12 มิ.ย. “รถไฟฟ้าสายสีเหลือง” เปิดนั่งฟรีอีก 9 สถานี เช็คจุดเชื่อมต่อ
ดีเดย์ 12 มิ.ย.นี้ “รถไฟฟ้าสายสีเหลือง” ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โมโนเรลสายแรกของประเทศไทย เตรียมขยายเส้นทางเพิ่มเติมอีก 9 สถานี เช็ครายละเอียดจุดเชื่อมต่อ สถานทีที่เปิด เวลาให้บริการ เปิดกี่โมง ปิดกี่โมง
“รถไฟฟ้าสายสีเหลือง” (ลาดพร้าว-สำโรง) หรือ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง (MRT สายสีเหลือง) เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี มาตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2566 โดย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และเอกชนผู้รับสัมปทานโครงการ ติดตามประเมินผลการให้ประชาชนร่วมทดสอบการ ในสัปดาห์แรกก่อนจำนวน 13 สถานี
ล่าสุด รฟม. แจ้งข่าวดีว่า หลังจากติดตามประเมินผลการให้ประชาชนร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ทั้ง 13 สถานี รวมถึงสถานีอื่นๆ ทั้งหมดของโครงการมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทุกฝ่ายได้มีความเห็นสอดคล้องกันแล้วว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป รถไฟฟ้าสายสีเหลือง จะขยายระยะทางให้ประชาชนร่วมทดสอบเพิ่มเติมอีก 9 สถานี จากเดิมบนแนวถนนศรีนครินทร์ ไปจนถึงแนวถนนลาดพร้าว
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เปิดเพิ่ม 9 สถานี
สำหรับการขยายระยะทางให้ประชาชนร่วมทดสอบรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเพิ่มเติมอีก 9 สถานี จะเป็นเส้นทางต่อเนื่องมาจากช่วง 13 สถานี ที่เปิดให้ทดลองใช้เดิม รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 22 สถานี ประกอบด้วย
- สถานีภาวนา
- สถานีโชคชัย 4 เปิดใช้เฉพาะทางเข้า-ออก 2 (ซอยลาดพร้าว 55) และทางเข้า-ออก 3 (ซอยลาดพร้าว 58)
- สถานีลาดพร้าว 71 เปิดใช้เฉพาะทางเข้า-ออก 1 (โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา) ทางเข้า-ออก 3 (ซอยลาดพร้าว 84) และทางเข้า-ออก 4 (ซอยลาดพร้าว 80/3)
- สถานีลาดพร้าว 83
- สถานีมหาดไทย ที่ทางเข้า-ออก 2 (โรงพยาบาลลาดพร้าว) เปิดใช้เฉพาะบันได
- สถานีลาดพร้าว 101
- สถานีบางกะปิ เปิดใช้เฉพาะทางเข้า-ออก 1 (ซอยลาดพร้าว 113) ทางเข้า-ออก 2 (ซอยลาดพร้าว 115) และทางเข้า-ออก 4 (ซอยลาดพร้าว 142)
- สถานีแยกลำสาลี
- สถานีศรีกรีฑา
ขยายเวลา เปิดกี่โมง ปิดกี่โมง
พร้อมกันนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2566 รฟม. ยังขยายช่วงเวลาให้บริการเป็นระหว่างเวลา 06.00 – 20.00 น. เพื่อรองรับความต้องการเดินทางในช่วงเร่งด่วนเช้าและเย็นของประชาชน หลังจากช่วงสัปดาห์แรกได้เปิดให้บริการในช่วงเวลา 09.00 – 20.00 น.
จุดเชื่อมต่อ รถไฟฟ้าสายอื่น
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีจุดเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ดังนี้
- รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีลาดพร้าว
- สายสีเทาของกรุงเทพ ที่สถานีลาดพร้าว 71
- สายสีส้มบริเวณทางแยกลำสาลี ที่สถานีแยกลำสาลี
- รถไฟเชื่อมต่อท่าอากาศยาน (Airport Rail Link) ที่สถานีหัวหมาก
- สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่สถานีสำโรง
สถานีลาดพร้าวเปิดเมื่อไหร่
หลังจาก รฟม. ขยายระยะทางเพิ่มเติมของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 9 สถานีแล้ว ยังคงเหลือเพียง “สถานีลาดพร้าว” เท่านั้นที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ โดยทางผู้รับสัมปทานยังอยู่ระหว่างปรับสภาพทางเท้าและถนนบริเวณโดยรอบให้มีความปลอดภัย
ทั้งนี้ รฟม. ตั้งเป้าหมายจะให้รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง สามารถเปิดให้ประชาชนร่วม Trial Run ได้ครบตลอดสาย จำนวน 23 สถานี รวมระยะทาง 30.4 กิโลเมตร โดยเร็วที่สุด
โดยมีรายงานข่าวว่า ในวันที่ 19 มิถุนายน นี้ เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานในการเปิดโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งร่วมทดลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากศูนย์ซ่อมบำรุง ผ่านสถานีศรีอุดม มุ่งหน้าสู่สถานีลาดพร้าว
โดยขบวนรถไฟฟ้าจะรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างทางด้วยจากนั้นนายกฯ จะเป็นประธานในการเปิดให้ประชาชนได้ร่วมใช้บริการที่สถานีลาดพร้าว ซึ่งถือเป็นสถานีต้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และเป็นขบวนแรกสายสีเหลือง ที่วิ่งทดสอบระบบตลอดสายลาดพร้าว-สำโรง รวม 23 สถานี
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เก็บเงินเมื่อไหร่
การให้บริการเชิงพาณิชย์ โดยเริ่มเก็บค่าโดยสารสำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองตามกำหนดการจะเริ่มตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป เบื้องต้น ประเมินว่า จะคิดอัตราค่าโดยสาร เริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท (รอการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
CP Land รื้อแผน 13 ออฟฟิศทั่วไทย ตั้งเป้าอัพยอดเช่า 90% ในปี 2568
CP LAND รื้อโมเดลธุรกิจสำนักงานให้เช่าทั่วไทย ชูความเป็นผู้นำ ‘First Mover’ ในตลาดภูมิภาค เผย CP Tower ในกรุงเทพฯ 4 แห่ง ยอดเช่าสูง 80-90% ต่างจังหวัด 9 แห่งเฉลี่ยเช่า 40-50% “ขอนแก่น หาดใหญ่ พิษณุโลก” ลูกค้าเช่าแน่น 77-84% ตั้งเป้าในปี 2568 ผลักดันยอดเช่าทั้ง 13 แห่ง เฉลี่ยเพิ่มเป็น 90%
วันที่ 11 มิถุนายน 2566นายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND
เปิดเผยว่า CP LAND เดินหน้ารุกธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าภายใต้แบรนด์ CP Tower (ซี.พี. ทาวเวอร์) ขยายตัวสู่ระดับ 90% ใน 13 โครงการทั่วประเทศ ภายใน 3 ปีหน้า หรือภายในปี 2568
โดยชูจุดแข็งความเป็นผู้นำ ‘First Mover’ อาคารสำนักงานในส่วนภูมิภาคกลางใจเมือง ตัวอาคารสำนักงานมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องสำหรับทุกธุรกิจ
มีการนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับมาตรฐานคุณภาพ การบริการ ความสะดวก และความปลอดภัยของอาคารสำนักงาน สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน หรือ อีโคซิสเต็ม เอื้อต่อการแสดงศักยภาพของพนักงานยุคใหม่ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชูจุดขายฟูลลี่ เฟอร์นิช-ออฟฟิศตกแต่งพร้อมทำงาน
นายชัยวัฒน์ เอมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสธุรกิจค้าปลีกและสำนักงาน CP LAND กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจสำนักงานให้เช่าของ CP LAND กำลังเข้ากลับเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวตามดีมานด์ภาคอุตสาหกรรมที่
โดยอัตราการเช่าพื้นที่ CP Tower 13 แห่ง เฉลี่ย 50%
แบ่งเป็นสำนักงานในกรุงเทพฯ 4 แห่ง อัตราการเช่าเฉลี่ย 80-90% สำนักงานในต่างจังหวัด อัตราการเช่าเฉลี่ย 40-50%
กลยุทธ์ปีนี้ CP LAND จึงมีแผนการตลาด เน้นเจาะลูกค้าองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนจากส่วนกลางที่ ต้องการหาพื้นที่อาคารสำนักงานมาตรฐานเทียบเท่าสำนักงานในกรุงเทพฯ
รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกต่อผู้ประกอบการตามความต้องการเป็นรายองค์กร พร้อมทั้งเสนอการตกแต่งสำนักงานให้พร้อมสำหรับเข้าทำงานได้ทันที หรือ Fully Furnished
เพื่อผลักดันยอดอัตราการเช่าทุกอาคารสำนักงาน CP Tower ขยายตัวเพิ่มมาอยู่ที่เฉลี่ย 90% ภายในต้นปี 2568
CP Tower นอร์ธปาร์ค ดาวเด่นโซน กทม.ฝั่งเหนือ
ทั้งนี้ สำนักงานให้เช่า CP Tower มีทั้งหมด 13 แห่ง แบ่งเป็น 4 อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพในย่านธุรกิจใจกลางเมือง ให้บริการองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน
ได้แก่ 1.CP Tower 1 สีลม) ใจกลางแหล่งที่มีการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจสูงสุด มีการคมนาคมที่สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง และรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสีลม และมีพื้นที่บริการสำหรับร้านค้าปลีก
2.CP Tower 2 ฟอร์จูน ทาวน์ รูปแบบเป็นอาคารมิกซ์ยูส มีโรงแรมแกรนด์ฟอร์จูน กรุงเทพ, โลตัสซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์การค้าฟอร์จูน ทาวน์ ทำเลศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ หรือ New CBD พระราม 9
3.CP Tower 3 พญาไท ศูนย์รวมสถาบันกวดวิชาชื่อดัง สำนักงาน พื้นที่สำหรับค้าปลีก ทำเลเชื่อมรถไฟฟ้า BTS เเละรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ สถานีพญาไท
และ 4.CP Tower นอร์ธปาร์ค ทำเลถนนวิภาวดีรังสิต อยู่ในแนวรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง
สำหรับ CP Tower นอร์ธปาร์ค ถนนวิภาวดีรังสิต ทำเลศักยภาพกรุงเทพฝั่งเหนือ เป็นสำนักงานล่าสุดของ CP LAND เป็นอาคารอัจฉริยะ ออกแบบให้มีบรรยากาศสำนักงานวิวสวน หรือ Office in The Park
เติมเต็มกับเทคโนโลยีทันสมัย อนุรักษ์พลังงาน ได้รับมาตรฐาน BEC (Building Energy Code) จากกระทรวงพลังงาน การวางผังพื้นที่เช่าสำนักงานมีความยืดหยุ่นสูงและเข้าใจธุรกิจ
โดดเด่นด้วยพื้นที่เช่าต่อชั้นที่มีขนาดใหญ่ รองรับความต้องการที่แตกต่างของทุกรูปแบบทางธุรกิจในปัจจุบัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของพนักงานรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีความต้องการ Work Life Balance
บริษัทเชื่อว่าสำนักงานคอนเซ็ปต์นี้ จะสามารถผลักดันให้อัตราการเช่าพื้นที่ CP Tower นอร์ธปาร์ค อยู่ที่ 90% ได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน
ลูกค้าขอนแก่น-หาดใหญ่-พิษณุโลก แห่เช่าแน่นตึก
นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ในส่วน CP Tower ในต่างจังหวัด ถูกยกระดับมาตรฐานเทียบเท่ากับสำนักงานในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 9 อาคาร กระจายทำเลใน 7 จังหวัด
ได้แก่ “ภาคอีสาน” 5 อาคาร ได้แก่ 1.CP Tower ขอนแก่น 3 แห่ง 2.CP Tower อุดรธานี 3.CP Tower นครราชสีมา
“ภาคใต้” 3 อาคาร ได้แก่ 4.CP Tower นครศรีธรรมราช. 5.CP Tower หาดใหญ่ 6.CP Tower สุราษฎร์ธานี
และ “ภาคเหนือ” 1 อาคาร 7.CP Tower พิษณุโลก
“CP Tower ในต่างจังหวัด เราเป็นผู้นำ หรือ First Mover โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นหัวเมืองหลัก เนื่องจากอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยเกิน 50%
โดยสถิติ 3 จังหวัดที่มีอัตราการเช่าสูงที่สุด ได้แก่ 1.CP Tower ขอนแก่น ทั้ง 3 แห่ง อัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 84% 2.CP Tower หาดใหญ่ อัตราเช่า 80% 3.CP Tower พิษณุโลก อัตราเช่า 77%
ลูกค้าหลักของ CP Tower ในต่างจังหวัด มีทั้งลูกค้าภาครัฐ และลูกค้าเอกชนธุรกิจบริการ อาทิ สินเชื่อ ประกันภัย คอลล์เซ็นเตอร์ บริษัทกำลังขยายลูกค้ากลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและสุขภาพเพิ่มขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12มิ.ย. ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าเริ่มชัดเจนขึ้น ผู้เล่นในตลาดต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ จับตาทิศทางราคาทองคำ -ค่าเงินหยวน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12มิ.ย.2566 ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.61 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า(9มิ.ย.) เงินบาทเคลื่อนไหว sideway ในโซน 34.55-34.62 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ และผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ทำให้ ทั้งราคาทองคำและเงินดอลลาร์ต่างเคลื่อนไหวในกรอบแคบ
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรเตรียมรับมือความผันผวน ท่ามกลางการประชุมธนาคารกลางหลัก อาทิ เฟด, ECB และ BOJ พร้อมรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ และจีน
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ผลการประชุม FOMC ตลาดอาจผันผวนไปตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤษภาคม โดยหากอัตราเงินเฟ้อ CPI ชะลอลงสู่ระดับ 4.1% (+0.2%m/m) ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ซึ่งไม่รวมราคาพลังงานและอาหาร ก็ชะลอลงสู่ระดับ 5.2% (+0.4%) ตามคาด
ก็อาจช่วยให้ผู้เล่นในตลาดยังมองว่า เฟดอาจไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน แต่หากอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่า เฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน หรือ เพิ่มโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดไป หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้ เรามองว่า การชะลอตัวลงต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบต่อภาคการบริการ (ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของเศรษฐกิจ) ส่วนตลาดแรงงานก็ชะลอลงมากขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง และภาวะสินเชื่อ (Credit Condition) ที่ตึงตัวขึ้นอย่างชัดเจน จะส่งผลให้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00-5.25%
นอกจากนี้ เรายังคาดว่า เฟดอาจมีการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจเพื่อให้สะท้อนแนวโน้มการชะลอลงของข้อมูลเศรษฐกิจที่ผ่านมามากขึ้น และที่สำคัญ คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot ใหม่ อาจยังคงสะท้อนว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเราประเมินว่า ควรจะเห็นจำนวนเจ้าหน้าที่เฟดที่มีมุมมองดังกล่าวมากขึ้น และ
จำนวนเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ควรจะลดลงบ้าง อย่างไรก็ดี หากผลการประชุมเป็นไปตามเราคาด แต่ Dot Plot กลับสะท้อนโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ก็อาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวน โดยเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น สวนทางกับที่เราคาดการณ์ได้
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Survey) เดือนมิถุนายน โดยตลาดมองว่า ความกังวลต่อแนวโน้มภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน
รวมถึงผลกระทบจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจกดดันให้บรรดานักลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์ต่างมีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมนีเพิ่มเติม โดยดัชนี ZEW อาจลดลงสู่ระดับ -13.1 จุด
อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนอาจชะลอลง แต่เราประเมินว่า ECB จะยังคงให้ความสำคัญต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Deposit Facility Rate) +25bps สู่ระดับ 3.50% พร้อมกับส่งสัญญาณชัดเจนว่า การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องยังมีความจำเป็น (ผู้เล่นในตลาดคาดว่า ECB อาจขึ้นดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.75%) โดยผู้เล่นในตลาดจะจับตาว่า ECB จะส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะมีอีกกี่ครั้ง
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดประเมินว่า เศรษฐกิจจีนอาจยังคงฟื้นตัวได้แย่กว่าคาด สะท้อนผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเดือนพฤษภาคมที่อาจชะลอลงต่อเนื่อง โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) อาจขยายตัวราว +14%y/y (ชะลอลงจาก +18% ในเดือนก่อนหน้า)
ส่วนยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) จะโตเพียง +3.5%y/y ลดลงจาก +5.6% ในเดือนก่อน ซึ่งภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แย่กว่าคาดนั้น จะหนุนโอกาสที่ทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเรามองว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ลง -10bps สู่ระดับ 2.65%
ซึ่งแม้อาจไม่ได้ส่งผลบวกโดยตรงมากนัก แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวก็อาจหนุนให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจดีขึ้นจากความหวังว่าทางการจีนพร้อมเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อีกไฮไลท์สำคัญ คือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
โดยเรามองว่า BOJ จะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ โดยจะ“คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10% และยังคงตรึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี ไว้ที่ระดับ 0.00%+/-0.50% จนกว่า BOJ จะมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มอยู่ใกล้ระดับ 2% ได้ในระยะยาว แม้ว่าปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่า 3.5% ก็ตาม แต่ BOJ ยังคงกังวลว่า อัตราการเติบโตของค่าจ้างยังไม่สูงพอที่จะหนุนให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2% ได้ในระยะยาว
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าเริ่มชัดเจนขึ้น หลังเงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุแนวต้านโซน 34.90 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ไกล โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทอ่อนค่า
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับมาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงค่าเงินหยวนจีนซึ่งมีผลกับเงินบาทพอสมควรในช่วงนี้ โดยเงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด กดดันให้เงินหยวนจีนผันผวนอ่อนค่าลง
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เราคงมองว่า เงินดอลลาร์อาจพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยพร้อมส่งสัญญาณจบรอบขาขึ้นดอกเบี้ยชัดเจน นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร หาก ECB ขึ้นดอกเบี้ยและย้ำจุดยืนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.25-34.90 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รีแมตช์โอลิมปิก! “พาณิภัค” ต้อน “อาเดรียนา” ซิวแชมป์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ สมัยที่ 10
การแข่งขัน เทควันโด เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 สนามแรก ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี รอบชิงชนะเลิศ ในรุ่น 49 กก.หญิง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2566
โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวไทยดีกรีเหรียญทองโอลิมปิก 2022 โคจรมาพบกับ อาเดรียน่า เซเรโซ อิเกลเซียส ดาวรุ่งชาวสเปน ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิก 2022
เปิดเกมยกแรก จอมเตะสาวไทย ออกมาชิงจังหวะดักเตะเข้าหัวของ นักเทควันโดชาวสเปน ในช่วงท้ายยก ทำแต้มเอาชนะไปได้ก่อน 4-1 ขึ้นนำ 1-0
ยกสอง พาณิภัค ออกมาเน้นรัดกุมป้องกันตัวก่อนหาจังหวะเตะขึ้นนำ 3-0 แม้ ดาวรุ่งชาวสเปน จะพยายามตีตื้นไล่มาเป็น 2-3 แต่ก็ไม่ทัน ทำให้ จอมเตะสาวไทย ย้ำแค้นได้อีกครั้งเอาชนะไปได้ 2-0 ยก คว้าแชมป์รายการ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นสมัยที่ 10
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ตากระตุก” เกิดจากอะไร เป็นบ่อยๆ อันตรายหรือไม่
“ขวาร้าย ซ้ายดี” เป็นความคิดของคนที่เกิดอาการ “ตากระตุก” กระตุกทีไรจะรีบเช็กทันทีว่าตากระตุกข้างซ้าย หรือข้างขวา เพราะเราเชื่อกันแบบนั้น แต่จริงๆ แล้ว อาการตากระตุกเกิดจากอะไร แล้วหากเกิดอาการตากระตุกบ่อยๆ จะอันตรายหรือไม่
ตากระตุก เกิดจากอะไร
นพ. นนท์ รัตนิน จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลจักษุรัตนิน ระบุว่า อาการตากระตุก เกิดจากกระแสประสาทที่มาเลี้ยงบริเวณรอบดวงตามากผิดปกติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
อาการตากระตุกมีความรุนแรงตั้งแต่ตากระตุกเล็กน้อย ไม่นานก็หายได้เอง ไปจนถึงตากระตุกจนตาปิด รวมไปถึงอาการตาเขม่น ที่เป็นอาการหนังตา หรือเปลือกตากระตุก เป็นได้ทั้งเปลือกตาบน และเปลือกตาล่าง
ปัจจัยเสี่ยงของอาการตากระตุก
- ดวงตาอ่อนล้าจากการใช้งานดวงตาหนัก เช่น จ้องจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานๆ
- ความเครียด ความกังวล
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมาก
- อาการข้างเคียงของโรคลมชัก
ตากระตุกแบบไหน ถึงไม่ปกติ
โดยทั่วไปแล้วหากเกิดอาการตากระตุก ไม่ว่าจะเป็นด้านขวา หรือซ้าย ไม่ถือว่าเป็นโรคร้ายแรงหรืออันตรายใดๆ แต่หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบมาพบแพทย์
- ตากระตุกติดต่อกันทุกวันเกิน 1 สัปดาห์
- มีอาการกระตุกที่บริเวณอื่นด้วย เช่น มุมปาก
- ตากระตุกพร้อมกันทั้งสองข้าง
- ตากระตุกแรงมากจนตาปิด รบกวนการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน
- มีอาการผิดปกติที่ตาอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตาบวม ตาแดง มีขี้ตามาก เป็นต้น
วิธีหลีกเลี่ยงอาการตากระตุก
ตามปกติแล้วอาการตากระตุกไม่อันตราย และสามารถหายได้เอง แต่หากไม่อยากมีอาการตากระตุก สามารถทำได้ดังนี้
- ลดการใช้งานคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้น้อยลง หากมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ควรพักสายตาราว 5-10 นาที ระหว่างการใช้งานทุกๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- พยายามทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด หรือกังวลจนเกินไป
- ลดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนให้น้อยลง
- นายแพทย์สมาน ตั้งอรุณศิลป์ ระบุว่า หากตากระตุกหนักมาก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดแยกเส้นเลือดออกจากเส้นประสาท ไม่ใช่วิธีรักษาให้หายขาด แต่เป็นการช่วยบรรเทาอาการตากระตุกให้น้อยลง หรือเบาลงได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 วิธีพูดถึงอนาคต เป็นภาษาอังกฤษ
วิธีที่ 1 พูดถึงอนาคตโดยใช้ will
ปกติแล้วเราจะใช้ will ในการพูดถึงอนาคตทั่วไปความแน่นอนยังมีไม่มาก อาจทำหรือไม่ทำก็ได้
เช่น She will be on the train tomorrow. (เธอจะอยู่บนรถไฟพรุ่งนี้)
แบบนี้ยังไม่มีความแน่นอน คือเหมือนรู้ว่าเธอน่าจะอยู่บนรถไฟพรุ่งนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่แน่ใจ 100
ถ้าจะให้เจาะจงกว่านี้คือ เป็นสิ่งที่เราตัดสินใจที่จะทำ หรือกะจะทำ
เช่น ตอนเราเดินขึ้นบันไดเห็นฝรั่งคนหนึ่งถือของมาพะรุงพะรัง เราอยากช่วยเข้าเราก็จะพูดว่า
“Come on. I will carry it for you” (มาสิ ฉันจะถือให้คุณ)
เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดการณ์มาก่อน เห็นปุ๊ปก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่าจะช่วยเขาถือของ
หรือ I will phone you tomorrow. (ฉันจะโทรหาคุณพรุ่งนี้)
ก็แสดงให้เห็นว่าฉันกะจะโทรหาเธอพรุ่งนี้ แต่ความแน่นอน เราตัดสินใจ ณ ตอนนั้น
วิธีที่ 2 พูดถึงอนาคตโดยใช้ V. to be + going to V.
วิธีนี้จะเป็นการพูดถึงอนาคตที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เหมือนเป็นสิ่งที่ตัดสินใจ หรือวางแผนว่าจะทำอยู่แล้ว
เช่น I am going to buy some fruit next week. (ฉันจะไปซื้อผลไม้อาทิตย์หน้า ซึ่งเป็นการ
วางแผน มีความเป็นไปได้สูง ชนิดที่ว่า พรุ่งนี้ถ้าเธอไปเดินๆแถวตลาดจะเจอฉันเดินซื้อผลไม้อยู่แน่ๆ)
Sarah is going to sell her dress. (ซาร่าจะขายชุดเดรสของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอวางแผนไว้
แล้วว่าจะทำแน่ๆ 100%)
นอกจากนี้ going to จะใช้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ แบบมีหลักฐาน หรือร่องรอบให้เห็นชัดเจน
เช่น ถ้าอยู่ๆเราเห็นเมฆลอยทะมึนๆมาเราก็สามารถพูดได้ว่า “It is going to rain” (ฝนกำลังจะตกเพราะเราเห็นเมฆตั้งเค้ามาแล้ว)
หรือ เรามีนัดตอน 8 โมงเช้า แต่เพราะมัวเขียนคิ้วไม่ได้รูปเสียที ดูนาฬิกาอีกทีก็ตกใจเพราะตอนนี้ 7.50 แล้ว เราก็สามารถตะโกนออกมาด้วยความตกใจได้ว่า “I’m going to be late” (ฉันกำลังจะสายแล้ว เห็นหลักฐานทนโท่ว่ายังเขียนคิ้วได้ข้างเดียว แล้วตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีกว่าจะเดินทางถึงที่นัดอีก สายแน่ๆ)
วิธีที่ 3 พูดถึงอนาคตโดยใช้ Present Continuous
บางคนอาจคุ้นเคยแค่ว่า Tense นี้ใช้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดถึงไม่ใช่เหรอ ความจริงแล้วไวยากรณ์นี้จะใช้พูดถึงอนาคตที่กำลังจะเกิดในเร็วๆนี้ได้เหมือนกันค่ะ เพียงแต่เรื่องระยะเวลาจะหมายถึงในช่วงเวลาใกล้ๆนี้ เหตุการณ์จะเกิดขึ้นช่วงนี้ ถ้าเป็นสิ่งที่วางแผนในระยะยาวว่ากว่าจะเกิดอีกนานจะไม่นิยมใช้ Present Continuous ในการบอก อีกอย่างที่สังเกตได้ง่ายก็คือมักมีคำบอกเวลาแนบมาด้วย อย่าง next week, tomorrow, this morning เพื่อกันความสับสน
เช่น We are having dinner next week.
(ประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทานข้าวเย็นในอาทิตย์หน้า แต่หมายถึง เราจะทานข้าวเย็นด้วยกันในอาทิตย์หน้า)
Are you meeting with George this evening?
(ประโยคนี้ไม่ได้หมายถึงคุณกำลังมีประชุมกับจอร์จเย็นนี้รึเปล่า แต่ถามว่า เย็นนี้คุณจะไปประชุมกับจอร์จใช่มั้ย)
ลองอ่าน: หลักการใช้ Present Continuous Tense ฉบับเข้าใจง่าย
วิธีที่ 4 พูดถึงอนาคตโดยใช้ Present Simple
อันนี้บางคนอาจจะงงตาแตกไปเลยว่า อ้าว เฮ้ยเอามาใช้พูดถึงอนาคตได้ยังไงกันไอ้ Tense นี้ จริงๆแล้วการนำ Present Simple มาใช้พูดเรื่องอนาคตนี้ก็มีข้อจำกัดที่ใช้เฉพาะบางกรณีเท่านั้นนะคะ ซึ่งกรณีนี้ที่จะพูดถึงกรณีเดียวก็คือเรื่องของสิ่งที่เป็นตารางเวลาแน่นอน เช่นพวก ตารางเวลาของรถเมล์ เครื่องบิน รถไฟ หนัง คอนเสิร์ต อะไรพวกนี้ เราจะใช้ Present Simple ทั้งสิ้น
เช่น The train arrives at 1.30 P.M. (รถไฟจะมาถึงเวลาบ่ายโมงครึ่ง)
The musical starts at 8 o’clock. (ละครเวทีจะเริ่มเวลาแปดโมง)
What time does your flight depart? (เที่ยวบินของคุณจะออกจากสนามบินกี่โมง)
ลองอ่าน: หลักการใช้ Present Simple Tense ฉบับเข้าใจง่าย
เป็นอย่างไรบ้างคะ บอกแล้วว่าการพูดถึงอนาคตไม่ใช่จะใช้เพียงแค่ will กับ going to เท่านั้น ถ้าเวลาเปลี่ยน ความแน่นอนมากน้อย เราก็ต้องใช้วิธีแตกต่างกันไปแล้วแต่ความเหมาะสม หลังจากนี้เวลาเราจะพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับอนาคตหรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ลองสังเกตดูนะคะว่าจะใช้วิธีไหน ค่อยๆทดลองใช้กันไป ไม่นานก็จะเคยชินไปเอง แล้วใช้ได้โดยอัตโนมัติแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
[How To] รู้วิธีเช็คแอป ในมือถือ Android ว่ามีมัลแวร์หรือไม่ ก่อนตกเป็นเหยื่อ
ในช่วงเวลานี้ภายจากมิจฉาชีพมากมายเข้ามามากมายทำให้เราตกเป็นเหยื่อได้ง่ายตั้งแต่สายชาร์จปลอมดูดเงินแต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทำให้เป็นอันตรายมากกว่าแต่วันนี้ทีม Sanook Hitech เองจะมาบอกวิธีเช็คและป้องกันเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ว่าเราจะทำได้อย่างไร
สายชาร์จดูดตังค์มีจริงหรือไม่
หากย่อนกลับไปถึงเรื่องสายชาร์จดูดตังค์นั้น จริงๆ ก็มีประเด็นของสาย O.MG Cable ที่หน้าตาเหมือนสายชาร์จจริงๆ แต่ว่าเราสามารถเขียนโปรแกรมเข้าไปได้แต่ความจริงอีกข้อคือ คำสั่งมันทำได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ดังนั้นส่วนมากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยคือ มักจะบอกว่าเป็นการหลอกให้ลงโปรแกรมมากว่าและโปรแกรมเหล่านี้ก็ติดตั้ง Scammer เข้าไปข้างในมากกว่า
ซึ่งโดยมากแล้วมือถือระบบปฏิบัติการ Android มักตกเป็นเหยื่อเพราะสามารถติดตั้งโปรแกรมจากภายนอกได้ง่าย แต่วิธีการเช็คไม่ยากเพียงแค่กดตามขั้นตอนได้แก่
เข้าไปที่ตั้งค่า > กดไปที่หน้า Apps > กด 3 จุดด้านบน เลือกไปที่การเข้าถึงพิเศษ หรือ Special Access แล้วลองเปลี่ยนค่าที่คิดว่าจะเป็นการเข้าถึงมือถือได้
หรืออีกวิธีคือลองลบโปรแกรมต้องสงสัยว่าทำได้หรือไม่ หรือจะลองเข้าส่วน โหมดช่วยเหลือพิเศษ (Accessibility)
แต่ถ้าคุณเข้าเมนูเหล่านี้ไม่ได้ก็สันนิฐานว่าเครื่องถูก Scammer หลอกไม่ให้ทำอะรกับเครื่องแล้ว
การแก้ไข
หากถูกทำแบบนี้ให้เข้าโหมดเครื่องบินหรือ Airplane Mode ให้เร็วที่สุดเพื่อตัดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตลบโปรแกรมออก หรือ คืนค่าโรงงาน (Format Factory) ก็ได้
ส่วนวิธีป้องกันง่ายมากพยายามไม่โหลด Application นอก Store ที่มากับเครื่องเช่น Apps Store หรือ Google Play Store ก็จะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดครับ
และอีกเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับคนที่เข้าเว็บที่ติดตั้ง Apps แบบไม่น่าไว้วางใจและมีการขึ้นว่า “ขออนุญาต ติดตั้งแอปส์ที่ไม่รู้จัก” หรือ AllowInstall Unknown Apps ให้เลือกเป็นไม่อนุญาตไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เครื่องสามารถติดตั้ง Apps ได้
ยกเว้นบางกรณีเช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์ค่ายหนึ่งที่ไม่ได้มี Apps ใน Google Play Store ให้สแกน QR Code ข้างกล่องสินค้าแล้วติดตั้ง Apps โดยการดาวน์โหลดโปรแกรม .APK อันนี้สามารถดาวน์โหลดได้ครับ
สุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ อย่าหลงเชื่อกับ Call Center ที่โทรมา หรือ ลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สเปซและงานดีไซน์ที่โอบรับทุกเฉดสีของความหลากหลายทางเพศ
“Universal Design” คำนี้เริ่มปรากฏให้เราเห็นบ่อยขึ้นเมื่อสังคมให้ความสนใจต่อการออกแบบเพื่อส่วนรวม เพื่อมนุษย์ทุกคน และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก ทว่าเราจะพาเดินเข้าไปในโลกของความเป็นสากล หรือ Universal ในบริบทของเดือนมิถุนายนที่ทุกพื้นที่ต่างก็ประดับประดาไปด้วยธงสีรุ้งโบกสะบัดพัดปลิวประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าเราได้เข้าสู่ “Pride Month” แล้ว!
“Universal Design” คำนี้เริ่มปรากฏให้เราเห็นบ่อยขึ้นเมื่อสังคมให้ความสนใจต่อการออกแบบเพื่อส่วนรวม เพื่อมนุษย์ทุกคน และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก ทว่าเราจะพาเดินเข้าไปในโลกของความเป็นสากล หรือ Universal ในบริบทของเดือนมิถุนายนที่ทุกพื้นที่ต่างก็ประดับประดาไปด้วยธงสีรุ้งโบกสะบัดพัดปลิวประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าเราได้เข้าสู่ “Pride Month” แล้ว!
Inclusive ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Universal
สังคมที่ถูกกำหนดโดยกรอบของบรรทัดฐานดั้งเดิมทำให้คนบางกลุ่มที่มีตัวตนหรืออัตลักษณ์แตกต่างจากไม้บรรทัดของสังคมรู้สึกแปลกแยก จนถูกกีดกันและใช้ความรุนแรง ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดระแวงและรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะดำรงชีวิตในสังคม
Gender-Inclusive Design หรืองานดีไซน์ที่ยืดหยุ่นและโอบรับทุกความหลากหลายทางเพศ จึงเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงในการเติมเต็มช่องโหว่และเสริมโครงสร้างของ Universal Design ให้แข็งแกร่งขึ้น เกิดเป็น “Queer Space” สเปซที่เป็นเสมือนบ้านอีกหลังของ LGBTQIA+ ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบพื้นที่สาธารณะเพื่อบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น ห้องน้ำสาธารณะสำหรับกลุ่มเพศทางเลือก หรือพื้นที่สันทนาการ เช่น ไนท์คลับ บาร์ และเวที
งานดีไซน์ที่ฟังจากเสียงหลากหลายคีย์
การเปิดใจ เรียนรู้ และร่วมมือกับกลุ่มคนในคอมมูนิตี้เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยค้ำยันให้ความหลากหลายของมนุษย์เติบโตและผลิบานในสังคมได้อย่างไม่ถูกตีกรอบและตีตราในฐานะคนชายขอบ ดังที่ Joan Stoeckle – Design Director ที่ Artefact ได้กล่าวในบทสัมภาษณ์กับ Built In ไว้ว่า “หากเราปรารถนาที่จะก้าวไปสู่สังคมแห่งความหลากหลาย และสังคมที่ยืนหยัดเพื่อความเสมอภาค เสียงสะท้อนจากบุคคลเหล่านี้มีพลังต่อการสร้างสรรค์ผลงานของเราตั้งแต่ต้นจนจบ”
Gender-Inclusive Design พื้นที่ของทุกสเปกตรัม
Gender-Inclusive Design ฟังดูอาจไกลเกินเอื้อม แต่ถ้าเราทุกคนช่วยกันพยุงและเป็นพลังในการขับเคลื่อน การโอบรับความหลากหลายทุกเฉดสีก็จะชัดเจนขึ้นในงานดีไซน์ทุกแขนง มนุษย์ทุกคนก็จะมีพื้นที่ เสียงของพวกเขาเหล่านี้ก็จะถูกรับฟังและดังขึ้น ก่อเกิดเป็นสเปซที่ขยายได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อสร้างพื้นยืนให้กับมนุษย์ทุกคน
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/06/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,050.00 | 32,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,076.00 | 31,472.16 | 32,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,868.40 | 28,324.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,660.80 | 25,177.73 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 934.00 | 14,159.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 727.00 | 11,021.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,151.00 | 32,609.16 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/06/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.75 | 35.75 | 36.24 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.48 | 35.48 | 35.94 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.44 | 33.44 | 33.84 | 33.44 | 33.44 | – | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.89 | 33.89 | – | – | – | – | – | – | – | 33.89 |
เบนซิน 95 | 43.54 | – | – | – | 44.11 | – | 44.04 | 43.69 | – | 43.54 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.06 | 41.16 | 42.94 | 42.36 | 42.36 | – | – | – | – | 41.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |