สาระน่ารู้ประจำวันที่ 29 พฤษภาคม 2566

ภาษีที่ดินคืออะไร หลัง “ชัชชาติ” วอนรัฐบาลชุดใหม่ทบทวน

ภาษีที่ดินคืออะไร หลัง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”วอนรัฐบาลใหม่ทบทวนจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หลังสูตรคำนวณรูปแบบใหม่ตามมูลค่าที่ดิน ส่งผลผู้มีรายได้มากเสียภาษีต่ำกว่า

ภาษีที่ดินคืออะไร จากกรณีที่ นายชัชชาติ  สิทธิพันธ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร  ฝากการบ้านให้รัฐบาลชุดใหม่ทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  โดยคิดตามมูลค่าที่ดิน ทำให้ กทม.มีรายได้ลดลง เดิมจัดเก็บได้ประมาณ 300 ล้านบาท เมื่อเปลี่ยนรูปแบบจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้รายได้ลดลงเหลือประมาณ 200 ล้านบาท ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสกลายเป็นว่าผู้มีรายได้มากเสียภาษีต่ำลงมามาก ห้างสรรพสินค้าดังย่านพญาไท เดิมเสียภาษี 10 ล้าน แต่เก็บรูปแบบใหม่ เสียแค่ 1 ล้าน ลดลงถึง 10 เท่า

แล้วภาษีที่ดิน คืออะไร

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร  คือ ภาษีรายปีที่เก็บและคิดจากมูลค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่เจ้าของที่ดินครอบครอง โดยมีองค์กรท้องถิ่น เช่น เทศบาล องค์การบริหารตำบล เป็นผู้จัดเก็บ

ใครบ้างต้องเสียภาษีที่ดิน

  • เจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (ดูตามโฉนด ไม่ใช่ทะเบียนบ้าน)
  •  ผู้ครอบครอง/ทำประโยชน์ในที่ดินนั้น จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้

ซึ่งกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 เป็นกฎหมายที่มาแทนที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน กับ ภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งซ้ำซ้อนกัน

ภาษีที่ดิน 2566 แบ่งประเภทที่ดินที่ต้องเสียภาษีไว้จำนวน 4 รายการดังนี้

  • ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม 
  • ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย 
  •  ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม 
  •  ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม เพดานภาษีสูงสุด 0.15%

บุคคลธรรมดา มูลค่าที่ดินไม่เกิน 50 ล้านบาทไม่ต้องเสียภาษี

นิติบุคคล  มูลค่าที่ดินส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท เสียตามอัตราปกติ

ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ภาษีสูงสุด 0.30%

บ้านหลังหลัก มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาทไม่เสียภาษี ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท เสียตามอัตราปกติ

ซื้อคอนโด หรือ สร้างบ้านบนที่ดินเช่า มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาทไม่เสียภาษี ส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทเสียตามอัตราปกติ

ที่ดินหรือบ้านหลังอื่น เสียตามอัตราปกติ

ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม  ภาษีสูงสุด 1.20%

หมายถึง ที่ดินอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรและการอยู่อาศัย เช่น โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ โรงงาน หอพักรายวัน บ้านเช่ารายวัน โดยต้องเสียภาษีตามอัตราปกติ

ที่รกร้างว่างเปล่า เพดานสูงสุด 3%

ปล่อยรกร้างติดต่อกัน 3 ปี  เสียภาษีในปีที่ 4 ถูกเก็บเพิ่มอีก 0.3% และจะเพิ่มอัตราภาษีอีก 0.3% ในทุก ๆ 3 ปีที่ปล่อยที่ดินรกร้าง แต่โดยรวมทั้งหมดแล้วจะเก็บภาษีได้ไม่เกิน 3%

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 ราชกิจจาฯได้ประกาศลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท ปี 2566สำหรับสาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท ฉบับที่ 3 ปี 2566 กำหนดให้ลดภาษีในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ดังนี้


1.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
2.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย
3.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นๆ
4.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามสมควรแก่สภาพ

นอกจากนี้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างทั้ง 4 ข้อ จะได้ลดภาษีตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2563 ให้การลดภาษีเป็นไปตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว.

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“คันทรี่ กรุ๊ป” ปั้นโปรเจคมิกซ์ยูส รร.นานาชาติ-คอนโดหรู พระราม 3

“คันทรี่ กรุ๊ป” เดินหน้าพลิกโฉมที่ดิน 23 ไร่ สู่มิกซ์ยูสใหม่ 14,200 ล้าน ใจกลางพระราม 3 ปั้นโปรเจกต์โรงเรียนนานาชาติ-คอนโดหรู พร้อมดึงพันธมิตรระดับเวิลด์คลาส

นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ CGD เปิดเผยว่า บริษัทได้ต่อยอดความสำเร็จสู่การเดินหน้าพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่แห่งใหม่ บนถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ในย่านพระราม 3 ประกอบด้วยโรงเรียนนานาชาติ และโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น14,200 ล้านบาท โดยตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างในส่วนของโรงเรียนนานาชาติแล้ว

จากการพัฒนาโครงการเจ้าพระยา เอสเตท (Chao Phraya Estate) โครงการมิกซ์ยูส(Mixed-use) ระดับเมกะโปรเจกต์ริมแม่น้ำ มูลค่าโครงการรวมกว่า 32,000 ล้านบาทประสบความสำเร็จ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ(Four Seasons Private Residences Bangkok) โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok) และโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok) บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้ บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างปรากฏการณ์แบบเดียวกันอีกครั้ง บนย่านพระราม 3 เริ่มต้นด้วยโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม

ล่าสุด บริษัทได้วางศิลาฤกษ์เพื่อเริ่มการก่อสร้าง โรงเรียนนานาชาติพระราม 3 (Rama III International School) ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม ภายในมิกซ์ยูส เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นองค์ประธานในการประกอบพิธี

โรงเรียนนานาชาติพระราม 3 จะประกอบด้วยอาคารจำนวน 6 อาคาร ออกแบบให้ทันสมัย รองรับนักเรียนได้ราว 1,700 คน เปิดสอนตั้งแต่ อายุ 2-18 ปี หรือเตรียมอนุบาล ถึง เกรด 12 (ชั้นเตรียมอนุบาล – มัธยมศึกษาตอนปลาย) ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนที่โดดเด่นระดับเวิลด์คลาส ผสานกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนอกหลักสูตร (Co-curricular program) เพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียนให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรับเข้าศึกษาต่อของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาจีนแมนดาริน ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาแบรนด์โรงเรียนและผู้ดำเนินธุรกิจโรงเรียน (School Operator) รอบสุดท้าย คาดว่าจะมีการประกาศให้ทราบได้เร็วๆ นี้

นายเบน กล่าวอีกว่า พระราม 3 นับเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อการเดินทางสู่พื้นที่สำคัญได้ง่ายและหลากหลาย ทั้งย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และแหล่งงานขนาดใหญ่อย่างสีลม-สาทร อโศก-สุขุมวิท ตลอดจนอยู่ใกล้ทางด่วนและสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมเชื่อมต่อไปได้ถึงจังหวัดสมุทรปราการ ขณะเดียวกัน ยังเป็นทำเลใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา มีชุมชนและโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อประกอบกับความเชี่ยวชาญของบริษัทในการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งแตกต่างจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ในไทย เชื่อว่าจะช่วยพลิกโฉมย่านพระราม3 และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

“บริษัทมีความมุ่งมั่นอย่างมากกับการเดินหน้าพัฒนาโครงการด้านการศึกษา โดยโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 นี้ถือเป็นการพัฒนาโครงการด้านการศึกษาแห่งที่สองของเราโดยที่ผ่านมาเราได้ร่วมกับ Nord Anglia Education หนึ่งในองค์กรชั้นนำด้านโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียมของโลก เพื่อเปิดดำเนินการ Oxford International College Brighton ซึ่งถือเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Sixth Form School) ชั้นนำของสหราชอาณาจักร บนพื้นที่ 20.2 เอเคอร์ ในบริเวณ Ovingdean Hall ของบริษัทที่Greenway Brighton สหราชอาณาจักร โดยมีกำหนดการเปิดเรียนประมาณเดือน ก.ย.นี้ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรระดับเวิลด์คลาสและพัฒนาโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 ถือเป็นการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกของเราในไทย และเป็นแฟล็กชิพการลงทุนด้านการศึกษาของคันทรี่ กรุ๊ป” นายเบนกล่าว

ปัจจุบัน โรงเรียนนานาชาติ ถือเป็นที่ต้องการของหลากหลายตลาดในไทย ได้แก่ 1.ตลาดกลุ่มผู้ปกครองชาวไทย ที่ต้องการให้บุตรหลานได้เข้าเรียนในหลักสูตรที่มีคุณภาพ มีสังคมสภาพแวดล้อมที่ดี เอื้อต่อพัฒนาการของเด็ก 2.กลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat) โดยเฉพาะชาวจีนที่ปัจจุบันพาครอบครัวเข้ามาอาศัยในไทย3.กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ลาว เมียนมา และ เวียดนาม (CLMV) ที่นิยมส่งบุตรหลานมาศึกษาในประเทศไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของการศึกษาสภาพแวดล้อมที่ดี และค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า 

ขณะที่ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย มีการเติบโตเฉลี่ยถึงราว 10% ต่อปี บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 จะช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วง ส.ค.2568

ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้มิกซ์ยูสดังกล่าวนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการพัฒนา คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดของโครงการ และเริ่มเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 นี้

สำหรับบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งมั่นมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ และโอกาสเข้าลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนระยะยาวกลับสู่บริษัท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้29พ.ค. อ่อนค่าที่ระดับ 34.77 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังคงเป็นทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ มีโอกาสกลับมาซื้อบอนด์ไทยหลังรับรู้ผลการประชุม กนง.

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 29พ.ค.2566ที่ระดับ  34.77 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.67 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และแรงซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญแถว 34.80 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเราคาดว่าระดับดังกล่าวอาจเห็นผู้เล่นบางส่วนขายทำกำไรสถานะ Short THB ได้บ้าง

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ข้อมูลตลาดแรงงาน และ รอลุ้น ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.)โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪   ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงาน โดยตลาดมองว่า ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) อาจยังคงสะท้อนว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงตึงตัวอยู่ (ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ สูงกว่า ยอดผู้ว่างงานพอสมควร)

ส่วนยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในเดือนพฤษภาคม อาจลดลงสู่ระดับ 1.8 แสนราย จากระดับกว่า 2.5 แสนราย ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงการปรับแผนการจ้างงานของภาคเอกชน โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

แต่โดยรวมการจ้างงานในภาคการบริการอาจยังคงดีอยู่ สอดคล้องกับการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ (แม้ว่าจะเป็นการขยายตัวในอัตราชะลอลงก็ตาม) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจต่ออัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) ซึ่งหากค่าจ้างยังคงขยายตัวราว +0.4%m/m หรือ

ไม่น้อยกว่า 4.4%y/y ก็อาจยังเป็นปัจจัยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อชะลอลงช้า และหนุนให้เฟดอาจจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อ ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

 อนึ่ง ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ หลังล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ และประธานสภาผู้แทนฯ จากพรรครีพับลิกัน อาจบรรลุข้อตกลงใน การเจรจาขยายเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ซึ่งต้องรอติดตามว่า สภาคองเกรสจะอนุมัติร่างข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่

 ▪  ฝั่งยุโรป – ตลาดมองว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของยูโรโซน เดือนพฤษภาคม ยังคงทรงตัวที่ระดับ 7.00% (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจอยู่ที่ระดับ 5.6%) โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB มีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ต่อเนื่องจนแตะระดับ 3.75% ได้ในปีนี้ (ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 3.25%)

 ▪  ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจเวียดนามยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนโดยการบริโภคในประเทศที่ได้แรงส่งจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะสะท้อนผ่าน ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนพฤษภาคมที่อาจขยายตัว +11%y/y เช่นเดียวกันกับในฝั่งญี่ปุ่น ยอดค้าปลีกเดือนเมษายนอาจขยายตัวราว +5.8%y/y

 สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของดัชนีความเชื่อมั่นครัวเรือนญี่ปุ่น (Household Confidence) ส่วนในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการในเดือนพฤษภาคม โดยตลาดมองว่า เศรษฐกิจจีนยังคงได้แรงหนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ

โดยดัชนี PMI ภาคการบริการอาจอยู่ที่ระดับ 55 จุด (แม้ว่าจะเป็นการขยายตัวในอัตราชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า) ขณะที่ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของจีนอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจอยู่ที่ระดับ 49.4 จุด

ทั้งนี้ หากรายงานดัชนี PMI ของจีนออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจกดดันให้ผู้เล่นในตลาดต่างลดการถือครองหุ้นจีนและหุ้นฮ่องกง ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินหยวนของจีนมีโอกาสอ่อนค่าต่อได้

▪   ฝั่งไทย – ตลาดประเมินว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าอาจส่งผลให้ยอดการส่งออก (Exports) เดือนเมษายน หดตัวต่อเนื่อง -2.2%y/y อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฝั่งเอเชีย

ทว่าแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลัก อย่าง สหรัฐฯ และยุโรปก็อาจเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกของไทยได้ ในส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เราคาดว่า แนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจ ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่แม้จะชะลอลง

แต่ก็ยังสูงกว่าค่ากลางของกรอบเป้าหมาย จะส่งผลให้ กนง. ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.00% ทั้งนี้ เราเตรียมปรับคาดการณ์จุดสูงสุดดอกเบี้ยนโยบาย (Terminal Rate) ใหม่ หาก กนง. ส่งสัญญาณชัดเจนพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือกังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อมากขึ้น

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ปัจจัยหลักยังคงเป็นทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ทั้งนี้ ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเรามองว่ามีโอกาสเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อบอนด์ไทยหลังรับรู้ผลการประชุม กนง.

 ขณะที่แรงซื้อหุ้นไทยอาจยังไม่ชัดเจน จนกว่าความเสี่ยงการเมืองในประเทศจะลดลง อนึ่ง หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุแนวต้านโซน 34.80 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจอ่อนค่าเร็วไปสู่โซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้

 ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ▪   เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง หลังล่าสุดการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ อาจประสบความสำเร็จได้ก่อนกำหนด นอกจากนี้ ทิศทางของเงินดอลลาร์จะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมและการเติบโตของค่าจ้าง แต่ Upside เงินดอลลาร์อาจมีไม่มาก หลังผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปพอสมควร

 เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

 มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.40-35.00 บาท/ดอลลาร์

 ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.85 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 34.89 ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 34.82-34.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.25 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อ PCE/Core PCE เดือนเม.ย. ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด

ซึ่งหนุนโอกาสของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนมิ.ย. นี้ (และกระตุ้นให้ตลาดปรับลดโอกาสความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปีลงตามไปด้วยเช่นกัน) อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงรอติดตามกระบวนการโหวตร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสภาคองเกรสในช่วงกลางสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.70-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์การเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อนึ่ง ในวันนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day ขณะที่ตลาดการเงินของอังกฤษปิดทำการเนื่องในวัน Bank Holiday

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


พลิกสถานการณ์! “บาส-ปอป้อ” คว่ำ คู่ผสมจีน หยิบแชมป์ขนไก่ มาเลเซีย 2023

การแข่งขันแบดมินตัน รายการ “เปอโรดัว มาเลเซีย มาสเตอร์ส 2023” ทัวร์นาเมนต์ระดับเอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ที่เอเซียต้า อารีน่า, กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ประเภทคู่ผสม รอบชิงชนะเลิศ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ จับคู่กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก ลงสนามพบกับ เฝิง เยี่ยนเจ๋อ กับ หวง ดองปิง คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากจีน

โดยคู่นี้สถิติที่ผ่านมาเคยพบกันมาทั้งหมด 2 ครั้ง เป็นทางด้านคู่ผสมจากจีน ที่เหนือกว่าเป็นฝ่ายเก็ยชัยได้ทั้งหมด หนล่าสุดคือในรายการ เฟรนช์ โอเพ่น 2022 ที่ เฝิง เยี่ยนเจ๋อ กับ หวง ดองปิง เป็นฝ่ายที่เฉือนชนะไปได้ 2-1 เกม

เริ่มเกมแรก คู่ผสมจากจีน ทำได้เหนือกว่าพลิกแซงนำรวดเดียว 11-7 ก่อนปิดเกมเอาชนะไปได้ก่อนที่ 21-16 ขึ้นนำ 1-0 เกม เข้าสู่เกมสอง คู่ของไทย ออกมาเล่นเกมบุกใส่ทันทีออกนำก่อน 11-4 จากนั้นรักษาสกอร์นำห่างออกไปเป็น 16-9 พร้อมปิดเกมชนะ 21-13 เสมอกัน 1-1 เกม  

เกมตัดสิน คู่ของไทย ออกนำก่อน 5-2 แต่ คู่ของจีน มาพลิกสถานการณ์แซงนำไปเป็น 11-9 อย่างไรก็ตาม “บาส” กับ “ปอป้อ” ไม่ยอมง่ายๆ ตามตีเสมอ 18-18 ก่อนเปลี่ยนกระแสเกมทำ 3 แต้มรวดคว้าชัยไปได้ 21-18  เอาชนะไปได้ 2-1 เกม

จากชัยชนะในเกมนี้ทำให้ “บาส” เดชาพล กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นครั้งแรก และถือเป็นการคว้าแชมป์แรกของปี 2023 พร้อมรับเงินรางวัล 33,180 เหรียญสหรัฐ ()ประมาณ 1,128,000 บาท)

ด้าน คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซีเมมเบอร์ รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า  “ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับผลงานที่ยอดเยี่ยมของคู่ผสม “บาส” กับ “ปอป้อ” ที่ประเดิมคว้าแชมป์แรกของปีได้สำเร็จ ทั้งคู่ยังคงมีฟอร์มการเล่นที่มาตรฐานสูงระดับต้นๆ ของโลก ฟอร์มการเล่นทั้งในรอบรองฯที่เอาชนะคู่จากเกาหลีใต้

“รวมถึงประสบการณ์ที่มีอย่างมากมายจนสามารถพลิกเกมกลับมาเอาชนะคู่ชิงจากจีนในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของทั้งคู่ที่ยังคงมีความกระหายความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าทั้งคู่จะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยทั้งในเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศจีน รวมถึงเป้าหมายสำคัญอย่างโอลิมปิกที่ปารีส”

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“เวียนศีรษะ” บ่อยๆ เป็นเพราะอะไร? พร้อม 7 วิธีแก้

ไม่ว่าจะเป็นอาการลุกจากเตียงแล้วหน้ามืด เงยหน้าหลังก้มหน้านานๆ แล้วเวียนหัว หรืออยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนบ้านหมุน อาการเวียนศีรษะเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจสร้างปัญหาทางสุขภาพให้คุณได้ในภายหลัง อีกทั้งยังอันตรายสำหรับผู้สูงอายุที่อาจเกิดอุบัติเหตุหกล้มหลังลุดขึ้นจากพื้น จากเก้าอี้ หรือล้มในห้องน้ำ ตรงบันไดจนได้รับบาดเจ็บ ไปจนถึงพิการได้


สาเหตุของอาการเวียนศีรษะ

นายแพทย์สมุทร จงวิศาล อาจารย์ประจำภาควิชาโสตนาสิกลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า “อาการเวียนศีรษะของคนเราเกิดขึ้นจากระบบการทรงตัวในร่างกายเสียสมดุล ซึ่งระบบควบคุมการทรงตัวของร่างกายประกอบด้วย 4 ระบบ ได้แก่ ระบบการทรงตัวของหูชั้นใน ระบบสายตา ระบบประสาทและกล้ามเนื้อข้อต่อ ตลอดจนระบบที่สำคัญ คือ ระบบสมองซึ่งต้องทำงานสอดคล้องกัน หากระบบหนึ่งระบบใดเสียสมดุลไป ก็ทำให้เราเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นได้”

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • โลหิตจาง
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง ฯลฯ พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
  • เป็นโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน หรือโรคเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่า ซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
  • โรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติหรือโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน จะมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ และอาจสูญเสียความสมดุลของร่างกายได้ง่าย จึงทำให้ล้มได้ง่าย
  • โรคเนื้องอกของประสาทการทรงตัวหรือเส้นประสาทการได้ยิน อาจมีอาการเวียนหัว พร้อมมีเสียงรบกวนในหู
  • หูชั้นในอักเสบ จะเวียนหัวอยู่หลายวัน หากมีอาการหนักมากอาจสูญเสียการได้ยิน
  • เส้นประสาทการทรงตัวในหูอักเสบ ทำให้มีอาการเวียนหัวอยู่หลายวันเช่นกัน
  • เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ

วิธีลดอาการเวียนศีรษะ

  1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  3. เปลี่ยนอิริยาบถช้าๆ ไม่หมุนตัว ลุกขึ้นจาดพื้น จากเก้าอี้ ลุกขึ้นจากเตียง หันหัว หันตัวอย่างรวดเร็ว
  4. ลดการสูบบุหรี่ และลดการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงกาแฟ
  5. ดื่มน้ำให้มากๆ
  6. พยายามลดอาการเครียด วิตกกังวลลง
  7. ในช่วงที่มีอาการเวียนศีรษะบ่อยๆ ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่อันตราย เช่น การขับรถ ปีนป่ายที่สูง เป็นต้น

หากเวียนศีรษะบ่อยๆ และไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ควรพบแพทย์เพื่อตรวจอาการอย่างละเอียด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รวมตำแหน่งงานในภาษาอังกฤษ (Job Positions)

ตำแหน่งงาน ภาษาอังกฤษ

Administration /Secretary (เอิ้ดมินิสเตร๊เชิ่น/เซเคิ้ททรี่)
ผู้ดูแลงานด้านเอกสาร/เลขานุการ

Document Controller (ด๊อคคิวเม้นท์ คอนโทรลเล่อะ)
พนักงานฝ่ายเอกสาร

Executive Secretary (อิ๊กเซคคิวทีฟ เซเคิ้ททรี่)
เลขานุการผู้บริหาร

Office Assistant (อ๊อฟฟิศ เออะซิสเถิ่นท์)
ผู้ช่วยประจำสำนักงาน

Sales Administrator (เซลซ์ เอิ๊ดมินิสเตรเถอะ)
ผู้ประสานงานขาย

Administrative Manager (เอิ้ดมินิสเตรทีฟ แมเนเจอะ)
ผู้จัดการฝ่ายธุรการ

Airlines (แอร์ไลนส์)
สายการบิน

Flight Attendances/ Hostess/ Steward (ไฟล้ท์ เอิ้ทเทนเด๊นซ์/โฮ้สเตท/ สจ้วด)
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

Ground Crew/Cabin Crew (กราวน์ครูว/ เคบิ้นครูว)
พนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน/ลูกเรือ

Pilot (ไพเลิต)
นักบิน

Customer Services (คัสโตเมอะ เซอฝวิสเซส)
บริการลูกค้า 

Operator (อัปเปอะเรเถอะ)
รับโทรศัพท์

Receptionist (รีเซพเชิ่นนิสต์)
ต้อนรับ

Customer Relationship (คัสโตเมอะ รีเลเชิ่นชิพ)
พนักงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์

Customer Services Officer (คัสโตเมอะ เซอฝวิสเซส ออฟฟิเสอะ)
พนักงานฝ่ายบริการลูกค้า

Bill Collector (บิล เคิลเล็กเถอะ)
พนักงานเก็บบิล/เงิน

Driver (ไดร้เฝอะ)
พนักงานขับรถ

Guard/ Security (การ์ด/ซิคิ้วริถิ)
พนักงานรักษาความปลอดภัย

Maid/Housekeeper (เหมด/เฮ้าส์คีพเผอะ)
แม่บ้าน/พนักงานทำความสะอาด

Messenger (เม้สซินเจอะ)
คนส่งเอกสาร

Waitress/ Waiter (เว้ท เถรส/เว้ทเถอะ)
บริกรหญิง/บริกรชาย

Engineer/Technician (เอ็นจินิเออะ/เทคนิเชี่ยน)
วิศวกร/ช่างเทคนิค

Audio/Video Engineer (ออดิโอ/ฟวิดิโอ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรทางด้านภาพและเสียง

Design Engineer (ดีไซน์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรด้านการออกแบบ

Electronics Engineer (อิเล็กทรอนิคส์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรไฟฟ้า

Engineer (Repair & Maintenance) (เอ็นจินิเออะ (รีแพร์ แอนด์ เมนเทอะแน๊นซ์))
วิศวกรฝ่ายซ่อมบำรุง

Environmental Engineer (เอินไฟวเรินเมิ้นท์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรสิ่งแวดล้อม

Field technician (ฟิลด์ เทคนิเชี่ยน)
เจ้าหน้าที่สนาม

Fitter (ฟิทเถอะ)
ช่างฟิต

Industrial Engineer (อินดั๊สเทรี่ยว เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรอุตสาหกรรม

Maintenance/ Repair Technician (เมนเทอะแน๊นซ์/รีแพร์ เทคนิเชี่ยน)
เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงรักษา

Mechanic (มิ๊กแคหนิก)
ช่างเครื่อง

Mechanical Engineer (มิ๊กแคนิเคิ้ล เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรเครื่องกล

Plumber (พลัมเหมอะ)
ช่างปะปา

Sales Engineer (เซลซ์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรฝ่ายขาย

Service Technician/ Technical Support (เซอ ฝวิส เทคนิเชี่ยน/เทคนิเคิ้ล ซัพพอร์ต)
เจ้าหน้าที่เทคนิคฝ่ายบริการ

Structural Engineer (เสอะตรั๊คเทอะเริ้ล เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรด้านโครงสร้าง

Technical Service Adviser (เทคนิเคิ้ล เซอฝวิส เอิ๊ดไฟวเสอะ)
ที่ปรึกษาเจ้าหน้าที่เทคนิคฝ่ายบริการ

Telecommunication Engineer (เทลีคอมมิวนิเค๊เชิ่น เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรโทรคมนาคม

Entertainment/Athletics (เอ็นเถอะเทนเมิ้นท์/แอ๊ทเลถิกส์)
บันเทิง/กีฬา

Art Director (อ๊าร์ท ไดเร๊คเถอะ)
ผู้กำกับฝ่ายศิลป์

Athlete (แอ๊ธหลีท)
นักกีฬา

Costume Attendants/Design (คอสตูม เอิ้ทเทินแด๊นทซ์/ดีไซน์)
ฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกาย

Dancer (ด๊านเสอะ)
นักเต้น/หางเครื่อง

Make-up Artist (เมคเอิพ อาร์ถิสท์)
ช่างแต่งหน้า

Models/Star/Singer/Musician (โม๊เดิ้ลส์/เสอะตาร์/ซิงเหงอะ/มิวสิเชี่ยน)
ดารา/นางแบบ/นักร้อง/นักดนตรี

Self – Administrator/ Manager (เซ้ลฟ์ เอิ๊ดมินิสเตร๊เถอะ)
ผู้จัดการส่วนตัว

Graphic Design/Designer (กร๊าฟฝิก ดีไซน์/ ดีไซน์เหนอะ)
กราฟฟิกดีไซน์/ นักออกแบบ

Color Technician (คัลเลอะ เทคนิเชี่ยน)
ช่างเทคนิคทางด้านสี

Computer Animator (คอมพิ้วเท้อะ เอนิเมเถอะ)
ผู้ออกแบบภาพเคลื่อนไหว

Fashion Designer (แฟ๊เชิ่น ดีไซเหนอะ)
นักออกแบบเสื้อผ้า

Accountancy (เอิกเค้าเทินสิ)
ฝ่ายบัญชี

Accounting Officer (เอิกเค้าทิ่ง ออฟฟิเสอะ)
พนักงานบัญชี

Accounting Supervisor (เอิกเค้าทิ่ง ซูเพอะไฟวเสอะ)
หัวหน้าฝ่ายบัญชี

Assistant Accounting Manager (เออะซิสเถิ่นท์ เอิกเค้าทิ่ง เมเนเจอะ)
ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชี

Auditor (ออดิเถอะ)
ผู้ตรวจสอบบัญชี

Billing/ Invoice Officer (บิลลิ่ง/อิน ฟวอยซ์ ออฟฟิเสอะ)
พนักงานฝ่ายเก็บเงิน/ออกใบเสร็จ

Bookkeeper (บุ๊ค-คีพเผอะ)
พนักงานฝ่ายบัญชี

Costing/Budgeting Manager (คอสติ้ง/บั๊ดเจ๊ติ้ง เมเนเจอะ)
ผู้จัดการฝ่ายบัญชีต้นทุน/ งบประมาณ

Credit Control (เครดิต เคินโทรล)
ผู้ควบคุมบัญชีรายรับ

Field Control Officer (ฟิลด์ เคินโทรล ออฟฟิเสอะ)
เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบระบบ

Internal/External Audit (อินเทอเนิ้ล/เอ๊กซ์เทอเนิ้ล ออดิท)
ผู้ตรวจสอบภายใน/ภายนอก

Senior Accounting Manager (ซีเนีย เอิกเค้าทิ่ง เมเนเจอะ)
ผู้จัดการฝ่ายบัญชี

Senior/Chief Accountant (ซีเนีย/ชีฟ เอิกเค้าเถิ่นท์)
พนักงานบัญชี/สมุห์บัญชี

Tax Officer/Accounting (แท็กซ์ ออฟฟิเสอะ/เอิกเค้าทิ่ง)
เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องภาษี

เป็นยังไงบ้างคะ คำศัพท์เยอะแยะแบบนี้ ต่อไปเวลาเข้าเว็บหางานก็คงไม่ต้องงงกับชื่อตำแหน่งงานต่างๆแล้วเนาะ ทาง DailyEnglish ก็ขอให้ทุกคนสมหวังในตำแหน่งงานที่สมัครด้วยนะคะ โชคดีค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


นาซ่า ไฟเขียวสัญญาสร้างส่วนนำยานลงจอดบนดวงจันทร์ ให้ ‘บลู ออริจิน’

ทีมงานธุรกิจด้านอวกาศ ‘บลูออริจิน’ (Blue Origin) ของ เจฟฟ์ เบโซส อภิมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทอีคอมเมิร์ซ แอมะซอน (Amazon) เป็นผู้ชนะสัญญาฉบับสำคัญขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซ่า ในการรับหน้าที่สร้างส่วนนำยานอวกาศที่จะพานักบินอวกาศไปเหยียบดวงจันทร์ ตามรายงานข่าวของรอยเตอร์

บิลล์ เนลสัน เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบริหารของนาซ่า กล่าวว่า “ความเป็นหุ้นส่วนของเราจะยิ่งช่วยส่งเสริมยุคทองของการเดินทางไปอวกาศของมนุษยชาติ” และเสริมด้วยว่า การมีตัวช่วยนำยานลงจอดชุดที่สองสำหรับภารกิจสำรวจอวกาศ อาร์เทมิส (Artemis) นั้นจะยิ่งช่วยส่งเสริมการแข่งขันในวงการ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของนาซ่าได้มาก

สัญญาที่มอบให้กับบลูออริจินนี้จะช่วยให้นาซ่ามีโอกาสส่งยานลำที่ 2 ไปยังดวงจันทร์ภายใต้โครงการอาร์เทมิสได้ หลังทำสัญญาฉบับแรกมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์กับบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ของอภิมหาเศรษฐี อิลอน มัสก์ เพื่อสร้างส่วนประกอบแบบเดียวกันนี้ไปเมื่อปี ค.ศ. 2021 เพื่อผลักดันให้มีการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์อีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จกับภารกิจอพอลโลไปตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1972

จิม ฟรี หัวหน้าส่วนงานสำรวจอวกาศของนาซ่า เปิดเผยว่า สัญญาที่ทำกับบลูออริจินครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ จอห์น คูลูริส หัวหน้าส่วนงานสร้างส่วนลงจอดบนดวงจันทร์ของบลูออริจิน กล่าวว่า บริษัทนั้นจะช่วยออกเงินเป็นการส่วนตัวในสัดส่วนที่ “สูงกว่าตัวเลขนี้มาก” ด้วย

ขณะเดียวกัน เบโซส ทวีตข้อความแสดงความยินดีต่อข่าวนี้ว่า “รู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้ร่วมเดินทางไปกับ @NASA เพื่อนำพานักบินอวกาศไปลงจอดบนดวงจันทร์ … ครั้งนี้แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง”

รายงานข่าวระบุว่า บลูออริจินจะร่วมมือกับบริษัท ล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) และบริษัท โบอิ้ง (Boeing) รวมทั้งบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ เดรปเปอร์ (Draper) และบริษัทพัฒนาหุ่นยนต์ แอสโตรโบติก (Astrobotic) ในการสร้างส่วนลงจอดบนดวงจันทร์ที่จะมีความสูง 16 เมตรภายใต้สัญญาฉบับนี้

การประกาศข่าวความร่วมมือระหว่างนาซ่าและบลูออริจินนี้ เป็นสิ่งที่หลายจับตาเฝ้ารอฟังมานานมากแล้ว หลังบริษัทแห่งนี้ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งคว้าสัญญามาจากนาซ่าได้เลย โดยสัญญานี้จะยิ่งช่วยยกระดับการยอมรับของบลูออริจิน ที่เบโซสลงทุนก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2000 เพื่อแข่งกับบริษัทสเปซเอ็กซ์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีการส่งดาวเทียมและการส่งมนุษย์เดินทางไปในอวกาศ

ทั้งบลูออริจินและสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนหนึ่งพยายามกดดันให้นาซ่ายอมทำสัญญาสร้างส่วนนำยานลงจอดบนดวงจันทร์ชุดที่ 2 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันเชิงพาณิชย์และเพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า หน่วยงานแห่งนี้มีแผนสำรองสำหรับการส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ระบบไฟฟ้า-ประปา เดินลอย หรือ ซ้อนผนัง แบบไหนดีกว่ากัน?

ระบบไฟฟ้า และระบบประปาถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบ้านพักอาศัย สำหรับใครที่กำลังจะสร้างบ้านใหม่ หรือกำลังจะปรับปรุงบ้าน แต่ไม่แน่ใจว่าจะเดินระบบระบบไฟฟ้า และระบบประปา ซ่อนในผนังที่ให้ความเนี้ยบสวยงาม แต่ดูแลรักษายาก หรือจะเดินระบบลอยที่อาจจะไม่เรียบเนียนเหมือนงานซ่อนผนัง แต่กลับดูแลรักษาง่ายกว่า ติดตั้งแบบไหน มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร? วันนี้ Dsign Something มีคำตอบ

ซ่อนระบบไฟในผนังให้ดูเรียบเนียน

ข้อดีของการเดินระบบไฟฟ้าซ่อนในผนังช่วยให้ผนังดูเรียบเนียนไม่มีสายไฟฟ้าและสวิตช์ปลั๊กยื่นออกมาจากตัวผนัง ทำให้สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ทุกมุมของห้อง แต่มีข้อเสียตรงที่เมื่อต้องดูแลรักษา หรือต้องการเพิ่มเติมสวิตช์ปลั๊ก ในภายหลัง เราจำเป็นต้องกรีดผนัง เพื่อตรวจสอบสายไฟที่ซ่อนอยู่ภายใน

หลังจากซ่อมบำรุง หรือเพิ่มเติมตำแหน่งสวิตช์ปลั๊กเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องตีตะแกรงไก่ พร้อมฉาบปิดผิวใหม่ทั้งผนัง เพื่อให้ผนังมีผิวสัมผัสที่เรียบเนียนเท่ากัน และป้องกันไม่ให้ผนังแตกร้าว ด้วยเหตุนี้ระบบไฟฟ้าซ่อนในผนังจึงมีราคาสูงกว่าระบบไฟฟ้าแบบเดินลอย 

ดูแลรักษาง่ายกว่าด้วยระบบไฟเดินลอย

การเดินระบบไฟฟ้าแบบลอยมีข้อดีตรงที่สามารถติดตั้ง และดูแลรักษาง่าย แต่มีข้อเสียตรงที่สวิตช์ปลั๊กและสายไฟฟ้าจะยื่นออกมาจากผนังทำให้การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ทำได้ยาก เพราะฉะนั้นในช่วงเริ่มต้นวางตำแหน่งสวิตช์ปลั๊กจะต้องออกแบบให้สอดคล้องกับตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์และพื้นที่ในการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

ในอีกแง่หนึ่งถ้าต้องการให้สายไฟฟ้าดูเนี้ยบกลมกลืนไปกับผนัง ควรใช้รางพลาสติก หรือท่อพีวีซีสีขาว เพื่อเก็บสายไฟฟ้าให้เป็นระเบียบ และสามารถใช้สีแบบเดียวกับผนังทาทับได้ หรือหากต้องการโชว์โครงสร้าง การเดินสายไฟฟ้าด้วยท่อเหล็กและโชว์สวิตช์ปลั๊กยื่นจากผนัง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสเปซได้เป็นอย่างดี  

เดินระบบไฟฟ้าแบบไหน? พิจารณาจากอะไรดี

ถ้าพูดถึงเรื่องความสวยงามระหว่างการเดินระบบไฟฟ้าซ่อนในผนัง หรือ ระบบไฟฟ้าแบบลอย อาจจะเปรียบเทียบกันได้ยากเพราะแต่ละแบบมีความเหมาะสมกับสไตล์บ้านที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงควรพิจารณาจากฟังก์ชัน การดูแลรักษา และความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน

โดยระบบไฟฟ้าแบบลอยจะมาพร้อมความยืดหยุ่นในการออกแบบ ตกแต่งบ้านที่น้อยกว่า เพราะเราต้องมีการคำนึงถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้สอดคล้องกับตำแหน่งสวิตช์และปลั๊กไฟตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มตำแหน่ง ย้ายตำแหน่งของสวิซต์ได้ง่ายกว่าโดยไม่จำเป็นต้องกรีดผนังเดิม จึงตามมาด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า
กลับกัน ระบบไฟฟ้าแบบซ่อนในผนัง จะทำให้เราสามารถดีไซน์หรือตกแต่งบ้านได้มากกว่า แต่ก็จะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่มากกว่าเพราะต้องรื้อผนังใหม่ทั้งหมดหากมีปญหาการรั่วไหลของระบบ
*(อย่างไรก็ตามทุกระบบก็มีโอกาสเกิดไฟฟ้ารั่วไหลได้ ดังนั้นควรติดตั้ง และตรวจสอบให้ถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้น)

หากบ้านใช้ระบบไฟฟ้าแบบซ่อนในผนังแต่ต้องการย้ายตำแหน่งสวิตช์ปลั๊กบางส่วน ถ้าต้องการความสะดวก และต้องการควบคุมงบประมาณอาจจะปรับใช้ระบบไฟฟ้าแบบเดินลอยให้กับผนังบางส่วนได้เช่นกัน

นอกจากนี้ถ้าเราซื้อโครงการหมู่บ้านใหม่ที่ใช้ระบบไฟฟ้าแบบซ่อนผนัง และต้องการย้ายตำแหน่งสวิตช์ปลั๊ก ก่อนเซ็นต์ยินยอมรับบ้าน เราสามารถให้ทางโครงการปรับตำแหน่งสายไฟฟ้าและสวิตช์ปลั๊กใหม่ได้ ซึ่งยังคงเป็นรูปแบบการซ่อนผนังเช่นเดิม

ระบบท่อประปาควรซ่อนผนังด้วยไหม?

สำหรับการซ่อนท่อน้ำประปา ท่อโสโครก และท่อน้ำประเภทอื่นในผนัง มีข้อดีตรงที่ช่วยให้ผนังดูเนี้ยบ สวยงาม แต่เมื่อเกิดการรั่วซึมกลับหาตำแหน่งที่รั่วซึมได้ยาก แต่ปัญหาการรั่วซึมท่อในผนังอาจจะไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก หากเกิดขึ้น มักจะเป็นปัญหาท่อรั่วซึม ฉีกขาด ระหว่างรอยต่อท่อภายนอกและท่อที่ซ่อนในผนังจากปัญหาดินที่ทรุดตัวลงทุกปี

แก้ปัญหาท่อให้ถูกจุด

วิธีการแก้ปัญหาคือไม่ควรเทคอนกรีตปิดทับท่อน้ำภายนอก แต่ให้ใช้วิธีการทำรางดิน และโรยกรวดเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ เมื่อท่อน้ำเกิดความผิดปกติก็สามารถตรวจสอบ หรือซ่อมบำรุงได้ทันที  หรืออีกวิธีหนึ่ง สามารถทำได้โดยเลือกใช้ท่อภายนอกเป็น ท่ออ่อน เพราะมีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน ใช้ได้ในระยะยาว และสามารถเผื่อระยะของท่อได้เมื่อดินเกิดทรุดตัวลงนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท ออลเฮ้าส์ จำกัด
LINE ID :  Allhousesolder         
Hotline : 095 747 7000

ขอบคุณข้อมูลจาก dsignsomething.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,950.0032,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,070.0031,381.2032,550.00
ทองรูปพรรณ 90%1,863.0028,243.08n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,656.0025,104.96n/a
ทองรูปพรรณ 50%932.0014,129.12n/a
ทองรูปพรรณ 40%725.0010,991.00n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,145.0032,518.20n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/05/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.4535.4535.9435.4535.4535.4535.4535.4535.4535.45
แก๊สโซฮอล์ 9135.1835.1835.6435.1835.1835.1835.1835.1835.1835.18
แก๊สโซฮอล์ E2033.1433.1433.6433.1433.1433.1433.1433.1433.14
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
เบนซิน 9543.2443.5143.7443.3943.24
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.3642.3641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59


 

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า