สาระน่ารู้ประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2566

7 โซนพื้นที่ กทม. ดัชนี “ราคาอสังหา” ปรับตัวสูงสุด

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กาง 7 โซนพื้นที่ กทม. ดัชนีราคาอสังหาฯ เพิ่มขึ้นมากสุดในรอบไตรมาส พบ “เขตปทุมวัน” ยืนหนึ่ง เพิ่มขึ้น 6% ขณะ”เขตธนบุรี” ทำเลที่มีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด 8%

9 พฤษภาคม 2566 – ข้อมูลล่าสุดจากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Report Q2 2566 เผยภาพรวมดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ มีค่าปรับตัวลดลง 10% จากไตรมาสก่อน (QoQ) หรือลดลง 18% จากปีก่อนหน้า (YoY) โดยมีการปรับลดลงถึง 31% จากช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดฯ (ไตรมาส 4 ปี 2562) สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยยังชะลอตัวต่อเนื่อง  

ทั้งนี้ ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวลดลงทุกประเภท เป็นผลจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวดังเดิม ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือจึงต้องตรึงราคาขายของสินค้าต้นทุนเดิมไว้และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีเพียงทาวน์เฮ้าส์ที่มีดัชนีราคาทรงตัวจากไตรมาสก่อน 

ขณะที่ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมลดลงในสัดส่วนเท่ากันที่ 4% QoQ สะท้อนให้เห็นว่าความนิยมของที่อยู่อาศัยแนวราบในปีนี้เริ่มชะลอตัวพอสมควร

ด้านดีมานด์ในตลาดเช่ายังมีทิศทางเติบโตน่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดฯ พบว่าดัชนีความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นถึง 118% และปรับเพิ่มขึ้นทุกประเภทที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวดิ่งอย่างคอนโดฯ ที่ยังคงครองความนิยมในตลาดเช่า โดยมีดัชนีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้น 143% จากช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดฯ ตามมาด้วยบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ (เพิ่มขึ้น 36% และ 24% ตามลำดับ) 

7 ทำเล CBD ฮอต ดัชนีราคาที่อยู่เพิ่มมากสุด

สำหรับ ทำเลที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส ปัจจุบันเริ่มกลับมาอยู่ในย่านใจกลางเมือง และพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ ต่างจากรอบก่อนหน้าที่ทำเลส่วนใหญ่เป็นพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก โดยทำเลที่น่าจับตามองในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน ได้แก่ 

  • เขตปทุมวัน ถือเป็นทำเลที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 6% QoQ (เพิ่มขึ้น 4% YoY) อานิสงส์จากการเป็นทำเลใจกลางเมืองหลวงที่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งงาน รวมทั้งใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสุขุมวิท 
  • เขตสัมพันธวงศ์ มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 4% QoQ (เพิ่มขึ้น 4% YoY) ถือเป็นทำเลแหล่งการค้าขนาดใหญ่ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-หลักสอง 
  • เขตบางคอแหลม มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 4% QoQ (ลดลง 7% YoY) ทำเลแหล่งงานย่านพระราม 3 ใกล้สาทร-สีลม ความน่าสนใจอยู่ที่ปัจจุบันยังมีโครงการพัฒนาต่อเนื่อง เช่น ศูนย์การค้าขนาดใหญ่
  • เขตคลองสาน มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 3% QoQ (เพิ่มขึ้น 5% YoY) อีกหนึ่งทำเลศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีทอง กรุงธนบุรี-คลองสาน 
  • เขตคลองสามวา มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 3% QoQ (เพิ่มขึ้น 3% YoY) ทำเลพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกที่มีที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นสินค้าแนวราบ ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) 
  • เขตวัฒนา มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 3% QoQ (ลดลง 2% YoY) ทำเลธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสุขุมวิท 
  • เขตหลักสี่ มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 3% QoQ (ลดลง 25% YoY) เติบโตจากอานิสงส์ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่เชื่อมต่อการเดินทางไปยังใจกลางเมืองให้ง่ายขึ้น 

5 ทำเลแนวรถไฟฟ้า ดัชนีค่าเช่า เพิ่มมากสุด

ขณะทำเลที่มีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน และเป็นทำเลแหล่งงานขนาดใหญ่ซึ่งมีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงตามไปด้วย ได้แก่ 

  • เขตธนบุรี ดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นถึง 8% QoQ (เพิ่มขึ้น 8% YoY) ความน่าสนใจอยู่ที่เป็นทำเลใกล้ย่านธุรกิจ และสามารถเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีลม
  • เขตสัมพันธวงศ์ ดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้น 8% QoQ (ทรงตัวจากปีก่อนหน้า) ทำเลแหล่งการค้าขนาดใหญ่ ได้อานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-หลักสอง  
  • เขตดินแดง ดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้น 7% QoQ (เพิ่มขึ้น 8% YoY) ทำเลศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (CBD) แห่งใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางซื่อ 
  • เขตสายไหม ดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้น 5% QoQ (เพิ่มขึ้น 5% YoY) ทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 
  • เขตประเวศ ดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้น 5% QoQ (เพิ่มขึ้น 2% YoY) ถือเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกทั้งจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เอพี” ยืนเป้าเปิด 58 โครงการ ไตรมาสแรก ทำรายได้ทะลุ 1.1หมื่นล้าน

โครงการแนวราบ ดัน ไตรมาสแรก “เอพี” ทำกำไร 1,478 ล้านบาท รายได้รวม 11,805 ล้านบาท เผยตลาดคอนโดฯ ส่งสัญญาณไฟเขียว ยอดโอนฯฟื้น พร้อมเดินหน้ายืนตามเป้า ทั้งปี เปิด 58 โครงการใหม่ มูลค่าประมาณ 77,000 ล้านบาท

9 พฤษภาคม 2566 – นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและ  การสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 11,805 ล้านบาท  

ด้านกำไรสุทธิ 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,154 ล้านบาท เท่ากับ 28% และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.66 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินสุทธิในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า 

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มแนวราบอย่าง ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวยังถือเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญในการเติบโตทางรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 8,657 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งมีบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY เป็นกำลังหลักหนุนสร้างรายได้รวมในกลุ่มแนวราบ 

สำหรับสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ภาพรวมธุรกิจเริ่มมีแนวโน้มเป็นบวก ประกอบกับสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยไตรมาสที่ผ่านมานอกจากบริษัทฯ จะโอนกรรมสิทธิ์ปิดจบโครงการ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช เฟส 1 ได้ทั้งโครงการแล้วนั้น บริษัทฯ ยังสร้างรายได้จากการโอนคอนโด   แบรนด์ ASPIRE อย่าง ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน และ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงคอนโดมิเนียมร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน คอนโดมิเนียมโครงการล่าสุดที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา 

โดยไตรมาส 2 เอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่า 21,030 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 9,380 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 8,150 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3,500 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้นมูลค่า 14,264 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบมูลค่า 10,601 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 3,663 ล้านบาท และมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) 33,000 ล้านบาท 

ปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่มากถึง 58 โครงการ มูลค่าประมาณ 77,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10พ.ค.ที่ระดับ 33.67 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบกว้างได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ตามเวลาในไทยประมาณ 19.30 น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10พ.ค.2566ที่ระดับ  33.67 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.69 บาทต่อดอลลาร์


 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้น ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด แต่โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นใกล้โซน 33.70 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง

ส่วนในวันนี้ เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบกว้างได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ (เวลาประมาณ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย) 

ซึ่งเราประเมินว่า หากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ไม่ได้ชะลอลงชัดเจนหรือออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจกดดันให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับสมมติฐานใหม่ ว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ได้นานกว่าคาด ทำให้เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง (แต่อาจยังติดโซนแนวต้านแถว 101.8-102 จุด สำหรับ ดัชนีเงินดอลลาร์ DXY)

ทั้งนี้ ในส่วนของเงินบาท เรามองว่า ในช่วงระหว่างวันก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงรับรู้อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจจะยังคงเป็นฝั่งซื้อสุทธิบอนด์ 

ขณะที่ฝั่งหุ้น นักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบเข้าซื้อ จนกว่าจะรู้ผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าไปมาก จนหลุดโซนแนวรับในกรอบสัปดาห์ที่เราประเมินไว้แถว 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์

 เนื่องจาก ผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าในการทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) นอกจากนี้ ผู้นำเข้าบางส่วนก็อาจรอจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นในการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ อีกทั้งในช่วงนี้ก็ยังมี โฟลว์จ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติอยู่
 
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.90 บาท/ดอลลาร์

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในฝั่งตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในวันนี้ รวมถึงการเจรจาขยายเพดานนี้ (US Debt Ceiling) ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจน 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากการขายหุ้นบางส่วนที่รายงานคาดการณ์ผลประกอบการที่น่าผิดหวัง อาทิ บริษัท Paypal -12.7% รวมถึง บริษัท Skyworks -5.2% ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพให้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple
 
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.33% กดดันโดยรายงานผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางส่วนที่ออกมาแย่กว่าคาด 

นอกจากนี้ ยอดการนำเข้า (Imports) ของจีนที่หดตัว -7.9%y/y แย่กว่าคาด ก็สร้างความกังวลต่อแนวโน้มความต้องการบริโภคสินค้าแบรนด์เนมจากยุโรป กดดันให้หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม 

ต่างปรับตัวลดลง Kering -2.7%, Hermes -1.1% ขณะเดียวกัน ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB ที่ย้ำจุดยืนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อก็มีส่วนกดดันตลาดหุ้นยุโรปเช่นกัน
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน แม้เงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวผันผวน แต่โดยรวมแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 101.6 จุด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังขาดปัจจัยหนุนที่จะทำให้แข็งค่าขึ้นชัดเจน 

เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ปัจจัยกดดันเงินดอลลาร์ในระยะนี้ ยังคงเป็นความกังวลการเจรจาขยายเพดานหนี้

 ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาพรวมตลาดการเงินที่เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น กอปรกับผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงกังวลต่อประเด็นการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้าซื้อทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม

 ส่งผลให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2,044 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ซึ่งเราประเมินว่าผู้เล่นบางส่วนอาจใช้จังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าวในการทยอยขายทำกำไร ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
 
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ โดยตลาดมองว่า โมเมนตัมของอัตราเงินเฟ้อ CPI และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจยังไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจน อย่างที่ตลาดและเฟดคาดหวัง (CPI +0.4%m/m, Core CPI +0.3%m/m)

 ทำให้อัตราเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อาจยังคงอยู่ในระดับสูงราว 5.00% และ 5.50% ตามลำดับ ซึ่งภาพดังกล่าว อาจเพิ่มโอกาสที่เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้บ้าง 

แต่เรามองว่า เฟดอาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงต่อ (Higher for Longer) เนื่อจากแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มได้รับผลกระทบและชะลอลงจากภาวะการปล่อยสินเชื่อที่ตึงตัวมากขึ้น
 
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการเจรจาขยายเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับผู้นำ ฝ่ายพรรครีพับลิกัน และสมาชิกสภาคองเกรสบางส่วน เพื่อประเมินความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้ หากการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุปในการขยายเพดานหนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนที่ 33.62 ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.35 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.70 บาทต่อดอลาร์ฯ

โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดแรงหนุน หลังจากมีรายงานข่าวระบุว่า การเจรจาเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ระหว่าง นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดี กับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน และผู้นำในสภาคองเกรสหลายราย ยังคงไม่ได้ข้อสรุปและจะต้องมีการนัดหารือกันใหม่ในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ตลาดยังคงอยู่ระหว่างรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในคืนนี้อย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.55-33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ปัญหาเพดานหนี้ และข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไทยขึ้นนำเจ้าเหรียญทอง, เจ้าภาพหล่นที่ 3 สรุปเหรียญ ซีเกมส์ 2023 ประจำวันที่ 9 พ.ค.

สรุปเหรียญรางวัลทัพนักกีฬาไทยทำผลงานในศึกซีเกมส์ 2023 วันอังคารที่ 9 พ.ค. 66 มีการชิงกันถึง 42 เหรียญทอง โดยทัพนักกีฬาไทยได้เพิ่มอีก 12 เหรียญทอง ทำให้ไทยขึ้นแท่นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์แล้ว มี 40 เหรียญทอง ส่วนอันดับ 2 เป็นของเวียดนาม มี 39 เหรียญทอง (เพิ่มขึ้น 9 เหรียญทอง)

ในขณะที่เจ้าภาพกัมพูชาหล่นมาอยู่อันดับที่ 3 มี 39 เหรียญทอง 39 เหรียญเงินเท่ากับเวียดนาม แต่เหรียญทองแดงนั้นน้อยกว่า ซึ่งในวันนี้ กัมพูชาเก็บเหรียญเพิ่มได้อีก 2 เหรียญ จากการแข่งขันกีฬาโววีนัม

โดยผลงานทัพนักกีฬาไทยได้เหรียญทองเพิ่มจาก ว่ายน้ำเดี่ยวผสม 400 เมตรหญิง, วิ่ง 5,000 เมตรชาย, ทุ่มน้ำหนัก ชาย, ทศกรีฑา ชาย, หมากรุกกัมพูชา ชายคู่, หมากรุกกัมพูชา ชายเดี่ยว เปตองชายเดี่ยว, เปตองชายคู่, เปตอง คู่ผสม, เทนนิสชาย, โววีนัม รุ่น 70 กก.ชาย แล ะปิดท้ายด้วยโววีนัม รุ่น 50 กก. หญิง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“วิตามินบีรวม” มีประโยชน์ในการป้องกันโรคอะไรได้บ้าง

กลุ่มของวิตามินบีหรือที่รู้จักกันในชื่อว่า วิตามินบีรวม (vitamin B complex) ประกอบด้วยวิตามินบี 8 ชนิด

  • บี1 หรือ ไทอามีน (thiamine)
  • บี2 หรือ ไรโบฟลาวิน (riboflavin)
  • บี3 หรือ ไนอะซิน (niacin)
  • บี5 หรือ กรดแพนโทเธนิค (pantothenic acid)
  • บี6
  • บี7 หรือ ไบไอติน (biotin)
  • บี12
  • กรดโฟลิก

วิตามินบีช่วยในการทำงานของการผลิตและควบคุมพลังงานในร่างกาย และสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง 

ประโยชน์ของวิตามินบี

โดยทั่วไปแล้ว เชื่อกันว่าวิตามินบีรวมมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัม ทำให้อารมณ์ดีขึ้น บรรเทาอาการวิตกกังวล ส่งเสริมสุขภาพ และบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว วิตามินบีในแต่ละชนิดมีประโยชน์แตกต่างกันดังนี้คือ

  • วิตามิน บี1 และบี2 เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และหัวใจที่แข็งแรง บี1 นั้นช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ ขณะที่ บี2 ช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและปกป้องเราจากอนุมูลอิสระ
  • วิตามิน บี3 ทำหน้าที่สำคัญการควบคุมระบบประสาทและระบบขับถ่าย นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน
  • วิตามิน บี5 ทำหน้าที่ในการย่อยสลายไขมันและคาร์โบไฮเดรต เปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ทั้งยังจำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมน คุณจำเป็นต้องใช้วิตามิน บี5 และ บี12 ในการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่เหมาะสม
  • วิตามิน บี6 ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และจำเป็นต่อกระบวนการผลิตฮอร์โมนและย่อยสลายโปรตีน
  • วิตามิน บี7 เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการผลิตฮอร์โมน
  • วิตามิน บี9 ช่วยให้เซลล์สร้างและบำรุงดีเอ็นเอ และยังช่วยเสริมสร้างการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
  • วิตามิน บี6 บี9 และ บี12 ช่วยส่งเสริมการควบคุมระดับของกรดอะมิโนโฮโมซีสเทอีน (amino acid homocysteine) ซึ่งหากระดับนี้สูงเกินไป คุณอาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้

วิตามินบีกับอาการโรคบางชนิด

นักวิจัยเชื่อว่าการรับประทานอาหารเสริมวิตามินบีรวม อาจจะช่วยป้องกันโรคบางชนิดได้ เช่น

  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อาจจะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไตด้วยการรับประทานวิตามิน บี1 วิตามิน บี1 ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของต้อกระจกได้
  • วิตามิน บี2 ช่วยป้องกันโรคไมเกรน
  • วิตามิน บี3 ช่วยเพิ่มไขมันที่มีความหนาแน่นสูงและลดระดับของคอเลสเตอรอล
  • วิตามิน บี6 ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน และอาการคลื่นไส้ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์
  • วิตามิน บี7 เกี่ยวข้องกับสุขภาพของผิว เส้นผม และเล็บ
  • วิตามิน บี9 เชื่อกันว่าสามารถป้องกันโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับอ่อนได้ สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการให้กำเนิดทารกที่มีความบกพร่องตั้งแต่กำเนิด
  • วิตามิน บี12 ช่วยให้ผู้สูงอายุลดอาการสับสนและควบคุมระดับของสารโฮโมซีสเทอีน

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อาหารเสริมวิตามินบีรวมนั้นไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ได้ มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานวิตามิน บี6 และ บี12 และกรดโฟลิคเป็นเวลานานนั้น ไม่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าในผู้หญิงสูงอายุได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สูตรลับ !!! การจำลำดับ Adjective

สวัสดีชาว Engnow แอดจะนำพาทุกคนขึ้นยาน ไปเรียน GRAMMAR กัน แต่วันนี้มาพร้อมเพลงนำเชียร์จ้ะทุกคน แอดไม่ได้มาเล่นๆนะ ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วแหละ ว่า Adjective หรือคุณศัพท์คืออะไร เรามาทบทวนกันสั้นๆ

Adjective คือ บางคำมีรายละเอียดหน้าคำนาม เช่น red bull จากคำนี้เราจะเห็นว่า red อยู่หน้าคำว่า bull 
และคำว่า red นี่แหละที่เป็น Adjective เพราะคำนี้เพิ่มรายละเอียดว่าเป็นกระทิงสีแดง แบบนี้เราไม่งงหรอกเนอะ

ปัญหาคือแล้วถ้ามี Adjective หลายชนิดในคำเดียวกันล่ะ เรียงยังไง ???

Adjective Order หรือการเรียงลำดับคำขยายนาม (Adj.) ในกรณีที่มีมากกว่าหนึ่งคำในประโยคเดียวกัน
เจ้าของภาษามีความยืดหยุ่นและสลับกันบ้าง แต่เพื่อการทำข้อสอบ หรือเขียนให้ถูกต้องตามหลักภาษา มีลำดับดังนี้

สิ่งนี้เราเรียกว่า ลำดับ Adjective เป็นการเรียงลำดับคำคุณศัพท์ให้ถูกต้องตามหลักภาษา แน่นอนแอดมาวันนี้ ไม่ได้มาให้นั่งจำ แอดว่ามันดูน่าเบื่อเกินไป แต่แอดจะให้ชาว Engnow ท่องแบบนี้


อาลำจวนลักหนาดรูปยุสีชาติดุนาม

อา คือ อาร์ทิเคิ่ล (Article)

ก็คือพวก a,an,the ให้รวมพวก determiner ทั้งหลายไปด้วย เช่น this, that, those, these หรือคำสรรพนามแสดงความเป็นจ้าของ my,your, his ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่

ลำ คือ ลำดับที่

เช่น first, second, third

จวน คือ จำนวนนับ (Trick: ควบคำ)

เช่น one, four, sixteen

ลัก คือ คุณลักษณะ

 เช่น pretty, ugly, horrible, beautiful, difficult

หนาด คือ ขนาด

 เช่น big, small, slim,long, short, huge

รูป คือ รูปทรง

เช่น square, triangle, circle,oval

ยุ คือ อายุ

เช่น young, old, 7-year-old

สี

เช่น red, green, black, blue

ชาติ คือ สัญชาติ

เช่น Taiwan, American, Chinese, Vietnamese

ดุ คือ วัสดุ

เช่น wooden, plastic, silk, cotton

นาม คือ คำนามที่เราต้องการขยาย

เช่น lady, curtain, gentleman

เราลองมาดูตัวอย่างการเรียงลำดับ Adj. ที่ถูกต้องกันสักหนึ่งประโยคให้พอเห็นภาพกัน ดังนี้

I don’t like those horrible yellow curtains.

(ฉันไม่ชอบผ้าม่านสีเหลืองแย่ๆเหล่านั้น)

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


OPPO เปิดตัว 2023 Inspiration Challenge ลงทุน 440,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อโซลูชั่นด้านเทคนิคที่เป็นนว

OPPO Research Institute ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก Qualcomm Venture, GSMA 5G IN, Amazon Web Services และ LinkedIn ประกาศเปิดตัว 2023 OPPO Inspiration Challenge ในวันแห่งรอยยิ้มสากล หรือ World Smile Day ตาม brand proposition อย่าง”Inspiration Ahead” OPPO และพันธมิตรใน ecosystem เทคโนโลยีระดับโลกมีเป้าหมายที่จะนำโซลูชันใหม่และนวัตกรรมมาสู่ชีวิตด้วยการมอบเงินทุน การสนับสนุน และโอกาสในการเป็นพันธมิตร ด้วยการทำงานร่วมกัน OPPO หวังว่านวัตกรรมเหล่านี้จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวก และกระตุ้นให้เกิดความตระหนักต่อปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนทั่วโลกมากขึ้น

 OPPO และพันธมิตรให้คำมั่นสัญญาด้านเงินทุนและการสนับสนุนด้านเทคนิคสำหรับโครงการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ 

“OPPO เชื่อมั่นในแนวคิด ‘Virtuous Innovation’ ขณะที่เราสำรวจเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เราก็ยังคงทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ที่คำนึงถึงผู้คนเป็นอันดับแรก” Head of the OPPO Research Institute กล่าว “ด้วยประเด็นสำคัญระดับโลก เช่น สาธารณสุข การเข้าถึงเทคโนโลยี และการปกป้องสิ่งแวดล้อม แค่ความพยายามของเรานั้นไม่อาจแก้ปัญหาได้ ดังนั้นเราจึงริเริ่มโครงการ Inspiration Challenge เพื่อช่วยให้นักประดิษฐ์ที่มีแนวคิดเดียวกันสามารถจัดการกับปัญหาใหญ่เหล่านี้ร่วมกับเราโดยใช้พลังของเทคโนโลยีและสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน”

การสมัครเข้าร่วม 2023 OPPO Inspiration Challenge จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน โดยมีจะมีการจัดระดับภูมิภาค 3 รายการที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ บอสตัน และเซินเจิ้น ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม โดยผู้เข้ารอบสุดท้ายจากแต่ละภูมิภาคจะได้รับเชิญให้เข้าร่วม Inspiration Challenge Acceleration Camp และพบปะกับผู้บริหาร OPPO และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเพื่อพัฒนาโครงการก่อนรอบไฟนอลระดับโลกในสิ้นเดือนสิงหาคม

โครงการทั้งหมดสำหรับ OPPO Inspiration Challenge ในปีนี้จะได้รับการประเมินตามเกณฑ์ทั้งสี่ ได้แก่ ความเป็นไปได้ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ศักยภาพระยะยาว และคุณค่าทางสังคม โดยโครงการที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 15 รายการจากระดับภูมิภาคจะได้รับเลือกให้เป็นผู้เข้ารอบไฟนอลระดับโลก และโครงการที่ชนะ 5 อันดับแรกจะเข้ารอบไฟนอลระดับโลก โดยแต่ละโครงการจะได้รับเงินรางวัล 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 350,000 หยวน รวมภาษี)

โอกาสในการเป็นหุ้นส่วนมาถึงแล้ว เปิดรับโครงการ 45 อันดับแรกทั่วโลก – ซึ่งประกอบด้วยโครงการ 15 อันดับแรกในแต่ละระดับภูมิภาค 

  • โอกาสในการผลิตและการค้า: กองทุนบ่มเพาะ มูลค่ารวม 190,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.25 ล้านหยวน รวมภาษี) จะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมพัฒนาโซลูชันสำหรับการนำไปใช้งาน
  • ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และโอกาสในการลงทุน 
  • โอกาสในการจัดแสดงงานเทคโนโลยีระดับโลก
  • โอกาสในการรับบริการคลาวด์และการสนับสนุนทางเทคนิคจาก Amazon Web Services

OPPO จับมือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั่วโลกเพื่ออนาคตที่ดียิ่งกว่า

ในระหว่างการแข่งขัน OPPO Inspiration Challenge เมื่อปีที่แล้ว มีการรวบรวมโครงการกว่า 536 รายการจากนักประดิษฐ์ทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความท้าทายหลักใน การเข้าถึงเทคโนโยลี’ และ ‘Digital Health’ ตั้งแต่นั้นมา OPPO ได้ทำงานร่วมกับ 18 ทีมในการดำเนินการตามโครงการและได้นำบางทีมไปสู่แพลตฟอร์มระดับโลก เช่น OPPO INNO DAY 2022 และ MWC 2023

เนื่องจากสุขภาพ การเข้าถึง และการปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจหลักที่สังคมให้ความสำคัญ การขับเคลื่อนความก้าวหน้าในด้านสำคัญเหล่านี้ผ่านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมจึงเป็นเรื่องสำคัญ 2023 OPPO Inspiration Challenge จะมุ่งเน้นไปที่ 2 ประเภทหลักคือ ‘แรงบันดาลใจเพื่อผู้คน’ และ ‘แรงบันดาลใจเพื่อโลก’ โดยสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั่วโลกในการพัฒนาโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมในสองด้านนี้

แรงบันดาลใจเพื่อผู้คน: โซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมสำหรับ Digital Health และการเข้าถึงเทคโนโลยี

เพื่อเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับ Digital Health และการเข้าถึงเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงอัลกอริธึมด้านสุขภาพ นวัตกรรมเซ็นเซอร์ฮาร์ดแวร์ ได้แก่ การรวมเซ็นเซอร์ใหม่และขั้นสูงเข้ากับอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพประจำวัน ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการตรวจสุขภาพแบบดิจิทัล เทคโนโลยีช่วยเหลือการเข้าถึง และเทคโนโลยีที่ออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุ เป้าหมายหลักของหมวดหมู่นี้คือการทำให้เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้และเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน 

แรงบันดาลใจเพื่อโลก: โซลูชั่นนวัตกรรมเพื่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคาร์บอนต่ำ

สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของ OPPO ที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานภายในปี 2050 หมวดหมู่นี้เรียกร้องให้มีโซลูชั่นนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคาร์บอนต่ำที่ใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค อย่างพลังงานหมุนเวียน วัสดุและบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน กระบวนการผลิตสีเขียว การรีไซเคิลผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และการจัดการดิจิทัลด้านการปล่อยคาร์บอน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตหรือการใช้งานผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านทางเทคโนโลยี

OPPO Inspiration Challenge 2023 เปิดรับสมัครทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.oppo.com/en/proposal/ 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“ซิงค์” (Zinc) หรือ “แร่สังกะสี” กับประโยชน์สุขภาพที่คุณควรรู้

หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ ซิงค์ (Zinc) แร่สังกะสี หนึ่งในแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับในเรื่องของการเจริญเติบโต แต่เราสามารถหาแร่สังกะสีนี้ได้จากที่ไหน และจะเกิดอะไรขึ้นหากร่างกายของเราขาด ซิงค์


ซิงค์ สำคัญอย่างไรกับร่างกาย

ซิงค์ หรือ แร่สังกะสี นั้นเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเอง หรือกักเก็บไว้ได้ แต่จะได้รับผ่านทางการรับประทานอาหารเท่านั้น

ร่างกายของเราจำเป็นต้องใช้แร่สังกะสี เพื่อใช้ในกระบวนการทำงานต่างๆ ของร่างกาย เช่น

  • การเจริญเติบโตและการพัฒนาของร่างกาย
  • ปฏิกิริยาของเอนไซม์
  • การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • การสังเคราะห์โปรตีน
  • การสังเคราะห์ DNA
  • การฟื้นฟูบาดแผล
  • การแสดงออกของยีน (Gene expression)

นอกจากนี้แร่สังกะสีนี้ยังมีความจำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์กว่า 300 ชนิด ที่ช่วยในเรื่องของกระบวนการเผาผลาญ การย่อยอาหาร การทำงานของระบบประสาท ตลอดไปจนถึง การพัฒนาและการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซิงค์จึงจัดได้ว่าเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายมากเป็นอันดับ 2 รองจากธาตุเหล็ก


ประโยชน์สุขภาพที่ได้จากสังกะสี

  • ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

ซิงค์นั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากร่างกายของเราจำเป็นต้องใช้แร่สังกะสีในการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า T-cells ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยในการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และจัดการกับเซลล์ที่ติดเชื้อหรือเซลล์ผิดปกติ งานวิจัยหลายชิ้น ยังให้คำแนะนำว่า ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ ควรบริโภคอาหารที่มีแร่สังกะสี เพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และช่วยป้องกันจากโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น โรคปอดอักเสบ เป็นต้น

ในขณะเดียวกันหากร่างกายขาดแร่สังกะสี อาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น เช่น การติดเชื้อ ได้ในที่สุด

  • ลดอาการอักเสบ

ซิงค์สามารถช่วยลดปริมาณของความเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน (oxidative stress) และช่วยลดปริมาณของโปรตีนบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการอักเสบได้ มีงานวิจัยที่พบว่า ผู้สูงอายุที่รับประทานซิงค์วันละ 45 มก. ต่อวัน จะมีโอกาสในการเกิดอาการอักเสบน้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก

  • ช่วยจัดการเรื่องสิว

เนื่องจากปัญหาสิวส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการอักเสบ หรืออาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มีงานวิจัยพบว่าการทายาหรือรับประทานยาที่มีส่วนผสมของซิงค์ สามารถช่วยรักษาอาการสิวได้ โดยการลดอาการอักเสบ และป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว ทั้งยังช่วยลดการทำงานของต่อมน้ำมัน จึงช่วยลดการสะสมและอุดตันของไขมันบนใบหน้า อันจะนำไปสู่การเกิดสิวได้อีกด้วย

  • ฟื้นฟูบาดแผล

ซิงค์มีส่วนสำคัญในการรักษาความสมบูรณ์และโครงสร้างของผิวหนัง ผู้ป่วยที่มีอาการบาดแผลเรื้อรัง มักจะมีปัญหาเรื่องการเผาผลาญแร่สังกะสีบกพร่อง และมีระดับของสังกะสีในเซรั่มต่ำ ดังนั้นครีมทาผิวหลายชนิด จึงมักจะนิยมเพิ่มซิงค์ลงไป เพื่อช่วยรักษาอาการทางผิวหนัง เช่น อาการระคายเคือง หรือผื่นผิวหนัง


จะเกิดอะไรขึ้นหากร่างกายเราขาดซิงค์

แม้ว่าโอกาสจะเกิดขึ้นได้น้อย แต่บางคนก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของภาวะขาดสังกะสี ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มียีนผิดปกติ ทารกที่ดื่มนมจากแม่ที่ได้รับแร่สังกะสีไม่พอ ผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันบางประเภท คนเหล่านี้มักจะเกิดภาวะขาดสังกะสีได้

อาการของภาวะขาดสังกะสีนั้น มีดังต่อไปนี้

  • การเจริญเติบโตและการพัฒนาของร่างกายผิดปกติ
  • เข้าสู่วัยหนุ่มสาวช้า
  • มีผื่นผิวหนัง
  • ท้องเสียเรื้อรัง
  • แผลหายช้า
  • ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผมบางลง
  • ความอยากอาหารลดลง
  • ผิวแห้ง
  • มีปัญหาเรื่องการเจริญพันธุ์
  • อารมณ์แปรปรวน


อาหารที่เป็นแหล่งของ สังกะสี

การที่ร่างกายของเราจะได้รับ แร่สังกะสี นั้นมาจากการรับประทานอาหาร แต่โชคดีที่อาหารที่ได้จากเนื้อสัตว์และพืชหลายชนิดมักจะอุดมไปด้วยแร่สังกะสี ทำให้ง่ายต่อบริโภคให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

อาหารที่เป็นแหล่งของซิงค์ มีดังต่อไปนี้

  • สัตว์ทะเลเปลือกแข็ง เช่น ปู กุ้ง หอยนางรม หอยแมลงภู่ และหอยกาบ เป็นต้น
  • เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อแกะ เป็นต้น
  • ปลา เช่น ปลาซาดีน ปลาแซลมอน เป็นต้น
  • ถั่ว เช่น ถั่วดำ ถั่วลูกไก่ (Chickpeas) ถั่วเขียว เป็นต้น
  • ธัญพืช เช่น เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดแตงโม ข้าวโอ๊ต ควินัว เป็นต้น
  • ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม เช่น นมสด โยเกิร์ต เนย ชีส เป็นต้น
  • ไข่
  • ผักบางชนิด เช่น เห็ด ผักคะน้า หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,250.0032,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,089.0031,669.2432,850.00
ทองรูปพรรณ 90%1,880.1028,502.32n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,671.2025,335.39n/a
ทองรูปพรรณ 50%940.0014,250.40n/a
ทองรูปพรรณ 40%731.0011,081.96n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,165.0032,821.40n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/05/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.0535.0535.5435.0535.0535.0535.0535.0535.0535.05
แก๊สโซฮอล์ 9134.7834.7835.2434.7834.7834.7834.7834.7834.7834.78
แก๊สโซฮอล์ E2032.7432.7433.1432.7432.7432.7432.7432.7432.74
แก๊สโซฮอล์ E8533.1933.1933.19
เบนซิน 9542.8442.9143.3443.0142.84
ดีเซล B732.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.44
ดีเซล32.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.44
ดีเซล B2032.4432.4432.9432.4432.4432.44
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5641.6643.5443.1643.1641.56
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า