สาระน่ารู้ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2566

คุ้มไหม?ติดตั้งโซลาร์ รูฟคืนทุนได้ใน7-10ปี

 

การติดตั้งโซลาร์ รูฟถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีความเสี่ยงต่ำสำหรับในยุคสมัยนี้ เหมือนการรอเงินปันผลในระยะยาวและได้ออมเงินรายเดือนไปในเวลาเดียวกันสามารถคืนทุนภายในระยะเวลา7-10ปี

โซลาร์ รูฟ กลายเป็นนวัตกรรมและฟังก์ชันสำหรับเจ้าของบ้านยุคใหม่ไปเสียแล้ว อาจเป็นเพราะได้ถูกบ่มมาจากตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเล็งเห็น อย่างปัญหาค่าไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่เพิ่มขึ้นแต่ยังพุ่งทะยานสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ถึงแม้ส่วนหนึ่งจะมาจากการที่ภาครัฐมีมาตรการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) สูงขึ้น ทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องหาทางออกในการลดค่าใช้จ่าย จึงไม่ประหลาดใจมากนัก ที่โซลาร์ รูฟ เป็นหนึ่งในทางออกที่ถูกเลือกในยุคนี้

เหตุใด โซลาร์ รูฟ ถึงได้รับความนิยมมากขึ้น

แม้ว่าโซลาร์ รูฟ จะถูกพัฒนาขึ้นในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี แต่ปัจจัยที่ทำให้ก่อนหน้านี้ โซลาร์ รูฟ ยังไม่นิยมติดตั้งในที่อยู่อาศัยเท่าที่ควร อาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน

1. ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบของโซลาร์ รูฟ รวมถึงการติดตั้งอย่างถูกต้องและยังกังวลเรื่องความปลอดภัย

2.อุปกรณ์และการติดตั้งมีราคาสูงเกินไป ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเสี่ยงลงทุน และเลือกตัดช้อยส์ทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ศึกษา

3.ยังไม่เชื่อมั่นในสินค้าและบริการของผู้ประกอบการหลาย ๆ ราย จึงทำให้ไม่กล้าตัดสินใจ ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการผู้เชี่ยวชาญโดยตรงมาให้ความรู้ ตลอดกระบวนการติดตั้งและการใช้งาน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เมื่อพบปัญหาในการติดตั้งหรือเรื่องเกี่ยวกับระบบ รวมถึงหลังคาก็สามารถขอคำปรึกษาได้

แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มตะหนักและศึกษาถึงประโยชน์ของพลังงานสะอาดกันมากขึ้น ประกอบกับหลาย ๆ ปัจจัยที่ทำให้สนใจติดตั้งโซลาร์ รูฟ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากราคาของวัสดุอุปกรณ์และราคาด้านการบริการที่ไม่สูงจนเกินเอื้อม โดยเฉพาะราคาอุปกรณ์ต่าง ๆ ลดลงจากเดิม ทำให้ภาคครัวเรือนสามารถเข้าถึงการติดตั้งได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น รวมไปถึงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายก็ต่างให้ความสำคัญและนำโซลาร์ รูฟ มาเป็นหนึ่งในแนวทางพัฒนาหลัก

ตลอดจนผู้บริโภคก็เริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ในการติดตั้งหลังคาโซลาร์ รูฟ และการลงทุนระบบที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มได้มองเห็นปลายทางของการเลือกลงทุนที่สุดท้ายแล้วได้ความคุ้มค่าระยะยาว ซึ่งหากลองคำนวณดูแล้วจะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าต่อเดือน ขยับเป็นต่อปีได้มากเลยทีเดียว

คุ้มแค่ไหน? ถ้าเลือกติดตั้งโซลาร์ รูฟ

อย่างที่เกริ่นนำไปในช่วงต้น ทำให้พอทราบกันแล้วว่า การติดตั้งหลังคาโซลาร์ รูฟ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีความเสี่ยงต่ำสำหรับในยุคสมัยนี้ เหมือนการรอเงินปันผลในระยะยาวและได้ออมเงินรายเดือนไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการลงทุนติดตั้งโซลาร์ รูฟ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของบ้านยุคใหม่ เพราะการมีไฟฟ้าใช้โดยไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพง ทั้งยังสามารถคืนทุนภายในระยะเวลา 7-10 ปี และทำให้มีไฟฟ้าใช้ฟรีไปยาว ๆ อีก 15 – 20 ปี เพราะมีรับประกันนานถึง 25 ปี หากแต่ในอนาคตอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรแบบผันผวนเช่นนี้ ก็จะสามารถคืนทุนได้เร็วขึ้น
 

หากมองถึงระบบและมาตรฐานของสินค้าและบริการที่คุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว SCG Solar Roof Solutions ถือเป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคในภาคครัวเรือนประหยัดค่าไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าลงได้สูงสุดถึง 60% ขึ้นอยู่กับระบบการติดตั้ง สถานที่ สภาพอากาศ และปริมาณการใช้ไฟของแต่ละบ้าน และจะเหมาะกับบ้านที่มีค่าไฟรายเดือนตั้งแต่ 3,000 ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่มีความคุ้มค่าสูง เพราะเมื่อถึงจุดคุ้มทุนแล้วเจ้าของบ้านก็สามารถใช้ไฟฟ้าได้ฟรีไปยาว ๆ ซึ่ง SCG Solar Roof Solutions ก็มีระยะเวลารับประกันถึง 25 ปี หรือเรียกได้ว่าตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว 

ลองคำนวณความคุ้มค่าในการติดตั้ง SCG Solar Roof Solutions 

ตัวอย่าง : หากติดตั้ง SCG Solar Roof Solutions 3.15 kW. ใช้แผงโซลาร์ จำนวน 7 แผง ในขนาดพื้นที่เริ่มต้น 14-20 ตร.ม. ราคาประมาณ 235,000 บาท สำหรับบ้านที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า หลอดไฟ 10 วัตต์ / 5 หลอด, TV LED 55 นิ้ว / 2 เครื่อง, ตู้เย็น 12 คิว / 1 เครื่อง และ เครื่องปรับอากาศ 9000 BTU / 2 เครื่อง 

การประมาณศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบออนกริด

·      ไฟที่ผลิตได้เฉลี่ยต่อวัน 12.6 หน่วย รวมประมาณที่ผลิตได้ต่อปี ประมาณ 4,536 หน่วย

·      ประหยัดค่าไฟฟ้า โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 1,400-1,900 บาทต่อเดือน*  

·      ยิ่งใช้ก็ยิ่งคุ้ม คืนทุนได้ภายใน 7-10 ปี 

ทั้งนี้ขึ้นอยู่ขนาดของระบบ สภาพอากาศ พฤติกรรมการใช้ไฟของแต่ละบ้าน และหน่วยค่าไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาด้วย

(*ข้อมูลอ้างอิงจากโปรแกรมการคำนวณ http://www.irradiancedata.dede.go.th:8080/station-report )

นอกจากช่วยประหยัดค่าไฟรายเดือนแล้ว เจ้าของบ้านยังสามารถติดตามการทำงานของหลังคาโซลาร์ได้แบบเรียลไทม์ ผ่านแอปพลิเคชันที่จะบอกได้ทันทีว่าแต่ละวันหลังคาโซลาร์สามารถผลิตไฟฟ้าได้เท่าไร รวมถึงคำนวณให้ทราบว่าประหยัดเงินค่าไฟฟ้าได้เท่าไร และหากติดตั้งเป็นระบบ Hybrid ที่มีแบตเตอรี่รองรับ ก็สามารถกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในเวลากลางคืนได้อีกด้วย ทำให้บ้านมีไฟฟ้าไว้ใช้จากพลังงานสะอาดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทางเลือกนี้ถือว่าจะยิ่งคุ้มค่าและตอบโจทย์เจ้าของบ้านยุคใหม่อย่างแน่นอน

แล้วบ้านแบบไหน? เหมาะกับการติดตั้งโซลาร์ที่สุด

1. การติดตั้งโซลาร์ รูฟ สามารถติดตั้งได้ทั้งบ้านเก่าและบ้านใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ทาวเฮ้าส์ บ้านแฝด แต่จะต้องมีโครงสร้างหลังคาที่แข็งแรงและมีพื้นที่กว้างเพียงพอต่อการติดตั้งแผงโซลาร์ รวมถึงหลังคาควรมีความลาดเอียงเพื่อรับแสงอาทิตย์ได้มากที่สุด และไม่ควรมีเงาบดบังแผงโซลาร์ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพที่สุด 

2. อย่างที่ทราบกันดีว่า หากยิ่งใช้ไฟมากก็ยิ่งได้รับความคุ้มค่ามากตามไปด้วย โดยเฉพาะบ้านที่มีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวันที่สูงอยู่แล้ว เช่น Work form home หรือโฮมออฟฟิศ ร้านอาหาร คาเฟ่ แม้แต่บ้านที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุอาศัยอยู่ ก็จะเหมาะกับการติดตั้งหลังคาโซลาร์ รูฟ เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายรายเดือนได้ไม่น้อยเลย

3. หลายคนอาจมองภาพว่าการติดตั้งหลังคาโซลาร์ รูฟ เหมาะกับในเมืองที่มีการใช้ไฟฟ้าที่มาก แต่แท้จริง แล้วพื้นที่ตามชุมชนไกลออกไป หรือพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ทำให้เกิดปัญหากระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ และระบบไฟฟ้าไม่เสถียรจนเกิดปัญหาไฟตกบ่อยครั้ง การติดตั้งโซลาร์ รูฟ สามารถช่วยลดปัญหาไฟไม่พอใช้ คลายกังวลในข้อนี้ไปได้เลย  

SCG Solar Roof Solutions นับว่าเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมระบบโซลาร์ รูฟ แบบครบวงจร ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจเป็นอันดับต้น โดยมีความเชี่ยวชาญและพัฒนานวัตกรรมหลังคาโซลาร์ รูฟ มาไม่น้อยกว่า 10 ปี และยังมี SCG Solar Expert Station เพื่อสร้างเชื่อมโยงระหว่างลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโซลาร์

ซึ่ง SCG Solar Expert จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า สามารถติดต่อและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการตัดสินใจติดตั้งระบบโซลาร์ รูฟ ได้เป็นอย่างดี

เห็นถึงความคุ้มค่าและประโยชน์จากการติดตั้งโซลาร์ รูฟ กันแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ บ้านที่กำลังลังเลว่าจะคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ คงตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“พฤกษา โฮลดิ้ง”ติดอันดับทำเนียบ ESG 100

พฤกษา โฮลดิ้งติดอันดับทำเนียบESG 100ประจำปี2566จากสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถาบันไทยพัฒน์ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ โดยปีนี้ได้ประเมินบริษัทจดทะเบียนจำนวน 100 หลักทรัพย์ จากทั้งหมด 888 หลักทรัพย์ ที่ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล และผลประกอบการของบริษัทควบคู่กัน ซึ่งการจัดอันดับนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม อีกทั้งยังเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพ และได้รับผลตอบแทนไม่ด้อยกว่าการลงทุนทั่วไป

“พฤกษา โฮลดิ้ง ได้รับการจัดอันดับในทำเนียบ ESG 100 เนื่องจาก มีการปรับตัวและสร้างรายได้ในหลากหลายธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ ESG ในปัจจุบัน ประกอบกับ มีความสามารถในการทำกำไรที่เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมในกลุ่มเดียวกัน นอกจากนี้ เรายัง ยึดมั่นด้านธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งธุรกิจอสังหาจะถูกพิจารณาเข้มข้นเป็นพิเศษ และยังได้รับการยอมรับเรื่องความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน Global Reporting Initiative ที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและเฮลท์แคร์ด้วยราคาที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่มด้วย” นายอุเทน กล่าว

นายอุเทน กล่าวว่า การได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์นับเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพฤกษา โฮลดิ้ง ที่มุ่งขับเคลื่อนองค์กรโดยยึดหลัก ESG เป็นพื้นฐานสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา พฤกษา โฮลดิ้ง ดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำเพียงแห่งเดียวในประเทศ และ มุ่งสร้างที่อยู่อาศัยด้วยพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ ยังยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนในชุมชนและสังคมด้วยกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ โครงการ บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA และโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ที่สนับสนุนองค์กรเพื่อสังคมให้เติบโตเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังได้นำความรู้ความชำนาญทางการแพทย์จากทีมโรงพยาบาลวิมุต ออกแบบที่อยู่อาศัยแบบ Universal Home Design ที่รองรับการอยู่อาศัยสำหรับทุกเพศทุกวัย (Multi-Gen Living) และส่งเสริมการมีสุขภาพดีแก่คนไทย โดยจับมือกับนัลลูลี่ (Naluri) ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมผ่านระบบดิจิทัล มอบบริการการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับทุกคนที่รับการตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลวิมุต โดยมุ่งดำเนินงานตามจุดมุ่งหมายของ พฤกษา โฮลดิ้ง ภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข Live well Stay well” เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและสังคมไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28 มิ.ย. ที่ระดับ 35.30 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์หรือสกุลเงินต่างประเทศจากบรรดาผู้นำเข้า มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.40 บาท/ดอลลาร์ 

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28มิ.ย. ที่ระดับ  35.30 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.28 บาทต่อดอลลาร์

 นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อได้บ้างและอาจมีการขยับโซนในการแกว่งตัวที่สูงขึ้น หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุแนวต้านแรกแถว 35.30 บาทต่อดอลลาร์ไปได้

หากไม่มีแรงเทขายสินทรัพย์ไทยที่รุนแรง เงินบาทก็อาจจะไม่ได้อ่อนค่าต่อไปมากนัก เพราะผู้เล่นในตลาดต่างก็รอติดตามปัจจัยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ PCE และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ในช่วงท้ายสัปดาห์

ทั้งนี้ เงินบาทอาจจะยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจนได้ในระยะสั้น จนกว่าจะเห็นการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หรือ สถานการณ์การเมืองไทยเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาล (ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง) นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือน

เรามองว่า เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์หรือสกุลเงินต่างประเทศจากบรรดาผู้นำเข้า ซึ่งเบื้องต้นเรามองว่า แนวรับแรกของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 35.10 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำคัญจะอยู่ในช่วง 35.00 บาทต่อดอลลาร์

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.40 บาท/ดอลลาร์ 

ในช่วงคืนก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 35.18 บาทต่อดอลลาร์ ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ) ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาทองคำ ท่ามกลางบรรยากาศในตลาดการเงินที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งแม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดจะทำให้เฟดมีโอกาสที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

แต่ภาพดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดคาดหวังไว้อยู่แล้ว ทำให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ และหุ้นในธีม AI สามารถรีบาวด์ขึ้นแรง (Tesla +3.8%, Nvidia +3.1%) ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +1.65% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.15%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย +0.05% หนุนโดยความหวังว่าทางการจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมและหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (L’ Oreal +0.8%, Rio Tinto +0.6%) อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันโดยท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB ที่ต่างย้ำจุดยืน พร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อสูง

ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 3.80% อย่างไรก็ดี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถผ่านโซนดังกล่าวได้

เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์หลายที่ ที่ต่างมองว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาว อย่าง บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.20%-3.50% ในช่วงสิ้นปี

ทางด้านตลาดค่าเงิน แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาดีกว่าคาด แต่ความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยก็ลดลง ตามการเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นของผู้เล่นในตลาด ส่งผลให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 102.5 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 102.3-102.6 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา)

ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศในตลาดการเงินที่พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงและการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ย่อตัวลงมาแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,920-1,925 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราประเมินว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ เรายังคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก อาทิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของทั้ง ECB และเฟด

นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองรัสเซียก็จะเป็นอีกสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งความวุ่นวายทางการเมืองรัสเซียก็อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


แพ้เพราะอะไร? คอมเมนต์ทั่วโลก “ลูกยางสาวไทย” แพ้ เนเธอร์แลนด์ สนามในบ้าน

“ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้งหลังจากแพ้ให้กับ เนเธอร์แลนด์ 0-3 เซต ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2023 สัปดาห์ที่สาม ในบ้านของตัวเอง เมื่อวันอังคารที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา

งานนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนชาวไทยบางกลุ่มเป็นอย่างมาก ขณะที่แฟนลูกยางจากนานาชาติก็เริ่มมองเห็นปัญหาของทีมชาติไทยชุดนี้ เราลองไปดูความคิดเห็นกัน

คอมเมนต์ที่ 1
คุณต้องชื่นชมสปิริตการต่อสู้ของทีมไทย และผู้ชมที่น่าทึ่ง
อย่างไรก็ตามนักกีฬาของไทยต้องเล่นให้ดีกว่านี้โดยเฉพาะ อัจฉราพร และ วิภาวี ที่เหมือนจะแค่ตีแรงอย่างเดียวทั้งที่บล็อกของ เนเธอร์แลนด์ นั้นตัวใหญ่มากๆ

คอมเมนต์ที่ 2
เนเธอร์แลนด์ เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ส่วน ทีมไทย ถึงจะแพ้แต่ฉันก็ยังชอบดูพวกเธออยู่เสมอ พวกเขาดูมีชีวิตชีวา

คอมเมนต์ที่ 3
วอลเลย์บอลมีผู้แพ้ และผู้ชนะ มันเกิดได้กับทุกทีม แต่อยากให้รู้ไว้ว่า วอลเลย์บอลหญิงไทย ทุกคนทำงานหนัก ทุ่มเทแรงกาย แรงใจสำหรับรายการนี้มากๆ

คอมเมนต์ที่ 4
อย่ายอมแพ้สาวไทย สู้กันต่อไปกับเกมที่เหลือ

คอมเมนต์ที่ 5
ทีมไทย เกือบที่จะชนะในเซตแรก ดูเหมือนพวกเขายังขาดปัจจัยอะไรหลายอย่างในการแข่งขัน แต่พวกเธอมีสปิริตมากๆ

คอมเมนต์ที่ 6
กีฬาวอลเลย์บอล ความสูงเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ทักษะที่ดีจะช่วยชดเชยความต่างนั้นได้ สู้กันต่อไปสาวไทย

คอมเมนต์ที่ 7
ทีมชาติไทย ที่ไม่มี อรอุมา และ ปลื้มจิตร์ แตกต่างออกไป ทั้งคู่นั้นมีพละกำลังมหาศาล แต่ทุกวันนี้ทีมไทยดูอ่อนลงไป

คอมเมนต์ที่ 8
ถึงทีมไทยจะแเพ้ แต่พวกเขาก็เล่นกันได้ดี ทั้งบรรยากาศ และแฟนๆ ที่เข้ามาเชียร์ ขอชื่นชมประเทศไทย

คอมเมนต์ที่ 9
แม้ สาวไทย จะไม่สามารถชนะได้ และไม่ได้เป็นที่ 1 ของโลก แต่ฉันก็ยังรัก และติดตามเชียร์พวกเธอเสมอ

คอมเมนต์ที่ 10
การเล่นของทีมไทยดูเหมือนจะขาดความดุดัน เกมรับของดัตช์สูง และฉลาดมากๆ ซึ่งเกมนี้เราได้เห็นแล้วว่าหากพลาดเมื่อไร สาวไทย โดนทันที

คอมเมนต์ที่ 11
หลายครั้งที่เราได้เล่นว่า ผู้เล่นไทย ใช้แต่พละกำลังในการเข้าทำแต้ม บางทีพวกเธอควรเล่นด้วยชั้นเชิงที่มากกว่านี้ เพราะคู่ต่อสู้ตัวใหญ่ และสูงกว่า

คอมเมนต์ที่ 12
ฉันว่าเซตแรกคือจุดเปลี่ยน สาวไทย ใกล้ที่จะชนะได้แล้ว แต่สุดท้ายก็แพ้ไปและทำให้รูปเกมไปเข้าทาง เนเธอร์แลนด์

คอมเมนต์ที่ 13
ถึง ทีมไทย จะแพ้ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นต้นแบบให้กับ หลายชาติในอาเซียน รวมทั้งเวียดนามของฉัน พวกเธอคือความภูมิใจของพวกเรา

คอมเมนต์ที่ 14
เซตแรก ทีมสาวไทย เล่นกันได้ดีมากๆ แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ จากนั้น เซตสอง และเซตสาม เนเธอร์แลนด์ ก็เล่นกันได้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม

คอมเมนต์ที่ 15
ทีมไทยชุดนี้เหมือนขาดความนิ่ง และการควบคุมสถานการณ์ เมื่อไม่มี ต้อมคำ และ ถินขาว  (หมายถึง นุศรา ต้อมคำ และ ปลื้มจิตร์ ถินขาว) พวกเขาต้องมีผู้นำทีมที่ดีแบบนั้น

คอมเมนต์ที่ 16
ฉันนั่งดูเกมนี้จากญี่ปุ่น เซตแรกคือทุกสิ่งทุกอย่าง หากชนะได้ สถานการณ์คงแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม ทีมญี่ปุ่นของเราจะไม่ประมาทสาวไทยแน่นอน

คอมเมนต์ที่ 17
ทีมไทยแพ้เหมือนเคยเมื่อตกเป็นรองในเรื่องของรูปร่างนักกีฬาที่สูงกว่า นั่นคือปัญหาของพวกเขา

คอมเมนต์ที่ 18
นี่ไม่ใช่ทีมไทยที่สามารถเอาชนะ เซอร์เบีย ในปีที่แล้ว ดูเหมือนระดับการเล่นของพวกเธอจะลดลงในปีนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“น้ำแร่” มีประโยชน์มากกว่า “น้ำเปล่า” จริงหรือ

เราอาจจะเคยเห็นโฆษณาเกี่ยวกับการ ดื่มน้ำแร่ ตามธรรมชาติ ผ่านทางสื่อกันมาบ้างไม่มากก็น้อย น้ำแร่เหล่านี้มักจะโฆษณากันว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการดื่มน้ำเปล่าธรรมดา แต่ความจริงแล้ว การดื่มน้ำแร่ ดีต่อสุขภาพจริงอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า น้ำแร่มีประโยชน์มากกว่าน้ำเปล่าจริงหรือ หาคำตอบได้จากบทความนี้ของ Hello คุณหมอ ค่ะ

น้ำแร่ คืออะไร

น้ำแร่ (Mineral water) หมายถึงน้ำที่ได้จากแหล่งน้ำพุตามธรรมชาติ น้ำเหล่านี้เป็นน้ำที่สะสมอยู่ใต้พื้นดิน และผุดขึ้นมาในบริเวณตาน้ำ ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ คลอง บึง หรือทะเลสาบ ขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำและสภาพภูมิศาสตร์โดยรอบ

เช่นเดียวกันกับชื่อ น้ำแร่นั้นเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุผสมอยู่ ซึ่งชนิดและปริมาณของแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่นั้น อาจจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเป็นน้ำที่ได้จากแหล่งใด แต่โดยปกติแล้ว แร่ธาตุที่สามารถพบได้บ่อยๆ ในน้ำแร่ มักจะเป็นแร่ธาตุดังต่อไปนี้

  • แคลเซียม (Calcium)
  • แมกนีเซียม (Magnesium)
  • ไบคาร์บอเนต (Bicarbonate)
  • โซเดียม (Sodium)
  • โพแทสเซียม (Potassium)
  • คลอไรด์ (Chloride)
  • ฟลูออไรด์ (Fluoride)

นอกจากนี้ ในน้ำแร่ก็อาจจะมีส่วนผสมของคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้มีลักษณะซ่าคล้ายกับน้ำอัดลม แต่คาร์บอนไดออกไซด์เหล่านี้มักจะถูกกำจัดออกไปในระหว่างกระบวนการบรรจุขวด ทำให้ได้น้ำแร่ที่ไม่ซ่า และมีรสสัมผัสเหมือนกับน้ำเปล่าทั่วไปนั่นเอง

องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ตั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับน้ำแร่ว่า จะต้องเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุอยู่ไม่ต่ำกว่า 250 ส่วนต่อล้าน และไม่อนุญาตให้เติมแต่งแร่ธาตุเพิ่มเติมในระหว่างการบรรจุขวด จึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ

ข้อดีของการดื่มน้ำแร่

  • ดีต่อสุขภาพกระดูกและฟัน

ภายในน้ำแร่นั้นมักจะมีแร่แคลเซียมในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งแคลเซียมนี้ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญในการดูแลรักษาความแข็งแรงของกระดูกและฟัน การดื่มน้ำแร่จึงทำให้ร่างกายของเราได้รับแคลเซียมมากขึ้น แตกต่างจากการดื่มน้ำเปล่าที่ไม่มีแคลเซียมนั่นเอง ฟลูออไรด์ที่มีอยู่ในน้ำแร่ยังสามารถช่วยปกป้องฟันได้อีกด้วย

  • ดีต่อสุขภาพหัวใจ

มีงานวิจัยที่พบว่า การดื่มน้ำแร่อาจสามารถช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ภายในเลือด เพิ่มปริมาณของไขมันดี (HDL) นอกจากนี้ โพแทสเซียมที่สามารถพบได้ในน้ำแร่ ก็ยังอาจสามารถช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งล้วนแล้วแต่ก็ดีต่อสุขภาพหัวใจด้วยกันทั้งสิ้น

  • ช่วยแก้อาการท้องผูก

น้ำแร่ที่มีแมกนีเซียมสูง อาจสามารถช่วยป้องกันและรักษาอาการท้องผูกได้ โดยการช่วยดูดซึมน้ำมาสู่ลำไส้ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อของลำไส้ ทำให้อุจจาระนิ่ม และขับถ่ายได้ง่ายขึ้น

ข้อเสียของการดื่มน้ำแร่

  • อาจมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน

บางคนที่ดื่มน้ำแร่อาจจะมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากในน้ำแร่นั้นมักจะมีคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่มีคาร์บอนไดออกไซด์

  • อาจมีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก

น้ำแร่ตามธรรมชาติที่หาซื้อได้ส่วนใหญ่นั้น มักจะบรรจุอยู่ในขวดน้ำพลาสติก ขึ้นทำให้อาจมีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก (Microplastics) หรือพลาสติกขนาดเล็ก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ดื่มน้ำแร่ ดีกว่าดื่มน้ำเปล่า จริงเหรอ

หลายคนเชื่อว่า การดื่มน้ำแร่ นั้นได้ประโยชน์ มากกว่าการดื่มน้ำเปล่าธรรมดา เนื่องจากในน้ำแร่นั้นมีสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย จึงน่าจะดีกว่าการดื่มน้ำเปล่า ซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ไม่มีแร่ธาตุและสารอาหารใดๆ อยู่เลย

แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าการดื่มน้ำแร่อาจจะให้สารอาหารที่มากกว่าการดื่มน้ำเปล่าก็จริง แต่ปริมาณของแร่ธาตุที่สามารถพบได้ในน้ำแร่นั้น ก็ไม่ได้มากมายหรือแตกต่างไปจากแร่ธาตุที่เราอาจจะได้รับจากการรับประทานอาหารตามปกติเลย การดื่มน้ำแร่อาจจะแค่มีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณของแร่ธาตุเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีปริมาณมากเป็นพิเศษพอที่จะส่งผลอะไรต่อร่างกาย

ในทางกลับกัน บางคนที่เชื่อว่าการดื่มน้ำแร่ดีกว่าน้ำเปล่า ก็อาจจะดื่มน้ำแร่ในปริมาณที่มากเกินไป จนส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ ซึ่งอาจกลายเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

สุดท้ายนี้ น้ำแร่ก็เป็นเพียงแค่อีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมสารอาหารที่ร่างกายต้องการ หากคุณอยากเลือกที่จะดื่มน้ำแร่แทนการดื่มน้ำเปล่า ก็ควรเลือกดื่มแต่พอดี และรับประทานอาหารอื่นๆ ให้ครบหลักห้าหมู่เสียด้วย ร่างกายของเราจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ว่าด้วยเรื่อง Essay… หลักการเขียนให้เซียน

Essay ก็คือการเขียนเรียงความรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารประกอบการพิจารณารับคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาต่างประเทศ หรือ เป็นเครื่องรับรองว่าระดับภาษาอังกฤษของเราในด้าน Writing อยู่ในระดับใด ฉะนั้น เพื่อนๆ คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงเจ้า Essay ได้ แต่เราควรจะสนุกกับมัน อย่างเข้าใจและเรียนรู้ไปพร้อมกัน น่าจะเป็นทางที่ดีสุด ซึ่งวันนี้เรามีเทคนิคดีๆ จะมาแชร์กัน

ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจกับโครงสร้างกันก่อน

โครงสร้างของ essay มีดังนี้

1. Introduction คือ บทนำ เป็นส่วนแรกของเรียงความที่จะบอกเบื้องต้นว่าเรียงความนี้จะกล่าวถึงเรื่องอะไร

2. Body คือ ส่วนของเนื้อหา ใจความสำคัญต่างๆ จะเป็นส่วนที่ยาวที่สุดของเรียงความ อาจจะแยกย่อยเป็นหลายย่อหน้าก็ได้ แต่เมื่อผู้อ่านๆ แล้วจะต้องเข้าใจและได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น โดยจะประกอบด้วย 3 ส่วนย่อยคือ

  • Topic Sentence หรือหัวข้อเรื่องที่เราจะพูดถึงนั่นเอง
  • Supporting sentences เป็นตัวที่สนับสนุนหัวข้อหรือ Topic Sentence อาจจะมีการขยายความหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติม ยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น
  • Concluding sentences คือการสรุปย้ำใจความสำคัญของหัวข้อให้ผู้อ่านทราบอีกครั้ง

3. Conclusion บทสรุป เป็นการทบทวนและย้ำให้ผู้อ่านทราบว่าผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไรให้ผู้อ่านทราบ โดยเน้นรวบรวมใจความสำคัญจาก Introduction และ Body

เทคนิคการเขียนอย่างเซียน

  • เขียนบทนำให้ดึงดูด

Introduction คือการเขียนบทนำที่ถือว่าเป็นย่อหน้าแรกในการเขียน essay ซึ่งเรียกว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในการเขียนเพราะคุณจะต้องเขียนให้เข้ากับหัวข้อที่คุณตั้งไว้โดยที่ไม่ยาวจนเกินไป ซึ่งอาจจะใช้เวลาอ่านแค่เพียง 1-2 นาทีเท่านั้น รวมถึงเขียนให้ดึงดูดใจให้ผู้อ่านรู้สึกอยากที่จะอ่านต่อ นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเขียน Introduction นั้นก็คือการเขียน Main idea ไว้ในย่อหน้านี้โดยบอกให้ผู้อ่านได้ทราบว่าคุณต้องการจะกล่าวถึงอะไร แต่ให้ระวังว่าอย่าเขียนบทสรุปทุกอย่างไว้ที่ย่อหน้านี้เด็ดขาดค่ะ

  • เนื้อหากระชับ ไม่วกวน ไม่ออกนอกเรื่อง

ต่อจากการเขียนบทนำก็คงจะหนีไม่พ้นการเขียนในส่วนเนื้อหา หรือ Body นั่นเอง การเขียนส่วนย่อหน้านี้ถือว่าเป็นส่วนที่ยาวที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งคุณจะสามารถเขียนได้หลายย่อหน้า โดยการเขียนในส่วน Body จึงจำเป็นที่จะต้องมีใจความที่สมบูรณ์ กระชับได้ใจความ ไม่ซับซ้อน และสามารถลำดับขั้นตอนของเรื่องต่อเนื่องเป็นธรรมชาติตั้งแต่ต้นจนจบได้ดีโดยที่ไม่วกไปวนมา นอกจากนี้ไม่ควรเขียนนอกเรื่อง แต่ควรจะเขียนเนื้อหาให้เข้ากับ Main idea ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจได้อย่างครบถ้วนมากที่สุดค่ะ อย่าลืม Supporting sentences ทุกครั้งนะคะเวลาเขียน

  • เขียนบทสรุปให้ประทับใจ

Conclusion คือการเขียนบทสรุปที่เป็นส่วนย่อหน้าสุดท้ายของ essay เป็นการเน้นย้ำส่วนของใจความสำคัญ หรือ Main idea รวมถึงสรุปว่าเราเขียนถึงเรื่องอะไร นั่นก็คือหัวข้อที่เราเขียนนั่นเอง อีกทั้งยังสามารถเขียนทิ้งท้ายให้น่าสนใจโดยการใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนลงไปในนี้ได้ ซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงคำว่า “I think …” แต่อาจจะใช้คำว่า “In my opinion, …”แทน  โดยสามารถขึ้นต้นประโยคเด็ดๆทิ้งท้ายง่ายๆว่า “In conclusion, in my opinion…” แล้วต่อด้วยประโยคที่ขยายใจความ ซึ่งจะทำให้ Conclusion ของคุณดูน่าสนใจ และสร้างความประทับใจให้ผู้อ่านได้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

ส่วนสุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องคำศัพท์และไวยากรณ์ซึ่งถ้าหากเราฝึกการเขียนและติดตาม Engnow รับรองว่าจะต้องเขียนได้เป๊ะแน่นอน แล้วเจอกันตอนต่อไปของการเขียน Essay กันนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ภัยออนไลน์สร้างเสียหาย 3.2 หมื่นล้าน ทรูมันนี่ ตั้งการ์ดกันดูดเงิน 3 ชั้น

ทรูมันนี่ ยกระดับการปกป้องบัญชีลูกค้า เปิดตัว ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอม มั่นใจได้มากกว่า พร้อมแนะนำเทคโนโลยีอัจฉริยะภายใต้ความปลอดภัย TrueMoney Secure

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการทรูมันนี่ กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดเดือน เมษายน 2566 ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ระบุว่า ในช่วง 1 ปีที่ ผ่านมา มีปัญหาภัยออนไลน์แจ้งมายังเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 247,753 เรื่อง ขณะที่ผลการ อายัดบัญชีที่มีคำร้องทั้งหมด 74,129 บัญชี มีการขออายัด 54,017 บัญชี ยอดเงิน 6.9 พันล้านบาท และอายัดได้ ทัน 449 ล้านบาท หรือเพียง 6.4% ของยอดเงินที่มีการร้องขออายัด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 32,083 ล้านบาท

ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมธนาคารไทย ยังพบอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีการล่อลวงติดตั้งแอปเพื่อเข้ามาดูด ข้อมูล รวมถึงปลอมเป็นแอปการเงิน เพื่อเข้ามาควบคุมอุปกรณ์และแอปการเงินของผู้เสียหาย (ATO – Account Take Over) เพื่อดูดเงินจากบัญชี ส่งผลให้มีผู้เสียหายจากการตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย ราว 500 ล้านบาท

ทรูมันนี่ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีที่มอบความปลอดภัย ให้ความมั่นใจกับผู้ใช้ใน ทุกการใช้งาน ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ที่พัฒนาโดยบริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ร่วมกับผู้ให้บริการระบบความปลอดภัยชั้นนำของโลก อาทิ ‘ชิลด์’ (SHIELD) ซึ่งเป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยทาง ไซเบอร์ระดับโลก และ ‘โซลอส’ (ZOLOZ) ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก”

ทั้งนี้ ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ได้นำความชาญฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (AI – Artificial Intelligence) มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีวิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Engineering) เพื่อรวบรวม จำแนก และจดจำ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ พร้อมตรวจจับและสั่งการหากมีอะไรผิดปกติ และให้การปกป้องบัญชีผู้ใช้ถึง 3 ชั้น  ได้แก่

ชั้นที่ 1 –  ตรวจ : ว่าเป็นคุณตัวจริงที่เข้าใช้งานบัญชี

ตรวจ เพื่อยืนยันเข้าใช้งานบัญชีด้วยระบบยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ (secure log in) เช่น การเรียกสแกน หน้าเพื่อตรวจสอบข้อมูลชีวมิติ (Biometric – Face recognition)  ถึงมีมิจฉาชีพที่ล่อลวงจนรู้ OTP หรือ Pin Code แต่ก็ไม่สามารถล็อกอินบัญชีคุณได้ เพราะถูกระบบสแกนตรวจใบหน้าป้องกันไว้ นอกจากนี้ ระบบ ‘TrueMoney 3 x Protection’ ยังสามารถตรวจจับค่า IP address หรือ Location หากมีการเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ใช้งาน (secure device) ที่แตกต่างไปจากที่ผู้ใช้เจ้าของบัญชีได้ลงทะเบียนหรือใช้งาน

ชั้นที่ 2 –  จับ – มัลแวร์หรือแอปต้องสงสัย

จับ มัลแวร์ แอปดูดเงิน และแอปแปลกปลอมที่ไม่ปลอดภัย หากติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ใช้งานทรูมันนี่ และปฏิเสธการ อนุญาตเข้าใช้งาน

ชั้นที่ 3 –  หยุด – การทำธุรกรรมที่ผิดปกติ

หยุด หากมีการทำรายการที่ผิดปกติ ระบบ AI จะจำแนกและกำหนดค่าความเสี่ยง (Risk score) เพื่อตรวจสอบ ความผิดปกติจากประวัติการทำรายการย้อนหลัง และให้ลูกค้าทำการยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ หรือหยุด ยั้งรายการที่มีความผิดปกติ  เพื่อป้องกันการถูกดูดเงินออก

ด้านนายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายแรกๆ ที่เดินหน้าพัฒนาการระบบเทคโนโลยีเพื่อ ปกป้องบัญชี ของลูกค้า ที่ผ่านมาเราได้กำหนดให้มีสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เมื่อปลายปีที่แล้วเรายังได้จับมือกับ SHIELD ประกาศนำ ‘ระบบปฏิบัติ การความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับธุรกรรมการเงินบนอุปกรณ์มือถือ’ (Mobile Fintech Security Intelligence) มาใช้เป็นรายแรกของไทย”

“สำหรับการเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ถือว่าเป็นระบบเดียวที่มีในตลาด ขณะนี้ที่สามารถ ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอมได้ครบวงจร เนื่องจากทรูมันนี่ตระหนักดีว่า ถึงเราจะสร้าง แอปการเงินที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยในระดับสูง แต่มิจฉาชีพก็อาจล่อลวงให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อและ เผลอให้ ข้อมูลสำคัญที่ทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงบัญชีได้ ดังนั้นการสร้างระบบที่สามารถผสานข้อมูลและระบบความปลอดภัย ให้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำธุรกรรม พร้อมช่วยผู้ใช้จำกัดและหยุดความเสียหายแม้พลาดตกเป็นเหยื่อ”

โดยทรูมันนี่ยังมีการให้บริการสายด่วน 1240 กด 6 เพื่อรับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงิน และแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จริงหรือที่ AI กำลังเข้ามาช่วงชิงความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบ?

‘AI กำลังจะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์’ ประโยคนี้เพียงประโยคเดียวก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับมนุษย์เงินเดือนหรือแรงงานรายวันจนรู้สึกเสียวสันหลังกันเป็นแถบ ๆ แล้วมนุษย์ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักสร้างสรรค์จะสามารถปรับตัวกับความชาญฉลาดของเทคโนโลยีอย่าง AI ได้หรือไม่ บทความนี้เราจะมาล้วงลึกความสามารถของ AI ที่กำลังแทรกซึมในวงการออกแบบ-ก่อสร้างกัน

ทำความรู้จักกับ AI

AI หรือ Artificial Intelligence หรือตามพจนานุกรมที่ถูกบัญญัติไว้ว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทดแทนกระบวนการทำงานของมนุษย์ ทั้งในการคิดคำนวณ การวิเคราะห์ข้อมูล การแก้ไขปัญหา และการตัดสินใจ

วิธีการทำงานที่ครอบจักรวาลเหล่านี้สถาปนิกคงคิดหนักกันพอสมควร ทว่าปัญญาประดิษฐ์สามารถเข้ามาทดแทนมันสมองของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยหรือ Mike Mendelson อาจารย์และศิษย์เก่าแห่ง Nvidia Deep Learning Institute ให้ความเห็นว่า “คอมพิวเตอร์ไม่ได้ฉลาดพอที่จะใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในโปรเจกต์เหมือนกับมนุษย์หรอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบของมันช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้ดีทีเดียว” ฟังดูอาจจะยังสับสนว่าสรุปแล้วเจ้า AI ที่ว่านี้จะเข้ามาแทนที่ฝีมือนักออกแบบหรือมาช่วยให้งานดีไซน์เจ๋งไปอีกขั้น คงต้องมาดูว่า AI สามารถทำอะไรได้บ้าง

AI ในวงการออกแบบ-ก่อสร้าง

  1. ย่นระยะเวลาการทำงาน

ปกติการออกแบบโปรเจกต์สักโปรเจกต์หนึ่งต้องใช้ระยะเวลานาน โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมายที่มักมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ทว่า AI สามารถให้ฐานข้อมูลที่อัปเดตทำให้ขั้นตอน pre-design รวดเร็วขึ้น

  1. ซอฟต์แวร์ออกแบบโมเดลตระกูล BIM

ซอฟต์แวร์ออกแบบโมเดลที่ถูกพัฒนาขึ้นในปัจจุบันโดยการรวมตัวของแบบจำลองระบบ 2D และ 3D ไปจนถึงในส่วนของรายละเอียดข้อมูลให้รวมกันเป็นระบบเดียว สามารถตอบสนองกระบวนการออกแบบในวงการสถาปัตยกรรมให้มีอิสระยิ่งขึ้น

และ Grasshopper ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยที่จะช่วยในการคาดเดา คำนวณ และลองผิดลองถูกในการออกแบบโปรเจกต์ต่าง ๆ

  1. การวางผังเมือง

ความฉลาดของ AI ยังมีประโยชน์ต่อสถาปนิกผังเมืองให้สามารถออกแบบถนนหนทาง การจัดวางผังเมือง โดยการคำนวณจากรูปแบบการจราจรหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่อัปเดตแบบเรียลไทม์

  1. โครงสร้างพื้นฐาน

การวางแผนและจัดการเมืองจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวน้อยลงเพราะ AI สามารถคำนวณและประมวลผลเพื่อการสร้างแหล่งสาธารณูปโภค ยิ่งกว่าไปนั้นเมื่อมีการผสมผสานการทำงานของเทคโนโลยี 2 ประเภทอย่าง Generative AI และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาอย่างล้ำสมัยในปัจจุบัน ทำให้ลดระยะเวลาในขั้นตอนการวางแผน ไม่ว่าโปรเจกต์นั้นจะมีความซับซ้อนมากเพียงใด

  1. งานก่อสร้าง

AI ถูกใช้สังเกตการณ์กระบวนการทำงานในไซต์ก่อสร้าง เตือนภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และความคืบหน้าของงานก่อสร้าง ไม่เพียงเท่านั้น AI ยังถูกนำมาปรับใช้ในการสร้างที่พักอาศัยผ่านงาน 3D Printer ซึ่งพัฒนาโดยหลักการใช้พิมพ์พลาสติก 3 มิติ

AI vs มนุษย์

เมื่อไล่สายตาอ่านและขบคิดมาจนจบบทความอาจดูเหมือนว่าวงการออกแบบ-ก่อสร้างกำลังถูกคุกคามโดยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดเทียบเท่ากับมันสมองของมนุษย์ ถึงอย่างนั้น จงอย่าลืมว่าอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้มนุษย์โดดเด่นจากสิ่งมีชีวิตประเภทอื่นบนโลก คือ ระบบความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นปัจเจก ไม่ซ้ำใคร ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ประกอบกับความเข้าใจในบริบทของสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม ส่งผลให้การทำงานในแต่ละโปรเจกต์มีเอกลักษณ์ อย่างที่ Kåre Stokholm Poulsgaard – Head of Innovation ที่ GXN ได้กล่าวไว้ว่า

“เราต้องยอมรับว่า AI ไม่ได้ฉลาดหรือมีความรู้สึกนึกคิดเทียบเท่ากับมนุษย์ มีบางสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทดแทนความสามารถของเราได้ ในอีกแง่หนึ่ง เราก็ไม่สามารถปฏิเสธความน่าทึ่งของเทคโนโลยีได้เช่นกัน”

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/06/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,000.0032,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,073.0031,426.6832,600.00
ทองรูปพรรณ 90%1,865.7028,284.01n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,658.4025,141.34n/a
ทองรูปพรรณ 50%933.0014,144.28n/a
ทองรูปพรรณ 40%726.0011,006.16n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,148.0032,563.68n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/06/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.1535.1535.6435.1535.1535.1535.1535.1535.1535.15
แก๊สโซฮอล์ 9134.8834.8835.3434.8834.8834.8834.8834.8834.8834.88
แก๊สโซฮอล์ E2032.8432.8433.2432.8432.8432.8432.8432.8432.84
แก๊สโซฮอล์ E8533.2933.2933.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.6446.3446.9446.4442.64
เบนซิน 9542.9443.8143.4443.0942.94
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.3642.3641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59



 

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า