สาระน่ารู้ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566

ASW ทำนิวไฮรายได้ปี2565 กำไรโต 1,119 ล้าน

ASW เผย ปี 2565 ทำกำไรสุทธิ 1,119 ล้านบาท และรายได้รวมกว่า 5,980 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ลุยแผนปี 2566 เปิด 12 โครงการ มูลค่ากว่า 22,500 ล้านบาท ขานรับตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัว

27 กุมภาพันธ์ 2566 – นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) มีกำไรสุทธิสูงถึง 1,119 ล้านบาท เติบโต 18% YoY และรายได้รวมอยู่ที่ 5,980 ล้านบาท เติบโต 19% YoY 

ขณะที่บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้น (GP) ได้ในระดับสูงต่อเนื่องที่ 40% และอัตรากำไรสุทธิ (NP) ที่ 19% สะท้อนการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพภายใต้การบริหารงานของทีมงานมืออาชีพ ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมพุ่งทะยานตามเป้าหมายของบริษัทฯ    

ทั้งนี้ปัจจัยความสำเร็จมาจากการวางแผนกลยุทธ์พัฒนาโครงการอสังหาฯ ภายใต้แบรนด์ เคฟ, แอทโมซ, เอสต้า และโมดิซ ตลอดจนการวางกลยุทธ์การตลาด Living & lifestyle ที่มุ่งเข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย 

“ปี 2565 ภาคธุรกิจอสังหาฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวค่อนข้างช้า แต่ด้วยความเข้าใจใน Customer Insight ทุกเจเนอเรชั่น ทำให้ ASW เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้อยู่อาศัยทุกเจเนอเรชั่น โดยเรายังมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับครอบครัวของ ASW ในทุกมิติ ส่งผลให้โครงการที่เปิดตัวใหม่ตอบสนองดีมานด์ได้อย่างดี และทำผลการดำเนินงานทั้งปีได้สูงตามเป้าหมาย”  

ประเมิน อสังหาฯปี 2566 ฟื้นตัวดี ลุยเปิดใหม่ 12 โครงการ

นายกรมเชษฐ์  กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2566  มองว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ สอดรับแผนธุรกิจปี 2566 ของบริษัทฯเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคฟ (KAVE), แอทโมซ (ATMOZ) และโมดิซ (MODIZ) จำนวน 9 โครงการ และโครงการบ้านจัดสรร 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (The Honor) และแบรนด์ใหม่ ดิ อาร์เบอร์ (The Arbor) 

โดยวางเป้าหมายปี 2566 ทำยอดขายที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ที่ 7,200 ล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาสแรกต่อยอดความสำเร็จผู้นำตลาด Campus Condo เดินหน้าเปิดตัวคอนโดฯ แบรนด์เคฟ 3 โครงการใหม่บนทำเลศักยภาพใกล้มหาวิทยาลัย ได้แก่ “เคฟ เอมบริโอ รังสิต” (KAVE Embryo Rangsit) มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ใกล้กับมหาวิทยาลัย เพียง 1 นาทีถึง ม.ราชมงคลธัญบุรี, “เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์” (KAVE Town Island) มูลค่าโครงการ 3,150 ล้านบาท โครงการสุดฮอตเฟสสุดท้ายของ KAVE Town ข้าง ม.กรุงเทพ และ “เคฟ ป็อป ศาลายา” (KAVE Pop Salaya) มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ติดถนนใหญ่ใกล้ ม.มหิดล 

อีกทั้งในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเพื่อรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องถึง 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,060 ล้านบาท อาทิ โครงการ โมดิซ ลอนช์ (MODIZ Launch) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท, โครงการ โมดิซ ไรม์ รามคำแหง (MODIZ Rhyme Ramkhamhaeng) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท, โครงการ เคฟ ทาวน์ โคโลนี (KAVE Town Colony) มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท ฯลฯ รวมทั้งการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ การมีพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงการ (JV) หรือการ Synergy เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนภาพการเติบโต และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างแข็งแกร่ง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


3 ทำเลทอง กทม.- ปริมณฑล ซัพพลาย”บ้านหรู” 10 ล้าน ทะลัก

“ลุมพินี วิสดอม” เปิด 3 ทำเล บ้านหรู มาแรง แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก ดาวเด่นปี 2566 หลังตอบโจทย์ คมนาคม สภาพแวดล้อม ขณะหน่วยสะสม กทม.-ปริมณฑล บ้านเกิน 10 ล้าน ซัพพลายทะลัก 1.4 แสนล้าน

27 กุมภาพันธ์ 2566 – ปัจจุบันความต้องการ “บ้านหรู” หรือ โครงการพักอาศัยที่ระดับราคาเกิน 10 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 พบมีการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทั้งสิ้น 93 โครงการ จำนวน 7,077 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 13.7% ของจำนวนหน่วยเปิดตัวโครงการใหม่        ของบ้านพักอาศัยทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 51,660 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 141,886 ล้านบาท

ล่าสุด นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)     ชี้ว่า บ้านหรูในช่วงปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วน 44% ของมูลค่าการเปิดตัวโครงการเปิดตัวใหม่ของโครงการบ้านพักอาศัยทั้งหมด 322,308 ล้านบาท  

ขณะมีอัตราการขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการเฉลี่ยที่ 30%ซึ่งเป็นอัตราการขายที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของการขายบ้านพักอาศัยรวมที่มีอัตรา   การขาย ณ วันเปิดตัวเฉลี่ยในทุกระดับราคาที่อยู่ที่ 12% สะท้อนให้เห็นว่า กำลังซื้อบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับบ้านพักอาศัยระดับราคาที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท   

เดือนเดียวปี 2566 ซัพพลายบ้านหรูกินรวบตลาด

ในขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่บ้านพักอาศัยในเดือนมกราคม 2566 พบว่า มีการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาท ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่ารวม 225 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 4,309 ล้านบาท 92% ของการเปิดตัวทั้งหมดเป็นบ้านเดี่ยว และ 8% เป็นทาวน์โฮม  มีอัตราการขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการอยู่ที่ 8% 

โดยจากการสำรวจของ “ลุมพินี วิสดอมฯ” พบว่า ทำเล    ที่น่าสนใจในการพัฒนาโครงการบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทที่น่าสนใจโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านเส้นทางคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวก และพื้นที่สีเขียว ภายใต้แนวคิดของการอยู่อาศัยที่มีสุขอนามัย   ที่ดี (Wellbeing) พบว่า แจ้งวัฒนะ ราชพฤกษ์ และย่านถนนกาญจนาภิเษก เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการบ้านพักอาศัยในระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาท

ทำเลแจ้งวัฒนะ ราคาขายปรับขึ้น15-20%

นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ทำเลแจ้งวัฒนะ เป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัย เดินทางสะดวกด้วยทางด่วน และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2566 นอกจากนี้ในทำเลแจ้งวัฒนะยังเป็นย่านเกิดใหม่ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วหรือ Emerging Area ที่มีพร้อมทั้งอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน และเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการฯ ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ 

จากผลการสำรวจพบว่า แจ้งวัฒนะมีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวสะสมตั้งแต่ปี 2560-2565 อยู่ที่ 12,325 หน่วย โดยคิดเป็นส่วนของบ้านพักอาศัย 15% และคอนโดมิเนียม 85% มีจำนวนอุปทาน   ที่เหลือขายอยู่ประมาณ 3,000 หน่วย มีอัตราการขายของบ้านพักอาศัยอยู่ที่ 3.1% ต่อเดือนและอัตราการขายคอนโดมิเนียมที่อัตรา 5% ต่อเดือน 
โดยจากการศึกษาการเติบโตของการพัฒนาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ ทำให้ระดับราคาที่ดินมีการปรับตัวสูงกว่าราคาประเมิน 12.5%  ทำให้ระดับราคาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้มีระดับราคาขายปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 15-20%  อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในที่อยู่อาศัยในทำเลแจ้งวัฒนะอยู่ที่ประมาณ 7-8%  

ปัจจุบันทำเลแจ้งวัฒนะมีบ้านพักอาศัยที่เปิดขายอยู่ทั้งสิ้น 2 โครงการ จำนวน285 หน่วย ขายไปแล้วทั้งสิ้น 213 หน่วย เหลือขายเพียง 72 หน่วย ที่ระดับราคาประมาณ 5-7 ล้านบาท จากอัตราการขายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเป็นทำเลที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะบ้านพักอาศัย ในรูปแบบบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม

ทำเลราชพฤกษ์ ศูนย์กลางธุรกิจใหม่

ในขณะที่ทำเลราชพฤกษ์ ถือเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งใหม่ (New Central Business District) ที่มีเส้นทางคมนาคมสะดวกสบายโดยเฉพาะเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีม่วง (คลองบางไผ่-เตาปูน) ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าอีก 4 เส้นทางได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี), รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน), รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ), รถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) รวมทั้งมีทางด่วนศรีรัช-วงแหวน ทางด่วนแจ้งวัฒนะและทางด่วนศรีสมาน 

นอกจากนี้สภาพแวดล้อมโดยรอบมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ทั้งศูนย์การค้า โรงพยาบาล สถานศึกษา อาคารสำนักงาน การเติบโตของทำเลราชพฤกษ์ ทำให้ระดับราคาที่ดินมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับราคาที่ 80,000 บาทต่อตารางวา ปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาทต่อตารางวา ระดับราคาที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่าน

จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว ผลการสำรวจของ “ลุมพินี วิสดอมฯ” พบว่า มีโครงการบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งหมด 9 โครงการ จำนวน 820 หน่วย ขายไปแล้วทั้งสิ้น 502 หน่วยคิดเป็นสัดส่วน 61% ของจำนวนที่เปิดขายทั้งหมด โดยมีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ 

จากจำนวนหน่วยที่เหลือคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการขายไม่เกิน 13 เดือน โดยบ้านพักอาศัยที่ขายดีอยู่ ที่ระดับราคา 10-30 ล้านบาทต่อหน่วย ในขณะที่ความต้องการบ้านพักอาศัยในทำเลนี้ยังคงมีอยู่สูง จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะพัฒนาโครงการบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทในทำเลนี้

ทำเลถนนกาญจนาภิเษก แม่เหล็ก ห้างใหญ่

ขณะที่ทำเลถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก) เป็นทำเลที่มีการเติบโตด้านระบบคมนาคมขนส่งโดยมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง และถนนกาญจนาภิเษก เป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองของกรุงเทพมหานคร 

ในขณะเดียวกันในทำเลยังมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งโรงพยาบาล สถานศึกษา ที่ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับคนทุกวัย โดยปัจจุบันมีโครงการบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาท เปิดขายอยู่ 4 โครงการ มีจำนวนทั้งสิ้น 432 หน่วย โดยมีการขายไปแล้วทั้งสิ้น 66 หน่วย คิดเป็น 15% ของจำนวนหน่วยที่มีขายทั้งหมดในทำเลดังกล่าว

“ทั้ง 3 ทำเลเป็นทำเลที่มีการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และการลงทุนพัฒนาทำเลทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน จึงเป็นทำเลที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อโดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นครอบครัวที่อยู่รวมกันหลายรุ่นในขณะที่ระดับราคาที่ดินใน 3 ทำเลดังกล่าวยังปรับตัวไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับทำเลใจกลางเมือง จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสของผู้ซื้อที่จะซื้อบ้านพักอาศัยในระดับราคาที่เหมาะสมในทำเลศักยภาพ”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28กุมภาพันธ์2566ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทพลิกกลับแข็งค่าในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ แต่ระยะสั้นยังมี ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28กุมภาพันธ์2566ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์

 นายพูน   พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจน

เนื่องจาก ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าดังกล่าวจะยังคงมีอยู่ในระยะสั้นนี้ และจะเห็นเงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ชัดเจน

เมื่อตลาดคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด 


ทำให้ในช่วงนี้ เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว Sideways UP และมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านแถว 35.20 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ได้

ทั้งนี้ หากราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นต่อได้บ้าง การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจถูกชะลอลงด้วยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนี ISM PMI ของสหรัฐฯ (ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมในวันพุธ และ ISM PMI ภาคการบริการในวันศุกร์)

รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด (ตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป) ทำให้ตลาดค่าเงินยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนต่อได้
 
อนึ่ง ความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.10 บาท/ดอลลาร์


แรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ในจังหวะย่อตัว (Buy on Dip) ได้ช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างปรับตัวขึ้น นำโดย Tesla +5.5% (ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตางาน Investor Day ในวันพุธนี้),

 Nvidia +0.9%, Apple +0.8% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้น +0.63%

ส่วน ดัชนี S&P500 พลิกกลับมาปิดตลาด +0.31% หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรงในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาจากความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด
 
ฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นกว่า +1.07% หนุนโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ในจังหวะย่อตัว เช่นเดียวกันกับในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ASML +2.9%, Adyen +1.8%,)


นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษกับสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงกฎเกณฑ์ทางการค้าหลัง Brexit สำหรับไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งจะช่วยให้การค้าระหว่างประเทศมีความคล่องตัวมากขึ้น
 
ด้านตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทว่าการปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 4.00% ของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา 


หนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อสะสมบอนด์ระยะยาวในจังหวะปรับฐาน ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัว sideways และย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.92% ซึ่งภาพดังกล่าว

 สอดคล้องกับมุมมองของเรา ที่คงมองว่า จังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (Buy on Dip)
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น 

นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังรัฐบาลอังกฤษและสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงกฎเกณฑ์ทางการค้าหลัง Brexit สำหรับไอร์แลนด์เหนือ ก็มีส่วนกดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง


 ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลงใกล้ระดับ 104.7 จุด ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า เงินดอลลาร์จะยังไม่ได้อ่อนค่าลงชัดเจน จนกว่าตลาดจะคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด

 ทำให้เราคงมองว่า เงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways และอาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด

ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) รีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับ มาสู่ระดับ 1,824 ดอลลาร์ต่อออนซ์
 
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) 


บรรดานักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัวจะยังคงช่วยหนุนให้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นแตะระดับ 108.5 จุด ทั้งนี้ต้องจับตาว่ามุมมองของผู้บริโภคต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตเริ่มปรับตัวแย่ลงหรือไม่
 
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก

อาทิ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของทั้ง BOE และ ECB ว่าจะมีโอกาสขึ้นต่อเนื่องได้ถึงระดับใด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ที่สุดแห่งปี 2022! สรุปผลรางวัล “ฟีฟ่า เบสต์ ออฟ เดอะ เยียร์ 2022”

การประกาศผลรางวัล “นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2022” ของ ฟีฟ่า หรือ “The Best FIFA football awards 2022”

คือเป็นการประกาศรางวัลที่จัดขึ้นโดย ฟีฟ่า มอบให้สำหรับคนในวงการฟุตบอลที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี ผ่านการโหวตจาก ผู้จัดการทีมชาติสมาชิก กัปตันทีมชาติสมาชิก รวมถึงตัวแทนสื่อและบุคคลทั่วไป

และนี่คือผลการมอบรางวัลที่สุดแห่งปี 2022 ในสาขาต่าง ๆ ประกอบด้วย

– รางวัลพิเศษฟีฟ่า (The Best FIFA Special Award)
    เปเล (ทีมชาติบราซิล)

– นักเตะชายยอดเยี่ยม (The Best FIFA Men’s Player)
    ลิโอเนล เมสซี (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง / อาร์เจนตินา)

– นักเตะหญิงยอดเยี่ยม (The Best FIFA Women’s Player)
    อเลเซีย ปูเตญาส (บาร์เซโลนา / สเปน)

– ผู้จัดการทีมชายยอดเยี่ยม (The Best FIFA Men’s Coach)
    ลิโอเนล สลาโลนี (ทีมชาติอาร์เจนตินา)

– ผู้จัดการทีมหญิงยอดเยี่ยม (The Best FIFA Women’s Coach)
    ซารินา วิกมัน (ทีมชาติอังกฤษ)

– ผู้รักษาประตูชายยอดเยี่ยม (The Best FIFA Men’s Goalkeeper)
    เอมี มาร์ติเนซ (แอสตัน วิลลา / อาร์เจนตินา)

– ผู้รักษาประตูหญิงยอดเยี่ยม (The Best FIFA Women’s Goalkeeper)
    แมรี เอิร์ปส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / อังกฤษ)

– ประตูสุดสวยประจำปี (The FIFA Puskás Award)
    มาร์ซิน โอเลกซี (โปแลนด์) : วาร์ต้า พอซนัน vs สตัล เซสซอฟ

– แฟนบอลยอดเยี่ยม (The Best FIFA Fan Award)
    อาร์เจนตินาแฟน

– รางวัลแฟร์เพลย์แห่งปี (The FIFA Fair play award)
    ลูก้า โลชอชวิลี (เครโมเนนเซ)

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“จมูกอักเสบ” จากภูมิแพ้ อาการและวิธีการรักษา

จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต่อต้านละอองในอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝุ่นผง อย่างรุนแรง เมื่อละอองเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้นกันจะหลังแอนติบอดี้ เพื่อทำหน้าที่ต่อสู้กับฝุ่นละอองเหล่านี้ ทำให้เกิดอาการทางร่างกาย เช่น จาม แน่นจมูก คันจมูก และน้ำมูกไหล

อาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

ผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้มักจะเกิดอาการ ดังต่อไปนี้คือ

  • จามต่อเนื่อง เมื่อสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
  • น้ำมูกไหลตลอดเวลา
  • เสมหะในคอ
  • น้ำตาไหล
  • คันหู จมูก และคอ (ในกรณีที่รุนแรง)

 

อะไรเป็นสารที่ทำให้แพ้

โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้มักมีสาเหตุมาจากละอองชนิดต่างๆ บางคนอาจเกิดอาการแพ้จากไรฝุ่น ขนสัตว์ และเชื้อรา บ้างก็เกิดจากสิ่งที่ไม่เป็นอันตราย เช่น เมล็ดธัญพืช และขี้เลื่อย หากสาเหตุของอาการภูมิแพ้เกิดจากละอองเกสร ร่างกายอาจแสดงอาการภูมิแพ้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ดอกไม้เริ่มผลิดอก หากคุณแพ้ละอองต่างๆ ที่อยู่ภายในบ้าน อาการก็อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี

 การวินิจฉัยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

ในการระบุว่าคุณเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือไม่ แพทย์จำเป็นต้องทราบถึงอาการ และตรวจร่างกายของคุณ ข้อมูลของอาการที่เกิดขึ้น สถานที่และเวลาที่คุณเกิดอาการ และสิ่งที่ทำให้อาการแย่ลง หรือบรรเทาอาการได้ ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ว่าคุณมีอาการแพ้หรือเป็นปัญหาสุขภาพอย่างอื่น

คุณอาจต้องเข้ารับการตรวจทดสอบ เพื่อหาสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุของอาการ การทดสอบอาการภูมิแพ้ทำได้หลายวิธี ได้แก่ การทดสอบทางผิวหนัง และการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ ในการทดสอบทางผิวหนัง แพทย์จะทาสารสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิว เพื่อดูว่าสารนั้นไปกระตุ้นการเกิดอาการแพ้หรือไม่ และการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ เป็นการทดสอบสารที่น่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดอาการแพ้ในผู้ป่วย

 การรักษาอาการจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

ยังไม่มีวิธีการรักษาโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หากคุณแพ้สารที่อยู่ภายในบ้าน คุณควรทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอเพื่อขจัดไรฝุ่นหรือเชื้อรา หากคุณแพ้ละอองเกสร คุณควรหลีกเลี่ยงการอยู่นอกบ้านเป็นเวลานานๆ ในช่วงเวลาที่มีปริมาณละอองเกสรแพร่กระจายสูง

อาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง แต่การรักษาวิธีนี้ไม่ได้ผลเฉพาะกับกลุ่มผู้ป่วยดังต่อไปนี้

  • ผู้ป่วยโรคหอบหืด
  • ผู้สูงอายุ
  • เด็ก
  • หญิงที่ครรภ์หรือกำลังอยู่ในระหว่างให้นมบุตร

ในกรณีที่คุณอยู่ในกลุ่มข้างต้น คุณอาจเข้ารับการรักษาทันทีที่มีอาการ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงมากขึ้น

หากอาการรุนแรง หรือคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้ การรักษาด้วยวิธีการภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) อาจเป็นวิธีที่ช่วยได้ เพราะการรักษานี้ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการแพ้ แต่คุณจำเป็นต้องทราบว่า สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดที่เป็นสาเหตุ ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการภูมิคุ้มกันบำบัด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มาฝึกการ Present แบบ Professional เรียกพี่กันเถอะ!

การ Present นั้นเป็นอีก Skill หนึ่งที่ถ้าทำได้ดีแล้วจะทำให้เรามีเสน่ห์มากขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษ แต่แน่นอนว่าการ Present ให้ออกมาอย่างราบรื่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆเลยจริงไหมคะ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะหมดหนทางที่จะทำให้ออกมาดีได้นะ มาดูวิธีฝึกให้เป็น Pro แบบง่ายๆที่เราจัดให้กันเลย

1. จัดร่างกายตัวเองให้พร้อม!

แน่นอนว่าในฐานะของการเป็นผู้นำเสนอบุคลิกภาพของเราจะต้องดูดีและที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้ “ภาษากาย” หรือว่า “Body language” ให้เหมาะสมนั่นเองค่ะ เช่นการผายมือไปที่สไลด์ การยืนตัวตรงปลายเท้าแยกออกจากกันและ Eye contact (การสบตา) ก็เป็นสิ่งที่ผู้นำเสนอควรมีอย่างยิ่งด้วยนะคะ เราควรมองผู้ฟังของเราหลายๆคนเป็นครั้งคราว อย่าจ้องเสียจนคนฟังรู้สึกเกร็งล่ะ

2. รู้จักกับ Presentation Aids

Presentation Aids นั้นแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ตัวช่วยในการนำเสนอ” ซึ่งเราจะนิยมใช้ PowerPoint หรือว่า Prezi กันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราจะต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะว่าเจ้าพวกนี้มันเป็นเพียงตัวช่วยของเราเท่านั้น เราควรจะเป็นจุดเด่นที่สุดของการนำเสนอ นั่นคือเราควรจะเตรียมตัวมาให้พร้อมและใช้สายตามองคนดูมากกว่าที่จะมองสไลด์นะ

3. แนะนำตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

การแนะนำตัวให้น่าฟังนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์และความสำคัญที่ผู้นำเสนอทุกคนไม่ควรจะมองข้ามนะคะ ซึ่งนอกจากแนะนำตัวแล้ว เราก็ควรจะกล่าวทักทายและพูดถึงหัวข้อที่เราจะนำเสนอสักหน่อยหนึ่ง และนี่ก็คือตัวอย่างประโยคที่ควรใช้ในการแนะนำตัวค่ะ

  • Good morning, I am (ชื่อ), and I would like to tell you about (ชื่อหัวข้อ).
  • Hello everyone, (ชื่อ) is my name. Today, I’m going to inform you about (ชื่อหัวข้อ).
  • Hello there, you can call me (ชื่อ). I’m giving the presentation under the topic of (ชื่อหัวข้อ).
  • Nice to meet you here. I’m (ชื่อ). My presentation is about (ชื่อหัวข้อ)

4. การจัดเรียงข้อมูลที่ควรจำไว้ใช้ในการ Present เป็นภาษาอังกฤษ!

ตัวนี้เป็นสิ่งสำคัญเลยล่ะค่ะ ยิ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมามันก็ยิ่งทำให้หลายๆ คนไม่มั่นใจและพยายามจะใส่ข้อมูลให้เยอะที่สุดในสไลด์เพื่อที่จะได้ “อ่าน” ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ผิดมหันต์เลยค่ะ เราควรจะมีสิ่งที่เรียกว่า Overview หนึ่งสไลด์หลังจากที่เราแนะนำตัวให้ผู้ฟังเรียบร้อยแล้ว เพื่อบอกกับคนดูว่า What am I going to tell you? ให้คนดูนั้นเตรียมพร้อมเข้าสู่เนื้อหาไปพร้อมๆ กับเราค่ะ อย่างเช่นถ้าหากเราจะ Present เกี่ยวกับ Global Warming…Overview ของเราก็อาจจะเป็นดังนี้

OVERVIEW

  • What is “Global Warming”?
  • How does “Global Warming” affect our lives?
  • What can we do to stop “Global Warming”?

เหมือนเป็นการบอกคร่าวๆ ก่อนที่เราจะมาขยายความทุกหัวข้อที่เรากล่าวไว้ในขั้นตอนนี้นั่นเองค่ะ ซึ่งเราอาจจะตั้งเป็นคำถามให้น่าสนใจก็ได้ หรืออาจจะตั้งเป็นหัวข้อธรรมดาก็ได้ค่ะ เช่น

OVERVIEW

  • Information about Global Warming
  • Global Warming’s Effects
  • Global Warming Prevention

5. Signal Words นั้นสำคัญไฉน?

หลังจากที่เราบอกคร่าวๆ แล้วว่าเราจะพูดเกี่ยวกับอะไร สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเราต้องบอกคนฟังทุกครั้งว่าเรากำลังจะเปลี่ยนหัวข้อโดยใช้ Signal Words หรือ Signal Sentences นั่นเองค่ะ และนี่ก็คือคำพูดที่นิยมใช้กัน

  • I’m going to start with…(ชื่อหัวข้อแรก)
  • I’ve finished the first part and moving to the next one…
  • Let’s go to the next point.
  • Now, we are moving to the new topic.
  • Here is the new topic.

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ อ้อ! อีกอย่างถ้าหากเรามี Presenter มากกว่าหนึ่งคนและเรากำลังจะต้องส่งต่อการนำเสนอนี้ให้เพื่อนของเรา เราก็ควรจะบอกคนฟังด้วยประโยคเหล่านี้ค่ะ

  • I’ve done my part and I will pass it on to Ms./Mrs./Mr./…
  • Ms./Mrs./Mr./… is going to take you to the next topic.
  • The next topic will be spoken by Ms./Mrs./Mr./…

6. สรุปอีกครั้ง

สุดท้ายของการ Present นั้นสิ่งที่เราไม่ควรลืมเลยก็คือการสรุปนั่นเองค่ะ สรุปนี้มีความสำคัญมากๆ เพราะจะทำให้คนฟังจำได้ทุกหัวข้อว่าเราพูดเรื่องอะไรไปบ้างแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่นั้นจะจำส่วนสุดท้ายกันได้มากที่สุด ดังนั้นถ้าอยาก Present ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องห้ามลืมสรุปเด็ดขาดนะคะ เรามาดูตัวอย่างการสรุปกันเลยค่ะ

  • Here’s a quick recap of my presentation. Global warming is…. It can affect our lives in many ways… There are several ways to stop global warming. First, we need to….

7. ใช้ Script ให้เกิดประโยชน์สูงสุด!

แน่นอนว่าการ Present หลายๆ ครั้งเราอาจจะต้องพึ่งพา Note หรือ Script บ้างเป็นบางที โดยเฉพาะการนำเสนอที่มากกว่า 5 นาทีขึ้นไป แต่การมี Note เอาไว้ในมือนั้นเราก็ไม่ควรจะก้มหน้าก้มตาอ่านมันค่ะ วิธีที่ดีที่สุดก็คือเขียนเฉพาะ Keyword ที่เราเห็นแล้วนึกได้ทันทีว่าเราจะพูดเกี่ยวกับอะไรเช่นอาจจะเขียนแค่ชื่อหัวข้อเอาไว้เพื่อกันลืม ส่วนขนาดของ Note ที่แนะนำนั้นคือขนาดประมาณนามบัตรเท่านั้นนะคะ หากใหญ่เกินไปเราจะดูไม่เป็น Professional เอาเสียเลย แต่ถ้าข้อมูลนั้นเยอะเกินกว่าจะอัดลงไปในแผ่นเดียวแล้วก็แนะนำว่าให้ใช้หลายๆ ไปซ้อนๆ กันไปเลยค่ะ เมื่ออ่านใบแรกเสร็จแล้ว เราก็แค่ต้องเพียงหยิบมันไปไว้ด้านหลังสุดและชำเลืองตามองแผ่นต่อไปเท่านั้นเอง

สุดท้ายแล้ววิธีทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นจะไม่ Work เลยถ้าหากเราไม่ฝึกฝนนะคะ ยิ่งภาษาอังกฤษนั้นไม่ใช่ภาษาที่เราพูดและใช้อยู่เป็นประจำเราก็ยิ่งต้องฝึกให้คุ้นเคยค่ะ จำเอาไว้นะคะว่า Practice makes perfect. ค่ะ ^^

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


10 ท่าทางจับพวงมาลัยบอกนิสัยคุณได้

      แต่ละคนก็มีวิธีการจับพวงมาลัยต่างกันไป แล้วรู้หรือไม่ว่าแต่ละท่าทางสามารถบ่งบอกนิสัยคุณได้ด้วย ลองไปดูกันว่าจะแม่นแค่ไหน!

1.จับตำแหน่ง 10 และ 2 นาฬิกา

 การจับพวงมาลัยลักษณะนี้ถือเป็นท่ามาตรฐานที่ค่อนข้างปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น คนที่มักจับพวงมาลัยลักษณะนี้ถือว่าเป็น ‘Perfectionist’ หรือคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ

2.ตำแหน่ง 12 นาฬิกาด้วยมือข้างเดียว

     การจับพวงมาลัยแบบนี้ส่วนใหญ่มักพบในกลุ่มผู้ชายเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งท่านี้บ่งบอกว่าคุณเป็นคนชอบดูถูกคนอื่น ชอบแสดงอำนาจเหนือกว่าคนทั่วไป บางทีก็อาจเป็นหนุ่มขี้เก๊กด้วยเหมือนกัน

3.ตำแหน่ง 9 นาฬิกาด้วยมือข้างเดียว

 แม้ว่าจะจับด้วยมือข้างเดียวเหมือนข้อ 2 แต่ให้ความหมายแทบจะตรงกันข้าม เพราะหากจับพวงมาลัยลงมาที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา หรือ 3 นาฬิกา ด้วยมือเพียงข้างเดียวบ่อยๆ แสดงว่าคุณเป็นคนชอบความเรียบง่าย ไม่โอ้อวด ชอบแนวคิดง่ายๆ เป็นต้น

4.วางมือ 1 ข้างไว้ที่ก้านพวงมาลัย

     การวางมือ 1 ข้างไว้บนก้านพวงมาลัยด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่าคุณเป็นคนชอบการผจญภัย ท้าทาย ชอบค้นหาเส้นทางใหม่อยู่บ่อยๆ ไม่เชื่อลองสังเกตคนใกล้ตัวดูสิ

5.จับใต้พวงมาลัยแบบหงายมือขึ้น

 การจับบริเวณด้านล่างของพวงมาลัยโดยหงายมือขึ้น แสดงว่าคุณมีความเป็นผู้นำสูง ชอบออกคำสั่ง

6.จับใต้พวงมาลัยแบบคว่ำมือลง

  ข้อนี้จะคล้ายกับข้อที่ผ่านมา แต่ใช้วิธีคว่ำมือเข้ากับพวงมาลัย บ่งบอกว่าคุณเป็นคนกระตือรือร้น ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความสนใจอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ

7.จับก้านพวงมาลัยด้วยมือทั้ง 2 ข้าง

 การขับพวงมาลัยลักษณะนี้ แสดงว่าคุณเป็นคนเรียบๆ นิ่งๆ ไม่ชอบแสดงท่าทีให้มากนัก

8.ไม่จับพวงมาลัยเลย!

     คนที่ไม่ชอบจับพวงมาลัย แต่ใช้ขาคอยควบคุมพวงมาลัยแทนนั้น แปลว่าคุณกำลังมโนว่ารถคุณมีระบบขับขี่อัตโนมัติ Autopilot แบบเดียวกับรถ Tesla Model S ใช่ไหมล่ะ

9.จับตำแหน่ง 11 และ 1 นาฬิกาอย่างเต็มฝ่ามือ

   การจับพวงมาลัยลักษณะนี้บ่งบอกชัดเจนเลยว่า คุณกำลังอยู่ในภาวะกดดัน มีความกังวล ต้องการไปถึงที่หมายโดยเร็ว เป็นต้น

10.บีบแตรบ่อยๆ

   ถ้าพื้นผิวบริเวณแตรรถมีความสึกเป็นพิเศษ เพราะชอบกดแตรบ่อยๆแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณเป็นคนใจร้อน เกิดบันดาลโทสะอยู่บ่อยๆ จนอาจทำให้เกิดความรุนแรงบนท้องถนนได้ ไม่ดีเอาเสียเลยนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 ประโยชน์ดีๆ จาก “มะรุม” ลดน้ำตาล-คอเลสเตอรอล

เด็กๆ สมัยนี้อาจจะเคยทานแต่ “แกงส้มผักรวม” หรือ “แกงส้มมะละกอ” แต่ขอบอกเลยว่าถ้าเป็นรุ่นพ่อแม่เราแล้วล่ะก็ “แกงส้มมะรุม” เป็นอะไรที่สุดยอดของบรรดาแกงส้มทั้งปวง ถึงแม้ว่าจะทานลำบากกว่าผักชนิดอื่น แต่รับรองว่าถ้าได้ลองลิ้มชิมรสแล้วจะจำไม่ลืมเลยทีเดียว

มะรุม นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายอย่างที่คุณอาจไม่เคยทราบมาก่อนอีกด้วย

ประโยชน์ดีๆ จาก “มะรุม”

  1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส
  2. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย
  3. ลดไขมัน และคอเลสเตอรอล
  4. รักษาโรคโลหิตจาง
  5. บำรุงหัวใจ
  6. ลดน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  7. ช่วยลดไข้ แก้หวัด
  8. บรรเทาอาการไอ

มะรุม มีอันตรายหรือไม่?

จากการทดลองกับหนูทดลองในห้องแล็บ พบว่า หนูทดลองที่ผสมพันธ์แล้ว และถูกป้อนด้วยสารสกัดจากเมล็ดมะรุม มีความเป็นไปได้ที่ทำให้หนูมีอาการแท้ง ส่วนของรากมะรุม ทำให้ตัวอ่อนในครรภ์ฝ่อ และมะรุมดิบทำให้การเจริญเติบโตของหนูลดลง

ดังนั้นมะรุม โดยเฉพาะมะรุมดิบ อาจมีอันตรายต่อหญิงมีครรภ์

เมนูมะรุมที่แนะนำ

นอกจากแกงส้มมะรุมแล้ว มะรุมยังสามารถนำมาทำอาหารได้อีกหลากหลายเมนู เมล็ดอ่อนของมะรุมนำมาทำยำมะรุมได้ และนอกจากเมล็ด และฝักมะรุม ยังสามารถนำใบมะรุมมาทำอาหารได้อีกด้วย เช่น แกงจืดไข่ใส่มะรุม แกงอ่อม ลวก หรือทอดกับไข่ทานกับน้ำพริก หรือทำเป็นชามะรุมดื่มเพื่อแก้คอชุ่มชื้น ลดอาการไอได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/02/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a30,000.0030,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,943.0029,455.8830,600.00
ทองรูปพรรณ 90%1,748.7026,510.29n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,554.4023,564.70n/a
ทองรูปพรรณ 50%874.0013,249.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%680.0010,308.80n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,013.0030,517.08n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/02/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.3536.3536.9436.3536.3536.3536.3536.3536.3536.35
แก๊สโซฮอล์ 9136.0836.0836.6436.0836.0836.0836.0836.0836.0836.08
แก๊สโซฮอล์ E2034.0434.0434.3434.0434.0434.0434.0434.0434.04
แก๊สโซฮอล์ E8534.4934.4934.49
เบนซิน 9544.1644.2144.6644.3144.16
ดีเซล B733.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล33.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล B2033.9433.9434.4433.9433.9433.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.0643.1644.9444.2644.2643.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า