชาวเกาหลีใต้
ทำให้จากการประกาศอันดับโลกล่าสุด “โปรจีน” มีคะแนนเฉลี่ย 7.1253 คะแนน แซงหน้า โปรชาวเกาหลีใต้ที่ครองมือ 1 ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง 152 สัปดาห์ ขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกคนใหม่ โดย โค จิน-ยอง มีคะแนนเฉลี่ย 7.0928 คะแนน หล่นมาอยู่อันดับ 2
จากการผงาดขึ้นมือ 1 โลกในครั้งนี้ทำให้ อาฒยา ฐิติกุล กลายเป็นนักกอล์ฟรายที่ 36 ที่สามารถก้าวถึงตำแหน่งผู้นำในคะแนนสะสมโลก นอกจากนี้ยังถือเป็นนักกอล์ฟสาวไทยคนที่ 2 ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ที่เคยทำได้คนแรกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2017
“มันมีความหมายกับฉันมากๆ ทั้งทีมงาน, ครอบครัว และแฟนๆ ที่คอยสนับสนุนฉัน มันถือเป็นเกียรติที่ชื่อของฉันได้ก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของบรรดานักกอล์ฟฝีมือดีมากมาย”
“มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆ กับการก้าวขึ้นตำแหน่งสูงสุดในครั้งนี้ แต่มันจะเป็นงานยากกว่ากับการที่ต้องรักษามันไว้ ฉันยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากจากนักกอล์ฟทั้งระดับตำนาน และที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในสนาม ฉันจะทำงานหนักต่อไปเพื่อครอบครัว และประเทศไทย” นักกอล์ฟสาวชาวไทย เปิดใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เตือนภัย ดื่ม “กาแฟ” มากเกินไป เสี่ยง “สมองเสื่อม”
ดื่มกาแฟมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมได้
หลายคนที่เป็นคอกาแฟอาจชื่นชอบในรสชาติ และการได้ตื่นตัวสดชื่นกระปรี้กระเปร่าจากเครื่องดื่มรสขมแต่กลิ่นหอมกรุ่นอุ่นๆ ทุกเช้า แต่การดื่มกาแฟมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
งานวิจัยที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Nutritional Neuroscience เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 ระบุว่า เราไม่ควรดื่มกาแฟมากกว่า 5-6 แก้วต่อวัน เพราะอาจทำร้ายสมองได้ โดยรวบรวมข้อมูลจากคนราว 400,000 คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ (ทั้งแบบมีคาเฟอีน และแบบดีแคฟ ไม่มีคาเฟอีน) แบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่ดื่มแก้วเดียว ไปจนถึงกลุ่มที่ดื่มมากถึง 6 แก้วต่อวัน และนำคนประมาณ 18,000 คนมาสแกนสมองผ่านเครื่อง MRI
หลังจากติดตามข้อมูลอยู่นาน 11 ปี นักวิจัยพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ดื่มกาแฟน้อยกว่า (1-2 แก้วต่อวัน) แล้ว คนที่ดื่มกาแฟหนัก (มากกว่า 6 แก้วต่อวัน) มีความเสี่ยงที่จะมีขนาดสมองเล็กลงมากกว่า โดยเฉพาะสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (hippocampus) ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่รักษาความทรงจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว
คนที่ดื่มกาแฟหนักยังมีความเสี่ยงต่อการถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนที่ดื่มกาแฟเพียงเล็กน้อยถึง 53% โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นกาแฟแบบมีคาเฟอีน หรือไม่มีคาเฟอัน (ดีแคฟ) ก็ตาม
แม้ว่านักวิจัยจะยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นเพราะเหตุใดกาแฟถึงเข้าไปทำลายสมองส่วนของความจำได้ แต่นักวิจัยชี้ว่า กาแฟอาจมีแคเฟสทอล (cafestol) หรือโมเลกุลในกาแฟที่อาจส่งผลให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยไม่ได้แนะนำให้หยุดดื่มกาแฟอย่างเด็ดขาดไปเลย แต่ควรลดปริมาณลงโดยดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน และไม่ควรดื่มหลัง 16.00-17.00 น. เพื่อไม่ให้ฤทธิ์ของคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟรบกวนการนอนหลับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสุด (Comparative and the Superlative)
หนึ่งในสิ่งที่เรามักจะทำกันบ่อยๆ ในการสื่อสารนั่นก็คือการเปรียบเทียบระหว่างสองสิ่ง มันอาจจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างร้านอาหารสองที่ ตัวเลือกสำหรับตำแหน่งงาน หรือหนังที่จะไปดูในโรงหนัง แล้วการจะเปรียบเทียบในภาษาอังกฤษทำได้อย่างไรกันล่ะ? ข้อมูลด้านล่างจะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างครบถ้วน
อะไรคือขั้นกว่าและขั้นสุด (comparatives and superlatives)
เราใช้ขั้นกว่าและขั้นสุดเพื่อกล่าวถึงคนหรือสิ่งของว่าแตกต่างกันอย่างไร เราใช้คำขยายคำนามเพื่อแสดงการเปรียบเทียบ (comparative adjective) เวลาที่ต้องการพูดถึงความแตกต่างระหว่างคนหรือสิ่งของ ในขณะที่เราจะใช้คำขยายคำนามเพื่อเปรียบเทียบขั้นสุด (superlative adjective) เวลาต้องการชี้ให้เห็นว่าคนหรือสิ่งของนั้นๆ แตกต่างหรือโดดเด่นที่สุดอย่างไร
Mick is taller than Jack.
Mick is the tallest person in the family.
Now let’s focus on the details of how to create each of these adjectives.
การเปรียบเทียบ
คำขยายคำนามเพื่อแสดงการเปรียบเทียบช่วยให้เราอธิบายถึงความต่างระหว่างคนหรือสิ่งของ การจะพูดว่า บางคนหรือบางสิ่ง มีระดับที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของปริมาณ ขนาด หรือลักษณะ เราจะใช้ ‘more ในทางตรงกันข้าม เวลาที่เราจะบอกว่า บางคนหรือบางสิ่ง อยู่ในระดับที่ด้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพ ขนาด หรือลักษณะ เราจะต้องใช้ ‘less’
More
วิธีการใช้ ‘more’ ขึ้นอยู่กับความยาวของคำ มีสามกรณีด้วยกัน
1. การใช้ More สำหรับคำขยายที่ยาว
ถ้าคำขยายคำนาม (adjective) มีสองพยางค์ขึ้นไป เราจะวางคำว่า ‘more’ ไว้ด้านหน้าเพื่อสร้างรูปประโยคที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ ตัวอย่างเช่น
This hotel is more expensive than the last hotel we stayed at.
Reading is more interesting than watching television.
The sea here is more beautiful than the sea in my country.
2. สำหรับคำขยายคำนามที่สั้น
ถ้าคำขยายคำนามคำนั้นมีแค่พยางค์เดียว หรือสองพยางค์ ซึ่งพยางค์ที่สองเป็นเสียง –y เราจะเติม –er หลังคำขยายคำนามคำนั้นเพื่อสร้างรูปประโยคที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ ตัวอย่างเช่น
Your house is bigger than mine.
Taking the bus is cheaper than taking the car.
This box is heavier than that one.
อย่างที่เห็นในตัวอย่างแรก ถ้าคำขยายคำนามคำนั้นลงท้ายด้วยเสียงสระและพยัญชนะ (เช่นคำว่า ‘big’) คุณต้องเพิ่มพยัญชนะตัวท้ายอีกหนึ่งตัว ตัวอย่างเช่น bigger, fatter, thinner
3. คำขยายคำนามพิเศษ
เป็นเรื่องปกติในภาษาอังกฤษที่ adjective บางตัวจะแตกต่างจากตัวอื่น เหตุเพราะมีรูปเฉพาะของตัวเองเมื่อนำมาวางในประโยคที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ
good – better
bad – worse
far – further (U.K. English) farther (US English)
fun – fun
ตัวอย่างเช่น
Your cooking is better than my cooking.
Arriving late is worse than arriving early.
Their house is further from here than our house.
Going out is more fun than staying at home.
การใช้ ‘than’
เวลาที่ต้องการจะเปรียบเทียบระหว่างคนหรือของ เราใช้ ‘than’ ตัวอย่างเช่น
Living in the city is better than living in the country.
แต่ถ้ากำลังพูดถึงบางสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงสิ่งนั้นอีกรอบในประโยค ในกรณีนี้ ไม่จำเป็นต้องมี ‘than’ ตัวอย่างเช่น
Living in the city is more expensive.
Less
เราจะใช้ ‘less’ เพื่อพูดถึงบางสิ่งหรือบางอย่างที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพ ขนาด หรือลักษณะ มันใช้ได้ง่ายมาก เพียงแค่หยิบมาวางหน้าคำขยายคำนาม (adjective) ก็พอ ตัวอย่างเช่น
Walking is less tiring than running.
Australia is less populated than China.
Hamburgers are less healthy than vegetables.
Superlatives
เราจะใช้การเปรียบเทียบขั้นสุดเพื่อบ่งบอกว่า คนหรือสิ่งของนั้นๆ แตกต่างที่สุดอย่างไรเมื่อเทียบกับคนหรือสิ่งของที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน ตัวอย่างเช่น
Paris is the most beautiful city I’ve ever seen.
นั่นหมายความว่า ฉันได้ไปเห็นมาหลายเมืองแล้ว และฉันคิดว่าปารีสเป็นเบอร์หนึ่งในด้านความสวยงาม
การเปรียบเทียบขั้นสุดมีวิธีการใช้ 2 วิธีเมื่อเราต้องการบอกว่าคนหรือของนั้นๆ เหนือกว่าที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกันในหมวด เราจะใช้ ‘the most’ เวลาที่คุณต้องการจะบอกว่าบอกว่าคนหรือสิ่งของนั้นๆ ด้อยกว่าเมื่อเทียบกันในหมวด เราจะใช้ ‘the least’
The most
เช่นเดียวกับการเปรียบเทียบของสองอย่าง เราจะใช้ ‘the most’ ในวิธีต่างๆ กัน ขึ้นอยู่กับความยาวของคำขยายคำนาม
1. สำรับคำขยายที่มีขนาดยาว
ถ้าคำขยายคำนามคำนั้นมีสองพยางค์หรือมากกว่านั้น เราจะใช้ ‘the most’ วางไว้หน้าคำขยายเพื่อสร้างเป็นรูปประโยคขั้นสุด ตัวอย่างเช่น
She’s the most determined candidate we’ve seen today.
It’s the most difficult part of my job.
This is the most successful year the company’s ever had.
2. –est สำหรับคำขยายคำนามขนาดสั้น
ถ้าคำขยายคำนามคำนั้นมีแค่พยางค์เดียว หรือมีสองพยางค์ แต่พยางค์ที่สองเป็นเสียง –y เราจะเติม –est เพื่อสร้างรูปประโยคที่แสดงถึงการเปรียบเทียบขั้นสุด ตัวอย่างเช่น
It’s the shortest route to the stadium.
What’s the longest flight you’ve ever taken?
He’s the nicest guy I’ve met here.
เช่นเดียวกับ comparatives ถ้า adjective คำนั้นลงท้ายด้วยเสียงสระและพยัญชนะ (เช่น ‘sad’) เราต้องใส่ตัวอักษรตัวสุดท้ายของคำเพิ่ม ตัวอย่างเช่น saddest, fittest, hottest
3. คำขยายแสดงขั้นสุดแบบพิเศษ
Adjective ตัวเดียวกันที่มีรูปพิเศษเวลาใช้เปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่ง เมื่อนำมาเปรียบเทียบเป็นขั้นสุดก็ต้องใช้รูปพิเศษเช่นกัน
good – best
bad – worst
far – furthest (U.K. English) farthest (US English)
fun – fun
นี่คือตัวอย่าง
Is this the best place to eat in town?
Yesterday’s performance was my worst ever.
Alaska is the furthest state from Florida.
That was the most fun I’ve had in a long time!
The least
เราใช้ ‘the least’ เพื่อบอกว่าบางคนหรือบางสิ่งมีคุณลักษณะ ขนาด หรือคุณภาพที่ด้อยกว่าคนหรือของในหมวดหมู่เดียวกัน วิธีการใช้คือวาง ‘the least’ ไว้หน้า adjective ตัวอย่างเช่น
Cleaning the floor is my least favorite type of housework.
The least difficult tense in English is the present simple.
He’s the least active person I know. He’s very lazy.
As … as
อีกวิธีที่สามารถใช้เพื่อเปรียบเทียบคนและของในภาษอังกฤษคือการใช้ as + adjective +as เราจะใช้รูปนี้เพื่อบอกว่าคนหรือของสองอย่างนั้นเหมือนหรือไม่เหมือนกัน เช่น
I’m as tall as my brother. (We are the same height.)
This book isn’t as good as that one. (The quality of the books is not the same.)
Are you as hungry as I am? (Are we hungry in the same way?)
การใช้รูปเปรียบเทียบสองสิ่ง (comparatives) และเปรียบเทียบขั้นสุด (superlatives) และ as + as
นี่คือตัวอย่างของแต่ละรูปซึ่งใช้ adjective ตัวเดียวกัน
‘Nice’
My new neighbors are nicer than the last ones.
The previous neighbors were less nice.
Mr Berry is the nicest neighbor I have.
Mr Lewis isn’t as nice as Mr Berry.
‘Challenging’
Her new job is more challenging than her last job.
Her last job was less challenging.
It’s the most challenging job she’s ever had.
Her last job wasn’t as challenging as this one.
การเรียนรู้เพื่อใช้รูป comparatives และ superlatives จะช่วยอัพเกรดการสื่อสารของคุณให้เหนือกว่าเดิมอีกระดับ ในคอร์สเรียนที่ Wall Street English คุณจะได้เรียนไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษผ่านการฟังและการพูด ทั้งเพื่อการสื่อสารส่วนตัวและการสื่อสารในระดับธุรกิจ ตอนนี้คุณน่าจะได้รู้แล้วว่าไวยากรณ์เหล่านี้ทำงานอย่างไร ลองตอบแบบทดสอบสนุกๆ เพื่อฝึกการใช้ภาษาด้านล่าง
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
“เอ็มจีไอ”ส่งมอบแพลตฟอร์มวิเคราะห์จีโนมคนไทย 5 หมื่นคน
เอ็มจีไอเทค ส่งมอบผลิตภัณฑ์*วิเคราะห์ลำดับจีโนมของคนไทย 50,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย ที่มุ่งยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันประเทศด้านการวิจัยเวชศาสตร์จีโนม (Genomic Medicine) พร้อมพัฒนามาตรฐานการจัดการทางการแพทย์แก่ประชาชนทั่วไป
นายรอย ตัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มจีไอเทค จำกัด (MGI) ผู้พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีหลักในการขับเคลื่อนชีววิทยาศาสตร์ (life sciences) กล่าวว่า “MGI มีความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการวิจัยด้านจีโนมและพัฒนานวัตกรรมในประเทศไทย และพร้อมส่งมอบเครื่องจัดลำดับจีโนมสมรรถนะสูงรุ่น DNBSEQ-T7RS* จำนวน 2 เครื่อง
ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าทั้งในด้านการรองรับปริมาณตัวอย่างจำนวนมากขึ้น และมีราคาเหมาะสมสำหรับนักวิจัย เราเชื่อมั่นว่าจะมีการใช้เครื่องมือนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพและมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์การพัฒนาบริการทางการแพทย์จีโนมิกส์ให้มีคุณภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวม”
โครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย เปิดตัวในปี 2562 โดยการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 5 ปีนี้ มีเป้าหมายในการสร้างคลังข้อมูลทางการแพทย์ที่สมบูรณ์และครบถ้วนที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยการจัดระบบข้อมูลจีโนมของคนไทย 50,000 คน ซึ่งการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขและเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเวชศาสตร์จีโนมของไทยนี้ จะช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับจีโนมเฉพาะของคนไทยที่มีความซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น อันเป็นพื้นฐานในการพัฒนาไปสู่การวินิจฉัยจำเพาะบุคคล (personalized diagnostics) การเลือกใช้ยา และการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ โรคหายากและไม่ได้รับการวินิจฉัย โรคไม่ติดต่อ และโรคเภสัชพันธุศาสตร์
แพลตฟอร์มวิเคราะการจัดลำดับจีโนมรุ่น DNBSEQ-T7RS* ทั้งสองเครื่องติดตั้งไว้ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย จะมีบทบาทช่วยเสริมขีดความสามารถในการจัดลำดับจีโนม และภาพรวมด้านขีดความสามารถในการป้องกัน วินิจฉัย และการรักษาที่แม่นยำ นอกจากนี้ นักวิจัยของไทยยังสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ในการศึกษาข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ ด้านชีววิทยา ทำความเข้าใจโรคมะเร็งที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่นวัตกรรมหรือการค้นพบใหม่ ๆ ได้ในขณะเดียวกัน
แพลตฟอร์มวิเคราะห์การจัดลำดับจีโนม DNBSEQ-T7RS ทำงานด้วยสมองกลของชิป 4 ตัวที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหลัก DNBSEQTM ของ MGI สามารถประมวลข้อมูลต่อวันได้ถึง 6 เทระไบต์ (Tb) และวิเคราะห์ 60 จีโนมมนุษย์อย่างครบถ้วนได้ในแต่ละวัน ความสามารถในการรองรับข้อมูลปริมาณมากเป็นพิเศษ พร้อมด้วยประสิทธิภาพและการประมวลผลที่ตอบโจทย์ ทำให้ DNBSEQ-T7RS* เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการนำไปใช้ในหลายด้าน อาทิ การถอดรหัสทั้งจีโนม (whole genome sequencing) ถอดรหัสเอ็กโซมเชิงลึก (deep exome sequencing) วิเคราะห์เอพิจีโนมหรือกระบวนการเหนือพันธุกรรม (epigenome sequencing) วิเคราะห์ลำดับเบสของอาร์เอ็นเอ (transcriptome sequencing) วิเคราะห์กลุ่มโรคมะเร็ง (tumor panel) รวมทั้งรองรับโครงการถอดรหัสพันธุกรรมขนาดใหญ่ได้
นอกจากนี้ ยังมีบทบาทที่โดดเด่นในด้านการแพทย์คลินิก (clinical medicine) การป้องกันและควบคุมโรค การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และด้านอื่น ๆ ด้วย เทคโนโลยีนี้จึงเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมมีความแม่นยำสูง
ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับวิเคราะห์การจัดลำดับจีโนมที่มีต้นทุนลดต่ำลง ทำให้รัฐบาลทั่วโลกให้การสนับสนุนเงินทุนในการดำเนินโครงการวิเคราะห์ลำดับจีโนมในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ และส่งผลให้มีความต้องการที่สูงขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสมรรถนะสูงเพื่อวิเคราะห์การจัดลำดับจีโนม ทั้งในด้านปริมาณข้อมูล (throughput) ต้นทุน ความถูกต้องแม่นยำ และความอัจฉริยะของระบบ ซึ่งแพลตฟอร์ม DNBSEQTM ของ MGI* ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถรองรับการวิเคราะห์ลำดับจีโนมได้มากเป็นพิเศษ มีต้นทุนต่ำ และทำงานด้วยระบบอัตโนมัติทั้งหมด ครอบคลุมการวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างจนถึงการจัดทำรายงาน เทคโนโลยีนี้จึงมีประสิทธิภาพสูงและตอบโจทย์การวิจัยจีโนมในประชากรขนาดใหญ่ โดยเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 เทคโนโลยีวิเคราะห์การจัดลำดับจีโนมและระบบอัตโนมัติของ MGI ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้โครงการจีโนมแห่งชาติ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ MGI ในการส่งเสริมให้เทคโนโลยีวิเคราะห์การจัดลำดับจีโนมสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นในยุคของจีโนมิกส์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ตะแกรงเหล็ก 4 ประเภท กับความงามและความแกร่ง 4 แบบเพื่อบ้านของคุณ
ตะแกรงเหล็กเป็นวัสดุสำหรับงานก่อสร้างที่เป็นที่นิยมด้วยความแข็งแรงและสวยงาม ดังที่มักพบในการออกแบบดิบเท่สไตล์ Industrial หรือ Loft ไม่ว่าจะใช้เป็นฟาซาดภายนอก ฉากกั้นตกแต่งภายใน หรือกระทั่งนำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผลิตตะแกรงเหล็กหลายประเภท สร้างรูปทรงรูปแบบได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งที่เน้นความสวยงามน้ำหนักเบา หรือที่เน้นความแข็งแกร่งทนทาน การทำความรู้จักประเภทของตะแกรงเหล็กจึงสำคัญอย่างยิ่งเพื่อการนำไปใช้ที่เหมาะสมกับความต้องการ
ทำความรู้จักตะแกรงเหล็ก 4 ประเภทกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ตะแกรงเหล็กแผ่นไทย
บริษัท ผลิตภัณฑ์ตะแกรงเหล็กแผ่นไทย (Thai Metal Perforation Co., Ltd.) ผู้ผลิตตะแกรงเหล็กรูปแบบต่าง ๆ มาตั้งแต่ปี 2522 ท้าพิสูจน์ความงามและความแกร่งของตะแกรงเหล็กทั้ง 4 ประเภท ที่นำมาโชว์ในงานสถาปนิก’66 ได้แก่
ตะแกรงยืดหรือตะแกรงข้าวหลามตัด (EXPANDED METAL SHEET)
มีคุณสมบัติแข็งแรงสูง รับน้ำหนักแรงกดทับได้มากโดยไม่เสียรูป น้ำหนักเบา และสวยงาม มีทั้งแบบเหล็ก, สเตนเลส, อะลูมิเนียม และโลหะประเภทอื่น ๆ เช่น สังกะสี, ทองเหลือง, ทองแดง ฯลฯ ตามความต้องการ โดยสามารถผลิตได้ตามขนาดและลวดลายรูปแบบต่าง ๆ มากมาย พร้อมบริการต่อเนื่อง เช่นการตัด, การพับ ,การเชื่อม และการพ่นสี เพื่อตอบสนองการใช้งานในทุกรูปแบบ
ตะแกรงเจาะรูลวดลายพิเศษ ( FANCY PATTERN PERFORATED METAL SHEET)
ได้ลวดลายสวยงามตามสั่งในประเภทโลหะ สี และขนาดตามที่ต้องการ กับบริการผลิตชิ้นงานตะแกรงตามสั่ง เพิ่มความสวยงาม หรูหรา โดดเด่น ทันสมัย สามารถนำไปใช้ตกแต่งอาคารได้ทั้งภายในและภายนอก เช่น สร้างฉากกั้น ประตู ชั้นวางของ ฉากบังแสงแดด ทำฝ้าเพดาน ฯลฯ
ตะแกรงเจาะรู (PERFORATED METAL SHEET)
ตะแกรงจากเหล็ก, สเตนเลส, อะลูมิเนียม และโลหะประเภทอื่น ๆ ที่นำมาเจาะในลักษณะต่าง ๆ เช่น รูกลม รูสี่เหลี่ยม รูยาวรี รูสามเหลี่ยม หรือรูรูปแบบพิเศษเฉพาะงาน มีคุณสมบัติทนทาน น้ำหนักเบา สวยงาม และดูแลรักษาง่าย เหมาะกับการนำไปใช้ในงานเกษตรหรืองานอุตสาหกรรม เช่นการผลิตสินค้าตามขนาด ลวดลาย หรือรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ หรือผลิตเป็นแผ่นลายกันลื่นด้วยผิวสัมผัสที่มีความฝืดสูง ตอบสนองการใช้งานได้หลายรูปแบบ
ตะแกรงปั๊มนูน (EMBOSSED) และปั๊มรูระเบิด (BURRED)
การปั้มนูนคือการปั๊มให้ผิวโลหะมีความสูงขึ้นเพื่อให้ผิวสัมผัสมีความฝืด เช่น การปั๊มลายตีนเป็ด ลายตีนไก่ (CHECKERED PLATE) ส่วนการปั๊มรูระเบิดคือการปั๊มรูทะลุและมีบ่าสูงรอบรู สร้างผิวสัมผัสที่มีความฝืดสูง ช่วยในการใช้งานเช่นบ่าของรูทำให้พื้นรองเท้าไม่ต้องสัมผัสผิวน้ำมันหรือสารเคมีที่เจิ่งนองบนผิวของแผ่นเป็นต้น นิยมใช้เป็นพื้นกันลื่นในโรงงานหรือจะนำไปตกแต่งก็สามารถทำได้
พบ 4 ประเภทของตะแกรงเหล็กไทยในงานสถาปนิก’66
สัมผัสตะแกรงเหล็กแต่ละประเภทกันได้แบบครบ ๆ กับบริษัท ผลิตภัณฑ์ตะแกรงเหล็กแผ่นไทย ที่บูธหมายเลข D704 ที่งานสถาปนิก’66 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 25 – 30 เมษายน 2566 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
สำหรับผู้สนใจจองพื้นที่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://architectexpo.com/2023/en/about-the-expo/#space-reservation หรือ โทร. 02-717-2477 อีเมล info@TTFintl.com
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 1/11/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,400.00 | 29,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,904.00 | 28,864.64 | 30,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,713.60 | 25,978.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,523.20 | 23,091.71 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 857.00 | 12,992.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 666.00 | 10,096.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,973.00 | 29,910.68 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 1/11/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.35 | 35.35 | 35.75 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.08 | 35.08 | 35.48 | 35.08 | 35.08 | 35.08 | 35.08 | 35.08 | 35.08 | 35.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.24 | 34.24 | 34.64 | 34.24 | 34.24 | – | 34.24 | 34.24 | 34.24 | 34.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.84 | 32.84 | – | – | – | – | – | – | – | 32.84 |
เบนซิน 95 | 42.76 | – | – | – | 43.21 | – | 43.26 | 43.21 | – | 42.76 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.84 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.84 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.84 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 34.24 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 46.06 | 45.06 | 45.06 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |