“การทางพิเศษ” ลุยเปิดประมูลสร้างทางด่วนฉลองรัช-สระบุรี 2.4 หมื่นล้าน
“การทางพิเศษ” จ่อเปิดประมูล 5 สัญญา สร้างทางด่วนฉลองรัช-สระบุรี 2.4 หมื่นล้านบาท ภายในเดือ นพ.ค.นี้ เร่งก่อสร้างต้นปี 67 เตรียมเปิดให้บริการปี 70 รองนับแผนเชื่อมถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3
นายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางพิเศษ(ด่วน) ฉลองรัชส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา ระยะทาง 16.2 กิโลเมตร(กม.) เบื้องต้นกทพ.จะออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมประมูลโครงการฯ ภายในเดือนพ.ค.นี้ คาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูลปลายปี 66 จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 67 ใช้เวลาก่อสร้าง 36 เดือน พร้อมเปิดให้บริการประมาณต้นปี 70 ทั้งนี้โครงการฯ วงเงินอยู่ที่ประมาณ 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน (พื้นที่เวนคืน 471 ไร่ อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 134 หลัง) ประมาณ 3,700 ล้านบาท และค่าก่อสร้างประมาณ 20,300 ล้านบาท
สำหรับการประมูลโครงการฯ แบ่งเป็น 5 สัญญา โดยเป็นงานก่อสร้าง 4 สัญญา และงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง และระบบควบคุมจราจร 1 สัญญา ซึ่งจะเปิดประมูลพร้อมกันทั้ง 5 สัญญา ส่วนรายละเอียดเงื่อนไขการเข้าร่วมประมูล(TOR) โครงการฯ คณะกรรมการ TOR จะเป็นผู้กำหนดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นตามหลักการประมูลโครงการของ กทพ. ที่ผ่านมา คุณสมบัติของผู้ที่สามารถจะเข้าร่วมประมูลได้ อาทิ เป็นบริษัทผู้รับเหมาที่มีผลงานสะพานความยาวช่วงไม่น้อยกว่า 30 เมตร และเคยบริหารสัญญาที่มีวงเงินโครงการตั้งแต่ 1 พันล้านบาทขึ้นไป เป็นต้น
ส่วนจุดไฮไลท์ของทางด่วนสายนี้อยู่ที่พื้นที่บริการทางพิเศษ หรือจุดพักรถ (Service Area) บนเนื้อที่ประมาณ 64 ไร่ โดยจะตั้งอยู่บริเวณคลอง 9 ซึ่งจะทำเป็นอาคารคร่อมทางด่วน สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งสองฝั่งถนน โดยจะมีพื้นที่จอดรถขนาดใหญ่ พื้นที่จอดรถขนาดเล็ก อาคารสถานีตำรวจและกู้ภัย ร้านค้า สำนักงานของ กทพ. เพื่อให้บริการประชาชน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ห้องน้ำ และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station)
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่บริการทางพิเศษนั้น ทางผู้ชนะประมูลจะเป็นผู้ก่อสร้าง แต่การบริหารจัดการเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ทาง กทพ. จะเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยอาคารคร่อมทางด่วนนี้จะมีลักษณะเหมือนห้างสรรพสินค้า เหมือนกับทางด่วนที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี เพราะมีผู้ใช้ทางด่วนบางส่วน ขึ้นมาใช้ทางด่วน เพื่อมาแวะห้างสรรพสินค้าเพียงอย่างเดียวก็มี ช่วยทำให้มีผู้ใช้ทางเพิ่มขึ้น
นายชาตรี กล่าวด้วยว่า ทางด่วนสายนี้สามารถรองรับความเร็วได้ 120 กม.ต่อชั่วโมง(ชม.) จะจำกัดความเร็วบริเวณทางร่วม และทางแยกต่างระดับ ใช้ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คาดการณ์ปริมาณจราจร ณ ปีเปิดให้บริการ อยู่ที่ประมาณ 3.2 หมื่นคันต่อวัน อัตราค่าผ่านทางเริ่มต้นที่ 25 บาท สูงสุด 125 บาท โดยทางด่วนสายนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนรังสิต-นครนายก และโครงข่ายถนนโดยรอบ รวมถึงเพิ่มทางเลือกการเดินทางให้ประชาชนระหว่าง จ.ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียงเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน รองรับการขยายตัวของแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัย และสถานศึกษา ทั้งที่เปิดบริการแล้ว และอยู่ระหว่างพัฒนา
สำหรับการเชื่อมต่อกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 (MR10) ของกรมทางหลวง(ทล.) นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานอีไอเอ เพื่อต่อขยายเพิ่มในส่วนปลายทางจาก ถ.ลำลูกกาเชื่อมกับ MR 10 ซึ่งเตรียมเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) พิจารณาเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดเบื้องต้นจุดเชื่อมต่อ MR10 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้
อย่างไรก็ตามหากงานทั้ง 2 ส่วนแล้วเสร็จ กทพ. จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ชุดใหม่พิจารณาอนุมัติโครงการส่วนเชื่อมต่อ MR10 ต่อไป อย่างไรก็ตามการดำเนินงานในส่วนนี้นั้น กทพ. อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเปิดประมูลใหม่ หรือให้ผู้รับจ้างสัญญาที่ 4 ซึ่งเป็นสัญญาส่วนสุดท้ายของโครงการฯ ดำเนินการก่อสร้างต่อเลย ซึ่งหากเป็นแนวทางหลัง อาจต้องระบุเงื่อนไขปลายเปิดไว้ เพื่อให้ดำเนินการก่อสร้างส่วนที่เชื่อมต่อ MR10 ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คุณาลัย (“KUN” ) สยายปีก หลัง “ธ.เกียรตินาคินภัทร”สนับสนุนสินเชื่อ เกือบ 1.5 พันลบ. ลุยบิ๊กโปรเจกต์ “คุณาลัย นาวาร่า รังสิต – คลอง2” เต็มสูบ
บมจ.วิลล่า คุณาลัย (“KUN”) เดินหน้าลุย โครงการ “คุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2” มูลค่า 7,300 ล้านบาท หลัง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (“KKP”) ไฟเขียว สนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 1,466 ล้านบาท ประกาศสยายปีกเจาะกลุ่มลูกค้าเซ็กเมนต์ (กลาง-บน) ภายใต้แนวคิด Profound Living in the Theory of Nature ที่เน้นความสมดุลทางธรรมชาติ พร้อมจ่อเปิดการขายในไตรมาส 4/2566
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ “KUN” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามสัญญาสนับสนุนสินเชื่อเงินกู้ กับธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (“KKP”) เป็นวงเงินจำนวน 1,466 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาโครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2 (Kunalai NAVARA Rangsit-Klong2) โซนทิศเหนือของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโครงการแรกที่บริษัทฯได้พัฒนาบนทำเล จังหวัดปทุมธานี
สำหรับทำเลของโครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2 มีมูลค่าโครงการรวม 7,300 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก ซึ่งจะพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีจำนวน 866 ยูนิต ภายใต้แนวคิด Profound Living in the Theory of Nature ที่เน้นความสมดุลทางธรรมชาติ และเพิ่มพื้นที่ทำกิจกรรมให้กับทุกครอบครัว โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเปิด Soft Opening ได้ในไตรมาสที่ 2/2566 นี้ และจะเปิด Grand Opening อย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 4/2566
“การที่KUN เจาะตลาดโซนรังสิต เนื่องจากมองว่าโซนดังกล่าวมีศักยภาพ อัตราการขยายตัวของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ โซนรังสิต ยังเป็นโซนที่สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้สะดวก และมองว่ายังมี ดีมานด์การพัฒนาในพื้นที่หลายโครงการที่เกิดขึ้น เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต หรือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต จึงทำให้โซนรังสิต เป็นโซนที่อยู่อาศัยที่น่าจับตาในอนาคต ซึ่งจากปัจจัยดังนั้น ส่งผลให้ KUN เร่งพัฒนาโครงการ “คุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง2″เพื่อเจาะไข่แดงในโซนดังกล่าว ให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ากลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) ในโซนกรุงเทพตอนเหนือ”
นอกจากนี้ นางประวีรัตน์ ยัง ประเมินภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งแรกว่า จากการคาดการณ์มองว่า กำลังซื้อกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) เริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งสอดรับกับดีมานด์ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเพิ่มสูงขึ้น หลังจากกำลังซื้อเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังจากมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้กลุ่มสถาบันการเงินกลับมาพิจารณาการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในกลุ่มที่เคยได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 มากขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม กลุ่มธุรกิจสายการบิน และกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งจากปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวก็จะส่งอานิสงค์เชิงบวกต่อบริษัทฯ
“บริษัทฯ อยากเห็นนโยบายการส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงต้นปี 2566 ภาครัฐได้ออกมาตราการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ อาทิ การออกมาตราการลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ได้ในระดับหนึ่ง แต่ ก็ยังคงหวังว่าภาครัฐจะมีนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการนำมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับการดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อ และจะเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งนโยบายการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้ชาวต่างชาติตัดสินใจมาใช้ชีวิตในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเพิ่มกำลังซื้อจากชาวต่างชาติที่ต้องการมาอาศัยในประเทศไทย”
ด้าน นายวิศรุต ปัญญาภิญโญผล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ (“KKP”) เปิดเผยถึง การสนับสนุนทางการเงิน ให้กับ บมจ. วิลล่า คุณาลัย ว่า บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน และเป็นลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคินภัทรมามากกว่า 15 ปี ทำให้ธนาคารได้เห็นการเติบโตของบริษัทฯ มาตลอด ว่าบริษัทฯ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายในทุกโครงการ อีกทั้ง ยังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และถือเป็นหนึ่งในบริษัทฯ ที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง ในครั้งนี้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทรจึงได้เข้ามาสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการพัฒนาโครงการ คุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 หรือโครงการแรกของบริษัทฯ ที่มาพัฒนาในโซนจังหวัดปทุมธานี มีวงเงินอยู่ที่ 1,446 ล้านบาท ซึ่งนับได้ว่าเป็นวงเงินสินเชื่อพัฒนาโครงการที่สูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้3เม.ย. ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาท อาจเคลื่อนไหวไร้ทิศทางก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ แต่มีโอกาสอ่อนค่า ตามโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวได้
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้3เมษายน2566 ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคารที่ทยอยคลี่คลายลง ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้น
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ข้อมูลการจ้างงาน ส่วนในฝั่งไทย รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และควรติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญ คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนมีนาคม โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings)
โดยตลาดคาดว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ นั้นยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว สะท้อนผ่านยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมที่อาจเพิ่มขึ้น +2.4 แสนราย ส่วนยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) อาจลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 10.4 ล้านตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1.8 เท่าของจำนวนผู้ว่างงาน
ชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงตึงตัวอยู่ ซึ่งอาจทำให้ อัตราการเติบโตของค่าจ้างยังคงสูงราว +4.3%y/y นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (ISM Mfg. & Services PMIs) เดือนมีนาคม
โดยตลาดมองว่า ภาคการบริการจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ชี้จากดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่อาจอยู่ที่ระดับ 54.5 จุด (ดัชนีมากกว่า 0 หมายถึง ภาวะขยายตัว) ขณะที่ภาคการผลิตอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 47.5 จุด อนึ่ง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาคาดหวังว่า เฟดยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต
▪ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของทั้งสองธนาคารกลาง ว่าจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนแตะจุดสูงสุด (Terminal Rate) ณ ระดับใด หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง
โดยล่าสุด อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของยูโรโซน เดือนมีนาคม ได้ชะลอลงสู่ระดับ 6.9% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ทรงตัวที่ระดับ 5.7%
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในส่วนภาคการบริการ (Tankan Non-Mfg.) ของทั้งบริษัทขนาดเล็กและ
ขนาดใหญ่อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7 จุด และ 20 จุด ตามลำดับ ขณะที่ภาคการผลิตอาจเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ ดัชนี ความเชื่อมั่นในภาคการผลิต (Tankan Mfg.) ของบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ -6 จุด และ 3 จุด ตามลำดับ
ในส่วนนโยบายการเงิน ตลาดมองว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.60% เพื่อรอประเมินผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยก่อนหน้าต่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
ขณะที่ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางอินเดีย (RBI) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 5.00% และ 6.75% ตามลำดับ เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถชะลอลงกลับสู่เป้าหมายได้
▪ ฝั่งไทย – เราคาดว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม อาจลดลงสู่ระดับ 54 จุด สะท้อนว่า ภาคการผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราชะลอลง กดดันโดยความต้องการสินค้าที่ลดลง ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า
สอดคล้องกับยอดการส่งออกของไทยที่ยังคงหดตัวในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ แม้ภาคการผลิตอาจชะลอตัวลง ทว่าในส่วนภาคการบริการมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยหนุนให้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment) อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.8 จุด ในเดือนมีนาคม และ
จากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น หนุนโดยการบริโภคภาคเอกชน ทำให้เราประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เดือนมีนาคม อาจทรงตัวที่ระดับ 1.9% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI อาจชะลอลงสู่ระดับ 3.20% (+0.10%m/m) ตามการปรับตัวลงของราคาสินค้าพลังงานและ
ระดับฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอลง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงอยู่ ทำให้เรามองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก +0.25% สู่ระดับ 2.00% ได้ในการประชุมครั้งถัดไป (เดือนพฤษภาคม)
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท อาจเคลื่อนไหวไร้ทิศทางในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ เช่นกัน ทว่า หากราคาทองคำย่อตัวลงต่อเนื่อง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ตามโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวได้
นอกจากนี้ การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ล่าสุด ก็อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ ตามการปรับตัวขึ้นแรงราคาน้ำมัน (ค่าเงินบาทอาจอ่อนไหวต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบได้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าพลังงาน)
ทั้งนี้ เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า หากนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยมากขึ้น และผู้เล่นในตลาดยังคงคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อ ซึ่งต้องรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมีนาคม
นอกจากนี้ สัญญาณเชิงเทคนิคัล ทั้ง RSI และ MACD ยังชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways โดยมีเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน (แถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์) เป็นโซนแนวต้านแรกในช่วงนี้ แต่หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านและยืนเหนือระดับ 34.40 บาทต่อดอลลาร์ได้ ก็อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อ ขึ้นมาเคลื่อนไหวในโซน 34.50-34.70 บาทต่อดอลลาร์
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหว sideways ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ทั้งนี้ เงินดอลลาร์จะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น โดยมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ หากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และการเติบโตของรายได้ (Average Hourly Earnings) รวมถึงรายงานดัชนี ISM PMI สหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.85-34.40 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.35 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียอ่อนค่าลงท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ จากการคาดการณ์ว่ายังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. นี้
เพราะแม้อัตราเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่วัดจาก PCE/Core Price Index ในเดือนก.พ. จะชะลอลงมาที่ 5.0% YoY และ 4.6% YoY ตามลำดับ แต่ก็ยังเป็นระดับที่อยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.15-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ฯ โดยตลาดรอติดตามทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย สถานการณ์ปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ และยุโรป ดัชนี PMI กาคการผลิตเดือนมี.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงดัชนี ISM และ PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บทสรุปมีตเดอะเพรส ซีเกมส์ ทัพไทยประกาศเป้าคว้า 112 ทอง
การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ซึ่งจะมีขึ้นที่กัมพูชา ระหว่าง 5-17 พ.ค.นี้ ล่าสุดสรุปผล มีต เดอะ เพรส กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ทั้งสิ้น 6 ครั้ง ทั้ง 38 สมาคมกีฬาที่เข้าร่วมแถลงความพร้อมและความคาดหวังกับสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งความหวังเอาไว้ทั้งสิ้น 112 เหรียญทอง
โดยแบ่งตามชนิดกีฬาดังนี้
– จักรยาน 2 เหรียญทอง
– ยูโด 3 เหรียญทอง
– คริกเก็ต 1 เหรียญทอง
– วูซู 1 เหรียญทอง
– เซปักตะกร้อ 7 เหรียญทอง
– เทควันโด 5 เหรียญทอง
– มวยสากล 5 เหรียญทอง
– ยูยิตสู 3 เหรียญทอง
– โววีนัม 3 เหรียญทอง
– บาสเกตบอล 2 เหรียญทอง
– ปันจักสีลัต 2 เหรียญทอง
– คาราเต้ 1 เหรียญทอง
– กอล์ฟ 4 ทอง
– หมากรุกสากล 5 เหรียญทอง
– เรือยาวมังกร 3 เหรียญทอง
– มวยปล้ำ 1 เหรียญทอง
– วอลเลย์บอล 2 เหรียญทอง
– เรือใบ 3 เหรียญทอง
– สนุกเกอร์ 2 เหรียญทอง
– อีสปอร์ต 2 เหรียญทอง
– เจ็ตสกี 4 เหรียญทอง
– เทเบิลเทนนิส 2 เหรียญทอง
– เทนนิส 2 เหรียญทอง
– ซอฟท์เทนนิส 2 เหรียญทอง
– แบดมินตัน 2 เหรียญทอง
– กรีฑา 12 เหรียญทอง
– คิกบ็อคซิ่ง 7 เหรียญทอง
– ว่ายน้ำ 5 เหรียญทอง
– เปตอง 4 เหรียญทอง
– ฟันดาบ 2 เหรียญทอง
– ยกน้ำหนัก 2 เหรียญทอง
– วินด์เซิร์ฟ 1 เหรียญทอง
– ฟุตบอล 2 เหรียญทอง
– ฮอกกี้ 2 เหรียญทอง
– ฟลอร์บอล 2 เหรียญทอง
– ฟินสวิมมิ่ง 2 เหรียญทอง
– ยิมนาสติก 1 เหรียญทอง
– ไตรกีฬา 1 เหรียญทอง
– เบรกกิ้ง หรือแดนซ์สปอร์ต 1 เหรียญเงิน
– ***เทคบอล 3 เหรียญทอง (กีฬาสาธิตไม่นับเหรียญรางวัล)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“นั่งเล่นมือถือ” ขณะขับถ่ายใน “ห้องน้ำ” เสี่ยงอันตราย
สังคมก้มหน้าที่ต้องคอยติดตามข่าวสารผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตต่างๆ ทำให้ชีวิตของคนเรามีสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นปัจจัยที่ 5 ที่ทุกคนขาดไม่ได้ ดังนั้นเราจึงเห็นหลายคนถือโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วยตลอดเวลา ไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไร แม้กระทั่งขณะนั่งถ่ายในห้องน้ำ และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคร้ายต่อร่างกายโดยที่เราอาจไม่ทันระวังตัว
นั่งเล่นมือถือขณะขับถ่ายในห้องน้ำ เสี่ยงอันตราย
- ท้องผูก
ไม่ใช่แค่อาหารการกินที่ไม่ถูกต้องที่ทำให้เราท้องผูก (>>อาการ “ท้องผูก” รู้ก่อน ป้องกันได้) แต่การนั่งขับถ่ายอยู่บนโถส้วมนานๆ (แม้กระทั่งการนั่งเฉยๆ ไม่ได้ถ่าย) ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในอาการท้องผูกมากยิ่งขึ้น เพราะการใช้โทรศัพท์มือถือขณะถ่ายอาจดึงคสมาธิ และความสนใจในการถ่ายไปจากเรา ทำให้ต้องขับถ่ายนานกว่าปกติ รวมถึงอาจหายปวดท้องจนไม่ได้ถ่ายไปเลยก็ได้
- ริดสีดวงทวาร
การนั่งถ่ายนาน และการเบ่งถ่ายเป็นการเพิ่มแรงดันบริเวณปากทวารหนักมากยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้เลือดคั่งบริเวณทวารหนัก จนเป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวารได้
- ท้องร่วง
ทราบหรือไม่ว่าโทรศัพท์มือถือที่เราหยิบเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเราวางตามพื้นที่ต่างๆ ในห้องน้ำ รวมถึงมือที่เราหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำแล้วมาจับที่มือถืออีกครั้ง เป็นการส่งผ่านเชื้อโรคมากมายหลายร้อยชนิดที่พบได้ในห้องน้ำทั่วไป และเมื่อเราไม่ได้ทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ การหยิบจับมือถือแล้วไปหยิบอาหารเข้าปาก ก็อาจทำให้เรามี่ความเสี่ยงต่อโรคท้องร่วงได้
- หน้ามืด เหน็บชา
หลายคนนั่งบนโถส้วมแบบชักโครก แล้วก้มตัวลงเอาศอกยันต้นขาหรือเข่า ท่านั่งในลักษณะนี้อาจทำให้เกิดอาการเหน็บชาที่ขาได้ รวมไปถึงอาการหน้ามืดที่เกิดจากการก้มตัวลงจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แล้วลุกขึ้นจากโถส้วมอย่างรวดเร็ว จนเกิดอาการหน้ามืดขึ้นได้เช่นกัน หากเกิดอาการหน้ามืดอย่างรุนแรงระหว่างที่ทำธุระในห้องน้ำ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่อันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย ทานอาหารไม่เพียงพอ โลหิตจาง เบาหวานกำเริบ หรือผู้สูงอายุ เป็นต้น
คำแนะนำในการขับถ่ายในห้องน้ำอย่างถูกวิธี
ไม่ควรใช้เวลาขับถ่ายในห้องน้ำเกิน 10-15 นาที ควรเข้าไปเพื่อตั้งใจขับถ่ายจริงๆ หากนั่งนานแล้วยังไม่ถ่าย ให้ออกมาจากห้องน้ำก่อน อาจดื่มน้ำ นม หรือผลไม้ให้มากขึ้น แล้วค่อยรอจนกว่าจะปวดท้องเพื่อขับถ่ายอีกครั้ง เมื่อขับถ่ายเสร็จให้รีบออกมาจากห้องน้ำทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 เคล็ดลับของคนเก่งภาษาอังกฤษแต่พอทำตาม อ้าว! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า
‘เข้าคอร์สเรียนภาษาแล้วแต่ไม่ค่อยเข้าใจ อยากเก่งภาษาทำอย่างไรดี?’ ใครเล่าจะตอบคำถามนี้ไปได้ดีกว่าคนที่เก่งภาษาอยู่แล้วล่ะคะจริงไหม แต่บางครั้งพอเราไปถามเพื่อนที่เก่งๆ ก็มักจะให้คำตอบคล้ายๆ กันมาหมด เรามาดูกันสิว่าคำตอบของเพื่อนเก่งๆ นั้นจะช่วยเราได้จริงหรือไม่
คนเก่งภาษาแนะนำว่า: ลองดูหนังต่างประเทศแบบ Soundtrack ดิ
ความจริงคือ: อ่านซับแล้วงงหนักกว่าเดิมซะงั้น
จริงๆ แล้วการดูหนังต่างประเทศแบบ Soundtrack ช่วยในเรื่องการฝึกภาษาได้จริงไหม เราต้องขอตอบว่าจริงนะคะ แต่จะเป็นทักษะในด้านการฟังมากกว่า ไม่ใช่ในเรื่องของการเข้าใจ เพราะการจะฟังรู้เรื่องนั้นคุณต้องรู้คำศัพท์ในระดับหนึ่งเสียก่อน บางคำเราฟังออกก็จริง แต่ไม่รู้ความหมายก็จะเกิดการเข้าใจความหมายเพี้ยนก็ได้ค่ะ
คำแนะนำที่ถูกต้อง: ลองอ่านภาษาอังกฤษให้คล่องในระดับหนึ่งก่อน หรืออาจจะเริ่มดูหนังที่มีเนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนเช่น การ์ตูนเด็ก ก่อนก็ได้เพื่อฝึกให้ชินกับภาษาหรือสำนวนบ้าง (ไม่ใช่เริ่มฝึกด้วยหนังของ Christopher Nolan นะเว้ย)
คนเก่งภาษาแนะนำว่า: ฟังเพลงสากลสิจะได้เก่งๆ
ความจริง: ฟังไม่ออก ไม่เข้าใจซักนิด
การฟังเพลงภาษาอังกฤษเป็นคำแนะนำที่คนเก่งภาษาหลายๆ ท่านแนะนำเป็นวิธีแรกๆ ถามว่าช่วยได้จริงไหม ช่วยได้ค่ะ แต่ก็คล้ายๆ กับการดูหนังต่างประเทศแบบ Soundtrack นั้นแหละการฟังเพลงนั่นช่วยในความเคยชินในการฟังได้ (ถ้าไม่ซนแผลงไปเป็นคำอื่นให้จำแบบผิดๆ อย่างเช่นตัวอย่างอะนะ) ถ้าจะให้ได้ผลจริงๆ ควรสละเวลาเล็กน้อยเปิดเนื้อฟังอ่านระหว่างที่ฟังตามไปด้วยก็จะทำให้จำศัพท์ได้ดีขึ้นค่ะ
คนเก่งภาษาแนะนำว่า: หานิยายภาษาอังกฤษอ่านชิวๆ สนุกด้วยฝึกภาษาด้วยนะ
ความจริง: อ่าน 3 นาทีเปิด Dict ไปร่วม 10 คำ อีกกี่ปีถึงจะอ่านจบ (วะ)
จริงๆ แล้วการอ่านนิยายภาษาอังกฤษนั้นมีส่วนช่วยให้จำศัพท์ได้อย่างมาก คือเป็นวิธีที่แนะนำเลยค่ะว่าได้ผลจริงสำหรับการฝึกภาษา แต่ว่าในการเริ่มฝึกนั้นควรเริ่มจากหนังสือนิยายเยาวชน (Dan Brown อย่าเพิ่งไปอ่านค่ะใจเย็นๆ ก่อน) เล่มไม่หนามากเพื่อจะได้เป็นกำลังใจเวลาอ่านจบ แล้วค่อยพัฒนาไปเป็นนิยายรักก็ได้ ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ขอแค่อย่าเพิ่งท้อใจไปก่อนก็พอ
คนเก่งภาษาแนะนำว่า : พอดีเราไปอยู่ต่างประเทศมาอะแกร
ความจริง: กลับมาก็พูดไม่ได้เหมือนเดิมอะ!
อันนี้ไม่แน่เสมอไปนะคะ แล้วแต่ความเรียนรู้ของแต่ละคน หากไปอยู่ต่างประเทศแล้วหาโอกาศออกไปพูดคุยกับคนท้องถิ่น กล้าพูดกล้าถาม ก็จะเก่งเร็วค่ะ แต่ถ้าอยู่แต่กับเพื่อนคนไทย ได้ใช้ภาษานิดหน่อยตอนไปซื้อของ ก็จะไม่ได้เป็นหลากหลายมากนัก เพราะฉะนั้นหากคุณมีโอกาสได้ออกไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆ หรืออยู่ยาวก็ลองออกไปคุยกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติเยอะๆ ดูนะคะ
คนเก่งภาษาแนะนำว่า : มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติเยอะ แปบเดียวก็เป็นแล้ว
ความจริง: ถ้าไม่ได้แต่ภาษาเกรียนๆ มาก็กลายเป็นเกรียนคีย์บอร์ด
จริงๆ แล้วการมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติช่วยได้มากพอๆ กับการไปอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ แต่กระนั้นก็ขึ้นอยู่กับความขวนขวายอีกนั้นแหละ บางคนที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติถ้าสนิทหน่อยก็ได้ภาษาเกรียนๆ มาเพียบ แต่ถ้ารู้จักกันทางอินเทอร์เนตหรือทางธุรกิจที่ติดต่อกันโดยใช้ Email เป็นหลักบางทีก็ชินพิมพ์มากกว่า พอจะให้พูดก็ติดๆ ขัดๆ ไม่ค่อยสละสลวย (อย่างผู้เขียนเป็นต้น) วิธีแก้คือถ้ามีโอกาสก็พูดมันเข้าไป พูดไปเถอะลิ้นเราจะได้ชินแล้วก็จะดีขึ้นเองค่ะ
ปล. ส่วนเรื่องภาษาเกรียนอันนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ ค่ะต้องแยกแยะเองเน้อ อิอิ
สุดท้ายนี้เราอยากจะทิ้งท้ายเอาไว้อย่างหนึ่ง บทความนี้เป็นเพียงเรื่องจริงส่วนใหญ่เท่านั้นแต่ไม่ใช่ทั้งหมดจากใจผู้เขียนเองที่ก็ไม่ค่อยเก่งภาษาเท่าไหร่ตอนเด็กๆ ก่อนจะมาเข้าใจว่าการเรียนภาษาให้สัมฤทธิ์ผลนั้นเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่คนเก่งภาษาทุกคนมีเหมือนกันก็คือความขยันและพร้อมที่จะเรียนรู้ค่ะ DailyEnglish ขอเป็นกำลังใจให้คนเรียนภาษาทุกคน ขยันและขวนขวายเพื่อจะได้เก่งไวๆ นะคะ จุ้บๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
เปิดสถิติคนไทยรับสายมิจฉาชีพพุ่ง 165% เบอร์มือถือรั่ว 13 ล้านเบอร์
Whoscall ชี้ถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้นของการหลอกลวงทางโทรศัพท์-SMS จากรายงานประจำปีพบว่าคนไทยยังต้องรับสายจากมิจฉาชีพเพิ่มขึ้น 165% หรือ 17 ล้านครั้งในปี 2565 รายงานยังเผยสถิติสำคัญครั้งแรก ถึงจำนวนการรั่วไหลของเบอร์โทรศัพท์ในประเทศไทยกว่า 45% หรือ 13.5 ล้านเบอร์
นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Gogolook ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จัก และป้องกันสแปม สำหรับสมาร์ทโฟน “Whoscall” กล่าวว่า “ภัยคุกคามจากการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบต่อ อุตสาหกรรมต่อต้านการทุจริต (Anti-Fraud Prevention) จากข้อมูลของ Fortune Business Insight อุตสาหกรรมนี้คาดว่า จะมีมูลค่าถึง 129.2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 22.8% จากการเพิ่มขึ้นของ เอไอแบบรู้สร้าง (Generative AI) และช่องโหว่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร คาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยี เพื่อหลอกลวง และเกิดผลเสียทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต เพื่อต่อสู้กับการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้น
Gogolook กำลังร่วมมือ กับพันธมิตรหลายแห่งในประเทศไทยและทั่วโลก พัฒนาโซลูชันส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อจัดการกับภัยคุกคามเหล่านี้ โดยมี เป้าหมายเพื่อป้องกันการหลอกลวงอย่างครอบคลุมและมอบความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ Whoscall”
นางสาวฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท Gogolook ได้กล่าวเตือนภัยมิจฉาชีพที่แพร่หลาย และเน้นถึงความจำเป็นในการใช้มาตรการต่อต้านการหลอกลวงที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเผยสถิติที่น่าตกใจว่า 7 ใน 10 ครั้งของข้อความ SMS ที่คนไทยได้รับเป็นข้อความสแปมและข้อความหลอกลวง หรือคิดเป็น 73%ของข้อความที่ได้รับทั้งหมด ในส่วนของยอดสายโทรศัพท์หลอกลวงพุ่งขึ้น 165% จาก 6.4 ล้านครั้งในปี 2564 เป็น 17 ล้านครั้งในปี 2565 ภัยเหล่านี้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง Whoscall จึงมุ่งมั่นสร้างความตระหนักรู้ให้คนไทย เห็นความสำคัญของการป้องกันการถูกหลอกลวง การรู้ทันทั้งกลอุบายของมิจฉาชีพและรู้ทันว่าใครโทรมาจะสามารถช่วยให้ คนไทยป้องกันตนเองจากการหลอกลวงได้
มิจฉาชีพนิยมส่งข้อความหลอกลวงเนื่องจากสามารถเข้าถึงเหยื่อจำนวนมากด้วยต้นทุนต่ำ ข้อความ SMS ถูกใช้เป็น เครื่องมือเพื่อ “ติดต่อครั้งแรก” โดยหลอกให้เหยื่อกดลิงก์ฟิชชิ่งเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว เพิ่มบัญชีไลน์เพื่อหลอกให้ส่งข้อมูลหรือ โอนเงินให้ กลอุบายที่พบบ่อยได้แก่ การเสนอเงินกู้โดยมักอ้างรัฐบาลหรือธนาคาร และการให้สิทธิ์เข้าตรงเว็บพนันออนไลน์ ที่ผิดกฎหมาย คีย์เวิร์ดของข้อความหลอกลวงที่ถูกรายงานที่พบบ่อยที่สุดเช่น “รับสิทธิ์ยื่นกู้” “เครดิตฟรี” “เว็บตรง” “คุณได้รับสิทธิ์” “คุณได้รับทุนสำรองโครงการประชารัฐ” “คุณได้รับสิทธิ์สินเชื่อ” และ “คุณคือผู้โชคดี”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 ผลไม้ “ฤทธิ์เย็น” กินแล้วชื่นใจ ดีต่อร่างกายในหน้าร้อน
ในช่วงที่อากาศร้อน ๆ แบบนี้ เด็ก ๆ หลายคนคงอ้อนอยากจะดื่มแต่น้ำหวาน น้ำเย็น ๆ ให้สดชื่น แต่นอกจากน้ำหวาน เราสามารถคืนความสดชื่นให้กับร่างกายของลูกน้อยในวันที่แดดแรง ๆ ด้วย ผลไม้ฤทธิ์เย็น ที่ช่วยดับร้อน
ผลไม้ฤทธิ์เย็น คือ ผลไม้ที่ย่อยง่าย ให้พลังงานน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื้อยุ่ยนุ่มฉ่ำน้ำ มีความสดคงทน กินแล้วกลืนคล่องคอ ชุ่มคอ
ปริมาณผลไม้ที่ควรกินในแต่ละวัน
ในแต่ละวันควรกินผลไม้ให้ได้ 3-5 ส่วนต่อวัน โดยสามารแบ่งส่วนผลไม้ได้ ดังนี้
- ผลไม้ขนาดเล็ก เช่น องุ่น ลองกอง ลำใย ลิ้นจี่ : 1 ส่วน เท่ากับ 6-8 ผล
- ผลไม้ขนาดกลาง เช่น ส้ม ชมพู่ พุทรา สาลี่ แอปเปิ้ล : 1 ส่วน เท่่ากับ 1-2 ผล
- ผลไม้ขนาดใหญ่ เช่น แตงโม สับปะรด มะละกอ แคนตาลูป : 1 ส่วน เท่ากับ 6-8 ชิ้นคำ
10 ผลไม้ฤทธิ์เย็น ช่วยให้ร่างกายสดชื่น
- แตงโม ถ้าพูดถึงผลไม้หน้าร้อน แตงโมเป็นผลไม้ที่เรานึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เลย แตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ มีฤทธิ์เย็นที่ช่วยดับความร้อนในร่างกายได้ดี แถมยังช่วยลดไข้ ป้องกันหวัด แก้คอแห้ง และบรรเทาแผลในช่องปากได้อีกด้วย
- มังคุด มังคุดได้ตำแหน่งราชินีของผลไม้ไทยที่มีฤทธิ์เย็น และมีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยปรับระบบคุ้มกันและระบบหมุนเวียนเลือด สร้างความแข็งแรงเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคและการติดเชื้อ
- แตงไทย มีฤทธิ์เย็น ช่วยในการดับกระหาย ช่วยคลายร้อน ขับเหงื่อ ลดอุณหภูมิของร่างกาย จะกินแตงไทยแบบสด ๆ แช่ตู้เย็นให้เย็นเจี๊ยบ หรือเอามาใส่ในน้ำกระทิ ก็สดชื่นไม่แพ้กัน
- แก้วมังกร ช่วยดับกระหาย คลายร้อนได้ดี แก้วมังกรมีใยอาหารสูง มีโปแตสเซียม และแมกนีเซียมสูง อากาศร้อน ๆ แช่แก้วมังกรให้เย็น เอามาผ่าครึ่งใช้ช้อนตักกินให้ชื่นใจได้เลย
- สาลี่ สาลี่เป็นผลไม้กลิ่นหอม แค่ได้กลิ่นก็ทำให้รู้สึกสดชื่น สาลี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยแก้กระหาย คลายร้อน ลดความร้อนในร่างกาย และดับพิษร้อนในร่างกาย สาลี่ยังช่วยแก้อาการไอ ไอแห้ง ช่วยละลายเสมหะ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ปอด
- สับปะรด เป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ มีน้ำเยอะ ฤทธิ์เย็น ช่วยแก้กระหาย ดับร้อนได้ สับปะรดยังเป็นผลไม้ที่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก ช่วยแก้อาการท้องผูก ขับถ่ายไม่สะดวก
ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีน - ส้มโอ จัดเป็น ผลไม้ฤทธิ์เย็น ช่วยให้รู้สึกเย็นสดชื่น คลายร้อนแล้ว เป็นผลไม้น้ำเยอะ วิตามินซีสูง ในส้มโอ 100 กรัม มีน้ำสูงถึง 90 กรัม เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม
- ชมพู่ ในผลชมพู่มีเส้นใยอาหาร ซึ่งดีต่อระบบขับถ่าย มีสารไลโคพีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด ชมพู่ยังเป็นผลไม้เนื้อฉ่ำน้ำ มีน้ำเยอะกินแล้วช่วยให้สดชื่น
- พุทรา มีเนื้อนุ่มฉ่ำน้ำ มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น มีวิตามินซีสูง พุทรายังมีสรรพคุณตามตำรายาไทย คือ ใช้ผลดิบรสฝาด กินแก้ไข้ ผลสุกรสหวานฝาดเปรี้ยว แก้ไอ ขับเสมหะ
- แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง มีประโยชน์กับระบบขับถ่าย และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วย
สารอาหารดีมีประโยชน์ในผลไม้
ใยอาหาร (fiber)ในผลไม้มีใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์และดีกับระบบขับถ่าย การกินผลไม้ที่มีใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ (insoluble dietary fiber) จะช่วยเพิ่มปริมาณและน้ำหนักอุจจาระ สามารถดูดซับสารพิษ กระตุ้นการขับถ่าย ทำให้ท้องไม่ผูก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
วิตามิน (Vitamin) ในผลไม้มีวิตามินสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน และวิตามินซี วิตามินทั้ง 2 ชนิดนี้ นอกจากจะช่วยควบคุมระบบการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติแล้ว ยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ ได้
แร่ธาตุ (Minerals) แร่ธาตุที่มีอยู่มากในผลไม้ คือ โปแตสเซียม มีหน้าที่สำคัญในร่างกาย คือ ช่วยรักษาสมดุลของน้ำ และความเป็นกรด ด่างภายในร่างกาย ช่วยในการยืดหดของกล้ามเนื้อ และนำความรู้สึกทางประสาท
น้ำ (Water)ในผลไม้มีน้ำเป็นส่วนประกอบร้อยละ 70-90 ดังนั้นหากลูกดื่มน้ำน้อย อาจจะให้ลูกกินผลไม้มากขึ้น เพราะเมื่อผลไม้ทำให้รู้สึกสดชื่น ชุ่มคอ ลดการขาดน้ำได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/04/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,750.00 | 31,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,057.00 | 31,184.12 | 32,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,851.30 | 28,065.71 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,645.60 | 24,947.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 926.00 | 14,038.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 720.00 | 10,915.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,132.00 | 32,321.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/04/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.35 | 36.35 | 36.94 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.08 | 36.08 | 36.64 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 34.34 | 34.04 | 34.04 | – | 34.04 | 34.04 | 34.04 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.49 | 34.49 | – | – | – | – | – | – | – | 34.49 |
เบนซิน 95 | 44.16 | – | – | – | 44.21 | – | 44.66 | 44.31 | – | 44.16 |
ดีเซล B7 | 33.44 | 33.44 | 33.74 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
ดีเซล | 33.44 | 33.44 | 33.74 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
ดีเซล B20 | 33.44 | 33.44 | 33.74 | – | 33.44 | – | 33.44 | – | – | 33.44 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.56 | 42.66 | 44.64 | 43.76 | 43.76 | – | – | – | – | 42.56 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |