แลนด์แอนด์เฮ้าส์เลื่อนเปิดเดอะ คีย์ศรีนครินทร์ ลุยคอนโดหรูริมน้ำเดอะ รูม
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปรับแผนรับอสังหาปีนี้ไม่สดใส เลื่อนเปิดเดอะ คีย์ศรีนครินทร์หันลุยคอนโดหรูริมน้ำ เดอะ รูม พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ครึ่งปีหลังเชื่อการเมืองไทยมีทางออกล่าสุดผนึกเดลต้าส่งนวัตกรรมกรองฝุ่นพีเอ็ม 2.5 บ้าน15 ล้านจับกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก คนเลี้ยงสัตว์
นายชัยยุทธ ชินมหาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 อยู่ในสภาวะไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมาจึงมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อความเหมาะสม โดยเลื่อนการเปิดคอนโดมิเนียม เดอะ คีย์ (The Key) ศรีนครินทร์ มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 12 ไร่ ติดถนนศรีนครินทร์ตัดถนนพระราม 9 พร้อมทบทวนแผนการทำตลาดใหม่อีกครั้ง
ขณะเดียวกันนี้ได้เร่งพัฒนาโครงการคอนโดริมน้ำภายใต้แบรนด์ เดอะ รูม (The Room) ให้ทันไตรมาส 4 เชื่อว่าเป็นเซ็กเมนต์ที่ขายง่ายกว่าคอนโดในทำเลทั่วไป และเตรียมพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ครึ่งปีหลังตามแผน
“ต้องยอมรับว่าตลาดปีนี้ไม่ได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ช่วงครึ่งปีแรกหลายบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่น้อย ครึ่งปีหลังน่าจะมีการเปิดตัวโครงการมากขึ้น ส่วนสถานการณ์การเมืองไทยเชื่อว่ามีทางออกเสมอ”
ล่าสุด ผนึกเดลต้าพัฒนานวัตกรรมกรองฝุ่น PM 2.5 โครงการบ้านมัณฑนา ที่มีระดับราคาเฉลี่ย 15 ล้านบาท เจาะกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กและคนที่เลี้ยงสัตว์ ด้วยระบบควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร AirPlus2 (AirPlus Square) กว่า 100 โครงการในโครงการบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโด ซึ่งจะครอบคลุมภายใน 2 ปีต่อจากนี้
ทั้งนี้ 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่ง แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ศึกษาค้นคว้าและทดลอง เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่เข้ามาภายในบ้านให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานกรมควบคุมมลพิษประเทศไทย และอัตราการระบายอากาศที่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของ ASHRAE 62
โดยทำงานร่วมกับทีมงานมืออาชีพทั้งด้านเทคโนโลยีอาคารเขียว เพื่อให้ได้การทำงานของระบบที่มีประสิทธิภาพสูง งบประมาณเหมาะสม สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนไทย ที่สำคัญ อนุรักษ์พลังงาน
สำหรับนวัตกรรม AirPlus2 ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทำให้สุขภาวะและความเป็นอยู่ของลูกบ้าน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โดยใช้เทคโนโลยีพัดลมมอเตอร์ DC ของเดลต้าที่ประหยัดพลังงาน รวมทั้งเทคโนโลยี Constant Airflow ที่นำอากาศใหม่จากนอกบ้านประกอบไปด้วยออกซิเจนเข้าสู่แต่ละห้องภายในบ้านได้ พร้อมลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ฝุ่นละออง และมลพิษภายในบ้าน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
บ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติเนื้อหอม!เพอร์เฟคผุด6โครงการขยายฐานลูกค้า
เพอร์เฟค ลุยพัฒนาสินค้าใหม่ใน 6 โครงการบ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าตลาดบ้านหรูเปลี่ยน เน้นเลือกบ้านทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ ครึ่งปีหลังเปิดแบบบ้านใหม่ โครงการใหม่ เพิ่มความหลากหลาย หวังขยายฐานลูกค้าร่วมกับโรงเรียนนานาชาติโดยตรง
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าโครงการบ้านระดับบน โดยลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูง เจ้าของกิจการ และกลุ่ม Expat เพิ่มเติมคือนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มนี้จะนิยมโครงการทำเลเมืองหรือทำเลที่ใกล้สถานที่ทำงาน แต่ปัจจุบันมีแนวคิดในการเลือกที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติชื่อดังเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ โดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยในการส่งบุตรหลานไปยังสถานศึกษา ประหยัดเวลาในการเดินทาง เพื่อให้มีเวลากับการเรียนและทำกิจกรรมมากขึ้น
“บริษัทมีโครงการบ้านหรูบนทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติถึง 6 โครงการ และมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ”
โดยล่าสุด โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพ หรือ SISB ซึ่งซื้อที่ดินบนถนนหอการค้าไทย จากบริษัท ได้เปิด “โรงเรียนนานาชาติเอสไอเอสบี นนทบุรี” การเปิดตัวของโรงเรียนแห่งใหม่สร้างความคึกคักเพิ่มขึ้นให้กับโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน ทั้ง เลค เลเจ้นด์ แจ้งวัฒนะ และ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ แจ้งวัฒนะ ซึ่งอยู่หน้าโรงเรียนนานาชาติ
บริษัทยังมีโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ที่สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่อาศัยในทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ได้แก่ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา ทำเลที่เป็นแหล่งรวมโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง
เช่น เวลลิงตันคอลเลจ ไบรท์ตันคอลเลจ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ รามคำแหง ซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา หรือ RIS โรงเรียนนานาชาติเก่าแก่ที่เปิดมาแล้ว 66 ปี เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ สุขุมวิท 77 อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติชาร์เตอร์ และโรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน
รวมถึง เลค เลเจ้นด์ บางนา-สุวรรณภูมิ อีกหนึ่งทำเลที่มีโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่จำนวนมาก โดยโครงการยังอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ โรงเรียนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนพัฒนาสินค้าในโครงการกลุ่มลักซ์ชัวรี่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ เพื่อเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น ทั้ง การเปิดตัวแบบบ้านใหม่ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดพื้นที่ครึ่งไร่ ราคา 80 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 850 ตร.ม.
ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในทำเลกรุงเทพกรีฑา เพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ มีการเพิ่มคฤหาสน์หรูที่ดินขนาดใหญ่กว่าครึ่งไร่ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ รามคำแหง มีการเปิดคิดส์คลับสโมสรสำหรับเด็กในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ สุขุมวิท 77 และจะมีการเปิดโครงการใหม่ “วาวิล่า สุขุมวิท 77” เพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ เป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ ใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่ ประกอบด้วย บ้านขนาด 400 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท และ บ้านขนาด 557 ตร.ม. พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 33 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนรุกทำการตลาดร่วมกับโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ทั้ง เอสไอเอสบี ร่วมฤดีวิเทศศึกษา บรอมส์โกรฟ เวลลิงตันคอลเลจ และ ไบรท์ตันคอลเลจ เพื่อสื่อสารโดยตรงไปยังกลุ่มผู้ปกครองนักเรียน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 19 ก.ค. “แข็งค่า”ที่ระดับ 34.05 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเผชิญความผันผวนในช่วงบ่ายวันนี้ หากตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษชะลอมากกว่าคาดอาจทำให้เงินปอนด์อ่อนค่า ช่วยหนุนดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ไฮไลท์สำคัญผู้เล่นในตลาดรอติดตาม ผลการโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 2 ของไทย
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 19ก.ค.2566 ที่ระดับ 34.05 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีโมเมนตัมการแข็งค่าที่ชัดเจน (มากกว่าที่เราคาดไว้มาก) ทำให้เงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดทุกโซนแนวรับที่เราประเมินไว้ อย่างไรก็ดี เราเริ่มเห็นแรงซื้อของบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะผู้นำเข้ากลับเข้ามาบ้าง
โดยเฉพาะในช่วงโซน 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ช่วงดังกล่าวอาจยังพอเป็นแนวรับได้บ้าง แต่หากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นหลุดโซนดังกล่าว เรามองว่า แนวรับถัดไปก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ (ช่วง 13.00 น.) ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ และค่าเงินดอลลาร์ผันผวนได้พอสมควร หากอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เช่น อัตราเงินเฟ้อชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจทำให้ เงินปอนด์ อ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งก็พอจะช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน
และที่สำคัญ ควรติดตามผลการโหวตนายกฯ รอบที่ 2 ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทเผชิญความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการโหวตได้
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงรับรู้รายงานผลประกอบการ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.85-34.15 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 33.96-34.23 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ล่าสุดออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ตลาดยิ่งคาดหวังว่าเฟดจะใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด หลังสถาบันการเงินใหญ่สหรัฐฯ ต่างรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด
ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะ สถาบันการเงินใหญ่สหรัฐฯ อย่าง Morgan Stanley +6.5%, BofA +4.4% ที่ต่างรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด นอกจากนี้ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงคาดหวังว่า เฟดใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ย จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ทั้งยอดค้าปลีกและยอดผลผลิตอุตสาหกรรมที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้หนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวขึ้นต่อ ทำให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.71%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 รีบาวด์ขึ้น +0.62% นำโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะ Novartis +4.6% ที่ได้แรงหนุนจากการปรับคาดการณ์ผลกำไร อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปนั้นถูกกดดันโดยการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (L’Oreal -1.4%, Hermes -1.4%) ตามความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน
ในฝั่งตลาดบอนด์ บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ระยะยาวในช่วงที่ผ่านมาบ้าง แม้ว่าโดยรวมผู้เล่นในตลาดจะยังคงเชื่อว่า เฟดจะใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อยใกล้ระดับ 3.80% อีกครั้ง ซึ่งเราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอทยอยเข้าสะสมการลงทุนในบอนด์ระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.00% อีกครั้ง ก็จะเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจมาก
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยรวมแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 99.9 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 99.7-100.1 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา) ซึ่งเรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์อาจมาจากการปิดสถานะ Short USD ของผู้เล่นบางส่วนในตลาด เพื่อขายทำกำไรได้ ทั้งนี้ แม้เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ก็มีจังหวะอ่อนค่าลงในช่วงที่ตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ในส่วนของราคาทองคำ การย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าคาด ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ปรับตัวขึ้นมาใกล้โซน 1,980-1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นบางส่วนเริ่มทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อจากฝั่งยุโรป (ยูโรโซนและอังกฤษ) เพื่อประเมินโอกาสธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเรามองว่า มีโอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ +50bps ในรอบการประชุมเดือนสิงหาคม หากอัตราเงินเฟ้อ CPI และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เดือนมิถุนายน ชะลอลงไม่มากนัก สู่ระดับ 8.2% และ 7.1% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม คือ การโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 2 ของไทย ซึ่งเรามองว่า ผลการโหวตอาจยังคงสะท้อนภาพสถานการณ์การเมืองไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน และชี้ว่าการโหวตเลือกนายกฯ อาจมีความยืดเยื้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินและฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่ากลับมาอยู่ที่ระดับประมาณ 34.13-34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแข็งค่าผ่านแนว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนครั้งใหม่ที่ 33.96 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่ากลับมา ขณะที่ตลาดรอติดตามประเด็นทางการเมืองของไทยอย่างใกล้ชิด ประกอบกับสกุลเงินเอเชียบางส่วนอ่อนค่าลงตามเงินหยวน ซึ่งกลับมาถูกกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่เปราะบางของจีน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.80-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของอังกฤษและยุโรป รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อูโปรลีก ประกาศเซ็นสัญญา “ซาร่า” นุศรา ต้อมคำ บู๊ซีซั่น 3 เริ่มต้นเดือนตุลาคมนี้
Athletes Unlimited หรือ อูโปรลีก ลีกวอลเลย์บอลอาชีพในสหรัฐฯ ประกาศเซ็นสัญญา “ซาร่า” นุศรา ต้อมคำ มือเซตระดับตำนานทีมชาติไทยเป็นหนึ่งใน 44 ผู้เล่นที่จะลงแข่งขันในซีซั่นที่ 3 ร่วมกับ เบธาเนีย เด ลาครูซ แชมป์เก่าชาวโดมินิกัน, โทรี่ ดิ๊กสัน, เวลิสซ่า กอนซาก้า (ซาสซ่า) และ มอร์แกน เฮนต์ซ ผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปี
รายการนี้ นักกีฬาจะไม่มีสังกัดทีมตายตัว แต่จะดูจากคะแนนความสามารถส่วนบุคคลที่ทำได้ในแต่ละสัปดาห์เป็นตัวตั้ง ผู้เล่นคนใดที่ติด 4 อันดับแรกของตารางจะได้เป็นกัปตันทีมและได้สิทธิ์เลือกลูกทีมลงแข่งในสัปดาห์ถัดไป ผู้เล่นที่ทำคะแนนรวมสูงสุดหลังจบฤดูกาลคว้าแชมป์ไปครอง โดย นุศรา เข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และได้รับการดราฟต์ในรอบแรกทุกสัปดาห์ ก่อนที่จะทำคะแนนรวมเป็นอันดับ 5 ตอนจบฤดูกาล
สำหรับปีนี้ อูโปรลีก วอลเลย์บอล จะมีขึ้นที่ เลกาซี่ พาร์ค เมืองเมซ่า รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา แข่งขันกันทั้งหมด 30 แมตช์ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมถึง 6 พฤศจิกายน
ทำความรู้จักอูโปรลีกเกี่ยวกับระบบการแข่งขัน กติกา และการให้คะแนนเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://bit.ly/3JwhcYF
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
7 ข้อที่ไม่ควรทำหลังการทานอาหาร
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังกินอิ่ม เพื่อสุขภาพที่ดีห่างไกลโรค ด้วย 7 วิธีต่อไปนี้
1.อย่าสูบบุหรี่ จากผลการทดลองของผู้เชี่ยวชาญพบว่า การสูบบุหรี่หลังอาหาร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ยามปกติถึง 10 มวน (ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น ซึ่งสูบปกติก็มีโอกาสเป็นอยู่แล้ว)
2. อย่ากินผลไม้ทันทีหลังอาหาร เพราะมันไปพองในท้องคุณ ให้กินผลไม้ 1 หรือ 2 ชม. ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้จะดีกว่า
3. อย่าดื่มน้ำชา เพราะว่าใบชามีความเป็นกรดสูง ทำให้โปรตีนในอาหารที่เรากินกระด้างขึ้นทำให้ย่อยยาก
4. อย่าขยายเข็มขัดหลังกินอิ่ม เพราะเป็นเหตุให้ลำไส้ไม่ปกติ
5. อย่าอาบน้ำหลังกินข้าว เพราะการอาบน้ำ จะทำให้โลหิตไหลเวียนไปที่มือ และเท้าทั่วร่างกาย เป็นเหตุให้ปริมาณโลหิตไหลเวียนบริเวณท้องก็เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่
6. อย่าเดินหลังอาหาร แม้คุณจะเคยได้ยินว่า กินข้าวแล้วให้เดินสัก 100 ก้าวจะทำให้อายุยืนถึง 99 ปี !?! การเดินทันทีทำให้การย่อยเพื่อดูดซึมสารอาหารทำได้ไม่ดี ควรรออย่างน้อยสักชั่วโมงค่อยเดินถ้าต้องการ
7. อย่านอนทันที อาหารที่รับประทานเข้าไปไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ อาจทำให้เกิดลมหรือแก๊สในทางเดินอาหาร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์น่ารู้: สิ่งของในห้องนอน
1. bolster โบลส์-เตอะ หมอนข้าง
หรือจะใช้คำว่า long pillow แทนก็ได้ค่ะ แต่สำหรับหมอนหนุนหัวต้องเป็น pillow นะ
2. wardrobe วอ-โดรบ ตู้เสื้อผ้า
หรือจะใช้คำว่า closet ก็แปลว่าตู้เสื้อผ้าเหมือนกันค่ะ
3. bunk bed บังค์-เบ้ด เตียงนอน 2 ชั้น
สำหรับเด็กบางคนจะชอบนอนเตียงบนมากกว่าค่ะ เพราะมีความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าตื่นไปเข้าห้องน้ำกลางดึก แล้วลืมว่านอนอยู่เตียงบนนี่ยุ่งเลยนะ
4. duvet ดู-เฟ้ท ผ้านวม
ไม่ใช่ผ้านวมธรรมดานะคะ แต่เป็นผ้านวมที่ทำจากขนเป็ด eider ทำให้เรียกได้อีกอย่างว่า eiderdown หรือจะเอาแบบผ้านวมธรรมดาก็ให้ใช้ quilt ค่ะ
5. sheet ชีท ผ้าปูที่นอน
หรือใช้ bedspread ก็ได้ แต่ถ้าจะเรียกผ้าห่มต้องเป็น blanket ค่ะ
6. mystic symbol มิสติค-ซิมโบล ผ้ายันต์
อันนี้อาจเห็นได้หน้าห้องนอนของผู้ใหญ่ที่เชื่อใน เครื่องรางของขลัง (talisman) กันนะคะ
เห็นรึยังคะ ว่าใน bedroom ของเราไม่ได้มีแค่ bed อย่างเดียวนะ คราวหน้าจะนำคำศัพท์ทั่วไปในชีวิตประจำวันมาฝากอีก แต่จะเป็นอะไรติดตามได้ที่ DailyEnglish ทุกวันเลยจ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
เปิด Cruise Control ช่วยประหยัดน้ำมันได้จริงหรือไม่?
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control เริ่มติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถรุ่นใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเมื่อขับขี่ทางไกลได้เป็นอย่างดี แต่หลายคนยังมีข้อสงสัยว่าการเปิดระบบครูซคอนโทรล จะทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากกว่าหรือน้อยกว่าการเลี้ยงคันเร่งด้วยตัวเอง บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตามความเร็วที่กำหนดไว้โดยอัตโนมัติ ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งค้างไว้ตลอดเวลา และเมื่อใดก็ตามที่ผู้ขับขี่มีการแตะเบรก ระบบดังกล่าวจะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่รถยุคใหม่มีการอัปเกรดเป็นระบบ Adaptive Cruise Control ซึ่งใช้กล้องหรือเรดาร์ในการตรวจจับรถที่อยู่ด้านหน้า และจะปรับความเร็วตามรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องแตะเบรกเมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็วลง และจะกลับไปใช้ความเร็วที่ตั้งไว้อีกครั้งโดยอัตโนมัติเมื่อทางโล่ง
เปิด Cruise Control ช่วยประหยัดน้ำมันได้หรือไม่?
คำถามที่ว่าการเปิดใช้งานระบบ Cruise Control (เอาเฉพาะระบบ Cruise Control ปกติที่ไม่ใช่ระบบปรับความเร็วอัตโนมัติตามคันหน้า) จะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเมื่อเทียบกับการเลี้ยงคันเร่งด้วยตัวเองหรือไม่นั้น อันที่จริงแล้วไม่มีคำตอบที่ตายตัว เนื่องจากมีความเป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี ทั้งเปลืองน้ำมันกว่าและประหยัดน้ำมันกว่า โดยมีเหตุผลหลักๆ อันจะกล่าวถึงดังต่อไปนี้
กรณีแบบไหนที่ Cruise Control ประหยัดน้ำมันมากกว่า?
หากเป็นการขับรถบนทางเรียบ สภาพการจราจรคล่องตัว ไม่มีรถตัดหน้าไปมา อันเป็นเหตุให้ต้องแตะเบรกอยู่บ่อยๆ แล้วล่ะก็ การเปิดใช้ระบบ Cruise Control จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า เนื่องจากหัวใจหลักของการขับประหยัดขณะขับขี่ทางไกล คือการประคองความเร็วให้คงที่สม่ำเสมอ ไม่เพิ่มหรือลดความเร็วโดยไม่จำเป็น ซึ่งระบบครูซคอนโทรลสามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยขจัด Human Error ที่อาจเผลอเพิ่มน้ำหนักเท้าขวาโดยไม่ตั้งใจได้
แล้วกรณีแบบไหนที่ Cruise Control กินน้ำมันมากกว่า?
หากเป็นการขับขี่บนถนนที่มีเนินชันสลับขึ้นลงไปมา หรือถนนที่มีลมพัดแรง กรณีเช่นนี้การเปิดใช้งานระบบ Cruise Control จะทำให้รถกินน้ำมันมากกว่า เนื่องจากระบบจะคอยรักษาความเร็วให้ได้ตามที่ตั้งไว้ตลอดเวลา แตกต่างจากการควบคุมโดยมนุษย์ที่จะยังคงเหยียบคันเร่งเท่าเดิม แล้วปล่อยให้ความเร็วค่อยๆ ลดลงเล็กน้อยแทน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้รถกินน้ำมันน้อยกว่า
แล้วมีวิธีไหนอีกที่จะช่วยประหยัดน้ำมันได้?
การขับรถประหยัดน้ำมันสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงปฏิบัติตามข้อแนะนำ 5 ข้อ ดังนี้
1. ไต่ระดับความเร็วอย่างช้าๆ – หลีกเลี่ยงการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง หากเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ควรประคองคันเร่งให้เกียร์เปลี่ยนที่รอบเครื่องยนต์ประมาณ 1,800 – 2,500 รอบต่อนาที ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลไม่ควรเกิน 2,000 รอบต่อนาที ก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานโดยทั่วไป
2. รักษาความเร็วคงที่ – ความเร็วที่ประหยัดน้ำมันที่สุดจะอยู่ในช่วง 90 – 100 กม./ชม. พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการเพิ่มหรือลดความเร็วโดยไม่จำเป็น เว้นระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยลดการแตะเบรกลงได้
3. ตรวจสอบลมยางสม่ำเสมอ – การปล่อยให้ลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ แต่หากต้องการความประหยัดเพิ่มขึ้น สามารถเติมลมยางมากกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ประมาณ 2 – 4 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) จะช่วยลดแรงต้านทานของยางได้ โดยไม่ทำให้รถกระด้างมากจนเกินไป
4. เพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้อุ่นขึ้นเล็กน้อย – ระบบปรับอากาศต้องใช้พลังงานมากในการทำความเย็น จึงควรปรับแอร์ให้เย็นแต่พอดี จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ และลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ลงได้มาก
5. วางแผนเส้นทางล่วงหน้าเสมอ – ตรวจสอบเส้นทางรถติดผ่าน Google Maps รวมถึงเลือกใช้เส้นทางที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้ทางลัดโดยไม่จำเป็น เพราะทางลัดโดยส่วนมากจะมีขนาดเล็ก หรือตัดผ่านชุมชน ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการขับขี่ที่ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น
หวังว่าเคล็ดลับทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะช่วยให้คุณขับรถได้ประหยัดน้ำมันขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“คีรีธารา” ร้านอาหารไทยโบราณ สื่อความเป็นไทยผ่านสถาปัตยกรรมโดย IDIN Architects
คีรีธารา ร้านอาหารไทยโบราณติดริมแม่น้ำแควที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติอาหารแต่ยังรวมไปถึงโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่ดึงดูดสายตาผู้มาเยือน คีรีธารารูปทรงสะดุดตานี้สร้างมาทดแทนสาขาเดิมในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จในจังหวัดกาญจนบุรีที่เจ้าของได้ตัดสินใจรักษาวัฒนธรรมไทยดั้งเดิมภายใต้รูปแบบของอาคารที่สอดคล้องกับอาหารไทยที่เสิร์ฟภายในร้าน
การออกแบบอย่างสร้างสรรค์และเน้นฟังก์ชันอย่างมีสไตล์
ร้านอาหารมีขนาดใหญ่กว่าพันตารางเมตรเพื่อรองรับการขยายโครงสร้างเพื่อใช้งานได้อย่างเต็มที่
ความต้องการหลักไม่ใช่แค่สถานที่ที่สามารถรองรับการบริการกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่และกิจกรรมที่หลากหลาย แต่เนื่องจากพื้นที่อยู่ติดกับแม่น้ำแคว การใช้ประโยชน์จากทิวทัศน์นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโซนรับประทานอาหารทั้งในร่มและกลางแจ้ง
กระบวนการออกแบบเริ่มต้นจากการค้นหาทำเลที่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดสำหรับการบริการ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้นหนึ่ง เมื่อรวมกับเพดานที่สูงทำให้มีตัวอาคารมีขนาดใหญ่จนเต็มพื้นที่และบดบังทัศนียภาพของแม่น้ำ สถาปนิกจึงจัดวางฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ ไว้บนชั้นสอง ทั้งห้องครัวและมีบันไดขนาดใหญ่นำเล่าผู้มาเยือนไปยังโถงทางเข้าชั้นสอง
ห้องโถงต่อตรงไปยังโถงจัดเลี้ยงบนชั้นที่ 3 ที่ล้อมรอบด้วยเฉลียง พื้นที่ส่วนระเบียงถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่รับประทานอาหารตามชั้นต่าง ๆ ทำให้เห็นวิวริมฝั่งแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของชั้นสามเป็นห้องจัดเลี้ยงถูกจัดวางไว้สำหรับจัดงานต่าง ๆ เช่น งานสัมมนาหรืองานแต่งงาน
สร้างบรรยากาศความเป็นไทยด้วย “ความรู้สึก” และ “อารมณ์”
อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือการใส่ความเป็นไทยเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่ซึ่งถือเป็นความท้าทาย โดยตามธรรมเนียมแล้วอาคารทรงไทยขนาดใหญ่ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมักจะเป็นวัดหรือพระราชวัง ส่วนบ้านทรงไทยจะมีขนาดเล็กและมักจะอยู่รวมกันเป็นกระจุก สถาปนิกจึงนำ “ความรู้สึก” และ “อารมณ์” ของสถาปัตยกรรมไทยมาใช้ในพื้นที่ใช้สอยเพื่อขับเน้นบรรยากาศความเป็นไทยให้กับผู้ใช้มากกว่าการใช้สัดส่วนโดยตรงหรือองค์ประกอบตกแต่งจากสถาปัตยกรรมไทย
การตีความดังกล่าวทำให้ได้หลังคาทรงจั่วโค้งขนาดใหญ่ที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งาน แนวสันกลางอยู่เยื้องกันและอยู่กึ่งกลางตามทางเข้าหลัก เอียงเล็กน้อยเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องผ่าน สร้างแนวแกนเป็นลำแสงไปทางแม่น้ำ ด้านยาวของหลังคาทรงจั่วค่อย ๆ ลาดลงมาถึงพื้น ซึ่งทำให้คล้ายกับการลดขนาดหลังคาลง นอกจากนี้ หลังคาลาดเอียงริมแม่น้ำยังทำหน้าที่เป็นบันไดให้ผู้ใช้เข้าถึงบาร์บนชั้นดาดฟ้าและชั้นดาดฟ้า
- Architects: IDIN Architects
- Photographs:DOF Sky|Ground
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/07/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,850.00 | 31,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,063.00 | 31,275.08 | 32,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,856.70 | 28,147.57 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,650.40 | 25,020.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 928.00 | 14,068.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 722.00 | 10,945.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,138.00 | 32,412.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/07/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 | 36.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.64 | 34.64 | 34.64 | 34.64 | 34.64 | – | 34.64 | 34.64 | 34.64 | 34.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.09 | 35.09 | – | – | – | – | – | – | – | 35.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.94 | 46.74 | 46.94 | 46.84 | – | – | – | – | – | 42.94 |
เบนซิน 95 | 44.74 | – | – | – | 45.51 | – | 45.24 | 44.89 | – | 44.74 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 38.94 | 39.94 | 39.94 | 39.94 | 39.94 | – | – | – | – | 38.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |