“ณัฐพงศ์” ชู เลือกตั้ง ปลุกเศรษฐกิจ นำทัพ SC ลงทุนดุดัน 5 ปีทุ่ม 1.25แสนล้าน
” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ” แม่ทัพ SC Asset ผ่า อนาคตเศรษฐกิจไทย ชู ปัจจัย “การเลือกตั้ง” ปลุกความหวังธุรกิจ ลุยลงทุนอสังหาฯ 5 ปี ทุ่มอย่างต่ำ 1.25 แสนล้าน ลุยตลาดบ้านราคา 100 ล้าน ขณะยินดี “เศรษฐา ทวีสิน” ชิมลางสนามการเมือง เชื่อมือช่วยพัฒนาประเทศไทยได้
2 มีนาคม 2566 – เรียกว่าเป็นบุคคลสนิทชิดเชื้อกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาฯใหญ่ในแวดวงเดียวกัน ที่กำลังถูกสปอร์ตไลท์ทางการเมือง ส่องเข้าเต็มๆ กับตำแหน่ง ว่าที่ 1ใน3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรคเพื่อไทย สำหรับ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์
ในฐานะ “ลูกเขย” คนเก่งของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร และควบบทบาทสำคัญ ในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของบริษัทพัฒนาอสังหาฯเบอร์ต้น “เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น” ที่ปรากฎตัวต่อสื่อเป็นครั้งแรกในรอบปี กับการแถลงโรดแมปทางธุรกิจครั้งสำคัญของ SC
ภายใต้เป้าหมายการลงทุน 5 ปี จะทุ่มเม็ดเงินมากถึง 1.25 แสนล้านบาท กับ เป้าการเติบโตทางรายได้มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ที่มาพร้อมกับความเชื่อมั่น ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเร่งเครื่องฟื้นตัวไปได้ด้วยดี นำมาซึ่งแรงเหวี่ยงในภาคอสังหาฯ ขณะ “การเลือกตั้ง” กลางปี ช่วงเดือน พฤษภาคม ถูกมองเป็นอีกความหวังใหม่ๆของภาคธุรกิจ เดินหน้าเปิดโครงการชิมลางตลาดบ้าน 100 ล้านบาทเป็นครั้งแรก
ชู “การเลือกตั้ง” สร้างความหวังใหม่ ยินดี “เศรษฐา ทวีสิน” เข้าสนามการเมือง
นายณัฐพงศ์ เปิดมุมมองภาพใหญ่ เกี่ยวกับประเทศไทยว่า ปีนี้มีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดี จากที่เคยช้ากว่าประเทศอื่นๆในช่วงก่อนหน้า กรอบจีดีพี เติบโตไม่น้อยกว่า 3% โดยจะมีภาคการท่องเที่ยวเป็นหัวหอกสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระยะสั้น 1-2 ปี เพราะเห็นการกลับมาคึกคักของภาคธุรกิจค้าปลีก และ โรงแรม จากหลายประเทศทั่วโลกเปิดเมืองแล้วทั้งหมด เป้าหมายอย่างต่ำนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย คงไม่ต่ำกว่า 23 ล้านคนในปีนี้ ขณะในอนาคต 40 ล้านคนที่เคยทำได้ ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ซึ่งในช่วงโควิด-19 เป็นโอกาสให้ธุรกิจต่างๆรีเซต และกลายเป็นอีกหนึ่งแรงบวกทำให้ธุรกิจไทยกลับมาได้อย่างแข็งแรง
อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกทางธุรกิจที่สำคัญในปีนี้ คือ “การเลือกตั้ง” ที่กำลังจะเกิดขึ้น 7 พ.ค. ปลุกกระแสสังคม และทุกภาคส่วนให้ความสนใจ ตื่นตัวอย่างมาก โดยส่วนตัว มองว่า นี่จะทำให้เอกชน เกิดความหวังใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจ พร้อมฝากโจทย์การบ้านรอ
” ฝากการบ้านให้กับรัฐบาลชุดใหม่ ว่า ต้องการให้ เร่งแก้ปากท้องประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก รวมถึงผลักดันนโยบายใหม่ๆ เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของคนไทย เพราะท้ายที่สุดเศรษฐกิจภาพรวมจะเดินต่อไปได้ ต้องไปด้วยกันทุกกลุ่ม”
ทั้งนี้ นายณัฐพงศ์ ยังกล่าวให้ความเห็น กับบทบาทใหม่ทางการเมือง ของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่า เป็นเรื่องน่ายินดี และ มีความเชื่อมั่นในตัวนายเศรษฐา เพราะเป็นคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์การบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ น่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นได้ในหลายๆมิติ
ทิศทางอสังหาฯไทย กับกระแสลบ “ทุนจีนสีเทา” บ้านหรู
แม่ทัพอสังหาฯรายใหญ่คนเดิม ยังประเมินทิศทางอสังหาฯไทย ในปี 2566 ว่า หลังจาก ตลาดที่อยู่อาศัย ผ่านพ้น 3 ปี วิกฤติโควิด19 มาแล้ว คงได้เห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซัพพลายจะกลับมาเติบโต บ้านเดี่ยวไปต่อ โดยเฉพาะบ้านระดับลักชัวรี ที่ยังโตอย่างก้าวกระโดด เช่นเดียวกับตลาดคอนโดฯ
ที่เคยอยู่ในภาวะชะลอตัว จะกลับมาในปีนี้ อาจได้เห็นมูลค่าตลาดกลับมาที่ราว 2 แสนล้านบาทอีกครั้ง จากการกลับมาเปิดโครงการใหม่ๆของหลายๆบริษัท และดีมานด์คนไทย คนต่างชาติ ตอบรับ เพียงแต่ต้องเฝ้าระวัง ปัจจัย ดอกเบี้ย , หนี้ครัวเรือน และ ต้นทุนธุรกิจ ร่วมด้วย
ซึ่งตลาดบ้านที่น่าสนใจในมุมของ SC Asset นอกจาก บ้านหรูมากกว่า 10 – 50 ล้านบาท โอกาสใหม่ คือ บ้านราคามากกว่า 100 ล้านบาท ประเด็นนี้ นายณัฐพงศ์ ได้ชี้ว่า แม้ตลาดดังกล่าว ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ “กำลังซื้อ” แข็งแกร่งน่าสนใจมาก ผู้ซื้อ ไม่ได้มองในเรื่องราคาเป็นหลัก แต่มองหาสิ่งที่จะตอบโจทย์กับความต้องการ
ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ นั่นหมายถึง ไม่ใช่ทุกบริษัทจะพัฒนาได้ เพราะลูกค้ามีความละเอียดอ่อนในการเลือก ทำให้ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ตั้งแต่ศึกษาตลาด พฤติกรรมผู้ซื้อ เรื่อยไปจนถึง ทำเล และ รูปแบบของโปรดักส์
อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึง “บ้านหรู” ในช่วงนี้ ภาพลบที่เกี่ยวกับ “ทุนจีนสีเทา” ก็ผุดมาพร้อมๆกัน ประเด็นนี้ในมุมมองของ ผู้พัฒนาโครงการบ้านหรู นายณัฐพงศ์ ชี้ว่า ต่างชาติ กับความต้องการอสังหาฯไทย ตัดกันไม่ขาด หลายทำเลเศรษฐกิจสำคัญ มีทั้งต่างชาติที่เข้ามาทำงาน และ อยู่อาศัย เช่น ย่านทองหล่อ และต้องไม่ปฎิเสธว่า ขณะนี้ “กำลังซื้อต่างชาติ” เป็นที่ต้องการของทุกภาคธุรกิจ
กรณี “คดีทุนจีนสีเทา” ที่เกิดขึ้น อาจต้องแยกแยะ และไม่เหมารวมว่าคนจีนที่เข้ามาอยู่อาศัยในไทย เป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายฟอกเงินทั้งหมด เพราะไม่เช่นนั้นจะเสียหายทั้งระบบ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้จะส่งเสริมการเข้ามาอยู่อย่างผิดกฎหมาย
พร้อมกล่าวว่า ในแต่ละปี บริษัทมีลูกค้าต่างชาติ ที่เข้ามาซื้อบ้านหรู ผ่านรูปแบบนิติบุคคล ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมายราว 10% ถือว่าน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่จะถูกตอบรับด้วยลูกค้าคนไทยเป็นหลัก ในกลุ่มบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาท โดยยืนยัน บริษัทเน้นย้ำ การซื้อ-ขาย ที่ทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมต้อนรับทั้งลูกค้าคนไทยและคนต่างชาติ
สตาร์ทลงทุนปีนี้ 2.5 หมื่นล้าน เดินหน้า 5 ปี ทุ่ม 1.25 แสนล้าน
ภายใต้ความเชื่อมั่นข้างต้น ทำให้ SC Asset เปิดวิสัยทัศน์การพัฒนาธุรกิจและองค์กร ในระยะ 5 ปี (ปี 2566 – 2570) โดยอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการ ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี ทะยานสู่รายได้ 150,000 ล้านบาท และมูลค่าการลงทุนต่อปี ที่จะไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุน 80% โครงการเพื่อขายแนวราบ แนวสูง และ 20% ในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ
ทั้งนี้ ไส้ในของแผนธุรกิจ SC ฝั่งธุรกิจรายได้ประจำได้ เพิ่มการลงทุน สร้างกลยุทธ์เติบโตอย่างต่อเนื่อง (Recurring Income)หลังจาก วานนี้ ดีเดย์ เปิดตัวโรงแรม YANH ราชวัตร รับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกภายใต้คอนเซ็ปต์ “Workcation Hotel” รองรับวิถี Remote Working ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยหลังโควิด-19
พร้อมแผนพัฒนาแบรนด์โรงแรมใหม่ บนถนนสุขุมวิท 29 มูลค่าการลงทุน 2,500 ล้านบาท และยังมีแผนในการขยายธุรกิจโรงแรมในทำเลพัทยา เพื่อไปให้ถึงเป้ารวมจำนวน 1,000 keys
อีกทั้ง ปัจจุบัน SC Asset บริหารพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่า มีพื้นที่รวมกันถึง 120,000 ตร.ม. รวมถึง ธุรกิจใหม่ คลังสินค้า หลังจากการประกาศความร่วมมือกับบริษัท Flash Express ไปเมื่อปี 2565 โดย SC Asset วางแผนขยายธุรกิจคลังสินค้าโดยตั้งเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ Warehouse ให้ได้ 1,000,000 ตร.ม. ภายในปี 2573
“ในโรดแมปการลงทุน 5 ปี คงทุ่มไม่ต่ำกว่าปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่จะคอยเฝ้าติดตามปัจจัยท้าทายร่วมด้วย เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย เงินเฟ้อ ถ้าไม่น่ากังวล จะเดินหน้าต่อ แต่ถ้ารายได้ที่กลับมา ไม่เป็นตามเป้าก็จะชะลอการลงทุน และเป็นที่มา ที่เราพยายามกระจาการลงทุนใน 2 กลุ่มธุรกิจ “
ไฮไลท์โครงการ SC Asset ปีนี้ ชิมลางบ้านราคา 100 ล้าน
เปิดรายละเอียด การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ปี 2566 SC มีแผนการเปิดโครงการใหม่รวม 25 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น โครงการแนวราบ: เปิดใหม่ 22 โครงการ รวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท ด้วยไฮไลท์โปรดักส์ คือ
- โครงการ “95E1” (ไนน์-ตี้-ไฟว์-อีสต์-วัน) แบรนด์บ้านใหม่ในเซกเมนต์ Ultimate Luxury ราคาเริ่มต้นสูงสุดที่เคยเปิดขายมา ด้วยราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท จำนวนจำกัดเพียง 10 ยูนิต มูลค่าโครงการ 970 ล้านบาท
- “บ้านคนโสด” ด้วยการเปิดตัว บ้านเกมเมอร์ (Gamer’s Home) บ้านที่ร่วมออกแบบโดยเกมเมอร์ชื่อดัง Willcomeback และ MNJ TV เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้านในสายอาชีพยุคใหม่มาแรง อย่าง Streamer หรือ Content Creator ทั้งหลาย ณ โครงการ Venue ID มอเตอร์เวย์-พระราม 9 ราคาเริ่มต้น 14.29 ล้านบาท
” ในปีนี้ SC จะมีสินค้าบ้านเปิดขายในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.5 ล้านบาท ไปจนถึงมากกว่า 150 ล้านบาท ด้วยการเปิดตัวบ้านซีรีส์ใหม่ของแต่ละ Sub-brand เพื่อลงแข่งขันครองความเป็นผู้นำบ้านเดี่ยว”
เปิดคอนโดฯใหม่ 10,000 ล้าน
โครงการแนวสูง: เปิดใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท
ส่ง 3 โครงการไฮไลท์ของปีลงแข่งขัน คือ
- เปิดตัวแบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เน้นพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นส่วนหนึ่งของ Living Solutions เพื่อประสบการณ์การพักอาศัยที่ดีขึ้น ในสังคมที่เน้นความยั่งยืน บน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ ย่านรัชดา-พระราม 9 ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่าโครงการ 5,500ล้านบาท ราคาเริ่ม 2 ล้านต้น ซึ่งเป็น Segment ใหม่ของ SC
- ทำเลแห่งที่สองคือ เกษตร-ศรีปทุม ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศรีปทุม ติดรถไฟฟ้า 0 เมตร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เน้นงานดีไซน์และการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อคนเมืองรุ่นใหม่
- คอนโด SCOPE ประสานมิตร เจาะกลุ่มลูกค้า International Premium ที่ให้ความสำคัญกับทั้งคุณภาพและดีไซน์ ในระดับ World-class ใช้ชีวิตในแบบ “Live the Finest Life” หรือชีวิตที่สุขสบายและสวยงามพร้อมไปด้วยบริการระดับ Premium ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท
วิสัยทัศน์ เติบโตอย่างยั่งยืน
“ธุรกิจที่ไม่ได้ทำอะไร นอกจากหาเงิน คือ ธุรกิจที่ขัดสน” เป็นคำกล่าวที่ตอกย้ำ ว่า SC กำลังทรานฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่ ตามกติกาโลกใหม่ โดยนายณัฐพงศ์ ตั้งเป้าการเติบโตของ SC ผ่านคำว่า “ยั่งยืน” โดยหัวใจสำคัญ คือ การสร้างคุณค่า เพื่อเติบโต “ร่วมกัน” ไปกับสิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจของ SC Asset คุณค่าจะกลับมาสร้างกำไรให้องค์กร และกำไรจะกลับไปสร้างคุณค่าให้ผู้คนรอบข้าง ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2566 SC Asset มีการตั้งเป้าหมายตัวเลขสำคัญต่างๆดังนี้
- โตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 30,000 ล้านบาท เติบโต 23% โดยแบ่งเป็น โครงการเพื่อขายแนวราบ 65% และโครงการเพื่อขายแนวสูง 35%
- สร้างรายได้รวม 25,000 ล้านบาท เติบโต 16% ทั้งจาก โครงการเพื่อขาย และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในสัดส่วน 95 : 5 ตามลำดับ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อสังหาฯฟื้น TOA ยอดขายปี 65 ทะลุ 2 หมื่นล้าน
อสังหาฯ-ท่องเที่ยวฟื้นTOAโชว์ยอดขายปี 65 ทะลุ 2 หมื่นล้าน ตั้งเป้าปี 66 เติบโตกว่า 15%แนวโน้มกำไรที่กำลังฟื้นตัวดีขึ้น
ผลประกอบการดีเกินคาดสำหรับ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ที่ มียอดขาย ทะลุไปกว่า2หมื่นล้านบาท และไตรมาส4 ปี2565 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยมีปัจจัยบวกมาจากอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยวฟื้นตัวทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สีวัสดุก่อสร้างเติบโตตามความต้องการ และคาดหมายว่าปีนี้(2566)จะขยายตัวเพิ่มขึ้น
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่ายอดขายปี 2565 เป็นเงิน 20,649 ล้านบาท โดยเติบโต 18% จากปีก่อน ในขณะที่ยอดขาย Q4/65 เป็นเงิน 5,445 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17%
โดยสามารถเติบโตได้ทุกช่องทางการขาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจสีที่ TOA เป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน เสริมด้วยธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างและยิปซั่มบอร์ดที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง
กำไรจากธุรกิจปกติ สำหรับปี 2565 เป็นเงิน 1,672 ล้านบาท ลดลง 9% เนื่องจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคาพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ในขณะที่กำไรจากธุรกิจปกติสำหรับไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นเงิน 399 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ยังเติบโตกว่า 13% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อรวมการบันทึกผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแปลงค่างบการเงินจากทรัพย์สินและหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศและการบันทึกราคาตลาดของเงินลงทุน ส่งผลให้กำไรสุทธิต่ำกว่ากำไรจากธุรกิจปกติ โดยกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 เป็นเงิน 1,418 ล้านบาท ลดลง 27% และกำไรสุทธิ สำหรับไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นเงิน 287 ล้านบาท ลดลง 39%
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 เมษายน 2566 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท
เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาทจะรวมเป็นเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 59% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2565
ในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น 15% โดยการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกและการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าโอกาสการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนโอกาสจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้กำไรขั้นต้นในปี 2566 ยังมีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบบางส่วนเริ่มทยอยปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ TOA มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่การเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 โดยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจต่อการสร้างความยั่งยืนและการดูแลสิ่งแวดล้อม
การเป็นผู้นำนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณสมบัติการใช้งานของสินค้า และยังมีความปลอดภัยต่อสุขภาพและดีต่อสิ่งแวดล้อม การตอบสนองความต้องการและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า การทำงานร่วมกับคู่ค้าอย่างเกื้อหนุนกัน และการมีส่วนช่วยดูแลสังคมอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ด้วยกลยุทธ์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการปรับตัว การมุ่งสร้างพื้นฐานทางธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนความสำเร็จและการเติบโตของ TOA อย่างมั่นคง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3มี.ค.ที่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทในวันนี้ ยังขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจนในระยะสั้น ทำให้มีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3มี.ค.2566 ที่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การเคลื่อนไหวแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ยังมีส่วนทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดก่อนหน้า
ส่วนแนวโน้มเงินบาทในวันนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจนในระยะสั้น ทำให้เงินบาทยังมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หรือ
แรงขายหุ้นไทยและบอนด์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี การรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินบาทได้
โดยเฉพาะหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านสำคัญที่เรามองไว้ได้ เราคาดว่า เงินบาทอาจได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
อนึ่ง ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ (ให้นึกถึงความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตก่อนหน้า) ซึ่งหากดัชนีดังกล่าวปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สูงกว่าคาด และดัชนีด้านราคาในภาคการบริการก็เร่งตัวขึ้นอีก
เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังคงกังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงยาก และหนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ซึ่งในกรณีดังกล่าวอาจเห็นเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง
ในช่วงนี้ จะเห็นได้ว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนผ่านกรอบค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาซึ่งกว้างไม่น้อยกว่า 50 สตางค์ภายในวัน ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.95 บาท/ดอลลาร์
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยดัชนี S&P500 สามารถพลิกกลับมา รีบาวด์ขึ้น +0.76% หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการ “เร่งขึ้น” ดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
หรือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าครั้งละ +0.25% เนื่องจากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ต่างสนับสนุนการทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดรับรู้มาพอสมควรแล้ว
(สะท้อนผ่านมุมมองของผู้เล่นในตลาดจาก CME FedWatch Tool ที่คงคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.50%)
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.51% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม อาทิ TotalEnergies +2.0%, Kering +1.9%, Hermes +1.0% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนล่าสุดออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่าความต้องการใช้พลังงานจากจีนอาจเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกันกับยอดขายสินค้าแบรนด์เนม อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกจำกัดโดยความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนยังสูงถึง 8.5%
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะคลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปบ้าง แต่มุมมองของผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
กอปรกับบรรยากาศในตลาดที่เปิดรับความเสี่ยง ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้านสำคัญระดับ 4.00% ได้ในที่สุด และปรับตัวขึ้นต่อสู่ระดับ 4.06%
ทำให้ในระยะสั้นมีโอกาสที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้นต่ออีกได้บ้าง แต่เรามองว่า การปรับตัวขึ้นอาจเริ่มจำกัดลง (อาจไม่ทะลุระดับ 4.25%) เนื่องจาก บรรดานักลงทุนส่วนใหญ่ต่างก็รอจังหวะกลับเข้ามาซื้อบอนด์อยู่
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ตามภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงสดใสอยู่
ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105 จุด อีกครั้ง ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่าตลาดจะคลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเฟดไปบ้าง แต่มุมมองของตลาดยังเชื่อในแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด
ทำให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ยังคงแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านสำคัญแถว 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนกว่าจะมีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Non-Manufacturing PMI) เดือนกุมภาพันธ์
โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น จะช่วยหนุนให้ ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ อาจอยู่ที่ระดับ 54.5 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว)
ทั้งนี้ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ผ่านรายงานดัชนีด้านราคาในรายละเอียดของรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ว่าจะยังคงส่งสัญญาณการเร่งขึ้นของราคาต่อเนื่องหรือไม่
หลังดัชนีด้านราคาของ ISM PMI ภาคการผลิตที่ประกาศออกมาก่อนหน้า ได้เร่งขึ้น จนทำให้ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในฝั่งสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.70-34.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียแข็งค่าขึ้น ขณะที่แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ เริ่มชะลอลงบางส่วน
เนื่องจากตลาดปรับตัวรับรู้โอกาสการคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟดไปมากแล้ว และกลับมารอติดตามสัญญาณเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินจากสุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์หน้า
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.65-34.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางฟันด์โฟลว์ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ ถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่เฟด และข้อมูล PMI/ISM ภาคบริการเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แบโผจัดเต็ม! ทีมชาติไทย U23 ประกาศชื่อ 23 แข้งลุยศึก โดฮา คัพ 2023
ตามที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เตรียมความพร้อมนักกีฬาทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี สำหรับโครงการ ช้างศึก ” Rise Up 2024 ” เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรายการ DOHA CUP 2023 ระหว่างวันที่ 20 – 29 มีนาคม 2566 ณ ประเทศกาตาร์
ในการนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จึงขอประกาศรายชื่อนักกีฬาฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรายการ DOHA CUP 2023 จำนวน 23 คน ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
1.อิรฟาน ดอเลาะ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
2.ภัทร สร้อยมาลัย (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
3.พาตริก กุสตาฟส์สัน (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)
4.โจนาธาร เข็มดี (ราชบุรี เอฟซี)
5.ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (การท่าเรือ เอฟซี)
6.ศิริวัฒน์ อิงแก้ว (ขอนแก่น ยูไนเต็ด)
7.ทรงชัย ทองฉ่ำ (ชลบุรี เอฟซี)
8.ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ (ชลบุรี เอฟซี)
9.ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว (ชลบุรี เอฟซี)
10.ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
11.ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
12.อนันต์ ยอดสังวาลย์ (ลำพูน วอริเออร์)
13.เศรษฐสิทธิ์ สุวรรณเศรษฐ์ (ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด)
14.ลีออน พิชญ เจมส์ (หนองบัว พิชญ เอฟซี)
15.อภิสิทธิ์ แสนสีคำม้วน (หนองบัว พิชญ เอฟซี)
16.แม็กซิมิเลียน ชไตน์เบาเออร์ (สุโขทัย เอฟซี)
17.ถิรวุฑ สรวลสรรค์ (เกษตรศาสตร์ เอฟซี)
18.สิทธา บุญหล้า (คัสตอม ยูไนเต็ด)
19.บุคฆอรี เหล็มดี (คัสตอม ยูไนเต็ด)
20.โสภณวิชญ์ รักญาติ (แพร่ ยูไนเต็ด)
21.เนติธร แก้วเจริญ (สุพรรณบุรี เอฟซี)
22.ธีรภักดิ์ เปรื่องนา (อยุธยา ยูไนเต็ด)
23.ศิริมงคล รัตนภูมิ (โอเอช ลูเวิน)
สำหรับนักกีฬาที่มีรายชื่อดังกล่าวจะต้องเดินทางมารายงานตัว ที่ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ในวันที่ 19 มีนาคม และจะออกเดินทางไป กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ในช่วงเข้าของวันที่ 20 มีนาคม 2566
สำหรับการแข่งขันรายการนี้จะมีการแจ้งผลประกบคู่อีกครั้งในภายหลัง โดยมี 8 ชาติเข้าร่วมการแข่งขัน และแต่ละชาติจะได้แข่งขันทั้งหมด 3 นัด ในวันที่ 22, 25 และ 28 มีนาคม ตามลำดับ และเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 29 มีนาคม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 เคล็ดลับ เพิ่มระบบเผาผลาญในร่างกาย
ถ้าสาวๆ อยากจะเพิ่มเมตาบอลิซึ่มในร่างกาย เพื่อเพิ่มระบบเผาผลาญในร่างการให้เร็วขึ้น เรามี 10 วิธีง่ายๆ มาแนะนำ รับรองว่า คุณจะต้องชอบ เพราะดีกับสุขภาพและทำให้คุณลดน้ำหนักได้ด้วยค่ะ
การเพิ่ม Metabolism ทำให้มีการเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายใช้พลังงานจากอาหารและอาหารเสริมที่คุณทานเข้าไปด้วย ทำให้คุณอยากดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น และน้ำที่คุณดื่มยังช่วยสนับสนุนการขับพิษ การขับถ่ายและการย่อยอาหารในร่างกายอีกด้วย และนี่เป็น 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานค่ะ
1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
“ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อเรียบมาก ร่างกายคุณก็จะเผาผลาญพลังงานมาก” การยกดัมเบลล์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่ม เหมือนกัน และช่วงที่ระดับเมตาบอลิซึ่มคุณจะพุ่งสุดขีดนั่นเอง ไม่ใช่ตอนที่คุณวิ่งหอบแฮกๆ บนสายพานหรอกนะค่ะ แต่หลังจากนั้นอีกสัก 2- 3 ชม.ค่ะ
2. ขยับตัว
อยากจะเผาผลาญแคลอรี่ให้เร็วที่สุด ก็ต้องออกกำลังกายอย่างน้อย ออกเดิน 30 นาที หรือ 1 ชม. วิ่งเหยาะๆ หรือเต้นแอโรบิกอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหนก็ช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มทั้งนั้นล่ะ ให้หัวใจได้เต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ให้ต่อเนื่องนานสัก 30-45 นาที Womanplus_Health_3
3. กินบ่อยๆ
ยิ่งร่างกายคุณขาดสารอาหาร กล้ามเนื้อก็จะล้า การเผาผลาญก็จะน้อยลง ทางที่ดีกินเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 3-4 มื้อ ยังดีกว่าอดอาหารไปเลย
4. งดน้ำตาล
เหตุผลง่ายๆ ก็คือ น้ำตาลที่เหลือใช้แล้ว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นไขมัน เพราะฉะนั้น ลดน้ำตาล ก็จะช่วยลดไขมันไปในตัว
5. กินอาหารเช้า
เป็นความจริงที่ว่า คนที่กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ หุ่นดีกว่า คนที่อดข้าวเช้า และอาหารเช้ายังทำให้ระดับ เมตาบอลิซึ่ม ของคุณวันนั้นพุ่งเป็น 2 เท่าด้วย
6. กินอาหารเผ็ดร้อน
อาหารประเภทเผ็ดร้อน รสจัด จะช่วยเร่งการเผาผลาญร่างกายของคุณจากภายในให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก
7. ดื่มชาเขียว
ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่มได้ดีและปลอดภัยกว่ากาแฟ แถมมีประโยชน์อีกด้วย
8. ดื่มน้ำเยอะๆ
น้ำจะช่วยขับสารพิษ หลังจากที่ร่างกายเผลาผลาญพลังงานแล้ว น้ำเย็นๆ ยังช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มทำงานดีขึ้นนิดหนึ่งด้วย
9. อย่าเครียด
ความเครียดจะทำให้เราอ้วนขึ้น เพราะฮอโมนคอร์ติโซนจะไปทำให้อัตราดูซึมของเมตาบอลิซึ่มช้าลง
10. นอนหลับ
ความลับที่เพิ่งจะค้นพบก็คือ กล้ามเนื้อเรียบในร่างกายเรา จะทำงานเผาผลาญแคลอรี่ ได้ดีที่สุดในชั่วโมงหลังๆ ที่เราหลับสนิทเต็มที่คะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
13 ขั้นตอนง่ายๆ พรีเซ้นต์งานเป็นภาษาอังกฤษ (English Presentation)
การนำเสนองานที่ดีนั้นควรใช้ภาษาพูด ใช้คำที่ฟังง่ายเอื้อให้ผู้ฟังได้ทำความเข้าใจอย่างไม่ซับซ้อน และที่สำคัญ ควรมีการจัดระเบียบเรียงหัวข้อเป็นลำดับ ผู้ฟังจะได้ไม่งงยังไงล่ะคะ วันนี้แอนเอาประโยคที่ใช้ในการนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษมาให้ทุกคนได้รู้กัน เผื่อใครจะจำไปใช้ในการนำเสนองานบ้าง เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยเลย!
1. เริ่มต้นด้วยการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง
Can I have your attention, please?
I’d like to get started, if I may.
Let’s get started.
Let’s make a start.
2. แนะนำตนเอง
As (a few of/ some of/ many of/ most of/ almost all of) you know, I’m…and…
For those of you who don’t know me already, I’m…
I should probably start by introducing myself. I’m…
3. บอกจุดประสงค์
The aim of this presentation is to…
By the end of my presentation, I want to show you that…
The purpose (ใช้ aim ก็ได้) of today’s presentation is…
My purpose in presenting this to you is…
4. บอกระยะเวลาคร่าวๆ
I’ll try to finish this presentation by…
I’ll try to keep it short.
I’m going to speak for approximately (หรือ about)…
My presentation will last for approximately…
5. อธิบายผู้ฟังว่าเวลาไหนที่จะให้ถามได้
I will leave 10 minutes at the end for questions.
I would be grateful if any questions could be left until the end.
If anything I say isn’t clear, please let me know.
If you have any questions, I’ll be happy to answer them at the end.
6. เกริ่นนำ
Before I start, I should probably explain that…
I chose this topic because…
To explain why I chose this topic,…
To give you some background information,…
I should probably begin by…
The reason why I want to tell you about this is…
7. สร้างความน่าติดตาม
Did you know that…?
Have you ever wondered…?
I think this is an important (หรือ interesting) topic because…
8. อธิบายสาระสำคัญและรูปแบบการนำเสนอ
I’m going to talk to you about…
I’ll start with…
I’d like to start by explain the title of my presentation.
I’ve divided my presentation in…parts
What I want to show you is…
9. สรุปโดยย่อ
To recap,…
To restate my main point,…
To sum up…
To summarize…
10. บอกผลสรุป
I think all this proves that…
In conclusion,…
The conclusion I would draw from that would be…
11. เรียกคำถามหรือข้อคิดเห็นจากผู้ฟัง
I will now answer any questions you may have.
I’d now like to invite questions and discussion.
I’d now be interested to hear your views on what I have said.
12. กล่าวปิดการนำเสนอ
And on that point, I will bring my presentation to a close.
If no one else has any questions I will leave it there.
That brings me to the end of my presentation.
That is the end of my presentation.
13. กล่าวขอบคุณ
Thank you for listening.
Thank you for your kind attention.
Thank you very much for your attention.
อย่าลืมนะคะว่า การนำเสนองานควรใส่ใจความเข้าใจของผู้ฟัง เราไม่จำเป็นต้องใช้คำศัพท์ยากๆแต่ถ้ามีก็ควรที่จะอธิบายไว้ในสไลด์ป้องกันไม่ใช่ผู้ฟังไม่เข้าใจ แล้วการนำเสนองานของเราจะน่าติดตามขึ้นเยอะเลย ลองเอาเทคนิคไปใช้กันดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
Ericsson เผยโฉมโซลูชั่นเครือข่ายแบบใหม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในงาน MWC 2023
อีริคสัน (Ericesson) ได้แสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำสนับสนุนผู้ให้บริการสื่อสาร เดินหน้าไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ RAN และ Transport เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสร้างรายได้ของผู้ให้บริการสื่อสารและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย 5G ณ งาน Mobile World Congress (MWC) 2023 ที่จะจัดขึ้นที่เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน
โซลูชันใหม่ของอีริคสันมากกว่า 10 โซลูชัน จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงจำนวนสถานีฐาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและเพิ่มศักยภาพเครือข่าย ด้วย New Remote Radios ใหม่ที่มีศักยภาพครบวงจร
สำหรับการขยายประสิทธิภาพเครือข่าย 4G และ 5G ที่นำโดยคลื่นวิทยุแบบ 3 ย่านความถี่ 4485 หรือ Triple-Band Radio 4485 for FDD (Frequency-Division Duplexing สำหรับใช้รับ-ส่งสัญญาณข้อมูล Downlink และ Uplink ในความถี่ต่างกัน) ซึ่งมีน้ำหนักเบาขึ้นกว่า 53% และใช้พลังงานน้อยกว่า 22%
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวระบบ Massive MIMO แบบไวด์แบนด์รุ่นล่าสุด Ultra-wideband AIR 6476 ซึ่งเป็นรายแรกในอุตสาหกรรม บนคลื่นความถี่ 600MHz ช่วงช่องสัญญาณที่ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน (Instantaneous Bandwidth) ซึ่งให้ความจุเพิ่มเป็น 2 เท่าโดยไม่ต้องติดตั้งเสาอากาศเพิ่ม
และยังมี ซอฟต์แวร์ยังได้รับความสนใจในงานนี้ด้วยคุณสมบัติใหม่ ๆ ที่โดดเด่น เช่น การตรวจจับสัญญาณรบกวนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Massive MIMO ช่วงย่านความถี่ระดับกลาง โดยลดการรบกวนสัญญาณระหว่างเซลล์พร้อมเพิ่มความจุเครือข่ายสูงสุดถึง 40%
โซลูชันใหม่จะจัดแสดงที่บูธของอีริคสันที่งาน MWC Barcelona 2023, Hall 2 ที่ Fira Gran Via ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึง 2 มีนาคม และ จะเริ่มวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปีนี้และไตรมาสที่ 1 ปี ค.ศ.2024
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Japanese Modern House
In-Depth Understanding
จากการได้รู้จัก เจ้าของบ้านและครอบครัว สองพี่น้องซึ่งมีคุณแม่เป็นชาวญี่ปุ่น ท่านอาศัยอยู่ในเมืองไทยมาหลายสิบปี แนวความคิด วิถีชีวิตยังคงมีกลิ่นอาย มีเสน่ห์แบบชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ทีมงานของเราจึงได้รับโจทย์ในครั้งนี้ คือ ออกแบบบ้าน 2 หลัง ในรั้วเดียวกัน ให้มีทั้งความเหมือนและความต่าง แบบบ้านเรียบๆ สีขาว สไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย ทำความสะอาดง่าย หน้าต่างไม่ต้องเยอะ
Design Solution
เริ่มจากการลงพื้นที่ เก็บข้อมูล ทิศทางแดดลม สิ่งแวดล้อม pollution โดยรอบ ต่อด้วยการศึกษาวิถีความเป็นอยู่ของบ้านชาวญี่ปุ่น ประกอบกับประสบการณ์จริงจากคนที่เคยใช้ชีวิตในญี่ปุ่น และไปมาหาสู่เจ้าของบ้านและครอบครัวอยู่หลายครั้ง รวบรวมข้อมูลนำมาปรับใช้กับการออกแบบบ้าน โดยออกแบบให้มีการจัดพื้นที่ใช้สอย พื้นที่เก็บของใช้กระจุกกระจิกตามสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีความเป็นระเบียบ เรียบร้อยและเรียบง่าย โซนทางเดินก่อนเข้าตัวบ้านลดระดับ ให้เป็นส่วนถอดรองเท้า ที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการถอดรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ ปลายรองเท้าหันหน้าเข้าหาประตู ตู้เก็บรองเท้า ตู้เก็บของ ที่วางจักรยาน ตั้งแต่เดินเข้าบ้าน ตำแหน่งของ pantry island ที่เป็นได้ทั้งที่เตรียมอาหารและโต๊ะทานข้าว ครัวที่เห็นแล้วต้องนึกถึงอาหาร homemade ฝีมือคุณแม่ โซนนั่งเล่น โซฟา โต๊ะ เก้าอี้ ส่วนของห้องนอน ห้องน้ำ ทุกตารางเมตรถูกจัดสรรไว้เสร็จสรรพว่าควรจะวางอะไร ขนาดเท่าไหร่ การใช้งาน Circulation แบบไหน เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภพในการใช้พื้นที่ได้อย่างฉลาดและคุ้มค่า
รูปด้านของบ้านที่มีหน้าต่างน้อย แต่มีข้อดีและประโยชน์ใช้สอย คือ ทำให้ไม่เสียพื้นที่ในการทำตู้และชั้นเก็บของในส่วนที่เป็นผนัง ไม่รบกวนการใช้พื้นที่ภายใน ปิดบังสายตาจากด้านข้างบ้านซึ่งเป็นอพาร์ตเม้นท์ใจกลางเมือง และสิ่งที่สร้างความท้าทายให้กับเรา คือ การวางตำแหน่งช่องเปิดของหน้าต่างและประตู แต่ละช่อง ให้มีประสิทธิภาพได้ทั้งการรับแสงและช่องทางของลมเพื่อให้มีอากาศถ่ายเท แถมยังระบายความร้อนได้ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/03/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,150.00 | 30,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,953.00 | 29,607.48 | 30,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,757.70 | 26,646.73 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,562.40 | 23,685.98 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 879.00 | 13,325.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 684.00 | 10,369.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,024.00 | 30,683.84 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/03/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.35 | 36.35 | 36.94 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.08 | 36.08 | 36.64 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 34.34 | 34.04 | 34.04 | – | 34.04 | 34.04 | 34.04 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.49 | 34.49 | – | – | – | – | – | – | – | 34.49 |
เบนซิน 95 | 44.16 | – | – | – | 44.21 | – | 44.66 | 44.31 | – | 44.16 |
ดีเซล B7 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล B20 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | – | 33.94 | – | 33.94 | – | – | 33.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.06 | 43.16 | 44.94 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 43.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |