สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2566

บี.กริม แนะรัฐบาลใหม่เร่งรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ชะลอไว้

บี.กริม แนะรัฐบาลใหม่เร่งรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ชะลอไว้ ด้านนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงก็เห็นด้วยแต่ควรเน้นการพัฒนาศักยภาพด้านแรงงาน ชี้หากนโยบายไม่ตอบโจทย์นักลงทุนก็เผ่น

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาเร่งเดินหน้าการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ชะลอออกไปโดยเร็ว 

ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงก็เห็นด้วยแต่ควรเน้นการพัฒนาศักยภาพด้านแรงงาน

“หากถามว่านโยบายการลงทุนรัฐบาลใหม่ออกมาแล้วอาจไม่ตอบโจทย์นักลงทุนเขาก็ย้ายไปยังประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องปกติของนักลงทุนอยู่แล้ว”

นางอัญชลี ชวนิชย์ นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทยและพันธมิตร กล่าวว่า การเมืองไทยไม่กระทบเพราะต่างชาติเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลง 

ขณะที่ไทยเองมีพื้นฐานโครงสร้างที่ดี มีภูมิรัฐศาสตร์ที่ดี โดยขณะนี้นักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV)

นางสาวจรีพร  จารุกรสกุล รองประธานคณะกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างจับตาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร โดยอยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วสุดเพื่อให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนไปข้างหน้า

นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ขณะนี้ต่างชาติกำลังรอดูการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยโดยอยากเห็นการจัดตั้งโดยเร็ว 

อย่างไรก็ตามการเมืองไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนระยะยาวแม้ว่าบางนโยบายอาจจะมีความกังวลว่าจะเปลี่ยนแปลงก็ตามเช่น ค่าแรง แต่ก็จะต้องไปดูว่ากระทบกลุ่มไหนแต่ผู้ประกอบการในนิคมฯส่วนใหญ่ได้รับค่าแรงที่เกินขั้นต่ำไปแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โลกกำลังต้องการ Green Jobs แรงงานแห่งอนาคตจาก “เศรษฐกิจสีเขียว”

โลกกำลังต้องการ Green Jobs แรงงานแห่งอนาคตจาก “เศรษฐกิจสีเขียว” พร้อมทักษะเส้นทางสู่อาชีพสีเขียวต้องเตรียมพร้อมอย่างไร

คำว่า Geen Job หรือ อาชีพสีเขียว ปรากฎขึ้นตั้งแต่กลางทศวรรษที่ผ่านมา และเริ่มพูดถึงกันมากขึ้นเพราะมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศที่เริ่มส่งสัญญาณเตือน ผู้บริโภคใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ภาคธุรกิจที่เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการมากขึ้น การตั้งเป้าหมาย Net Zero ทั่วโลก ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ Green Job เป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น

“Green Jobs” เป็นงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นวาระสำคัญในระดับที่  Bill Gates ต้องเขียนหนังสือที่ถ่ายทอดความจริงเรื่องโลกร้อน หายนะ และหนทางรอดที่ยังไม่สายไป หากเราร่วมมือกัน เพื่อกระตุ้นและเตือนให้คนเห็นความสำคัญชนิดที่ว่ารอไม่ได้แล้ว

การผลักดัน “เศรษฐกิจสีเขียว” (Green Economy) ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ จึงทำให้เกิดการจ้างงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะใน “อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก” องค์กรแรงงานสากล คาดการณ์ว่าความรุนแรงของผลกระทบจากโลกร้อนที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากผลิตภาพทั่วโลกที่ลดลง แน่นอนการจ้างงานจะลดลงตามไปด้วย ราว 80 ล้านตำแหน่งในปี 2030  

หน้าตาของ Green Jobs ง่ายๆ  ก็คือ งานในธุรกิจที่ผลิตสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการใช้พลังงานด้วย  และไม่เพียงแต่มีตำแหน่งงานเฉพาะทางที่อยู่ในสายงานเท่านั้น แต่ยังหมายถึงหลักการทำงานบางส่วนที่เอาไปประยุกต์ใช้กับสายงานอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ด้านพลังงาน ด้านขนส่ง การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเกษตรแบบออแกนิค

Green Jobs  กำลังแพร่หลาย เว็บไชต์งานต่างๆ มีการประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และมีการจ้างงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยก็มีโมเดลเศรษฐกิจ BCG ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อปลายทางที่สอดคล้องกันเป้าหมายของการพัฒนาที่ยิ่งยืน  เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย BCG จะสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ในด้านแรงงานสามารถสร้างงานใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม BCG เกิดตำแหน่งงานรายได้สูง และเพิ่มระดับรายได้ของแรงงานในอุตสาหกรรม BCG

เส้นทางสู่อาชีพสีเขียวและทักษะที่ต้องเตรียมพร้อมคืออะไร โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme – UNEP) สรุป 6 ทักษะสำคัญ ดังนี้ 

 ทักษะด้านวิทยาศาสตร์  เพราะเศรษฐกิจในอนาคตจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงาน/บุคลากรที่มีภูมิหลังทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม นักชีววิทยา นักอุทกวิทยา และนักชีวเคมี

ทักษะการวางแผนและสถาปัตยกรรม  ตอบโจทย์โครงสร้างพื้นฐานและอาคารที่ต้องมีโครงสร้างและคุณสมบัติที่สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทักษะด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมสีเขียว เพื่อออกแบบและรักษาพลังงานสะอาด และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียว

ทักษะด้านเกษตรกรรม เพื่อทำการเกษตรและแหล่งอาหารที่ยั่งยืน

ทักษะความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงประเด็นทางสังคม กฎหมาย และประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้มนุษย์ทำผิดซ้ำรอยเดิมที่อาจจะเป็นการผลิตซ้ำความไม่ยุติธรรมทางเชื้อชาติ สังคม หรือส่งผลลบต่อสุขภาวะทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

ทักษะการคิดและมองอย่างเป็นระบบ สามารถหาวิธีการที่จะปรับปรุงการดำเนินการทั้งหมดได้ ทักษะที่ควรมีคือทักษะในเศรษฐศาสตร์มหภาคเพื่อที่จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้ในโครงการระยะยาว

เรื่องของ Green Job ถือเป็นเทรนด์งานรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจอย่างแท้จริง โอกาสนี้กำลังเรียกร้องให้แรงงานพัฒนาเพื่อให้มีมีทักษะตอบโจทย์  Mega trend ที่กำลังเปลี่ยนโลก เรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 23พ.ค.ที่ระดับ 34.45 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทไม่น่าจะเกิน 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ในระยะสั้น เหตุผู้เล่นในตลาดก็ต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว โมเมนตัมการอ่อนค่ายังคงมีปัจจัยกดดันทั้งการจัดตั้งรัฐบาลไทยและการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐ

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้  23พ.ค.2566ที่ระดับ  34.45 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.43 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว 

เราคงมองว่า ในระยะสั้น โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ ท่ามกลางปัจจัยกดดันทั้งจากภายในประเทศอย่างความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่เพิ่มสถานะถือครองสินทรัพย์ไทย (ล่าสุดนักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายทั้งหุ้นและบอนด์รวมกันราว 1 หมื่นล้านบาทในวันก่อน)

อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายนอก อย่างทิศทางเงินดอลลาร์ก็เริ่มเคลื่อนไหว sideways จนกว่าจะมีความชัดเจนของการเจรจาขยายเพดานหนี้ ซึ่งเรามองว่า หากตลาดยังคงกังวลปัญหาการเจรจาขยายเพดานหนี้ ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้บ้าง ทว่า หากการเจรจาขยายเพดานหนี้ประสบความสำเร็จ ทำให้ตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ของบรรดาเศรษฐกิจหลัก โดยเรามองว่า หากรายงานดัชนี PMI ของประเทศอื่นๆ ออกมาดีกว่าคาดและ

มีทิศทางที่ดีกว่าของฝั่งสหรัฐฯ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้บ้าง ในทางกลับกัน รายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด และโดยรวมดีกว่าบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ก็อาจยังคงหนุนการแข็งค่าต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ได้

อนึ่ง เราประเมินโซนแนวต้านของเงินบาทไม่น่าจะเกิน 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ในระยะสั้นนี้ เพราะผู้เล่นในตลาดก็ต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว หรือบางส่วนก็รอจังหวะเพิ่มสถานะ Long THB เช่นกัน  ส่วนแนวรับค่าเงินบาทในช่วงนี้อาจอยู่ในโซน 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติที่ชัดเจน

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.30-34.55 บาท/ดอลลาร์

ความกังวลต่อแนวโน้มการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีท่าทีระมัดระวังตัวและไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนที่ออกมาสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเพียง +0.02%

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง +0.01% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตาความคืบหน้าการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มยานยนต์ (Porsche +1.7%)

หลังผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงานบ้าง (Equinor -0.7%) หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มลดความสนใจต่อหุ้นกลุ่มพลังงานลง สอดคล้องกับคาดการณ์ผลกำไรที่ถูกปรับลดลงต่อเนื่อง

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก แต่ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งยังคงออกมาสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัว ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.71%

เรามองว่า แม้โมเมนตัมการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังพอมีอยู่บ้าง แต่การปรับตัวขึ้นอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ยังคงรอจังหวะในการเพิ่มสถานะถือครองบอนด์ (รอ Buy on Dip)

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตอบรับมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนที่ออกมาสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟด อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์เริ่มถูกจำกัดลง

เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มการเจรจาขยายเพดานหนี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจเน้นขายทำกำไร ในจังหวะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.2 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และ

บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงกดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,972 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเรามองว่าการปรับฐานของราคาทองคำ อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

สำหรับวันนี้ ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจหลัก ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนพฤษภาคม

โดยในฝั่งสหรัฐฯ บรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงได้แรงหนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ โดยดัชนี PMI ภาคการบริการอาจอยู่ที่ระดับ 52.5 จุด (ดัชนีสูงกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) ซึ่งภาคการบริการของสหรัฐฯ ก็ยังคงได้รับอานิสงส์จากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและตึงตัวอยู่

ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดมองว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจเริ่มเผชิญผลกระทบจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง ชี้จากดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 46 จุด

 อย่างไรก็ดี การขยายตัวของภาคการบริการ ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการที่ระดับ 55.5 จุด จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยประคองเศรษฐกิจยูโรโซน เช่นเดียวกันกับในฝั่งอังกฤษ การขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ (ดัชนี PMI ภาคการบริการ อาจอยู่ที่ระดับ 55.5 จุด) ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจอังกฤษเช่นกัน

และในฝั่งเอเชีย ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น หนุนโดยการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการในเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 55.7 จุด ขณะที่ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจต่ำกว่าระดับ 50 จุด

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลดัชนี PMI ของบรรดาเศรษฐกิจหลัก ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาความคืบหน้าของการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 34.60 ไปแตะระดับ 34.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 34.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.40 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดของวันทำการก่อนหน้าที่ 34.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงสอดคล้องกับสัญญาณขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งสวนทางกับเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้นรับท่าทีเชิงคุมเข้มของเจ้าหน้าที่เฟด และความคืบหน้าในเชิงบวกของการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ (แม้ ณ ตอนนี้ จะยังไม่ได้ข้อสรุปก็ตาม)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.35-34.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามปัจจัยทางการเมืองของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ  ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ และข้อมูล PMI ขั้นต้นสำหรับเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เนชั่นส์ลีก 2023 พร้อมช่องถ่ายทอดสด

โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ศึกเนชั่นส์ลีก 2023 พร้อมช่องถ่ายทอดสด เช็กที่นี่


โดย “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ที่ปีก่อนสามารถทะลุผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย จะลงแข่งขันในสนามแรกพบกับ อิตาลี, แคนาดา, โปแลนด์ และ เกาหลีใต้ ซึ่งจะแข่งขันแบบพบกันหมดเพื่อคัดเอา 8 ทีมที่ดีที่สุดผ่านเข้าสู่รอบต่อไป

โปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง vnl 2023 พร้อมช่องทางถ่ายทอดสด

สัปดาห์ที่ 1 (แข่งขันที่ประเทศตุรกี)

วันที่ 30 พฤษภาคม 66 ไทย vs อิตาลี เวลา 21.00 น.

วันที่ 1 มิถุนายน 66 ไทย vs แคนาดา เวลา 18.00 น.

วันที่ 2 มิถุนายน 66 ไทย vs โปแลนด์ เวลา 18.00 น.

วันที่ 4 มิถุนายน 66 ไทย vs เกาหลีใต้ เวลา 18.00 น.

สัปดาห์ที่ 2 (แข่งขันที่ประเทศบราซิล)

วันที่ 15 มิถุนายน 66 ไทย vs เยอรมนี เวลา 03.00 น.

วันที่ 16 มิถุนายน 66 ไทย vs สหรัฐอเมริกา เวลา 00.00 น.

วันที่ 17 มิถุนายน 66 ไทย vs เซอร์เบีย เวลา 07.00 น.

วันที่ 19 มิถุนายน 66 ไทย vs โครเอเชีย เวลา 00.00 น.

สัปดาห์ที่ 3 (แข่งขันที่ประเทศไทย)

วันที่ 27 มิถุนายน 66 ไทย vs เนเธอร์แลนด์ เวลา 20.30 น.

วันที่ 29 มิถุนายน 66 ไทย vs พบกับ ตุรกี เวลา 20.30 น.

วันที่ 1 กรกฎาคม 66 ไทย vs ญี่ปุ่น เวลา 20.30 น.

วันที่ 2 กรกฎาคม 66 ไทย vs บราซิล เวลา 20.30 น.


สำหรับ การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2023 แฟนๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง ช่อง 7HD ทุกเกมที่ทีมชาติไทยลงทำการแข่งขัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สัญญาณอันตรายจาก “มือเท้าชา”

หลายๆ คนคงเคยเกิดอาการ “ชาตามปลายมือปลายเท้า” อยู่บ้างซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจกับอาการที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราว และสามารถหายได้เอง แต่หารู้ไม่ว่า “อาการชา” ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปลายประสาทอักเสบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา ก็อาจจะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ และความรู้สึกรับรู้ลดลงจนหมดความรู้สึกได้

นพ.สมชาย โตวณะบุตร แพทย์ทรงคุณวุฒิทางอายุรกรรม สาขาประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา ได้กล่าวระหว่างการจัดกิจรรม “Care your love, care your Nerve” ซึ่งสถาบันประสาทวิทยา ร่วมกับ บริษัท เมอร์ค จำกัด จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอาการชาปลายประสาทอักเสบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ต้องระวัง โดยอธิบายเกี่ยวกับโรคปลายประสาทอักเสบว่า สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เฉลี่ย อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคนี้ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย คนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ คนที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ คนที่ร่างกายขาดวิตามินบางชนิด (วิตามิน บี 1 บี 6 บี 12) และคนที่รับประทานยาบางตัวที่มีผลข้างเคียงต่อ เส้นประสาท

ทั้งนี้ ระบบประสาทของเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ “ระบบประสาทส่วนกลาง” ประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง ซึ่งมีหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุม สั่งการ และส่งคำสั่งโดยกระแสประสาท และ “ระบบประสาทส่วนปลาย” ทำหน้าที่รับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางและส่งต่อคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เราสามารถเคลื่อนไหวและรับรู้ ความรู้สึกได้ โดยระบบประสาทส่วนปลายมีเส้นประสาททำหน้าที่เหมือนเป็นสายไฟฟ้าในการนำคำสั่งไปตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเส้นประสาทส่วนปลายที่ออกจากสมอง มีอยู่ทั้งหมด 12 คู่ซ้ายขวา แต่ละคู่ควบคุมการทำงานในแต่ละส่วนของร่างกายที่แตกต่างกันไป โดยเส้นประสาทที่มักพบอาการอักเสบ และเห็นความผิดปกติของร่างกายได้ชัด เช่น

เส้นประสาทคู่ที่ 7 เป็นเส้นที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ถ้าเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดโรคหน้าเบี้ยวใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในช่วงที่เราทำงานหนัก พักผ่อนน้อย

เส้นประสาทคู่ที่ 8 ถ้าเกิดการอักเสบ ทำให้สูญเสียการทรงตัวเกิดอาการบ้านหมุนตามมาบางรายอาจเกิดเสียงแว่วในหู หรือ หูดับ

เส้นประสาทคู่ที่3, 4 และ 6 ถ้าเกิดการอักเสบ มักจะพบในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน อาการที่เจอคือ เห็นภาพซ้อนใน แนวใดแนวหนึ่ง

และเส้นประสาทที่อาจจะพบการอักเสบ ได้อีก ได้แก่ เส้นที่ 5 จะมีอาการปวดเสียวแปล๊บๆ บนใบหน้า เหมือนไฟฟ้าช็อต มักเกิดซีกใดซีกหนึ่งของหน้า นอกจากนี้ยังมี เส้นประสาทที่ออกจากไขสันหลัง อีกหลายสิบคู่ ซึ่ง นพ.สมชาย อธิบายว่า อาจเจอในเรื่องของเส้นประสาทถูกกดทับ หรืออักเสบได้จากการที่เราใช้อวัยวะ อาทิ คอ มือ เอว ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องนานๆ โดยกลุ่มแม่บ้าน คนที่ใช้มือเยอะๆ เช่น คนขี่มอเตอร์ไซค์ คนที่พิมพ์คอมพิวเตอร์นานๆ รวมไปถึงคนที่มีหมอนรองกระดูกเสื่อม อาจจะพบ เส้นประสาทถูกกดทับได้มากกว่าคนทั่วไป อาการที่พบคือ ชา ปวดแปล๊บๆ ปวดร้อนๆ ซ่าๆ ตามบริเวณที่ถูกกดทับ หากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ก็จะมีโอกาสทุเลาลง หรือหายขาดได้ แต่ถ้าเรานิ่งเฉย ไม่สนใจ และปล่อยให้อาการเหล่านี้เกิดต่อเนื่องเรื่อยๆ และทวีความรุนแรงขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้เกิดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบเล็กลง หรือ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หรือ ไม่สามารถรับความรู้สึกได้เหมือนเดิม

การดูแลตัวเอง และป้องกันไม่ให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบ เป็นสิ่งสำคัญ วิธีการป้องกันสามารถทำได้โดย การพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลิกดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันไม่ให้เส้นประสาทเสี่ยงต่อการถูก กดทับ โดยผู้ที่มีอาการใกล้เคียงกับอาการข้างต้น สามารถ เข้ารับการตรวจคัดกรองเบื้องต้น จากสถานพยาบาล ทั่วประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รวมวลีบอกว่า หุบปาก สงบปากเถอะ!! ในภาษาอังกฤษ

1. Be quiet!

เงียบ

2, Quiet, please!

กรุณาเงียบ

3. Stop talking!

หยุดพูด

4. Silence!

เงียบ (ระดับความแรง แรงกว่า Be quiet ภาษาระดับเป็นทางการ) 
เช่น Silence in court! (เงียบในชั้นศาล!)

5. Fall silent.

หยุดพูด

6. Hush. (ใช้ในเชิงสั่งมากกว่า)

เงียบ! (หยุดพูด/หยุดร้องไห้ซะที)

7. Hush up. 

เช่น I told him to hush up. (ฉันบอกเขาให้หุบปาก)

8.Hold your tongue

ปิดปากของคุณ

9. Button it (slang)

เงียบ (ภาษาระดับไม่เป็นทางการ)

10. Pipe down. (slang)

เงียบ (ใช้ในเชิงสั่งมากกว่า และเป็นภาษาระดับไม่เป็นทางการ)

11. Put a sock in it. (slang แบบอังกฤษ)

เงียบ (เป็นคำโบราณ )
เช่น Can’t you put a sock in it? I’m trying to work. (คุณไม่สามารถเงียบได้เหรอ ฉันพยายามทำงานอยู่)

12. Put a cork in it. 

เงียบ หุบปาก
เช่น Why don’t you put a cork in it! I’m sick of your whining! (ทำไมคุณไม่หุบปาก ฉันเบื่อเสียงหอนของคุณ)

13. Keep your trap shut (slang) 

เงียบ หุบปาก
เช่น  Tell him to keep his trap shut and let me ask the questions. (บอกเขาให้หุบปากและให้ฉันถามคำถามเอง)

14. Cut the cackle. (informal) 

เงียบ หยุดพูด
เช่น They were basically told to cut the cackle and get back to work. (พวกเขา(ถูกให้)หยุดพูดและกลับไปทำงาน)

15. Button your lip. (slang) 

เงียบปากไว้
เช่น Hey, button your lip! We don’t need to hear any more out of you today! (เฮ้ย เงียบๆปากไป เราไม่ต้องการได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับคุณอีกวันนี้)

16. Shut your mouth.

ปิดปากของคุณ

17. Shut it.

ปิดปาก (สั้น และกระชับ รู้เรื่อง)

18. Zip your lips.

รูดซิปปากของคุณ

19. Zip it.

รูดซิปปาก (สั้น และกระชับ ได้ใจความ)

20. Callate.

เงียบ (เป็นคำที่กลุ่ม Hipsters เพิ่งจะใช้ 2-3 ปีที่ผ่านมา จริงๆแล้วมาจากภาษาสเปน)

21. Shut your pie hole. (Slang)

หุบปาก
เช่น Shut your pie-hole! Seriously, man, just stop talking! (หุบปากซะ! แค่หยุดพูด!)

22. Shut your gob. (Slang)

เงียบ หุบปาก
เช่น Shut your gob, Bobby—no one asked for the opinion of a dork like you! (หุบปาก บ็อบบี้ ไม่มีใครถามความเห็นโง่ๆอย่างคุณ)

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


“เมตา” อ่วม! โดนสั่งปรับ 1,200 ล้านยูโร ข้อหากระทำผิดต่อข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้

เมตา (Meta) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ‘เฟซบุ๊ก’ ถูกสั่งปรับในวันจันทร์เป็นเงิน 1,200 ล้านยูโร โดยหน่วยงานกำกับดูเเลด้านข้อมูลส่วนตัวในสหภาพยุโรป ตามรายงานของรอยเตอร์

ค่าปรับครั้งนี้ ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เกิดขึ้นจากกรณีที่เมตาถูกกล่าวหาว่าโยกย้ายข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง

การดำเนินการครั้งนี้เป็นงานของหน่วยงานในประเทศไอร์เเลนด์ที่ทำงานด้านปกป้องข้อมูล ซึ่งมีชื่อว่า Data Protection Commissioner หรือดีพีซี

เมตามีเวลา 5 เดือนในการยุติการโยกย้ายข้อมูลผู้ใช้ไปยังสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้บริษัทค้าปลีกออนไลน์ ‘แอมะซอน’ เคยโดนปรับ 746 ล้านยูโร โดยลักเซมเบิร์กในกรณีที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ในยุโรป ในปี 2021

ทางด้านเมตาออกเเถลงการณ์ที่ระบุว่าบริษัทจะยื่นอุทธรณ์ และกล่าวว่าค่าปรับ “ไม่สมเหตุสมผล” และ “ไม่จำเป็น”

บริษัทกล่าวด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างที่ “อันตราย” ที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทอื่น ๆ

ที่ผ่านมาดีพีซีสั่งปรับเมตาไปเเล้วเป็นเงิน 2,500 ล้านยูโร ในข้อหากระทำผิดต่อกฎหมายด้านการปกป้องข้อมูลของสหภาพยุโรปที่มีชื่อว่า General Data Protection Regulation ซึ่งเริ่มใช้มาเเล้ว 5 ปี

รอยเตอร์รายงานว่าดีพีซีปรับเมตามากกว่าประษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ และยังมีกรณีที่ต้องสืบหาความจริงจากเมตาอีก 10 เรื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


7 คุณประโยชน์ของ “บลูเบอร์รี่” ผลไม้ลูกจิ๋วแต่แจ๋วที่สุดในตระกูลเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่ (Blueberry) ผลไม้ลูกจิ๋วสีน้ำเงินอมม่วง ที่คุณประโยชน์ไม่จิ๋วเลยแม้แต่น้อย เป็นผลไม้หนึ่งในตระกูลเบอร์รี่ ที่ไม่ว่าจะทานสดๆ หรือเอาไปเป็นส่วนผสมในเมนูอะไรก็อร่อยทั้งนั้น ด้วยรสเปรี้ยวอมหวาน และความชุ่มฉ่ำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งช่วงนี้กระแสฟิตแอนด์เฟิร์มมาแรง สาวๆ ครึ่งค่อนเมืองจึงหันมานิยมทานผลไม้เพื่อดูแลสุขภาพ และเชื่อว่าเจ้าบลูเบอร์รี่ก็ต้องเป็นผลไม้โปรดของใครหลายๆ คน นอกจากอร่อยแล้ว คุณประโยชน์ยังมากเกินตัวกันอีกด้วย

  1. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก มากที่สุดในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เลยด้วยซ้ำ การบริโภคผลไม้ชนิดนี้เป็นประจำจึงช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระต่างๆ ที่จะมาทำลายผิวให้เกิดริ้วรอย แถมยังช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออกไป พร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิมออกมา

  1. ช่วยชะลอเซลล์มะเร็ง

การบริโภคบลูเบอร์รี่เป็นประจำ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก จากการทดลองให้ผงบลูเบอร์รี่กับหนูที่เป็นมะเร็งเต้านม ผลการทดลองออกมาว่า ปริมาณเนื้องอกลดลงถึง 40% เลยทีเดียว

  1. ช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้ มีกากใยสูงถึง 3.6 กรัม และมีแคลอรี่ต่ำ การที่รับประทานผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงๆ แบบนี้จะทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น แถมยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน

  1. ช่วยบำรุงสมอง

อีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่สำคัญมากๆ คือบลูเบอร์รี่สามารถช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้สมองทำงานได้เต็มที่ ทำให้ความจำดีขึ้น อีกทั้งถ้ารับประทานอย่างต่อเนื่องยังสามารถป้องกันโรคความจำเสื่อมในวัยสูงอายุได้อีกด้วย

  1. ช่วยย่อยอาหารและระบบขับถ่ายดี

บลูเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูงมาก เพราะฉะนั้นจึงมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือถ้าในบางวันที่เราทานเนื้อสัตว์เยอะๆ อาจทำให้เรามีภาวะจุกเสียดแน่นท้องเพราะอาหารไม่ย่อย แนะนำให้ทำบลูเบอร์รี่สมูทตี้ดื่มตามมื้ออาหาร สาร Actinide ที่อยู่ในบลูเบอร์รี่จะเป็นตัวช่วยย่อยโปรตีนได้ดีเลยทีเดียว

  1. ช่วยบำรุงหัวใจ

การรับประทานอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สามารถลดการแข็งตัวของเลือดและลดไตรกีเซอไรด์ลงได้ หลายคนที่มีภาวะโรคหัวใจ ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจจ่ายยาที่มีแอสไพรินเพื่อลดการแข็งตัวของเลือด ซึ่งการรับประทานบ่อยเกิดไปอาจมีผลข้างเคียงกับร่างกายหลายอย่าง เพราะฉะนั้นหากรับประทานบลูเบอร์รี่อย่างต่อเนื่องก็สามารถต่อต้านการเกิดภาวะดังกล่าวได้ดีต่อสุขภาพเช่นกัน

  1. ช่วยบำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ

บลูเบอร์รี่มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่ เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และแก้มแดงมีเลือดฝาด ดูผิวสวยแบบสุขภาพดีอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,050.0032,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,076.0031,472.1632,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,868.4028,324.94n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,660.8025,177.73n/a
ทองรูปพรรณ 50%934.0014,159.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%727.0011,021.32n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,151.0032,609.16n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/05/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.0535.0535.5435.0535.0535.0535.0535.0535.0535.05
แก๊สโซฮอล์ 9134.7834.7835.2434.7834.7834.7834.7834.7834.7834.78
แก๊สโซฮอล์ E2032.7432.7433.1432.7432.7432.7432.7432.7432.74
แก๊สโซฮอล์ E8533.1933.1933.19
เบนซิน 9542.8442.9143.3442.9942.84
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.6642.6641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า