คอนโดมือสอง ทำเล “หลังสวน – ชิดลม” ที่ดินฮอต ดันราคาพุ่ง 8% ต่อปี
ทำเล “หลังสวน – ชิดลม” ที่ดินฮอต ที่สุดของ Super Prime Area ดันราคาเปลี่ยนมือ คอนโดมือสอง แปลง Freehold พุ่ง 8% ต่อปี จับตาการพลิกโฉมที่ดิน 11 แปลงใหญ่ เขย่าทำเลอนาคต
26 เมษายน 2566 – ย่าน “ชิดลม-หลังสวน” ที่เป็นทำเล Super Prime Area ถูกมองว่านับวัน มูลค่าที่ดิน ยิ่งจะทวีคูณ การได้ครอบครองสินทรัพย์สักแห่งในพื้นที่ดังกล่าว มีค่ายิ่งกว่า “ทองคำ” เสียอีก เพราะไม่สามารถหาทดแทนจากไหนได้แล้ว
คำกล่าวข้างต้น สะท้อนออกมาโดยข้อมูลน่าสนใจของ terrabkk.com บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ทำเล ชิดลม – หลังสวน ใจกลางมหานครกรุงเทพ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ชิดลม-หลังสวน Super Prime Area
โดย ปัจจุบันราคาที่ดินในทำเลถนนเพลินจิต ถนนวิทยุ ถนนสีลม มีราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์ รอบปี 2566-2569 สูงถึง 1 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเพียงราคาประเมินเท่านั้น เพราะในการซื้อขายจริงได้มีการทุบสถิติราคาเกินล้านบาทต่อตารางวาไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน
หากย้อนกลับไปช่วงปีเมื่อปี 2549 ในทำเลนี้มีการซื้อขายที่ดินขนาด 9 ไร่ของสถานทูตอังกฤษ ราคาอยู่ที่ 950,000 ต่อตารางวา หลังจากนั้นราคาซื้อขายที่ดินก็สร้างสถิติ New High มาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดในปี 2563 ราคาซื้อขายที่ดินในทำเลนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา การเติบโตของราคาที่ดินในทำเล ‘ชิดลม-หลังสวน’ สะท้อนให้เห็นถึงการเป็น Super Prime Area ทำเลศักยภาพที่นับวันมีแต่จะเพิ่มมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ
เจาะปัจจัยที่ทำให้ ชิดลม-หลังสวน ยิ่งเติบโต
ไม่ใช่แค่การเป็น Super Prime Area เท่านั้น ที่เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ทำเลแห่งนี้มีค่ายิ่งกว่าทอง แต่เพราะว่าที่ดินในทำเลแห่งนี้ แทบจะไม่เหลือที่ดินเปล่าให้พัฒนาแล้ว ปัจจุบันเจ้าของที่ดินในทำเลต่างรอคอยจังหวะในการขาย ซึ่งเมื่อเกิดการขายที่เป็นการเพิ่มมูลค่าที่ดิน ก็จะยิ่งเกิดโครงการใหม่ๆ ที่น่าติดตามมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีแปลงที่ดินที่น่าติดตามทั้ง Freehold และ Leasehold ในทำเลถึง 11 แปลง
- ที่ดิน Leasehold ติด BTS ชิดลม ของสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คาดพัฒนาเป็นโครงการ Mixed-use
- ที่ดิน Freehold ติดถนนชิดลม คาดพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม
- ที่ดิน Leasehold ในซอยคิดสมคิด คาดพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม
- ที่ดิน Freehold ติดถนนเพลินจิต ราคาประมาณเกือบ 4 ล้านบาทต่อตารางวา
- ที่ดิน Freehold ติดถนนวิทยุ พัฒนาเป็นโครงการ The Embassy at Wireless
- ที่ดิน Freehold ในซอยต้นสน พัฒนาเป็นโครงการ Na Varang Langsuan
- ที่ดิน Freehold ติดถนนสารสิน ราคา 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา คาดพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมที่ราคาต่อตารางเมตรสูงที่สุดในประเทศ คาดประมาณเริ่มต้น 600,000 บาทต่อตารางเมตร
- ที่ดิน Leasehold หัวมุมถนนหลังสวน-ถนนสารสิน พัฒนาเป็นโครงการ Sindhorn Wellness Village
- ที่ดิน Freehold ติดถนนวิทยุ คาดพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม
- ที่ดิน Leasehold กำลังพัฒนาเป็นโครงการ ONE BANGKOK
- ที่ดิน Leasehold โรงแรมดุสิตธานีเก่า กำลังพัฒนาเป็นโครงการ Dusit Central Park
คอนโดเปิดใหม่ไม่มาก เพราะที่ดินไม่เหลือแล้ว
สำหรับ ภาพรวมการเปิดตัวคอนโดใหม่ในทำเลชิดลม-หลังสวน-วิทยุ terrabkk.com พบว่ามีการเปิดตัวคอนโดใหม่เฉลี่ย 1-2 โครงการต่อปี บางปีที่เปิดมากสุดถึง 5 โครงการ แต่มีจำนวนยูนิตที่ไม่มากนัก ราคาเปิดตัวมีการเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามศักยภาพของทำเลที่เพิ่มมากขึ้น ราคาขายเริ่มต้นในปัจจุบัน อยู่ที่ 200,000 – 460,000 บาทต่อตร.ม.
การลงทุนคอนโดในทำเล สามารถสร้าง Rental Yield ได้ประมาณ 3.4%-6.2% ต่อปี ขึ้นอยู่กับระดับโครงการ สภาพของโครงการ และการตกแต่งห้อง อัตราค่าเช่ารายเดือนตั้งแต่ 17,000 – 450,000 บาทต่อเดือน
คอนโดมือสอง ชิดลม-หลังสวน ราคาเพิ่มปีละ 8%
นั่นทำให้ คอนโดมือสอง ในย่านชิดลม-หลังสวน เป็นที่ต้องการอยู่ตลอดเวลา ขณะการเติบโตของราคาคอนโดมือสอง การเปลี่ยนแปลงราคาคอนโดมือสองสะท้อนได้ถึงการเติบโตของมูลค่าของทำเลและศักยภาพการลงทุนคอนโดในระยะยาว
พบราคาคอนโดมือสองในทำเลนี้มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคอนโด Freehold มีการปรับตัวของราคาคอนโดมือสองเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 8% ต่อปี จากราคาขายมือสองประมาณ 100,000-150,000 บาทต่อตารางเมตรเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วสู่ 300,000 บาทต่อตารางเมตรในวันนี้ ส่วนคอนโด Leasehold มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6% ต่อปี ความเป็น Super Prime Area และการเติบโตของทำเลในทุกมิติ ล้วนตอกย้ำศักยภาพของทำเล ‘ชิดลม-หลังสวน’
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เสนาฯ ชูโมเดล ZEH-บ้านพลังงานเป็นศูนย์ ตัวช่วยลดค่าไฟ 55-90%
เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เผยเทรนด์ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบ้านที่อยู่อาศัย อาคาร โรงงาน บูมต่อเนื่องรับค่าไฟฟ้าแพง ชูโมเดล “บ้านพลังงานเป็นศูนย์” (ZEH ) เป้าหมายลดการใช้พลังงานในที่อยู่อาศัยไม่ต่ำกว่า 20% ช่วยลดค่าไฟฟ้า ลดค่าครองชีพลูกบ้าน เผยงานวิจัยจุฬาฯ บ้านพลังงานเป็นศูนย์ติดโซลาร์ช่วยลดค่าไฟได้สูงสุด 90% เตรียมเปิดโชว์บ้านต้นแบบเร็ว ๆ นี้
วันที่ 25 เมษายน 2566 ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่นำเสนอโมเดลการพัฒนาโครงการที่ติดตั้งโซลาร์รูฟเต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า จากภาวะอากาศร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายนทำให้รายจ่ายค่าไฟฟ้าของคนไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA)
ดังนั้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งภาคครัวเรือน อาคาร โรงงานต่าง ๆ ในการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่แพงและช่วยลดภาวะโลกร้อน
สำหรับเสนาฯ ถือเป็นรายแรกของวงการธุรกิจที่อยู่อาศัยที่เริ่มบุกเบิกพลังงานโซลาร์ครบวงจรมากว่า 13 ปี ศึกษาและพัฒนาหมู่บ้านโซลาร์รายแรกของไทย ปัจจุบันเสนาติดตั้งโซลาร์ให้ลูกบ้านทุกโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียม รวมทั้งสิ้น 47 โครงการ มากกว่า 1,000 ครัวเรือน คิดเป็นการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 100 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มอยู่ 2 แห่ง อ.วังม่วง จ.สระบุรี และโครงการโทรลุ้ยริมน้ำ จ.นครปฐม รวม 46.5 เมกะวัตต์
แผนธุรกิจปี 2566 เสนาฯวางกลยุทธ์ต่อยอดแนวคิดสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยอัจฉริยะสมาร์ทโฮม โดยใช้โมเดล SENA HHP ZERO ENERGY HOUSE (ZEH) หรือบ้านพลังงานเป็นศูนย์
ซึ่งได้โนว์ฮาวจากพันธมิตรธุรกิจ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป จากประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์และปรับใช้กับโครงการบ้านเสนา ตั้งแต่ออกแบบเลือกวัสดุอุปกรณ์ภายในให้มีการใช้พลังงานลดลง หรือใกล้ศูนย์มากสุด เพื่อรองรับกลไกตลาดในปัจจุบันและอนาคตที่ผู้บริโภคจะเลือกที่อยู่อาศัยรับกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทั้งทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือที่พักอาศัยที่มีกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กอยู่ในบ้านตลอดเวลา
“โมเดล ZEH เรานำมาใช้ในโครงการบ้านเดี่ยวย่านรามอินทรา กม.9 และบางนา-กม.29 คาดว่าจะเปิดตัวต้นไตรมาส 3/66 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระการใช้พลังงานให้กับลูกบ้านของเสนาได้ไม่ต่ำกว่า 20% นอกจากนี้ ยังมีจัดทำแอปพลิเคชั่น SENA 360 เพื่อให้ลูกบ้านสามารถตรวจสอบการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผ่านมือถือ” ผศ.ดร.เกษรากล่าว
สำหรับการพัฒนาโครงการที่เหมาะสมตามแนวทาง ZEH เสนาฯ ได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวิจัยพัฒนาแนวทางการลดพลังงานภายในที่อยู่อาศัยให้เป็นตามไปเป้าหมาย ผลวิจัยแบ่งผู้ที่ใช้ไฟฟ้าออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าสูง โดยบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House) ที่ติดโซลาร์ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 55% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป
2.กลุ่มที่ใช้ไฟปานกลาง บ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House) ที่ติดโซลาร์ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 70% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป
3.กลุ่มที่ใช้ไฟน้อย บ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House) ที่ติดโซลาร์ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 90% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป อย่างไรก็ดี ทางเสนาฯพร้อมเดินหน้าวิจัยและพัฒนา เพื่อลดภาระการใช้พลังงานให้กับลูกบ้านได้ตามเป้าที่วางไว้
“เราวางเป้าหมายการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน โดยใช้หลักคิดว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากบ้าน และเป็นสังคมที่เล็กที่สุดคือครอบครัว ดังนั้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องวางโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เกิด Ecosystem ใหม่”
“เพื่อปลูกฝังให้คนทุกคนร่วมกันรักษ์โลกสู่เป้าหมายของคำว่าความยั่งยืนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เป้าหมายสำคัญของเสนาฯ ต้องคิดละเอียดกว่าและใส่ใจทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อมุ่งมั่งสู่ Net Zero Carbon Energy เพิ่มคุณภาพชีวิต และความยั่งยืนในทุกมิติของสังคม” ผศ.ดร.เกษรากล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 26เม.ยที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 26เมษายน 2566ที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.38 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลง
ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์บ้าง (อ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 34.45 บาทต่อดอลลาร์) ก่อนที่จะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ บรรยากาศในตลาดการเงินที่อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้เราประเมินว่า เงินบาทยังคงมีโอกาสเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเนื่อง
โดยเฉพาะจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่อาจยังคงขายสุทธิหุ้นไทยต่อได้บ้าง (แต่คาดว่าแรงขายอาจไม่ได้รุนแรงมาก เพราะนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยไปไม่น้อยกว่า 6.3 หมื่นล้านบาทแล้วในปีนี้)
ขณะเดียวกันโฟลว์จ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติก็มีอยู่ ทำให้หากเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ในกรณีที่ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ เราประเมินว่าโซนแนวรับของเงินบาทก็จะยังคงอยู่ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน แถว 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ เราเริ่มเห็นสัญญาณการรอจังหวะซื้อบอนด์ระยะสั้นของผู้เล่นต่างชาติในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าลง ทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นการทยอยเพิ่มสถานะ Long THB หรือมองเงินบาทแข็งค่าขึ้น ของผู้เล่นต่างชาติบางส่วน
ทำให้เราคงมองว่า แม้ค่าเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง แต่ก็จะยังไม่อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ที่ประเมินไว้ไปได้ไกล แต่ควรติดตาม รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด ว่าจะทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นหรือไม่
เพราะถ้าตลาดปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อ ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยได้ ซึ่งจุดที่ต้องจับตาของเงินดอลลาร์ คือ โซนแนวต้านสำคัญของดัชนีเงินดอลลาร์หรือ DXY แถว 102.5 จุด
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.50 บาท/ดอลลาร์
ความผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อาทิ บริษัทกลุ่มขนส่ง อย่าง UPS -10% ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลว่า ผลประกอบการที่น่าผิดหวังอาจสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชัดเจนมากขึ้น
กอปรกับ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่าสุด (Conference Board Consumer Confidence) เดือนเมษายน ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 101.3 จุด แย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว และเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้นออกมา กดดันให้ ดัชนี S&P500 ดิ่งลง -1.58%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อ -0.40% หลังผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร/การเงินออกมาน่าผิดหวัง ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรป (Santander -6%, BNP -2.4%, UBS -2.2%)
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่ม Healthcare (Sanofi +1.8%, AstraZeneca +1.1%) หลังบริษัท Novartis +4.0% ได้คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่สดใส
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะถือบอนด์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว
ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาคาดหวังว่า เฟดอาจจะทยอยลดดอกเบี้ยลงครั้งละ -0.25% ได้ตั้งแต่การประชุมเดือนกันยายน ทำให้โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.42% เข้าใกล้โซนแนวรับสำคัญแถว 3.30%-3.40% อีกครั้ง
ในฝั่งตลาดค่าเงิน แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะกลับมากังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง แต่ทว่าบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้หนุนให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก
จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ในช่วงตลาดผันผวน ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 101.8 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะถือทองคำเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน
ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) สามารถรีบาวด์ขึ้น สู่โซนราคาแถว 2,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็ถูกจำกัดโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์เช่นกัน
ทั้งนี้ เรามองว่าผู้เล่นบางส่วนที่ได้ทยอยซื้อทองคำในช่วงย่อตัวลง อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรบางส่วน ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง
สำหรับวันนี้ เนื่องจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจมีไม่มากนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสำคัญกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะ บริษัทขนาดใหญ่ในฝั่งสหรัฐฯ อย่าง Boeing และ Meta เป็นต้น
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB ในปีนี้
และในฝั่งไทย ตลาดคาดว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอาจกดดันให้ ยอดการส่งออก (Exports) เดือนมีนาคมอาจหดตัวถึง -16%y/y
สอดคล้องกับการปรับตัวลงแรงของดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมีนาคม อนึ่ง ยอดการนำเข้า (Imports) ก็อาจหดตัวราว -5%y/y ตามราคาสินค้าโดยเฉพาะสินค้าพลังงานที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้ดุลการค้าอาจขาดดุลราว -1 พันล้านดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.30-34.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามเงินเยนและเงินหยวน ขณะที่สกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคมีทิศทางปะปน ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นปัญหาแบงก์ในสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะคลี่คลายลง แต่ก็ยังคงมีผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารบางแห่งในไตรมาส 1/66
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้คาดไว้ที่ 34.25-34.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย ตัวเลขการส่งออกเดือนมี.ค. ของไทย รวมถึง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
น่าเสียดาย! ไดมอนด์ ฟู้ดฯ นำก่อนพลิกพ่าย อัลทาย 2-3 ประเดิมศึกลูกยางสโมสรเอเชีย
การแข่งขัน วอลเลย์บอลสโมสรหญิง ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2023 รอบแรก กลุ่มบี ระหว่าง ไดมอนด์ ฟู้ด ไฟน์เชฟ-แอร์ฟอร์ซ แชมป์ไทยลีก 2021-22 พบกับ อัลทาย วีซี แชมป์จาก คาซัคสถาน ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อวันพุธที่ 25 เมษายน 2566
เกมนี้ “โค้ชแขก” กิตติคุณ ศรีอุทธวงศ์ ส่งผู้เล่น 6 คนแรกประกอบไปด้วย นุศรา ต้อมคำ กัปตันทีม, นาตาชา ชิกิริซ, แก้วกัลยา กมุลทะลา, ศศิภาพร จันทวิสูตร, ฑิชากร บุญเลิศ, วิภาวี ศรีทอง และ จิดาภา นาหัวหนอง เป็นตัวรับอิสระ
เซตแรก ทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสูสีเสมอกัน 13-13 จากนั้น ไดมอนด์ ฟู้ดฯ มาฉีกนำ 17-15 ด้วยการทำแต้มสวยๆ ของ นาตาชา ชิกิริซ มือตบชาวเซอร์เบีย ก่อนรักษาแต้มห่างหนีไปเป็น 20-18 และปิดเซตเอาชนะ 25-22 ขึ้นนำ 1-0 เซต
เซตสอง ไดมอนด์ ฟู้ดฯ ยังคงทำได้ดีเป็นฝ่ายออกนำ 10-8 ก่อนรักษาระยะห่าง 14-12 แถมยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจฉีกนำไปเป็น 18-15 ก่อนปิดเกมเอาชนะไปได้อีก 25-19 ขึ้นนำ 2-0 เซต
เซตสาม อัลทาย วีซี รองแชมป์เก่ามาคืนฟอร์มไล่ตบนำ 10-5 ก่อนรักษาแต้มหนีไปเป็น 17-11 แม้ ทีมไทย จะพยายามไล่มาในช่วงปลายเซตแต่ก็ไม่ทันแพ้ไป 22-25 ทำให้ อัลทาย วีซี ไล่มาเป็น 1-2 เซต
เซตสี่ ไดมอนด์ ฟู้ดฯ เริ่มต้นได้ดีทีเดียวออกนำ 6-3 อย่างไรก็ตามมาพลาดตีเสียกันเองทำให้โดน อัลทาย วีซี แซงนำ 12-10 จากนั้นก็เข้าทางแชมป์คาซัคสถาน ตบโกยแต้มนำห่าง 17-11 ก่อนปิดเซตเอาชนะไปได้ 25-14 เสมอกัน 2-2 เซต ทำให้ต้องไปวัดกันในเซตตัดสิน
เซตสุดท้าย อัลทาย วีซี รับเหนียวเหลือเกินเป็นฝ่ายออกนำ 5-1 แต่ ทีมสาวไทย ก็ไม่ยอมง่ายๆ ไล่มาเป็น 4-7 ก่อนพยายามไล่เป็น 10-12 แต่ก็ไม่ทันพ่ายไป 11-15 ทำให้ ไดมอนด์ ฟู้ดฯ ประเดิมสนามด้วยการแพ้ไป 2-3 เซต คว้าได้เพียง 1 แต้ม
สำหรับ ไดมอนด์ ฟู้ด ไฟน์เชฟ-แอร์ฟอร์ซ จะลงสนามนัดต่อไปพบกับ ฮิป ฮิง วีบี คลับ ทีมจากฮ่องกง ในวันพุธที่ 26 เมษายน นี้ เวลา 13:30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD 36
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 ผลไม้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ที่สามารถทานได้น้ำตาลไม่สูง
เคยทานอาหารร่วมกับผู้ป่วยโรคเบาหวานไหมคะ อันนั้นก็ทานไม่ได้ อันนี้ก็ทานไม่ได้ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วอาหาร และขนมไทยเราในปริมาณค่อนข้างสูงเหมือนกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งผลไม้ไทยที่ยังเจอน้ำตาลซ่อนอยู่ เลยทำให้เขาเหล่านั้นอดทานของอร่อยไปมากมาย แต่อันที่จริงแล้วผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานทานได้ก็มีอยู่มากมายไม่แพ้กันนะคะ จะมีอะไรบ้าง Sanook! Health นำข้อมูลจากรายการ Did You Know? คุณรู้หรือไม่ มาฝากกันค่ะ
ผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ที่สามารถทานได้
ผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ควรเป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัด มีปริมาณน้ำตาลต่ำ และมีกากใยสูง เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง
- แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลทีเส้นใยที่ละลายในน้ำได้ที่เราเรียกว่า “เพกทิน” อยู่สูงมาก เพกตินจะช่วยดักจับไขมัน ลดระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด และยังไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีวิตามินต่างๆ รวมไปถึงเบตาแคโรทีนอีกด้วย
ปริมาณที่แนะนำ : แอปเปิ้ลเขียว 1 ลูกเล็ก หลังอาหาร 1 มื้อ
2. ฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้รสหวานน้อย และมีเส้นใยสูง ปริมาณแคลอรี่ต่ำ
ปริมาณที่แนะนำ : 1 ผลเล็ก ไม่เกิน ½ ผลใหญ่ ทานสดๆ แต่อย่าทานร่วมกับพริก เกลือ และน้ำตาล
3.กล้วย
กล้วยช่วยควบคุมน้ำตาลในกระแสเลือดได้ เพราะการดูดซึมน้ำตาลเป็นไปอย่างช้าๆ ทำให้อิ่มนาน มีเส้นใยสูง และสามารถทานเป็นอาหารว่าง สำหรับผู้ป่วยเบาหวานได้
ปริมาณที่แนะนำ :หากเป็นกล้วยหอม ให้รับประทานมื้อละ ½ ผล หากเป็นกล้วยไข่ หรือกล้วยน้ำว้า สามารถทาน 1 ผลเต็มๆ ได้
4. แก้วมังกร
แก้วมังกรอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุมากมายหลายชนิด มีเส้นใยสูง แคลอรี่ต่ำ และยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวานปริมาณที่แนะนำ : มื้อหนึงไม่ควรทานเกิน 10-12 คำ
5.ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ทั้งสตอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ อุดมไปด้วยวิตามิน ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย
ปริมาณที่แนะนำ : มื้อละ 12 ผล
ข้อควรระวัง คือการทานผลไม้เหล่านี้ ต้องทานแบบสด ไม่ผ่านกระบวนการถนอมอาหาร หรือดัดแปลงใดๆ ทั้งสิ้น เช่น นำไปเชื่อม กวน ตากแห้ง คลุกน้ำตาล หรือแม้กระทั่งไม่ควรทานแบบจิ้มกับพริกเกลือน้ำตาล หรือน้ำจิ้มใดๆ เพราะจะเป็นการเพิ่มน้ำตาลในร่างกายมากเข้าไปกว่าเดิมค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Semicolon ใช้ยังไง มาดูกัน!
เครื่องหมาย semicolon (;) นอกจากจะใช้พิมพ์หน้าหลิวตาแล้ว 😉 ยังมีหน้าที่อื่นที่สำคัญอีกนะ เราอาจจะเคยเรียนมาว่าเราสามารถใช้เครื่องหมาย full stop หรือ period (.) และเครื่องหมาย comma (,) แทน semicolon ได้ในหลายกรณี แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้ semicolon นั้นให้ความรู้สึกต่างออกไปเวลาอ่านและบางครั้งยังช่วยให้ผู้อ่านไม่สับสน
หลักการใช้ semicolon สรุปได้ 4 ข้อดังนี้ครับ
1. ใช้เชื่อมประโยคที่มีความคิดเชื่อมต่อกัน และทั้งสองประโยคเป็นประโยคที่สมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น
- Some people eat rice with a fork; others eat it with a spoon.
(บางคนทานข้าวด้วยส้อม แต่บางคนทานด้วยช้อน)
จะเห็นว่าประโยคที่อยู่หลัง semicolon มีความคิดเชื่อมต่อกับประโยคที่อยู่หน้า semicolon ในแง่ที่ว่า ทั้งสองประโยคกล่าวถึงการทานข้าวของคน แต่ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน
- He looked nervous; he kept pacing back and forth.
(เขาดูกระวนกระวายนะ เดินไปเดินมาอยู่หลายรอบเชียว)
เราใช้ semicolon เชื่อมสองประโยคนี้เพื่อให้เห็นความเชื่อมโยงทางความคิด นั่นคือระหว่างการกระวนกระวายและการเดินไปเดินมาซ้ำๆ
จริงๆ แล้วในทั้งสองตัวอย่างนี้เราจะใช้ full stop ก็ได้ไม่ผิดอะไร เพียงแต่ความเชื่อมโยงระหว่างสองประโยคอาจไม่ชัดเจนเท่ากับเวลาใช้ semicolon
2. ใช้เชื่อมประโยคที่ขึ้นต้นด้วยวลีหรือคำวิเศษณ์ที่ใช้เชื่อมความเข้ากับประโยคข้างหน้า
ตัวอย่างวลีเช่น “for example” “that is to say” “as a result” ตัวอย่างคำวิเศษณ์เช่น “however” “therefore” “moreover” เช่นเดียวกับหลักข้อแรก ทั้งสองประโยคต้องเป็นประโยคสมบูรณ์ เรามาดูตัวอย่างกัน
- I went to the bookshop; however, I didn’t find any book I wanted to buy.
(ฉันไปที่ร้านหนังสือ แต่ก็ไม่เจอหนังสือที่ฉันอยากจะซื้อ) - Your dog came into my house; in addition, he ate my pizza.
(น้องหมาของเธอเข้ามาในบ้านฉัน แล้วยังกินพิซซ่าของฉันเข้าไปอีก)
หรือจะใช้ full stop แทน semicolon ในกรณีเหล่านี้ก็ได้ไม่ว่ากัน
3. ใช้คั่นระหว่างรายชื่อหรือรายการที่มี comma
ตัวอย่างเช่น
- This year I travelled to Istanbul, Turkey; Paris, France; and London, England.
(ปีนี้ฉันเดินทางไปกรุงอิสตันบูลประเทศตุรกี กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส และกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ) - Our guests are Natalie, a lady from the Netherlands; Oliver, a businessman from Sweden; and Hugo, a professor from France.
(แขกของเราคือ คุณนาตาลีสุภาพสตรีจากเนเธอร์แลนด์ คุณโอลิเวอร์นักธุรกิจจากสวีเดน และคุณฮิวโก้ศาสตราจารย์จากฝรั่งเศส)
กรณีนี้ใช้ full stop แทน semicolon ไม่ได้นะ!
4. หากในประโยคมี comma หลายตัว เราสามารถใช้ semicolon นำหน้าคำเชื่อมได้
เช่น “and” “but” “or” เพื่อไม่ให้ผู้อ่านสับสน
- Some people eat with a fork, spoon and knife; but others, including me, eat with chopsticks.
(บางคนทานข้าวด้วยส้อม ช้อน และมีด แต่บางคนรวมถึงฉันด้วยทานข้าวด้วยตะเกียบ) - When I finish my work, and I will soon, I’ll come to you; and that is my promise.
(เมื่อผมทำงานเสร็จ ซึ่งก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ผมจะไปหาคุณ ผมสัญญานะ)
นอกจากนี้ไม่ว่าเราจะใช้ semicolon ในกรณีใดก็ตาม เราจะไม่เริ่มคำที่ตามหลัง semicolon ด้วยตัวอักษรใหญ่ (capital letter) ซึ่งไม่เหมือนการใช้ full stop
แบบนี้ไม่มีนะครับ I like apples; You like oranges.
ต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น I like apples; you like oranges.
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
4 สเต็ป Information Operation ในศึกเลือกตั้งบนโซเชียลมีเดีย
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 นับเป็นการเลือกตั้งที่อื้อฉาวครั้งหนึ่งในการทำแคมเปญทางการเมือง เพราะมีการถกเถียงในวงกว้างว่าชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นไม่ได้ขาวสะอาด หากแต่ใช้วิธีการที่สร้างความเชื่อผิด ๆ และการสาดโคลนใส่คู่ต่อสู้บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย จนทำให้ทรัมป์ มีชัยชนะเหนือฮิลลารี คลินตัน
แม้ว่าจะยังไม่มีการพิสูจน์ออกมาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หากแต่วิธีการของโดนัลด์ ทรัมป์ นับเป็นการนำใช้แพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดียในการเอาชนะคู่ต่อสู้ทางการเมือง และทำให้ในเวลาต่อมา โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์กลายเป็นพื้นที่สำหรับนักการเมืองและเหล่าดาราหรือเซเลบริตี้ ในการสร้างข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง จนทำให้เราอยู่ในยุค “มหาสมุทรของข้อมูลที่ไม่สามารถวัดได้ว่าเรื่องใดจริง เรื่องใดลวง”
บทความชิ้นนี้จะนำเอาวิธีการที่ถูกระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในแคมเปญหาเสียงของตนเองอย่างไรจนเอาชนะฮิลลารี คลินตัน โดยทีมงาน Tonkit360 จะนำเอาปฏิบัติการทางข้อมูลมากางออกทั้ง 4 สเต็ป จากนั้นมาลองดูกันว่าเมื่อทาบทับกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ของเมืองไทย มีวิธีการไหนที่เราท่านในฐานะผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง รู้สึก “เอ๊ะ” กันบ้าง เพราะถ้าจะพิจารณาตามสถานการณ์แล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้แต่ละพรรคใช้งบประมาณกับโซเชียลมีเดียมากที่สุด ถึงขนาดที่เฟซบุ๊กต้องจับตาการซื้อโฆษณาของนักการเมืองบนแพลตฟอร์มของตนเองในครั้งนี้ โดยผู้บริหารเฟซบุ๊กนั้นได้ระบุว่า
“นักการเมือง พรรค หน่วยงาน หรือแม้แต่เพจสื่อมวลชน ถ้าอยากจะซื้อโฆษณาเพื่อโปรโมตพรรคและนักการเมือง ต้องผ่านขั้นตอนการขออนุญาตที่ต้องยืนยันตนเองด้วยบัตรประชาชน พร้อมรูปภาพที่ออกบัตรโดยรัฐบาล และระบุข้อความ ‘ได้รับสปอนเซอร์จาก’ บนโฆษณาของพวกเขา เพื่อให้ผู้คนในประเทศไทยรับรู้ว่าใครเป็นผู้สนับสนุนโฆษณาดังกล่าว”
ทีนี้มาดูกันว่า 4 ขั้นตอนของปฏิบัติการส่งออกข้อมูลสู่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนั้นมีการเริ่มต้นอย่างไร หาแนวร่วมแบบไหน และท้ายที่สุดแล้ว ทำลายเครดิตของคู่แข่งขันอย่างไร
ปฏิบัติการขั้นที่ 1 : กระจายข่าวลือบนโซเชียลมีเดีย
วิธีการในแคมเปญหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ปี 2016
ในแคมเปญการหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์นั้น ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลัก ๆ อยู่สามพื้นที่ คือทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ขณะเดียวกัน ทรัมน์นั้นมีแอ็กเคานต์บนทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำให้ทรัมป์สามารถปลุกเร้าผู้สนับสนุนได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ข้อความของทรัมป์ในทวิตเตอร์มักจะเป็นข่าวเสมอ เหนืออื่นใด ข้อความของทรัมป์ได้รับความเชื่อถือทุกครั้งเมื่อปล่อยข่าวลือหรือข่าวปลอมออกไป เพราะผู้ติดตามหรือ Follower ของทรัมป์ รู้สึกได้ถึงการได้ติดต่อสื่อสารกับทรัมป์โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีสื่อมาขวางกั้นเหมือนในอดีต
วิธีการของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปของไทย
จะเห็นว่าข่าวการเลือกตั้งทั่วไปนั้น มีข่าวลือถูกแพร่กระจายมาตั้งแต่เรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งไปจนถึงการสร้างพรรคใหม่ของผู้นำคนปัจจุบันที่จะไม่อยู่กับกลุ่มก๊วนเดิม รวมไปถึงการนำนักธุรกิจชื่อดังมาเป็นแคดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคใหญ่ที่เป็นขั้วตรงกันข้าม และความพยายามในการปั้นนายกรัฐมนตรีทางเลือกให้กับพรรคขนาดกลางที่กำลังได้รับความนิยมจากนโยบายสีเขียว ทั้งหมดนี้มีปฏิบัติการข่าวสารบนโซเชียลมีเดียมาตั้งแต่ยังไม่มีการประกาศเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เสมือนเป็นการโยนหินถามทางกับประชาชน เพื่อเป็นสารตั้งต้นทางข้อมูลว่าใครมีความน่าสนใจเพียงใด
และในยุคนี้ นักการเมืองหรือหัวหน้าพรรคแต่ละคนต่างมีแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์เป็นของตนเอง บางคนอาจจะใช้เอง บางคนอาจมีแอดมินฯ ดูแล แต่ดูเหมือนว่าในช่วงเลือกตั้ง นักการเมืองทุกคนสื่อสารผ่านช่องทางหลักสองช่องทาง คือทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก และต่างก็ส่งต่อข่าวสารตรงถึงกองเชียร์ของตนเอง มีทั้งที่ได้กลั่นกรองมาแล้วบ้างและไม่ได้กลั่นกรอง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมักจะถูกแชร์ในวงกว้าง เพราะผู้สนับสนุนต่างก็อยากให้ข้อความของนักการเมืองที่ตนเองสนับสนุนนั้นได้เห็นกันหลาย ๆ ตา
ปฏิบัติการขั้นที่ 2 : ส่งออกข้อมูลอันเป็นเท็จและข่าวลวง
วิธีการในแคมเปญหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ปี 2016
ในแคมเปญเลือกตั้งของทรัมป์นั้น มีข้อกล่าวหาสำคัญที่ว่าเป็นแคมเปญที่ปล่อยข่าวลวง อันทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างมาก และเป็นการปล่อยข่าวลวงในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่เพียงแค่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หากการใช้เว็บไซต์และ Blogs ก็ถูกรวมอยู่ในแคมเปญดังกล่าว ซึ่งข้อมลูอันเป็นเท็จทั้งหมดนั้น เป็นการหลอกลวงผู้มีสิทธิออกเสียง ขณะเดียวกันยังสร้างทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความจิงที่เกี่ยวข้องกับฮิลลารี คลินตัน ขณะเดียวกันสื่อกระแสหลักที่เป็นพวกขวาจัด ได้ส่งต่อข้อมูลทั้งหมดนั้นออกสู่วงกว้างนอกพื้นที่ออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีปฏิบัติการจากรัสเซีย ที่ช่วยสร้างข่าวลวงทั้งหลายให้กับทรัมป์ ในการลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
วิธีการของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปของไทย
หลายคนมองว่านี่คือช่วงเวลาของการขุดข่าวมาบลัฟกันของนักการเมืองไทย หากแต่แท้จริงแล้ว ข่าวที่ขุดมาบลัฟกันนั้นมีความจริงอยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หรือบางเรื่องไม่มีความจริงอยู่เลย เป็นเพียงแต่การบอกปากต่อปากมาเท่านั้น หากสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งออกมาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายเรื่องคือข้อมูลอันเป็นเท็จ และมีไม่น้อยที่เป็นข่าวลวง การกระจายข่าวลือบนโซเชียลมีเดียก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับความนิยมของแต่ละพรรคการเมือง
เรื่องราวที่โดนโจมตีบนโซเชียลมีเดียและสามารถแพร่กระจายออกไปได้รวดเร็วมากที่สุด หนีไม่พ้นเรื่องทำนองชู้สาว หรือการใช้อำนาจในทางมิชอบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มักมีข้อความตั้งต้นมาจากแอ็กเคานต์ประเภท “อวตาร” หรือไม่แสดงตัวตน แล้วถูกขยายความต่อจากอินฟลูเอนเซอร์ของแต่ละฝ่าย ก่อนจะตามมาสมทบด้วยสื่อกระแสหลักที่ต้องพิจารณาว่าใครอยู่ข้างใคร
ปฏิบัติการขั้นที่ 3 : ร่วมมือกันทำลายคู่ต่อสู้
วิธีการในแคมเปญหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ปี 2016
แคมเปญของทรัมป์ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น เรียกได้ว่าเป็นการให้ผู้สนับสนุนของตนเองช่วยกันทำลายคู่ต่อสู้ ด้วยการขุดหาเรื่องราวอันเป็นจุดบอดของฮิลลารีและพรรคเดโมแครต รวมไปถึงการขยายความเกี่ยวกับข่าวลือทั้งเรื่องสุขภาพ นโยบายต่างประเทศในสมัยที่ฮิลลารี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และการปล่อยอีเมลอื้อฉาวที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจนทำให้ฮิลลารีนั้นพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
วิธีการของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปของไทย
เราจะเห็นว่าแต่ละพรรคการเมืองมีกองเชียร์เป็นของตนเอง และกองเชียร์เหล่านั้นมักทำหน้าที่อวยยศให้กับพรรคที่ตนเองให้ความสนับสนุนและคอยปกป้องจากข่าวที่พยายามสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตี ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติ หากการเชียร์ และการปกป้องทั้งหลายนั้นไม่เกิดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพราะข้อความของเหล่ากองเชียร์และกองแช่ง จะถูกเลื่อนผ่านตาผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน กองเชียร์และกองแช่ง คือกำลังสำคัญในการส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาดในโซเชียลมีเดีย จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความคลางแคลงในตัวผู้สมัคร ไม่เพียงเท่านั้น เหล่า Influencer ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ก็มักจะเป็นทางเลือกของนักการเมืองยุคนี้ เพื่อให้เชียร์หรือสร้างภาพที่น่าจดจำให้กับตนเองและพรรค ซึ่งวิธีการดังกล่าวนอกจากสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำลายคู่ต่อสู้ไปในเวลาเดียวกัน
ปฏิบัติการขั้นที่ 4 : การแฮกอีเมล หาข้อมูลด้านลบ หรือใช้ข้อมูลที่เป็นจุดอ่อนทำลายคู่ต่อสู้
วิธีการในแคมเปญหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ปี 2016
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 นั้น จุดเปลี่ยนสำคัญที่นับเป็นหมัดเด็ดอันทำให้ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งนั้น คือการแฮกเข้าอีเมลของพรรคเดโมแครตและอีเมลของ จอห์น โพเดสตา ซึ่งเป็นหัวหน้าแคมเปญเลือกตั้งของ ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งทรัมป์ ใช้วิธีการดังกล่าวในการสาดโคลนไปยังฮิลลารี แม้ว่าจะไม่มีอีเมลหลุดออกมาในสื่อ แต่วิธีการดังกล่าวของทรัมป์ นับว่าไร้จรรยาบรรณในฐานะนักการเมืองเป็นอย่างยิ่ง
วิธีการของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปของไทย
การแฮกอีเมล หรือความพยายามเจาะไปที่แคมเปญ หรือเรื่องทางด้านมืดของคู่แข่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ทำนั้น คือการขุดหาอดีตที่เป็นรอยแผลของคู่แข่ง ซึ่งแน่นอนว่าคนเราทุกคนย่อมมีบาดแผล อยู่ที่ว่าแผลนั้นจะเล็กหรือใหญ่ หากใครไม่มีบาดแผลแต่ก็ต้องมีจุดอ่อน และจุดอ่อนที่สุดของคนเราคือ ครอบครัว ดังนั้น เมื่อคิดจะลงสนามการเมือง คุณมีทางเลือกสองอย่าง อย่างแรกคือเก็บครอบครัวให้ลึกที่สุด ไม่ให้ใครมาทำร้ายได้ หรือเปิดตัวครอบครัว แต่ต้องมั่นใจว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะยืนต้านกระแสทางด้านลบ
ซึ่งในระหว่างการหาเสียง นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา เราจะเห็นข้อมูลเชิงลบของนักการเมืองหลายคน ทั้งเรื่องทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ความสัมพันธ์กับธุรกิจสีเทา (หรือดำไปเลย) เรื่องของสมาชิกในครอบครัวที่ได้สิทธิพิเศษ หรือแม้แต่คำพูดในอดีตที่พูดไว้อย่างปัจจุบันพูดอีกอย่าง ก็จะถูกนำมาส่งต่อเข้าสู่ระบบโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีความจริงอยู่เท่าไรนั้นไม่มีใครรู้ หากแต่ข้อมูลเหล่านั้นก็ถูกส่งต่อเป็นที่เรียบร้อย อันส่งผลต่อภาพจำของตัวผู้สมัครเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งหมดนี้คือ ปฏิบัติการ Information Operation ที่ถูกใช้ในทางการเมืองกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ในฐานะผู้มีสิทธิออกเสียงนั้น สิ่งสำคัญที่คุณต้องพึงระวังให้มากที่สุด คือการรับข่าวสาร เพราะในวันที่สื่อกระแสหลักไม่สามารถช่วยกลั่นกรองข้อมูลที่ถูกต้องได้ (เพราะทุกเจ้าต่างเลือกข้าง) หนทางเดียวในฐานะของคนหย่อนบัตรที่จะทำได้ คือใช้ตราชั่งในใจของคุณเองพิจารณาข้อเท็จจริงจากมหาสมุทรข้อมูล แล้วลองเลือกดูว่าคะแนนเสียงของคุณจะไปอยู่ที่ใคร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ครบรสสถาปนิกแถวหน้าของเมืองไทย พบ ‘ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์’ ได้ใน ‘Designer Hub Pavilion’ งานสถาปนิก’66 สถาปัตยกรรมรส “นัว” 25-30 เมษายน 2566
เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่ COVID-19 ดูเหมือนคลี่คลายแต่ยังไม่จบ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน กับความแหลกลาญที่ยังไม่จบ ส่งผลถึงสถานการณ์พลังงานที่มีราคาสูงขึ้นส่งผลถึงราคาของสินค้าอุปโภคบริโภค ใน งานสถาปนิก’66 ภายใต้แนวคิด “ตำถาด : Theme of Togetherness” สถาปัตยกรรมรส “นัว” นี้ ทาง บริษัท พัฒน โปรเฟสชันแนล จำกัด (Pattana Professional Co., Ltd.) โดย ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์ (Pattana Suwansumrit, Ph.D.) กรรมการผู้จัดการ และวุฒิสถาปนิก มีนวัตกรรมออกแบบอาคารรูปแบบใหม่สอถคล้องกับสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้พร้อมเสิร์ฟ บนพื้นฐานงานบริการที่มีชื่อเสียงของบริษัทคือ ‘การรับออกแบบอาคารทุกประเภทเพื่อขออนุญาตก่อสร้างในประเทศไทย’ (Every Types of Building Design in Thailand) พร้อมยื่นขออนุญาตก่อสร้างเบ็ดเสร็จแม่นยำเชื่อถือได้ที่ผู้ประกอบการสามารถมั่นใจได้ 100% ให้ผู้ประกอบที่สนใจตรวจสอบผลงานกันได้อีกครั้งที่ บูธ DH501 Impact Challenger Hall 3 แถว 46 ตัดแถว S ตรงข้ามบูธบริษัท C.C.S. International Electrical (Thailand) Co., Ltd. ระหว่างวันที่ 25-30 เมษายน 2566 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จากประสบการณ์กว่า 20 ปีในการคร่ำหวอดในงาน รับออกแบบอพาร์ทเม้นท์ (Apartment Design) รับออกแบบคอนโดมิเนียม (Condominium Design) รับออกแบบสำนักงาน (Office Design) รับออกแบบโรงเรียน (School Design) รับออกแบบโรงงาน (Factory Design) รับออกแบบบ้านพักอาศัย (Residential Design) รวมทั้งรับออกแบบอาคารทุกประเภทที่ขออนุญาตก่อสร้าง (Every Types of Building Design) ในประเทศไทย ที่สามารถกำหนดเวลาออกใบอนุญาตก่อสร้างได้ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์สามารถตรวจสอบได้ใน งานสถาปนิก’66 (Architect Expo’2023) นี้ ท่านสามารถ เจาะลึกมุมมอง แนวความคิด และความหลงใหลในชีวิตของ ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์ (Pattana Suwansumrit, Ph.D.) หนึ่งใน ‘สถาปนิกต้นแบบ’ (The Master Architect) ของไทยได้แบบตัวต่อตัว ในปัจจุบัน ทางบริษัทได้เพิ่มเติมการออกแบบอาคารภายใต้การบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code : BEC) เข้ามาอีกบริการหนึ่ง สอดคล้องกับสถานการณ์พลังงานที่มีราคาสูงขึ้น
ในงานนี้ ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์ ได้จัดเตรียมผลงานที่ออกแบบไปแสดงในบูธกว่า 100 ผลงาน อาทิ ประเภทคอนโดมิเนียม อาทิ เจ ดับบลิว คอนโด แอด ดอนเมือง (สรงประภา) เดอะ ราฟเฟิล คอนโดมิเนียม (ลาดพร้าว 42/1) เดอะ คลาสซี่ คอนโดมิเนียม (รัชดาภิเษก 19) บล็อค 44 คอนโดมิเนียม (พหลโยธิน 44) พลัส คอนโดมิเนียม (กะทู้, ภูเก็ต) บูกิตตา แอร์พอร์ท คอนโดมิเนียม (สาคู, ภูเก็ต) เดอะ แลนด์สเคป คอนโดมิเนียม (แสงจันทร์, ระยอง) และ เดอะ แลนด์สเคป เอ็กเซ็กคูทีฟคอนโดมิเนียม (แสงจันทร์, ระยอง) เดอะ แคช คอนโดมิเนียม (ลำลูกกา-คลองสอง) ประเภทเซอร์วิสอพาร์ทเม้นสำหรับชาวต่างชาติ อาทิ ซีวี ทเวลฟ์ เดอะ เรสซิเดนซ์ (สุขุมวิท 53) แบมบู ฟอร์เรสท์ อพาร์ทเม้นท์ (สุขุมวิท 52) เดอะ ทริปเปิ้ลโอ๊ค อพาร์ทเม้นท์ (สุขุมวิท 33) บิ๊กทรี เรสซิเด้นซ์ (บางพลีนิเวศน์) ประเภทอพาร์ทเม้นท์สำหรับชาวไทย อาทิ เดอะพราว เรสซิเดนซ์ (ลาดพร้าว 18) บางนา 21 เรสซิเดนซ์ (บางนาตราด 19 แยก 18) พีเบอร์รี่เพลส อพาร์ทเม้นท์ (ลาดพร้าว 1 แยก 10) จันทร์เพ็ญ เรสสิเดนท์ (จรัญสนิทวงศ์ 57 แยก 3-7-2) ประเภทหอพักนักศึกษา อาทิ เดอะสตาร์ อพาร์ทเม้นท์ (เมืองเอก) ประเภทอาคารเรียน อาทิ โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา (สาธุประดิษฐ์) โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสมุทรปราการ (แพรกษา, สมุทรปราการ) โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสุราษฎร์ธานี (กาญจนดิษฐ์, สุราษฎร์ธานี) โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ แห่งที่ 2 (โพธิ์เก้าต้น, ลพบุรี) ประเภทสำนักงาน อาทิ สำนักงาน บริษัท ลาฟา จำกัด (อินทามระ 3) สำนักงาน บริษัท ทรีท็อป เคมิคัล แอนด์ ฟู้ดส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเภทโรงงาน อาทิ โรงงาน บริษัท โทปาส บี.เค.เค. จำกัด (อ้อมน้อย) โรงงาน บริษัท ยามาโต๊ะ อีสเทิร์น จำกัด (นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 2, ชลบุรี) โรงงานบริษัท โคเอ อินดัสเทรียล เดเคอร์ จำกัด (คลองหลวง, ปทุมธานี) ประเภทหอประชุม อาทิ หอประชุมแกรนด์ฮอลล์ โรงแรมแกรนด์ฮิลล์ รีสอร์ท แอนด์ สปา (นครสวรรค์) ประเภทตลาด อาทิ ตลาดแครายพลาซ่า (แคราย, สมุทรสาคร) ประเภทบ้านแถว อาทิ เดอะวอเตอร์เฮด ทาวน์โฮม (ดอนเมือง) เดอะแลนด์สเคป ทาวน์โฮม (แสงจันทร์, ระยอง) บูกิตตา ทาวน์โฮม (สาคู, ภูเก็ต) ประเภทบ้านพักอาศัย อาทิ บ้านพักอาศัย นพ.พิทยา จันทรกมล (พระราม 3) บ้านพักอาศัย ดร.โกศล ทรัพย์ประเสริฐ (สุขุมวิท 60/1) นอกจากนี้ยังมีผลงานออกแบบงานราชการทั้งงานอาคาร และงานโยธา ที่ทางบริษัทสามารถเข้าไปประมูลงานในระบบ EGPs ได้ อาทิ สำนักงาน อบต ระวิง (ระวิง, เพชรบูรณ์) สำนักงาน อบต วังชมภู (วังชมภู, เพชรบูรณ์) โดมเอนกประสงค์ อบต นายม (นายม, เพชรบูรณ์) โดมเอนกประสงค์ อบต วังชมภู (วังชมภู, เพชรบูรณ์) งานก่อสร้างประตูระบายน้ำ หน้า-หลัง ฝายห้วยชัน (สักหลง, เพชรบูรณ์) และอื่นๆ
แนวคิดในการออกแบบของ ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์ คือ ‘ออกแบบอาคารในพื้นที่จำกัดให้มีศักยภาพสูงสุด’ แปลความได้เป็น ‘ออกแบบอาคารในพื้นที่จำกัดให้มีพื้นที่ขายสูงสุด’ และ ‘ออกแบบอาคารในพื้นที่จำกัดให้มีความสูงของอาคารสูงสุด’ รวมทั้ง การออกแบบอาคาร ใน ก.ท.ม. มีข้อจำกัดทางกฎหมาย จาก พ.ร.บ.ควบคุมอาคารมาก ในความกว้างถนนซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกำหนดความสูงของอาคาร ข้อจำกัดของสีผังเมือง จาก พ.ร.บ.ผังเมือง ที่เป็นข้อจำกัดในการออกแบบประเภทอาคารต่างๆ รวมทั้งข้อจำกัดของประเภทสิ่งปลูกสร้าง และความสูง จาก พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน ที่มีข้อบังคับในการออกแบบ ‘การออกแบบให้รู้ลึกในกฎหมายชั้นสูง และเทคนิคพิเศษ เอาชนะข้อจำกัดทางกฎหมายพื้นฐานให้ได้จำนวนชั้นที่มากกว่า และจำนวนพื้นที่ขายมากกว่าการออกแบบปกติเป็นสิ่งที่ถนัด และเป็นจุดขายของ ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์’ ท่านผู้ประกอบการสามารถติดต่อ ‘ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์’ ได้โดยตรงที่ โทร 086 610 5282 หรือ Pattanapro20@gmail.com
ประวัติ ดร.พัฒน สุวรรณสัมฤทธิ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาสถาปัตยกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พ.ศ. 2543 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการวางผังเมือง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2547 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2558 ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม สาขาสถาปัตยกรรมหลัก ระดับวุฒิสถาปนิก และสาขาสถาปัตยกรรมผังเมือง ระดับสามัญสถาปนิก
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26/04/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,350.00 | 32,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,095.00 | 31,760.20 | 32,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,885.50 | 28,584.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,676.00 | 25,408.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 943.00 | 14,295.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 733.00 | 11,112.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,171.00 | 32,912.36 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/04/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.15 | 36.15 | 37.04 | 36.15 | 36.15 | 36.15 | 36.15 | 36.15 | 36.15 | 36.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.88 | 35.88 | 36.74 | 35.88 | 35.88 | 35.88 | 35.88 | 35.88 | 35.88 | 35.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.84 | 33.84 | 34.64 | 33.84 | 33.84 | – | 33.84 | 33.84 | 33.84 | 33.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.29 | 34.29 | – | – | – | – | – | – | – | 34.29 |
เบนซิน 95 | 43.96 | – | – | – | 44.01 | – | 44.46 | 44.11 | – | 43.96 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.74 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.74 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.74 | – | 32.94 | – | 32.94 | – | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.06 | 42.16 | 44.04 | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | 42.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |