สาระน่ารู้ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566

ทาวน์โฮมราคาไม่เกิน 3 ล้าน ห่างรถไฟฟ้าไม่เกิน 3 กิโลเมตร มีจริงไหม?

ทาวน์โฮม ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่ใกล้รถไฟฟ้าไม่เกิน 3 กิโลเมตร เป็นตัวเลือกสำหรับคนอยากมีบ้านพักอาศัย ที่ไม่ใช่ห้องแคบ ๆ ในคอนโดมิเนียม แถมเดินทางสะดวก มีในตลาดบ้านหรือไม่ ประชาชาติธุรกิจ พาไปสำรวจ 

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวประชาชาติ สำรวจทาวน์โฮมระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ไม่เกิน 3 กิโลเมตร ตอบโจทย์ของคนอยากมีบ้าน พบว่า ในตลาดทุกวันนี้ มีอย่างน้อย 5 โครงการที่น่าจะเป็นทางเลือก ดังนี้

ศุภาลัย เบลล่า วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 6

  • เจ้าของโครงการ : บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน)
  • ที่ตั้ง : จังหวัดปทุมธานี
  • ราคาเริ่มต้น : 1.89 ล้านบาท
  • รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 113 ตารางเมตร มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สถานีวงแหวนรอบนอกตะวันออก 2.6 กิโลเมตร

โกลเด้น ทาวน์ รัตนาธิเบศร์-เวสต์เกต

  • เจ้าของโครงการ : บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  • ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
  • ราคาเริ่มต้น :  2.39 ล้านบาท
  • รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มี 3 แบบ ได้แก่
  1. เลซิน่า พื้นที่ใช้สอย 117 ตารางเมตร 4ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  2. มิลาโน พื้นที่ใช้สอย 103 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
  3. ซอร์เรนโต้ พื้นที่ใช้สอย 96 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
  • ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางพลู 2.5 กิโลเมตร และสถานีคลองบางไผ่ 2.6 กิโลเมตร

Pleno รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่

  • เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
  • ราคาเริ่มต้น : 2.39 ล้านบาท
  • รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น  พื้นที่ใช้สอย 105.42 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ 2.5 กิโลเมตร

อินดี้ เวสต์เกต

  • เจ้าของโครงการ : บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน)
  • ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
  • ราคาเริ่มต้น : 2.65-4 ล้านบาท
  • รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มี 2 แบบ ได้แก่
  1. Familia พื้นที่ใช้สอย 122 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  2. Gemini  พื้นที่ใช้สอย 89 ตารางเมตร 2ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
  • ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ 2.8 กิโลเมตร

สิริ เพลส ราชพฤกษ์ – พระราม 5

  • เจ้าของโครงการ : บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน)
  • ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
  • ราคาเริ่มต้น : 2.99 ล้านบาท
  • รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มี 3 แบบ ได้แก่
  1. LOFT128 พื้นที่ใช้สอย 128 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  2. LOFT111 พื้นที่ใช้สอย 111 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  3. LOFT93 พื้นที่ใช้สอย 93 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
  • ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางพูล 2.8 กิโลเมตร

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


“สามารถ” เปิดข้อกังขา ปม คมนาคม ปัดชงครม.เคาะประมูลสายสีส้มก่อนศาล

“สามารถ” จับพิรุธ ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังคมนาคมยัน รอศาลปกครองพิพากษา ก่อนชงครม.ไฟเขียว แนะไม่ควรลดคุณสมบัติผู้เดินรถไฟฟ้า เอื้อเอกชนบางราย

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่จะไม่นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) จนกว่าศาลจะตัดสินถึงที่สุดว่า กรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศก้องว่าจะไม่เสนอผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มให้ ครม. พิจารณาจนกว่าศาลปกครองจะพิพากษาถึงที่สุด จึงน่าติดตามว่าจะเป็นจริงตามคำประกาศหรือไม่

ปัจจุบันมีคดีรถไฟฟ้าสายสีส้มค้างอยู่ในศาลปกครอง 3 คดี ดังนี้

1. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (คณะกรรมการคัดเลือกฯ) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรณีเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1

วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 รฟม. ประกาศเชิญชวนหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) และเดินรถตลอดสายทั้งช่วงตะวันตกและตะวันออก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) โดยเปิดขายเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) ในวันที่ 10-24 กรกฎาคม 2563

วันที่ 6 สิงหาคม 2563 หลังจากปิดขายเอกสาร RFP บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ซึ่งเป็นผู้ซื้อเอกสาร RFP รายหนึ่งมีหนังสือขอให้ รฟม. เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล

วันที่ 21 สิงหาคม 2563 รฟม. (โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ) มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล หลังจาก ITD ได้ขอให้เปลี่ยนเพียงประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น ทั้งๆ ที่ รฟม. ได้ใช้เวลาศึกษามาอย่างละเอียดรอบคอบถึงเกือบ 2 ปี

ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์ประมูลใหม่ไว้เป็นการชั่วคราว และต่อมาได้พิพากษาว่าการเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ได้ยื่นอุทธรณ์ คดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

 2. BTSC ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. กรณียกเลิกการประมูลครั้งที่ 1

เมื่อคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ไม่สามารถเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลได้ เนื่องจากศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์ประมูลใหม่ไว้เป็นการชั่วคราว คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. จึงได้ยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564

ศาลปกครองกลางได้พิพากษาว่าการยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 เป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ได้ยื่นอุทธรณ์ คดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

3. BTSC ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. กรณีกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายในการประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

 ส่วนการกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายในการประมูลครั้งที่ 2 นั้น พบว่า

 1.ผู้ยื่นประมูลจะต้องประกอบด้วยผู้เดินรถไฟฟ้าและผู้รับเหมา ในการประมูลครั้งที่ 2 รฟม. ลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น การทำเช่นนี้เป็นการกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่

ด้านคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าที่ลดลง เช่น ไม่ต้องมีผลงานการเดินรถในไทย และไม่ต้องมีผลงานจัดหาหรือผลิตระบบรถไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง เป็นต้น ซึ่งในการประมูลครั้งที่ 1 กำหนดให้ต้องมีผลงานดังกล่าว อีกทั้ง การประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองของ รฟม. ก็ต้องมีผลงานดังกล่าวเช่นเดียวกัน

ขณะที่คุณสมบัติของผู้รับเหมาที่เพิ่มขึ้น เช่น ผู้รับเหมาต้องมีผลงานกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย และต้องเป็นผลงานที่แล้วเสร็จ เป็นต้น ซึ่งการประมูลครั้งที่ 1 ไม่ได้กำหนดให้มีผลงานกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย และไม่ต้องเป็นผลงานที่แล้วเสร็จ

หาก รฟม. ไม่ลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง จะทำให้ Incheon Transit Corporation หรือ ITC ผู้เดินรถไฟฟ้าจากเกาหลีใต้ไม่สามารถร่วมยื่นประมูลกับ ITD ได้ และหาก รฟม. ไม่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น จะทำให้ BTSC ร่วมกับบริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ที่เคยยื่นประมูลครั้งที่ 1 จะสามารถยื่นประมูลครั้งที่ 2 ได้ด้วย

 2.การลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น เป็นการเปิดกว้างการแข่งขันมากกว่าการประมูลครั้งที่ 1 นั้น 

การเปิดโอกาสให้ผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ดูเหมือนว่าเป็นการเปิดกว้างการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริง ผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศจะต้องยื่นประมูลร่วมกับผู้รับเหมา ซึ่งผู้รับเหมาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในโลกนี้มีเพียง 2 รายเท่านั้น และทั้ง 2 รายเป็นผู้รับเหมาไทย อันเป็นผลมาจากการเพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศเข้าร่วมประมูลแค่เพียงรายเดียวเท่านั้น นั่นคือ ITC จากเกาหลีใต้ โดยประมูลร่วมกับ ITD ซึ่งเป็นผู้รับเหมา 1 ใน 2 รายที่มีคุณสมบัติครบถ้วน

ทั้งนี้การลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น จึงไม่เป็นการเปิดกว้างการแข่งขันมากกว่าการประมูลครั้งที่ 1 แต่อย่างใด

 3.การประมูลครั้งที่ 2 รฟม. ให้ผู้รับเหมาเป็นผู้นำกลุ่มผู้ยื่นประมูลได้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่

การยอมให้ผู้รับเหมาสามารถเป็นผู้นำกลุ่มได้ ทำให้ ITD สามารถเป็นผู้นำกลุ่ม ITD Group ซึ่งประกอบด้วย ITD และ ITC ได้ หากผู้รับเหมาไม่สามารถเป็นผู้นำกลุ่มได้ ผู้เดินรถไฟฟ้าจะต้องเป็นผู้นำกลุ่มเหมือนกับการประมูลครั้งที่ 1 ถามว่า ITC ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างประเทศ จะเป็นผู้นำกลุ่มได้หรือ

ดร.สามารถ กล่าวต่อว่า ในทางที่ถูกต้อง ผู้นำกลุ่มควรเป็นผู้เดินรถไฟฟ้า เนื่องจากเขาจะต้องรับผิดชอบการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้ารวมทั้งซ่อมบำรุงรักษารถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดทั้งสายเป็นเวลาถึง 30 ปี ไม่ใช่ผู้รับเหมาที่ทำการก่อสร้างสายสีส้มตะวันตกเพียง 6 ปี

 “ผมคาดว่าการตัดสินคดีเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1 และคดียกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดคงใช้เวลาอีกไม่นาน แต่การตัดสินคดีกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลางคงใช้เวลาอีกพอสมควร”

ทั้งนี้จึงต้องติดตามกันอย่างไม่กะพริบตาว่า จะมีการเสนอผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในเร็ววันนี้หลังจากทราบผลพิพากษา 2 คดี จากศาลปกครองสูงสุด โดยไม่รอคดีที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางหรือไม่

“ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways และอาจเข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนราคาที่ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน รอทยอยขายทำกำไรอยู่

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้(24กุมภาพันธ์2566) ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์


 นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทยังคงมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเราประเมินว่า 

ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าดังกล่าวจะยังคงมีอยู่ในระยะสั้นนี้ (อย่างน้อยจนกว่าตลาดจะเลิกหรือคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด) 

ทำให้ เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways และอาจเข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนราคาที่ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน ที่เป็นฝั่ง Long USDTHB (เชื่อว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง) รอทยอยขายทำกำไรอยู่
 
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ ตลาดทยอยรับรู้อัตราเงินเฟ้อ PCE ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอลงอย่างที่ตลาดคาดและกลับเร่งตัวขึ้น

เราประเมินว่า ตลาดอาจกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

และกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านถัดไป แถว 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก แต่เรามองว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอาจจะไม่มาก หลังตลาดเริ่มทำใจกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงช้า ตั้งแต่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ก่อนหน้ามาสักพักแล้ว 

ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจช่วยหนุนให้ ตลาดคลายกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้บ้าง ซึ่งในภาพดังกล่าวอาจเห็นเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นทดสอบแนวรับ 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้

อนึ่งในระยะสั้น เรามองว่า ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มองข้ามไม่ได้และอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินในช่วงนี้ได้
 
ทั้งนี้ ความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.55-34.80 บาท/ดอลลาร์


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วงแรก ตลาดยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานยังคงออกมาดีกว่าคาด

 อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ จากแรงหนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Semiconductor หลัง Nvidia (ราคาหุ้น +14%) รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด พร้อมทั้งปรับคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตดีขึ้นมาก ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.72% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.53%
 
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.89% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ที่จะรับรู้ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการปรับสถานะการถือครองบอนด์ที่ชัดเจน ตามมุมมองต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อไป 

นอกจากนี้ เรามองว่า การย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นส่วนหนึ่งมาจากการทยอยเข้าซื้อบอนด์ (Buy on Dip) ของผู้เล่นในตลาด ซึ่งยังคงมีมุมมองว่า ต่อให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ 2-3 ครั้ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเสี่ยงชะลอตัวลงหนักในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งบอนด์ยีลด์ระยะยาวก็อาจปรับตัวลดลง จากระดับปัจจุบันได้
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาสดใสและดีกว่าคาด 


ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.6 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ จากแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด และภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ย่อตัวลงต่อเนื่องใกล้ระดับ 1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 ทั้งนี้ เราคาดว่า การย่อตัวลงของราคาทองคำจะยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
 
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นข้อมูลด้านเงินเฟ้อที่เฟดให้คงามสำคัญ โดยตลาดจะรอลุ้นว่า อัตราเงินเฟ้อ PCE

 โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในภาคการบริการที่ไม่รวมที่พักอาศัย (Core PCE Services ex. housing) จะส่งสัญญาณชะลอตัวลงต่อ หรือ กลับมาเร่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจปรับดอกเบี้ยของเฟดได้ 

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าจะขึ้นไปถึงระดับใด  
 
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดดังกล่าว เรามองว่า ในระยะสั้น ควรจับตาสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจกลับมาร้อนแรงได้ (รัสเซียอาจเปิดฉากบุกโจมตียูเครนครั้งใหญ่อีกรอบ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า

เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.70-34.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ (9.10 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด อาทิ การปรับตัวลงของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะมีการปรับทบทวนลงจากที่ประกาศรอบแรก แต่ก็สะท้อนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงประคองทิศทางการขยายตัวไว้ได้อย่างต่อเนื่อง 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.60-34.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย

รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตัดเกรดแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด แซงดับ บาร์เซโลนา 2-1 ศึก ยูโรปาลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา – Player Ratings

ฟุตบอล ยูโรป้า ลีก
รอบเพลย์ออฟ  นัดที่สอง
วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 1 บาร์เซโลน่า
(รวมผล 2 นัด แมนฯยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวม 4-3)

สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ตัดสิน :  เคลม็องต์ ตูร์แป็ง (ฝรั่งเศส)

คะแนนนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด

ดาบิด เด เคอา – 7/10

เกือบทำให้ทีมเสียประตูช่วงท้ายครึ่งแรก แต่เขาเซฟสำคัญจากลูกโหม่งของ ชูลส์ กุนเด้ ในครึ่งหลัง

อารอน วาน-บิสซาก้า – 6.5/10

มีส่วนร่วมในการเติมเกมรุกหลายครั้ง กล้าเลี้ยง กล้าลุย เขาทำการแท็คเกิ้ลไป 2 ครั้ง

ราฟาแอล วาราน – 7.5/10

อยู่ถูกที่ถูกเวลา ช่วยบล็อคจังหวะสำคัญไม่ให้ทีมเสียประตูที่สองช่วงท้ายครึ่งแรก ส่วนช่วงท้ายครึ่งหลังเขาช่วยดักจังหวะสำคัญ และสกัดบอลหน้าประตูจากลูกยิงของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ลิซานโดร มาร์ติเนซ – 8/10

ดุดัน แข็งแกร่ง เล่นด้วยความมั่นใจ ช่วยซ้อนได้หลายจังหวะ โดดเด่นไม่แพ้กันในแผงหลัง เขาทำการแท็คเกิ้ล และ เคลียร์บอล ไปอย่างละ 4 ครั้ง

ลุค ชอว์ – 6.5/10

ครึ่งหลังดูมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น เขามีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูที่สอง

กาเซมิโร่ – 7.5/10

บอลยาวแม่นยำ สายตาเฉียบแหลม เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ดี เขาโดดเด่นมาก เฉพาะอย่างยิ่งครึ่งแรก

เฟร็ด – 8/10

ครึ่งแรก ช่วงต้นเกมเข้าเพรสซิ่งได้ดี แต่เขายืนระยะได้ไม่นาน บางครั้งจังหวะที่ควรเล่นง่ายๆ ทำให้เป็นเรื่องยาก และต้องมาตามแก้ไขด้วยการทำฟาวล์ เขาไม่สามารถรับมือกับ เฟรงกี้ เดอ ยอง ได้

แต่ครึ่งหลังจู่ๆ องค์ก็ลงใส่เขา เขาเคลื่อนที่ได้ดี และมายิงประตูตีเสมอให้ทีม หลังจากนั้นเขาคึกสุดๆ คอยก่อกวน เดอ ยอง เป็นครึ่งหลังที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

บรูโน่ แฟร์นันด์ส – 7/10

เกือบยิงให้ทีมออกนำเร็วช่วงต้นเกม อย่างไรก็ตาม เขามาทำให้ทีมเสียจุดโทษ แม้ว่าจะเป็นจังหวะฟาวล์ที่เบาสุดๆ แต่เขาเสียค่าโง่เต็มๆ อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังเขาแก้ตัวได้จากการจ่ายเร็วให้ เฟร็ด ทำประตูตีเสมอ

เจดอน ซานโช่ – 5/10

ออกสตาร์ทด้วยการถูกจับมายืนตำเเหน่งหมายเลข 10 เขาไม่ค่อยสร้างผลกระทบในเชิงบวกสักเท่าไหร่

มาร์คัส แรชฟอร์ด – 6/10

เริ่มต้นได้น่าตื่นเต้นในครึ่งแรก แต่หลังจากที่ทีมโดนนำ เขาเหมือนช็อตไปดื้อๆ แต่ครึ่งครึ่งหลังดูดีขึ้น พยายามสร้างความลำบากใจให้กับแนวรับทีมเยือน

เวาต์ เว็กฮอร์สต์ – 4/10

จริงอยู่ที่เขามีประโยชน์ในบทบาทกองหน้าตัวรับ แต่เมื่อถูกจับไปเล่นหอกเป้าเหมือนอย่างนัดนี้ เขาไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับคู่เซ็นเตอร์แบ็ก บาร์ซ่า ได้เลยแม้แต่หนเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เขาโดนเปลี่ยนออกทันที หลังจากเริ่มครึ่งหลัง

สำรอง

อันโตนี่ (แทน เวสฮอร์สต์ น.45) – 8/10

ลงมาเล่นด้วยความมั่นใจ ก่อนจะมาซัดชัยสุดสวย

อเลฮานโดร การ์นาโช่ (แทน ซานโช่ น.67) – 6/10

วูบวาบ สร้างปัญหาให้กับแนวรับ บาร์ซ่า ได้หลายครั้ง

ดีโอโก้ ดาโลต์ (แทน วาน-บิสซาก้า น.67) – 6/10

ได้ความสดใหม่ เทน ฮาก ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพเกมรุกทางฝั่งขวา

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (แทน แรชฟอร์ด น.88) – ไม่มีคะแนน

มีเวลาน้อยไป ไม่สามารถให้คะแนนได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


โรควูบ หรือล้มทั้งยืน อันตรายอาจถึงตาย

โรควูบคือ อาการเป็นลมเกือบหมดสติ หรือบางรายหมดสติไป การเป็นลมหมดสติ มีตั้งแต่เป็นลมธรรมดา จนถึงเป็นลมเนื่องจากความผิดปกติขั้นรุนแรงของหัวใจ

อาการวูบหรือการเป็นลมหมดสติ เป็นอาการที่พบบ่อย เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียความรู้สึกตัวและแรงของกล้ามเนื้อชั่วคราว อันเป็นผลมาจากเลือดไปเลี้ยงก้านประสาทสมองลดลง ซึ่งมีปัจจัยเกี่ยวข้องจากปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจและแรงต้านทานของหลอดเลือดทั่วร่างกาย อาการวูบนี้มักจะฟื้นกลับเป็นปกติได้เอง และอาจเป็นซ้ำได้อีก

จากการสำรวจในต่างประเทศพบว่าเกือบ 10% ของผู้ป่วยที่มาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา และผู้ใหญ่กว่า 50% ต่างเคยมีอาการวูบมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง

ผู้ป่วยโรควูบหมดสติที่หาสาเหตุไม่ได้ มีอัตราเสียชีวิตในปีแรกที่เป็น สูงถึง 6% โดย 4% เสียชีวิตแบบเฉียบพลัน แต่หากมีสาเหตุจากโรคหัวใจ อัตราเสียชีวิตในปีแรกที่เป็นจะสูงถึง 18 – 33% โดยที่ 24% เป็นการเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน

สำหรับคนที่ปฏิบัติวิชาชีพ เช่น พนักงานขับรถ นักบิน กรรมกรก่อสร้าง หรือปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ยิ่งมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตหลังจากอาการวูบได้สูงขึ้น

โรควูบแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีอาการวูบจากภาวะโลหิตต่ำชั่วคราว แต่ไม่ใช่อาการโรคหัวใจ หรือเรียกง่ายๆ ว่า อาการเป็นลมทั่วไป เนื่องจากร่างกายทนกับสภาพแวดล้อมไม่ได้ โดยมีสาเหตุจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ยืนหรือนั่งนานเกินไป ส่วนอีกกลุ่มคือ อาการวูบจากโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ การอุดตันของเส้นเลือด

สาเหตุของการเป็นลมเกือบหมดสติหรือหมดสติ มีหลายสาเหตุ ดังนี้

  1. ภาวะตกใจหรือเสียใจรุนแรง
  2. ไอหรือจามแรงมากเกินไป
  3. ขณะยืนถ่ายปัสสาวะ หรือหลังถ่ายปัสสาวะ หลังจากที่กลั้นมานาน
  4. ออกกำลังกายมากเกินไป
  5. หลังอาหารมื้อหนัก
  6. เส้นประสาทสมองที่ 5,9 อักเสบ
  7. เป็นโรคสมองเสื่อมหรือสมองฝ่อ
  8. โรคพาร์กินสัน บางรายที่มีระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติร่วมอยู่ด้วย
  9. โรคเบาหวาน ในรายที่เส้นประสาทโดนทำลายจากเบาหวาน
  10. จากยาบางชนิดเช่น รับประทานยาลดความดันมากเกินไป
  11. ดื่มสุรามากเกินไป
  12. จุดกำเนิดไฟฟ้าของหัวใจเสื่อมสภาพ
  13. เสียเลือดมาก หรือเสียน้ำออกจากร่างกายมากเกินไป เช่น ท้องร่วงรุนแรง อาเจียนรุนแรง
  14. มีการกระตุ้นในระบบทางเดินอาหาร เช่น ล้วงคอ อาเจียน เบ่งถ่ายอุจจาระ ปวดท้องรุนแรง
  15. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง
  16. ระบบทางเดินไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพหรือผิดปกติ
  17. สาเหตุจากการเสียสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจและหลอดเลือด
  18. ภาวะเสียเลือดจากหัวใจอุดตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง
  19. โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ
  20. เนื้องอกในห้องหัวใจ
  21. ลิ้นหัวใจตีบรุนแรง
  22. ภาวะที่มีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจมาก และมีการกดการทำงานของหัวใจ
  23. ภาวะเสียเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจแตก หรือมีการฉีกขาดรุนแรง
  24. มีลิ่มเลือดใหญ่ไปอุดตันเส้นเลือดในปอด
  25. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงมากเกินไป

วิธีปฏิบัติเมื่อกำลังจะเป็นลมหมดสติ เมื่อเริ่มมีอาการ ให้หาที่พักเกาะยึดไว้ และซอยเท้า เพื่อให้เลือดกลับสู่หัวใจได้มากขึ้น ถ้ายังไม่บรรเทา ให้นั่งลง และถ้ายังไม่ดีขึ้นให้นอนราบเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น และจะสามารถป้องกันการเป็นลมได้ รวมทั้งยังลดการเกิดการบาดเจ็บหากล้มกระแทกพื้นหรือวัตถุอื่นๆ

ถ้าขับรถอยู่ ควรจอดทันที แล้วปรับที่นั่งให้อยู่ในท่านอนราบ ถ้าอยู่ในรถโดยสารควรหาที่นั่ง/นอนในรถ แล้วรีบแจ้งคนรอบข้างว่ากำลังจะเป็นลม ไม่ควรรีบลงจากรถ เพราะอาจหมดสติตรงทางลง ทำให้เกิดอันตรายได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำศัพท์น่ารู้: ถนนหนทาง

วันนี้เพื่อนๆได้ไปเที่ยวไหนกันรึเปล่าเอ่ย DailyEnglish นำคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆบนท้องถนนมาฝากกันครับ ใครขับรถออกนอกบ้านละก็ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้แน่นอนเลย มาดูศัพท์ on the road กันครับ

1. crosswalk – ครอส-ว้อค 

คือ ทางม้าลาย นั่นเองครับ ถ้าให้ตรงๆหน่อยก็เรียกว่า zebra crossing นอกจากนี้ยังสามารถเรียกว่า pedestrian crossing ก็ได้นะครับ

2. expressway – เอกซ์เพรส-เวย์ 

แปลว่า ทางด่วน ที่เราสามารถจ่าย ค่าผ่านทาง (toll) เพื่อให้ถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว 

3. junction – จังค์-ชัน 

คือ ทางแยกครับ เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยบนท้องถนน สามารถใช้คำว่า intersection หรือ crossroad ได้เพราะมีความหมายเดียวกัน

สำหรับ 3 ทางแยกก็ให้เรียกว่า three way junction 4 ทางแยกก็ four way junction ครับ ถ้าให้ใช้แบบไม่เป็นทางการหน่อยก็เรียกทางแยกนั้นตามรูปร่างได้เลย เช่น Y-junction หรือ T-junction

4. overpass – โอเวอร์-แพส 

แปลว่า สะพานลอย ที่ตั้งอยู่บนถนน ข้ามได้ทั้งคนและรถยนต์ เป็นศัพท์แบบ American English แต่ถ้าจะให้ใช้แบบ British English คงต้องเรียกว่า flyover  สองคำนี้แตกต่างจาก bridge (สะพาน) ตรงตำแหน่งที่ตั้งนี่แหละ เพราะ bridge นอกจากจะเป็นสะพานบนถนนแล้วยังสามารถใช้ข้ามแม่น้ำได้ด้วย 

5. roundabout – ราวน์-ดะเบาท์ 

แปลว่า วงเวียน เป็นวงกลมที่จะอยู่ตรงกลางทางแยก สังเกตเห็นใช่มั้ยครับ เวลาขับรถจะต้องขับในวงเวียนไปในทิศทางเดียวกันหมด 

6. side street – ซายด์-สตรีท 

คือ ซอย ที่อยู่ข้างถนนหลัก สามารถใช้ alley ได้เช่นเดียวกัน แต่ alley จะเป็นคล้ายๆกับตรอกมากกว่าซอยเพราะเล็กกว่าครับ

นอกจากคำศัพท์ที่เกี่ยวกับถนนหนทางเหล่านี้แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นบ่อยบนท้องถนน คือ traffic light (สัญญาณไฟจราจร)

ช่วงซัมเมอร์นี้ขับขี่รถบนถนนอย่างระมัดระวังกันด้วยนะ พบกันใหม่กับ DailyEnglish คราวหน้า จะเป็นคำศัพท์น่ารู้แบบไหนต้องติดตามกันต่อไปนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


เอาด้วย! ‘เมตา’ เตรียมทดสอบเก็บค่าบริการเดือนละ 11.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 411 บาท

เมตา แพลตฟอร์มส บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ประกาศในวันอาทิตย์ว่าอยู่ระหว่างการทดสอบระบบสมาชิกเก็บค่าบริการรายเดือน ในชื่อ Meta Verified ให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนในบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ด้วยบัตรประชาชนและได้รับแถบสีฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นแผนการช่วยเหลือบรรดานักผลิตคอนเทนต์ให้สร้างชุมชนและเครือข่ายของพวกเขาได้ ตามรายงานของรอยเตอร์

รูปแบบการเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนของเมตา ซึ่งจะเปิดตัวในสัปดาห์นี้ ครอบคลุมการยืนยันตัวตนและระบบป้องกันการปลอมแปลงบัญชีสำหรับสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ด้วยค่าบริการเริ่มต้น 11.99 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับระบบเว็บไซต์หรือ 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับรูปแบบการใช้สื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวผ่านระบบ iOS และแอนดรอยด์

Meta Verified จะเริ่มเปิดตัวในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในสัปดาห์นี้ ก่อนจะเปิดตัวในประเทศอื่น ๆ ตามมา ซึ่งซีอีโอเฟซบุ๊ก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ที่จะ “เปิดทางให้นักสร้างคอนเทนต์ผลิตและสร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้น” แต่ได้ระบุว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อฐานผู้ใช้ในวงกว้าง

เมตา ปรับแผนเข้าสู่บริการสมัครสมาชิก ตามหลังทวิตเตอร์ ที่ประกาศแผนในเดือนก่อนว่า Twitter Blue ของทวิตเตอร์จะมีค่าบริการที่ 11 ดอลลาร์ต่อเดือน

ด้านสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ อย่างสแนปแชตและเทเลแกรม ก็เปิดตัวระบบสมาชิกจ่ายเงินรายเดือนเมื่อปีก่อน เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของบริษัทเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


9 ผลไม้น้ำตาลน้อย อร่อย ดีต่อสุขภาพ

ผลไม้นอกจากจะเป็นแหล่งของสารอาหารสำคัญอย่างวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ แล้ว ผลไม้ก็ยังมีน้ำตาลอยู่ด้วย ซึ่งถ้าหากเลือกรับประทานผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงและต้องการผลลัพธ์ในการควบคุมอาหารหรือลดน้ำหนัก การกินผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงก็อาจจะให้ผลตรงกันข้ามก็ได้ มากไปกว่านั้นยังอาจเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมแคลอรี่ ต้องการลดน้ำตาล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หรืออยากลดน้ำหนักล่ะก็ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมเอา ผลไม้น้ำตาลน้อย มาฝาก

ผลไม้น้ำตาลน้อย มีอะไรบ้าง

  1. มะนาว หรือ เลมอน

มะนาว หรือ เลมอน เป็นผลไม้ที่ให้รสชาติเปรี้ยวถึงเปรี้ยวจี๊ด กัดเข้าไปแค่เพียงเสี้ยวเดียวก็ทำเอาน้ำลายหก เปรี้ยวจนต้องหลับตากันเลยทีเดียว ซึ่งผลไม้จำพวกมะนาวหรือเลมอนนี้จะให้สารอาหารประเภทวิตามินโดยเฉพาะวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก แต่ในทางกลับกันคือ มะนาว หรือ เลมอน จะให้น้ำตาลในปริมาณที่น้อยมาก

มะนาว หรือ เลมอน หนึ่งลูก ให้ปริมาณน้ำตาลเพียง 1-2 กรัมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากเลือกรับประทานเป็นน้ำมะนาวหรือน้ำเลมอน ก็อาจจะต้องระวังว่าจะได้น้ำตาลเพิ่มไปจากนี้ เพราะอาจมีการเพิ่มน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมเพื่อลดความเปรี้ยวของผลไม้ได้

  1. เบอร์รี่ต่างๆ

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ หรือราสเบอร์รี่ แม้จะมีรสชาติออกหวานอมเปรี้ยว แต่ก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่ง ผลไม้น้ำตาลต่ำ แต่ให้วิตามินซีสูง โดยการกินเบอร์รี่ชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงหนึ่งถ้วย จะได้น้ำตาลแค่เพียง 5-7 กรัมเท่านั้นเอง

  1. แตงโม

อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงจะขมวดคิ้วสงสัยอยู่ไม่น้อย แตงโมที่หวานฉ่ำขนาดนั้นน่ะหรือ ที่มีน้ำตาลน้อย คำตอบคือใช่แล้วค่ะ แม้ว่าแตงโมจะมีรสชาติที่หวานจับใจมากแค่ไหน แต่การรับประทานแตงโมหั่นเต๋าหนึ่งถ้วย ให้ปริมาณน้ำตาลไม่ถึง 10 กรัมด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าถ้าใครที่กำลังอยู่ในช่วงงดน้ำตาล แต่ก็ยังต้องการความหวานอยู่บ้าง แตงโมคือคำตอบนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

  1. เกรปฟรุต

เกรปฟรุต เป็นผลไม้ตระกูลส้ม ตระกูลเดียวกับซิตรัส (Citrus) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง แต่มีน้ำตาลน้อย โดยการรับประทานเกรปฟรุตขนาดกลางครึ่งผล ให้น้ำตาลแค่เพียง 9 กรัมเท่านั้น

  1. กีวี่

กีวี่ เป็นผลไม้ที่สามารถหารับประทานได้ตลอดทั้งปี และยังเป็นอีกหนึ่ง ผลไม้น้ำตาลต่ำ แต่ให้วิตามินสูง  โดยกีวี่หนึ่งลูก ให้ปริมาณของน้ำตาลเพียง 6 กรัมเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ควรระวังกีวี่อบแห้ง เพราะอาจมีส่วนผสมของน้ำตาล อาจจะได้ปริมาณน้ำตาลมากกว่าการกินกีวี่แบบสด

  1. ฝรั่ง

ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงมาก ถ้าหากไม่รับประทานส้ม การกินฝรั่งก็ได้วิตามินซีในปริมาณที่สูงเหมือนกัน แต่นอกจากวิตามินซีสูงแล้ว ฝรั่งก็ยังให้ไฟเบอร์สูงอีกด้วย ซึ่งดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายอย่างยิ่ง

มากไปกว่านั้น การกินฝรั่งหนึ่งผล จะได้น้ำตาลประมาณ 4.9 กรัมเพียงเท่านั้นเอง แต่…ใครที่ชอบกินฝรั่งจิ้มบ๊วยหรือจิ้มพริกเกลือ ก็อาจจะต้องระวังว่าจะได้น้ำตาลสูงกว่านี้

  1. แอปริคอต

แอปริคอต เป็นผลไม้ที่นิยมนำมาอบหรือตากแห้ง แช่อิ่ม แช่บ๊วย หรือเชื่อม เพื่อที่จะได้ถนอมไว้รับประทานได้นานๆ ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้แอปริคอตที่ผ่านกรรมวิธีในการถนอมอาหารมีน้ำตาลสูงได้

การกินแอปริคอตสดเพียงหนึ่งผล(ขนาดเล็ก) จะได้ปริมาณน้ำตาลแค่เพียง 3.2 กรัมเท่านั้น ถ้าใครอยู่ระหว่างควบคุมน้ำตาลล่ะก็ เลือกกินแอปริคอตแบบสดอาจจะดีกว่าแอปริคอตที่อบแห้งหรือเชื่อมมาแล้ว

  1. อะโวคาโด

อะโวคาโด เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ และมักปรากฏในสูตรอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ อยู่เสมอ และแน่นอนว่าอะโวคาโดก็เป็นอีกหนึ่ง ผลไม้น้ำตาลต่ำ ด้วย เพราะการกินอะโวคาโดหนึ่งผล ให้ปริมาณน้ำตาลเพียง 1 กรัมเท่านั้น

  1. มะเดื่อฝรั่ง

สำหรับมะเดื่อฝรั่ง อาจจะไม่ค่อยเป็นที่คุ้นเคยกันเท่าไหร่นักสำหรับบ้านเรา แต่มะเดื่อฝรั่งนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ดีที่สุดในโลก เพราะให้สารอาหารที่หลากหลาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ในส่วนของปริมาณน้ำตาลนั้นจะให้เพียง 6.5 กรัม (ต่อมะเดื่อฝรั่งผลเล็ก 1 ผล) เท่านั้นเอง

การรับประทานผลไม้หนึ่งในพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ดี เนื่องจากสารอาหารในผลไม้จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงได้ แต่ถ้าหากมีอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับระดับน้ำตาลในเลือด เช่น เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรืออาจกำลังงดกินหวานเพื่อลดน้ำหนัก การเลือกรับประทาน ผลไม้น้ำตาลต่ำ อาจเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/02/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,900.0030,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,937.0029,364.9230,500.00
ทองรูปพรรณ 90%1,743.3026,428.43n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,549.6023,491.94n/a
ทองรูปพรรณ 50%872.0013,219.52n/a
ทองรูปพรรณ 40%678.0010,278.48n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,007.0030,426.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/02/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.3536.3537.0436.3536.3536.3536.3536.3536.3536.35
แก๊สโซฮอล์ 9136.0836.0836.7436.0836.0836.0836.0836.0836.0836.08
แก๊สโซฮอล์ E2034.0434.0434.4434.0434.0434.0434.0434.0434.04
แก๊สโซฮอล์ E8534.4934.4934.49
เบนซิน 9544.1644.2144.6644.3144.16
ดีเซล B733.9433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล33.9433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล B2033.9433.9434.2433.9433.9433.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.0643.1644.8444.2644.2643.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า