“อาคารสีเขียว” LEED ND เทรนด์สำคัญที่ “อสังหาฯไทย” ต้องไปให้ถึง
มาตรฐานอาคารสีเขียว “LEED ND ” เทรนด์สำคัญของการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ที่อสังหาฯไทยต้องไปให้ถึง จับตา โครงการ วัน แบงค็อก (One Bangkok) พระราม 4 หนึ่งเดียวของไทยภายใต้มาตรฐานใหม่
3 เมษายน 2566 – ปัจจุบันการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ประเภทที่ผสมผสานการใช้งานหลากหลายรูปแบบหรือ Mixed-Use โดยมีการพัฒนาโครงการประเภทที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก เข้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน เป็นที่นิยมกันมากขึ้น
เนื่องจากที่ดินที่มีจำกัดในพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของเมือง (Central Business District : CBD) การพัฒนาโครงการในรูปแบบบ Mixed-Use สามารถสร้างการรับรู้รายได้ทั้งจากการขายและรายได้จากการเช่า ทำให้ผู้พัฒนาโครงการสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
สร้างโครงการใหญ่ ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยข้อมูลจาก บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ ระบุว่า จากการสำรวจของ LWS พบว่าปัจจุบันในประเทศไทยโดยเฉพาะในทำเลศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ เช่น พระราม 4, อ่อนนุช, บางนา มีการพัฒนาโครงการประเภท Mixed-Use มูลค่ารวมเกือบล้านล้านบาทในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา(2561-2565) ได้แก่ โครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค, เดอะ ฟอร์เรสเทีย, วัน แบงค็อก, แบงค็อก มอลล์, เมกะ ซิตี้ บางนา เป็นต้น
การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ แล้ว การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบกับชุมชน และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ดังนั้นการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าว จำเป็นต้องพัฒนาโครงการโดยนำมาตรฐานการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกระบวนการก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ที่อยู่อาศัยและใช้งานในพื้นที่โครงการดังกล่าว
มาตรฐานอาคารเขียวใหม่ที่เรียกว่า LEED-ND
จากผลการศึกษาของ LWS พบว่า ปัจจุบัน US Green Building Council (USGBC) องค์กรที่สร้างมาตรการในการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการพัฒนามาตรฐานอาคารเขียวใหม่ที่เรียกว่า LEED-ND (Leadership in Energy and Environmental Design Neighborhood Development) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ออกมาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนสำหรับชุมชน ผ่านระบบการให้คะแนนในองค์รวม โดยหัวข้อที่ LEED-ND ให้ความสำคัญมีดังนี้
- Smart Location & Linkage (SLL) มุ่งเน้นไปที่การเลือกสถานที่ตั้งของโครงการให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด หลีกเลี่ยงการพัฒนาที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ต้องพึ่งพารถยนต์ และอาจก่อให้เกิดการรุกล้ำซึ่งเป็นอันตรายต่อธรรมชาติ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญถึงรูปแบบการเชื่อมต่อกับพื้นที่ข้างเคียง เพราะถ้าหากไม่คำนึงถึงจุดนี้ ก็อาจสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน
- Neighborhood Pattern & Design (NPD) มุ่งเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรกับคนเดินเท้าโดยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงร้านค้า, บริการและพื้นที่สาธารณะได้อย่างสะดวก มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งชุมชนใกล้เคียง
- Green Infrastructure & Buildings (GIB) มุ่งเน้นไปที่มาตรการในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างและการบริหารอาคาร ใช้เทคโนโลยีที่ยั่งยืนเพื่อช่วยลดของเสีย ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจใช้มาตรฐานอาคารเขียวในการก่อสร้างแต่ละอาคารร่วมด้วยเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างอาคาร
หลังจากที่มาตรฐานดังกล่าวถูกนำมาใช้นอกจากการพัฒนาโครงการในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว มาตรฐานดังกล่าวยังถูกนำมาใช้ในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก อาทิ การพัฒนาโครงการ China Central Place โครงการประกอบด้วยอาคารสำนักงาน โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ที่ตั้งอยู่ติดกับย่านศูนย์กลางธุรกิจในกรุงปักกิ่งของประเทศจีน โครงการนี้อยู่ในช่วงพัฒนาและก่อสร้าง แต่ได้ผ่านมาตรฐาน LEED-ND ถึงระดับ Gold
HARUMI Flag เป็นอีกหนึ่งโครงการที่พัฒนาในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โครงการประกอบด้วย สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน สถานพยาบาล ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดคาร์บอนต่ำ ผ่านแนวคิด Hydrogen Society ซึ่งเป็นการใช้ไฮโดรเจนที่เป็นพลังงานสะอาดภายในโครงการ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่นำมาตรฐาน LEED-ND มาใช้จนได้ Certificate ระดับ Gold
ชูตัวอย่าง “โครงการ วัน แบงค็อก (One Bangkok)”
สำหรับประเทศไทย โครงการ วัน แบงค็อก (One Bangkok) พระราม 4 เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน อาคารชุดพักอาศัย โรงแรม และพื้นที่ค้าปลีก โดยโครงการพัฒนาภายใต้มาตรฐาน LEED-ND และกำลังยื่นเรื่องกับ USGBC เพื่อให้ได้มาตรฐาน LEED-ND ในระดับ Platinum เป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่พัฒนาโครงการภายใต้มาตรฐานนี้ โดยโครงการถูกออกแบบให้พื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของโครงการเป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง ทั้งยังมีแนวคิดสู่ความยั่งยืน อาทิ แนวคิดเรื่องเมืองเดินได้, ระบบป้องกันน้ำท่วม, ลดปริมาณคาร์บอนฟุตปริ้นที่เกิดจากการใช้งานอาคาร เป็นต้น นอกจากนี้ แต่ละอาคารในโครงการก็ผ่านมาตรฐาน WELL ในระดับ Platinum ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเอาใจในสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคารอีกด้วย
“การพัฒนาโครงการภายใต้มาตรฐาน LEED-ND นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแล้ว การพัฒนาโครงการโดยใช้มาตรฐานนี้ยังสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับโครงการ จากการสำรวจของ LWS พบว่าโครงการที่พัฒนาภายใต้มาตรฐาน LEED-ND ในต่างประเทศมีอัตราค่าเช่าที่สูงกว่าอาคารสำนักงานปกติถึง 10-20% ในประเทศไทยถึงแม้จะยังไม่มีโครงการที่ได้มาตรฐาน LEED-ND แต่ที่ได้มาตรฐาน LEED และ WELL จะได้รับอัตราค่าเช่าที่สูงกว่าอาคารปกติประมาณ 15-20% เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับโครงการ ดังนั้นการพัฒนาโครงการภายใต้มาตรฐาน LEED-ND จึงเป็นการสร้างมิติใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันและอนาคต”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“คลังสินค้า” แข่งปักหมุดรอยต่อ EEC ชิงพื้นที่รับ “ต่างชาติ”
“คลังสินค้า” แข่งปักหมุด โปรเจ็กต์บนทำเลรอยต่อ EECชิงพื้นที่รับ ” ต่างชาติ ” และ ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ยังโตแรง พบโมเดล Build-to-Suit และ อาคารสีเขียว กลายเป็นกลยุทธ์
แม้ตัวเลขรายไตรมาส มกราคม -มีนาคม 2566 ยังไม่ปรากฎออกมา แต่จำนวนต่างชาติ ที่ทะลักเข้ามาลงทุนธุรกิจในไทย เพิ่มขึ้นถึง 305% ในระยะ 2 เดือนแรกของปี เป็นมูลค่ารวมมากถึง 26,756 ล้านบาท โดยหมุดหมายสำคัญของการลงทุนดังกล่าว คือ พื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี 3 จังหวัด ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 2,078 ล้านบาท สัดส่วนราว 8% ของทั้งหมด
ความเนื้อหอมของพื้นที่ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมใหม่และโลจิกติกส์สำคัญของประเทศ ประกอบกับแรงหนุน ของมาตรการส่งเสริมการลงทุนไทยทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มอุตสากรรม-โลจิสติกส์ภาพรวมของไทยเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากความต้องการพื้นที่ คลังสินค้าสำเร็จรูป และ แวร์เฮ้าส์ ของผู้ประกอบการชาวต่างชาติแล้วภาคการส่งออกสินค้าหลายกลุ่ม เช่น ธุรกิจแปรรูปอาหาร ธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ ก็มีดีมานด์ตวามต้องการพื้นที่มากขึ้นเช่นกัน
ล่าสุด ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่าอสังหาฯกลุ่มโกดังโรงงาน และคลังสินค้า ในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัว ตามการเติบโตของ อี-คอมเมิร์ซ และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งลูกค้าหลักที่เช่าพื้นที่ยังเป็นกลุ่มบริษัทโลจิสติกส์ ตามด้วยกลุ่มผู้เช่าจากธุรกิจเฉพาะทาง เช่น กลุ่ม FMCG และผู้ผลิตอุตสาหกรรม
โดย อุปทานรวมของคลังสินค้าแบบสร้างเสร็จพร้อมใช้ ปัจจุบันทั่วประเทศมีอยู่ประมาณ 5.35 ล้าน ตร.ม. เติบโต 9.1 % ปี ขณะพื้นที่ที่ถูกเช่าทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10.2% อยู่ที่ 4.58 ล้าน ตร.ม. หรือ 85.5 % สูงสุดในรอบ 10 ปี
นายมาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายตัวแทนนายหน้า ไนท์แฟรงค์ ระบุว่าประเด็นที่น่าสนใจในตลาดดังกล่าว คือ กระแสความต้องการต่อที่ดินเพิ่มมากขึ้นทั้งในพื้นที่ อีอีซี และ รอยต่อ จากผู้ìพัฒนาที่ดินรายใหญ่ๆระดับประเทศ และกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการขนส่ง เพื่อเชื่อมต่อการขยายสินค้า ทำให้ตลาดอุตสาหกรรม กลายเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดีในปีนี้
อสังหาฯใหญ่แข่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์
“ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบความเคลื่อนไหวในกลุ่มผู้พัฒนาที่ดิน พบหน่วยธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล” ในกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย) ซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดในตลาด เตรียมส่งมอบพื้นที่คลังสินค้าให้กับลูกค้ามากกว่า 150,000 ตร.ม. ขณะเดียวกัน ก็กำลังผลักดันเมกะโปรเจ็กต์เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ 4,600 ไร่ ในจังหวัดสมุทรปราการ ประตูสู่ภาคตะวันออกด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกับการเดินเกมรุกของ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ภายใต้การร่วมทุน ของ ออริจิ้น และ เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เพิ่งลงเสาเอก โครงการคลังสินค้า แอลฟา บางนา กม.19 มูลค่า REIT ประมาณการ 1,270 ล้านบาท ตามแผนงาน 5 ปี จะพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าในทำเลยุทธศาสตร์ให้ได้รวม 1 ล้าน ตร.ม. วางเป้า TOP3 โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 78 ไร่ บน ถ.เลียบคลองส่งนํ้าสุวรรณภูมิ พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญด้านการขนส่ง โดยมีพื้นที่เช่ากว่า 80,000 ตร.ม.
ส่วนอีกผู้เล่นที่น่าจับตามอง ก็คือ การแตกหน่วยธุรกิจใหม่ของ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ รุกแวร์เฮ้าส์แบบให้เช่าแบบครบวงจร “METROBOX” ระบุจะปั้นอาคารคลังสินค้ามาตรฐานสากลเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เตรียมเปิด 2 ทำเล 1.บางนา บางพลี สมุทรปราการ และ 2.พหลโยธิน วังน้อย อยุธยา
Build–to–Suit – อาคารสีเขียว มาแรง
ด้วยความที่ ลูกค้าหลักที่เช่าพื้นที่ โดยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มบริษัทโลจิสติกส์ ตามด้วยกลุ่มผู้เช่าจากธุรกิจเฉพาะทาง เช่น กลุ่ม FMCG และผู้ผลิตอุตสาหกรรม เหตุผลนี้ ทำให้ เห็น แนวโน้มผู้ให้บริการคลังสินค้ากำลังหันไปให้บริการแบบทำพอดี (Built-to-Suit) แทนที่จะเป็นแบบคาดการณ์ล่วงหน้า (Speculative) มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พื้นที่คลังสินค้าไร้ผู้เช่าเป็นเวลานาน
ซึ่งไนท์แฟรงค์ ระบุว่า อนาคตของอสังหาริมทรัพย์โลจิสติกส์แบบพร้อมใช้งาน จะช่วยลดความเสี่ยงซัพพลายส่วนเกินได้ ขณะเดียวกันกระแสการใส่ใจ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) และความยั่งยืน ของภาคธุรกิจ กำลังขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นอย่างมาก โดยคลังสินค้าบางแห่งเริ่มปรับตัวไปสู่ทิศทางนี้มากขึ้น เช่น เทคนิคการลดการไหลของนํ้าการเคลือบผิวหน้าตึกสองชั้น การระบายอากาศตามธรรมชาติ และการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา เพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินท์และต้นทุนการดำเนินงาน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4เม.ย. ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้างจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในฝั่งตลาดหุ้น หลังบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4เมษายน 2566 ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.38 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ
เราประเมินว่า ในระหว่างวันนี้ ค่าเงินบาทอาจยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้างจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในฝั่งตลาดหุ้น หลังบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิกว่า +1.3 พันล้านบาท ในวันก่อนหน้า)
นอกจากนี้ โฟลว์ขายทำกำไรทองคำ ก็อาจพอช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับหรือ Job Openings ของสหรัฐฯ (รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ) เพราะหาก ข้อมูลการจ้างงานไม่ได้สะท้อนภาพตลาดแรงงานชะลอตัวลงแรง หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสดใส เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.30 บาท/ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างของหุ้นแต่ละกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแรง (Exxon Mobil +5.9%, Chevron +4.2%) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
ขณะที่ หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth (Tesla -6.2%, Amazon -0.85%) เผชิญแรงขายทำกำไร หลังจากผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลว่า หากราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงได้ยาก จนทำให้เฟดยังสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อ หรือ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับสูงได้นานกว่าคาด
(จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดเริ่มให้โอกาส 55% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม) การเคลื่อนไหวที่สวนทางกันของหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น +0.37% ขณะที่ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลง -0.27%
ฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อลงเล็กน้อย -0.03% หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลว่า การปรับตัวขึ้นแรงของราคาพลังงานอาจยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงยากขึ้น หรือ อาจเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึง ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้
โดยมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้กดดันให้ หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เผชิญแรงขายทำกำไร (ASML -1.2%, Kering -1.1%) ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นแรงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (TotalEnergies +5.9%, BP +4.3%) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
ทางด้านตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะเริ่มกังวลว่า การปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงช้า และอาจกดดันให้บรรดาธนาคารหลักเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ซึ่งได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ (รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี ในหลายประเทศ) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 3.55%
แต่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนมีนาคม ที่ออกมาแย่กว่าคาดพอสมควร ก็พลิกกลับมาทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.41% ทั้งนี้ เราคงมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงดูดีอยู่ และ
หากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนภาพการจ้างงานที่แข็งแกร่งและตึงตัว ก็อาจทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ซึ่งผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะเพิ่มสถานะถือครองบอนด์ ในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น (Buy on Dip)
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102 จุด หลังผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยลดสถานะถือครองเงินดอลลาร์ลง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด (โดยเฉพาะฝั่งตลาดเอเชีย)
นอกจากนี้ รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตที่ออกมาแย่กว่าคาด ก็ได้กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเช่นกัน ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การปรับตัวลดลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯและเงินดอลลาร์ สามารถช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.)
ปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) เพื่อประเมินภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ว่าจะยังคงตึงตัวมากขนาดไหน โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ยอดตำแหน่งงานเปิดรับอาจลดลงบ้าง สู่ระดับ 10.4 ล้านตำแหน่ง ตามการปรับแผนการจ้างงานของหลายบริษัท โดยเฉพาะฝั่งบริษัทกลุ่มเทคฯ อย่างไรก็ดี ยอดดังกล่าวก็อาจสูงกว่ายอดผู้ว่างงานทั้งหมดเกือบ 1.8 เท่า สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงตึงตัวอยู่พอสมควร
ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดมองว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.60% เพื่อรอประเมินผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยก่อนหน้าต่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาททยอยแข็งค่ามาทดสอบแนว 34.20 ก่อนจะมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.26 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทและสกุลเงินเอเชียขยับแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลง หลังมีปัจจัยลบจากตัวเลขดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนมี.ค. ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด โดยปรับตัวลงไปที่ระดับ 46.3 ในเดือนมี.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 (ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 47.5 และต่ำกว่าระดับ 47.7 ในเดือนก.พ.)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.10-34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย ผลการประชุมนโยบายการเงินของ RBA ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของยูโรโซน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“สิงห์” ดึง 2 นักแข่งระดับโลกโปรโมทฟอร์มูล่าวัน 2023 ชวนคนไทยเชียร์ทีมอัลฟ่า โรมิโอ เอฟวัน
สิงห์ คอร์เปอเรชั่น โกลบอลพาร์ทเนอร์ อัลฟ่า โรมิโอ เอฟวัน ทีมระดับตำนานของวงการฟอร์มูล่าวัน พาสองนักขับของทีม วัลท์เทอรี บอททาส ยอดนักขับชาวฟินแลนด์วัย 34 ปีและ โจว กวนยู นักขับเอฟวันคนแรกในประวัติศาสตร์ของจีนวัย 24 ปี มาร่วมโปรโมทการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน 2023 พร้อมชวนแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยร่วมเชียร์อัลฟ่า โรมิโอ เอฟวัน ท่ามกลางแฟนคลับของทีม และสื่อมวลชนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ที่หอประชุมใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ถนนสามเสน เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา
นายวรวุฒิ ภิรมย์”สิงห์” ดึง 2 นักแข่งระดับโลกโปรโมทฟอร์มูล่าวัน 2023 ชวนคนไทยเชียร์ทีมอัลฟ่า โรมิโอ เอฟวันกดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด คีย์แมนคนสำคัญของบริษัทฯในการติดต่อกับทีมกีฬาระดับโลกมาตลอด และกำกับดูแลงบประมาณกีฬาของบริษัทฯ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ทีมเอฟวันระดับโลก เดินทางมาเพื่อโปรโมทการแข่งขันฤดูกาลนี้ และชวนคนไทยร่วมเชียร์ทีมอัลฟ่า โรมิโอ โดยทางบริษัทฯและทีมอัลฟ่า โรมิโอ เอฟวัน ร่วมงานกันมาเข้าสู่ฤดูกาลที่ 5 แล้ว ซึ่งได้มีความร่วมมือกันในหลายด้าน รวมทั้งด้านการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป และในโอกาสที่ปีนี้เป็นปีครบรอบ 90 ปีของบริษัทฯ นอกจากผู้บริหารของทีมที่เดินทางมาไทยก่อนหน้านี้แล้ว ในครั้งนี้ได้ส่ง 2 นักขับของทีมมาร่วมชวนแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยส่งกำลังใจให้ทีมอัลฟ่า โรมิโอ เอฟวัน ในการแข่งขันฤดูกาลนี้ รวมทั้งเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ของสิงห์ที่จะใช้ในหลายประเทศทั่วโลก
ที่ผ่านมา สิงห์ ได้ให้การสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตทั้งในประเทศและระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการฟอร์มูล่าวันเราได้ให้การสนับสนุนทีมแข่งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงที่เข้าสนับสนุนทีมเรดบูล เรซซิ่ง ในปี 2009 ต่อด้วยทีม เฟอร์รารี ปี 2013 จนกระทั่งปัจจุบันเข้าไปเป็นโกลบอล พาร์ทเนอร์ กับ อัลฟ่า โรมิโอ เอฟวัน ทีมระดับตำนานที่เข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตมาตั้งแต่ปี 1911 รวมถึงการเป็นผู้สนับสนุน คิมี ไรโคเนน อดีตนักขับฟอร์มูล่าวันชาวฟินแลนด์ ดีกรีแชมป์โลกปี 2007 มาทำกิจกรรมร่วมกับเยาวชนไทยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการผลักดันตนเองไปสู่ระดับโลก
“ในเวลานี้ฟอร์มูล่าวันไม่ได้เป็นแค่กีฬาของแฟนมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น ฟอร์มูล่าวันกลายเป็นหนึ่งในกีฬาที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งการทำตลาดของของทีมและฟอร์มูล่าวันก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผมเชื่อว่าการเป็นผู้สนับสนุนกีฬาระดับโลกจะเชื่อมโยงคนไทยกับกีฬาที่ทั่วโลกให้ความสนใจ” นายวรวุฒิ กล่าวเสริม
ทางด้าน วัลท์เทอรี บอททาส นักขับชาวฟินแลนด์ ซึ่งเข้ามาร่วมทีมเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา กล่าวว่า “ปีนี้เรามีความพร้อมมาก ทั้งเรื่องการฝึกซ้อม รถแข่ง รวมถึงสภาพร่างกาย เราพยายามจะทำผลงานให้ดีที่สุดให้กับทีม และเดินทางไปแข่งขันทั่วโลกพร้อมกับแบรนด์ไทยอย่างสิงห์ เราหวังว่าแฟนๆชาวไทยจะช่วยเป็นกำลังใจให้เราด้วย”
ขณะที่ โจว กวนยู นักขับชาวจีนคนแรกในประวัติศาสตร์ฟอร์มูล่าวัน เผยว่า “แม้จะเป็นปีที่สองที่ผมเข้าร่วมทีมระดับฟอร์มูล่าวัน ในฤดูกาลนี้ผมก็หวังว่าประสบการณ์จากปีที่ผ่านมาและการฝึกซ้อมอย่างหนักจะทำให้ผมและทีมสร้างผลงานที่ดีขึ้น และหวังจะได้รับกำลังใจจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยช่วยเชียร์พวกเราด้วย”
ทั้งนี้ สิงห์ ได้ให้การสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตทั้งในประเทศไทย และในระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเป็นพาร์ทเนอร์กับ การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” รวมถึงการเข้าไปเป็นโกลบอล พาร์ทเนอร์ กับ “อัลฟ่า โรมิโอ เอฟวัน” ทีมระดับตำนานที่เข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตตั้งแต่ปี 1911 และสามารถคว้าแชมป์รายการเวิลด์ แชมเปียนชิพ หรือ ฟอร์มูล่าวันในยุคปัจจุบันได้ถึง 5 สมัย ในปี 1925, 1950, 1951, 1975 และ 1977
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 อาการบาดเจ็บจากการ “วิ่ง” ที่นักวิ่งรุ่นเก่า-รุ่นใหม่มักเจอ
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร มันมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดระหว่างทางได้เสมอ นักกีฬาโอลิมปิกที่ฝึกซ้อมเป็นอย่างดีอยู่ทุกวัน ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างซ้อม หรือระหว่างแข่งขันได้เช่นกัน ดังนั้นหากใครที่กำลังสนใจในเรื่องของการ “วิ่ง” ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มวิ่ง หรือวิ่งสะสมประสบการณ์มาหลายงานแล้วก็ตาม อย่างไรก็ต้องเตรียมตัวรับมือการสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
5 อาการบาดเจ็บจากการ “วิ่ง” ที่นักวิ่งรุ่นเก่า-รุ่นใหม่มักเจอ
- เจ็บเอ็นร้อยหวาย
เอ็นร้อยหวาย คือบริเวณที่อยู่ด้านหลังเท้า เหนือส้นเท้า ที่ๆ มีเส้นเอ็นขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างเท้ากับน่องขา บริเวณนั้นจะรับปรงกระแทกเมื่อเราเดิน หรือวิ่งอยู่บ่อยๆ
สาเหตุ หากเราวิ่งกระแทกแรงๆ บ่อยๆ หรือวิ่งขึ้นทางชันอย่างภูเขา ใช้แรงผลักในการวิ่งมากขึ้น วิ่งด้วยฝีเท้าเร็วๆ หรือท่าวิ่งที่ทำให้เกิดอาการเส้นพลิก อาจมีโอกาสที่เราจะมีอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายได้
อาการ บริเวณเอ็นร้อยหวายบวม แดง ลงน้ำหนักแล้วเจ็บ หากมีอาการหนักขึ้น อาจเอ็นร้อยหวายอักเสบมาก หากมีอาการบาดเจ็บ ต้องหยุดวิ่งแล้วพบแพทย์
- เจ็บกระดูกหน้าแข้ง
สาเหตุ เส้นเอ็นที่ด้านหน้า หรือด้านในของขาส่วนล่างเกิดอาการอักเสบ จากการใช้งานมากเกินไป
อาการ บริเวณหน้าแข้งตั้งแต่เข่าลงไป หรือด้านใน (ค่อนไปทางด้านหลังเล็กน้อย) ของขาบริเวณน่อง เหนือตาตุ่มมีอาการเจ็บ และปวดมากขึ้นเมื่อลองกดลงไป อาจจะไม่ได้ปวดรุนแรง แต่จะปวดไปตลอดระยะที่วิ่ง หรือเจ็บหลังจากวิ่งเสร็จ
- เจ็บพังผืดใต้ฝ่าเท้า
สาเหตุ เมื่อวิ่งมากๆ เกิดแรงกดที่บริเวณส้นเท้าไปจนถึงนิ้วเท้ามากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้บริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้ามีอาการบาดเจ็บได้ นอกจากนี้หากพื้นรองเท้าแข็งเกินไป หรือใช้งานเท้าให้วิ่งโดยที่ยังไม่มีการวอร์มอัพเพื่อผ่อนคลายความตึงของฝ่าเท้าก่อน ก็อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้อีกเช่นกัน
อาการ พังผืดใต้ฝ่าเท้าอาจอักเสบ ตึง ฉีก จนเป็นแผลได้ อาจมีอาการเจ็บมากตั้งแต่เช้าตื่นนอน สำหรับคนที่เริ่มวิ่งใหม่ๆ แต่ความเจ็บจะค่อยๆ ทุเลาลง เมื่อได้เริ่มเดิน หรือวิ่ง
- ปวดเข่า
สาเหตุ เกิดจากเส้นเอ็น หรือกระดูกบริเวณเข่าเสียดสีกันมากเกินไป อาจเนื่องมาจากการวิ่งมากเกินไป ไมได้วอร์มกล้ามเนื้อเข่าก่อนวิ่ง การวิ่งลงเขาบ่อยๆ กระแทกขาบ่อยๆ หรืออาจเพราะน้ำหนักลำตัวมากเกินไป ในกรณีที่เป็นผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
อาการ เกิดอาการเจ็บปวดที่เข่าเมื่อเริ่มต้นเดิน หรือวิ่ง หากได้นั่งพักอาการปวดจะดีขึ้น แต่หากปวดมากๆ อาจเข่าบวมเพราะมีอาการอักเสบ
- ปวดหลัง
สาเหตุ อาจเกิดจากการวิ่งโดยโน้มตัวไปข้างหน้ามากเกินไป เกร็งลำตัวมากเกินไป และวิ่งเป็นระยะเวลา ระยะทางที่มากเกินไปจากขีดจำกัดของร่างกาย
อาการ มีอาการปวดหลังในขณะที่วิ่ง โดยอาจจะปวดไปทั้งแผ่นหลัง หรือปวดเฉพาะบริเวณหลังเอวเหนือสะโพกก็ได้
วิธีหลีกเลี่ยงจากการอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง
– ก่อนออกวิ่งเหยียดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณขา และเท้าให้ดี วอร์มอัพร่างกายให้ทั่วก่อนวิ่ง 5-10 นาที
– ค่อยๆ เพิ่มระยะทาง หรือแรงวิ่งอย่างช้าๆ ไม่วิ่งในระยะทางมากๆ หรือวิ่งเร็วมากในช่วงแรกๆ
– เลือกรองเท้าที่พอดีกับขนาดเท้า และพื้นรองเท้าออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับการวิ่งโดยเฉพาะ
– ควรหลีกเลี่ยงการวิ่งที่ต้องใช้แรงมากเกินไป เช่น วิ่งขึ้น-ลงภูเขาหรือทางชัน กระโดดสูงต่อเนื่อง ในช่วงแรกๆ ของการวิ่ง
– ไม่หักโหมในการวิ่งมากเกินไป
– รักษาระดับความเร็วในการวิ่งให้คงที่ ไม่วิ่งๆ หยุดๆ
– วิ่งโดยหันปลายเท้าตรงไปข้างหน้าในทางที่เราวิ่ง ไม่วิ่งปลายเท้าชี้ออกไปด้านข้าง และไม่ลงด้วยปลายเท้า
– เลือกวิ่งบนพื้นที่เรียบเสมอกันไปตลอดทาง ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ หรือพื้นปูอิฐ-กระเบื้องที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำกัน
– วิ่งเพื่อสุขภาพ ควรวิ่งก้าวไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป โดยระยะก้าวจะไม่เกินตำแหน่งเข่าของตัวเอง
– วิ่งหลังตรงตั้งแต่เอวขึ้นไป งอแขนเล็กน้อยแต่ไม่มากเกินไป (ไม่แคบว่า 90 องศา) และไม่กำมือแน่นจนเกินไป
– ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากๆ เช่น 70-80 กิโลกรัมขึ้นไป และไม่ค่อยได้วิ่ง หรือออกกำลังกายนัก อาจเริ่มต้นจากการว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือเดินเร็วไปก่อนที่จะเริ่มวิ่งจริงจัง เพื่อให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของขามีความคุ้นชิน มีความแข็งแรงมากพอที่จะรองรับแรงกระแทกจากน้ำหนักของตัวได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 ประโยคใน Cover Letter ที่จะทำให้คุณอดได้งาน!
Cover letter คืออะไร? Cover letter ก็คือจดหมายสมัครงาน ซึ่งเป็นด่านแรกที่เหล่า HR จะอ่านก่อนจะผ่านไปถึงขั้นตอนของการดู resume ของผู้สมัคร และถึงจะ HR ของบริษัทไทยจะไม่ค่อยดู Cover letter กันมาก แต่ว่าการเขียน cover letter ควรจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพราะใน resume เนี่ย ใครๆ ก็ก๊อปแบบฟอร์มมาแปะๆ แก้ๆ ได้ใช่มั้ยล่ะ แต่ cover letter เนี่ย เราจะต้องเขียนใหม่และปรับให้เข้ากับตำแหน่งและบริษัทที่เราจะสมัคร ซึ่งตรงนี้ก็จะโชว์ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษและการสื่อสารของเราด้วยค่ะ ว่าดีแค่ไหน
และถึงแม้ว่า cover letter ของเราจะมีประโยคเปิดและประโยคปิดที่ยอดเยี่ยม และก็ยังสามารถเขียนให้ตัวเองดูเป็นคนพิเศษได้อีกต่างหาก แต่อย่าพึ่งกดส่งไปนะคะ! ลองมาอ่านบทความนี้กันดูก่อน เช็คกันดูว่าคุณมีประโยคหรือคำฆ่าตัวตายเหล่านี้อยู่ใน cover letter หรือเปล่า เพราะมันอาจจะทำให้คุณพลาดงานสำคัญไปได้เลยนะ
1. “I think I’d be a great fit…”
สิ่งที่คุณเขียนมันก็คือสิ่งที่คุณคิดแน่นอนอยู่แล้วล่ะ! ไม่ใช่แค่ “I think” นะคะ ทั้ง “I feel” หรือ “I believe” ก็ฟังดูไม่ดีทั้งนั้น มันจะทำให้ประโยคดูเวิ่นเว้อ ซ้ำซ้อน และทำให้คุณดูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองอีกด้วย
วิธีแก้
เอาคำที่เป็นวลีแสดงความคิดเห็นออกไปค่ะ ในบางครั้ง คุณก็ไม่ต้องแก้อะไรมากมายด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะเขียนว่า “I’m confident my communication skills would make me a strong Project Manager” ก็ให้เขียนแค่ว่า “My communication skills would make me a strong Project Manager” เห็นไหมคะ ความหมายเหมือนเดิม แต่สั้นกว่า ง่ายกว่า และ ฟังดูน่าเชื่อถือกว่าด้วย
2. “Good”
คุณสามารถบอกว่าคุณนั้นเก่งในด้านไหน เช่น “I’m a good writer” หรือ “I’m good at working with other people” แต่มันมีคำ adjective อีกเยอะแยะเลยที่ฟังแล้วมันดูมีพลังมากกว่าแค่ “good”
วิธีแก้
ลองเปลี่ยนคำว่า “good” เป็นคำเหล่านี้ดูค่ะ
- Skilled
- Talented
- Experienced
- Accomplished
- Expert
- Able
- Successful
- Apt
- Seasoned
- Thorough
- Capable
- Competent
- Efficient
แต่ว่า ต้องดูให้ดีนะคะว่าคำที่คุณเลือกใช้มันตรงกับสิ่งที่คุณเป็นจริงๆ หรือเปล่า เช่น ถ้าคุณมีประสบการณ์ในด้านการเขียนมาประมาณ 2 ปี คุณก็น่าจะเรียกตัวเองว่า “skilled” “capable” หรือ “enthusiastic” writer มากกว่าที่จะเป็น “expert” หรือ “experience” writer นะคะ
3. “This job would help me because…”
ถ้าจะพูดกันตรงๆ นะคะ คุณ เพื่อนของคุณ และครอบครัวของคุณ อาจจะแคร์ว่า งานๆ นี้จะช่วยคุณได้อย่างไร แต่ HR เขาไม่แคร์ค่ะ เขาสนใจแต่ว่า จะหาคนที่ดีที่สุด เหมาะที่สุดสำหรับตำแหน่งงานนี้ได้อย่างไร ดังนั้น ถ้าคุณกำลังพร่ำพรรณาว่างานตำแหน่งนี้จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษาะในด้านการเป็นผู้นำ หรือเรียนรู้เกี่ยวกับสายงานที่คุณต้องการได้อย่างไรล่ะก็ กดปุ่ม delete ให้ไวเลยค่ะ
วิธีแก้
เราเข้าใจแหละว่าคุณก็ควรจะต้องอธิบายว่าทำไมคุณถึงสมัครงานตำแหน่งนี้กับบริษัทนี้ ดังนั้น แทนที่จะบอกว่างานนี้จะช่วยคุณได้อย่างไร ก็ให้บอกว่า คุณจะใช้ความสามารถของคุณช่วยบริษัทได้อย่างไรดีกว่า และสมการก็คือ “ความสามารถของคุณ + ความต้องการของบริษัท = ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ”
ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นโปรแกรมเมอร์ คุณก็อาจจะบอกว่า “My four years of experience with open-source JavaScript, HTML5, and CSS3, combined with my passion for building responsive web applications, would allow me to create elegant maintainable, and functional front-end code – and ultimately make Panther’s products even more user-friendly than they already are.” แปลง่ายๆ ก็คือ ความสามารถของผมในการเขียนโค้ดนี้ๆ บวกกับความปรารถนาของผมในการทำสิ่งนี้ๆ จะทำให้ผมสามารถเขียนโค้ดนี้ๆ ได้ และมันจะทำให้สินค้าของคุณนั้นเป็นมิตรกับผู้บริโภคได้ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
4. “As you can see on my resume…”
ประโยคนี้เป็นประโยคที่ใช้กันทั่วไป แต่ไม่ได้มีความหมายเพิ่มเติมอะไรเลยค่ะ ถ้า HR เขาต้องเห็นสิ่งนี้ใน resume ของคุณอยู่แล้ว การป่าวประกาศว่าเดี๋ยวคุณจะได้เห็นสิ่งนี้ๆ นะมันก็ฟังดูไม่จำเป็นสักเท่าไหร่
วิธีแก้
เอามันออกไปค่ะ! เอามันออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่ต้องแก้อะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น!
แทนที่จะบอกว่า “As you can see on my resume, I’ve been working in marketing and PR for the last five years,” ก็ให้เขียนไปตรงๆ เลยว่า “I’ve been working in marketing and PR for the last five years.”
ซึ่งความตรงและมั่นใจของคุณอาจจะเป็นคะแนนพิเศษให้ก็ได้นะ
5. “I’m the best candidate because…”
ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่การทะนงว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุด ดีที่สุด หรือเรียกง่ายๆ ว่ามั่นเกินไป มักจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นผู้สมัครที่ดีมากๆ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าคุณน่ะ “ดีที่สุด” หรือเปล่า ลองนึกถึงการอ่าน cover letter ของคน 6 คนที่ทุกคนต่างก็บอกว่าตัวเองดีที่สุดดูสิคะ มันน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ
ดังนั้น เพื่อไม่สร้างความรำคาญให้ HR มากเกินไป งดใช้คำว่า “best” เถอะนะคะ แล้วก็คำจำพวก “ideal” หรือ “perfect” ด้วย
วิธีแก้
ถ้าอยากจะเลือกคำที่อยู่ระหว่าง “good” กับ “best” ลองดูคำพวกนี้ค่ะ
- Excellent
- Great
- Terrific
- Strong
- Outstanding
- Unique
การเขียน cover letter ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ แต่ผลตอบแทนที่ได้มา เช่น งานที่คุณตามหา มันก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยและเวลาที่เสียไปเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
“เทนเซ็นต์ คลาวด์” ส่งบริการ “China Connect” หนุนผู้ประกอบการไทยลุยตลาดจีน
ประเทศจีนมีการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศจีนกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่ผู้ประกอบการทั่วโลกสนใจเข้าไปลงทุน อย่างไรก็ตามการลงทุนในประเทศจีนมีความซับซ้อน เพราะตลาดมีความเฉพาะตัวค่อนข้างสูง ทั้งในแง่ของสภาพการแข่งขัน พฤติกรรมผู้บริโภค กฎข้อบังคับ วัฒนธรรมต่างๆ ด้วยเหตุนี้การมีพาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในตลาดจีน รวมถึงมีเทคโนโลยี และดาต้าที่พร้อมใช้งานอย่างเทนเซ็นต์ คลาวด์ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การเปิดประตูสู่ตลาดจีนเป็นไปอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จ
นายกฤตธี มโนลีหกุล รองประธาน เทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เทนเซ็นต์ คลาวด์ กลุ่มธุรกิจคลาวด์ภายใต้เทนเซ็นต์ ในฐานะ Digital Enabler พร้อมให้การสนับสนุนองค์กรธุรกิจไทยทุกขนาดจากหลากหลายอุตสาหกรรมในการสร้างโอกาสการเติบโตด้วยการขยายธุรกิจไปยังตลาดจีน ผ่านโซลูชัน ‘ไชน่า คอนเนค’ (China Connect) เพื่อการขยายธุรกิจสู่ประเทศจีนแบบครบวงจร ไม่ว่าการดำเนินธุรกิจขององค์กรจะอยู่ในขั้นตอนใด เทนเซ็นต์ คลาวด์ พร้อมนำเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มาช่วยเสริมการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้องค์กรเข้าถึงโอกาสที่มีอยู่มากมายในประเทศจีน ซึ่งนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง”
โซลูชัน ‘China Connect’ เป็น One-stop service ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานด้านต่างๆ ในประเทศจีนได้อย่างครอบคลุม โดยประกอบไปด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
- การจดทะเบียนบริษัท (Registration) – เทนเซ็นต์ คลาวด์ ให้บริการจดทะเบียนบริษัทซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจได้รับสถานะนิติบุคคลด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า และกระบวนการที่รวดเร็ว ซึ่งในขั้นตอนนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์จะมีหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องมาช่วยดำเนินการ
- การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย (Security Solutions) –เทนเซ็นต์ คลาวด์ พร้อมให้บริการโซลูชันด้านความปลอดภัยที่นอกจากจะช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎข้อบังคับต่างๆ ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และในพื้นที่ต่างๆ ที่เทนเซ็นต์ คลาวด์ให้บริการแล้ว ยังเป็นโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางรากฐานในตลาดจีนได้อย่างมั่นคงตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย และการปกป้องข้อมูลของจีนอีกด้วย
- การวางระบบธุรกิจ (Business Setup) – เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีผลิตภัณฑ์กลุ่ม Infrastructure-as-a-Service (IaaS) และ Software-as-a-Service (SaaS) ที่พร้อมใช้งานได้ในทันที และสามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการ
ของลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ช่วยยกระดับการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น - การดำเนินงาน และการพัฒนา (Operation and Development) – เทนเซ็นต์ คลาวด์ สามารถช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจในตลาดจีนได้อย่างราบรื่นด้วยแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพในระดับองค์กรธุรกิจ
- โซลูชัน Go To Market (GTM Solutions) – การนำกลยุทธ์ และอีโคซิสเต็มของเทนเซ็นต์ เช่น WeChat มาช่วยให้พาร์ทเนอร์องค์กรเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคชาวจีน สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขยายธุรกิจ และทำการตลาดในประเทศจีนได้
นอกจากนี้ จากรายงานของ JP Morgan พบว่าตลาดอีคอมเมิร์ซแบบข้ามพรมแดน หรือ Cross-border eCommerce ได้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่เกือบ 30% ของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยประเทศที่มีการซื้อขายสินค้าไทยมากที่สุด คือประเทศจีน ตามมาด้วยญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการของสินค้าในต่างประเทศของผู้บริโภคชาวจีนที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้เองจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยทั้งรายใหญ่ และรายย่อยในการขยายฐานลูกค้าด้วยการนำผลิตภัณฑ์เจาะตลาดในประเทศจีน ทางเทนเซ็นต์ คลาวด์ จึงได้นำเสนอโซลูชัน ‘สมาร์ท รีเทล ไชน่า คอนเนค’ (Smart Retail China Connect) โซลูชันแบบครบวงจรที่ครอบคลุมหลากหลายบริการได้แก่
- การพัฒนาร้านค้าโดยใช้ Weixin Mini Program
- การสร้างกลุ่มเป้าหมายลูกค้า
- การดำเนินงานแพลตฟอร์มร้านค้า
- การจัดการผู้ใช้งาน
- การทำการตลาด และวิเคราะห์ข้อมูล
- การบริการลูกค้าหลังการขาย
โดยโซลูชันนี้จะช่วยให้ร้านค้าสามารถรองรับผู้บริโภคชาวจีน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้ในวงกว้าง
Weixin Mini Program ถือเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก ที่จะเชื่อมต่อผู้ประกอบการสู่ตลาดจีนอย่างครบวงจร ไปจนถึงตอบโจทย์เชิงกลยุทธ์ให้แก่ผู้ประกอบการ เพราะมีฟีเจอร์อย่างครบครันตั้งแต่การพูดคุย เลือกซื้อสินค้า ชำระเงิน และรับบริการหลังการขาย รวมถึงมีโปรแกรมที่สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
โดยมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง และไม่มีค่าธรรมเนียม ทำให้องค์กรหลายๆ แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สนใจที่จะใช้บริการโปรแกรมนี้ในการขยับขยายธุรกิจ Weixin ไม่เพียงแต่เป็นแอปพลิเคชันในการสื่อสาร และโซเชียลเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนแอปไลฟสไตล์ที่มีผู้ใช้มากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ทั้งยังมีบริการเกม Weixin และการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า และบริการภายในที่เดียว
“หนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนช่วยให้การเปิดประตูสู่การดำเนินธุรกิจในประเทศจีนเป็นไปอย่างราบรื่น คือ การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ไว้วางใจได้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ คือ ผู้ให้บริการอันดับต้นๆ ที่ได้ทำหน้าที่เป็นพันธมิตรให้กับธุรกิจต่างๆ มากมายในการเข้าสู่ตลาดจีน นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ยังมุ่งนำเสนอโซลูชันที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละรายอย่างแม่นยำ ผสานกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน นอกจากนี้ความเชี่ยวชาญ และความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก ยังเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของเราที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถก้าวข้ามความท้าทายในเรื่องของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการวางตำแหน่งทางธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อสร้างประโยชน์จากศักยภาพของตลาดจีน” นายกฤตธี กล่าวสรุป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 ประโยชน์ และข้อควรระวังของ “รางจืด”
วันก่อนเห็นโพสจากคนทั่วไปในเฟซบุ๊คแฟนเพจหนึ่ง เขียนถึงประโยชน์ของ รางจืด ว่าใช้ป้อนสุนัขที่โดนวางยาเบื่อ แล้วรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้เราเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า รางจืดที่ว่า มีประโยชน์มากมายขนาดไหน ใช้ถอนพิษได้เชียวหรือ ถ้าใครสงสัยเหมือนกัน ลองมาอ่านประโยชน์ของรางจืดกันดูนะคะ
10 ประโยชน์ดีๆ ของ รางจืด
- แก้ร้อนใน กระหายน้ำ
- ถอนพิษไข้ ลดไข้
- พอกบาดแผล ให้บาดแผลหายไวขึ้น โดยเฉพาะแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
- ลดพิษจากการบริโภคสารพิษเข้าไปได้ เช่น ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ยาเบื่อ
- ลดพิษจากสัตว์มีพิษ เช่น แมงดาทะเล ปลาปักเป้า
- บรรเทาอาการผื่นแพ้ต่างๆ
- ช่วยลด และเลิกการใช้สารเสพติดได้ เพราะมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทคล้ายสารเสพติดบางชนิด ใช้ควบคู่ไปกับการรักษากับผู้ป่วยที่ต้องการเลิกยาเสพติดได้
- แก้อาการเมาค้าง แก้พิษจากแอลกอฮอล์จากการดื่มมากเกินไป
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมเบาหวาน และความดันโลหิตได้ดี
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านมะเร็ง
ข้อควรระวังในการทานรางจืด
ถึงแม้สรรพคุณจะดีขนาดนี้ แต่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา หรือ อย. ประกาศว่า ไม่อนุญาตให้ใช้รางจืดเป็นอาหารหรือส่วนประกอบในอาหาร รวมทั้งเครื่องดื่ม เพราะ อย. ระบุว่ามีงานวิจัยบางชิ้นพบว่า หากกินเป็นเวลานานอาจทำให้ระบบเลือด ตับ ไตทำงานผิดปกติได้
หากอยากทานรางจืดให้ได้ประโยชน์ตามที่ต้องการ ไร้อาการข้างเคียง ไม่ควรกินในปริมาณความเข้มข้นที่สูงเกินไป และไม่ควรทานติดต่อกันนานจนเกินไป หรือควรทานสลับหมุนเวียนไปกับอาหาร หรือชาสมุนไพรประเภทอื่น เพื่อให้ได้สารอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้นค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/04/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,000.00 | 32,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,073.00 | 31,426.68 | 32,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,865.70 | 28,284.01 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,658.40 | 25,141.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 933.00 | 14,144.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 726.00 | 11,006.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,148.00 | 32,563.68 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/04/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.05 | 36.05 | 37.44 | 36.35 | 36.35 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.35 | 36.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.78 | 35.78 | 37.14 | 36.08 | 36.08 | 35.78 | 35.78 | 35.78 | 36.08 | 35.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.74 | 33.74 | 34.84 | 34.04 | 34.04 | – | 33.74 | 33.74 | 34.04 | 33.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.19 | 34.19 | – | – | – | – | – | – | – | 34.19 |
เบนซิน 95 | 43.86 | – | – | – | 44.21 | – | 44.36 | 44.01 | – | 43.86 |
ดีเซล B7 | 33.44 | 33.44 | 33.74 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
ดีเซล | 33.44 | 33.44 | 33.74 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
ดีเซล B20 | 33.44 | 33.44 | 33.74 | – | 33.44 | – | 33.44 | – | – | 33.44 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.56 | 42.66 | 44.64 | 43.76 | 43.76 | – | – | – | – | 42.56 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |