ราคาบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดใหม่ กทม. 2566 ทำเลไหนลดสูงสุด
เช็คราคาบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ช่วงต้นปี 2566 ทำเลไหนลด-เพิ่มมากที่สุด ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รวมไว้ครบที่นี่
ราคาบ้านเดียว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ช่วงต้นปี 2566 มีหลายพื้นที่ใกบ้างที่มีราคาลดลง หรือเพิ่มขึ้นสูงสุด หลังจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานข้อมูลล่าสุดถึงราคาที่อยู่อาศัยใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 1 ปี 2566 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ พบว่า ดัชนีภาพรวมราคาบ้านจัดสรรใหม่ (บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์) ที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2566 ค่าดัชนีมีค่าเท่ากับ 128.3 เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่า ดัชนีภาพรวมราคาบ้านจัดสรรลดลงเล็กน้อย
สะท้อนให้เห็นว่าราคาบ้านจัดสรรในปี 2566 ได้มีการปรับตัวขึ้นจากปีก่อนแล้ว แต่มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 1 ปี 2566 เนื่องจากมีการปรับลดราคาขายเล็กน้อยเพื่อการกระตุ้นยอดขายบ้านจัดสรร และเสนอให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อของกลุ่มคนที่มีความต้องการในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริง
ส่วนดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายภาพรวมเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยดัชนีภาพรวมราคาห้องชุดที่อยู่ระหว่างขายในพื้นที่กรุงเทพฯ ปรับตัวขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.9% โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ในปริมณฑลเริ่มปรับลดลง เพื่อส่งเสริมการขายห้องชุดที่เปิดมาก่อนหน้าและยังเหลือขายอยู่
ทั้งนี้ มีรายละเอียดแยกเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้
ราคาบ้านเดี่ยว
ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.1 เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น
กรุงเทพฯ : ลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยการลดลงของราคารบ้านเดี่ยวในกรุงเทพพฯในไตรมาสนี้ เป็นการส่งเสริมการขายบ้านเดี่ยว โดยมีการลดราคาส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวที่มีราคาในระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปที่มีการพัฒนามากในพื้นที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้จะพบมากในโซนราษฎร์บูรณะ-บางขุนเทียน-ทุ่งครุ-บางบอน-จอมทอง โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ และโซนลาดพร้าว-บางกะปิ-วังทองหลาง-บึงกุ่ม-สะพานสูง-คันนายาว
3 จังหวัดปริมณฑล : เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ลดลงถึง 3.8% โดยเป็นการลดลงในกลุ่มระดับราคา 7.51 – 10 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้จะพบมากในโซน บางกรวย-บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด และโซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก
ราคาทาวน์เฮ้าส์
ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.7 เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น
กรุงเทพฯ : เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นเพราะเป็นโครงการราคาสูงที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน
3 จังหวัดปริมณฑล : ลดลง 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการปรับราคาลงเพื่อการส่งเสริมการตลาด เนื่องจากยังมีอุปทานมากในพื้นที่ปริมณฑล โดยเฉพาะในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท
ราคาห้องชุดใหม่
สำหรับดัชนีราคาภาพรวมห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 154.7 จุด เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีข้อสังเกตว่า การปรับตัวขึ้นของดัชนีราคาห้องชุดใหม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจนในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนปริมณฑลยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว แบ่งเป็น
กรุงเทพฯ : เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นเพราะเป็นโครงการที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานและมีการปรับราคาขึ้นแล้ว
2 จังหวัดปริมณฑล (สมุทรปราการ และ นนทบุรี) : ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการปรับราคาลงเพื่อการส่งเสริมการตลาดในโครงการเปิดมาก่อนหน้านี้ซึ่งยังเป็นต้นทุนเดิมอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รื้อผังกทม.ใหม่ พลิกโฉมมหานคร ปักหมุด ย่านแหล่งงาน ลดเดินทาง
รื้อผังกทม.ใหม่ พลิกโฉมมหานคร ชัชชาติ ผู้ว่าฯกทม. ปักหมุดเมืองบริวาร เมืองใหม่ สร้างย่านแหล่งงาน แนวรถไฟฟ้าสายใหม่ ลดเดินทาง เข้าใจกลางเมือง ลดแออัด ลดมลพิษฝุ่นควัน คาดประกาศใช้ ปลายปี67อย่างช้าต้นปี68
ก้าวสู่ปีที่10 สำหรับการบังคับใช้ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่3) ปี2556 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเมืองจากการลงทุนโครงข่ายรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ เชื่อมโยงไปยังจังหวัดปริมณฑล ส่งผลให้เกิดทำเลทองขนาดใหญ่พัฒนาที่อยู่อาศัย พื้นที่พาณิชยกรรม สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เป็นสาเหตุให้ การจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ใหม่ต้องปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกันแบบไร้รอยต่อ
เช่น คูคต มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยายพาดผ่าน และรังสิต จังหวัดปทุมธานี มีสายสีแดง นอกจากนี้มีสายสีเหลือง สายสีเขียวใต้ส่วนต่อขยาย สายสีม่วงใต้ เชื่อมสมุทรปราการ สายสีชมพูเชื่อมนนทบุรี ที่แครายรวมถึงโครงข่ายของถนนใหม่เป็นต้น
ล่าสุด ได้กทม.ประชุมกลุ่มจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับกรุงเทพมหานครโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ให้เกิดการเชื่อมโยงโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในจังหวัดปริมณฑล สร้างชุมชนแหล่งงานใหม่ลดการเดินทางออกนอกพื้นที่
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ต้องการ ปรับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ในบางประเด็น โดยเฉพาะการ กระจายย่านแหล่งงานศูนย์พาณิชยกรรม ออกไปยังชานเมือง แนวเส้นทางรถไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อกำหนดที่อยู่อาศัยและแหล่งงาน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดความแออัดจากการเดินทางเข้าเมืองชั้นใน และลดมลปัญหาฝุ่นละลองขนาดเล็ก PM 2.5 จากการเผาไหม้พลังงานเชื้อเพลิง
โดยนโยบายเบื้องต้นคือการพัฒนาเมืองบริวาร การเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและ รัฐนำที่ดินแปลงใหญ่ พัฒนาสร้างเมืองใหม่ แบบครบวงจร ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล การเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ที่รองรับคนได้ทุกกลุ่ม และสร้างกิจกรรมภายใน สร้างงานใกล้ที่พักอาศัย หรือทำงานอยู่กับบ้านโดยไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองออกทุกวันแบบเช้าไปเย็นกลับ อาทิ ร่มเกล้าลาดกระบัง บางขุนเทียน และพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่ระหว่างมองหา
“ได้หารือถึงการสร้างเมืองใหม่ที่อยู่รอบนอกเป็นไปได้หรือไม่ที่เราอาจจะหาพื้นที่บริเวณลาดกระบัง ร่มเกล้าหรือบางขุนเทียน และลองคิดสร้างเมืองในอุดมคติสักเมือง ซึ่งอาจจะเป็นพื้นที่ของหน่วยราชการที่มีพื้นที่อยู่ เช่น การเคหะแห่งชาติมีที่ว่างหลายร้อยไร่อยู่ในพื้นที่ แล้วทำการพัฒนาเมืองใหม่ที่ไม่ใช่มีแค่ที่อยู่อาศัย มีสำนักงาน มีโรงเรียน มีสวนสาธารณะ การคมนาคม โรงพยาบาล โดยให้สำนักการวางผังและพัฒนาเมืองไปหารือร่วมกัน เพื่อออกแบบผังเมืองให้สามารถพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองที่สมบูรณ์ในตัวเอง ก็จะลดการเดินทางเข้ามาในเมืองใหญ่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อาจจะเป็นแนวคิดในพื้นที่บางแปลงที่มีขนาดใหญ่ซึ่งจะเริ่มพิจารณาตรงนี้”
อย่างไรก็ตามสำหรับผังเมืองรวมกทม.ใหม่ที่ผ่านมาได้ ดำเนินการประชาพิจารณ์มาก่อนหน้านี้แล้ว อาจต้องดำเนินการใหม่ตามกฎหมายที่เปลี่ยนไปเนื่องจากต้องแนบผังแนบท้ายเพิ่มเติม คงต้องเริ่มใหม่ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทบทวนตัวผังเมืองและปรับปรุงข้อกำหนดต่างๆ ให้ดีขึ้น นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะเร่งดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีข้อบัญญัติเกี่ยวกับผังเมืองที่เริ่มตั้งแต่ปี 2502 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 60 ฉบับนี้ คงต้องทบทวน ยกเลิกและปรับให้ทันสมัยขึ้น หัวใจคือกำหนดทิศทางของเมืองให้เกิดการพัฒนาและเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริงและสูงสุด
โดยผู้ว่าฯ กทม.ยํ้าว่า ผังเมืองเป็นเรื่องที่ทุกคนคิดว่าเป็นปัญหาของเมือง เช่น เรื่องนํ้าท่วม และการจราจร แต่การปรับผังเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีความซับซ้อนในหลายด้าน ตัวอย่างเช่น หากดูผังเมืองรวมกทม.มีลักษณะเป็นรูปผังสี มีสีแดง สีส้ม สีนํ้าตาล สีเหลือง แบ่งการใช้งานตามประเภทสี เช่น สีแดงเป็นพาณิชย์ สีม่วงเป็นอุตสาหกรรม สีส้มเป็นที่อยู่อาศัยหนาแน่น เป็นต้น
กลายเป็นว่าถ้าดูผังสีแบบเร็วเหมือนเป็นผังที่กำหนดราคาที่ดิน และกำหนดว่าในแต่ละพื้นที่สร้างสูงสุดได้มากเท่าใด แต่ไม่ได้บอกว่าควรจะสร้างอะไร กลายเป็นว่าคนที่อยู่ในผังสีนี้ต้องการจะสร้างในสิ่งที่ได้ค่าตอบแทนที่สูงที่สุด ทำให้รูปแบบของเมืองพัฒนาในรูปแบบความต้องการราคาและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด นี่เป็นอันหนึ่งที่อาจจะต้องพยายามต่อไปในอนาคตว่าผังเมืองรวมกทม.ควรจะกำหนดโจทย์ทิศทางของเมืองมากกว่าจะกำหนดว่าสร้างอะไรได้มากที่สุดในพื้นที่ ดังนั้นอาจจะต้องมีแนวคิดใหม่
แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานครกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ว่าฯกทม.ไม่ได้ปรับเปลี่ยนผังเมืองรวมกทม.ใหม่มากอย่างที่หลายคนเข้าใจแต่เปลี่ยนเฉพาะบางจุดให้เกิดความสมดุลเช่นการสร้างเมืองบริวารการสร้างเมืองใหม่ทำอย่างไรจะช่วยให้คนทุกกลุ่มมี ที่อยู่อาศัย มีแหล่งงานใกล้บ้าน สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ ลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทาง โดยไม่ต้องเดินทางเช้าไปเย็นกลับเข้าสู่เขตเศรษฐกิจชั้นในของกทม.นอกนั้นการใช้ประโยชน์ที่ดินจะยังคงเดิมตามที่ยกร่างไปเดิมเช่นพื้นที่รับนํ้าโซนตะวันออกกทม.
ที่ลดพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม (เขียวลาย) ลงเพื่อนำพื้นที่ออกใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น สำหรับความคืบหน้าการจัดทำผังเมืองรวมกทม.ใหม่ หลังผ่านการระดมสมองเปิดรับฟังความคิดเห็น ในพื้นที่จังหวัดปริมณฑลแล้ว ต่อไปจะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน จะดำเนินการได้หลังการเลือกตั้งไปแล้ว คาดว่าจะประกาศใช้ผังเมืองใหม่ได้ ประมาณปลายปี2567-2568
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 19เม.ย.ที่ระดับ 34.29 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นไปมาก เหตุยังมีโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึง ฟันด์โฟลว์ยังเป็นฝั่งขายสุทธิอยู่
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 19เมษายน2566ที่ระดับ 34.29 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท แม้ว่าในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทจะเคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมทองคำ
ทำให้โดยรวมการเคลื่อนไหวของเงินบาทมีลักษณะผันผวนในกรอบ Sideways ทว่าในวันนี้ เราประเมินว่า เงินบาทก็มีโอกาสเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากความสนใจของผู้เล่นในตลาดจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของฝั่งยุโรปในช่วงบ่าย
โดยเราประเมินว่า หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของทั้งอังกฤษและยูโรโซน ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะชะลอลงมาบ้าง ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า
ทั้ง BOE และ ECB อาจจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องอีกราว 1-2 ครั้ง ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ได้บ้าง และอาจช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน (ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์)
ทั้งนี้ เราประเมินว่า เงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นไปมาก เนื่องจากในช่วงนี้ก็ยังมีโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึง ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็ยังเป็นฝั่งขายสุทธิอยู่ ทำให้การแข็งค่าของเงินบาทนั้น อาจติดอยู่แถวโซนแนวรับ 34.15-34.20 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาท/ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวผันผวนไปตามรายงานผลประกอบการและคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น รายงานผลประกอบการของ Goldman Sachs -1.7% ที่ออกมาแย่กว่าคาด
รวมถึง Johnson & Johnson -2.8% ที่แม้จะรายงานผลกำไรดีกว่าคาด แต่ทางบริษัทก็แสดงความกังวลต่อแนวโน้มต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ก็มีส่วนกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปิดตลาดเพียง +0.09%
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอจับตารายงานผลประกอบการและรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.38% หนุนโดยการรีบาวด์ของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes +1.8%, Dior +0.7%) ที่ได้รับอานิสงส์จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีนที่ออกมาดีกว่าคาด
สะท้อนภาพการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน เพื่อปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้างตามรายงานข้อมูลตลาดบ้านที่ออกมาดีกว่าคาด ก่อนที่จะย่อตัวลงในจังหวะที่ผู้เล่นในตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ)
แต่โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 101.7 จุด ซึ่งเรามองว่า เงินดอลลาร์มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
ซึ่งต้องจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงบรรยากาศในตลาดการเงิน (เปิดรับความเสี่ยง หรือ ปิดรับความเสี่ยง) โดยจะขึ้นกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ความผันผวนของเงินดอลลาร์ก็ส่งผลกระทบให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) เคลื่อนไหวผันผวนเช่นกัน โดยมีจังหวะที่ราคาทองคำย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ก่อนที่จะได้แรงซื้อในจังหวะย่อตัวและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ช่วยหนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นสู่ระดับ 2,018 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินของฝั่งยุโรป ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ และ ยูโรโซน โดย แม้ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI
ซึ่งไม่รวมผลของราคาพลังงานและอาหาร จะชะลอตัวลงต่อเนื่องแตะระดับ 5.7% (ยูโรโซน) และ 6.0% (อังกฤษ) แต่ระดับดังกล่าวก็ยังสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารอังกฤษ (BOE) เป็นอย่างมาก
ทำให้เราคงมองว่า ทั้ง ECB และ BOE ยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ต่ออีกราว 1-2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งนอกเหนือจากรายงานอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว
ผู้เล่นในตลาดก็จะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และ BOE เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทั้งสองธนาคารกลางหลักต่อไป
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“เชเบท”, “เจปเชียร์เชียร์” ผงาดแชมป์ บอสตัน มาราธอน, “คิปโชเก” ได้แค่อันดับ 6
การแข่งขัน “บอสตัน มาราธอน” รายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่โดนพิษระบาดของโควิด ทำให้การแข่งขันถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2019 โดยปีนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่ 127
โดยผลการแข่งขันเมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ในประเภทชาย แชมป์ตกเป็นของ อีแวนส์ เชเบท ปอดเหล็กชาวเคนยา ที่วิ่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 6 นาที 51 วินาที ส่วนอันดับที่ 2 เป็นของ ลอว์เรน เชโรโน อดีตแชมป์ในปี 2019 และ เบนสัน คิปรูโต คว้าอันดับที่ 3
ส่วน เอลิอุด คิปโชเก นักวิ่งเจ้าของสถิติโลกชาวเคนย่า เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 6 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 9 นาที 23 วินาที
ด้านประเภทหญิง เปเรส เจปเชียร์เชียร์ ยอดนักวิ่งเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก โตเกียว 2020 และแชมป์รายการนิวยอร์ก มาราธอนในปี 2021 เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 21 นาที 1 วินาที คว้าแชมป์ได้สำเร็จพร้อมกับทำให้เธอกลายเป็นนักวิ่งหญิงคนแรกที่ได้ทั้งเหรียญทองโอลิมปิก และ แชมป์นิวยอร์ก มาราธอน และ บอสตัน มาราธอน
ขณะที่อันดับ 2 เป็น อบาเบล เยชาเนห์ นักวิ่งสาวชาวเอธิโอเปีย และอันดับที่ 3 แมรี เอ็นกูกี นักวิ่งสาวชาวเคนยา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 สัญญาณอันตรายที่เสี่ยง “หัวใจวายเฉียบพลัน”
แม้ว่าโรคมะเร็ง เบาหวาน ตับ ไต จะน่ากลัวมากก็จริง แต่ถ้าเทียบกับโรค “หัวใจวายเฉียบพลัน” แล้ว ที่เทียบกันไม่ติดเลยคือ ระยะเวลาที่แสดงอาการของโรค เพราะส่วนใหญ่คนมักไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคหัวใจอยู่ เลยไม่ทราบว่ากำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ดังนั้นจึงไม่มีการเตรียมตัวอะไรทั้งสิ้น และมีเวลาแค่ไม่กี่นาทีก่อนถึงมือหมอ ทำให้โอกาสรอดชีวิตจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลันมีน้อยมากเหลือเกิน
ดังนั้น Sanook Health ขอแนะนำวิธีสังเกตง่ายๆ ว่าตัวคุณเอง หรือคนรอบข้างของคุณกำลังอยู่ในภาวะหัวใจวายเฉียบพลันหรือไม่ เพราะไม่ว่าคุณ หรือใครก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ทั้งนั้น
หลักการจำง่ายๆ นึกถึงคำว่า F A S T เข้าไว้
F = Face
มุมปากข้างใดข้างหนึ่งตกลงมาโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่สามารถบังคับให้มุมปากกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
A = Arms
ไม่สามารถยกแขนขึ้นได้พร้อมกันทั้งสองข้าง หรือไม่สามารถยกแขนข้างใดข้างหนึ่งได้
S = Speech
วิธีการพูด การออกเสียงเปลี่ยนไป จู่ๆ ก็เริ่มพูดไม่ขัด พูดจายานคราง ไม่คล่องปาก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
T = Tongue
ลิ้นพันกัน ลิ้นคับปาก ลิ้นอาจจจะพลิก หรือบิด โดยที่ร่างกายไม่สามารถบังคับทิศทางของลิ้นได้เอง
พฤติกรรมแบบไหนที่เสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันได้
- อ้วน : บางครั้ง การปล่อยให้ตัวเองมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน หรือจะเรียกให้เข้าใจว่า อ้วน นั้นแหละ ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ และเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการทำงานของหัวใจ มีสารพัดโรค ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง , ไขมันในเลือดสูง , โรคเบาหวาน , โรคหัวใจ เป็นต้น มีสาเหตุมาจากการมีไขมันในเลือดสูง ส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตติดขัด จนกระทั่งหัวใจขาดเลือดและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
- รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง : อาหารจำพวก เบเกอรี่ เค้ก เนื้อสัตว์ติดมัน ชีส อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารจำพวกปิ้งย่างทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเลือดสูง เรียกว่า คอเลสเตอรอล ซึ่งเจ้าไขมันชนิดนี้หากมีการสะสมมากก็จะไปอุดตันอยู่ในหลอดเลือดหัวใจ จนทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากจนเกินไป : หากร่างกายได้รับคาเฟอีนในจำนวนที่มากจนเกินไป อาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลของสารเกลือแร่ เสี่ยงต่อการเกิดอาการชักเกร็ง , หลังแอ่น , ปอดแฟบ , ความดันโลหิตพุ่งสูงอย่างเฉียบพลัน ทำให้หัวใจถูกบีบรัดมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดภาวะหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจนถึงแก่ชีวิตได้ เพิ่มเติม ปริมาณคาเฟอีนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจะอยู่ที่ราว 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 5,000 – 10,000 มิลลิกรัมในผู้ใหญ่ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถในการขับคาเฟอีนจากร่างกายของแต่ละคนด้วย
- ขาดการออกกำลังกาย : เมื่อไม่ออกกำลังกาย ก็จะเป็นที่มาของความอ้วน ซึ่งพออ้วนก็จะเสี่ยงต่อโรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิต และโรคเรื้อรังอื่นๆ อีกมาก หากไม่ออกกำลังกายเลย การทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตก็อาจไม่คล่องตัว เกิดเป็นตะกรันไขมันขึ้นมาเกาะตามผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดเดินทางไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ไม่ดี ซ้ำร้ายกว่านั้น อาจเกิดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด ทำให้หัวใจขาดเลือดได้
- ออกกำลังกายมากเกินไป : ไม่ออกกำลังกายเลยก็ไม่ดี ออกกำลังกายมากไปก็ยิ่งไม่ดี เรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจทั้งแบบรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ได้ หากออกกำลังกายมากจนเกินความพอดี ก็จะเป็นการไปเพิ่มภาระให้กับระบบหัวใจและปอดให้ต้องทำงานอย่างหนัก ไปจนกระทั่งสูญเสียความสามารถในการทำงาน และกล้ามเนื้อหัวใจก็ตายลงไปในที่สุด ฉะนั้น หากออกกำลังกายแล้วรู้สึกเหนื่อย เหนื่อยมากจนหอบและพูดคุยไม่ได้แม้จะเป็นคำสั้นๆ แนะนำว่าให้ลดการออกกำลังกายลง (Cool Down) และหยุด จากนั้นให้นอนพัก อย่าฝืนออกกำลังกายต่อ ที่สำคัญมากๆ คือ อย่าหยุดออกกำลังกายกะทันหัน เพราะจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
- ใช้สารเสพติด : พฤติกรรมที่ชอบเสพยาเสพติด อาทิ โคเคน แอมเฟตามิน อิฟีดริน หรือได้รับยาบางชนิดเกินขนาด ก็อาจส่งผลให้หลอดเลือดมีการหดตัวอย่างรุนแรง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้เช่นกัน
- ช็อก : การเกิดภาวะช็อก มีสาเหตุมาจากการสูญเสียเลือดในปริมาณมากๆ เช่น ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุแล้วเสียเลือดมาก ส่งผลให้หัวใจไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง หรือเกิดภาวะที่หัวใจขาดเลือด
- สูบบุหรี่ : บุหรี่ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดหัวใจเกิดการหดตัว มีการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดหัวใจตับลงจนเกิดเป็นภาวะหัวใจขาดออกซิเจน เส้นเลือดหัวใจตีบจนทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นก็จะมีอาการจุกเสียด เจ็บหน้าอก อาการจะชัดเจนเมื่อออกกำลังกาย เกิดโอกาสเสี่ยงที่จะมีภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้อย่างไม่รู้ตัว
- เสียใจอย่างหนัก สะเทือนใจอย่างรุนแรง : ความรู้สึกที่รุนแรงก็อาจส่งผลให้ถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทางการแพทย์จะเรียกว่า ภาวะหัวใจสลาย หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติทาโคสึโบะ โดยที่ภายในร่างกายของผู้ป่วยจะมีการหลังของฮอร์โมนความเครียดออกมามากกว่าปกติและเฉียบพลัน อีกทั้งยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อหัวใจและหลอดเลือด ที่อาจเกี่ยวกับภาวะที่หัวใจด้านซ้ายไม่สามารถทำงานได้อย่างปกตินอกจากนี้ อาการที่เกิดขึ้นก็ยังอาจมีส่วนเกี่ยวข้องมาจากสมองที่มีการหลังสารแคทีโคลามีน หรือสารสื่อประสาท อาทิ อีพินีฟริน , นอร์อีพิเนฟริน และโดพามีน ในขณะที่ผู้ป่วยมีความเครียดสูง หรือมีสิ่งที่มาทำให้เกิดความสะเทือนใจอย่างรุนแรง เหตุการณ์ตัวอย่าง เช่น สูญเสียคนรักอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ , แม่ หรือญาติที่สนิท เหตุการณ์ต่อมา คือ เจอกับความผิดหวังที่ทำให้เสียใจอย่างหนัก ทำให้หลอดเลือดหัวใจเกร็งและแข็งตัว เลือดจึงไม่สามารถที่จะผ่านไปเลี้ยงหัวใจได้ และยิ่งหากเกิดเป็นเวลานาน หัวใจจะไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ตามปกติ เป็นสาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
- เครียดง่าย : ผู้ที่ต้องทำงานหนักๆ และมีความเครียดสูง นับเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติมากที่สุด เนื่องจากความเครียดจะเข้าไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ตลอดจนเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงมีไขมัน เกิดการอักเสบต่างๆ ตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดง เสี่ยงต่อภาวะหัวใจขาดเลือดได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดมากๆ และมีความเครียดอยู่เป็นประจำ
วิธีช่วยเหลือผู้ที่อาจอยู่ในภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ “ความเร็ว” จึงเป็นสิ่งสำคัญ เบื้องต้นคุณควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉินที่เบอร์ 1669 หรือหากสะดวก และโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกล สามารถขับรถพาผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลเองได้ (แต่ก็ต้องโทรไปแจ้งทีมแพทย์เพื่อเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเมื่อผู้ป่วยไปถึงทันทีเช่นกัน) ระหว่างที่กำลังรอการช่วยเหลือควรให้ผู้ป่วยนอนหงาย เอียงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง และสังเกตอาการเป็นระยะๆ หากเริ่มมีอาการหัวใจหยุดเต้น ควรรีบทำ CPR โดยด่วน
วิธีป้องกันภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
หลายคนมีความประมาทในชีวิต ไม่เข้ารับการตรวจร่างกายประจำปี ด้วยเข้าใจว่าร่างกายแข็งแรงดีไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร และยังออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วย แต่โรคนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้ามาก่อน เพราะหากคุณเคยรู้สึกเจ็บ หรือแน่นหน้าอกขณะออกกำลังกาย เดินหรือวิ่งขึ้นบันไดหลายชั้น เต้น หรือเริ่มทำกิจกรรมอะไรหนักๆ นั่นหมายความว่าคุณเริ่มมีสุขภาพหัวใจที่ไม่แข็งแรง ดังนั้นควรรีบเข้ารับการตรวจหัวใจโดยด่วน
นอกจากนี้ เรื่องของอาหารการกินก็สำคัญ เพราะหากทานอาหารที่ก่อให้เกิดไขมันอุดตันเส้นเลือดมากเกินไป เช่น เนื้อติดมัน อาหารปิ้งย่าง รวมไปถึงเบเกอรี่ ขนมหวานน้ำตาลสูงต่างๆ ก็เป็นสาเหตุที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจวายได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมคำนามที่ไม่ต้องมี article นำหน้า
Article หรือ A An The ที่ทุกคนคงคุ้นเคยกันดี หลายๆคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ! ทำไมคำนามบางคำนั้นมี article นำหน้าบ้าง ไม่มีบ้าง ทำให้เกิดความสับสน พาลปวดหัว ว่าจะใส่ article ดีหรือไม่ วันนี้เราไปดูกันค่ะว่าคำนามคำไหนบ้างที่ไม่จำเป็นต้องมี article นำหน้า
หลักๆแล้ว คำนามที่ไม่ต้องเติม Article หรือ A An The นำหน้า คือคำนามที่กล่าวขึ้นมาลอยๆโดยไม่มีวลี (phrase) หรืออนุประโยค (clause) อื่นใดมาขยายตามหลัง เพื่อให้เป็นคำนามเฉพาะ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท นั่นคือนามนับไม่ได้และนามพหูพจน์ค่ะ
คำนามพหูพจน์ (Plural Noun) หรือคำนามที่แสดงออกถึงสิ่งของที่มีมากกว่า 1 ชิ้นนั่นเอง ยกตัวอย่าง เช่น Students should wear school uniform สังเกตได้เลยว่า students คำนี้เป็นนักเรียนทั่วๆไป ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นนักเรียนคนไหน แต่ถ้ามีประโยคมาขยายต่อ ต้องไม่ลืมที่จะใส่ article กันด้วยนะจ๊ะ
อย่างเช่นประโยคนี้เลย The students in this class are very nice.
คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) หรือคำนามที่ไม่สามารถระบุจำนวนได้ เช่น rice tea homework เป็นต้น ถ้าเจอคำนามเหล่านี้ โดยไม่มีวลีหรืออนุประโยคมาขยายต่อ คำนามนั้นจึงไม่ต้องเติม article นำหน้านั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น Water is good for your health. แต่ถ้ามี phrase หรือ clause มาต่อท้าย ก็ต้องไม่ลืมที่จะใส่ The เช่นกันค่ะ
ต่อไปเป็นคำนามประเภทต่างๆที่ไม่ต้องเติม Article หรือ A An The นำหน้าค่ะ
1. คำนามที่เป็นชื่อวิชาและภาษา
Math is my favorite subject.
คณิตศาสตร์เป็นวิชาโปรดของฉัน
He teaches English and Thai.
เขาสอนวิชาภาษาอังกฤษและภาษาไทย
2. คำนามที่เป็นชื่อกีฬา
My favorite sport is boxing.
กีฬาโปรดของฉันคือต่อยมวย
3. คำนามที่เป็นชื่อทวีป ประเทศ เมือง มหาวิทยาลัย โรงเรียน
Bangkok is my home town.
กรุงเทพคือบ้านเกิดของฉัน
My sister graduated from Chulalongkorn University.
พี่สาวฉันเรียนจบจากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
4. คำนามที่เป็นชื่อมื้ออาหาร ฤดูกาล ศาสนา วัน เดือน
My family often eat dinner after 6pm.
ครอบครัวของฉันมักจะกินข้าวหลังหกโมงเย็น
April is the hottest month of the year.
เมษายนเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในรอบปี
5. คำนามที่เป็นชื่อสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อน้ำตก ชายหาด สวนสาธารณะ สถานี สนามบิน ปราสาท พระราชวัง วัด
I will arrive at Suvarnabhumi Airport in the evening.
ฉันจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนบ่าย
Erawan Falls is located in Kanchanaburi Province.
น้ำตกเอราวัณอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี
6. คำที่ใช้เรียกสมาชิกในครอบครัว เครือญาติ
Father has to work hard to take care of family members.
คุณพ่อต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัว
Mother loves gardening.
คุณแม่ชอบทำสวน
7. คำนามที่อยู่ในบันทึก ป้ายประกาศ สัญญาณ ป้ายสินค้า การพาดหัวข่าว ชื่อหนังสือ และโทรเลข
Speed Limit จำกัดความเร็ว
Narrow Bridge สะพานแคบ
8. คำนามที่ไปเรียงตามสำนวน king of, sort of, type of, make of, brand of, variety of, species of
ในกรณีที่มีความหมายว่า “แบบ” “ยี่ห้อ” หรือ “ชนิด” เราจะไม่ใช้ article นำหน้าค่ะ เช่นประโยคนี้
Which type of bags do you use ?
คุณใช้กระเป๋าแบบไหนอยู่?
9. คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของคน (Proper Noun)
Where is Mr. Somsak?
คุณสมศักดิ์อยู่ที่ไหน?
10. คำนามประเภท ชื่อถนน, สวนสัตว์, วงเวียน, วันสำคัญทางศาสนา และวันหยุดทางราชการ
Nawamin Road ถนนนวมินทร์
Ladprao Road ถนนลาดพร้าว
11. คำนามที่เป็นชื่อของโรคต่างๆ
AIDS โรคเอดส์
Malaria โรคไข้จับสั่น
Cancer โรคมะเร็ง
เพื่อนๆเห็นกันแล้วใช่ไหมละคะ ว่าคำนามคำไหนไม่ต้องใส่ Article นำหน้า ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว เราก็ไม่ต้องสับสนว่าจะใส่ Article ดีหรือไม่ดี ถ้าจำหลักๆที่ว่ามาทั้งหมดนี้ได้ เพื่อนๆคงสบายใจได้แล้วค่ะ ว่าเราไม่ต้องใส่ Article แบบผิดๆ อีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
‘อิลอน มัสก์’ เตรียมส่ง ‘ทรูธจีพีที’ ท้าทายคู่แข่งแชตบอตปัญญาประดิษฐ์
มหาเศรษฐีอิลอน มัสก์ ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ ทรูธจีพีที (TruthGPT) หวังท้าทายคู่แข่งจากไมโครซอฟท์และกูเกิล ตามรายงานของรอยเตอร์
อิลอน มัสก์ เจ้าของเทสลาและทวิตเตอร์ กล่าวในการสัมภาษณ์กับสื่อฟอกซ์ นิวส์ ที่ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ว่า “ผมจะเริ่มบางสิ่งที่ผมเรียกว่า ทรูธจีพีที (TruthGPT) ปัญญาประดิษฐ์ที่ค้นหาความจริงขั้นสุด และเป็นระบบที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของจักรวาล”
การเคลื่อนไหวของมัสก์ มีขึ้นไม่นานหลังจากเขาร่วมลงนามในหนังสือเปิดผนึกวิจารณ์บริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งพัฒนาแชตบอตปัญญาประดิษฐ์แชตจีพีที (ChatGPT) และได้รับทุนสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ในเทคโนโลยีดังกล่าว โดยกล่าวหาว่าบริษัท “ฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์ให้โกหกหลอกลวง” และว่าบริษัทโอเพนเอไอกลายเป็นองค์กรที่ “แสวงหาผลกำไร” และ “เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับไมโครซอฟท์”
พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาแลร์รี เพจ ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล (Google) ที่ไม่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของมีระบบปัญญาประดิษฐ์อย่างจริงจัง และยังบอกว่าทรูธจีพีที “อาจเป็นหนทางสู่ความปลอดภัยที่ดีที่สุด” ซึ่ง “ไม่น่าจะทำร้ายมนุษย์ได้” พร้อมกับกล่าวว่า “อาจดูเหมือนเริ่มต้นช้า แต่ผมจะพยายามสร้างทางเลือกที่ 3 ให้”
ทั้งนี้ รอยเตอร์พยายามติดต่อเพื่อขอความเห็นจากมัสก์ บริษัทโอเพนเอไอ และแลร์รี เพจ เกี่ยวกับประเด็นนี้แต่ไม่ได้รับการตอบกลับในช่วงเวลาที่รายงานข่าวนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“นมอุ่น” เคล็ดลับของคนญี่ปุ่น ช่วยให้หลับง่ายขึ้น
คนจำนวนไม่น้อยมีปัญหานอนไม่หลับเพราะเครียดจากงานที่ทำ คนญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตมักแนะนำว่าการดื่มนมอุ่นก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสนิทและสบาย มารู้เหตุผลกันว่าทำไมนมอุ่นจึงทำให้นอนหลับดี และดูวิธีการดื่มนมที่ได้ผลดีตามคำแนะนำของคนญี่ปุ่นกัน
เหตุผลที่นมอุ่นช่วยให้นอนหลับสนิท
- นมประกอบด้วยสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้นอนหลับสนิท
สารอาหารสำคัญในนมที่ช่วยให้นอนหลับสนิทได้แก่ แคลเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปรับระบบประสาทอัตโนวัติ (autonomic nervous system : ANS) ทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย แลคโตส ซึ่งช่วยในการหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ส่งผลช่วยคลายความเครียดและความวิตกกังวล กรดอะมิโนทริปโตเฟน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารสื่อประสาทเซโรโทนิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสบาย และวิตามินบี 12 ซึ่งช่วยสร้างสมดุลการทำงานที่ดีของระบบประสาทอัตโนวัติ เป็นต้น
- นมอุ่นช่วยปรับอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย
นมอุ่นที่ผ่านทางเดินอาหารเข้าไปในร่างกายจะไปเพิ่มอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย และเมื่อเวลาผ่านไปอุณหภูมิของร่างกายจะค่อยๆ ลดลง ส่งผลให้เรารู้สึกง่วงนอน
- ทำให้อิ่มท้องและช่วยบรรเทาความหิวได้ดี
คนที่ต้องทำงานจนดึกและรู้สึกหิว การดื่มนมอุ่นเพียงหนึ่งแก้วจะช่วยบรรเทาความหิวและทำให้ร่างกายอบอุ่น ซึ่งเมื่ออุณหภูมิของร่างกายลดลงก็จะทำให้นอนหลับสบาย
วิธีการดื่มนมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับสนิทและสบาย
- ดื่มนมอุ่นอุณหภูมิที่ผิวหนังสัมผัสได้
การดื่มนมเย็นหรือร้อนจนเกินไปจะส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและสมองตื่นตัวซึ่งทำให้หายง่วง ดังนั้นนมที่มีอุณหภูมิที่ผิวหนังสัมผัสได้จะเป็นนมที่มีประสิทธิภาพในการทำให้รู้สึกง่วงและนอนหลับสนิท วิธีการอุ่นนมก็ทำได้โดยการอุ่นในไมโครเวฟให้มีอุณหภูมินมพอที่ผิวหนังสัมผัสได้
- ดื่มนมก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง
อุณหภูมิของร่างกายจะลดลงหลังจากการดื่มนมอุ่นประมาณ 1 ชั่วโมง อีกทั้งสารอาหารที่มีอยู่ในนมจะช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลายจนทำให้นอนหลับได้สนิท
- ดื่มนมพร้อมกับส่วนผสมที่มีผลช่วยให้นอนหลับได้ดี
หากต้องการให้นอนหลับดีและสนิทจริงๆ ก็อาจดื่มนมพร้อมกับส่วนผสมต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ
น้ำตาลเล็กน้อย ซึ่งจะไปเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน อันเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย นอนหลับได้สนิท
กล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยกรดอะมิโนทริปโตเฟน อันเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารสื่อประสาทเซโรโทนิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสบาย
ชาคาโมมายล์ ซึ่งมีผลช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย
- ดื่มนมเพียง 1 แก้ว
นมมีส่วนผสมของไขมันที่อาจจะไปสะสมในร่างกายขณะที่นอนหลับและมีอัตราการเผาผลาญพลังงานต่ำ ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มนมก่อนนอนมากกว่า 1 แก้ว หรือหากกังวลเรื่องไขมันก็ให้เปลี่ยนเป็นนมที่มีไขมันต่ำแทนได้
สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องการดื่มนม หากอยากได้ตัวช่วยให้นอนหลับสบาย ตื่นขึ้นมาสดชื่นแจ่มใสพร้อมเริ่มวันใหม่ก็ลองนำวิธีการดื่มนมอุ่นก่อนนอนดังกล่าวไปใช้ดูนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/04/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,500.00 | 32,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,105.00 | 31,911.80 | 33,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,894.50 | 28,720.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,684.00 | 25,529.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 947.00 | 14,356.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 737.00 | 11,172.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,181.00 | 33,063.96 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/04/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.25 | 37.25 | 37.54 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.98 | 36.98 | 37.24 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.39 | 35.39 | – | – | – | – | – | – | – | 35.39 |
เบนซิน 95 | 45.06 | – | – | – | 45.11 | – | 45.56 | 45.21 | – | 45.06 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | – | 32.94 | – | 32.94 | – | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.06 | 42.16 | 43.74 | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | 42.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |