ทุนอสังหาฯฮ่องกง “ริสแลนด์” โกยยอดขาย 6,900 ล้าน ผุดคอนโดหรู ทองหล่อ
ทุนอสังหาฯฮ่องกง ริสแลนด์ โชว์ยอดขายปี 65 ทะลุเป้ากว่า 6,900 ล้านบาท พร้อมผุดคอนโดมิเนียมหรู ทองหล่อ เปิดชมห้องจริง วิวจริง คลาวด์ ทองหล่อ – เพชรบุรี คอนโดไฮไรส์เจ้าของรางวัล Best High-End Condo Development
ริสแลนด์ ประเทศไทย กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติฮ่องกง โชว์ยอดขายปี 2565 กวาดรายได้รวมกว่า 6,900 ล้านบาท จากทั้งหมด 7 โครงการ พร้อมรุกตลาดออนไลน์เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ล่าสุดจัดงานเปิดตึกโครงการ คลาวด์ ทองหล่อ – เพชรบุรี คอนโดมิเนียมไฮไรส์ ราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท คาดปิดการขายได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2567
นายสวี่ โจว ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมา สามารถกวาดยอดขายได้กว่า 6,900 ล้านบาท จากทั้งหมด 7 โครงการ ประกอบด้วยโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และโครงการมิกซ์ยูส 2 โครงการ
โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากแนวคิดของริสแลนด์ ซึ่งกล้าที่จะลอง และกล้าที่จะเปลี่ยน จึงมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมีการปรับราคาบางส่วนให้เหมาะสมกับราคาตลาด
รวมถึงนโยบายส่วนลดพิเศษอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องของลูกค้าตามสภาพเศษฐกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมุ่งเน้นทำการตลาด และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายในต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ในช่วงที่มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
สำหรับปี 2566 ริสแลนด์ วางเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 6,808 ล้านบาท โดยยังไม่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ แต่มีการวางแผนในระยะยาวมองหาและสะสมที่ดินแปลงใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการในอนาคตในช่วงเวลาที่เหมาะสม
โดยในปี 2566 ริสแลนด์มีแผนจะจัดอีเว้นท์ใหญ่รวมทุกโครงการ เช่นงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43 พร้อมรับข้อเสนอพิเศษต่างๆภายในงาน และงานเปิดตัวอาคารไฮไรส์ โครงการ เดอะลิฟวิ่น เพชรเกษม ในช่วงกลางปีนี้
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 ภาพรวมจะยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมประมาณร้อยละ 3 ถึง 8 เมื่อเทียบกับปี 2565 เพื่อป้องกันแรงกดดันจากเงินเฟ้อ โดยผลกระทบของเงินเฟ้อทำให้ต้นทุนหลัก เช่น ค่าก่อสร้าง ค่าแรงงาน ค่าไฟฟ้า และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
ส่วนอุปทานคอนโดมิเนียมในย่านทองหล่อ เอกมัย โดยคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2566 จะมีจำนวนคอนโดมิเนียมใหม่เปิดขายสะสมสูงประมาณ 6,000 ยูนิต มีอัตราการดูดซับของตลาดกว่า 70 – 80% และมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนประมาณ 5-6 %
ล่าสุด ริสแลนด์ จัดงานเปิดตึกโครงการ คลาวด์ ทองหล่อ – เพชรบุรี คอนโดมิเนียมไฮไรส์บนถนนเพชรบุรี ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมตึกจริง ห้องจริง วิวจริง เป็นครั้งแรก จัดเต็มด้วยพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,000 ตารางเมตร
โดดเด่นด้วยความสูงถึง 55 ชั้น กว่า 202 เมตร พร้อม Sky Facilities Full Function และสระว่ายน้ำบนชั้นลอยฟ้ารับวิวเมืองรอบทิศทางแบบ 360 องศา ออกแบบให้ความหรูหราและเป็นส่วนตัวด้วยเพียง 14 ห้องต่อชั้น และในราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วิธีลงทุน อสังหาริมทรัพย์ ทำตามกูรูสอน เชื่อถือได้กำไรชัวร์
เปิดวิธีลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ ฉบับกูรูสอน ตั้งแต่เริ่มต้น การประเมินความเสี่ยง วิธีเลือกอสังหาริมทรัพย์ ให้ได้พื้นที่ดี ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ทุนไม่จม ทำตามนี้ได้กำไรชัวร์
ในปัจจุบันที่อัตราเงินเฟ้อ ยังคงแซงหน้าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ในธนาคาร บวกกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การหารายได้เพิ่มจึงเป็นความจำเป็นในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการลงทุนในรูปแบบต่างๆทั้งในรูปแบบของสินทรัพย์ที่จับต้องได้(Tangible investment) เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ อัญมณี หรือของมีค่าต่างๆ และ การลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible investment) เช่น การลงทุนในหุ้น พันธบัตร ตราสารหนี้ หรือกองทุนรวมเป็นต้น
คำกล่าวที่ว่า “ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ไม่ขาดทุน” แท้ที่จริงแล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และหากสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้มีผลตอบแทน หรือมีกำไรที่ดี ต้องเริ่มต้นอย่างไร ฐานเศรษฐกิจ ได้สัมภาษณ์พิเศษ คุณสุพินท์ มีชูชีพ ประธานกรรมการบริหารบริษัท JLL Thailand จำกัด เพื่อเจาะลึกเคล็ดลับ ฉบับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพ
คุณสุพินท์ เปิดเผยว่า ก่อนจะตัดสินใจลงทุนใดๆก็ตามต้องตระหนักว่า ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างรอบคอบ รอบด้าน พร้อมประเมินศักยภาพของตนเองด้วยว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น ต้องเข้าใจว่า อสังหาฯในแต่ละรูปแบบมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน อันดับแรก ผู้ลงทุนต้องประเมินความสามารถในการซื้ออสังหาฯนั้นๆ รวมถึงความชอบ และความสามารถในการรับความเสี่ยง ที่มีทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในมาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้เช่น โรคโควิดระบาด ,สถานการณ์ทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมทันที หรือโครงการพัฒนาต่างๆ ที่อาจมีความล่าช้า หรือปรับเปลี่ยน ยกเลิกโครงการเกิดขึ้น
วิธีเลือกซื้ออสังหาฯให้ผลตอบแทนดี
เมื่อประเมินความพร้อมของตัวผู้ลงทุนเองเรียบร้อยแล้ว คุณสุพินท์ได้ให้เทคนิคในการเลือกซื้อ หรือลงทุนในอสังหาฯต่างๆไว้ดังนี้
- ต้องทราบความต้องการของตนเองว่า ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือปล่อยเช่า เพื่อสามารถประเมินดีมานของตลาด กลุ่มเป้าหมาย และคู่แข่งในตลาดได้ถูกต้อง
- เลือกทำเล หรือโลเคชั่น ที่มีการพัฒนาแล้ว หรือเริ่มมีการพัฒนาแล้ว เช่น มีโครงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ มีโครงการรถไฟฟ้า-สถานีรถไฟฟ้า หรือมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้น
- เลือกทำเล หรือพื้นที่ที่จะไม่มีการเปลี่ยนผังสี และมีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น มีค่า FAR หรือ Floor Area Ratio (อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) ที่จะพัฒนาที่ดินได้มากขึ้น สามารถเปลี่ยนจากพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่น เป็นเชิงพาณิชย์ได้
- ไม่ควรมองหาที่ดินที่มีราคาถูกเพียงอย่างเดียว เพราะอาจทำให้เงินทุนจม และได้ผลตอบแทนการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า
วิธีตั้งราคาเช่า-ขาย อสังหาริมทรัพย์
อันดับแรกต้องพิจารณาอสังหาริมทรัพย์ที่มีในมือก่อนว่า หากไม่มีการปรับปรุงพัฒนา จะสามารถสร้างรายได้ได้เท่าไหร่ พร้อมศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ซื้อ,ผู้เช่า เห็นโอกาสในการสร้างรายได้ หรือทำกำไรในอสังหาริมทรัพย์ของเรา
หรืออาจปรับปรุงก่อน แล้วค่อยขาย หรือให้เช่า ก็จะทำให้ผู้ซื้อเห็นว่าไม่ต้องมาลงทุนเพิ่ม และไม่เสียเวลาในการปรับปรุง สามารถสร้างรายได้จากอสังหาฯของเราได้ทันที ทั้งนี้ต้องตรวจสอบกฎระเบียบ และกฎหมายด้วยว่า ในพื้นที่นั้นๆสามารถปรับปรุงดัดแปลงอสังหาฯได้มากน้อยแค่ไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 2มี.ค.ที่ระดับ 34.69 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องแต่หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนออกมาสูงกว่าคาดอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าในช่วงนี้
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้2มี.ค.2566นี้ ที่ระดับ 34.69 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมานั้น
มาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ที่สอดคล้องกับการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินฝั่งเอเชีย รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาทยังได้แรงหนุนจากการขายทำกำไร รวมถึง Stop loss สถานะ Long USDTHB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนอีกด้วย
ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ อย่างน้อยจนกว่าตลาดจะคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ทำให้ เรามองว่า เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจน
และยังคงแกว่งตัว Sideways Up อย่างไรก็ดี ในวันนี้ เงินบาทอาจยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง หากรายงานยอดการส่งออกและการนำเข้าของกรมศุลฯ สะท้อนว่า การขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่มาจากการนำเข้ายุทธปัจจัยเพื่อใช้ในการซ้อมรบ Cobra Gold
นอกจากนี้ หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนออกมาสูงกว่าคาด และยังคงหนุนให้เงินยูโร (EUR) ทรงตัวหรือแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ก็อาจช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หรือช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้
ในช่วงนี้ จะเห็นได้ว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนผ่านกรอบค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาซึ่งกว้างไม่น้อยกว่า 50 สตางค์ภายในวัน
ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.85 บาท/ดอลลาร์
แม้ว่ารายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ จะปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาด สู่ระดับ 47.7 จุด และยังคงสะท้อนภาวะหดตัวต่อเนื่องของภาคการผลิต (ดัชนี ต่ำกว่าระดับ 50 จุด)
ทว่าหากพิจารณาในรายละเอียดจะเห็นได้ว่า ดัชนีด้านราคา (Price Index) กลับเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 51.3 จุด จากก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สะท้อนแนวโน้มราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้นในอัตราเร่ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงได้ช้าและจะส่งผลให้เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งภาพดังกล่าว
สอดคล้องกับมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ยังคงสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ความกังวลดังกล่าวได้ส่งผลให้หุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวลดลงต่อ ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -0.66% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.47%
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.74% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ของเยอรมนี ยังคงอยู่ที่ระดับ 8.7% สูงกว่าที่ตลาดคาด
(สอดคล้องกับรายงานอัตราเงินเฟ้อของทั้งฝรั่งเศสและสเปนที่รายงานก่อนหน้า)
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ รวมถึงหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมบ้าง หลังรายงานดัชนี PMI ล่าสุดของจีนออกมาดีกว่าคาดพอสมควร สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนทางตลาดบอนด์ ความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ซึ่งล่าสุดสะท้อนผ่านโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.75% ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 40%
รวมถึงโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแตะ 6.00% ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% (จาก CME FedWatch Tool) ได้ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับ 4.00% อีกครั้ง ซึ่งโซน 4.00% ถือได้ว่าเป็นแนวต้านสำคัญของบอนด์ยีลด์ 10 ปี
ทำให้ต้องจับตาใกล้ชิดว่า บรรดานักลงทุนจะกลับเข้ามาซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น ได้อย่างที่เราได้ประเมินไว้หรือไม่
ด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินฝั่งเอเชีย รวมถึงสกุลเงิน Commodity-related อย่าง เงินออสเตรเลียดอลลาร์ (AUD) และ
เงินยูโร (EUR) หลังรายงานดัชนี PMI ของจีนออกมาดีกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อ CPI ของเยอรมนีก็มาออกมาสูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมารีบาวด์ขึ้นได้และแกว่งตัว sideways
ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 104.4 จุด หลังผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด อีกครั้ง
ส่วนราคาทองคำ การย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ในช่วงตลาดเอเชียเปิดทำการ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนแตะโซนแนวต้าน 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 1,843 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงการซื้อขายในฝั่งสหรัฐฯ หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น
อนึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนที่ทยอยสะสมในโซนแนวรับ เริ่มขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำบ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจมีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ซึ่งหากยอดดังกล่าวยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หรือทรงตัวใกล้เคียงระดับเดิม ก็จะยังคงสะท้อนแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่คลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสดใส
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยหากอัตราเงินเฟ้อ CPI ยังสูง เช่น 8.2% ตามที่ตลาดประเมิน ก็จะยิ่งหนุนโอกาสธนาคารกลางยุโรป (ECB) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งผู้เล่นในตลาดล่าสุดคาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Deposit Facility Rate จนแตะระดับ 3.75% ได้ในปีนี้ จากระดับล่าสุดที่ 2.50%
และในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดการส่งออกและนำเข้าในเดือนมกราคมของไทย (ข้อมูลจากกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์) หลังจากที่ในช่วงต้นสัปดาห์ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานดุลการค้าที่ขาดดุลถึง -2.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการขาดดุลการค้าดังกล่าวได้กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าหนักจนแตะระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์ โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลยอดการส่งออกและนำเข้าของกรมศุลฯ ว่า
การขาดดุลการค้าดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เช่น ยอดการนำเข้ายุทธปัจจัยสำหรับการซ้อมรบ Cobra Gold หรือไม่
เพราะหากเกิดจากการซ้อมรบ ก็อาจเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวที่ไม่ได้สะท้อนภาพปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.85-34.87 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทยังคงแกว่งตัวในกรอบผันผวน และกลับมาเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าอีกครั้ง หลังจากที่ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด (ซึ่งสะท้อนท่าทีเชิงคุมเข้มต่อเนื่องเพื่อจัดการปัญหาเงินเฟ้อ) ช่วยหนุน Sentiment ของค่าเงินดอลลาร์ฯ ให้ทยอยฟื้นตัวขึ้น
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้คาดไว้ที่ 34.60-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางฟันด์โฟลว์ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนม.ค. (โดยกระทรวงพาณิชย์) อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” ขับเคลื่อนแรงบันดาลใจและสร้างปรากฏการณ์แห่งความทรงจำ
“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 16 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2566 ได้กลายเป็น “ปรากฏการณ์” การต่อสู้ของนักกอล์ฟทั้ง 72 คน รวมถึงนักกอล์ฟไทย 11 คน ที่เชียร์สนุกและบีบหัวใจสำหรับแฟนกอล์ฟในสนามและในจอพีพีทีวี รวมทั้งความสำเร็จของฝ่ายจัดการแข่งขันและพันธมิตรหลัก ได้แก่ ฮอนด้า ไอเอ็มจี, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมมือกันเพื่อจัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์อันทรงเกียรติที่ช่วยพัฒนากีฬากอล์ฟหญิงในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงประโยชน์ต่อภูมิภาคโดยรวม อีกทั้งเป็นที่น่าปลาบปลื้มใจที่การแข่งขันปีนี้มีแฟนกอล์ฟทั้งรุ่นจิ๋วที่ผู้ปกครองพามาหาแรงบันดาลใจ รวมทั้งแฟนกอล์ฟรุ่นใหญ่ที่หลั่งไหลเข้าไปชมในสนามมากที่สุดอันดับสอง รองจากการแข่งขันในปี 2013 และรับการกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์กีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศไทย แม้ปิดฉากการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อยแต่มีสถิติและข้อมูลที่น่าสนใจในแง่มุมต่างๆ ซึ่งควรค่าแก่การจดจำ
ยอดผู้ชมในสนามมากที่สุดลำดับสอง ตั้งแต่จัดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์
เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 ฟีเวอร์” เมื่อแฟนกอล์ฟทุกเพศ ทุกวัย ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาชมและเชียร์นักกอล์ฟชั้นนำของโลกตั้งแต่เช้าตลอดการแข่งขันทั้ง 4 วัน บรรยากาศในสยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส เป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งเสียงเชียร์ เสียงปรบมือรอบสนามยามนักกอล์ฟหวดวงสวิงการถ่ายภาพและแจกลายเซ็นอย่างใกล้ชิด ส่วนบรรยากาศตามบูทของผู้สนับสนุนก็เต็มไปด้วยการเล่นเกมลุ้นรับของที่ระลึก พร้อมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นภาพความสนุกที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งหลังจากผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แฟนกอล์ฟต่างอัดอั้นส่งผลให้ยอดผู้ชมตลอดการแข่งขันทั้งสิ้น 46,879 คน กลายเป็นยอดผู้ชมสูงที่สุดอันดับสองของฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์โดยยอดผู้ชมสูงสุดคือปี 2013 ที่เอรียา จุฑานุกาล ได้รองแชมป์ ซึ่งมียอดผู้ชมกว่า 47,000 คน
ลิเลีย วู ชูถ้วยแชมป์ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” ในการเข้าร่วมแข่งขันเป็นปีแรก
นักกอล์ฟจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมแข่งขัน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” เป็นครั้งแรกพร้อมกับรู้สึกขอบคุณที่ฝ่ายจัดการแข่งขันและแฟนกอล์ฟให้การต้อนรับเธออย่างอบอุ่น คว้าแชมป์ในสยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พาร์ 72 ด้วยสกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 262 (66,70,64,64) สถิติ ทำ 1 อีเกิ้ล 25 เบอร์ดี้ ทำพาร์ได้ 41 ครั้ง และเสีย 5 โบกี้ ตลอดสี่วันของการแข่งขัน
สกอร์รวมที่เธอทำได้นับเป็นสกอร์ต่ำสุดในการเล่น 72 หลุมของเธอในแอลพีจีเอ ทัวร์นักกอล์ฟวัย 25 ปีสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟที่คว้าแชมป์ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” ได้ตั้งแต่เข้าร่วมแข่งขันเป็นปีแรก อีกทั้งเป็นแชมป์แรกในปีนี้ของเธอและแชมป์แรกในแอลพีจีเอ ทัวร์ หรือ Rolex First-Time Winner พร้อมกับทำสถิติเงินรางวัลรวมในอาชีพทะลุ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเธอได้เงินรางวัลในฐานะแชมป์ 255,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 1,177,769 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอันดับโลกพุ่งจากอันดับ 21 มารั้งอันดับ 12 ของโลก
ซิม-ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ สร้างประวัติศาสตร์ นักกีฬารับเชิญจากการแข่งขันรอบคัดเลือกระดับประเทศ Honda LPGA Thailand 2023 National Qualifiers ที่ขึ้นนำและได้ลุ้นแชมป์เป็นคนแรกของการแข่งขัน
“ซิม 300” เพิ่งเทิร์นโปรในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วและเพิ่งคว้าทัวร์การ์ดแอลพีจีเอมา เพิ่งมีประสบการณ์เวทีแอลพีจีเอครั้งแรก แต่ฝีมือบวกกับความมุ่งมั่นแรงกล้าที่พร้อมขับเคลื่อนแรงบันดาลใจของตัวเองเพื่อประสบความสำเร็จในอาชีพนักกอล์ฟที่ทำให้ “ซิม” ชนะ Honda LPGA Thailand 2023 National Qualifiers เข้าร่วมแข่งขันในฐานะนักกอล์ฟรับเชิญ
รุกกี้แอลพีจีเอ ทัวร์ จอมหวดไกล วัย 20 ปี สร้างความฮือฮาตลอดทัวร์นาเมนต์ ทำสกอร์อยู่ในช่วง 60 สามวันแรก (67,65,64) ขึ้นมารั้งตำแหน่งผู้นำหลังจบรอบสาม หวังสร้างประวัติศาสตร์นักกอล์ฟไทยคนที่สองที่คว้าแชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ต่อจาก เม-เอรียา จุฑานุกาล เมื่อต้องเล่นท่ามกลางสภาพลมแรงที่ไม่ถนัดในวันสุดท้าย และความคาดหวังของแฟนกอล์ฟที่แห่มาชมกันแน่นขนัด “ซิม” พยายามเล่นให้ดีที่สุด เสียงเชียร์ไทยแลนด์ ไทยแลนด์ดังขึ้นในวินาทีที่ซิมเดินขึ้นมาถึงลูก น่าเสียดายที่สุดท้ายพลาดแชมป์ไปแบบทำแฟนกอล์ฟน้ำตาซึม เพียง 1 สโตรกเท่านั้น
ซิม-ณัฐกฤตา เป็นนักกอล์ฟจาก Honda LPGA Thailand 2023 National Qualifiers คนแรกที่ขึ้นนำและจบตำแหน่งสูงสุดคือรองแชมป์ ที่สำคัญทำให้อันดับโลก Rolex Rankings พุ่งทะยานจากอันดับ 470 ขึ้นมาเป็นอันดับ 91 ของโลก และมีโอกาสลุ้นรางวัลดาวรุ่งแห่งปีของแอลพีจีเอ
การแจ้งเกิดแบบเต็มตัวของซิมยังถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นใหม่เพราะซิมได้พิสูจน์แล้วว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หากเรามุ่งมั่นและตั้งใจ”
อาฒยา ฐิติกุล อดีตมือ 1 ของโลกขวัญใจแฟนกอล์ฟที่เคยคว้ารองแชมป์ปี 2021 ทำสกอร์อยู่ในช่วง 60 ทั้งสี่รอบ คือ 67, 69, 64, 68 จบในอันดับ 3 ของรายการ สกอร์รวม 20 อันเดอร์พาร์ 268 แม้พลาดแชมป์แต่ “จีโน่” ยังคงทำผลงานอยู่ในมาตรฐานที่ดี จบใน 10 อันดับจากการลงเล่น 3 ปีติดต่อกัน และจบใน 5 อันดับแรกสองครั้งในการเล่นรายการนี้
“การที่มีแฟนกอล์ฟเข้ามาเชียร์ในสนามกันเยอะขนาดนี้นับเป็นสัญญาณที่ดีของวงการกอล์ฟไทย แต่เราก็ยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคธุรกิจ รวมถึงแฟนกอล์ฟชาวไทย เพื่อช่วยกันพัฒนาวงการกอล์ฟไทยให้ก้าวไกลมากกว่านี้ ฝีมือนักกอล์ฟไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งจากผลงานนักกีฬาไทยที่ไปคว้าแชมป์รายการต่างๆมาแล้วทั่วโลก รวมถึงรายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ตลอดจนผลงานของนักกีฬาหน้าใหม่ๆที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันปีนี้ จึงอยากให้ทุกภาพส่วนมาร่วมกันพัฒนาและสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันผลักดันมาตรฐานวงการกีฬากอล์ฟและนักกีฬากอล์ฟของไทยให้เทียบชั้นกับระดับสากลได้ในทุกๆด้านค่ะ” อาฒยา กล่าวยกย่องผลงานของ “ซิม” และนักกอล์ฟไทยนักกอล์ฟไทยหลังจบการแข่งขัน
สรุปผลงาน จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์”
2017 -3,285 อันดับ 37 ร่วม
2019 E,288 อันดับ 54 ร่วม
2021 -21,267 อันดับ 2
2022. -20,268 อันดับ 8 ร่วม
2023. -20,268 อันดับ 3
จินยอง โค ทำสกอร์ช่วง 60 ทั้งสี่รอบ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เคยทำได้ในกอล์ฟเมเจอร์ รายการเอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ ปี 2022
ในการแข่งขัน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” จินยอง โค ที่ทำสถิติเคยครองมือ 1 ของโลกนานที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์นักกอล์ฟถึง 152 สัปดาห์ สร้างสถิติที่น่าสนใจในอาชีพ เจ้าของ 13 แชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ ทำสกอร์อยู่ในช่วง 60 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เธอเคยทำได้ตอนจบ อันดับ 6 ร่วม กอล์ฟเมเจอร์ รายการ อามุนดี เอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ 2022 ซึ่งวันสุดท้ายเธอเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ทำสกอร์ดีที่สุดของรอบที่ 8 อันเดอร์พาร์ 64 ในการเล่น 18 หลุม นับตั้งแต่รายการ ปาลอส แวร์เดส แชมเปี้ยนชิพ พรีเซ็นเต็ด บาย แบงค์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเธอทำได้ในรอบแรก
นักกอล์ฟไทยสร้างผลงานอยู่ใน 3 อันดับแรกตลอดการแข่งขัน
ซิม-ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ ร่วมด้วย จีน-อาฒยา ฐิติกุล และ ว่าน-จารวี บุญจันทร์ เป็น 3 นักกอล์ฟไทยที่ร่วมกันทำผลงานอยู่ในสามอันดับแรกของการแข่งขันแต่ละวัน และจบใน 20 อันดับแรกของการแข่งขันปีนี้
วันแรก ว่าน-จารวี บุญจันทร์ นักกอล์ฟรุกกี้ แอลพีจีเอ ทัวร์ ซึ่งร่วมแข่งขันในฐานะนักกอล์ฟรับเชิญปีที่สองติดต่อกัน เป็นผู้นำหลังร่วมจบวันแรกที่สกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ 65 ก่อนจบทัวร์นาเมนต์อันดับ 17 ร่วม
วันที่สอง ซิม-ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ ผู้ชนะจากการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2023 National Qualifiers เป็นนักกอล์ฟ ชาวไทยคนที่สองสร้างความฮือฮา รอบสองตี 7 อันเดอร์พาร์ 65 สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 132 ขึ้นนำเดี่ยว
วันที่สาม ซิม-ณัฐกฤตา รุกกี้แอลพีจีเอ ทัวร์ทำ 8 อันเดอร์พาร์ในรอบสาม สกอร์รวม 20 อันเดอร์พาร์ 196 เป็นผู้นำต่อเนื่อง
วันสุดท้าย ซิม-ณัฐกฤตา จบด้วยรองแชมป์หลังแพ้ ลิเลีย วู แค่ 1 สโตรก ขณะที่ จีน-อาฒยา ฐิติกุล ครองอันดับ 3 แพ้แชมป์เพียง 2 สโตรกเท่านั้น
หลุมที่ 9 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส เป็นหลุมที่ยากที่สุดของนักกอล์ฟใน “ฮอนด้า แอลพีจเอ ไทยแลนด์ 2023”
จากสถิติของการแข่งขันทั้งสี่วัน ปรากฏว่า หลุม 9 พาร์ 4 เป็นหลุมที่ท้าทายที่สุดและทำสกอร์ได้ยากที่สุดในการแข่งขันครั้งที่ 16 โดยนักกอล์ฟสามารถทำ 33 เบอร์ดี้ในหลุมนี้ แต่เสีย 56 โบกี้ และมีการทำพาร์ได้ทั้งหมด 192 ครั้ง อีกนักกอล์ฟเสีย 7 ดับเบิ้ลโบกี้ที่หลุมนี้ สกอร์เฉลี่ย 4.128
ส่วนหลุม 17 พาร์ 4 เป็นหลุมที่ยากที่สุดลำดับที่สองของปีนี้ สกอร์เฉลี่ย 4.115 แม้แต่ ลิเลีย วู แชมป์คนล่าสุดยังยอมรับภายหลังได้แชมป์ว่า เธออยากมาแก้มือในหลุมที่ 17 เพราะตลอดสี่วันเธอเสียสองโบกี้และไม่สามารถเก็บเบอร์ดี้ได้เลยในหลุมดังกล่าว
ฮอนด้า และไอเอ็มจี ในฐานะผู้จัดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ให้คำมั่นว่าจะกลับมาพร้อมกับการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ของนักกอล์ฟระดับแถวหน้าของโลกรวมทั้งนักกอล์ฟชั้นนำของไทยใน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024” ที่แฟนกอล์ฟทุกคนรอคอย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อาการเริ่มต้นของโรคกรดไหลย้อน โรคยอดฮิตวัยทำงาน
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) หมายถึง โรคที่มีอาการซึ่งเกิดจากการไหลย้อนกลับของกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการจากการระคายเคืองของกรด เช่น อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบและมีแผล หรือหลอดอาหารอักเสบโดยไม่เกิดแผล หรือถ้ากรดไหลย้อนขึ้นมาเหนือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน อาจทำให้เกิดอาการนอกหลอดอาหาร [atypical or extraesophageal GERD]
ประเภทของโรคกรดไหลย้อน
- โรคกรดไหลย้อนธรรมดา หรือCLASSIC GERD ซึ่งกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาจะอยู่ภายในหลอดอาหาร ไม่ไหลย้อนเกินกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบน ส่วนใหญ่จะมีอาการของหลอดอาหารเท่านั้น
- โรคกรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง (Laryngopharyngeal Reflux: LPR) หมายถึงโรคที่มีอาการทางคอและกล่องเสียง ซึ่งเกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นมาเหนือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการของคอและกล่องเสียง จากการระคายเคืองของกรด
อาการเริ่มต้นของโรคกรดไหลย้อน
หากท่านมีอาการดังต่อไปนี้ อาจบ่งบอกถึงการมีโรคกรดไหลย้อน ควรมารับการรักษาโดยแพทย์
- อาการทางคอหอยและหลอดอาหาร
– อาการปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอก และลิ้นปี่ บางครั้งอาจร้าวไปที่บริเวณคอได้ (พบน้อย)
– รู้สึกคล้ายมีก้อนอยู่ในคอ หรือแน่นคอ
– กลืนลำบาก กลืนเจ็บ หรือกลืนติดๆ ขัดๆ คล้ายสะดุดสิ่งแปลกปลอมในคอ
– เจ็บคอ แสบคอหรือปาก หรือแสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า
– รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี หรือรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก (bile or acid regurgitation)
– มีเสมหะอยู่ในลำคอ หรือระคายคอตลอดเวลา
– เรอบ่อย คลื่นไส้ คล้ายมีอาหาร หรือน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาในอก หรือคอ
– รู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย (dyspepsia)
– มีน้ำลายมากผิดปกติ มีกลิ่นปาก เสียวฟัน หรือมีฟันผุได้
- อาการทางกล่องเสียง และหลอดลม
– เสียงแหบเรื้อรัง หรือ แหบเฉพาะตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม
-ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารหรือขณะนอน
-ไอ หรือ รู้สึกสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกในเวลากลางคืน
– กระแอมไอบ่อย
– อาการหอบหืดที่เคยเป็นอยู่ (ถ้ามี) แย่ลง หรือไม่ดีขึ้นจากการใช้ยา
– เจ็บหน้าอก (non – cardiac chest pain)
– เป็นโรคปอดอักเสบ เป็นๆ หายๆ
- อาการทางจมูก และหู
– คัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือมีน้ำมูก หรือเสมหะไหลลงคอ
– หูอื้อเป็นๆ หายๆ หรือปวดหู
เมื่อแพทย์สงสัยว่าท่านอาจเป็นโรคกรดไหลย้อน นอกเหนือจากการซักประวัติแล้ว แพทย์จะตรวจร่างกายทางหู คอ จมูก และบริเวณท้องอย่างละเอียด เพื่อวินิจฉัยแยกโรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคกรดไหลย้อน และแพทย์อาจ
- ทดลองให้ยาลดกรดชนิดproton pump inhibitor (PPI) ขนาดสูง (PPI Test)
เช่น omeprazole (miracid®), esomeprazole (nexium®), rabeprazole (pariet®), lansoprazole (prevacid®) เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ แล้วสอบถามอาการหลักที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ หรืออาการที่ทำให้ผู้ป่วยรำคาญที่สุด ถ้าอาการดังกล่าว ดีขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 อาจแสดงว่าผู้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน - ส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น (Esophago-Gastro-Duodenoscopy)
อาจเห็นการอักเสบอย่างรุนแรง และแผลในหลอดอาหารส่วนปลายเหนือกระเพาะอาหาร ซึ่งเกิดจากโรคกรดไหลย้อน - ส่งตรวจวัดค่าความเป็นกรด ด่าง (pH) ในหลอดอาหาร และคอหอยส่วนล่าง(Ambulatory 24-Hour Double–Probe pH Monitoring)
วิธีนี้ถือเป็นมาตรฐานในการวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนโดยตัววัดค่าความเป็นกรด ด่าง ของคอหอยส่วนล่าง มักจะวางอยู่เหนือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบนประมาณ 2 เซนติเมตร (pharyngeal probe) ส่วนตัววัดค่าความเป็นกรด ด่างในหลอดอาหารจะวางอยู่เหนือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างประมาณ 5 เซนติเมตร (esophageal probe)
เมื่อค่าความเป็นกรด ด่าง ของ pharyngeal probe ต่ำกว่า 5 และค่าความเป็นกรด ด่าง จาก esophageal probe ต่ำกว่า 4 ระหว่างหรือในขณะที่มีกรดไหลย้อนขึ้นมาจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง และระยะเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงของค่าความเป็นกรด ด่าง ดังกล่าว นานกว่าปกติ อาจบ่งบอกว่ามีโรคกรดไหลย้อน อย่างไรก็ตาม การตรวจวิธีนี้เป็นการตรวจที่ผู้ป่วยอาจรู้สึกทรมาน หรือรำคาญ และต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาแพง
รศ.นพ. ปารยะ อาศนะเสน
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โกหก ภาษาอังกฤษพูดว่ายังไงกันนะ?
งมเข็มในมหาสมุทรอาจหาง่ายกว่าคนที่เกิดมาแล้วไม่เคยโกหก เห็นด้วยไหมคะ? แม้การโกหกจะดูเป็นสิ่งไม่ดีแต่บางทีมันก็ช่วยให้เกิดสันติสุขเล็กๆขึ้นได้ เช่น โกหกแฟนว่าหุ่นดีแล้วไม่อ้วนหรอก หรืออาหารที่แฟนทำก็อร่อยดีนะ 555 อย่างไรก็ตาม ถึงจะเจตนาดีแต่ยังไงการพูดในสิ่งที่ไม่จริงก็ถือว่าเป็นการโกหกอยู่ดี! วันนี้เราจะมาดูกันว่า “โกหก” พูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร
คำที่นิยมใช้มากที่สุดคือคำว่า Lie (ลาย) ซึ่งเป็นได้ทั้งคำนาม (Noun) แปลว่าคำโกหก และคำกริยา (Verb) ที่แปลว่าโกหก
ตัวอย่างการใช้คำว่า Lie เป็นคำนาม เช่น
Never tell me a lie again! (อย่าโกหกฉันอีกเป็นอันขาด!)
Your lies pain me (คำโกหกต่างๆของเธอมันทำร้ายฉัน)
ตัวอย่างการใช้คำว่า Lie เป็นคำกริยา เช่น
Don’t lie to me (อย่ามาโกหกฉัน)
Are you lying to me? (นี่แกโกหกฉันอยู่ใช่ไหม?)
มีอีกคำที่เอาไว้ด่าใส่หน้าคนขี้โกหก นั่นก็คือคำว่า Liar (ไล อ่าร์) แปลว่า คนขี้โกหก
You are a liar (เธอมันคนขี้โกหก)
Don’t trust him, he is such a liar (อย่าไปเชื่อเขา เขาเป็นคนขี้โกหก)
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายศัพท์ที่มีความหมายในเชิงการโกหก การหลอกลวง ได้แก่
1. Bluff (บลัฟ): การหลอกให้หลงกล
Is he going to jump or is he only bluffing? (นี่เขากำลังจะโดดจริงหรือแค่หลอกให้หลงกลเฉยๆ)
2. Canard (แค นาร์ด): เรื่องเท็จ รายงานเท็จ
Look! It is a canard (ดูสิ นี่มันรายงานเท็จนี่)
3. Deceit (ดิ ซีท): การหลอกลวง
Finally, his deceits were revealed (ในที่สุดการหลอกลวงของเขาก็ถูกเปิดโปง)
4. Deception (ดิ เซพ เชิ่น): การหลอกลวง ตบตา
It wasn’t really magic – just some kind of clever visual deception (ไม่ใช่เวทย์มนต์อะไรหรอก มันก็แค่ภาพตบตาเจ๋งๆ)
5. Distortion (ดิส ทอร์ เชิ่น): การบิดเบือน
False retelling of events is an example of distortion (การเล่าเรื่องแบบผิดๆเป็นตัวอย่างของการบิดเบือน)
6. Equivocation (อิค ควิ เวอะ เค เชิ่น): การพูดกำกวม อ้อมค้อม
He answered openly without equivocation (เขาตอบคำถามอย่างเปิดเผย ปราศจากการพูดกำกวม)
7. Exaggeration (อิ๊ค แซก เจอะ เร เชิ่น): การพูดเกินจริง
Honestly, without any exaggeration, the fish was three metres long (นี่ไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ ตัวปลามันยาวตั้ง 3 เมตรจริงๆ)
8. Fable (เฟเบิ้ล): เรื่องโกหก เรื่องที่แต่งขึ้น
What you have said is just a fable (ที่เธอพูดมามันเรื่องโกหกทั้งนั้น)
9. Fabrication (แฟ บริ เค เชิ่น): การปลอมขึ้นมา
The whole story about how her stepson died was a fabrication (เรื่องการตายทั้งหมดของลุกเลี้ยงเธอมันเป็นเรื่องปลอม)
10. Fairy tale (แฟรี่ เทล): เรื่องแหกตา เรื่องโกหก
He’s telling us another fairy tale about how great the software will be (เขากำลังเล่าเรื่องแหกตาเกี่ยวกับความดีงามของซอฟต์แวร์ตัวนี้ให้เราฟัง)
11. Fallacy (แฟล เลอะ ซี่): เรื่องหลอกลวง
It’s a common fallacy that women are worse drivers than men (เรื่องหลอกลวงที่รู้กันดีคือผู้หญิงขับรถแย่กว่าผู้ชาย)
12. Falsehood (ฟ้อลซ์ หูด): การโกหก
She doesn’t seem to understand the difference between truth and falsehood (ดูเหมือนว่านางจะไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างความจริงกับการโกหกนะ)
13. Falsify (ฟ้อลซิไฟย์): ปลอมแปลง
The certificate had clearly been falsified (ประกาศนียบัตรนี่ถูกปลอมแปลงชัดๆ)
14. Falsity (ฟ้อลซิติ): เรื่องปลอม
Believe me, it’s not the falsity (เชื่อฉันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องปลอมนะ)
15. Fib (ฟิบ): โกหกเล็กๆน้อยๆ
I can tell he’s fibbing because he’s smiling! (ฉันบอกได้เลยว่าเขาโกหกอยู่ ก็เพราะเขากำลังยิ้มอยู่นั่นไงล่ะ!)
16. Fiction (ฟิค เชิ่น): เรื่องโกหก
When he’s telling you something, you never know what’s fact and what’s fiction (ตอนที่เขากำลังเล่าเรื่องบางอย่าง เธอไม่เคยรู้เลยว่าอันไหนเรื่องจริงกันไหนโกหก)
17. Half-truth (ฮ้าฟ ทรูท): เรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้าง
I don’t care! half-truth is a whole lie (ฉันไม่สนใจหรอก เรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างก็คือเรื่องโกหกนั่นแหละ)
18. Humbug (ฮัม บั๊ก): การหลอกลวง ต้มตุ๋ม
Don’t try and humbug me, tell me everything (อย่าแม้แต่จะลองหลอกฉัน บอกฉันมาให้หมดเดี๋ยวนี้)
19. Invention (อิน เว้น เชิ่น): การกุเรื่องขึ้น เรื่องที่กุขึ้น
Her story is a total invention (เรื่องของเธอน่ะมันเป็นเรื่องที่กุขึ้นทั้งหมด)
20. Jive (ไจ้ฟ์): หลอก เรื่องเหลวไหล
Quit jiving me and just tell me where you were! (เลิกหลอกฉันได้แล้ว แค่บอกมาซะทีว่าเธออยู่ไหน!)
21. Libel (ไล้ เบิ้ล): ใส่ร้ายป้ายสี
She threatened to sue that guy for libel (เธอขู่ว่าจะฟ้องผู้ชายคนนั้นข้อหาใส่ร้ายเธอ)
22. Mendacity (เมน แด ซิ ติ): การโกหก
You need to overcome this mendacity, or no one will ever believe anything you say (คุณต้องเอาชนะการโกหกนี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเชื่อที่คุณพูดอีกเลย)
23. Slander: คำพูดให้ร้าย ใส่ร้าย
She regarded his comment as a slander on her good reputation (หล่อนถือว่าคอมเม้นท์ของเขาเป็นคำพูดให้ร้ายต่อชื่อเสียงของเธอ)
24. Untruth (อัน ทรู้ท): คำโกหก
Don’t told him an untruth (อย่าโกหกเขาเชียว)
25. Whopper (ว้อพ เผอะ): การโกหกที่ร้ายแรง
He told us a real whopper (เขาเล่าเรื่องโกหกคำโตให้เราฟังเลยล่ะ)
มีแต่คำน่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหมล่ะ แหม เรื่องโกหกไม่ได้มีน้อยๆเลยนะเนี่ย ทุกคนอย่าลืมหยิบยกไปใช้บ้างนะคะ เพื่อความหลากหลายและมีสไตล์มากกว่าเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
สหรัฐฯ – แคนาดา ถอดแอป ‘ติ๊กตอก’ ออกจากอุปกรณ์สื่อสารของรัฐบาล
สหรัฐฯ และแคนาดา ตัดสินใจเดินหน้าถอดแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ ติ๊กตอก (TikTok) ออกจากอุปกรณ์สื่อสารของรัฐบาลทั้งสองประเทศแล้ว
ทำเนียบขาวประกาศให้เวลาหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ 30 วันในการหยุดใช้แอปนี้ ตามที่รัฐสภาสหรัฐฯ ได้อนุมัติไว้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวมีข้อยกเว้นอย่างจำกัดสำหรับหน่วยงานรักษากฎหมาย หน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติ และเพื่อการวิจัย
คริส เดรูชา หัวหน้าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงด้านข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า “แนวทางนี้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ตลอดจนความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของประชาชนอเมริกัน”
TikTok ซึ่งมีบริษัทเทคโนโลยีจีน ไบต์แดนซ์ (ByteDance) เป็นเจ้าของ ได้ก่อให้เกิดความกังวลในหมู่รัฐบาลชาติตะวันตกเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ และความเป้นไปได้ที่แอปนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์แนวคิดสนับสนุนรัฐบาลจีน
แต่ทาง ByteDance ปฏิเสธความกังวลดังกล่าวและเรียกการคว่ำบาตรแอปนี้ว่าเป็น “ละครทางการเมือง”
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงในวันอังคารว่า “สหรัฐฯ พยายามขยายขอบเขตของ ‘ความมั่นคงแห่งชาติ’ มากจนเกินไป และใช้อำนาจของรัฐในทางที่ผิดเพื่อกดขี่บริษัทของประเทศอื่น”
คาดว่าในวันอังคารนี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะเดินหน้าผลักดันกฎหมายที่ให้อำนาจประธานาธิบดีในการคว่ำบาตรแอป TikTok ทั่วประเทศ
ส่วนที่แคนาดา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด กล่าวว่า การถอด TikTok ออกจากอุปกรณ์สื่อสารของรัฐบาลถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังประชาชนทั่วประเทศให้ตระหนักถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาเอง และอาจนำไปสู่การตัดสินใจแบบเดียวกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปและสภาสหภาพยุโรปสั่งถอดแอป TikTok ออกจากโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ข้อดี-ข้อเสีย ของ “กรีกโยเกิร์ต”
บางคนอาจจะเคยได้ยิน บางคนอาจจะเคยได้ทาน แต่บางคนก็อาจจะไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อ “กรีกโยเกิร์ต” หน้าตาเป็นอย่างไร แตกต่างจากโยเกิร์ตธรรมดาอย่างไร และมีประโยชน์มากขึ้นหรือไม่ Sanook! Health มีคำตอบค่ะ
กรีกโยเกิร์ต คืออะไร?
กรีกโยเกิร์ต คือโยเกิร์ตประเภทหนึ่ง ที่มีส่วนผสมไม่ได้ต่างไปจากโยเกิร์ตธรรมดา ซึ่งส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ นม และแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกาย แต่สิ่งที่ต่างไปคือ กรีกโยเกิร์ตจะได้จากโยเกิร์ตธรรมดา ที่ดูดเอาน้ำและเวย์ออก (เวย์คือของเหลว ที่ประกอบไปด้วยโปรตีน และแลคโตส) ซึ่งทำให้เนื้อโยเกิร์ตมีความเข้มข้นมากกว่า ในปริมาณที่เท่ากัน กรีกโยเกิร์ตมีปริมาณโปรตีน และโปรไบโอติกส์สูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดาถึงเท่าตัวเลยทีเดียว
ข้อดีของกรีกโยเกิร์ต
1. โปรตีนมากกว่าโยเกิร์ตธรรมดา แน่นอนว่าเข้มข้นกว่า ก็เลยทานแล้วอิ่มง่ายกว่า
2. แป้งและน้ำตาลน้อยกว่า เพราะถูกดึงออกไปพร้อมกับน้ำ เวย์ และอื่นๆ เพื่อทำให้เนื้อกรีกโยเกิร์ตเข้มข้น
3. โซเดียมต่ำกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือมีความดันโลหิตสูง
แต่ถึงกรีกโยเกิร์ตจะมีข้อดีอย่างไร ก็ยังมีข้อเสียเล็กน้อยนะคะ
ข้อเสียของกรีกโยเกิร์ต
1. แคลเซียมต่ำกว่าโยเกิร์ตธรรมดา เพราะถูกดึงออกไปพร้อมกับน้ำและเวย์นั่นเอง
2. คอเลสเตอรอลสูงกว่า เพราะเนื้อโยเกิร์ตเข้มข้นกว่า แต่หากเลือกแบบคอเลสเตอรอล 0% ก็ไม่มีปัญหา
3. ปัจจุบันยังหาทานได้ไม่ง่ายเท่าโยเกิร์ตธรรมดา และยังพบว่ามีราคาสูงกว่าเล็กน้อยด้วย
แต่ถึงกระนั้น กรีกโยเกิร์ตก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับสาวๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และรักษาสุขภาพนะคะ ไม่แน่ว่าหากได้ลองทานแล้วอาจจะติดใจจนไม่อยากกลับไปทานโยเกิร์ตธรรมดาเลยก็ได้
แต่เรื่องของรสชาติก็ต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลด้วยค่ะ ว่าจะชอบแบบไหน เพราะอย่างไรของดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ บางทีก็สวนทางกับเรื่องรสชาติอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ถ้าหากทานได้รับรองว่าสุขภาพจะดีขึ้น ร่างกายต้องแอบบอกรักคุณเข้าสักวันแน่ๆ เลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/03/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,100.00 | 30,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,950.00 | 29,562.00 | 30,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,755.00 | 26,605.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,560.00 | 23,649.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 878.00 | 13,310.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 683.00 | 10,354.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,021.00 | 30,638.36 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/03/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.35 | 36.35 | 36.94 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.08 | 36.08 | 36.64 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 34.34 | 34.04 | 34.04 | – | 34.04 | 34.04 | 34.04 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.49 | 34.49 | – | – | – | – | – | – | – | 34.49 |
เบนซิน 95 | 44.16 | – | – | – | 44.21 | – | 44.66 | 44.31 | – | 44.16 |
ดีเซล B7 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล B20 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | – | 33.94 | – | 33.94 | – | – | 33.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.06 | 43.16 | 44.94 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 43.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |