MQDC ชู “ดิ แอสเพน ทรี” โมเดล “ที่อยู่อาศัย” วัย 50+ พร้อมดูแลตลอดชีวิต
MQDC ชู “ดิ แอสเพน ทรี”โมเดล “ที่อยู่อาศัย” วัย 50+ พร้อมดูแลตลอดชีวิต
Super-Aged Society หรือ สังคมสูงอายุระดับสุดยอด มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในประเทศไทย เร็วกว่าที่คิด นั่นคือ ปี 2572 หลังอัตราการเกิดต่ำ ประชากรลดลง ตลอดช่วง 3 ปีโควิดที่ผ่านมา (2563-2565) ทำให้ภาคธุรกิจ ยิ่งต้องเร่งปรับรูปแบบสินค้าและบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มกำลังซื้อขนาดใหญ่ ของประเทศที่กำลังแซงหน้ากลุ่มมิลเลนเนียล
โดยหลายบทวิจัย ชี้ชัด “คนสูงวัย” ยุคนี้ ไม่เหมือนกับยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง จนเกิดนิยาม ชาวซิลเวอร์ (Silver Age) มีศักยภาพ มีกำลังซื้อสูง อีกทั้ง ให้ความสำคัญกับ มิติของ คำว่า ไลฟ์สไตล์ และมองหา การดูแลสุขภาพ (Healthcare ) การท่องเที่ยว และการวางแผนอยู่อาศัย ในแวดล้อมดีๆ สังคมคุณภาพ หวังให้เกิดภาวะ “สุขกาย สบายใจ” เพื่อเก็บเกี่ยวความสุขกับลูกหลานไปอีกนานแสนนานร่วมด้วย
นำมาซึ่งตลาดโอกาสในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลุ่ม Senior Living ที่รายไหนรายนั้น มองว่า โอกาสไม่ได้มีแค่ “วัยเก๋า” ในประเทศ แต่ชาวต่างชาติก็อยากมาใช้ชีวิตหลังเกษียณในประเทศไทยด้วย ยิ่งโปรเจ็กต์ไหน มีจุดเด่นด้านการแพทย์ และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมให้บริการร่วมด้วย ยิ่งเป็นที่สนใจของคนกลุ่มวัยดังกล่าว
บิ๊กโปรเจ็กต์ ” เดอะ ฟอเรสเทียร์ ” เนื้อที่ครอบคลุม 398 ไร่ ย่านบางนา-ตราด เกย์เวย์สู่พื้นที่ยุทธศาสตร์อีอีซี และถูกชูเป็นโมเดลของการพัฒนาเมืองในอนาคต วันนี้ยังเป็นต้นแบบของการพัฒนา Senior Living ผ่านโครงการ ‘ดิ แอสเพน ทรี’ ที่มีความน่าสนใจในทุกด้านอย่างน่าจับตามอง โดยเฉพาะ การส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นในการอยู่อาศัย และ คุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่เป็นปัจจัยแรกเริ่มที่ “วัยเก๋า”ต่างมองหา
ดิ แอสเพน ทรี ชู แนวคิดการดูแลตลอดชีวิต
” มีสุขภาพดี พึ่งพาตัวเองได้ ” เป็นฝันของคนสูงวัยทุกคน และกลายเป็นแกนหลัก ที่ MQDC หรือ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด นำมาใช้ในการพัฒนาโครงการ ดิ แอสเพน ทรี โดย นางสาว เฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการโครงการ เชื่อว่า คนทุกวันนี้ คาดหวังที่จะมีชีวิตหลังเกษียณแบบสบายๆ มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีสุขภาพแข็งแรงแม้จะอายุเข้า 80-90 ปีแล้วก็ตาม โดยตัวแปรสำคัญ เพียงแต่ต้องมีบริการที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งมีกิจกรรมที่จะมาเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ทั้งทางกายและทางใจให้กับกลุ่มคนดังกล่าว
ซึ่ง”โครงการ ดิ แอสเพน ทรี “คอนโดมิเนียมและสกายวิลล่าระดับเฟิร์สคลาส มีจุดเด่นพิเศษ ที่เน้นดีไซน์ปลอดภัย และเอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในวัยนี้อย่างแท้จริง อีกทั้งมีบริการด้านการดูแลรักษาสุขภาพของวัยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือความต้องการอื่นๆ เช่น อำนวยความสะดวกการเดินไปที่ทาวน์เซ็นเตอร์ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ หรือเดินเล่นในป่าเนื้อที่ 30 ไร่ ทั้งหมดนี้ ถูกเรียกว่า แนวคิดการดูแลตลอดชีวิต (Life-time Care)
นอกจากนี้ ดิ แอสเพน ทรี ยังมีศูนย์สุขภาพและสมอง (Health & Brain Center) ที่มีบริการทางการแพทย์พิเศษเฉพาะ เพื่อให้บริการหากผู้พักอาศัยของโครงการต้องการ โดยการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพอีกทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล จะถูกเหมารวมทั้งหมดไว้ในราคาที่ซื้อกับโครงการแล้ว ช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเงิน
” ซื้อบ้านครั้งเดียว นอกจากจะได้ที่พักอาศัยแล้ว เจ้าของบ้านยังจะได้รับประกันสุขภาพ ซึ่งครอบคลุม รักษาพยาบาลไปจนถึงอายุ 99 ปี ดูแลการใช้ชีวิตแบบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน บริการแม่บ้านทุกสัปดาห์ ร่วมกับการดูแลด้านโภชนาการเป็นพิเศษ รวมถึงกิจกรรมทางสังคม อย่างกลุ่มเรียนศิลปะ และงานฝีมือ เป็นต้น “
ตลาด ที่พัก “ผู้สูงวัย” แนวโน้มโตแรง
เจาะลึกในแนวคิด Life-time Care ของ MQDC ต่อโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ที่เน้นการอยู่อาศัยของคนสูงวัยอายุ 50 ปีขึ้นไป ทั้งคนไทยและคนต่างชาตินั้น นาย วิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโครงการ ของ MQDC ให้รายละเอียดน่าสนใจเพิ่มเติมว่า สหประชาชาติ คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีพลเมืองอาวุโสเพิ่มขึ้นจากในปัจจุบันประมาณสองเท่าตัวภายในปี2593 นั่นหมายความว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดของไทย จะเป็นคนสูงวัย แต่ความต่าง คือคนสูงวัยที่เพิ่มขึ้นนี้ มีสุขภาพดีกว่าเมื่อก่อน
เพราะฉะนั้น เราจะมีคนจำนวนมากขึ้น ที่แสวงหาการใช้ชีวิตแบบสบายๆ มีความสุขในช่วงวัย 60 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องการพึ่งพาใคร สามารถใช้ชีวิตอิสระ ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง ซึ่ง ดิ แอสเพน ทรี ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับทุกความต้องการข้างต้น พร้อมเชื่อว่าตลาดที่พักอาศัยสำหรับคนวัยนี้จะเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
“มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มองหาที่อยู่อาศัยซึ่งมีบริการที่ช่วยให้ตนเองสามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระไร้ความกังวัลได้ในช่วงวัยที่สวยงาม โดยไม่ต้องพึ่งพาให้ลูกหลานต้องกังวลคอยช่วยเหลือดูแลปรนนิบัติทุกอย่าง “
ผุดโมเดล “ทดลองอยู่”
ทั้งนี้ MQDC เชื่อมั่นว่า ด้วยสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยไร้กังวล รวมทั้งธรรมชาติของเดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นที่สนใจต่อกลุ่มเป้าหมาย โดยล่าสุดได้นำร่องเปิดแพ็คเกจ ให้กลุ่มเป้าหมาย ได้เข้ามาทดลองอยู่อาศัย ในโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ผ่านการเลือกได้ ระยะเวลา
1 ปีและระยะเวลา 5 ปี สำหรับห้องพักขนาด 1 ห้องนอนหรือ 2 ห้องนอน โดยพื้นที่ใช้สอยมีขนาดตั้งแต่ 80 กว่าตารางเมตร ไปจนถึง 123 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการใช้ชีวิตและการทำกิจกรรม โดยในแพ็คเกจระยะ 5 ปี จะมีประกันสุขภาพตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยให้ร่วมด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาทดลองอยู่ เงินที่จ่ายไปในช่วงเวลาห้าปีนั้น บริษัทจะนำมาหักออกจากราคาที่จะอยู่ตลอดชีวิต
สำหรับ ดิ แอสเพน ทรี ประกอบด้วยที่พักอาศัยจำนวน 290 ยูนิต ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 83 ตารางเมตรไปจนถึง 253 ตารางเมตรทุกยูนิตสามารถมองเห็นผืนป่าเดอะ ฟอเรสเทียส์ขนาด 30 ไร่ ใกล้ชิดธรรมชาติ และโครงการอื่นๆในอาณาบริเวณใกล้กัน อีกหนึ่งโครงการที่ตอบสนองความต้องการของคนวัยนี้อย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ติดต่อกรมที่ดิน ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ตรวจสอบที่นี่
ติดต่อกรมที่ดิน โอนที่ดิน ออกโฉนดที่ดิน จดทะเบียนสิทธิ รังวัด ทำแผนที่ ทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ตรวจสอบที่นี่
สำนักงานที่ดิน กรมที่ดิน คือหน่วยงานที่ต้องทำหน้าที่ในการดำเนินงานออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ราษฎร ,ให้บริการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น ,รังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในที่ดินสาธารณประโยชน์และในที่ราชพัสดุ ,การรังวัดและทำแผนที่
และ จัดที่ทำกินให้ประชาชนตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นภารกิจตามประมวลกฎหมายที่ดิน และยังมีภารกิจตามกฎหมายอื่น ได้แก่ การควบคุมการจัดสรรที่ดิน ,การจดทะเบียนอาคารชุด และการควบคุมช่างรังวัดเอกชน
การไปติดต่อกรมที่ดิน หรือสำนักงานที่ดินเพื่อดำเนินนิติกรรมต่างๆ จำเป็นต้องเตรียมเอกสารสำคัญ ให้ครบถ้วนถูกต้อง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ซึ่งเอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องเตรียมไปด้วยทุกครั้ง มีดังนี้
เอกสารหลักฐานใช้ต้นฉบับ
- โฉนดที่ดิน, น.ส. ๓, น.ส.๓ ก. น.ส. ๓ ข.. หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด, หลักฐานการเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง
- หลักฐานการได้มาซึ่งที่ดิน เช่น คำพิพากษาหรือคำสั่งศาล และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด (ในกรณีดำเนินการทางศาล) และมีเจ้าหน้าที่ศาลรับรองสำเนา
หลักฐานสำหรับบุคคลธรรมดา
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
- หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล (ถ้ามี)
- ใบมรณบัตรของคู่สมรส (ถ้ามี)
- ทะเบียนหย่า พร้อมบันทึกหลังทะเบียนการหย่า (ถ้ามี)
- หนังสือแสดงความยินยอมของคู่สมรสให้ทำนิติกรรม (ถ้ามี) พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส
หลักฐานสำหรับนิติบุคคล บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
- รายงานการประชุมของนิติบุคคล พร้อมสำเนารับรองความถูกต้อง
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล
หลักฐานสำหรับนิติบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เช่น สมาคม มูลนิธิ สหกรณ์ เป็นต้น
- หนังสือรับรองนิติบุคคล
- เอกสารการจัดตั้งนิติบุคคล
- ข้อบังคับของนิติบุคคล
- บัญชีรายชื่อสมาชิก
- รายงานการประชุมของนิติบุคคล พร้อมสำเนารับรองความถูกต้อง
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล
กรณีมอบอำนาจ
- หนังสือมอบอำนาจ (ต้นฉบับ)
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้มอบอำนาจรับรองความถูกต้อง
- สำเนาทะเบียนบ้าน (ถ่ายเอกสาร) ที่ผู้มอบอำนาจรับรองความถูกต้อง
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ต้นฉบับ)
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ (ต้นฉบับ)
ขั้นตอนการดำเนินการ ที่สำนักงานที่ดิน
ขั้นตอนที่ 1 ติดต่อ “เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์” ของสำนักงานที่ดินเพื่อ
- ขอคำแนะนำ
- ตรวจสอบหลักฐานเอกสารต่างๆ
- รับบัตรคิวตามลำดับก่อนหลัง
ขั้นตอนที่ 2
- ยื่นเอกสารหลักฐานสารต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่สอบสวนตามช่องที่ระบุไว้ในบัตรคิว
- รับคำขอและสอบสวนคู่กรณีตามลำดับในบัตรคิว
- ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน สารบบที่ดิน และหนังสือแสดงสิทธิ ในที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
- ตรวจอายัด
- ประเมินราคาทุนทรัพย์สำหรับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม
- ทำสัญญาหรือบันทึกข้อตกลง และแก้ทะเบียนในโฉนดที่ดิน
- คู่กรณีลงนามในสัญญาหรือบันทึกข้อตกลง
ขั้นตอนที่ 3
- คำนวณค่าธรรมเนียมภาษีอากรต่างๆ
- ชำระค่าธรรมเนียมและภาษีอากรต่างๆ
- เรียกคู่กรณีสอบสวนก่อนจดทะเบียน
- ตรวจสอบเรื่องทั้งหมด
- เจ้าพนักงานที่ดินลงนามจดทะเบียนในสัญญา หรือบันทึกข้อตกลง และลงนามในโฉนดที่ดิน
- ประทับตรา
- แจกโฉนดที่ดิน, น.ส. ๓, น.ส. ๓ ก., น.ส. ๓ ข., หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด และสัญญา
- ผู้ขอตรวจสอบความถูกต้องในโฉนดที่ดิน, น.ส. ๓, น.ส.๓ ก. ,น.ส. ๓ ข. หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดและสัญญาว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น ชื่อตัว – ชื่อสกุล อายุ ชื่อบิดา มารดา ที่อยู่ ก่อนกลับ ฯลฯ
ทั้งนี้ในกรณีต้องชำระเงิน และชำระเงินเป็นแคชเชียร์เช็ค หากชำระเงินเป็นแคชเชียร์เช็ค ในกรุงเทพมหานคร ให้สั่งจ่ายกระทรวงการคลัง ในจังหวัดอื่นให้สั่งจ่ายกระทรวงการคลัง ผ่านสำนักงานคลัง และนำส่งเช็คให้เจ้าหน้าที่การเงินตรวจสอบก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 2พ.ค.ที่ระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอาจมาจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ โฟลว์ซื้อเงินเยนและโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 2พ.ค.2566ที่ระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์
“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าใกล้โซน 34.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
หลังดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ดีกว่าคาด ก่อนที่จะกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์
สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่ ในสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้ช่วยหนุนให้ตลาดการเงินกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรเตรียมรับมือความผันผวนในสัปดาห์ที่ตลาดจะเผชิญทั้งการประชุมเฟด และ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) พร้อมรอลุ้นรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐฯ และ รายงานผลประกอบการ
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาใกล้ชิด คือ การประชุมเฟด (รู้ผลการประชุมในช่วง 01.00 น. ของวันที่ 4 พฤษภาคม ตามเวลาในประเทศไทย)
โดยเราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ถึงจะชะลอลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง และยังมีแรงหนุนเงินเฟ้อจากภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัวอยู่ จะทำให้เฟดตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 5.00%-5.25%
อย่างไรก็ดี ภาวะการปล่อยสินเชื่อที่ตึงตัวขึ้นชัดเจน จากปัญหาสภาพคล่องของระบบธนาคารสหรัฐฯ และแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะทำให้เฟดส่งสัญญาณหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรอประเมินสถานการณ์และผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี เราจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจ คือ ความเสี่ยงการเมืองสหรัฐฯ จากประเด็นเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ซึ่งน่าสนใจว่า ประธานเฟด
รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะมีมุมมองต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไร ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ บรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและตึงตัว
สะท้อนผ่าน ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนเมษายน ที่จะเพิ่มขึ้นราว 1.8 แสนตำแหน่ง ส่วนการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) ก็อาจยังคงสูงราว +4.2%y/y
นอกจากนี้ ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใส จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้ภาคการบริการของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวได้ดี โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) เดือนเมษายน
อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.8 จุด ตามการปรับตัวขึ้นของยอดคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานในภาคการบริการ และนอกเหนือจากผลการประชุมเฟดและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
▪ ฝั่งยุโรป – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะชะลอลงมาบ้าง (ตลาดมองอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนเมษายน อาจอยู่ที่ระดับ 7.00% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI จะอยู่ที่ระดับ 5.7%) กอปรกับภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนที่ไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจน
โดยเฉพาะในฝั่งภาคการบริการที่ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง จะหนุนให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.50% โดย Deposit Facility Rate จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.50% (ตลาดมองว่า ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25%)
นอกจากนี้ เรามองว่า ECB จะส่งสัญญาณชัดเจนว่าการขึ้นดอกเบี้ยยังไม่จบและ ECB ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ จนกว่าจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ
และนอกเหนือจากผลการประชุม ECB ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ ซึ่งอาจช่วยสะท้อนแนวโน้มของภาคการผลิตอุตสาหกรรมของยุโรปได้
▪ ฝั่งเอเชีย – แนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ และภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลของการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมา อาจหนุนให้ทั้งธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.60% และ 2.75% ตามลำดับ
▪ ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนเมษายน อาจชะลอลงสู่ระดับ 2.55% ตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงานและราคาเนื้อสัตว์
อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจและต้นทุนที่ยังสูงอยู่ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ก็อาจทรงตัวที่ 1.75% ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงแต่เราคงมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.00%
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบเดิมต่อ โดยปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอาจมาจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ โฟลว์ซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด และ ECB ซึ่งเป็นวันหยุดของตลาดการเงินไทย ในเชิงเทคนิคัล เส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน (แถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์) ยังคงเป็นแนวต้านแรกของเงินบาท
ส่วนแนวรับสำคัญจะเป็นโซน 33.80-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเรายังคงเห็นผู้เล่นบางส่วนทยอยซื้อเงินดอลลาร์ในโซนดังกล่าวอยู่
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หนุนให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มเชื่อว่าเฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ (จับตาว่า ดัชนีเงินดอลลาร์ DXY จะสามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านแถว 102.5 จุด ได้หรือไม่)
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงได้เร็ว หากเฟดส่งสัญญาณเตรียมหยุดขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ ECB กลับย้ำจุดยืนพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.80-34.50 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.05-34.30 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.12-34.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.45 น.) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่ตลาดเปลี่ยนจุดสนใจกลับมาอยู่ที่ผลการประชุมเฟด (2-3 พ.ค.) หลังจากที่ปัญหาแบงก์ในสหรัฐฯ คลี่คลายลงไปในระดับหนึ่งแล้ว (ธนาคารเจพีมอร์แกนได้ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์เมื่อวานนี้)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.10-34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม(นอกเหนือไปจากทิศทางฟันด์โฟลว์และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย) จะอยู่ที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย. ของยูโรโซน และอังกฤษ และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไม่มีปัญหา! ไดมอนด์ ฟู้ดฯ ไล่ตบ “คิงเวห์ล” 3-0 ทะลุชิงฯ ศึกลูกยางสโมสรเอเชีย
การแข่งขัน วอลเลย์บอลสโมสรหญิง ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2023 รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง ไดมอนด์ ฟู้ด ไฟน์เชฟ-แอร์ฟอร์ซ แชมป์ไทยลีก 2021-22 พบกับ คิงเวห์ล ไทเป แชมป์จากไต้หวัน ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อวันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566
เกมนี้ “โค้ชแขก” กิตติคุณ ศรีอุทธวงศ์ ส่งผู้เล่น 6 คนแรกประกอบไปด้วย นุศรา ต้อมคำ กัปตันทีม, นาตาชา ชิกิริซ, แก้วกัลยา กมุลทะลา, ศศิภาพร จันทวิสูตร, ฑิชากร บุญเลิศ, วิภาวี ศรีทอง และ จิดาภา นาหัวหนอง เป็นตัวรับอิสระ
เซตแรก คิงเวห์ล ไทเป จู่โจมเร็วออกนำก่อน 3-0 ก่อนที่ ไดมอนด์ ฟู้ดฯ จะพยายามกลับสู่เกมและพลิกนำ 10-8 อย่างไรก็ตามเกมมาสนุกเมื่อ แชมป์จากไต้หวัน ขอเวลานอกก่อนแก้เกมไล่ตีเสมอ 17-17 แต่ในช่วงท้ายเป็น ไดมอนด์ ฟู้ดฯ ที่ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ 25-19 ขึ้นนำ 1-0 เซต
เซตสอง รูปเกมยังสูสีเสมอกัน 9-9 ก่อนที่จะเป็น ไดมอนด์ ฟู้ดฯ ที่ชิงความได้เปรียบฉีกนำ 16-14 ก่อนรักษาระยะห่างได้อย่างเหนียวแน่นก่อนปิดเกมเอาชนะไปได้อีก 25-19 ขึ้นนำ 2-0 เซต
เซตสาม แชมป์จากไต้หวัน เริ่มต้นได้ดีเป็นฝ่ายออกนำ 5-2 จากนั้นเกมเป็นไปอย่างสนุกผลัดกันนำผลัดกันตามจนเสมอกันที่ 15-15 ท้ายเซตเป็น ไดมอนด์ ฟู้ดฯ ที่ทำได้ดีกว่าขึ้นนำ 21-20 ก่อนเอาชนะไปได้ 25-23
ทำให้สโมสรจากประเทศไทย คว้าชัยไปได้ 3-0 เซต (25-19, 25-19 และ 25-23) ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ในวันอังคารที่ 2 พฤษภาคมนี้ ในเวลา 19.30 น. พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ถ่ายทอดสด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“นอนดึก” ทำให้ “อ้วน” จริงหรือ?
ไม่ว่าจะติดซีรี่ส์ ติดงาน ติดเที่ยว นอนไม่หลับ หรือด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้คุณกลายเป็นคน “นอนดึก” เป็นประจำ ส่งผลต่อร่างกายของคุณในแบบที่ไม่มีใครต้องการ นั่นคือ “น้ำหนัก” ที่เพิ่มขึ้นได้จริงหรือไม่ เรามีคำตอบจาก อ.พญ. บุษราคัม ชัยทัศนีย์ จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาฝากกัน
“นอนดึก” ทำให้ “อ้วน” จริงหรือ?
เป็นเรื่องจริงที่การนอนดึกเป็นประจำหลายๆ คืน เป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เรา “อ้วน” ขึ้นได้ หากเรานอนไม่พอ จะส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเลปตินที่ควบคุมความอิ่มต่ำลง จึงทำให้ร่างกายรู้สึกไม่อิ่มอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่กินในปริมาณเท่าเดิมที่เคยกิน ซึ่งตรงกันข้ามกับฮอร์โมนเกรลินที่ควบคุมความหิวที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้มีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รู้สึกอยากกินอาหารมากขึ้น ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดโรคอ้วนได้ง่าย
อันตรายที่อาจเกิดขึ้น เมื่อนอนไม่พอเป็นเวลานาน
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง รวมถึงความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และการตัดสินใจลดลงด้วย
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน ทั้งที่ทำงาน และการขับขี่ยานยนต์
- เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
- เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- เพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะอ้วน และโรคเบาหวาน
- คุณภาพชีวิต และความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมต่างๆ ลดลง
หากมีปัญหาในการนอนหลับ ควรเริ่มจากการปรับเปลี่ยนเวลาตื่นนอนให้เช้าขึ้น งดการงีบหลับในตอนกลางวันเกิน 30 นาที หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ปรับบรรยากาศในห้องนอนให้เงียบสงบ พร้อมปิดไฟในห้อง หรือหรี่ไฟให้ลดลง งดใช้มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ก่อนเข้านอน แต่หากยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางแก้ไขอย่างถูกต้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษพูดยังไงได้บ้าง?
ทุกวันนี้ เป็นที่รู้กันว่าภาษาอังกฤษสำหรับคำว่า “ขอบคุณ” คือ “thank you” แต่เพื่อนๆรู้กันรึเปล่าว่าในภาษาอังกฤษมีวิธีพูดเพื่อแสดงคำขอบคุณมากมายเหลือเกิน ขืนใช้ thank you อย่างเดียวคงจำเจน่าดู ลองมาใช้คำพวกนี้กันบ้างดีกว่าครับ ^^
1. ta อ่านว่า ทา
มีรากศัพท์มาจากภาษา Danish เพราะคำว่า thanksในภาษาเดนมาร์กคือ “tak” วันเวลาผ่านไปก็ถูกตัดมาจนเหลือแค่ “ta” นิยมใช้อย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และออสเตรเลีย สำหรับวิธีใช้ก็ง่ายแสนง่ายครับ ถ้าเราอยากขอบคุณใครไม่ว่าในสถานการณ์ไหน หรือจะใช้กับเพื่อนฝูง ก็ให้พูดtaแทน thank youได้เลย
James: I made you a cup of coffee. Looks like you needed one.
Larry:Ta.
มีอยู่คำนึงที่ใกล้เคียงกันคือ “tata” แต่จะใช้เพื่อบอกลานะครับ
James:Tata!I’ll see you guys later.
เป็นภาษาพูดที่ชาวอังกฤษและออสเตรเลียมักใช้กัน แต่ตอนนี้ก็ใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เราจะใช้ cheers เมื่อได้รับหรือมอบบางสิ่งให้กับคนอื่น ส่วนใหญ่จะตามด้วย mate เสมอ (คนออสเตรเลียจะใช้บ่อยมากเลย) แต่ถ้าเป็นชาวอเมริกันบางคนอาจสับสนได้ เพราะเค้าก็พูด cheers เวลาชนแก้ว (toast) ในวงสังสรรค์กันด้วยนะ
นอกจากแปลว่า ขอบคุณแล้ว ยังใช้บอกลา (good bye)หรืออวยพร (good luck) ได้อีกด้วย
กรณีที่ 1: ใช้เพื่อขอบคุณ
Tom: I got you a beer.
Mike:Cheers, mate.
กรณีที่ 2: ใช้เพื่อชนแก้ว
Nick: Here’s to Ryan, the man of the hour!
(Everyone) :CHEERS!
นอกจาก ta และcheers แล้ว คำศัพท์ทั่วไปอย่าง cool, awesome และ greatก็สามารถใช้แสดงการขอบคุณได้เหมือนกันครับ ถึงแม้จะไม่ได้แปลว่าขอบคุณโดยตรงก็ตาม เวลามีใครทำเรื่องดีๆให้เราหรือเอาของมาให้ก็ใช้คำพวกนี้ได้เลย มาดูตัวอย่างกันดีกว่า
Jack: I got us tickets to see Iron Man 3 tomorrow.
Jill: Hey, that’sawesome!
Pam: You can have a look at my homework. Just don’t copy, okay?
Larry:Great!
เป็นไงบ้างครับกับเทคนิคการพูดคำว่าขอบคุณ ลองใช้ในชีวิตประจำวันดูบ้างนะครับ ถ้าอยากจะขอบคุณผู้ใหญ่ หรือขอบคุณอย่างเป็นทางการแนะนำให้ใช้ thank you แบบเดิมดีกว่าครับ แต่ถ้าพูดกับเพื่อนฝรั่งก็ใช้ตามนี้ได้สบายมาก ^^ ติดตามเทคนิคการพูดภาษาอังกฤษง่ายๆได้ที่DailyEnglish ทุกวันเลยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
‘แบตเตอรีกินได้’ ทางเลือกใหม่ด้านพลังงานและการแพทย์
นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งอิตาลีได้สร้างแบตเตอรี่ต้นแบบที่สามารถกินได้และชาร์จไฟได้ โดยการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นใบเบิกทางสู่การพัฒนาด้านพลังงาน ด้านอาหาร และด้านการแพทย์ไปพร้อมกัน
นักวิจัยในมิลาน อิตาลี ได้สร้างแบตเตอรีต้นแบบที่สามารถกินได้ ซึ่งพวกเขาหวังว่าจะสามารถปฏิวัติอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถบริโภคได้ โดยนักพัฒนากล่าวว่านี่เป็นตัวอย่างแรกของแบตเตอรี่ที่ทั้งกินได้และชาร์จไฟได้
คณะนักวิจัยที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งอิตาลี (IIT) ผลิตแบตเตอรีจากผลิตภัณฑ์อาหารทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วยอัลมอนด์ ลูกเคเปอร์ ถ่านชาร์โคล (activated charcoal) สาหร่าย ทองคำเปลว และขี้ผึ้ง
มาริโอ ไคโรนี ผู้ประสานงานโครงการนี้ อธิบายว่า “แกนกลางของอุปกรณ์ดังกล่าวมีขั้วไฟฟ้าอยู่สองขั้ว โดยจะต้องใช้วัสดุสองอย่าง สองโมเลกุล เพื่อให้อุปกรณ์ทำงานได้ สำหรับขั้วบวก จะใช้ไรโบฟลาวินซึ่งเป็นวิตามินที่พบได้ในอัลมอนด์ ส่วนขั้วลบ จะใช้เควอซิทิน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและพบได้ในลูกเคเปอร์
นอกจากนี้ แบตเตอรียังใช้ถ่านชาร์โคลเพื่อเพิ่มการนำไฟฟ้า ในขณะที่ตัวคั่นภายในแบตเตอรีเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรทำจากสาหร่ายที่นิยมใช้ในการห่อซูชิ ส่วนขั้วไฟฟ้าของแบตเตอรีจะถูกหุ้มด้วยขี้ผึ้งโดยมีหน้าสัมผัสเป็นทองคำที่กินได้สองแผ่น ซึ่งรองรับด้วยฐานเซลลูโลสเพื่อเป็นตัวนำไฟฟ้า
ไคโรนีกล่าวว่า “แบตเตอรีที่กินได้นี้ช่วยให้เราสามารถกลืนอุปกรณ์ เช่น เซ็นเซอร์ เข้าไปและย่อยสลายในร่างกายของเราเหมือนกับอาหาร หลังจากที่ใช้งานเสร็จแล้ว”
นักวิจัยหวังว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กินได้นี้จะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อการวินิจฉัยและการรักษาอาการต่าง ๆ ในระบบทางเดินอาหาร และยังสามารถใช้ตรวจสอบคุณภาพอาหารได้อีกด้วย
โดยที่ผ่านมา อุปกรณ์ที่กินได้นั้นมีใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยได้ ซึ่งหมายความว่าหากมีปัญหาในระหว่างกระบวนการย่อยอาหาร ก็อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำอุปกรณ์ออกมา แต่อุปกรณ์ของนักวิจัยอิตาลีชิ้นนี้สามารถย่อยได้ทั้งหมดโดยไม่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ การใช้งานอื่น ๆ ที่อาจเป็นไปได้นอกเหนือจากการวินิจฉัยสุขภาพ ได้แก่ การตรวจสอบคุณภาพอาหารและการพัฒนาหุ่นยนต์แบบนิ่มที่กินได้
ทั้งนี้ แบตเตอรีต้นแบบทำงานที่ 0.65 โวลต์ ซึ่งเป็นแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไปที่จะทำให้เกิดปัญหาภายในร่างกายมนุษย์ และจ่ายไฟ 48 ไมโครแอมป์นานสูงสุด 12 นาที นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายไฟให้กับหลอดไฟ LED ขนาดเล็กหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กอื่น ๆ โดยนักวิจัยกำลังพยายามเพิ่มความจุพร้อมทั้งลดขนาดอุปกรณ์ลงให้เท่ากับกล่องใส่ยาเม็ดที่สามารถกลืนได้ง่ายขึ้น
การตรวจสอบความเป็นไปได้ของแนวคิดเซลล์แบตเตอรีกินได้นี้ ได้รับการอธิบายไว้ในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Advanced Materials ฉบับเดือนเมษายน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
‘สมาร์ทบอร์ดและหลังคา เอสซีจี’ ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัย ดันแบรนด์ครองใจมหาชน คว้ารางวัล 2023 Thailand’s Most Admired Brand
สมาร์ทบอร์ดและหลังคา เอสซีจี มุ่งยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นด้วยแนวคิดทั้งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการอยู่สบายด้วยเทคโนโลยี ดีไซน์ที่สวยงามพร้อมตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งาน หนุนผลสำรวจขึ้นแท่นแบรนด์อันดับ 1 ครองใจมหาชน คว้ารางวัล 2023 Thailand’s Most Admired Brand หมวดวัสดุก่อสร้างกลุ่มแผ่นฝ้า ผนังและพื้น (ไฟเบอร์ซีเมนต์) และกลุ่มกระเบื้องมุงหลังคา ก้าวต่อไปพร้อมมุ่งมั่นพัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ รักษ์โลกอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG
อัญชลี ชวนะลิขิกร Head of Housing Product Solution Business และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไฟเบอร์ซีเมนต์กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด ในธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า บริษัทได้รับรางวัล 2023 Thailand’s Most Admired Brand หลายปีติดต่อกัน ภายใต้การสำรวจความน่าเชื่อถือด้านแบรนด์ของประเทศไทย สะท้อนความสำเร็จในปี 2022 ที่เอสซีจีได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาสินค้าและโซลูชันเพื่อตอบโจทย์เรื่องความสะดวก รวดเร็ว มีมาตรฐาน สอดรับความต้องการของผู้บริโภค โดยในกลุ่มไฟเบอร์ซีเมนต์และกลุ่มกระเบื้องมุงหลังคาได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดการปรับตัวที่ทันท่วงที เน้น ‘Customer Centric’ เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าเชิงลึกและมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างแท้จริง พัฒนาสินค้าและโซลูชันให้ตอบโจทย์ ESG เจาะเป้าหมายกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้สินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์ SCG ในเรื่องเทรนด์การอยู่อาศัยอย่างสม่ำเสมอ สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่เริ่มให้ความสำคัญกับคุณภาพการอยู่อาศัยในบ้านและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
‘บ้าน’ จึงไม่ใช่เพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ปลอดภัยส่วนตัว พื้นที่สร้างความสุข และทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการทำงาน ออกกำลังกาย พักผ่อน ที่นอกจากจะต้องอยู่สบายแล้ว ยังสามารถดีไซน์ให้สวยงามสะท้อนความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้าน โดยเอสซีจี มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ทั้งด้านดีไซน์ที่สวยงามและมีฟังก์ชันตรงตามต้องการ และการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้คุณภาพการอยู่อาศัยดีขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ดีไซน์ที่สวยงามพร้อมตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งาน
เมื่อคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับบ้านมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ผู้อยู่อาศัยมักมองหา คือ บ้านที่สวยและมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของตัวเองมากที่สุด โดยเอสซีจี ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการดีไซน์เพื่อผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความสวยงามทันสมัย สร้างความเป็นเอกลักษณ์ของผู้อยู่อาศัย และออกแบบให้ตรงกับความต้องการใช้งานของลูกค้าแต่ละกลุ่ม อาทิ ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่นเฟรทเวิร์ค (SCG Fretwork) ผนังไฟเบอร์ซีเมนต์แบบฉลุลาย ที่มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย ซึ่งสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์และการใช้งาน, ฝ้า สมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่น ระบายอากาศ- โพรเทคชั่น เทคโนโลยีสูตรซูเปอร์โมเลกุล สีรองพื้นขาวควันบุหรี่ สามารถทาสีทับได้ทันที ตอบโจทย์เรื่องการทำงานง่าย ติดตั้งได้เร็วขึ้น ช่วยระบายอากาศร้อนจากโถงหลังคา ทำให้บ้านเย็นและยังมีตาข่ายกันแมลงสำเร็จรูปจากโรงงาน, หลังคา เมทัลรูฟ เอสซีจี ด้วยเทคโนโลยี NoiseTECH นวัตกรรมเคลือบสีลดเสียงดังรายแรกในอาเซียน ช่วยลดเสียงฝนตกกระทบบนหลังคาได้ดีกว่าหลังคาเมทัลชีทบุฉนวนทั่วไป สูงสุดถึง 18%, หลังคาเซรามิก เอสซีจี รุ่น Excella Digital Printing ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ลายด้วยระบบดิจิตอลบนผืนหลังคา ผ่านการเผาด้วยอุณหภูมิ 1,110 องศาเซลเซียส เพื่อให้สีสวยทน ไม่ซีดจาง คงทนยาวนานด้วยคุณสมบัติของเซรามิก ล้ำหน้าด้วยดีไซน์ลวดลายธรรมชาติเสมือนจริง
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการอยู่สบายด้วยเทคโนโลยี
การสร้างคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นด้วยโซลูชันที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน และการใช้แอปพลิเคชันผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมการทำงานของระบบ อาทิ ระบบหลังคาโซลาร์ นวัตกรรมประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ด้วยโซลาร์ระบบ Hybrid สามารถกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ได้ทั้งกลางวัน กลางคืน และเป็นแหล่งสำรองไฟไว้ใช้กรณีไฟฟ้าดับ ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชันที่สามารถควบคุม ตรวจสอบการผลิตไฟฟ้า และค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้อย่างเรียลไทม์ อีกทั้งตอบโจทย์เทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นด้วยสินค้าและบริการอย่างเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า หรือ EV Charger ทางเลือกของคนรุ่นใหม่, เครื่องเติมอากาศดี SCG Active AIR Quality ช่วยกรองอากาศดีเข้าภายในบ้านและดันอากาศเสียออกนอกตัวบ้าน ทำให้อากาศสะอาดและปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสต่างๆ รวมถึงเติมออกซิเจนเข้าบ้าน ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและเพิ่มคุณภาพในการนอนหลับ
SCG Smart Wall Privazy นวัตกรรมระบบผนังกันเสียงที่สามารถกันเสียงได้สูงสุดถึง 66 STC (Sound Transmission Class) ติดตั้งง่ายด้วยระบบแห้งและยังแข็งแรงทนทาน แก้ปัญหาการมีเสียงดังระหว่างห้อง สร้างเป็นส่วนตัว ตอบโจทย์การกั้นห้องในที่ทำงานหรือห้องประชุมสัมมนา เป็นต้น
“ความตั้งใจของแบรนด์ ที่ขาดไม่ได้คือเรื่อง Green Innovation ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คนรุ่นใหม่ให้ความใส่ใจและกำลังเป็นเทรนด์ไปทั่วโลก เราจึงใส่ใจด้าน ESG และ Net Zero Carbon โดยกระบวนการผลิตของเราจะพยายามทำให้เป็น Zero Waste จากในโรงงาน ทุกอย่างที่เหลือสามารถนำกลับมาใช้ได้หมดโดยไม่เหลือฝังกลบ ทำให้ใช้วัสดุที่มีได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนที่สองคือการใช้พลังงานในการผลิต เราพยายามลดวิธีการใช้พลังงานภายในโรงงาน หันมาใช้พลังงานสะอาดในการผลิตเพิ่มขึ้น และส่วนที่สาม เราตอบโจทย์สินค้าให้ตรงกับผู้ใช้ นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้เต็มที่ เช่น เทคโนโลยีโคทติ้งที่ช่วยลดพลังงานความร้อน ช่วยสะท้อนความร้อนออก บ้านที่ร้อนอบอ้าวก็จะเย็นลง เราพยายามทำทุกระบบให้เย็นลงทั้งผนัง และหลังคา ซึ่งการทำให้ทุกส่วนของบ้านเย็นลง ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง ตอบรับการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่และเป็นแบรนด์รักษ์โลกตามปณิธาน SCG Passion for Better ที่วางไว้” อัญชลี กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/05/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,050.00 | 32,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,076.00 | 31,472.16 | 32,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,868.40 | 28,324.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,660.80 | 25,177.73 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 934.00 | 14,159.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 727.00 | 11,021.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,151.00 | 32,609.16 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/05/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.65 | 35.65 | 36.14 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.38 | 35.38 | 35.84 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.34 | 33.34 | 33.74 | 33.34 | 33.34 | – | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.79 | 33.79 | – | – | – | – | – | – | – | 33.79 |
เบนซิน 95 | 43.44 | – | – | – | 43.51 | – | 43.94 | 43.61 | – | 43.44 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | – | 32.94 | – | 32.94 | – | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.06 | 42.16 | 44.04 | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | 42.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |