“แสนสิริ”ผนึก“ช้อปปี้” เปิดกลยุทธ์ ‘Live Commerce’ครั้งแรกในไทย
แสนสิริ ตอกย้ำผู้บุกเบิกขายอสังหาฯ บนออนไลน์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายแรกของวงการอสังหาฯ ไทย สานต่อกลยุทธ์ Online Booking ผนึก ช้อปปี้ สยายปีกสู่ “Live Commerce” เต็มรูปแบบเจ้าแรกในไทย จัดเต็มทั้งดีลจองออนไลน์พิเศษลดรวมกว่า 3 ล้านบาท
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “Online Booking ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักสำคัญ ที่ช่วยผลักดันความสำเร็จ สร้างยอดขายรวมแสนสิริให้เติบโตในทุก ๆ ปี โดยสามารถสร้างยอดขายคอนโดตั้งแต่ปี 2563 รวมแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์ Online Booking ต่อยอดมาจากความใส่ใจและเข้าใจของแสนสิริในทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังโควิด-19 ที่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไปอย่างถาวร ทำให้ผู้คนคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและพร้อมใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น
แสนสิรินับเป็นอสังหาฯ เจ้าแรกในไทย ที่รุกการขายโครงการที่อยู่อาศัยแบบออนไลน์และบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างจริงจัง ตั้งแต่การทำ Digital Sales Kit บนหน้าจอ Multi-touch ต่อยอดเต็มรูปแบบสู่กลยุทธ์การขายคอนโดแบบ ‘24 Online Booking’ ที่ให้ลูกค้าสามารถจับจองโครงการคุณภาพด้วยข้อเสนอสุดคุ้มผ่านเว็บไซต์ออนไลน์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง รวมไปถึงการขายโครงการแบบออนไลน์บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถซื้อคอนโดแสนสิริได้ง่าย ทุกที่ ทุกเวลา อีกทั้งยังสามารถติดต่อและรับคำปรึกษาจากที่ปรึกษาการขาย Online Agent ผ่าน Live Chat หรือ VDO Call รวมถึงเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการ พร้อมระบบธุรกรรมการเงินที่มีความปลอดภัยสูง
ในปี 2566 นี้ แสนสิริพร้อมเดินหน้ายกระดับความแข็งแกร่งให้กับช่องทางออนไลน์ สานต่อกลยุทธ์ Online Booking พร้อมสยายปีกสู่ “ไลฟ์ คอมเมิร์ซ” อย่างเต็มรูปแบบเจ้าแรกในไทย ด้วยการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ ช้อปปี้ ในการผลักดันยอดขาย ขยายการรับรู้ และเข้าถึงโครงการต่างๆ ผ่านกลยุทธ์ ‘Live Commerce’ บนตลาด E-Commerce พร้อมเปิดตัวโปรเจคใหม่ ‘Shopee Live Friday Find Deals by Sansiri’ กิจกรรมทางการตลาดออนไลน์ในรูปแบบไลฟ์สตรีมเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย ที่เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านหลากหลายคอนเทนต์สุดปัง สารพันกิจกรรมความบันเทิงสดใหม่ไม่ซ้ำใคร
พร้อมดีลสุดเซอร์ไพรส์รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาช่วยสร้างสีสันให้กับตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยการประกาศความร่วมมือในครั้งนี้ แสนสิริมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดจองออนไลน์เพิ่มจากเป้าหมายเดิมให้เติบโตไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท และขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce เพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 70%”
นางสาวสุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของช้อปปี้ คือการมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้นเราจึงไม่หยุดที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการตลาด เครื่องมือ รวมไปถึงฟีเจอร์การใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Shopee Live ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนช้อปปี้ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีปฏิสัมพันธ์กันได้แบบเรียลไทม์ สมานช่องว่างระหว่างโลกทางออฟไลน์และออนไลน์
อีกทั้งยังเป็นการยกระดับประสบการณ์การซื้อขายเสมือนจริงเกี่ยวกับสินค้าผ่านการรีวิวและรูปแบบการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ ในโอกาสเฉลิมฉลองมหกรรมช้อปปิ้งสุดยิ่งใหญ่กลางปี ‘Shopee 6.6 ลดใหญ่แบรนด์ดัง’ ช้อปปี้ ได้ร่วมกับ แสนสิริ ในการเปิดตัวโปรเจคไลฟ์สตรีมพิเศษอย่าง ‘Shopee Live Friday Find Deals by Sansiri’ โดยช้อปปี้เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ แสนสิริ สามารถขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งช้อปปี้พร้อมอย่างเต็มที่ที่จะสนับสนุนและร่วมผลักดันให้พันธมิตรบรรลุเป้าหมายตามแผนงานที่ได้ตั้งใจไว้”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘ทริสเรทติ้ง’เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร’เอพี’เป็น A
ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร ‘เอพี’เป็น A พร้อมแนวโน้มคงที่ สะท้อนกระแสเงินสดเพิ่ม และการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีจากพอร์ตสินค้าครอบคลุมครบทุกเซกเมนต์
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่าบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ AP Thailand ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากเดิมที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงแผนการดำเนินงาน อัตราการเติบโตที่มั่นคงและแข็งแกร่ง และที่สำคัญคือการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ
“ถือเป็นความภูมิใจอย่างมากของเราที่ทริสเรทติ้งมีความเชื่อมั่นต่อกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท อันดับเครดิตที่ได้รับการปรับเพิ่ม สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขัน และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัท ทั้งส่วนของแนวราบ อย่างบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมร่วมทุน ที่มีพอร์ตสินค้ากระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ และระดับราคา รวมถึงนโยบายการบริหารงานที่มีความยืดหยุ่น และวินัยทางการเงิน ที่เข้มงวด สามารถปรับตัวแม้ต้องเผชิญวิกฤตการณ์โรคระบาด และความผันผวนทางเศรษฐกิจ”
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ระบุว่า สำหรับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้ สะท้อนความเชื่อมั่นที่ทริสเรทติ้ง มีต่อเอพี ไทยแลนด์ ว่าจะสามารถสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง รวมถึงยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้อย่างดีเยี่ยมตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยปี 2566 บริษัทเอพีตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่มากถึง 58 โครงการ มูลค่าประมาณ 77,000 ล้านบาท
ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท โดยไตรมาส 2 เอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่า 21,030 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 9,380 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 8,150 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3,500 ล้านบาท พร้อมกันนี้มีแผนกระจายโครงการทั่วไทย กรุงเทพฯ – ระยอง – เชียงราย – อุบลราชธานี – อุดรธานี – ฉะเชิงเทรา – อยุธยา – นครศรีธรรมราช – นครปฐม
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 24พ.ค.ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.70 บาท/ดอลลาร์ -ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ BOE ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือน เมษายน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 24พ.ค.2566ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวต้านสำคัญใหม่ใกล้ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
รวมถึงโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะค่อยๆ พลิกกลับมาแข็งค่าตามโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นไม่น้อยกว่า +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนเงินดอลลาร์ก็แกว่งตัว sideways
เรามองว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจดำเนินต่อไปได้บ้าง แต่การแข็งค่าอาจเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าจะเริ่มเห็นการกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ
โดยเราประเมินว่า โซนแนวต้านจะเป็นแนวต้านใหม่ 34.75 บาทต่อดอลลาร์ที่เงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุไปได้ ขณะที่โซนแนวรับจะอยู่ในช่วง 34.40 บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งเรามองว่า ผู้นำเข้าบางส่วนอาจมีความกังวลหลังเงินบาทอ่อนค่าเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้นำเข้าอาจทยอยเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง ซึ่งจะชะลอโมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทได้
ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.70 บาท/ดอลลาร์
ความไม่แน่นอนของการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.12% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ล่าสุด อย่าง ดัชนี PMI ภาคการบริการในเดือนพฤษภาคมที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) ดีกว่าคาดไปมาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนคลายความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาลดลง -0.60% หลังการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังไม่มีความชัดเจน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes -6.5%, LVMH -5.0%)
ท่ามกลางความกังวลว่าหากเศรษฐกิจหลักชะลอตัวลงและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนไม่ได้ดีตามคาด ก็อาจกดดันให้ผลประกอบการของบรรดาหุ้นสินค้าแบรนด์เนมไม่ได้เติบโตแข็งแกร่งอย่างที่สะท้อนมาในราคาหุ้นล่าสุด (Hermes P/E 58.9x, LVMH P/E 29.8x)
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่ามุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มคาดหวังว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยได้นานกว่าคาดหรืออาจจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะช่วยหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น สู่ระดับ 3.75% แต่ทว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
กอปรกับ แรงซื้อ buy on dip ของผู้เล่นในตลาด ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.70% สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวอาจเป็นไปอย่างจำกัดในช่วงนี้
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาด แต่ทว่า การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ยังคงถูกจำกัดอยู่ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มการเจรจาขยายเพดานหนี้
ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจเน้นขายทำกำไร ในจังหวะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น (สอดคล้องกับมุมมองที่เราเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า) โดย ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103.5 จุด
ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ท่ามกลางความกังวลการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่อง 1,978 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนที่ได้เข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนเมษายน
โดยเรามองว่า หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 8.1% ตามที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ แม้ว่าจะเป็นการชะลอลงจากระดับ 10.1% ในเดือนก่อนหน้า
แต่อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงดังกล่าว อาจหนุนให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนแตะระดับ 4.75% ได้ในปีนี้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมนี ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนี (Ifo Business Climate) ซึ่งมักจะเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจได้ดี
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ความคืบหน้าของการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 34.59-34.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.25 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทฟื้นตัวกลับมาบางส่วน (หลังจากที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมากเมื่อวานนี้) อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์ซึ่งอาจมีผลทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในระหว่างวันมีโอกาสผันผวน ขณะที่ภาพรวมของสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ยังคงอ่อนค่า ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามประเด็นเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ หลังจากมีสัญญาณว่า ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรส
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.50-34.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามสถานการณ์การเมืองไทย สัญญาณฟันด์โฟลว์ ประเด็นเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 2-3 พ.ค.
ทั้งนี้ เรามองว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าของเงินบาทดังกล่าว อาจได้แรงหนุนจากการขายทำกำไรสถานะ Short THB ของผู้เล่นบางส่วน และคาดว่าการทดสอบแนวต้านใหม่ของเงินบาท (ซึ่งเป็นแนวต้าน Fibonacci retracement เช่นกัน) ก็อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนเริ่มกลับมา Long THB บ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“วิว กุลวุฒิ” แรงไม่หยุด ทะยานขึ้นมือ 5 โลก ขนไก่ชายเดี่ยว , “รัชนก” รั้งอันดับ 7
การจัดอันดับนักแบดมินตันโลกของ สหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ บีดับเบิลยูเอฟ ในสัปดาห์ล่าสุด ปรากฎว่า กุลวุฒิ นักแบดมินตันชายเดี่ยวของไทย อันดับขยับขึ้น โดยรั้งอยู่ในอันดับ 5 ของโลก
ก่อนหน้านี้นักแบดมินตันวัย 22 ปี รั้งอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลกจากการจัดอันดับของสหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ บีดับเบิลยูเอฟ อย่างไรก็ตามในสัปดาห์ล่าสุด เจ้าตัวทะยานขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 ซึ่งถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดในการเล่นอาชีพ ด้วยการมี 69548 แต้ม
สำหรับ วิว กุลวุฒิ เพิ่งจบภารกิจช่วยทีมแบดมินตันทีมชาติไทย ลงทำการแข่งขันในรายการ สุธีรมาน คัพ ไฟนอลส์ 2023” ที่เมืองซูโจว ประเทศจีน โดยทีมชาติไทยเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนพ่ายให้ทีมชาติญี่ปุ่น
ขณะที่ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันหญิงขวัญใจชาวไทยขยับหนึ่งอันดับ โดยขึ้นมาอยู่อันดับ 7 จากการมี 65843 แต้ม ด้าน “หมิว” พรปวีร์ ช่อชูวงศ์ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 11 และ “ครีม” บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ อันดับขยับเช่นกัน โดยรั้งอยู่ในอันดับ 12 รวมถึง “เมย์” ศุภนิดา เกตุทอง และ “จิว” ลลินรัตน์ ไชยวรรณ รั้งในอันดับ 21 และ 24 ตามลำดับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
หยุดทำ! อด “มื้อเย็น” ไม่ได้ช่วย “ลดน้ำหนัก”
ใครที่กำลังคิดอยากลดความอ้วนด้วยวิธีอดข้าวเย็น หยุดคิดได้เลย นอกจากไม่ช่วยลดน้ำหนักได้จริงแล้ว ยังทำลายสุขภาพด้วย
ข้อมูลจาก โรงพยาบาลพญาไท ระบุว่า หลายคนมีความเชื่อว่า ถ้าอยากน้ำหนักลง “อดมื้อเย็นสิ น้ำหนักลงเร็ว” เพราะมองว่าอาหารมื้อเย็นไม่สำคัญ สามารถอดได้ไม่เป็นอันตราย แถมน้ำหนักยังลงเร็วอีกด้วย แต่จริงๆ แล้ว เป็นความคิดที่ผิดและทำลายสุขภาพตัวเองอย่างมาก
ทำไม “อดมื้อเย็น” ถึงอันตรายต่อสุขภาพ?
เพราะเมื่ออดมื้อเย็นไปซักระยะ ร่างกายของเราจะปรับลดการใช้พลังงานและการเผาผลาญลง ทำให้ระบบเผาผลาญด้อยประสิทธิภาพ แต่ร่างกายของเราไม่สามารถทนการอดอาหารได้นานๆ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้และกลับมากินมื้อเย็นเหมือนเดิม ซึ่งผลที่ตามมาคือ “โยโย่เอฟเฟกต์” ผอมได้ไม่นานก็เด้งกลับมาน้ำหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ดังนั้น การลดน้ำหนักที่ดีจึงไม่ควรอด แต่ให้ลดและเลี่ยงอาหารบ้างอย่าง เช่น ของมัน ของทอด ของหวาน และเลือกอาหารที่ย่อยง่าย กากใยสูง หรือเน้นโปรตีน เช่น ผักลวกกับน้ำพริก ต้มจืดเต้าหู้ไข่ สเต็กหมู สเต็กอกไก่ หรือโยเกิร์ต และอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย
กินมื้อเย็นอย่างไรไม่ให้อ้วน?
ผศ.ดร.จินตนา หย่างอารี อาจารย์ประจำฝ่ายโภชนาการชุมชน สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกเคล็ดลับการกินอาหารเย็นไม่ให้อ้วน ดังนี้
- จำกัดปริมาณของอาหารในมื้อเย็น ให้เป็นมื้อที่พลังงานต่ำที่สุด หากมื้อเช้าเราทาน 40% หรือราวๆ 700 กิโลแคลอรี่ มื้อกลางวันเราอาจแบ่งกินเป็น 35% หรือราวๆ 600 กิโลแคลอรี่ และแบ่งเป็นมื้อเย็นอีกเพียง 25% หรือราวๆ 500-400 กิโลแคลอรี่ นั่นคือการเน้นหนักที่มื้อเช้า และลดปริมาณลงที่มื้อเย็น สอดคล้องกับหลักนาฬิกาชีวิตที่ในตอนเช้า วันเริ่มต้นของร่างกายจะต้องใช้พลังงานมากที่สุด และควรมีอาหารอยู่ในกระเพาะอาหารในช่วง 7.00-9.00 น. ดังนั้นมื้อเย็นเป็นมื้อที่เราควรทาน แต่อย่าให้เยอะจนเกินไปนั่นเอง
- การนับจำนวนแคลอรี่เป็นเรื่องยาก แต่เราสามารถกะคาดคะเนด้วยสายตาคร่าวๆ ได้ โดยเลือกว่ามื้อเช้าเราทานเต็ม 1 จานใหญ่ ตอนกลางวันกิน ¾ ของจาน และมื้อเย็นกิน ½ จานก็ได้ และพยายามเลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ โดยลดการทานอาหารที่มีไขมันจากสัตว์ แป้ง และน้ำตาลสูงในมื้อเย็น เน้นผักผลไม้ให้มากขึ้น
- มื้อเย็นควรเน้นเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ เช่น โปรตีนจากนม ไข่ ปลา ไก่ และหลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารทะเลที่ย่อยยาก เช่น ลูกชิ้นปิ้ง หมูปิ้ง ไส้กรอกทอด หมูทอด เป็นต้น
- เลือกทานมื้อเย็นก่อนเวลาเข้านอน 4-6 ชั่วโมง อย่ากินดึกมากจนเกินไป และอย่ากินล่วงหน้านานเกินไปเช่นกัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทานมื้อเย็น คือ 16.00-18.00 น. เพื่อให้เราได้เข้านอนในเวลา 22.00-00.00 น. และอาหารทั้งหมดในท้องย่อยได้เรียบร้อยก่อนล้มตัวลงนอนนั่นเอง ซึ่งการนอนหลังทานอาหาร 4-6 ชั่วโมง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย
อย่าลืมว่าหลักสำคัญของการลดน้ำหนัก ไม่ได้อยู่ที่การลดมื้ออาหารลง แต่เป็นการควบคุมปริมาณของอาหารที่กินไม่ให้มีพลังงานมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการใช้ ดังนั้นเมื่อเราลดปริมาณอาหารลงให้พอดี และออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กระชับได้สัดส่วน เราก็ไม่ควรต้องกังวลกับน้ำหนักที่เป็นเพียงตัวเลขบนตาชั่งอีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เคล็ดลับการเรียนรู้ภาษาให้ได้อย่างรวดเร็วในวัยผู้ใหญ่
หลายคนที่เริ่มเรียนภาษาก็จะคิดว่ายิ่งเราอายุมากขึ้นเท่าไหร่เราก็จะยิ่งเรียนรู้ภาษาได้ช้าและลำบากขึ้นเท่านั้น แต่อย่าเพิ่งปักใจเชื่อมายาคติเหล่านี้ไปตลอดเลยนะคะ เพราะว่ามีคนที่เคยเรียนภาษาต่างประเทศจนใช้ได้อย่างคล่องแคล่วภายในเวลาเพียง 1-2 เดือนมาแล้ว ซึ่งเขาก็เริ่มเรียนในวัยผู้ใหญ่ รวมถึงภาษาที่เรียนก็ซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษด้วยซ้ำไป และนี่คือเคล็ดลับการเรียนภาษาของเขาค่ะ
คัดคำศัพท์ด้วยมือทุกวัน
สิ่งแรกคนที่ประสบความสำเร็จคนนี้ทำแต่เช้าก็คือการตื่นขึ้นมาแล้วก็เริ่มคัดคำศัพท์ไปหนึ่งหน้ากระดาษค่ะ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่เราเรียนกันนั้น จะมีคำกริยาแบบ regular และ irregular (ผันตาม tense ต้องเปลี่ยนรูปคำ) คำเหล่านี้จำเป็นต้องจดจำให้ได้ ฉะนั้นการเจียดเวลาสักชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่งในการคัดคำศัพท์ก็จะช่วยให้จำได้ดีขึ้นค่ะ
ฟังเพลงในภาษานั้น ๆ
สิ่งที่เข้าหัวเรามากที่สุดไม่ใช่การท่องจำอย่างคร่ำเคร่งแต่เป็นสิ่งที่ผ่านหูผ่านตาเราทุกวัน ๆ ต่างหาก ดังนั้นแล้วการเลือกฟังเพลงในภาษาที่เราเรียนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการฟังฆ่าเวลาช่วงการเดินทาง หรือว่าการฟังเพื่อความบันเทิงยามว่างก็ตาม จะช่วยให้ภาษานั้น ๆ ที่เราเรียนอยู่เข้าหัวเราง่ายขึ้น และที่สำคัญคือเราจะได้เรียนรู้การออกเสียงที่ถูกต้องของคำศัพท์ต่าง ๆ ด้วยค่ะ
สื่อสารกับเจ้าของภาษาเป็นประจำ
ข้อนี้อาจจะเป็นข้อจำกัดของใครหลายคน แต่เชื่อเถอะว่าการได้พูดคุยกับเจ้าของภาษาบ่อย ๆ จะช่วยให้เรามั่นใจในการใช้ภาษามากขึ้นเพราะหากว่าเราพูดผิดไป คนเหล่านี้เองที่จะสามารถชี้แนะให้เราได้ ดังนั้นทักษะทางภาษาของเราก็จะโตขึ้นพรวดพราดเลยล่ะค่ะ
เขียนเรียงความง่าย ๆ วันละชิ้น
การเขียนก็เป็นทักษะที่สำคัญ หากว่าสามารถพูดหรือสื่อสารภาษานั้น ๆ ได้ในระยะเริ่มต้นแล้ว อย่าลืมที่จะเขียนบันทึกอะไรสักอย่างเกี่ยวกับภาษานั้น ๆ สั้น ๆ เพื่อที่จะได้จดจำและใช้โครงส้างประโยคให้ถูกต้อง เป็นการเรียนไวยากรณ์ไปในตัวด้วยค่ะ
เรียนรู้คำเชื่อมประโยคที่ใช้พูดในชีวิตประจำวัน
คำเชื่อมประโยคหรือที่เรียกว่า filler word ก็เป็นอีกคำศัพท์ที่จะให้ประโยชน์ ในการเรียนภาษาได้เหมือนกัน เช่นคำว่า err.. so… well… actually… เพราะว่าการใช้คำเหล่านี้ในการสนทนาเป็นการซื้อเวลาให้เรานึกคำศัพท์ในการตอบโต้กับคู่สนทนาได้ ทำให้การสนทนาลื่นไหลได้ไม่น้อยเลยค่ะ
ปัจจัยสำคัญ ๆ ของการเรียนภาษาก็คือความสม่ำเสมอ ดังนั้นการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและพยายามให้ภาษานั้น ๆ มีบทบาทอยู่ในชีวิตประจำวันของเราด้วย มันก็จะทำให้เราปรับตัวให้เข้าใจการใช้ภาษาเหล่านั้นได้ดี ถ้าหากชาว DailyEnglish คนไหนอยากจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็วจริงจัง ก็ลองทำตามดูนะคะ อาจจะมีเงื่อนไขให้ทำได้ไม่ครบทุกข้อ แต่ถ้าทำได้สัก 3 ใน 5 ข้อก็อาจจะพัฒนาทักษะภาษาของเราได้ไกลแล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
อวสานสายแชร์ Netflix ประกาศเตรียมเปิดใช้ระบบป้องกันหารบัญชี มีผลกับผู้ใช้งานในประเทศไทยแล้ว
หลังจากที่ประเทศอื่นๆ ได้ประกาศเรื่องของการแชร์บัญชีของ Netflix ให้กับคนที่ไม่ได้อยู่ในเดียวกันกับบัญชีหลังกจะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ล่าสุดนี้ Netflix ประเทศไทยได้มีการอัปเดต เกี่ยวกับเรื่องการแชร์บัญชีว่า ถ้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันจะได้รับอีเมลที่มีรายละเอียดดังนี้
วิธีการควบคุมการใช้ปัญหา
- ตรวจสอบว่าใครใช้บัญชี Netflix ของคุณ ตรวจสอบการเข้าอุปกรณ์ที่ใช้เข้าสู่บัญชี ออกจากระบบที่ไม่มีสิทธิ์ใช้งาน และควรเปลี่ยนรหัส
หากต้องการแชร์ Netflix ให้กับบุคคลที่อยู่นอกบ้าน สามารถใช้งานฟีเจอร์ดังนี้
- บริการย้ายโปรไฟล์เดิมของคุณ ไปยังบัญชีใหม่ ที่สมัครและเสียค่าบริการด้วยตัวเอง
- หากไม่ได้ยากสามารถแชร์ Netflix ที่ไม่อยู่ในที่พักอาศัยเดียวกันได้โดยจ่ายเงินเพิ่ม 99 บาท/เดือน
ทั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สายแชร์อยากใช้ฟรีมีทั้งข้อดีและข้อด้อยคือ หารายได้เพิ่มเข้ากระเป๋าได้ หรือ ปัดให้เพื่อนไปสมัครใช้ของตัวเองได้เช่นเดียวกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
SCG HOME Experience Open House 2023 เปิดตัวดรีมทีมสถาปนิกใหม่ พร้อมประกวดแบบบ้านเพื่อการอยู่อาศัยจริงจาก Young Designer
คุณธัญญ์กวิน บุดดีมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด (SCG HOME Experience) พร้อมเปิดบ้านต้อนรับ ในงาน ‘Open House : Living Design Studio’ ยกทัพสถาปนิกเปิดเทรนด์แบบบ้านและการสร้างบ้านที่ครบครัน พร้อมชูความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ยืนหนึ่งไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์คอนเซปต์ “SMART – ECO – CARE” และไม่ตกกระแสเอาใจสายมูกับ ‘สถาปัตย์ฮวงจุ้ย’ เพื่อการออกแบบบ้านได้อย่างมั่นใจ ถูกต้องตามหลังฮวงจุ้ยแบบมาครบจบในที่เดียว พร้อมถอดรหัสสถาปัตย์ฮวงจุ้ย โดยคุณเจือ คุปติทัฬหิ สถาปนิกอาวุโส Living Experience Designer บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด
นอกจากนี้ชวนร่วมเป็นสักขีพยานครั้งสำคัญกับการตัดสินรอบชิงชนะเลิศการประกวดแบบบ้าน ‘SCG HOME Experience Young Design Award 2023’ เพื่อเฟ้นหานักออกแบบหน้าใหม่กลุ่ม New Gen สถาปัตย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ ที่ส่งผลงานเข้าประกวด เพื่อผลักดันสู่ความเป็นมืออาชีพในอนาคต ผ่าน 2 โจทย์หลัก บ้านเล็กในเมืองใหญ่ และบ้านใหญ่ที่พักใจให้ เป็นสุข ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 150,000 บาท พร้อมต่อยอดสู่แบบบ้านสำเร็จรูป และแบบก่อสร้าง วางจำหน่ายจริงสำหรับลูกค้า และปิดท้ายงานด้วยการบรรยายเรื่อง “SMALL HOUSE : SPACE DESIGN” โดยคุณจูน เซคิโน่ สถาปนิก และผู้ก่อตั้ง Junsekino Architect and Design พร้อมด้วยคุณชัยศักดิ์ จรัสศรีวิสิษฐ์ Senior Living Experience Designer จาก SCG HOME Experience ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 13.00 – 16.00 น.
ร่วมชมวิวัฒนาการงานออกแบบบ้านโดยสถาปนิกของ SCG HOME Experience และผลงานออกแบบบ้านของนิสิต นักศึกษาทั้ง 10 ทีมที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้ที่งาน ‘Open House : Living Design Studio’ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 – 19.00 น. ณ SCG HOME Experience เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-101-9922
Line Official Account @scghomeexperience หรือ https://lin.ee/2DvMnJd2N
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/05/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,150.00 | 32,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,083.00 | 31,578.28 | 32,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,874.70 | 28,420.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,666.40 | 25,262.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 937.00 | 14,204.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 729.00 | 11,051.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,159.00 | 32,730.44 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/05/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.05 | 35.05 | 35.54 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 35.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.78 | 34.78 | 35.24 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 34.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.74 | 32.74 | 33.14 | 32.74 | 32.74 | – | 32.74 | 32.74 | 32.74 | 32.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.19 | 33.19 | – | – | – | – | – | – | – | 33.19 |
เบนซิน 95 | 42.84 | – | – | – | 42.91 | – | 43.34 | 42.99 | – | 42.84 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.06 | 41.16 | 42.94 | 42.66 | 42.66 | – | – | – | – | 41.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |