สาระน่ารู้ประจำวันที่ 7 เมษายน 2566

เปิดพอร์ต “อนันต์ อัศวโภคิน” ก่อนถูกป.ป.ช.เชือด

เปิดพอร์ตหุ้น “อนันต์ อัศวโภคิน” ถือหุ้น 16 บริษัททั้งใน และนอกตลาดหลักทรัพย์ หลังมีชื่อถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด โทษฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด ปมทุจริตขายที่ดินการเคหะฯ

หลังจากทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กับพวก รวม 33 ราย กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ทุจริตในการขายที่ดินของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) บริเวณโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มนายทุน 

1 ใน 33 รายมีชื่อ “นายอนันต์ อัศวโภคิน” เจ้าพ่ออสังหาฯ ปรากฎรวมอยู่ด้วย ในโทษฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด

ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า “อนันต์ อัศวโภคิน” ถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 บริษัท และนอกตลาดหลักทรัพย์อีก 15 บรัษัท รวม 16 บริษัท

พอร์ตหุ้น “อนันต์ อัศวโภคิน”

บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH ประกอบธุรกิจ ขายบ้านจัดสรร พร้อมที่ดินและอาคารชุด อนันต์ อัศวโภคินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จำนวน 2,860,000,047 หุ้น มูลค่าหุ้น : 27,742 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เม.ย. 66 ปิดตลาดที่ราคา 9.70 บาท)

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจประเภท ค้าอสังหาริมทรัพย์ โดยขายบ้านจัดสรรพร้อมที่เป็นส่วนใหญ่ โครงการที่ทำจะเป็นโครงการในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและโครงการตามจังหวัดใหญ่ๆ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี หัวหิน ภูเก็ต มหาสารคาม และอยุธยา

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 12,031,105,828 บาท เรียกชำระแล้วจำนวน 11,949,713,176 บาท

ข้อมูลบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่นายอนันต์ อัศวโภคินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1  ณ สิ่นปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 123,948.76 ล้านบาท หนี้สินรวม 71,664.01 ล้านบาท รายได้รวม 36,482.29 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,312.52 ล้านบาท

ณ วันที่ 5 เมษายน 2566  ราคาหุ้น บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)  ปิดตลาดราคาอยู่ที่ 9.70 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ 118,963.63 ล้านบาท

บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)  มีบริษัทในเครือ 4 บริษัท

  1. บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
  2. บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
  3. บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน)
  4. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)

บริษัทที่ “อนันต์ อัศวโภคิน” ถือหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ 15 บรัษัท

  1. บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ประกอบธุรกิจ เช่าและบริการ จำนวน 1,349,996 หุ้น คิดเป็น 27.00%
  2. บริษัท เมย์แลนด์ จำกัด ประกอบธุรกิจ บริษัทลงทุน จำนวน 193,000 หุ้น คิดเป็น 1.58%
  3. บริษัท ปทุมธานี เรียลเอสเตท จำกัด  ประกอบธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 77,044 หุ้น คิดเป็น 36.69%
  4. บริษัท สแควร์ ริทซ์ พลาซ่า จำกัด ประกอบอธุรกิจ การลงทุน จำนวน 649,996 หุ้น คิดเป็น 52.00%
  5. บริษัท แอดไลฟ์ จำกัด  ประกอบธุรกิจ กิจการโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาล รักษาคนไข้และผู้เจ็บป่วย จำนวน 400,000  หุ้น คิดเป็น 22.22%
  6. บริษัท พลาซ่า โฮเต็ล จำกัด ประกอบธุรกิจ โรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด จำนวน 37,946 หุ้น คิดเป็น 1.52%
  7. บริษัท ลำลูกกา กอล์ฟแอนด์คันทรี่คลับ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการสนามกอล์ฟขายอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 728,022  หุ้น คิดเป็น 0.50%
  8. บริษัท ธนินทรบ้านและที่ดิน จำกัด ประกอบธุรกิจ ขายบ้านและที่ดิน จำนวน 5,451 หุ้น คิดเป็น  7.79%
  9. บริษัท เกียรติธานี คันทรี คลับ ประกอบธุรกิจ สนามกอล์ฟ ภัตตาคาร สนามเทนนิสและโรงแรม จำนวน 1 หุ้น คิดเป็น  0.03%
  10. บริษัท คิว.เอช.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประกอบธุรกิจ เช่าและบริการ จำนวนหุ้น  1 หุ้น 
  11. บริษัท แอล แอนด์ เอช แมเนจเมนท์ จำกัด ประกอบธุรกิจ บริหารจัดการโครงการ จำนวนหุ้น 1 หุ้น คิดเป็น  0.01%
  12. บริษัท เดอะ คอนฟิเด้นซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จำนวน1 หุ้น
  13. บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ประกอบธุรกิจ โรงแรมและบริการ จำนวน 4 หุ้น
  14. บริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ประกอบธุรกิจ ธุรกิจโรงแรม ให้บริการที่พักอาศัย และธุรกิจศูนย์การค้า จำนวน 6 หุ้น 
  15. บริษัท เอเชีย แอสเซท แอดไวเซอรี่ จำกัด ประกอบธุรกิจ บริหารจัดการโครงการ สถานะเลิกกิจการ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ถอนโฉนดยกยวง ‘เขากระโดง’ 5,083 ไร่ สะเทือน ขุมทรัพย์ บุรีรัมย์

กรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา61 ลุยถอนโฉนด ทับที่ดินรถไฟ “เขากระโดง” 5,083 ไร่ ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง “อธิบดีที่ดิน” ยันต้องเคารพศาลฯ ขุมทรัพย์หมื่นล้านบุรีรัมย์สะเทือน สโมสรฟุตบอลสนามช้างมารีน่า-สนามแข่งรถโมโตฯ สหภาพรถไฟ จับตา อย่างเร็ว มิ.ย. ได้คืน

มหากาพย์ที่ดินเขากระโดง ทะลุจุดเดือดอีกครั้ง เมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่ง ให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ภายใน 15วัน นับจากวันพิพากษา (30 มีนาคม 2566) เพื่อพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ทับซ้อนบนที่ดินเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ภายในระยะเวลา 60 วัน โดยไม่ต้องรอรฟท.ร่วมชี้แนวเขต และขยายเวลาได้อีก 60 วันหากยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ

 ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ว่า เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดแจ้ง เป็นที่ดินรถไฟฯ จริง สะท้อนจากประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 รวมถึง ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ให้กรมรถไฟหลวงในขณะนั้น

ทั้งหลักฐานการทำสัญญาขอใช้ที่ดินเขากระโดง ของกรมทางหลวง เพื่อก่อสร้างทาง บริเวณ ระหว่างบุรีรัมย์ไปยังพื้นที่ประโคนชัยฯ ที่แนบมาเป็นหลักฐาน เมื่อครั้งพิจารณาในศาลฏีกา

ที่สำคัญที่ผ่านมาศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 842-876/ 2560 และที่ 8027/2563 ว่าเป็นพื้นที่ของ รฟท. และโฉนดที่ดินเลขที่ 3466, 8564 ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่นักการเมืองตระกูลดังครอบครอง

ขณะเดียวกันมีการรายงานข่าวจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ช่วงสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าว ถือเป็นหัวใจสำคัญของคนในตระกูลชิดชอบ โดยเฉพาะที่ดินของนายไชยชนก ชิดชอบ ผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย ลูกชายนายเนวิน

ที่เป็นเช่นนี้เพราะเป็นที่ตั้งสโมสรฟุตบอล รวมถึงที่ตั้งธุรกิจของตระกูลชิดชอบ นอกจากธุรกิจโรงโม่หิน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีที่ดินถือครองรวม 12 แปลง จาก 5,083 ไร่ ขณะเดียวกันมีการประเมินราคาที่ดินบริเวณเขากระโดง อยู่ที่ตารางวาละ15,000 บาท รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน ยอมรับว่า ต้องเคารพคำสั่งศาลฯ โดยพิจารณา ตั้งคณะกรรมการ ตามมาตรา 61 ตามที่ศาลสั่ง แต่ทั้งนี้จะอุทธรณ์หรือไม่ต้องพิจารณาอีกครั้ง

ที่ผ่านมากรมที่ดินยังไม่ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 เพราะ แนวเขตยังไม่ชัดเจน และพบภาพถ่ายทางอากาศที่เป็นร่องรอยคนละแนวหรือไม่ใช่แนวเส้นทางรถไฟ ตาม พระราชกฤษฎีกา หากเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ โดยไม่มีข้อมูลสนับสนุน อาจถูกประชาชนฟ้องร้องได้ เพราะจะมีผู้ถูกกระทบ นับ 1,000ราย

นายสราวุธ สราญวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ตั้งข้อสังเกตว่า กรมที่ดิน น่าจะไม่อุทธรณ์ต่อ และเดินหน้าปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองกลางโดยลงพื้นที่ตรวจสอบและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์แต่ละประเภทออกมา รวม 850แปลง

โดยที่ดินเขากระโดงที่อยู่ในมือของตระกูลนักการเมืองดัง อาจถูกกระทบจากการเพิกถอนทั้งหมดได้แก่ สนามช้างอารีน่า 37 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนของสนามฟุตบอล ส่วนสนามแข่งรถโมโตฯ บางส่วนออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนที่ดินรฟท. เพียง 8 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นที่ดินเอกชน นอกจากนี้ยังมีตลาดนัด โรงแรม รีสอร์ท อาจจะพัฒนาในนาม บริษัท เค. 2009 ลิซ จำกัด ที่อยู่ในข่ายเพิกถอน

มองว่าจะสร้างผลกระทบให้กับกลุ่มนักการเมืองดังกล่าว แต่ทางออกสามารถทำสัญญาเช่าต่อกับการรถไฟฯได้ โดยคาดว่าจะได้ที่ดินเขากระโดงคืน ราวเดือนมิถุนายนนี้อย่างช้าเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม สหภาพฯจะติดตามการทำงานของกรมที่ดินหากพบว่ามีการยื่นอุทธรณ์ หรือผลทางคดีมีการเปลี่ยนแปลงจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไป

สำหรับที่ดินเขากระโดงของรฟท.แบ่งเป็นสามกลุ่มได้แก่ กลุ่ม ที่ดิน 35 แปลง ซึ่งเป็น ส.ค.1 กรมที่ดินเพิกถอนคืนรฟท.แล้ว ตามคำพิพากษาศาล ปี 2561 ตั้งอยู่บริเวณปลายกิโลเมตรที่ 8 ทางรถไฟแยก บุรีรัมย์เข้าเขากระโดง โดยปี 2563 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ที่ดินแปลงเล็ก เป็นน.ส.3 ซึ่งชาวบ้านครอบครอง

ตั้งอยู่ช่วงกลางแผนที่ หรือติดริมถนนประโคนชัย บุรีรัมย์ ปัจจุบัน กรมที่ดินอยู่ระหว่างเพิกถอน ส่วนอีกกลุ่ม 5,083 ไร่ ศาลปกครองกลางชี้ขาดแล้วให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ที่ออกทับที่ดินเขากระโดง

ส่วนที่ดิน 12 แปลง เนื้อที่รวม 179 ไร่ 1 งาน 43.3 ตารางวา ซึ่งเป็นข้อมูลใหม่ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติตรวจสอบพบ ประกอบด้วย

1.โฉนดเลขที่ 3466 เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 55.8 ตารางวา ถือครองโดย บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด และที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ตั้งของบ้านพักของนายศักดิ์สยาม

2.โฉนดเลขที่ 8564 เนื้อที่ 37 ไร่1 งาน 65 ตารางวา ถือครองโดยนางกรุณา ชิดชอบ

3.โฉนดเลขที่ 3742 เนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 53 ตารางวา ถือครองโดยบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด

4.โฉนดเลขที่ 3743 เนื้อที่ 13 ไร่ 3 งาน 69 ตารางวา ถือครองโดยบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด

5.โฉนดเลขที่ 3476 เนื้อที่ 14 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา ถือครองโดยบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด

6.โฉนดเลขที่ 2847 เนื้อที่ 10 ไร่ 18 ตารางวา ถือครองโดยบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด

7.โฉนดเลขที่ 3477 เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 22.4 ตารางวา ถือครองโดยนายไชยชนก ชิดชอบ และให้บริษัท เค. 2009 ลิซ จำกัด เช่า 30 ปี (1 เม.ย.2554-31 มี.ค.2584) (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสนามฟุตบอลช้างอารีน่า)

8.โฉนดเลขที่ 24091 เนื้อที่ 28 ไร่ 1 งาน 8.2 ตารางวา ถือครองโดยนายไชยชนก ชิดชอบ และให้บริษัท เค. 2009 ลิซ จำกัด เช่า 30 ปี (1 เม.ย. 2554 – 31 มี.ค. 2584) ให้บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สปอร์ตโฮเทล จำกัด เช่าช่วงต่อ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงแรม)

9.โฉนดเลขที่ 9160 เนื้อที่ 6 ไร่ 1 งาน 96 ตารางวา ถือครองโดยนายไชยชนก ชิดชอบ และให้บริษัท เค 2009 ลิซ จำกัด เช่า 30 ปี (1 เม.ย.2554-31 มี.ค. 2584) (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งตลาดนัด)

10.โฉนดเลขที่ 3285 เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 30.6 ตารางวา ถือครองโดยบริษัท เค. มอเตอร์สปอร์ต จำกัด

11.โฉนดเลขที่ 30222 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 24.3 ตารางวา ถือครองโดยบริษัท เค. มอเตอร์สปอร์ต จำกัด

12.โฉนดเลขที่ 115572 เนื้อที่ 8 ไร่ 3 งาน 21 ตารางวา ถือครองโดยนายไชยชนก ชิดชอบ และให้บริษัท เค 2009 ลิซ จำกัด เช่า 30 ปี (1 เม.ย. 2554-31 มี.ค. 2584) (ทางเข้าสนามแข่งรถ)

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 7เม.ย.ที่ระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ตลาดยิ่งกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จับตาทิศทางเงินดอลลาร์-ฟันด์โฟลว์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 7เมษายน2566ที่ระดับ  34.13 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.89 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิดวันที่ 5 เมษายน)
 
นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงวันหยุดที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ

แต่โดยรวมเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ในขณะที่ราคาทองคำย่อตัวลงมาบ้าง หลังราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์
 
เราประเมินว่า ในระหว่างวันนี้ ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่อาจรอประเมินภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันนี้ก่อน (จะทยอยรับรู้ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย)

อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติก็ยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิหุ้นไทยอยู่ ซึ่งแรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง 


ทั้งนี้ เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะ buy on dip หรือรอกลับเข้าซื้อหุ้นไทย หากดัชนี SET ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับที่ผ่านมาแถว 1,520-1,540 จุด
 
ส่วนปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทนั้น อาจต้องรอลุ้นโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาใกล้แนวต้านล่าสุดแถว 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ


 เพราะหากผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้นและเลือกที่จะปิดรับความเสี่ยง ราคาทองคำก็อาจปรับตัวขึ้นได้ จากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้ แต่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมากหรือน้อย ต้องรอจับตาการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
 
อนึ่ง ควรระมัดระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เพราะหากข้อมูลออกมาดีกว่าคาด ผู้เล่นในตลาดอาจรอไม่มั่นใจในมุมมองปัจจุบัน ที่ต่างกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงหนัก หรือ 

เฟดอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยได้บ้างและอาจเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยง 

ส่วนเงินดอลลาร์มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง (การแข็งค่ามาก/น้อย อาจขึ้นกับว่าข้อมูลตลาดแรงงานออกมาดีกว่าคาดขนาดไหน)พร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ ส่วนในกรณีที่ ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เป็นไปตามคาด

 (การจ้างงานและการเติบโตของค่าจ้างชะลอลงบ้าง แต่ไม่มาก) ก็อาจไม่ได้กระทบต่อตลาดการเงินมากนัก แต่ในกรณีที่ ยอดการจ้างงานออกมาแย่กว่าคาดไปมาก (เหมือนกับยอดตำแหน่งงานเปิดรับ Job Openings หรือ ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ก่อนหน้า)


 เราคาดว่า ตลาดอาจยิ่งกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย กดดันให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง ซึ่งอาจหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ต้องรอดูว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าด้วยหรือไม่

 (ผู้เล่นในตลาดอาจเลือกที่จะถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยได้เช่นกัน) ทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่ก็อาจถูกกดดันได้ หากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นด้วย
 
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.25 บาท/ดอลลาร์ 

แม้ว่าดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq จะปรับตัวขึ้น +0.76% ส่วนดัชนี S&P500 จะปิดตลาด +0.36% แต่โดยรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความผันผวน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากขึ้นและ

เสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ปรับตัวลดลงกว่าคาด และ

ล่าสุด ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.28 แสนราย แย่กว่าคาดเช่นกัน ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้กดดันให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะขายหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อภาพเศรษฐกิจ 

อาทิ กลุ่มพลังงาน (Exxon Mobil -1.7%, Chevron -1.3%) ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคฯ (Alphabet +3.8%, Microsoft +2.6%) กลับสามารถปรับตัวขึ้นได้ หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ย่อตัวลงและแกว่งตัวใกล้ระดับ 3.30%

 ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งผู้เล่นในตลาดคาดหวังว่าจะกดดันให้เฟดหยุดการขึ้นดอกเบี้ยและทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงไตรมาสที่ 3
 
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.83% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร (Santander +3.1%, BNP +2.5%) หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลความเสี่ยงต่อระบบธนาคารยุโรป

 อย่างไรก็ดี ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงยุโรปที่ดูจะชะลอตัวลงมากขึ้น จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้กดดันให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes -2.0%, LVMH -1.8%) และเลือกที่จะเข้าซื้อหุ้นสไตล์ Defensive เช่น หุ้นกลุ่ม Healthcare (Roche +2.4%, Novartis +1.0%)
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนหนัก โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะแข็งค่าขึ้น ในช่วงที่ตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาแย่กว่าคาด ก่อนที่จะอ่อนค่าลงบ้าง


 หลังบรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 101.9 จุด ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหว sideways ในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ (ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม)

 ในวันนี้ได้ ซึ่งมีโอกาสที่เงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันหยุด (Good Friday ก่อนวันอีสเตอร์) ในหลายประเทศ อาทิ ฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินอาจเบาบางลงไปได้ 

ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ย่อตัวลงใกล้ระดับ 2,024 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ 

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำดูจะมีแนวรับแรกแถว 2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (โซนถัดไป คือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
 
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญ คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนมีนาคม โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และ

อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) โดยตลาดคาดว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ นั้นยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว สะท้อนผ่านยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมที่อาจเพิ่มขึ้น +2.4 แสนราย และ

แม้ว่า ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) จะลดลงมากกว่าคาด สู่ระดับ 9.9 ล้านตำแหน่ง แต่ก็คิดเป็นเกือบ 1.7 เท่าของจำนวนผู้ว่างงาน ชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงตึงตัวอยู่ ซึ่งอาจทำให้ อัตราการเติบโตของค่าจ้างยังคงสูงราว +4.3%y/y และ

อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการ (Core Services Inflation) ชะลอตัวลงได้ช้า หากค่าจ้างยังสามารถขยายตัวต่อเนื่องในอัตราดังกล่าวได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า
เงินบาทกลับมาอ่อนค่าผ่านแนว 34.00 มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.07-34.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับในช่วงกลางสัปดาห์ที่แตะระดับ 33.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนครึ่ง (นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ. 66)

โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นบางส่วนตามการปรับโพสิชันก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนนี้  

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.00-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“สราวุฒิ” เจ๋ง! ผงาดแชมป์สเตจ 6 “ธนาคาร” กวาดคนเดียว 5 รางวัล ปิดฉากศึกสองล้อ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์”

นักปั่นทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ปิดฉากได้อย่างสวยงาม “สราวุฒิ สิริรณชัย” ผงาดแชมป์สเตจที่ 6 ขณะที่ “ธนาคาร ไชยยาสมบัติ” ฟอร์มสุดร้อนแรงกวาดคนเดียว 5 รางวัล ทั้งเจ้าภูเขา 2 จุด เจ้าความเร็ว 2 จุด และรางวัลนักบู๊ยอดเยี่ยมประจำสเตจ ในศึกสองล้อทางไกล “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ด้าน “บัตไซคาน เท็จชบายาร์” นักปั่นมองโกเลียจากทีมรู้ใจ ออนไลน์ อินชัวรันซ์ คว้าแชมป์เวลารวม ได้ครองถ้วยพระราชทานฯ ส่วนทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ได้อันดับ 2 ประเภททีมอาเซียน

ส่วน “โค้ชตั้ม” วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า การที่สราวุฒิ กับ ธนาคาร ได้รางวัลปิดฉากการแข่งจันถือเป็นการปลดล็อกของทีมไทย หลังจากนี้ในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 เราก็ทราบแล้วว่าจะเจอกับอะไรบ้าง หลังจากเห็นฟอร์มนักปั่นคู่แข่ง ซึ่งก็จะเตรียมวางแผนการฝึกซ้อมได้ถูก ตอนนี้เรามีนักปั่นน้องใหม่เพิ่มขึ้นมาหลายคน แต่ก็ต้องเสริมสร้างประสบการณ์อีกพอสมควร

สำหรับการแข่งขันรายการต่อไปคือจักรยานทางไกลสตรีนานาชาติ “วีเมนส์ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน เส้นทางภายในจังหวัดระยอง ระยะทาง 241.20 กิโลเมตร

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


12 สิ่งควรทำก่อนนอน เพื่อให้หลับง่าย-หลับสบาย

การนอนหลับ เป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อสุขภาพของคนเรา ไม่ว่าจะเพศไหนวัยไหนก็ตาม หลายคนอาจไม่คิดว่าแค่การนอนก็สร้างปัญหาได้ แต่รู้ไหมว่าการนอนเหมือนฝันร้ายของใครหลายๆ คน ใครก็ตามที่นอนหลับยาก นอนไม่หลับ ตื่นมากลางดึกบ่อยๆ ตื่นมาแล้วนอนต่อไม่ได้ ก็จะรู้ดีว่าการนอนนั้นเป็นความทุกข์ทรมานมากแค่ไหน

แต่ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ตาม เราก็สามารถควบคุมการหลับให้มีคุณภาพได้ นักวิจัยได้ค้นพบ “สุขลักษณะในการนอน” ขึ้นมา เพื่อช่วยให้เราใช้เวลากับการนอนได้มีคุณภาพดีที่สุด และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจริงๆ แล้ว สุขอนามัยในการนอนหลับนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยาก หากแต่เราจะเป็นประเภทที่รู้แต่ไม่ทำมากกว่า Tonkit360 จึงจะมาเน้นย้ำว่าการนอนให้มีคุณภาพนั้น จะต้องทำอย่างไร

  1. หลีกเลี่ยงคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะรบกวนการนอนหลับ

เราทราบกันดีว่าคาเฟอีนเป็นสารยับยั้งการง่วงนอน (ก็ที่เราดื่มกาแฟระหว่างวันเพื่อให้ตาสว่างนั่นแหละ) หากรับคาเฟอีนเข้าไปก่อนนอน คาเฟอีนก็จะกระตุ้นให้เรารู้สึกตื่นตัว จนรบกวนการนอนหลับ ถึงแม้ว่าจะนอนหลับ แต่คุณภาพการนอนก็จะลดลง ซึ่งคาเฟอีนนั้นไม่ได้มีอยู่แค่ในชาหรือกาแฟ แต่ยังพบในน้ำอัดลม หรือช็อกโกแลตด้วย จึงควรงดบริโภคอาหารที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน

ส่วนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลายๆ คนชอบดื่มเพราะเข้าใจว่ามันทำให้เราหลับง่ายหลับสบาย แต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นมันจะออกฤทธิ์เป็นสารกระตุ้น ส่งผลให้เราตื่นบ่อยหรือหลับไม่สนิท จึงควรจำกัดการดื่มให้เหลือเพียง 1-2 แก้วต่อวัน (หรือน้อยกว่านั้น) และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

นอกจากนี้ คนที่สูบบุหรี่ ก็ควรเว้นระยะการสูบครั้งสุดท้ายกับเวลาก่อนเข้านอนด้วย อย่ารับนิโคตินใกล้เวลานอนเกินไป

  1. สร้างบรรยากาศห้องนอนให้อยู่ในสภาพที่เอื้อต่อการนอนหลับ

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการนอนหลับ คือ มืด เงียบ อากาศถ่ายเทเย็นสบาย ก็จะช่วยให้เราหลับง่ายและหลับได้ดีขึ้น บางคนอาจต้องพึ่งที่อุดหูเพื่อลดเสียง พึ่งที่ปิดตาเพื่อลดแสง รักษาอุณหภูมิในห้องให้พอเหมาะพอดี ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป จัดตำแหน่งที่นอนให้อากาศถ่ายเทสะดวก รวมถึงเรื่องการเลือกอุปกรณ์การนอนก็สำคัญ ทั้งที่นอน หมอน หมอนข้าง ผ้าห่ม เลือกที่ทำให้เรานอนสบายที่สุด

อีกวิธีหนึ่งที่หลายคนไม่ได้ให้ความสำคัญ ห้องนอนที่มีบรรยากาศเอื้อต่อการนอนที่สุด คือห้องนอนที่มีไว้เพื่อนอนเท่านั้น กิจกรรมอื่นๆ ที่เคยทำในห้องนอน เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ กองงาน ให้ย้ายออกไปอยู่หลังประตูห้องนอนให้หมด ให้กิจกรรมในพื้นที่นี้เหลือแต่การนอนเท่านั้น

  1. หากิจกรรมเบาๆ ทำก่อนนอน

ควรเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายเหมาะกับช่วงเวลาคาบเกี่ยวจากตื่นเป็นหลับ ซึ่งจะอยู่ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนนอน เช่น อาบน้ำให้สบายตัว อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ ดูโทรทัศน์ และยุติกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดทั้งหลายทั้งปวง กิจกรรมที่ทำให้เกิดความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้ร่างกายเราหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด หรือคอร์ติซอลออกมา เราจะรู้สึกตื่นตัว กระวนกระวาย นอนไม่หลับ หากมีปัญหาอะไร ก็เขียนบันทึกไว้ ตื่นมาค่อยว่ากัน

  1. เข้านอนก็ต่อเมื่อรู้สึกง่วงจริงๆ

จำความทุกข์ทรมานเวลาที่ล้มตัวลงนอนแล้วแต่นอนไม่หลับได้ไหม การดิ้นรนพยายามจะนอนให้หลับนั้นนำมาซึ่งความเครียดถึงขีดสุด และยังตามมาด้วยความทุรนทุราย หากล้มตัวลงเตียงแล้วแต่ยังไม่หลับภายใน 20 นาที ให้ล้มเลิกความพยายามนั้น แล้วลุกจากเตียงไปทำอย่างอื่น หาอะไรที่ทำให้ผ่อนคลายทำ เช่น อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง จนกว่าจะรู้สึกง่วงอีกครั้ง แล้วกลับไปนอนได้

  1. ใช้ประโยชน์จากแสงสว่าง

แสงสว่าง (จากธรรมชาติ) เป็นนาฬิกาควบคุมสมองร่างกายเรา ซึ่งมีผลต่อการควบคุมการนอนหลับ การตื่นนอน ให้อยู่ในวงจรการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้น ในทุกๆ เช้า ควรพาตัวเองออกไปรับแสงแดด และช่วงระหว่างวันก็ออกไปข้างนอกให้เจอแสงบ้าง อย่าหมกตัวอยู่แต่ในร่มตลอดเวลา

  1. อย่าคอยแต่จ้องดูเวลา

การที่เราเอาแต่โฟกัสที่เวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่พยายามนอนให้หลับ หรือการตื่นขึ้นมากลางดึก จะยิ่งทำให้เราพะว้าพะวัง เครียด แล้วก็หลับยาก พยายามไม่ต้องสนใจเวลาในเวลากลางคืนให้มากนัก หรือถ้าไม่ลำบากจนเกินไปก็หันหน้าปัดนาฬิกาหนีไปเลย แต่ถ้าตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วไม่สามารถจะหลับต่อได้ภายในเวลา 20 นาที ก็ควรลุกจากเตียงมาหากิจกรรมที่เงียบๆ และผ่อนคลายทำ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ โดยพยายามปรับแสงไฟให้สลัวๆ เมื่อเริ่มง่วงค่อยกลับไปนอน

  1. หลีกเลี่ยงการงีบหลับกลางวัน

หลายคนมีนิสัยงีบหลับเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดหรือเรื่องไม่ดี แต่สำหรับคนที่เป็นคนนอนหลับยากหรือนอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว การงีบในตอนกลางวันอาจทำให้ความต้องการในการนอนหลับในตอนกลางคืนลดลง หากง่วงมาก ไม่ไหวจริงๆ ควรงีบหลับให้สั้นที่สุด และก่อนเวลา 5 โมงเย็น

  1. สร้างนิสัยการนอนด้วยการตั้งนาฬิกาในร่างกาย

การมีเวลานอนที่ตรงเวลาและสม่ำเสมอ จะช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพดีขึ้น นั่นหมายความว่าเราควรจะตื่นและนอนในเวลาเดิมๆ ให้ตรงกันทุกวันไม่ว่าจะวันทำงานหรือวันหยุด ควบคุมไม่ให้ตัวเองนอนดึกตื่นสายในวันหยุด เพราะการนอนและตื่นนอนให้ตรงเวลา เป็นการตั้งนาฬิกาการนอนในร่างกายของเรา ร่างกายจะรับรู้ได้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องพักผ่อน มันจะปรับให้เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเพื่อให้พร้อมต่อการนอน หรือตอนตื่น ร่างกายก็เตรียมกระตุ้นความกระฉับกระเฉง เมื่อถึงเวลาที่มันคุ้นเคย

  1. ฉลาดเลือกมื้อเย็น

ช่วงมื้อเย็นควรเลือกกินอาหารเบาๆ ย่อยง่าย และงดเด็ดขาดกับอาหารมื้อดึก เช่น การกินพิซซ่าตอน 4 ทุ่ม อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ เพราะมันหนักท้องและต้องใช้เวลาย่อย ดังนั้น เราควรกินอาหารให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเข้านอนหลายๆ ชั่วโมง อย่างน้อยที่สุดประมาณ 3 ชั่วโมง

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอและพอดี

หากร่างกายมีน้ำเพียงพอ จะช่วยไม่ให้เรารู้สึกกระหายน้ำจนต้องตื่นกลางดึก แต่ก็อย่างดื่มมากจนเกินไปก่อนเข้านอน ก็อาจทำให้เราต้องตื่นกลางดึกไปเข้าห้องน้ำ หรือได้วิ่งเข้าห้องน้ำทั้งคืน

  1. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นการปรับสมดุลร่างกายอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายและดีขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ทิ้งห่างจากเวลานอนหลายชั่วโมงหน่อย อย่างน้อยประมาณ 3 ชั่วโมง หรือช่วงเย็นๆ ตั้งแต่หัววัน เพราะการออกกำลังกายใกล้เวลานอนมากเกินไป จะกระตุ้นให้ร่างกายหลังฮอร์โมนคอร์ติซอลให้สมองของเราตื่นตัว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการนอนหลับเลย

  1. ติดตามผล

หากสามารถปฎิบัติตามได้ทั้ง 11 ข้อข้างต้นจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เราจะเป็นคนที่นอนได้ง่ายและดีขึ้น การนอนมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย ถึงกระนั้นไม่ใช่ปัญหาการนอนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะแก้ได้อย่างง่ายดายเสมอไป อาจมีปัญหาอื่นที่บ่งบอกความผิดปกติของการนอนหลับ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ นอนกรน โรคขากระตุก หรือมีอาการง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาทั้งที่คิดว่าตัวเองนอนเพียงพอแล้ว

หากปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ได้ตามที่ปฏิบัติมา 11 ข้อ ปัญหาการนอนหลับหลายๆ อย่างไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ นอกจากนี้อาจต้องให้จิตแพทย์ประเมินว่ามีโรคซึมเศร้าซ่อนอยู่หรือไม่ เพราะผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามักมีปัญหาการนอนร่วมด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


7 วิธี Make Friend กับเพื่อนร่วมงานต่างชาติ

การไปทำงานในที่ใหม่ช่วงแรกๆช่างเป็นความรู้สึกที่เคว้งคว้าง ประหม่า และโดดเดี่ยวยิ่งนัก การทำความรู้จักหรือแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานถึงจะไม่ยากแต่ก็รู้สึกกังวลไม่ใช่เล่น สลัดความรู้สึกหล่านี้ทิ้งซะ! อย่ากลัวไปเลยค่ะ เพราะวันนี้แอนมีวิธีเริ่มต้นบทสนทนากับเพื่อนร่วมงานใหม่ แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมยังได้ผลสุดๆมาเป็นแนวทางให้กับทุกคน

1. แนะนำตัวเอง

หากอยากจะทำความรู้จักกับใคร สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดเลยคือการแนะนำตัวเองก่อนค่ะ โดยสามารถใช้ประโยคง่ายๆ อย่าง Hello, My name is (ชื่อตัวเอง) and I just started in the marketing department. อย่ากลัวที่จะแนะนำตัวเองกับใครค่ะ เพราะสิ่งนี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขในชีวิตการทำงานได้

2. รู้จักถาม

เราอาจจะเริ่มต้นการสนทนาด้วยการถามไถ่เพื่อนร่วมงาน กับประโยคง่ายๆว่า How is your day going so far? (วันนี้เป็นไงบ้างคะ/ครับ?) ก็เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่โอเคค่ะ หลังจากฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแล้ว เราอาจจะทำการแนะนำตัวต่อแล้วก็หาเรื่องอื่นๆมาคุย จะได้ทำให้การสนทนาในครั้งไม่น่าเบื่อและสั้นกุดเกินไป

3. ทำความรู้จักใครสักคน

ลองถามใครสักคนว่า How long have you been working here? (คุณทำงานที่นี่มานานเท่าไรแล้วคะ/ครับ?) แล้วตามด้วยการแนะนำตนเองพร้อมบอกว่า I have just begun with this company (ฉันเพิ่งเริ่มต้นทำงานที่บริษัทนี้) ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกในการเริ่มต้นทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานค่ะ เราต้องหัดทำความรู้จักกับคนที่เขาทำงานมานานแล้ว เผื่อเขาอาจจะช่วยแนะนำเราเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร หรือธรรมเนียมของบริษัทที่เราอาจไม่คุ้นเคย และแนะนำเรากับผู้ร่วมงานแผนกอื่นๆด้วยก็เป็นได้

4. หาเรื่องฝน ฟ้า อากาศ มาเม้าท์

หาประเด็นง่ายๆอย่างเรื่องฝน ฟ้า อากาศมาคุย ถือเป็นการเริ่มต้นบทสทนาที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น Today has turned out hot and humid, has anyone heard the forecast for the rest of the week? (วันนี้ช่างร้อนอบอ้าวซะเหลือเกิน มีใครดูพยากรณ์อากาศของสัปดาห์นี้บ้างคะ/ครับ) เรื่องทั่วๆไปแบบนี้ ใครๆก็อยากเม้าท์ค่ะ รับรองว่ามีอันต้องคุยยาวแน่ๆ!

5. เรื่องของชากาแฟ

เรื่องของกินนี่ดูเล็กน้อยแต่สามารถต่อยอดเป็นบทสนทนาที่ดีได้นะคะ เราอาจจะถามเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับกฏเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับชากาแฟ เช่น What are the rules for drinking coffee at our desk? (มีกฏอะไรเกี่ยวกับการดื่มกาแฟบนโต๊ะทำงานหรือเปล่า?) การถามกฏพวกนี้ นอกจากเป็นการเริ่มต้นการสนทนาแล้วยังทำให้เรารู้ว่า ที่นี่รับการดื่มเครื่องดื่มระหว่างทำงานได้หรือไม่

6. ใช้เวลาพักเที่ยงให้เป็นประโยชน์

ก่อนจะไปพักกลางวัน ลองหันไปถามเพื่อนร่วมงานใกล้ๆว่า Where is the nearest place to get a good salad? (ใกล้ๆนี่มีร้านไหนขายสลัดอร่อยๆบ้าง?) อย่างที่บอกว่าเรื่องของกินนี่เป็นจุดเริ่มต้นการสนทนาที่ดีได้ นอกจากนี้แล้ว หากมีเพื่อนร่วมงานชวยเราไปกินเป็นกลุ่มข้างนอก อย่าเพิ่งปฏิเสธไปเสียก่อนล่ะ ถึงจะไม่อยากออกไปแต่ช่วงแรกๆก็ควรไปกับกลุ่มเพื่อนร่วมงานบ้าง เพื่อการเรียนรู้บริษัทและนิสัยใจคอเขาเหล่านั้นให้มากขึ้น

7. สังเกตแล้วถาม

ลองสังเกตการทำงานของบริษัทแล้วซักถามความเห็นจากเพื่อนร่วมงาน เช่น We seem to be busy with client calls today. Is it like this every day? (วันนี้แทบไม่มีเวลาว่างจากการตอบสายลูกค้าเลย ที่นี่เป็นอย่างนี้ทุกวันเลยหรือเปล่า) ระวังอย่าให้ดูเป็นการซุบซินนินทาบริษัทไปซะล่ะ พยายามทำให้เป็นประโยคคำถามธรรมดา และหากต้องออกความคิดห็นบก็ควรจะเป็นความคิดเห็นที่อยู่ในแง่บวก เช่น I like to keep myself busy. (ฉันชอบทำตัวยุ่งๆนะ) เพราะการพูดคุยเรื่องทั่วๆไปของบริษัทจะทำให้เราได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและสร้างความสนิทสนมได้ในที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


ลือ iOS 17 จะมีการปรับปรุง Control Center ครั้งใหญ่

สำหรับคนที่ใช้ iOS มานานคงจะทราบกันดีว่าฟีเจอร์การปรับแต่งเครื่องอย่าง Control Center ที่สามารถปรับตั้งค่าได้ แต่ว่าล่าสุด MacRumors ได้เปิดเผยว่า iOS 17 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งรายละเอียดจะเกี่ยวข้องกับ Dynamic Island ที่ตอนนี้ติดตั้งอยู่ใน iPhone 14 Pro

ในข้อมูลแหล่งข่าวที่เชขื่อถือได้เปิดเผยว่า iOS 17 จะเสริมประสิทธิภาพและความเสถียรมากขึ้น โดยจะมีการเปลี่ยนแปลง Control Center ให้โดดเด่นมากขึ้น โดยคาดว่ารายละเอียดยังไม่มีการเปิดเผยมากนัก เพราะคาดว่าจะมีการบอกเล่าและสาธิตให้ดูในงาน WWDC 2023 ในวันที่ 5 มิถุนายน

สำหรับคนที่ไม่เคยรู้ว่า Control Center ไว้ทำอะไร คำตอบคือ จะเป็นเมนูที่ช่วยให้การควบคุมฟีเจอร์และการตั้งค่าบางอย่างกดได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น, Wi-Fi, Bluetooth, ความสว่างหน้าจอ และฟีเจอร์แสนสะดวกมากมาย (รวมถึงการบันทึกหน้าจอแบบคลิปวิดีโอ) โดยฟีเจอร์นี้เริ่มใช้ตั้งแต่ iPhone X เป็นรุ่นแรกที่ต้องปัดจากทางบนฝั่งขวา ของหน้าจอ นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘Q-CHANG’ ชูความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มศูนย์รวมช่าง คว้า 2 รางวัล 2023 Thailand’s Most Admired Brand และ Innovation Brand Award สูตรสำเร็จธุรกิจบ่มเพาะโดย Nexter Incubator

Q-CHANG (คิวช่าง) ก้าวสู่สุดยอดแบรนด์ขวัญใจผู้บริโภค คว้า 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ 2023 Thailand’s Most Admired Brand และ Innovation Brand Award ชูความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มศูนย์รวมช่างคุณภาพและบริการ         ดูแลบ้านครบวงจรที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตอกย้ำความสำเร็จของ Nexter Incubator (เน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์)    ผู้เชี่ยวชาญในการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพและนวัตกรรมในองค์กร (Corporate Innovation Incubator)

นายศรัณย์วิศว์ ภักดีนอก ผู้บริหารคิวช่าง (Head of Q-CHANG Business) เปิดเผยว่า ปีนี้คิวช่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของการเป็นแพลตฟอร์มศูนย์รวมช่างคุณภาพและบริการดูแลบ้านครบวงจรที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยบริการที่ครอบคลุม      77 จังหวัดทั่วประเทศ จากทีมช่างมืออาชีพกว่า 1,500 ทีม ตอบโจทย์เจ้าของบ้านด้วยงานดูแลบ้านครบวงจรกว่า 120 บริการ ปัจจุบันคิวช่างให้บริการลูกค้าแล้วกว่า 110,000 งาน ซึ่งในปีนี้ ทางคิวช่างได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจำนวน 2 รางวัลจาก     ผลการสำรวจความน่าเชื่อถือด้านแบรนด์ของประเทศไทย โดย คิวช่าง เป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุด ทำให้ได้รับรางวัล 2023 Thailand’s Most Admired Brand ในหมวด ‘วัสดุก่อสร้าง’ กลุ่ม ‘แพลตฟอร์มศูนย์รวมช่าง’ และได้รับรางวัลพิเศษ Innovation Brand Award ในฐานะแบรนด์ที่มีนวัตกรรมด้านบริการเป็นเลิศ

คิวช่าง มีแนวคิดการดำเนินธุรกิจในปี 2019 ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิดที่สามารถนำพาธุรกิจให้เติบโตสวนกระแสจากวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เจ้าของบ้าน พร้อมกับการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เจ้าของบ้านมีความมั่นใจในการใช้บริการของคิวช่าง ในขณะที่ช่างก็มีความเชื่อมั่นในการเข้าไปให้บริการกับลูกค้า อาทิ ทางคิวช่างจัดหาวัคซีนโควิดมาฉีดให้กับช่างในเครือข่ายในช่วงแรกๆ ของการระบาด พร้อมมีมาตรฐานในการให้บริการโดยช่างที่จะเข้าไปทำงานที่บ้านลูกค้าจะต้องมีการตรวจ ATK ทุกครั้ง ทำให้เกิดการบอกเล่าแบบปากต่อปาก ส่งผลให้ยอดขายของคิวช่างในปี 2019 อยู่ที่ระดับ 6 ล้านบาท หลังจากนั้นคิวช่างมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2022 ยอดขายของคิวช่างทะยานสู่ 250 ล้านบาท และปี 2023 ทางทีม ตั้งเป้ายอดขายที่ 600 ล้านบาท ทั้งนี้ กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจของคิวช่างประสบความสำเร็จอย่างมากคือ

  1. การสร้างแบรนด์ร่วมกับพันธมิตรที่เป็นแบรนด์ระดับโลก อาทิ เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ เพื่อให้แบรนด์ของคิวช่างมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน และสามารถเข้าไปอยู่ในใจของเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา คิวช่างได้เปิดตัวแคมเปญ “WE’VE GOT YOUR BACK FOREVER…เราจะไม่ปล่อยให้คุณต่อสู้กับงานบ้านเพียงลำพัง” โดยโหมกระแสพร้อมหนังฟอร์มยักษ์ Marvel Studios’ Black Panther: Wakanda Forever
  2. การดูแลช่างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้ช่างสามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับเจ้าของบ้าน และถือเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไปพร้อมกัน
  3. การขยายพื้นที่การให้บริการไปในหัวเมืองที่มีศักยภาพทั่วประเทศ ทำให้ในปัจจุบันคิวช่างมีบริการที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด
  4. การลงทุนด้าน Customer Service เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อาทิ การพัฒนาระบบ Q-CHANG Contact Center และในปีนี้คิวช่างมีแผนเปิด Q-CHANG Academy ขึ้นที่ Crystal Design Center (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาฝีมือช่าง รวมถึงคอยให้คำปรึกษากับทีมช่าง
  5. การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็งทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อต่อยอดธุรกิจไปด้วยกัน

นอกจากนี้ เพื่อให้ธุรกิจของคิวช่างมีการเติบโตอย่างยั่งยืน คิวช่างให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนา Innovation อย่างมาก ทั้ง Innovation ในเรื่อง Product and Service , Process และ New Business โดยการพัฒนา Innovation จะตั้งโจทย์จากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และใส่เรื่อง Speed เพื่อให้สามารถพัฒนา Innovation ออกมาตอบโจทย์ลูกค้าได้ทันเวลาและทันกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Q-CHANG Shop Service หรือจุดให้บริการช่างภายในร้าน ตามแนวคิด ช่างดีใกล้บ้านคุณ ถือเป็น Business Innovation ล่าสุดที่คิวช่างที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นมา โดยการจับมือกับเครือข่ายร้านขายวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่สะดวกจองใช้บริการและชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถเข้าถึงบริการช่างได้สะดวกขึ้นและสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้านได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยคิวช่างตั้งเป้าขยายสาขา Q-CHANG Shop Service จาก 30 สาขา สู่ 100 สาขาภายในปี 2023 ทั้งนี้ คิวช่างมีแผนขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม อีกด้วย

นายศานิตย์ ภู่บุบผา ผู้อำนวยการ เน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์ (Nexter Incubator Director) เปิดเผยว่า คิวช่าง      ถือเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการบ่มเพาะธุรกิจและสร้างความภาคภูมิใจให้กับเน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์ เป็นอย่างมาก เพราะคิวช่างเป็น Internal Start-up ที่มา Pitching Idea กับเน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์ จากนั้นทางเราได้บ่มเพาะธุรกิจคิวช่างตาม Nexter Incubator Model ซึ่งเป็นองค์ความรู้ของเน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์ พร้อมมี Mentor Team (ผู้เชี่ยวชาญในการบ่มเพาะธุรกิจ) คอยให้คำปรึกษากับทีมคิวช่างอย่างใกล้ชิด โดยใช้กระบวนการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบ Agile & Lean Start-up Process รวมถึงมีการทำ Business Health Check เป็นระยะ นอกจากนี้ เรายังมี People Team ที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องการสรรหาพนักงานมาเสริมทีมคิวช่างให้ทันเวลา รวมถึงให้คำแนะนำเรื่องแนวทางการบริหารทีมงานของคิวช่างให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คิวช่าง มีการขยายธุรกิจที่เร็วมาก ปัจจุบันคิวช่างมีทีมงานกว่า 200 คนแล้ว

ทั้งนี้ เน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์ มี Central Support Team ที่ช่วยดูแลเรื่อง Back-End Operation เกี่ยวกับการซื้อขาย รวมถึงธุรกรรมของคิวช่างทั้งหมด เพราะเรามีระบบบริหารจัดการที่เป็น Sand Box เพื่อให้สตาร์ทอัพได้ทดลองทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ด้วยกระบวนการทำงานที่สั้นลงและคล่องตัว ซึ่งทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของเน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์ สามารถพัฒนาธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ นอกจากนี้ เรามี Marketing and Strategic Partner Team ที่ช่วยในการ Connect the dots เพื่อหาพันธมิตรมาต่อยอดธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับคิวช่างอีกด้วย ทีมที่สำคัญมากอีกทีมที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ Business Development Team ที่ช่วยในการวางแผนและดำเนินการจัดตั้งบริษัทให้กับคิวช่าง รวมถึงเป็นที่ปรึกษาในการระดมเงินทุนจากนักลงทุนเพื่อให้ธุรกิจคิวช่างสามารถเติบโตด้วยตัวเองได้อย่างมั่นคง

จะเห็นได้ว่า เน็กซเตอร์ อินคิวเบเตอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพและนวัตกรรมในองค์กร (Corporate Innovation Incubator) ที่มีฟังก์ชั่นครบในการตอบโจทย์สำหรับการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพและนวัตกรรมในองค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงมีองค์ความรู้และประสบการณ์มากมายในการบ่มเพาะธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เน็กซเตอร์        อินคิวเบเตอร์ อยู่ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพและนวัตกรรมเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของธุรกิจ (Ecosystem) ตอบโจทย์ความต้องการเรื่องการทำบ้านในทุกช่วงเวลาชีวิตของลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจของเราเป็น Lifetime Home Partner ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยของคนไทยและคนในอาเซียนให้ดียิ่งขึ้น (Create Better Living)

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 07/04/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,300.0032,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,092.0031,714.7232,900.00
ทองรูปพรรณ 90%1,882.8028,543.25n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,673.6025,371.78n/a
ทองรูปพรรณ 50%941.0014,265.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%732.0011,097.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,168.0032,866.88n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/04/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.2537.2537.5437.2537.2537.2537.2537.2537.2537.25
แก๊สโซฮอล์ 9136.9836.9837.2436.9836.9836.9836.9836.9836.9836.98
แก๊สโซฮอล์ E2034.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
แก๊สโซฮอล์ E8535.3935.3935.39
เบนซิน 9545.0645.1145.5645.2145.06
ดีเซล B732.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9433.4432.9432.94
ดีเซล32.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9433.4432.9432.94
ดีเซล B2032.9432.9433.2432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม42.0642.1643.7443.6643.6642.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า