“ราคาที่ดินแพง” อสังหาฯปรับโมเดล ผุดคอนโดเล็ก ราคาต่ำ 7 หมื่นต่อตร.ม. มาแรง
” พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ ” ชี้ทิศทางตลาดคอนโดฯ ปี 66 ฟื้นตัวไม่เต็มที ไตรมาสแรกเปิดลดลง 57% เหตุข้อจำกัด ด้านกำลังซื้อ ส่งผล ผู้พัฒนา เลือกเจาะทำเล เมืองชั้นนอก พัฒนาคอนโดฯราคาไม่สูงมาก ตึกเตี้ยในซอย 8 ชั้น คุมต้นทุนที่ดิน ขณะราคาต่ำ 7 หมื่นต่อตร.ม. มาแรง
26 เมษายน 2566 – นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผย ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ณ ไตรมาสแรก ปี 2566 ว่า มีหน่วยเปิดใหม่ ทั้งหมดประมาณ 4,920 ยูนิต ลดลงจากไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ประมาณ 57%
โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในพื้นที่ที่เส้นทางรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว แต่มีเพียง 1 โครงการเท่านั้นที่อยู่ในพื้นที่เมืองชั้นใน นอกนั้นอยู่นอกพื้นที่เมืองชั้นใน เพราะผู้ประกอบการต้องการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาไม่สูงมาก เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อส่วนใหญ่ของคนในกรุงเทพมหานคร
คอนโดมิเนียมประมาณ 13% ของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2566 อยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง และรอเปิดให้บริการในปีพ.ศ.2566 และอีกประมาณ 14.4% เท่านั้นที่เปิดขายในพื้นที่ที่อยู่นอกเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งในปัจจุบัน และโครงการในอนาคต ซึ่งยังคงไม่แตกต่างจากช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา แต่แตกต่างจากช่วงก่อนปีพ.ศ.2563 แบบชัดเจน เพราะช่วงเวลานั้น มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในเกือบทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงพื้นที่เมืองชั้นในของกรุงเทพมหานคร
” ตลาดคอนโดมิเนียมในปีพ.ศ.2566 อาจจะยังไม่ฟื้นตัวมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เพราะกำลังซื้อ และปัจจัยลบหลายอย่างยังมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของคนไทย แต่ความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยของคนไทยจากการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจ คือ ย้อนไปช่วงก่อนปีพ.ศ.2563 เห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารที่มีความสูง 8 ชั้นหรือน้อยกว่าในสัดส่วนที่น้อยกว่า 50% เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่เปิดขายในปีนั้นๆ แบบชัดเจน แต่สัดส่วนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในปีพ.ศ.2563 เป็นต้นมา
โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วงปีพ.ศ.2563 – 2565 ที่ผ่านมา มีความชัดเจนว่าผู้ประกอบการเลือกพื้นที่ที่อยู่ในซอย หรือในพื้นที่ที่มีศักยภาพไม่สูงมาก เพราะต้องการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาไม่สูงมาก ดังนั้น การเลือกซื้อที่ดินในซอย หรือในทำเลที่มีศักยภาพไม่สูงมาก จะได้ที่ดินในราคาที่ไม่สูงเกินไป เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
แม้ว่าโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารที่มีความสูง 8 ชั้นหรือน้อยกว่าจะมีมูลค่าโครงการน้อยกว่าโครงการซึ่งพัฒนาเป็นอาคารสูง แต่ด้วยสภาวะตลาด และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ผู้ประกอบการก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย เพื่อที่จะได้มีโครงการที่สอดคล้องกับกำลังซื้อซึ่งเปลี่ยนแปลงไป
โดยไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2566 พบคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรยังคงมีสัดส่วนที่มากกว่าคอนโดมิเนียมในระดับราคาอื่นแบบชัดเจน โดยมีสัดส่วนประมาณ 77% เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2566 มีราคาขายเฉลี่ยลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้เล็กน้อย
ขณะที่ถ้าพิจารณาเฉพาะคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร จะพบว่าคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 70,000 บาทต่อตารางเมตรมีสัดส่วนมากถึง 51% จากจำนวนทั้งหมด 3,810 ยูนิต
” ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในหลายไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปีพ.ศ.2562 เป็นต้นมา อาจจะมีบางไตรมาสที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมแล้วปรับลดลงต่อเนื่องมาโดยตลอด แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการใหม่ในระดับราคาที่ต่ำลงต่อเนื่อง ”
นายสุรเชษฐ ยังประเมินทิศทางตลาดคอนโดฯ ว่า ปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีพ.ศ.2565 โดยหน่วยเปิดใหม่ ผู้ประกอบการเลือกเน้นทำเลที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วมากกว่าทำเลอื่น โดยมีคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตร อยู่ในสัดส่วนที่มากกว่าระดับราคาอื่น อีกด้าน ยังคาดหวังผู้ซื้อต่างชาติเข้ามากระตุ้นตลาด และอาจได้เห็น โครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงเริ่มเปิดขายใหม่มากขึ้นในปีนี้ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผู้ประกันตน ม.33 เฮ ขยายเวลาสินเชื่อซื้อบ้านดอกเบี้ยถูก เริ่ม 8-31 พ.ค.
ผู้ประกันตนม.33 เฮ รัฐบาลขยายเวลา โครงการสินเชื่อซื้อบ้านดอกเบี้ยถูก ใช้กู้เพื่อรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่น และลดดอกเบี้ยในบัญชีเงินกู้ ของ ธอส.ผ่านแอปฯ GHB ALL GEN เพิ่มเติม เริ่ม 8-31 พ.ค.
สำนักงานประกันสังคม ร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) จัดโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-5 ปี เท่ากับ 1.99% ต่อปี สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน
โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนนี้ เป็นการให้กู้เพื่อรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่น และลดอัตราดอกเบี้ยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับ ธอส. วงเงินให้กู้สูงสุดตามจำนวนเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 2 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ผู้สนใจสามารถยื่นกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
ล่าสุด รัฐบาลได้ขยายเวลาโครงการสินเชื่อซื้อบ้านดอกเบี้ยถูก ผ่านแอปพลิเคชั่น GHB ALL GEN เพิ่มเติม เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 – 31 พฤษภาคม 2566 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตน ที่สนใจขอรับรหัส เข้าร่วมโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนเพิ่มเติมได้ ผ่านแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 นี้ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เวลา 16.00 น.
โดยสามารถกู้เงินเพื่อการไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัย หรือรีไฟแนนซ์ รวมถึงลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ ที่กู้อยู่กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-5 เท่ากับ 1.99% ต่อปี โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN และเพิ่มเพื่อน พร้อมสมัครไลน์ GHB Buddy เพื่อขอรหัสเข้าร่วมโครงการ และต้องขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน เพื่อประกอบการยื่นกู้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มกราคม 2567
สามารถขอรับหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน www.sso.go.th ของ สปส. ยื่นพร้อมเอกสารส่วนตัวประกอบด้วย
- บัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ทะเบียนสมรส
- ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
- เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารแสดงหลักประกัน (ที่อยู่อาศัย ที่จดจำนองกับธนาคาร)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 27เม.ย.ที่ระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจเริ่มชะลอการแข็งค่าลง โซนแนวรับสำคัญแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ควรระวังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 27เมษายน2566ที่ระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำในจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน
ส่วนในวันนี้ เราประเมินว่า แม้เงินบาทอาจยังมีโมเมนตัมการแข็งค่าอยู่บ้าง แต่การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลง โดยเราประเมินโซนแนวรับสำคัญแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันก่อนหน้า หลังข้อมูลยอดการส่งออกของไทยและ
ดุลการค้าในเดือนมีนาคมออกมาดีเกินคาดไปมาก นอกจากนี้ เรามองว่า ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่า อาทิ โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติและโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนของผู้นำเข้าก็ยังคงมีอยู่บ้าง
อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าได้บ้างจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเราเริ่มเห็นการกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทย ทั้งหุ้นและบอนด์ในสัปดาห์นี้ แม้ว่ายอดฟันด์โฟลว์อาจไม่ได้สูงมาก แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่า นักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการเทขายสินทรัพย์ไทย
อนึ่ง ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ช่วงผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ซึ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้บ้าง (แต่โซนแนวต้านของดัชนีเงินดอลลาร์ DXY ก็อาจอยู่ในช่วง 101.8-102 จุด)
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.00-34.30 บาท/ดอลลาร์
รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของบริษัท Microsoft +7.2% โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจ Cloud ได้ช่วยหนุนให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Cloud อื่นๆ ต่างปรับตัวสูงขึ้น เช่น Nvidia +2.7%, Amazon +2.4%
ทำให้โดยรวมหุ้นกลุ่มเทคฯ ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นได้ดีและทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.47% อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างยังคงกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความกังวลต่อปัญหาสภาพคล่องของธนาคารขนาดเล็ก-กลาง
รวมถึง ความวุ่นวายการเมืองสหรัฐฯ จากการเจรจาต่อรองปรับเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยลดความเสี่ยงลง กดดันให้ ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.38%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงกว่า -0.83% กดดันโดยการปรับตัวลดลงแรงของหุ้นกลุ่ม Healthcare (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทยารายใหญ่ของโลก)
อาทิ Novo Nordisk -3.8%, AstraZeneca -3.7% หลังสหภาพยุโรปได้เปิดเผยร่างข้อเสนอในการปฏิรูปอุตสาหกรรมยาของยุโรป นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มแบรนด์เนม (Dior -2.5%, Hermes -1.6%)
หลังผู้เล่นในตลาดยังคงไม่มั่นใจแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน (สอดคล้องกับภาพการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในระยะนี้)
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้างตามความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ในช่วงตลาดผันผวน
ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวแถวระดับ 101.4 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่าจะได้แรงหนุนจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด จนราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) สามารถปรับตัวขึ้นทดสอบสู่โซนแนวต้านแถว 2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
แต่ทว่า ราคาทองคำก็ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนดังกล่าวได้ และเผชิญแรงขายทำกำไร รวมถึงการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงกลับสู่โซนแนวรับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบ sideways ไปจนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าถึงจะเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น คือ รายงาน GDP ไตรมาสแรกในปีนี้ของสหรัฐฯ และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims)
โดยบรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ทำให้การบริโภค โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการยังคงขยายตัวได้ดี ทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้อาจโต +2.0% จากไตรมาสก่อนหน้าเมื่อเทียบเป็นรายปี
ซึ่งก็เป็นการชะลอลงบ้าง ตามแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟดและภาวะเงินเฟ้อสูง (เศรษฐกิจโตกว่า +2.6% ในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนหน้า) อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ
โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับภาคการบริการและการบริโภคอาจเริ่มชะลอตัวลงมากขึ้นได้ สะท้อนผ่าน ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณชะลอลง ชี้จากยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ที่อาจทยอยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะบริษัทเทคฯ ใหญ่ อย่าง Amazon และ Intel
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 34.10 มาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 34.07-34.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.40 น.) แข็งค่าต่อเนื่องจากระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่เผชิญแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน (ไม่รวมสินค้าด้านอาวุธ และเครื่องบิน) ซึ่งเป็นเครื่องชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.4% ในเดือนมี.ค. (ตลาดคาด -0.1%) ต่อเนื่องจากที่ลดลง 0.7% ในเดือนก.พ.
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้คาดไว้ที่ 34.00-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย ข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ของจีน กระบวนการเดินเรื่องกฎหมายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2566 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนมี.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“น้องพิงค์” ขึ้นมือ 1 เยาวชนโลก ของ BWF
“น้องพิ้งค์”พิชฌามลณ์ ขนไก่สาววัย 16 ปี ผลงานเยี่ยมขึ้นมือ 1 เยาวชนโลกสำเร็จ จากการประกาศอันดับโลกของ สหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) ประจำเดือนเมษายน 2023
ปรากฎว่า”น้องพิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ นักแบดมินตันสาวไทยวัย 16 ปี สามารถก้าวขึ้นถึงมือ 1 โลก ในประเภทเยาวชนหญิงได้สำเร็จ
หลังจากที่ในรอบปี 2022 “น้องพิ้งค์” พิชฌามลณ์ ทำผลงานยอดเยี่ยมสามารถคว้าแชมป์ สวีดิช โอเพ่น 2022, แชมป์ บาห์เรน อินเตอร์ฯ 2022 และ แชมป์ วิคเตอร์ เดนมาร์ก มาสเตอร์ส 2022 ทำให้เก็บคะแนนสะสมมากพอที่ก้าวขึ้นมาเป็นมือเยาวชนโลกได้สำเร็จ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จริงหรือไม่? ตื่นมา “ปัสสาวะ” ตอนกลางคืนแล้วไม่ “ดื่มน้ำ” เสี่ยงโรค
ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ในประเด็น ตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืนแล้วไม่ดื่มน้ำทดแทน ทำให้เกิดภาวะการอุดตันของหัวใจ และสมอง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่าหากตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืนแล้วไม่ดื่มน้ำหลังจากที่ตื่นมาปัสสาวะ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะการอุดตันของหัวใจ และสมองนั้น ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า โดยปกติร่างกายมีกลไกในการควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ให้สมดุลอยู่เสมอ และร่างกายจะสูญเสียน้ำตามปกติผ่านการพูดการหายใจ เหงื่อ และปัสสาวะ หากเราดื่มน้ำมาก ร่างกายก็จะขับน้ำที่เกินความจำเป็นออกมา ในทางตรงกันข้าม หากร่างกายขาดน้ำ ปัสสาวะก็จะน้อยหรือไม่รู้สึกปวดปัสสาวะเลย เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็น เราจึงปัสสาวะมากกว่าปกติ เพราะร่างกายไม่ได้เสียน้ำไปกับเหงื่อ
ปัสสาวะตอนกลางคืนที่ผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม การปัสสาวะตอนกลางคืน ไม่ควรมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน เพราะหากปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน อาจจะต้องตรวจหาสาเหตุต่อไป
ปัสสาวะตอนกลางคืน ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำทดแทน
การปัสสาวะเป็นกลไกการขับน้ำส่วนที่เกินความต้องการของร่างกายออกมา ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำหลังจากปัสสาวะทุกครั้ง แต่อาจจะดื่มตามความรู้สึกคอแห้งหรืออยากดื่มมากกว่า และไม่มีข้อมูลว่า การไม่ดื่มน้ำหลังปัสสาวะกลางคืน เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดหัวใจ
นอกจากนี้ การดื่มน้ำในช่วงกลางคืนที่มากเกินไป ทำให้ต้องลุกปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งทำให้การนอนไม่ต่อเนื่อง จะมีผลต่อสุขภาพในกลางวันได้ และอาจจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุขณะลุกขึ้นมาเพื่อเข้าห้องน้ำในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และหากต้องการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมความดันโลหิต ระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และตรวจสุขภาพเป็นประจำสม่ำเสมอ
ดังนั้น ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่า การไม่ดื่มน้ำหลังปัสสาวะกลางคืน เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดหัวใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สูตรลับ !!! การจำลำดับ Adjective
สวัสดีชาว Engnow แอดจะนำพาทุกคนขึ้นยาน ไปเรียน GRAMMAR กัน แต่วันนี้มาพร้อมเพลงนำเชียร์จ้ะทุกคน แอดไม่ได้มาเล่นๆนะ ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วแหละ ว่า Adjective หรือคุณศัพท์คืออะไร เรามาทบทวนกันสั้นๆ
Adjective คือ บางคำมีรายละเอียดหน้าคำนาม เช่น red bull จากคำนี้เราจะเห็นว่า red อยู่หน้าคำว่า bull
และคำว่า red นี่แหละที่เป็น Adjective เพราะคำนี้เพิ่มรายละเอียดว่าเป็นกระทิงสีแดง แบบนี้เราไม่งงหรอกเนอะ
ปัญหาคือแล้วถ้ามี Adjective หลายชนิดในคำเดียวกันล่ะ เรียงยังไง ???
Adjective Order หรือการเรียงลำดับคำขยายนาม (Adj.) ในกรณีที่มีมากกว่าหนึ่งคำในประโยคเดียวกัน
เจ้าของภาษามีความยืดหยุ่นและสลับกันบ้าง แต่เพื่อการทำข้อสอบ หรือเขียนให้ถูกต้องตามหลักภาษา มีลำดับดังนี้
งนี้เราเรียกว่า ลำดับ Adjective เป็นการเรียงลำดับคำคุณศัพท์ให้ถูกต้องตามหลักภาษา แน่นอนแอดมาวันนี้ ไม่ได้มาให้นั่งจำ แอดว่ามันดูน่าเบื่อเกินไป แต่แอดจะให้ชาว Engnow ท่องแบบนี้
อาลำจวนลักหนาดรูปยุสีชาติดุนาม
อา คือ อาร์ทิเคิ่ล (Article)
ก็คือพวก a,an,the ให้รวมพวก determiner ทั้งหลายไปด้วย เช่น this, that, those, these หรือคำสรรพนามแสดงความเป็นจ้าของ my,your, his ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่
ลำ คือ ลำดับที่
เช่น first, second, third
จวน คือ จำนวนนับ (Trick: ควบคำ)
เช่น one, four, sixteen
ลัก คือ คุณลักษณะ
เช่น pretty, ugly, horrible, beautiful, difficult
หนาด คือ ขนาด
เช่น big, small, slim,long, short, huge
รูป คือ รูปทรง
เช่น square, triangle, circle,oval
ยุ คือ อายุ
เช่น young, old, 7-year-old
สี
เช่น red, green, black, blue
ชาติ คือ สัญชาติ
เช่น Taiwan, American, Chinese, Vietnamese
ดุ คือ วัสดุ
เช่น wooden, plastic, silk, cotton
นาม คือ คำนามที่เราต้องการขยาย
เช่น lady, curtain, gentleman
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Google Cloud เผยผลสำรวจด้านความยั่งยืนระดับโลก
การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนสำคัญอย่างยิ่งกับธุรกิจไทย แต่ปัญหาการฟอกเขียวและปัจจัยทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
Google Cloud ได้เผยผลสำรวจด้านความยั่งยืนระดับโลกที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยติด 1 ในตลาด 3 แห่งที่ผู้บริหารให้ความสำคัญในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล (ESG) เป็นอันดับ 1 ตลาดอีกสองแห่งคือสิงคโปร์และเยอรมนี แม้ว่าจะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจเข้ามาเป็นอุปสรรคในการดำเนินงานก็ตาม ทั้งนี้ผลสำรวจระดับโลกยังแสดงให้เห็นว่าได้มีการลดความสำคัญของความพยายามด้าน ESG ในประเทศต่างๆ จากอันดับ 1 ในปี 2022 มาเป็นอันดับ 3 ในปี 2023
ความยั่งยืนถือเป็นปัญหาหลักขององค์กร ได้แก่ ปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและคุณภาพของอากาศ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เป็นต้น แบบสำรวจความยั่งยืนประจำปีครั้งที่ 2 ของ CXO ได้รับมอบหมายโดย Google Cloud และจัดทำโดย The Harris Poll มีการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 1,476 คนจากตลาด 16 แห่ง ประกอบด้วยตลาด 4 แห่งในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และประเทศไทย การสำรวจครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนที่ผู้บริหารต้องดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน เช่น ส่งผลให้การทำงานหยุดชะงักและเกิดความล้มเหลวในการดำเนินงาน
ผลประกอบการทางการเงินและการปฎิบัติตามความรับผิดชอบด้าน ESG นั้นไม่ใช่สิ่งที่สูญเปล่า
ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ในประเทศไทย (85%) ตระหนักดีว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมและทำธุรกิจกับแบรนด์ที่ตระหนักถึงความยั่งยืน และ 84% เชื่อว่าการยืดเวลาออกไปหรือลดระดับความสำคัญของเป้าหมายด้านความยั่งยืนจะส่งผลเสียต่อมูลค่าขององค์กร อย่างไรก็ตาม 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าการดำเนินงานของผู้นำองค์กรไม่สอดคล้องกับการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนอย่างเต็มที่ เงื่อนไขทางเศษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลให้ 76% ของผู้บริหารเหล่านี้เผชิญความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทในขณะที่ดำเนินธุรกิจด้วยงบประมาณที่น้อยลงกว่าเดิม
“ผู้บริหารชี้ว่าการขาดการปรับแนวทางของผู้นำและภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาค เป็นสาเหตุของการถดถอยในความพยายามด้านความยั่งยืนขององค์กร โดยเหล่าผู้บริหารถูกกดดันในเรื่องการให้ความสำคัญกับการเพิ่มรายได้และเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า” เอพริล ศรีวิกรม์, ผู้อำนวยการ Google Cloud ประจำประเทศไทย กล่าว “เครื่องมืออัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูลอย่าง Active Assist ที่องค์กรสามารถใช้เพิ่มประสิทธิภาพในค่าใช้จ่ายด้าน IT, ปรับปรุงความปลอดภัย และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ในเวลาเดียวกัน
โดยทาง Google Cloud นำมาปรับใช้เพื่อช่วยให้ผู้บริหารธุรกิจเห็นว่าผลประกอบการทางการเงินและการปฏิบัติตามความรับผิดชอบด้าน ESG นั้นไม่สูญเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นเกือบ 4 ใน 10 ของลูกค้าท้องถิ่นเผยว่าตนเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีแนวคิดความยั่งยืน องค์กรสามารถปลูกฝังแนวคิดความยั่งยืนลงในการปฏิบัติการและรูปแบบธุรกิจ รวมถึงสามารถวัดมูลค่าและผลตอบแทนจากการลงทุนได้”
เอาชนะการฟอกเขียว (Greenwashing) ขององค์กรด้วยข้อมูลและการประมาณอย่างแม่นยำ
การฟอกเขียว (Greenwashing) และการสร้างภาพว่ารับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมขององค์กรเป็นปัญหาที่แพร่หลายในหมู่ผู้บริหารในประเทศไทย โดยเกือบ 7 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทย (69%) กล่าวว่าองค์กรของตนกล่าวเกินจริงหรือนำเสนออย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับผลกระทบของโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืน ผู้บริหารส่วนใหญ่ (83%) เชื่อว่าการฟอกเขียวเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น (เช่น เมื่อบริษัทไม่สามารถวัดผลลัพธ์หรือความคืบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ มักจะกล่าวเกินจริงถึงความพยายามด้านความยั่งยืนของตน) ดังนั้น องค์กรจำเป็นต้องมีระบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงเพื่อช่วยให้องค์กรเข้าใจถึงวิธีการใช้ความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืน ที่จะสามารถขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด และวัดความก้าวหน้าได้อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ ผู้บริหารในประเทศไทยกว่า 63% มีโปรแกรมการวัดผลสำหรับความพยายามด้านความยั่งยืนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดจากตลาดทั้งหมดที่ได้สำรวจเมื่อเทียบกับผู้ร่วมแบบสำรวจทั่วโลกที่ 37% โดยผู้บริหารส่วนใหญ่ (67%) เทียบกับผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก (47%) เชื่อว่าการเข้าถึงเครื่องมือวัดผลขั้นสูงจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการพัฒนาความพยายามด้านความยั่งยืนขององค์กรให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการที่คล่องตัวและการสร้างความสามารถภายในองค์กร
นอกเหนือจากการวัดผลที่แม่นยำแล้ว องค์กรจำเป็นต้องทบทวนโครงสร้างและโปรแกรมการเสริมสร้างทักษะที่มีอยู่ใหม่เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน นอกเหนือจากการปรับแนวทางที่จำเป็นสำหรับกลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่จะช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับความยั่งยืนขององค์กร ผู้บริหารในประเทศไทยยังต้องมีวิธีการที่คล่องตัวและการสร้างความสามารถภายใน ซึ่งอาจเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับความสำเร็จ โดยผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่า 9 ใน 10 ในประเทศไทย (96%) เชื่อว่าจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดขึ้นได้หากบริษัทนำแนวทางการทำงานข้ามสายงานมาปรับใช้ แทนการมีทีมงานด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะ ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากมองหาความรู้ที่เกี่ยวข้อง (61%) และเข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถที่เหมาะสม (45%) เพื่อพัฒนาความพยายามด้านความยั่งยืนของบริษัท
“องค์กรต่างๆ สามารถระดมทีมบุคลากรที่มีความสามารถที่มีอยู่เพื่อออกแบบและดำเนินการริเริ่มด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน โดยนำทักษะอื่นๆ หรือทักษะข้ามสายงานที่พนักงานเหล่านี้มีอยู่แล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านต่างๆ เช่น สถาปัตยกรรมคลาวด์, การวิเคราะห์ข้อมูล, AI และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เป็นต้น Google Cloud สนับสนุนความพยายามในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลภายในองค์กรผ่านโปรแกรมต่างๆ เช่น Google Cloud Skills Boost นอกจากนี้ เรายังนำเสนอแลปเชิงปฏิบัติที่ช่วยให้ทีมวิศวกรทำความคุ้นเคยกับคุณลักษณะด้านความยั่งยืนที่ฝังอยู่ในเครื่องมือ Google Cloud ที่ใช้อยู่แล้ว รวมถึงหลักสูตรการฝึกอบรมที่ปรับให้เหมาะกับผู้เรียนซึ่งช่วยให้ผู้เรียนมีทักษะพื้นฐานในการทำความเข้าใจและจัดการกับความท้าทายด้านความยั่งยืนที่องค์กรต้องเผชิญ” คุณเอพริล ศรีวิกรม์ กล่าว
เทคโนโลยี: หนทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
Google Cloud สนับสนุนองค์กรในประเทศไทยด้วยการใช้งานระบบคลาวด์ที่สะอาดที่สุดในอุตสาหกรรม องค์กรต่างๆ เช่น ยิ้ม แพลตฟอร์ม (Yim Platform) ของ Central Retail, โรบินฮุ้ด (Purple Ventures: Robinhood) ของ SCBX Group และ EVme ของกลุ่มบริษัท ปตท. ได้เลือก Google Cloud เป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลัก โดยช่วยให้องค์กรเหล่านั้นดำเนินการลดคาร์บอนของโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันดิจิทัล และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนตามคำมั่นขององค์กรได้อย่างสูงสุด
ในปี 2017 ทาง Google เป็นบริษัทแห่งแรกที่มีการใช้ไฟฟ้าประจำปีด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% เมื่อเทียบกับขนาดขององค์กร และยังคงบรรลุเป้าหมายนี้ทุกปีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อย้ายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและแอปพลิเคชันไปยัง Google Cloud องค์กรต่างๆ จะได้รับความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Google และปรับปรุงโปรไฟล์ด้านความยั่งยืนในทันที
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอัจฉริยะและคุณลักษณะด้านความยั่งยืนที่ฝังอยู่ใน Google Cloud เพิ่มโอกาสให้องค์กรต่างๆ สามารถลดการปล่อยคาร์บอนในวงกว้างได้ง่ายขึ้น ดังนี้:
- Carbon Footprint จะแสดงภาพของการปล่อยก๊าซแบบครบวงจรในสโคป 1, 2 และ 3 ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Google Cloud ขององค์กร ซึ่งทำให้สามารถแยกย่อยข้อมูลตามโครงการ บริการ หรือภูมิภาค และดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้และทำให้เกิดการตัดสินใจเกี่ยวกับความยั่งยืนมากขึ้น
- Active Assist ใช้ AI เพื่อให้คำแนะนำแก่องค์กรในการทำความสะอาดสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ เพื่อทำการใช้จ่ายด้านไอทีอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงปรับปรุงความปลอดภัยและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
- Google Earth Engine ใช้แคตตาล็อกภาพถ่ายดาวเทียมและชุดข้อมูลเชิงพื้นที่หลายเพตะไบต์ของ Google Cloud และการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมระดับโลก เพื่อแสดงข้อมูลเชิงลึกในเวลาที่เหมาะสม แม่นยำ มีความละเอียดสูง และเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเกี่ยวกับความเป็นอยู่และระบบนิเวศของโลก ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถมองเห็นห่วงโซ่อุปทานของตนและเข้าใจถึงความเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่เกิดขึ้นได้
หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดาวน์โหลดเอกสารข้อมูลแบบสำรวจความยั่งยืนของ CXO หรือเยี่ยมชมบล็อกและเว็บไซต์ความยั่งยืนของ Google Cloud
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ข้อห้ามอันตรายของ “ข้าวกล้องงอก”
เทรนด์สุขภาพกำลังมา อะไรที่ว่าดีก็ทานกันต่อไป โดยเฉพาะเทรนด์ “ข้าวกล้องงอก” ก็เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ผู้ที่กำลังรักษาสุขภาพนิยมทานกัน มีทั้งข้าวกล้องงอกแบบเป็นเมล็ดข้าว และน้ำข้าวกล้องงอกพร้อมดื่ม แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ควรทานข้าวกล้องงอก
ข้าวกล้องงอก คืออะไร?
หลายคนไม่เข้าใจว่า ข้าวกล้องงอกคืออะไร ต่างจากข้าวกล้องปกติอย่างไร ข้าวกล้องงอก คือข้าวกล้องที่ถูกนำไปผ่านกระบวกการ เช่น การแช่น้ำ และอื่นๆ เพื่อทำให้เมล็ดข้าวกล้องมีรากงอกเพิ่มออกมา เหมือนถั่วงอกที่รากงอกออกมาจากเมล็ดถั่ว
ข้าวกล้องงอก มีประโยชน์อย่างไร?
ข้าวกล้องงอก มีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า GABA (Gamma aminobutyric acid) ช่วยรักษาสมดุลในสมอง ทำให้สมองผ่อนคลาย นอนหลับสบาย กระตุ้นการทำงานของต่อมไร้ท่อ ที่จะสร้างฮอร์โมนที่ไปช่วยสร้างเนื้อเยื่อ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กระชับ และป้องกันการสะสมของไขมันได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการป้องกันอัลไซเมอร์ บำรุงผิวพรรณ ลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาโรควิตกกังวล นอนไม่หลับ ลมชัก ปรับฮอร์โมนวัยทอง และป้องกันมะเร็งลำไส้ ลดอาการท้องผูกอีกด้วย
ข้อห้ามอันตรายของ “ข้าวกล้องงอก”
เห็นมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ ทำไมถึงมีอันตรายด้วย? เพราะข้าวกล้องงอกมีส่วนที่เป็นยอดอ่อน ที่มีสารพิวรีนสูง (รวมไปถึงถั่วงอกด้วย) จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็น โรคเกาต์ เพราะผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่สามารถเผาผลาญสารพิวรีนได้ จึงอาจตกค้างอยู่ในรูปของกรดยูริค และเกาะตามข้อต่างๆ ทำให้ปวดข้อได้
นอกจากนี้ ใครที่อยู่ในภาวะกรดยูริคในเลือกสูง ควรงดการบริโภคข้าวกล้องงอก และอาหารที่มีสารพิวรีนสูง เพราะอาจเสี่ยงต่อการเป็น โรคเกาต์ โรคนิ่ว และ โรคไตอักเสบ
แล้วข้าวกล้องธรรมดา ผู้ป่วยโรคเกาต์ทานได้ไหม?
ข้าวกล้องธรรมดาก็มีสารพิวรีนอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีปริมาณมากเท่าข้าวกล้องงอก (เพราะไม่มีส่วนที่งอกออกมาเป็นยอดอ่อน) แต่หากมีความกลัว ไม่แน่ใจ ลองทานแบบผสมข้าวกล้องกับข้าวขาวทานก็ได้ค่ะ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้องเรื่อยๆ และสังเกตอาการว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากสุขภาพปกติดีก็เพิ่มปริมาณข้าวกล้องไปเรื่อยๆ จนในที่สุดอาจทานข้าวกล้องล้วนได้
หรือทางที่ดี ปรึกษาแพทย์ประจำตัวก็ได้ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/04/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,200.00 | 32,300.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,086.00 | 31,623.76 | 32,800.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,877.40 | 28,461.38 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,668.80 | 25,299.01 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 939.00 | 14,235.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 730.00 | 11,066.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,162.00 | 32,775.92 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/04/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.55 | 36.55 | 37.04 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 | 36.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.28 | 36.28 | 36.74 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.24 | 34.24 | 34.64 | 34.24 | 34.24 | – | 34.24 | 34.24 | 34.24 | 34.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.69 | 34.69 | – | – | – | – | – | – | – | 34.69 |
เบนซิน 95 | 44.36 | – | – | – | 44.41 | – | 44.86 | 44.51 | – | 44.36 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.74 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.74 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.74 | – | 32.94 | – | 32.94 | – | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.06 | 42.16 | 44.04 | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | 42.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |