SIRI รับทรัพย์ ขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนากว่า 1.2 พันล้าน
บมจ.แสนสิริ (SIRI ) เผยบริษัทย่อย ขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนา ให้บริษัท เดอะ เบสท์ เอ็ดดูเคชั่น เป็นเงิน 1,210 ล้านบาท ยันไม่กระทบ ครู พนง. ลูกจ้างของโรงเรียนยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัท เอ็นอีดี แมเนจเม้นท์ จำกัด และ บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 ได้เข้าทำธุรกรรมจำหน่ายทรัพย์สิน และสิทธิเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนสาธิตพัฒนา ให้แก่ บริษัท เดอะ เบสท์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด
ภายใต้มติของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 ซึ่งที่ประชุมดังกล่าวได้มอบอำนาจให้ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติและตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทได้เข้าทำธุรกรรมเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 โดยมีคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องได้แก่
- (1) บริษัท เอ็นอีดี แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน และถือกรรมสิทธิ์บางส่วนในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในการประกอบกิจการ ของโรงเรียน
- (2) บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์บางส่วนในที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในการประกอบกิจการของโรงเรียน และ
- (3) โรงเรียนสาธิตพัฒนา ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์บางส่วนในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงเรียน
นายอภิชาติ ระบุว่า ผู้ขายได้จำหน่ายทรัพย์สิน และสิทธิเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนสาธิตพัฒนา อันได้แก่ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน พร้อมด้วยใบอนุญาตประกอบกิจการโรงเรียน ให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลให้กิจการโรงเรียนโอนไปยังผู้ซื้อ โดยครู พนักงาน และลูกจ้างของโรงเรียนที่มีอยู่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ มูลค่ารวม 1,210 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงร่วมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และเป็นราคาที่สูงกว่ามูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือ กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ปชป.”ชู 3 นโยบายเรือธง ตั้งเป้าเศรษฐกิจเติบโตอย่างน้อย5%
“อลงกรณ์”เปิดนโยบายเศรษฐกิจ ปชป. ตั้งเป้าเศรษฐกิจเติบโตอย่างน้อย5% ภายใต้ 3 นโยบายเรือธง ระบบเศรษฐกิจใหม่ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้าน และแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีก1ล้านล้านบาท
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงถึงผลการประชุมว่าด้วยแนวทางนโยบายเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคกับทีมเศรษฐกิจวันนี้ (29มีนาคม) ว่า พรรคประชาธิปัตย์กำหนดกรอบนโยบายเศรษฐกิจบน 3 นโยบายเรือธง(Flagship Policy)ได้แก่
1.เศรษฐกิจฐานราก
พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเนื่องจากเป็น2ภาคเศรษฐกิจที่เป็นศักยภาพของประเทศโดยเฉพาะเกษตรถือเป็นดีเอ็นเอ.( DNA)ของประเทศครอบคลุมสาขาพืช ประมง และปศุสัตว์
เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวรวมทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)ซึ่งเป็นธุรกิจสร้างงานสร้างอาชีพใหญ่ที่สุดของประเทศ
ตลอดจนการยกระดับภาคแรงงานในทุกสาขาซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
2.เศรษฐกิจมหภาค
ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์กำหนดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนไม่น้อยกว่า5%ต่อปีมุ่งกระจายรายได้กระจายความเจริญลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ พัฒนาตลาดทุนยุคใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและ12อุตสาหกรรมใหม่(12 S-Curves)
รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาคและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ทั้งระบบขนส่งมวลชน ระบบราง ระบบถนน ระบบขนส่งทางน้ำและทางอากาศภายใต้ยุทธศาสตร์เขื่อมไทย เชื่อมโลก ตลอดจนการปูทางสร้างโอกาสด้วยความตกลงการค้าเสรี(FTA-Mini-FTA)โดยเฉพาะความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค(RCEP)
3.เศรษฐกิจทันสมัยหรือเศรษฐกิจอนาคต
พรรคประชาธิปัตย์เร่งวางรากฐานใหม่ให้ประเทศโดยสร้าเครื่องยนต์ตัวใหม่ทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้แก่เศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)เศรษฐกิจสูงวัย(Silver Economy) เศรษฐกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)และเศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy) เป็นต้น
“ ระบบเศรษฐกิจใหม่คือเครื่องยนต์แห่งการเติบโต(New Growth Engines) ที่จะยกระดับเพดานรายได้ใหม่ของประเทศและคนไทยให้สูงขึ้นเนื่องจากระบบเศรษฐกิจดั้งเดิมไม่มีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อีกต่อไปและไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาและความท้าทายใหม่ๆ
ประการสำคัญที่สุดคือ ประเทศต้องการการลงทุนใหม่ๆและรายได้ใหม่ๆในช่วง4ปีข้างหน้า ขอให้มั่นใจว่าเราทำได้เพราะทำมาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลได้พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศจากการส่งออก4ปีที่ผ่านมากว่า30 ล้านล้านบาทเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว”
นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า ภายใต้สถานการณ์การชะลอตัวและความถดถอยทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทีมเศรษฐกิจจึงได้วางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาทจากนโยบายธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชน การปลดล็อคกบข.และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนสตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอี.เป็นต้น
ยิ่งกว่านั้นทีมเศรษฐกิจยังได้พิจารณาแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างศักยภาพใหม่ให้ประเทศอีก1 ล้านล้านบาทภายใต้ยุทธศาสตร์ สร้างเงินสร้างคนสร้างชาติซึ่งจะได้แถลงให้ทราบในโอกาสต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้29มี.ค. ที่ระดับ 34.22 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อ หากกนง.มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายพร้อมอาจปรับคาดการณ์การบริโภคในประเทศ-ปรับลดยอดการส่งออก
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 29มีนาคม2566ที่ระดับ 34.22 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังคงถูกจำกัดอยู่ เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่อาจรอติดตามผลการประชุม กนง. ในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทย
ส่วนในวันนี้ เรามองว่า ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ตามฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี เราคาดว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุม กนง. (เวลา 14.00 น.)
โดยหาก กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ จากเหตุผลเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจมีการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นและมองอัตราเงินเฟ้อชะลอลงช้า ก็อาจหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซนแนวรับแถว 34.00-34.10 บาทต่อดอลลาร์ได้ แต่หาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ หรือ
มีการส่งสัญญาณอาจหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรอประเมินสถานการณ์ เงินบาทก็มีโอกาสพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้บ้าง แต่เรามองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมาก (มองว่าไม่ทะลุโซนแนวต้าน 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์)
หากราคาทองคำยังสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยขายทำกำไรทองคำ อีกทั้งผู้เล่นบางส่วนในตลาดต่างก็รอเพิ่มสถานะ Long THB (มองว่าเงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น) ในจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลง
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก)
ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.05-34.30 บาท/ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลง นำโดยแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth (Alphabet -1.4%, Meta -1.0%) หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.57%
ส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board ในเดือนมีนาคมที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104.2 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (จาก CME FedWatch Tool)
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากการย่อตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร (BofA -1.3%, Wells Fargo -0.8%) ท่ามกลางความกังวลว่า ทางการสหรัฐฯ อาจคุมเข้มภาคธนาคารสหรัฐฯ มากขึ้น หลังเกิดปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Exxon Mobil +1.3%, Chevron +1.2%) ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.16% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -0.45%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.06% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ (Adyen -4.1%, ASML -2.9%)
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรป ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (TotalEnergies +2.7%, Shell +1.4%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลว่าตลาดน้ำมันอาจเผชิญภาวะอุปทานตึงตัวได้
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102.5 จุด หลังผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยลดสถานะถือครองเงินดอลลาร์ลง
ก่อนที่จะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ เรามองว่า หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาดและอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจน เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้
โดยเฉพาะในกรณีที่ ผู้เล่นในตลาดเริ่มเชื่อว่าเฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยลงหรือเฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อตาม Dot Plot ล่าสุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้น ทว่าการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
กอปรกับความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยหลบความผันผวนในช่วงนี้ ได้ช่วยให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) รีบาวด์ขึ้น จากโซน 1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 1,991 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ซึ่งเราคาดว่าการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำอาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงเวลา 14.00 น. โดยเราคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับ “ขึ้น” ดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 1.75%
พร้อมกันนั้น กนง. อาจปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวของการบริโภคในประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติดีขึ้นจากการประชุมเดือนธันวาคม
ส่วนคาดการณ์ยอดการส่งออกอาจถูกปรับลง ตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสอดคล้องกับรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ที่ยอดการส่งออกมีโอกาสหดตัว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.23-34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.35 น.) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.29 บาทต่อดอลลาร์ฯ
อย่างไรก็ดี กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทยังค่อนข้างแคบ เนื่องจากตลาดอยู่ระหว่างรอติดตามผลการประชุมกนง. ในช่วงบ่ายวันนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ มากระตุ้นหลังจากที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคธนาคารของสหรัฐฯ ลงบางส่วน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.15-34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามผลการประชุมกนง. ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด พัฒนาการปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ และยุโรป ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
โปโลน้ำชาย-หญิงไทยสุดเจ๋ง คว้าตั๋ว ลุยศึกชิงแชมป์โลก ที่เยอรมนี
การแข่งขันเอเชี่ยน วอเตอร์โปโลแชมเปี้ยนชิพ 2023 รายการ The Asian Water Polo Championships 2023 รอบคัดเลือก ระหว่างวันที่ 22 – 27 มีนาคม 2566 ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อคัด 4 ทีม เข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศเยอรมนี
ปรากฏว่า ทัพโปโลน้ำทีมชาติไทยทั้งทีมชายและทีมหญิงสามารถคว้าโควต้า 4 ทีมของเอเชีย ลุยศึก ดิวิชั่น 2 รอบคัดเลือก ชิงแชมป์โลกได้สำเร็จ โดยทีมหญิงไทย คว้าเหรียญเงิน ขณะที่ทีมชายไทย คว้าอันดับที่ 4 หลังจากเอาชนะฮ่องกง 21-9 ในนัดชิงอันดับที่ 4
สำหรับการแข่งขัน ดิวิชั่น 2 รอบคัดเลือก เวิลด์คัพไฟนอล ประเภททีมหญิง แข่งขันระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคม 2566 และประเภททีมชาย แข่งขันระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2566 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อาการ “ลงแดง” คืออะไร อันตรายแค่ไหน พร้อมวิธีรักษา
คนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ถ้าจู่ๆ ก็หยุดดื่มทันที อาจมีอาการ “ลงแดง” ได้ โดยอาจมีอาการตั้งแต่ปวดศีรษะ มือสั่น นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หงุดหงิด ไปจนถึงเห็นภาพหลอน หรือชักได้
ทำความรู้จัก อาการ “ลงแดง”
อาการลงแดง หรือภาษาทางการในทางการแพทย์เรียกว่า อาการเนื่องจากการขาดสุรา (alcohol withdrawal syndrome) เกิดขึ้นในผู้ที่หยุดดื่มหรือลดการดื่มสุราลงกะทันหัน หลังจากที่ดื่มติดต่อกันมานาน เป็นระยะเวลาหนึ่ง (เทียบได้กับการดื่มวิสกี้ปริมาณ 16 ออนซ์ หรือ 2/3 ขวดต่อวันติดต่อกันเป็นเวลานาน 14-21 วัน)
อาการลงแดง (alcohol withdrawal) มีอะไรบ้าง
- อาการที่พบได้ในระยะแรก ได้แก่ ตัวสั่น มือสั่น หงุดหงิด คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากหยุดดื่มไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง และเห็นอาการชัดในเช้าวันรุ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังอาจพบอาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ วิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ชีพจรเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ความดันโลหิตสูงขึ้น ไปจนถึงประสาทหลอน แต่พบได้น้อย
อาการในช่วงนี้อาจพบได้ 1-2 วัน และจะค่อยๆ ลดลงภายใน 5-7 วัน แต่อาการหงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ อาจพบได้ถึง 10 วัน - อาจพบอาการชักในช่วง 7-48 ชั่วโมงหลังหยุดแอลกอฮอล์ได้ โดยพบได้ราว 90% ราว 2-6 ครั้ง และไม่ได้หมายถึงว่ามีอาการรุนแรงของโรคพิษสุราแต่อย่างใด
- หลัง 48 ชั่วโมง อาจพบอาการประสาทหลอน ได้ยินเสียงที่ไม่เรื่องจริง เช่น เสียงนาฬิกา รถยนต์ เสียงคนคุยกัน แต่พบอาการประสาทหลอนที่เห็นเป็นภาพหลอนได้น้อย โดยผู้ป่วยไม่มีอาการเพ้อ หลงลืม หรืองุนงงสับสน ผู้ป่วยจะค่อยๆ รู้ได้ด้วยตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องจริง
- เมื่อหยุดแอลกอฮอล์ได้ 2-3 วัน ไปจนถึงอาการรุนแรงมากขึ้นในวันที่ 4-5 ผู้ป่วยอาจจะเริ่มเห็นภาพหลอนที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัว เช่น มีคนมาทำร้าย เห็นสัตว์ไต่ตามตัว เสียงคนพูดข่มขู่ พูดฟังไม่เข้าใจ ร้องตะโกน หรือหลบซ่อนตัว อาการเป็นๆ หายๆ ระหว่างวัน ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะเป็นไม่นานนัก
วิธีรักษาอาการลงแดง
ปกติแล้วผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากนัก ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือรับการรักษาด้วยยา อาการจะค่อยๆ ทุเลาได้เอง แต่หากมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ทีมแพทย์จะพิจารณา และวินิจฉัยอาการเป็นกรณีๆ ไป
ทั้งนี้ ในผู้ป่วยอาการเนื่องจากการขาดสุราบางราย อาจพบอาการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะ thiamine B12 และ folic acid ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาฉีดสารอาหารที่ขาดเข้ากล้าม และในรายที่อาการไม่รุนแรง จะให้เป็นเกลือแร่ทดแทน และรับประทานอาหารที่เหมาะสมแทน
ในกรณีที่มีอาการหนักจนแพทย์พิจารณาให้ยา อาจเลือกเป็นยากิน ยาฉีด เพื่อช่วยลดอาการประสาทหลอน กระสับกระส่าย หรืออาการหวาดกลัว คู่ไปกับการรักษาทางร่างกายในบางรายที่มีอาการเจ็บป่วยทางร่างกายร่วมด้วย เช่น โรคตับ โรคติดเชื้อ หรืออุบัติเหตุต่างๆ เป็นต้น
วิธีลดความเสี่ยงอาการลงแดง
ต้องแก้กันที่ต้นเหตุว่า ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ติดต่อกันนานจนเกินไป ไม่ดื่มในปริมาณมากเกินไป หากรู้สึกว่าเมื่อไรที่ขาดแอลกอฮอล์แล้วมีอาการผิดปกติ เช่น มือสั่น หงุดหงิด กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ควรหยุดดื่มทันที
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอคำปรึกษา สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนเลิกเหล้า 1413 ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุราทางโทรศัพท์ (Alcohol Helpline Center) เว็บไซต์ www.1413.in.th
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สรุปการใช้ Then
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว Engnow ทุกคน วันนี้มาสู่ช่วงไขปัญหาความข้องใจกับการใช้ภาษาอังกฤษกันอีกแล้ว ซึ่งวันนี้จะเสนอในเรื่องของ…. การใช้ “Then” นั่นเอง โดยปกติแล้ว มันจะใช้ในการเปรียบเทียบขั้นกว่า เอ๊ย ไม่ใช่! นั่นมัน Than ฮ่าๆ เดี๋ยวจะงงกันไป เอาเป็นว่า เราไปดูวิธีการใช้ Then กันเลยดีกว่า
เมื่อเราใช้ Then เป็น คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) มันจะมีความหมายได้หลากหลายมาก เช่น
1. Then หมายถึง “เมื่อเวลานั้น”
การใช้แบบนี้ Then สามารถใช้บอกเวลานั้นๆ ทั้งในช่วงอดีตและอนาคต และมักจะอยู่ด้านหลังสุดของประโยคเสมอ ดังตัวอย่าง
สื่อถึงเวลาในอดีต
- A : When I was young, I won the first international singing competition.
เมื่อฉันยังเด็ก ฉันชนะการแข่งขังร้องเพลงระดับชาติ
B: Wow, how old were you then?
ว้าว เมื่อเวลานั้นคุณอายุเท่าไหร่?
สื่อถึงเวลาในอนาคต
A : I am going to travel to Russia when I graduate. What are you going to do then
ฉันจะไปเที่ยวรัสเซียเมื่อเรียนจบ แล้วคุณจะทำอะไรล่ะเมื่อเวลานั้น?
B : I will go back to my hometown and rest.
ฉันจะกลับไปบ้าน และก็พักผ่อนหน่ะ (อ่อ สงสัยดาวน์ไม่ไหว ฮ่าๆ)
2. Then หมายถึง “ต่อไป,จากนั้น”
การใช้แบบนี้พบได้ค่อนข้างบ่อย เมื่อเราอยากจะกล่าวถึงสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ดังตัวอย่าง
- Nick was at his home. Suddenly, there was a loud noise upstairs, then the light went out.
นิคอยู่ที่บ้านของเขา ทันใดนั้น มีเสียงดังเกิดขึ้นด้านบน จากนั้น ไฟก็ดับ
3. Then หมายถึง “นอกเหนือจากนั้น” ได้
โดยเฉพาะในภาษาพูด ดังตัวอย่าง
Buying a house costs a lot during the buying process and then there is a cost of maintenance too.
การซื้อบ้านใช้เงินเยอะมากระหว่างกระบวนการทำเรื่องซื้อ นอกเหนือจากนั้น ยังมีค่าดูและรักษาอีกด้วย
4. Then หมายถึง “ถ้าอย่างนั้น”
ในรูปแบบนี้เราใช้คู่กับ if เพื่อกล่าวถึง ต้นเหตุ และผลของเหตุการณ์หนึ่งๆ ดังตัวอย่าง
- If you choose to study in this university, then you’ll have to pay a higher rent.
ถ้าคุณเลือกที่จะเรียนมหาวิทยาลัยนี้ ถ้าอย่างงั้น คุณจะต้องจ่ายค่าเช่าห้องที่แพงกว่า
เพิ่มเติม ในภาษาพูดที่ไม่เป็นทางการ เรามักใช้ Then จบท้ายประโยค และให้ความหมายว่า “ถ้าอย่างนั้น” ได้เช่นกัน ดังตัวอย่าง
- I don’t have anything to do here, so I’m gonna go to the shopping mall then.
ฉํนไม่มีอะไรต้องทำที่นี่แล้ว ดังนั้น ถ้างั้น ฉันจะไปห้างละกัน
นั่นก็เป็น 4 ข้อ ในการใช้ Then ที่แอดได้สรุปมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เป็นอย่างไรกันบ้าง พอเข้าใจมากขึ้นมั้ยคะ then let’s try to practice using it together ลองไปใช้ด้วยกันน้าาาา~
เลือกเติม Then ให้ถูกต้อง เฉพาะในประโยคที่จำเป็นเท่านั้นนะ! ใบ้ให้ว่า ต้องเติมทั้งหมด 2 ประโยค
- She realized that her mother was out to work, _______ she started to cry.
- It’s less _______ a mile to walk to Washington Street Mall.
- If you miss the last train, _______ you’ll have to take the taxi.
- Is Japan bigger _______ Korea in terms of the area?
เฉลย
ข้อที่ต้องเติม Then คือประโยคในข้อที่ 1 และ 3 ดังนี้
- She realized that her mother was out to work, then she started to cry.
หล่อนตระหนักได้ว่าแม่ของหล่อนออกไปทำงาน จากนั้น เธอก็เริ่มร้องไห้ - If you miss the last train, then you’ll have to take the taxi.
ถ้าเธอตกรถไฟ อย่างงั้น เธอจะต้องเรียกแท๊กซี่
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
AMD อาจจะเปิดตัวขุมพลัง Threadripper กับขุมพลัง AMD ในตระกูล 7000 Series ในปีนี้
สำหรับขุมพลัง AMD ถ้าเป็นแฟนคลับจริงๆ แล้วจะมีกลุ่มของ Threadripper ที่เรียกว่าแรงขั้นกว่าและออกแบบเพื่อการ DIY โดยขุมพลังนี้ล่าสุดมีการเปิดตัว 3900X แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ปรากฏอีกเลย
ทั้งนี้มีรายงานว่า AMD คาดว่าจะเปิดตัว Threadripper ภายในขุมพลัง Ryzen 7000 Series ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 4 และคาดว่าจะเปิดตัวภายในปีนี้ โดยข้อมูลนี้หลุดมาจาก Tony Yu ซึ่งเป็นผู้จัดการ ASUS ในประเทศจีนนั่นเอง โดยมีรหัสพัฒนาคือ Strom Peak และคาดว่าจะออกมาเพื่อกลุ่มคอมพิวเตอร์ Desktop ที่เน้นกลุ่มประสิทธิภาพสูงและ WorkStation
รายละเอียดของการรองรับมีทั้ง RAM แบบ DDR5 ในแบบ Quad-Channel รองรับ PCIe Gen 5 โดยขุมพลังมีขนาด 5 นาโนเมตร และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ทั้งนี้คงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าความแรงของขุมพลังนี้จะเป็นอย่างไร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 ประโยชน์สุดเจ๋งของ “กะหล่ำปลี”
หลายคนไม่ชอบทานผัก เพราะมีรสชาติขม ทานยาก แต่สำหรับ “กะหล่ำปลี” จะทานดิบเป็นกับแกล้มกับอาหารรสจัดๆ อย่างส้มตำ ลาบ น้ำตกแล้ว พอนำไปต้มเป็นแกงจืด ก็อร่อยแบบหวานๆ จนแทบจะหยุดไม่ได้เลยทีเดียว
ผักที่หาทานง่าย ราคาย่อมเยาแบบกะหล่ำปลีนี้ มีประโยชน์อะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
- ช่วยลดน้ำหนัก และคอเลสเตอรอลในร่างกาย
- บำรุงกระดูก และฟัน เพราะกะหล่ำปลีมีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันหวัด
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
- ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้
- ต่อต้านมะเร็งในตับ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
- แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง
- บรรเทาอาการท้องผูก
- ชะลอการเกิดผมหงอก เพราะกะหล่ำปลีช่วยบำรุงรากผม กระตุ้นการทำงานของผมเพื่อเสริมสร้างโปรตีนเคราติน ทำให้ผมเงางามมีน้ำหนัก สุขภาพดี
- ช่วยขับปัสสาวะ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องปัสสาวะกะปริบกะปรอย
อันตรายจากกะหล่ำปลี
แม้ว่ากะหล่ำปลีจะมีประโยชน์มากมาย แต่กะหล่ำปลีมีกอยโตรเจน ที่เข้าไปยับยั้งการดูดซึมไอโอดีน ซึ่งทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนได้น้องลงไปกว่าเดิม จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคไฮโปไทรอยด์ และกะหล่ำปลียังอาจมีสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงพอสมควร จึงควรแกะออกมาแช่น้ำ และล้างเป็นใบๆ ก่อนรับประทาน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/03/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,800.00 | 31,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,060.00 | 31,229.60 | 32,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,854.00 | 28,106.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,648.00 | 24,983.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 927.00 | 14,053.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 721.00 | 10,930.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,135.00 | 32,366.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/03/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.75 | 35.75 | 37.44 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.48 | 35.48 | 37.14 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.44 | 33.44 | 34.84 | 33.44 | 33.44 | – | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.89 | 33.89 | – | – | – | – | – | – | – | 33.89 |
เบนซิน 95 | 43.56 | – | – | – | 43.61 | – | 44.06 | 43.71 | – | 43.56 |
ดีเซล B7 | 33.44 | 33.44 | 34.24 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
ดีเซล | 33.44 | 33.44 | 34.24 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
ดีเซล B20 | 33.44 | 33.44 | 34.24 | – | 33.44 | – | 33.44 | – | – | 33.44 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.56 | 42.66 | 44.64 | 43.76 | 43.76 | – | – | – | – | 42.56 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |