บทสรุปอสังหาฯปี 2565 บ้าน-คอนโด เปิดใหม่เพิ่ม 85% สต็อก 18 เดือน ถึงระบายหมด!
“ลุมพินี วิสดอมฯ” เผย ปี 2565 มีโครงการบ้าน – คอนโดมิเนียม กทม.-ปริมณฑล เปิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 85% ขณะสต็อกเหลือขาย ณ สิ้นปี ร่วม 209,326 หน่วย คาดใช้เวลาระบาย 18 เดือน ถึงจะหมด
26 ม.ค.2566 – จากการสำรวจของบริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ในเครือ แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล (Supply) ในปี 2565 มีบทสรุปที่น่าสนใจ โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 394 โครงการ คิดเป็นจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 103,340 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 457,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% และ 71% ตามลำดับ
เมื่อเทียบกับจำนวนและมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 โดยมีอัตราการขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวที่ 20% เป็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียม 92 โครงการ จำนวน 51,680 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 135,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% และ 45% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยมีอัตราขายเฉลี่ยในวันเปิดตัวโครงการ 29% และเป็นการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัย 302 โครงการ จำนวน 51,660 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 322,308 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 48% และ 84% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2564โดยมีอัตราขายเฉลี่ยในวันเปิดตัวโครงการที่ 12%
การเปิดตัวโครงการจำนวนมากในปี 2565 ทำให้มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยคงค้างในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล (Inventory) เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยมีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยคงค้างอยู่ที่ 209,326 หน่วย ณ สิ้นปี 2565 โดยเป็นหน่วยคงค้างประเภทบ้านพักอาศัยเพิ่มขึ้น 2.9% ขณะที่หน่วยคงค้างคอนโดมิเนียมลดลง 1.8% ต้องใช้ระยะเวลาในการระบายประมาณ 18 เดือน
ในขณะที่จำนวนและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์(Demand) สะสม 9 เดือนแรกปี 2565 เพิ่มขึ้น 15% และ 10% ตามลำดับเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564 โดยมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ 139,213 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 468,646 ล้านบาท โดย LWS คาดว่าจนถึงสิ้นปี 2565 จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสิ้น 171,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 594,000 ล้านบาท เติบโต 2% ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์มื่อเทียบกับปี 2564 เป็นอัตราการโอนกรรมสิทธิ์ที่เติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในปี 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัว “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม
อไอเอ ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 85 ปี เดินหน้าลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง จัดงานเปิดตัว “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ AIA East Gateway” อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกระดับพรีเมียมแห่งใหม่ บนทำเลยุทธศาสตร์ถนนบางนา-ตราด กม. 4.5 อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งโครงการแห่งนี้ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งที่ 3 ของเอไอเอ ประเทศไทย หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่ามาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ และเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ พิธีเปิดอาคารได้รับเกียรติจากนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธาน โดยมี ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ดร. เอ็ดมันด์ ซือ ประธานอิสระ กลุ่มบริษัทเอไอเอ และนายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากเอไอเอ และพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 100 ท่าน เข้าร่วมงาน
เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียมมาตรฐานอาคารสีเขียว ที่สะท้อนความมุ่งมั่น และความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้าน ESG ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคเอเชีย และสร้างมาตรฐานอาคารสำนักงานให้ทัดเทียมสากล พร้อมตอบโจทย์ผู้ประกอบการ และนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มองหาอาคารสำนักงานที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกและไลฟ์สไตล์อันล้ำสมัย สอดรับกับแนวคิด “A Harmony of Work, Wellbeing and Sustainability” ที่มุ่งสร้างสมดุลย์ของชีวิตและการทำงานให้ลงตัว
สำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ถือเป็นการตอกย้ำด้านการบริหารพอร์ตการลงทุนของบริษัทในการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง โดยอาคารเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ สร้างขึ้นต่อจากโครงการเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ย่านรัชดาภิเษก และอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ที่เปิดตัวขึ้นในปี 2557 และ 2559 ซึ่งอาคารทั้งสองแห่งได้รับรางวัลจากหลากหลายสถาบันทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ อีกทั้งยังมีอัตราการเช่าสูงกว่า 90% ด้วยอาคารทั้งสามแห่งของเอไอเอ ประเทศไทย ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของกรุงเทพฯ โดยมีพื้นที่สำนักงานให้เช่ารวมทั้งสิ้น 167,000 ตร.ม.
พิธีเปิดอาคารดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมแสดงความยินดี และขึ้นกล่าวยกย่องวิสัยทัศน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ในการเปิดตัวแลนด์มาร์คที่สำคัญแห่งใหม่ในย่านบางนา-ตราด ว่า “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็นโครงการที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับภูมิทัศน์โครงสร้างพื้นฐานของย่านบางนา ด้วยทำเลที่ตั้งอันยอดเยี่ยมนี้จะดึงดูดบริษัททั้งในและต่างประเทศที่ต้องการพัฒนาธุรกิจในเขตโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เพราะบางนาถือเป็นหนึ่งในย่านการค้าที่เติบโตเร็วที่สุดในกรุงเทพฯ จึงมีโอกาสทางธุรกิจมากมาย อีกทั้งการพัฒนาโครงการครั้งนี้ ยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศไทยต่อไป”
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย กล่าวในขณะร่วมงานฉลองความสำเร็จในโอกาสครบรอบ 85 ปี ของเอไอเอ ประเทศไทย ว่า “ขอแสดงความยินดีกับเอไอเอในโอกาสฉลองครบรอบ 85 ปีในประเทศไทย เอไอเอเป็นบริษัทประกันชีวิตชั้นนำที่มีส่วนในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ความคิดริเริ่มใหม่ ๆ หลายโครงการของเอไอเอ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอันก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่เพียงแค่ต่ออุตสาหกรรมประกันชีวิต แต่ยังรวมถึงสังคมและประเทศของเรา “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ ที่เป็นตัวอย่างที่ดีของบริษัทประกันชีวิตที่มีวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยมและความมุ่งมั่นในระยะยาว ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืนอีกด้วย”
นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวถึงจุดเด่นและความพรีเมียมของอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของเอไอเอว่า “โครงการนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งสำหรับธุรกิจ SME และองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยทำเลที่ตั้งและการเดินทางที่สะดวกสบาย การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่หาใครเทียบได้ยาก” พร้อมเสริมว่า “เรามั่นใจว่าอาคารแห่งนี้จะกลายเป็นผู้เล่นหลักในการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจและการค้าของอีอีซีในอีกไม่ช้า และยังทำให้เรามั่นใจและมุ่งมั่นในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โครงการนี้ยังถือเป็นอีกก้าวสำคัญของแผนการลงทุนด้านอสังริมทรัพย์ของเอไอเอ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นให้แข็งแกร่ง และแสดงให้เห็นถึงตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ เอไอเอได้มอบการดูแลให้กับหลายล้านครอบครัวทั่วประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียมาหลายทศวรรษ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นับเป็นอีกวิธีหนึ่งในการช่วยสนับสนุนให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน”
อาคารสำนักงานของเอไอเอ ประเทศไทย ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจากมืออาชีพในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยในปี 2563 เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ได้คว้า 2 รางวัลอันทรงเกียรติจากงานมอบรางวัล พร็อพเพอร์ตี้ กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2020 อันได้แก่ รางวัลอาคารสำนักงานที่มีภูมิทัศน์สถาปัตย์ยอดเยี่ยม (Best Office Landscape) และรางวัลอาคารสำนักงานที่มีสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยม (Best Office Architectural Design Award)
เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็นอาคารสำนักงานระดับพรีเมียมเกรดเอ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างอาคารอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานอาคารสากล LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard ระดับโกลด์ อาคารสูง 33 ชั้น มีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 70,000 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่า 60,000 ตร.ม. และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า 10,000 ตร.ม. โดยพื้นที่สำนักงานตั้งอยู่บนชั้น 6 ถึงชั้น 33 มีพื้นที่ต่อชั้นกว้าง 1,900 ถึง 2,200 ตร.ม. เน้นความโปร่งโล่งด้วยความสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดาน 3 เมตร ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 85 ตร.ม. จนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มชั้น 2,200 ตร.ม. ถูกออกแบบให้ไม่มีเสากั้นกลางพื้นที่เช่า เพื่อเปิดให้ใช้สอยพื้นที่ได้ทุกตารางเมตร และสามารถจัดสรรพื้นที่การทำงานได้หลายรูปแบบ โดยพื้นที่ระหว่างชั้นสามารถติดตั้งบันไดภายในออฟฟิศได้เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน ในส่วนของพื้นที่ค้าปลีก ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 3 มีขนาดเริ่มต้นที่ 20 ตร.ม. พร้อมต้อนรับร้านค้า คาเฟ่และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ส่วนของพื้นที่ฟิตเนสและสระว่ายน้ำระบบเกลือจัดไว้บริการอยู่บนชั้น 4 พร้อมพื้นที่ Co-working Space บนชั้น 4 และชั้น 5
เพื่อสนับสนุนแนวคิดที่ต้องการให้ผู้เช่าได้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี บนชั้น 5 ของอาคาร ได้ออกแบบให้มีพื้นที่ AIA Vitality Zone ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมายมายด้านสุขภาพ ลู่วิ่งยาวขนาด 400 เมตร รวมถึงพื้นที่ทำงานแบบเปิดโล่ง และโซนสวนผักออร์แกนิก (Urban Farming) นอกจากนี้ ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมกล้องวงจรปิดและระบบจดจำใบหน้า รวมถึงลิฟต์โดยสาร 18 ตัว สำหรับการใช้งานและการเข้าถึงได้อย่างสะดวกง่ายดายและปลอดภัยสำหรับผู้เช่าและผู้มาเยือนทุกคน พร้อมที่จอดรถ 1,250 คัน และจุดที่ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ EV ที่มีไว้พร้อมให้บริการ
เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ ห้างสรรพสินค้าเมกาบางนา และเซ็นทรัลบางนา ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ หรือโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ และยังอยู่ใกล้เส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ และถนนสายหลัก ซึ่งสามารถเดินทางสัญจรไปมาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ อาคารแห่งนี้ยังได้รับประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ในอนาคตของย่านบางนา-ตราด ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) แห่งใหม่ในโซนกรุงเทพตะวันออก ปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้โดยรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ลาดพร้าว-สำโรง) และในอนาคต อาคารเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ จะอยู่ห่างจาก MRT สถานีศรีเอี่ยม เพียง 350 เมตร จากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สำโรง-สวนหลวง ร.9)
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของอาคารเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ สามารถเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ www.aiaeastgateway.com หรือติดต่อ ณ สำนักงานขาย หรือหากต้องการสอบถามเกี่ยวกับการเช่าอาคารสำนักงานหรือพื้นที่ค้าปลีก สามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์ 02-119-1500 วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.30 – 17.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก .ryt9.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 32.78 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทวันนี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงาน เงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (27ม.ค.2566)ที่ระดับ 32.78 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.76 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การเคลื่อนไหวผันผวนในฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทนั้น มาจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว (ราคาทองคำย่อตัวแตะโซนแนวรับในวันก่อนหน้า) ซึ่งเรามองว่า ในวันนี้ เงินบาทก็มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แต่ต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงาน เงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ
โดยหากรายงานเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงตามคาด ก็อาจไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองที่เชื่อว่า เฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยไปมากนัก ทำให้เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงไม่มาก หรือ
เงินบาทคงไม่ได้แข็งค่าขึ้นแรง แต่ทว่า หากเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอลงตามคาด และกลับกันอาจเร่วขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เรามองว่า ตลาดอาจพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงได้เร็ว ส่งผลให้เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านได้
ทั้งนี้ เราคงมองโซนแนวต้านสำคัญของเงินบาทอยู่ในช่วง 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับสำคัญยังคงเป็นช่วง 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.90 บาท/ดอลลาร์
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อาทิ GDP ในไตรมาสที่ 4 ขยายตัวถึง +2.9% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี (ตลาดมอง +2.6%)
ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 186,000 ราย และ 1.97 ล้านราย ตามลำดับ
รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดดังกล่าว ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักหรือเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น และกล้ากลับมาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ทำให้ดัชนี S&P500 สามารถปิดตลาด +1.10%
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.42% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด (สวนทางกับสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลในวันก่อนหน้า)
นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดก็ได้ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรปเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์เสี่ยงที่ชัดเจนต่อไป
ทางฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.50% อีกครั้ง หลังจากที่ปรับตัวลดลงแตะระดับ 3.43% ในวันก่อนหน้า อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งหากรายงานเงินเฟ้อ PCE ออกมาชะลอลงต่อเนื่องตามคาด ก็อาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า เฟดอาจไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้บ้าง
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 101.8 จุด หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดคลายความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวลงหนักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด รวมถึง การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับแถว 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม คือ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่เฟดติดตาม โดยตลาดคาดว่า การปรับตัวลงของราคาพลังงานและโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เพื่อระบายสต็อกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะกดดันให้ อัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนธันวาคม ชะลอลงสู่ระดับ 5.0%
อย่างไรก็ดี แม้ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE อาจจะชะลอลงสู่ระดับ 4.4% ตามภาพการชะลอลงของเศรษฐกิจโดยรวม ทว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับภาคการบริการและไม่รวมค่าเช่าบ้าน Core PCE Services ex. Housing Rents อาจไม่ได้ชะลอลงไปมากนัก ทำให้เฟดอาจยังคงกังวลว่าเงินเฟ้อชะลอลงช้าและจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในปีนี้
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากรายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจช่วยทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่องได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ไรบาคิน่า” ทะลุชิงดำออสเตรเลียน โอเพ่น ดวล “ซาบาเลนก้า”
เอเลน่า ไรบาคิน่า เอาชนะ วิกตอเรีย อซาเรนก้า ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ พบ อารีน่า ซาบาเลนก้า ศึกออสเตรเลียน โอเพ่น
ศึกเทนนิสแกรนด์สแลม “ออสเตรเลียน โอเพ่น” ที่เมลเบิร์นปาร์ก ประเทศออสเตรเลีย รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง โดย เอเลน่า ไรบาคิน่า มือวางอันดับ 22 ชาวคาซัคสถาน เจ้าของแชมป์ “วิมเบิลดัน” ปีที่แล้ว ลงสนามพบ วิกตอเรีย อซาเรนก้า อดีตมือ 1 โลกชาวเบลารุส ดีกรีอดีตแชมป์ 2 สมัยรายการนี้
ผลปรากฎว่า เอเลน่า ไรบาคิน่า เอาชนะวิกตอเรีย อซาเรนก้า (7-6) (7/4), 6-3 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ไปพบกับ อารีน่า ซาบาเลนก้า มือวางอันดับ 5 ชาวเบลารุสซึ่งคว้าชัยเหนือแม็กดา ลีเน็ตต์ ม้ามืดจากโปแลนด์ 7-6 (7/1), 6-2
สำหรับคู่ชิงชนะเลิศ หญิงเดี่ยว ระหว่าง เอเลน่า ไรบาคิน่า พบกับ อารีน่า ซาบาเลนก้า จะลงดวลแร็คเก็ตกันในวันเสาร์ที่ 28 มกราคมนี้ ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ศึกออสเตรเลียน โอเพ่นจะได้แชมป์หญิงเดี่ยวหน้าใหม่แน่นอน เพราะทั้งคู่ต่างยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์รายการนี้มาก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“น้ำมะพร้าว” กับความเชื่อผิดๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
น้ำมะพร้าวนั้นเป็นหนึ่งในน้ำผลไม้ที่ได้รับความนิยมกันอย่างมากในประเทศไทย เพราะมีรสชาติหวาน อร่อย ดื่มแล้วสดชื่น แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย แต่ก็ยังมีหลายๆ คนที่อาจจะมีความเข้าใจผิด หรือความเชื่อบางอย่างเกี่ยวกับการรับประทานน้ำมะพร้าว ที่อาจจะเคยได้ยินผู้ใหญ่เล่าขานบอกต่อกันมา
Hello คุณหมอ จะมาช่วยแก้ไข ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับน้ำมะพร้าว ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้กัน
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ “น้ำมะพร้าว” ที่ควรรู้
ความเชื่อที่ 1 ห้ามดื่มน้ำมะพร้าวขณะมีประจำเดือน
สาวๆ หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำเตือนกันมาบ้างว่า ถ้ามีประจำเดือน ห้ามดื่มน้ำมะพร้าวเด็ดขาด เพราะแสลงกับคนที่มีประจำเดือน และจะทำให้ปวดท้อง จริงๆ แล้วการดื่มน้ำน้ำมะพร้าวขณะมีประจำเดือน นั้นก็ไม่แตกต่างจากการดื่มน้ำหวานอื่นๆ แต่อย่างใด เรายังสามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ตามปกติ แม้ว่าจะมีประจำเดือน โดยไม่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อประจำเดือน หรือทำให้ปวดท้องอย่างที่เราเชื่อกัน
แต่อย่างไรก็ตาม บางคนอาจจะมีอาการแพ้น้ำมะพร้าวได้ หากคุณสังเกตพบว่าคุณมีอาการแพ้หลังจากดื่มน้ำมะพร้าว เช่น รู้สึกคัน มีผดผื่น หรือมีอาการบวม ควรหยุดรับประทานน้ำมะพร้าว และเข้ารับการตรวจโรคภูมิแพ้ก่อนจะดีกว่า
ความเชื่อที่ 2 หลังออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำมะพร้าวจะดีที่สุด
บางคนเชื่อว่า การดื่มมะพร้าวหลังออกกำลังกาย จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการเติมน้ำและแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายสูญเสียไปทางเหงื่อให้กลับคืนมา ในความเป็นจริงนั้น การดื่มน้ำมะพร้าวหลังออกกำลังกาย ไม่ได้มีประโยชน์มากไปกว่าการดื่มน้ำเปล่าตามปกติสักเท่าไหร่
ยิ่งโดยเฉพาะหากคุณออกกำลังกายและสูญเสียเหงื่อมาก น้ำมะพร้าวที่ไม่ได้เติมน้ำตาล อาจจะมีแคลอรี่น้อยเกินกว่าที่จะทดแทนแร่ธาตุและพลังงานที่ขาดหายไป หากคุณออกกำลังกายและเสียเหงื่อมาก การดื่มสปอตดริ๊งค์ที่ให้มีน้ำตาลและให้พลังงานสูง อาจจะเหมาะสมกว่าการดื่มน้ำมะพร้าว
ความเชื่อที่ 3 ดื่มน้ำมะพร้าวตอนท้อง ลูกจะมีผิวขาว
ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนอาจจะแนะนำให้คนท้องดื่มน้ำมะพร้าวมากๆ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้ลูกที่คลอดออกมามีผิวขาว และยังช่วยล้างไขตามตัวเมื่อแรกเกิด แต่จริงๆ แล้วการดื่มน้ำมะพร้าวไม่ได้มีผลอะไรต่อสีผิวของลูก หรือปริมาณไขของทารกในครรภ์เลยแม้แต่น้อย ลูกของคุณจะมีผิวขาวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ของพ่อและแม่เด็กต่างหาก
ความเชื่อที่ 4 ดื่มน้ำมะพร้าวตอนท้อง จะทำให้แท้งลูก
เนื่องจากในน้ำมะพร้าวนั้นจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ด้วย ซึ่งอาจส่งผลต่อการหดตัวของมดลูกได้ ทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่า หากดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้แท้งบุตรได้ ในความจริงนั้นได้มีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่า แม้ว่าในน้ำมะพร้าวนั้นอาจจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่จริง แต่ก็มีในปริมาณที่น้อยมาก และแทบจะไม่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ หรือการหดตัวของมดลูกเลย ดังนั้นการดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์จึงไม่ทำให้แท้งบุตรแต่อย่างใด
ความเชื่อที่ 5 ดื่มน้ำมะพร้าวช่วยเร่งระบบการเผาผลาญได้
บางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า การดื่มน้ำมะพร้าวจะช่วยเร่งการทำงานของระบบการเผาผลาญได้ และช่วยให้เรากำจัดแคลอรี่ส่วนเกินได้เร็วขึ้น จริงๆ แล้วในขณะที่ร่างกายของเราขาดน้ำ ระบบการเผาผลาญนั้นจะถูกชะลอตัวลง และเมื่อเราดื่มน้ำอะไรก็ตามลงไป ก็จะช่วยเร่งการทำงานของระบบการเผาผลาญนั้นขึ้นมาได้ชั่วคราว โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นน้ำมะพร้าวเท่านั้น
หลังจากที่ทุกคนได้รู้จักกับความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับน้ำมะพร้าวแล้ว ก็อย่าลืมว่าการดื่มน้ำมะพร้าวนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำ แต่มีรสหวานสดชื่น นับได้ว่าเป็นเครื่องดื่มทางเลือกสำหรับผู้ที่รักสุขภาพกันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าควรบริโภคน้ำมะพร้าวในปริมาณที่พอเหมาะ และรับประทานอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนกันด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยคที่ใช้พูดคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว และความประทับใจที่มีต่อสถานที่ Learning English
การคุยเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว เป็นหัวข้อสนทนาที่สร้างความสนุกสนานได้ เพราะทุกคนอยากจะเล่าถึงประสบการณ์เกี่ยวกับการสถานที่ท่องเที่ยวโปรด ดังนั้นวันนี้เราจะมาสอนประโยคที่ใช้พูดคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว และความประทับใจที่มีต่อสถานที่เหล่านั้นกันค่ะ
- สถานที่ท่องเที่ยวโปรด
การบอกว่าเราชอบไปเที่ยวที่ไหนมีวิธีการบอกง่าย คือ
- I like to go + สถานที่ที่เราชอบไป
Ex. I like to go the Maldives. (ฉันชอบไปมัลดีฟส์)
2. I like traveling to + สถานที่ที่เราชอบไป
Ex. I like traveling to Pattaya. (ฉันชอบไปเที่ยวพัทยา)
3.My favorite tourist place is + สถานที่ที่เราชอบไป
Ex. My favorite tourist place is Disneyland. (สถานที่ท่องเที่ยวโปรดของฉันคือดิสนีส์แลนด์)
ประโยคที่ใช้พูดคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวโปรด
ถาม : Where is your favorite tourist place? (สถานที่ท่องเที่ยวโปรดของคุณคือที่ไหน)
ตอบ : My favorite tourist place is Chiang Mai. (สถานที่ท่องเที่ยวโปรดของฉันคือเชียงใหม่)
ถาม : Where do you like to go? (คุณชอบไปที่ไหน)
ตอบ : I like to going the Maldives. (ฉันชอบไปมัลดีฟส์)
ถาม : Where do you want to travel to? (คุณอยากไปเที่ยวที่ไหน)
ตอบ : I want to travel to P.P. Island. (ฉันอยากไปเที่ยวเกาะพีพี)
ถาม : Do you like the beach? (คุณชอบชายหาดไหม)
ตอบ : Yes, I do. (ชอบค่ะ)
No, I don’t. I prefer mountains. (ไม่ชอบค่ะ ฉันชอบภูเขามากว่า)
ถาม : Which tourist place do you recommend? (สถานที่ท่องเที่ยวไหนที่คุณแนะนำ)
ตอบ : I recommend Similan Islands. It is very beautiful. (ฉันแนะนำหมู่เกาะสิมิลัน มันสวยมาก)
ความประทับใจ (Impressiveness)
คำศัพท์ที่นิยมใช้ในเรื่องของความประทับใจมีอยู่หลายคำโดยคำที่มักจะได้ยินและได้ใช้บ่อยๆ ได้แก่
Impressive (น่าประทับใจ)
Attractive (มีเสน่ห์ดึงดูดใจ)
Satisfying (น่าประทับใจ/น่าพึงพอใจ)
- ประโยคที่ใช้ในการบอกถึงความประทับในต่อสิ่งต่างๆ
ถาม : What about the floating market impressed you? (คุณรู้สึกประทับใจอะไรในตลาดน้ำ)
Why is Japan attractive? (ทำไมญี่ปุ่นถึงน่าดึงดูดใจ)
ตอบ : I am impressed with Japanese culture. (ฉันรู้สึกประทับใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น)
Disneyland attracts me. (ดิสนีย์แลนด์ดึงดูดใจฉัน)
Pattaya’s night life impressed me. (ความมีชีวิตชีวาในช่วงกลางคืนของพัทยาทำให้ฉันรู้สึกประทับใจ)
Similan Island’s view is attractive. (ทิวทัศน์ของเกาะสิมิลันนั้นน่าประทับใจมาก)
ขอบคุณข้อมูลจาก intrend.trueid.net
วิธีเช็ก‼ มือถือถูกติดตั้งแอปฯ รีโมทดูดเงินหรือไม่ [iOS]
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไหนๆ แล้วนั้นความปลอดภัยที่หลายๆ คนกำลังมองหาก็มักมาข้อบกพร่องหลายๆ อย่าง และที่เห็นบ่อยสุดคงเป็นอาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cyber Crime) การทุจริตหลอกลวงที่เกิดขึ้นบนโลกอินเตอร์เน็ตและช่องทางออนไลน์ประเภทต่าง ๆ วันนี้เราเลยมี 3 วิธีตรวจสอบมือถือ iOS ป้องกันมือถือถูกติดตั้งแอปฯ รีโมทดูดเงิน จากคำ ตำรวจปราบอาชญากรรมออนไลน์ มาแนะนำกัน
สำหรับระบบ iOS ตัวระบบเองมีการป้องกันที่ค่อนข้างแน่นหนา แต่ถ้าจะให้ชัวร์ต้องเช็กตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. การตั้งค่า -> แบตเตอรี่ และดูว่ามีแอปไหนที่ใช้งานหนักเกินการใช้งานจริงบ้าง
2. ข้าไปดูแอปทั้งหมดบน iPhone ว่ามีแอปไหนแปลกปลอมติดมาหรือเปล่า ถ้ามีให้กดลบทันที
3. สำคัญคือควรเปิดการเตือนเว็บหลอกลวงบน Safari โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า -> Safari จากนั้นให้กดเปิดสวิตช์ “คำเตือนเว็บไซต์หลอกลวง” รวมไปถึงการลบปฏิทินสแปมบนแอปปฏิทินด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมสินค้าขายดี ช็อปออนไลน์ที่ UDWASSADU ประจำปี 2023
ท่อ PPR ฉนวนใยแก้ว Rockwool ราคาดี ทั้ง 3 อย่างนี้ ถือได้ว่าเป็นสินค้าขายดีในระบบออนไลน์ของร้าน UDWASSADU เป็นอย่างมากในปี 2023 ไม่ว่าจะเป็นท่อ PPR ที่ถือว่าเป็นท่อประปาชั้นเยี่ยมยุคใหม่ หรือฉนวนใยแก้ว ฉนวน Rockwool ราคาประหยัด ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในด้านวัสดุกันความร้อน โดยทั้ง 3 นี้ เราจะพาไปทำความรู้จักว่าทำไมมันถึงเป็นสินค้าขายดีประจำร้านของเรา
UDWASSADU กับ 3 สินค้าขายดีประจำร้านในปี 2023
สินค้าขายดีประจำร้าน UDWASSADU ในปี 2023 นี้ ไม่ว่าจะเป็นท่อ PPR ฉนวนใยแก้ว Rockwool ราคางาม ต่างก็เป็นสินค้าวัสดุงานช่างที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกับสินค้าทั้ง 3 อย่างนี้กัน
ท่อ PPR ท่อเขียว สำหรับงานประปา ที่มาทดแทนท่อ PVC
ท่อ PPR คือ ท่อที่ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยมาตรฐานใหม่ โดยแรกเริ่มนั้นผลิตจากประเทศเยอรมนี และแพร่หลายในทวีปยุโรปเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะมาเริ่มนิยมในแถบเอเชียภายหลัง มีคุณสมบัติที่ดีกว่าตัวเลือกอย่างท่อ PVC ที่ใช้ในงานประปาแบบทั่ว ๆ ไป ด้วยความสามารถที่ทนความร้อนได้ดีกว่า และ สามารถเชื่อมกับข้อต่อด้วยความร้อนเพื่อลดปัญหาการรั่วซึมตามข้อต่อที่มีมากในท่อ PVC ซึ่งใช้กาวเชื่อมประสานท่อ
และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนั้นเอง ทำให้มันกลายเป็นท่อที่เหมาะสำหรับงานระบบประปาน้ำอุ่น และประปาน้ำร้อน ซึ่งใช้ในงานประปาภายในอาคาร โดยเป็นได้ทั้งท่อน้ำร้อน ท่อน้ำอุ่น ท่อสารเคมีภายในอาคาร บ้าน โรงพยาบาล โรงแรม รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และหน่วยงานที่ต้องการความคงทนถาวรของท่อ หรืออาคารเพื่อการอยู่อาศัยในระยะยาว โดยจะมีลักษณะภายนอกส่วนใหญ่เป็นสีเขียว และมีขีดคาดที่ท่อ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์ที่ผลิต
โดยของที่ UDWASSADU จัดจำหน่าย จะเป็นของแบรนด์ THAI PPR ซึ่งมีสินค้า ดังนี้
- ท่อ PPR PN 10 Economy Class
- ท่อ PPR PN 20 High Pressure Class
- ท่อ PPR PN 20 Durable Class
- กรรไกรตัดท่อ
- ข้องอ 45 องศา
- ข้องอ 90 องศา
- ข้องอเกลียวนอก
- ข้องอเกลียวใน
- ข้องอเกลียวในติดผนัง
- ข้อต่อตรง
- ข้อต่อตรงเกลียวนอก
- ข้อต่อตรงเกลียวใน
- ข้อต่ออานม้า
- ข้อลดกลม
- ข้อลดงอ
- คลิปก้ามปูยาว
- คลิปก้ามปูสั้น
- แผ่นวัดระยะ D16-125
- แท่งซ่อมท่อ D7-11
- ตัวแปลงหน้าจาน
- ท่อครอส
- บอลวาวล์
- บอลวาวล์เกลียวนอก
- บอลวาวล์เกลียวใน
- บุชชิ่ง
- ปลั๊กอุด
- ฝาครอบ
- ยูเนียน F/F
- ยูเนียน M/M
- ยูเนียนเกลียวนอก
- ยูเนียนเกลียวใน
- สต็อปวาล์ว
- สตับเอ็น
- สามทาง
- สามทางลด
- สามทางเกลียวนอก
- สามทางเกลียวใน
- สี่ทาง
- หน้าจานเหล็ก – ANSI150
- หน้าจานเหล็ก – JIS10K
- หน้าจานเหล็ก – PN16
- หัวก๊อกผสมข้องอเกลียวใน
- หัวเจาะอานม้า
- หัวเชื่อม
- หัวเชื่อมอานม้า
- หัวเชื่อมแท่งซ่อม
- เครื่องเชื่อมพร้อมหัวเชื่อม
ฉนวนใยแก้ว อุปกรณ์ป้องกันความร้อนชั้นนำ จากแบรนด์ต่าง ๆ
ฉนวนใยแก้ว คือ วัสดุสำหรับบ้านและอาคารในยุคใหม่ที่กำลังมาแรง ด้วยคุณสมบัติกันความร้อนและดูดซับเสียงอันยอดเยี่ยม โดยจะผลิตขึ้นมาจากแก้ว ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง แล้วลำเลียงเข้าไปในเตาหลอมที่อุณหภูมิสูงจนหลอมละลาย ก่อนจะถูกปั่นเป็นเส้นใยขนาดเล็กที่มีความละเอียดอ่อน ผสมผสานเป็นเนื้อใยแก้วด้วยกาวชนิดพิเศษ เพื่อยึดให้เส้นใยแก้วเกาะติดกัน และลำเลียงสู่ขบวนการอบขึ้นรูปเป็น ฉนวนใยแก้วชนิดม้วน ฉนวนใยแก้วแผ่น และฉนวนใยแก้วหุ้มท่อสำเร็จรูป โดยจะมีจำหน่ายทั้งแบบธรรมดา และแบบมีอะลูมิเนียม
โดยมีคุณลักษณะของฉนวนที่ดี อีกทั้งยังเป็นฉนวนใยแก้วที่เหมาะแก่การใช้งานทั่วไป ทั้งการป้องกันความร้อน และดูดซับเสียงรบกวนของอาคาร โรงงาน รวมถึงบ้านพักอาศัยทั้งเก่าและใหม่
ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ ของฉนวนใยแก้ว กันความร้อน คือ ช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้ผ่านเข้ามาในบ้าน โดยคุณสมบัติของตัวฉนวนจะมีค่ากันความร้อน หรือ “ค่า R” สูง (ค่า R จะมากขึ้นตามความหนาฉนวน) ซึ่งการติดตั้งฉนวนกันความร้อนจะเป็นการเพิ่มค่า R ให้กับบริเวณที่ติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นผืนหลังคา ฝ้าเพดาน หรือผนังก็ตาม
โดยฉนวนใยแก้วจากทาง UDWASSADU ในปัจจุบัน มีอยู่ 2 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ ฉนวนใยแก้วไมโครไฟเบอร์ และฉนวนใยแก้วตราช้าง ซึ่งในตลาด จะมีสินค้าจัดจำหน่ายตามนี้
ฉนวนใยแก้วไมโครไฟเบอร์ FL ฟอยล์ 1 ด้านไม่ลามไฟ
- FL1625
- FL1638
- FL1650
- FL2425
- FL2438
- FL2450
- FL3225
- FL3238
- FL3250
- FL4825
- FL4838
- FL4850
ฉนวนใยแก้วไมโครไฟเบอร์ FR ฟอยล์ 1 ด้านไม่ลามไฟ
- FR1625
- FR1638
- FR1650
- FR2425
- FR2438
- FR2450
- FR3225
- FR3238
- FR3250
- FR4825
- FR4838
- FR4850
ฉนวนใยแก้วตราช้าง รุ่น FRK
- FRK1625
- FRK1638
- FRK1650
- FRK2425
- FRK2438
- FRK2450
- FRK3225
- FRK3238
- FRK3250
- FRK4825
ฉนวนใยแก้วตราช้าง รุ่น FRKF
- FRKF1625
- FRKF1638
- FRKF1650
- FRKF2425
- FRKF2438
- FRKF2450
- FRKF3225
- FRKF3238
- FRKF3250
- FRKF4825
ฉนวน Rockwool ราคาประหยัด ฉนวนชั้นดี ที่ใครก็สนใจ
ฉนวนใยหิน Rockwool คือ เส้นใยสังเคราะห์ที่ผลิตจากการนำหินบะซอลต์ และโดโลไมท์ มาหลอมเหลวด้วยอุณหภูมิที่สูงมากแล้วนำมาปั่นให้เป็นเส้นใย ในปัจจุบัน มักนิยมนำฉนวนใยหินมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันความร้อนและป้องกันเสียง โดยมีใช้อย่างแพร่หลายทั้งในงานอาคาร งานอุตสาหกรรมอย่างหลากหลาย
ซึ่งฉนวนใยหิน Rockwool นี้ไม่ถูกเผาไหม้ที่จุดหลอมเหลว 1000 องศาเซลเซียส ทำให้เหมาะแก่การใช้เป็นฉนวนกันความร้อน และช่วยลดหรือดูดซับเสียงดังได้ โดยสารประกอบอนินทรีย์นี้ยังไม่ทำลาย หรือเป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์ รวมถึงไม่มีสารประกอบของสาร CFCs สาร HCFCs และ แร่ใยหินอีกด้วย
โดยในปัจจุบัน สินค้าฉนวนใยหิน Rockwool มีวางขายตามท้องตลาด ดังนี้
- รุ่น WM 950-SA
- รุ่น WM 960-SA
- รุ่น WM 970-SA
- รุ่น SL 540-SA
- รุ่น SL 930-SA
- รุ่น SL 950-SA
- รุ่น SL 960-SA
- รุ่น SL 970-SA
- รุ่น LF 970-SA
- รุ่น BL 958-SA
- รุ่น BL 960-SA
- CHRONO CROSS
สำหรับสินค้าขายดีประจำร้าน UDWASSADU ทั้ง 3 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นท่อ PPR ฉนวนใยแก้ว Rockwool ราคาประหยัด ประจำปี 2023 ต่างก็เป็นสินค้างานวัสดุช่างก่อสร้างที่นิยมในโครงการต่าง ๆ ซึ่งทางร้านของเราเองก็มีพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ รวมไปถึงสินค้าวัสดุการช่างในหมวดอื่น ๆ อาทิ งานระบบปรับอากาศ งานระบบไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งงานระบบสุขาภิบาล รับรองได้ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปีของทางร้านในวงการวัสดุก่อสร้าง ที่มั่นใจได้ว่า ลูกค้าของเราทุกคน จะได้รับสินค้าดีมีคุณภาพไปใช้งานอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/01/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,900.00 | 30,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,937.00 | 29,364.92 | 30,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,743.30 | 26,428.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,549.60 | 23,491.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 872.00 | 13,219.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 678.00 | 10,278.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,007.00 | 30,426.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/01/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.65 | 36.65 | 37.55 | 37.15 | 37.15 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 37.15 | 36.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.38 | 36.38 | 37.28 | 36.88 | 36.88 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.88 | 36.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.74 | 34.74 | 35.64 | 35.24 | 35.24 | – | 34.74 | 34.74 | 35.24 | 34.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.19 | 35.19 | – | – | – | – | – | – | – | 35.19 |
เบนซิน 95 | 44.06 | – | – | – | 45.01 | – | 44.56 | 44.51 | – | 44.06 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.84 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.84 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.84 | – | 34.94 | – | 34.94 | – | 35.24 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.86 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |