เขย่าทำเล”อารีย์” เดือด PROUDเปิดบ้านหรูกลางใจเมืองหลังละเฉียด 100ล้าน
เขย่าตำนานบ้านหรูใจกลางอารีย์ “PROUD “เปิดโครงการ วี อารีย์ บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูง ไร้คู่แข่ง ที่ไม่เคยมีมาก่อน
“อารีย์” หนึ่งในชุมชน เก่าแก่ ย่านธุรกิจการค้าสำคัญของกรุงเทพมหานครที่ยังมีความคลาสสิก และแม้ปัจจุบันจะมีความเจริญแผ่ขยายเข้ามาแต่ มองว่า คนกลุ่มคนในพื้นที่และคนที่ชื่นชอบความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะย่าน ส่งให้บริษัทพัฒนาที่ดินออกแบบโครงการตอบโจทย์ความต้องการให้กลมกลืนกับความเป็นชุมชนดั่งเดิม ที่ไม่จำเป็นต้องสร้างเป็นโครงการแนวสูงเสมอไปเพียงเพราะข้อจำกัดราคาที่ดินแพง ที่ดินมีจำกัด ซึ่งแน่นอนว่า บ้านลักชัวรีจึงตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตคนเมืองที่อยู่ท่ามกลางการโอบล้อมของอาคารสูง
เช่นเดียวกับ บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) เขย่าตำนานย่านธุรกิจสำคัญ ทำเลทองหายากในกรุงเทพมหานคร พัฒนา โครงการVI ARI (วี อารีย์) บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury โครงการใหม่ใจกลางเมือง ออกแบบโดยดีไซเนอร์ระดับโลก ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ระดับท็อปจากยุโรป ถือเป็น Ultra Luxury Rare Item มีจำนวนจำกัดเพียง 6 หลัง ราคาเริ่มต้น 82 ล้านบาท มูลค่า 495 ล้านบาท หลังศึกษาค้นคว้าวิจัย เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) กล่าวว่า บริษัทเปิดตัว VI ARI (วี อารีย์) โครงการแนวราบแห่งแรกของบริษัทอย่างเป็นทางการ บ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักชัวรี 3.5 ชั้น บนที่ดิน 53-56.4 ตร.ว.ออกแบบพื้นที่ผ่านนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตวิถีคนเมืองอย่างสุนทรียภาพ กลมกลืนวัฒนธรรมเก่า-ใหม่ที่ลงตัว จากการศึกษาค้นคว้าวิจัย เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการสำหรับการอยู่อาศัยในอนาคตของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี เพื่อใช้ชีวิตในย่านและในบ้านที่ดีที่สุดที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง P49 Deesignเป็นต้น
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายในเชิงลึก การเลือกซื้ออสังหาฯ จากทำเลเป็นปัจจัยแรกที่ผู้บริโภคจะเลือกพิจารณาในการซื้อบ้าน โดยเฉพาะทำเลที่คุ้มค่าต่อการอยู่อาศัย ทำเลที่คุ้นเคย และทำเลที่ในอนาคตมีโอกาสจะถูกพัฒนาสูง อีกทั้ง การเลือกบ้านให้เหมาะกับวิถีและคุณภาพชีวิต
ให้ความยืดหยุ่นที่เข้ากันกับความต้องการของทุกคนในครอบครัว ผ่านพื้นที่ใช้สอย รูปแบบบ้าน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ถือเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ทั้งนี้ โครงการ VI ARI (วี อารีย์) จึงไม่ได้มีเพียงความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งใจกลางอารีย์ซอย 3 แต่ทุกๆ รายละเอียดการออกแบบยังผ่านการค้นคว้าวิจัยและวิธีคิดอย่างดีในทุกๆ จุดอีกด้วย
นางสาวสายวิภา พัฒน์พงศ์พิบูล กรรมการบริหาร บริษัท พี 49 ดีไซน์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด บริษัทอินทีเรียดีไซน์ผลงานระดับโลก ในฐานะผู้ออกแบบตกแต่ง กล่าวถึง เอกลักษณ์พิเศษเฉพาะของโครงการ VI ARI (วี อารีย์) ที่ผ่านกระบวนการคิด การออกแบบด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดผ่านข้อมูลและการศึกษาอย่างเข้าใจ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสการใช้ชีวิตที่มากกว่าได้มากที่สุด
ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านพักอาศัยย่านอารีย์ สไตล์โมเดิร์นยุค1970-1980 ที่มีลักษณะเฉพาะตัว มาพัฒนาต่อยอดให้เป็นบ้านพักอาศัยที่มีความทันสมัย รวมถึงการออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สอดแทรกไปกับพื้นที่ใช้สอยในแต่ละชั้น การออกแบบตกแต่งภายใน และการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ในทุกๆ จุดที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขในทุกๆ วัน
นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ท่ามกลางการเติบโตของโครงการที่พักอาศัยมากมายที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ตลาดบ้านระดับลักชัวรีขึ้นไปถือเป็นเซกเมนต์ที่น่าจับตามองและสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดที่สามารถขับเคลื่อนไปได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลใจกลางเมือง ซึ่งเป็นทำเลที่มีดีมานด์หรือความต้องการสูง แต่ซัพพลายมีจำกัดเนื่องจากยากที่จะหาที่ดินมาพัฒนาเป็นโครงการบ้านพักอาศัยได้ จึงทำให้ทำเลนี้มียอดขายสูงถึง 94% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับทำเลอื่นๆ
อีกหนึ่งจุดเด่น ที่สร้างความแตกต่างของทำเลอารีย์คือ การตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอบวก และเกรดเอ ทั้งของภาครัฐและเอกชน โดยมีพื้นที่สำนักงานให้เช่าในปัจจุบัน และที่กำลังก่อสร้างกว่า 1.6 ล้านตารางเมตรด้วยศักยภาพที่เด่นชัดดังกล่าว ประกอบกับความสะดวกในด้านการคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าบีทีเอส ตำแหน่งใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังทำเลอื่นๆ ที่สำคัญของกรุงเทพฯ ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งยังเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ อยู่ใกล้สถานศึกษา และเป็นศูนย์รวมโรงพยาบาลชั้นนำ จึงเรียกทำเลนี้ได้ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพอย่างแท้จริง และมีโอกาสที่จะถูกพัฒนาให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ อีกประเด็นที่สำคัญคือตัวโครงการมีจุดเด่นในด้านรูปแบบบ้านที่ผสานความหรูหราและเสน่ห์แห่งงานสถาปัตยกรรมเข้าด้วยกัน ตอบโจทย์การอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัวได้อย่างลงตัว ถือเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการที่พักอาศัยระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่อย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
พันธมิตรจับมือ CP LAND คิกออฟโครงการ ‘Solar Cell for Life ความสุขเดินทางได้’ ส่งมอบนวัตกรรมเสาไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ชุมชน
พันธมิตรจับมือ CP LAND คิกออฟโครงการ ‘Solar Cell for Life ความสุขเดินทางได้’ ส่งมอบนวัตกรรมเสาไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ชุมชน นำร่อง คีรีวง นครศรีธรรมราช เป็นที่แรก
เมื่อเร็วๆนี้ นายจักรพันธ์ ปิยะพฤกษพรรณ (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี. ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ CPFM นายเลอพงศ์ กาลัญณุตา (คนที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานบริหารและปฏิบัติการภูมิภาคใต้ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND นายกฤษณ์ โพธิสุนทร (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการอาวุโส โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช และนางสาววรดนู นิมมิต (คนที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร CP LAND พร้อมด้วยนายดนัย สิงโต (คนที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ซันโย เอส.เอ็ม.ไอ.(ไทยแลนด์) จำกัด หรือ Sanyo S.M.I และนายอิบราฮิม โคคากอซ (คนที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมโซลูชันส์ บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ PCS จัดงานแถลงข่าวการส่งมอบโครงการ ‘โครงการ ‘Solar Cell For Life ความสุขเดินทางได้” ให้แก่ชุมชนคีรีวง นครศรีธรรมราช จำนวน 80 ต้น ระยะทางรวมราว 5 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นโครงการต้นแบบตามแนวทางการตอบแทนสังคม (Social Contribution) ภายใต้ปรัชญาพื้นฐาน ‘คุณภาพเพื่อทุกชีวิต’ หรือ ‘Accessible Communities for Life’ ของ CP LAND ณ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช
เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา:
- นายธนพล ตั้งสิริสุธีกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดองค์กร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND
- นางสาววรดนู นิมมิต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND
- นายกฤษณ์ โพธิสุนทร ผู้จัดการอาวุโส โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช
- นายจักรพันธ์ ปิยะพฤกษพรรณ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี. ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ CPFM
- นายเลอพงศ์ กาลัญณุตา ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานบริหารและปฏิบัติการภูมิภาคใต้ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND
- นายดนัย สิงโต ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ซันโย เอส.เอ็ม.ไอ.(ไทยแลนด์) จำกัด หรือ Sanyo S.M.I
- นายอิบราฮิม โคคากอซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมโซลูชันส์ บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ PCS
- นางศาลิดา เสรเมธากุล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารภายในและความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND
ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 25ก.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 34.58 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.70 บาท/ดอลลาร์- ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดควรติดตามสถานการณ์การเมืองไทย หลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยขายทำกำไรการลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 25ก.ค.2566 ที่ระดับ 34.58 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.43 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นกลับมา หลังจากที่เราได้ Call จุดกลับตัวของเงินบาท (มอง bottom ระยะสั้นที่ 33.75 บาทต่อดอลลาร์) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยปัจจัยที่กลับมากดดันค่าเงินบาทนั้น มีทั้งการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์, โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากความกังวลสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งหากปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังไม่เปลี่ยนแปลง เงินบาทก็มีโอกาสอ่อนค่าต่อ ทดสอบโซนแนวต้าน 34.75 บาทต่อดอลลาร์ ได้
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ผู้เล่นต่างชาติบางส่วนที่ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มค่าเงินบาท (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) อาจรอจังหวะการอ่อนค่าของเงินบาทในการเพิ่มสถานะ Long THB ได้ เช่นเดียวกันกับ ฝั่งผู้ส่งออกที่ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง ทำให้เราประเมินว่า หากสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่ได้ถึงขั้นวิกฤต จนทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทยอีกรอบ ค่าเงินบาทก็อาจไม่ได้อ่อนค่าต่อเนื่องรุนแรง
ทั้งนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตาใกล้ชิดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม คือ แนวโน้มเงินหยวนของจีน (CNY) ซึ่งจะขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยจะต้องรอจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยขนาดไหน หลังการประชุม Politburo
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงนี้ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.70 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 34.37-34.56 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว โดยราคาทองคำปรับตัวลดลงตามการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการฝั่งสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่ารายงานดัชนี PMI ของฝั่งยุโรป และภาพรวมตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่กลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยดัชนี S&P500 สามารถปิดตลาด +0.40% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มการเงินที่ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ Chevron +2.0% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ (Tesla +3.5%, Alphabet +1.3%) หลังการรีบาลานซ์ดัชนี Nasdaq 100 ไม่ได้ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นเทคฯ ใหญ่อย่างที่ตลาดกังวล
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นเพียง +0.06% แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะได้แรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด แต่รายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ลดลงต่อเนื่องและแย่กว่าคาด รวมถึงความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของสเปนหลังการเลือกตั้ง ได้กดดันให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก
ในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ไม่ได้ออกมาเลวร้ายนัก ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใกล้ระดับ 3.90% อีกครั้ง (แกว่งตัวในกรอบ 3.80%-3.88% ในช่วงคืนก่อนหน้า)
อนึ่ง เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวดังกล่าว ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะ หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4.00% อีกครั้ง ซึ่งเป็นระดับที่เรามองว่า downside risk จำกัดพอสมควรแล้ว
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยรายงานข้อมูลดัชนี PMI ฝั่งสหรัฐฯ ที่โดยรวม ดูดีกว่ารายงานดัชนี PMI ฝั่งยุโรป ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 101.4 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 101-101.5 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ย่อตัวลงสู่ระดับ 1,956 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนอาจรอจังหวะราคาทองคำย่อตัวลงในการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้บ้าง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย Conference Board (Consumer Confidence) ซึ่งอาจปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง ส่วนตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งอยู่
ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดจะรอลุ้นรายงานรายงานภาวะสินเชื่อ (Bank Lending Survey) ในไตรมาส 2 ซึ่งเรามองว่า รายงานดังกล่าว จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บรรดาเจ้าหน้าที่ ECB ใช้พิจารณาถึงความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังจากที่ ECB อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +25bps ในการประชุมวันพฤหัสฯ นี้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะรายงานจากบริษัทเทคฯ ใหญ่ อาทิ Microsoft, Alphabet เป็นต้น ซึ่งอาจกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินช่วงนี้ได้ ส่วนในฝั่งไทย เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดควรติดตามสถานการณ์การเมืองไทย หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยขายทำกำไรการลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ตบรุ่นเยาว์ไทย” ฟอร์มแจ่ม ประเดิมชัยคว้าแชมป์กลุ่ม ศึกเอเชีย หลังชนะออสเตรเลีย 3-1 เซต
การแข่งขันการแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนชาย อายุต่ำกว่า 16 ปี ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 1 ปี 2023 ณ สนามยูนูโซบอด กรุงทาชเคนท์ ประเทศอุซเบกิสถาน วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 กลุ่ม ซี. ทีมชาติไทยพบทีมชาติออสเตรเลีย
ทั้งสองทีมผ่านเข้ารอบ 2 เป็นที่แน่นอน หลังจากที่อินเดียถอนตัวทำให้ในกลุ่มเหลือเพียง 2 ทีมเท่านั้น
ผลการแข่งขันปรากฎว่า หนุ่มไทยยู 16 เอาชนะออสเตรเลีย 3-1 เซต 25-17, 21-25, 25-18, 25-15 จบแรกอรบด้วยแชมป์กลุ่ม ซี
โดยการแข่งขันในรอบ 2 จะอยู่ในกลุ่ม อี.ร่วมกับ คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน จากกลุ่ม เอ. นัดแรกของรอบสองจะพบกับรองแชมป์กลุ่ม เอ. ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ปวดแบบไหน สัญญาณอันตราย “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”
“ออฟฟิศซินโดรม” กลายเป็นคำคุ้นหูคุ้นปากมากขึ้นกว่าแต่ก่อน หากย้อนกลับไป 4-5 ปีที่แล้วอาจจะยังเป็นเรื่องใหม่ หรือไม่ค่อยมีใครพูดถึง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นโรคสามัญประจำออฟฟิศที่ถึงขั้นพบพนักงานออฟฟิศเป็นโรคเกี่ยวกับออฟฟิศซินโดรมอย่างน้อย 1 ใน 10 เลยทีเดียว
ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ ใครๆ ก็ปวดได้ถ้าอยู่ในช่วงทำงานหนัก แต่ปวดแบบไหนที่เป็นสัญญาณอันตรายว่าเราอาจเสี่ยงอยู่ในอาการ “หมอนรองกระดูกเสื่อมทับเส้นประสาท”
ปวดแบบไหน สัญญาณอันตราย “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”
- ปวดบริเวณคอ หลัง อก เอว หลังช่วงล่าง หรือบริเวณไหล่ที่เชื่อมกับคอ โดยปวดแบบจิ๊ดๆ เหมือนไฟฟ้าช็อต หรืออาจจะปวดจนสะดุ้งเบาๆ
- ระยะเวลาในการปวด จะเป็นๆ หายๆ มากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- อาจจะปวดทั่วแผ่นหลัง หรือปวดมากขึ้นบริเวณบั้นเอว หลังช่วงล่าง ยาวไปจนถึงขา
- อาการปวดรบกวนการใช้ชีวิต ขยับร่างกายก็ปวด นอนก็ปวด
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
– อายุมากขึ้น เมือกใสๆ ในหมอนรองกระดูกก็เริ่มเสื่อมสภาพ
– ยกของหนักมากเกินไป หรือยกของหนักด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
– การเล่นกีฬาที่มีการกระแทกซ้ำๆ
– เคลื่อนไหวผิดท่าอย่างแรง/โดยฉับพลัน
– น้ำหนักที่มากขึ้น จนเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน ทำให้หมอนรองกระดูกต้องรับน้ำหนักมาก
– นั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมๆ อยู่เป็นเวลานาน ไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกาย
วิธีป้องกันหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
นอกจากจะต้องระมัดระวังในการขยับร่างกาย งดเว้นการยกของหนัก และปรับเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างนั่งทำงานแล้ว การออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุของหมอนรองกระดูกให้ยังแข็งแรง ไม่เสื่อมได้ง่ายๆ อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ความแตกต่าง regular verbs และ irregular verbs
คำกริยานั้น สำคัญฉไน คำกริยามีความสำคัญมากกับประโยค เรียกได้ว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว ถ้าขาดคำกริยาไป ประโยคก็จะอ่านไม่รู้เรื่อง กริยาที่เป็นพื้นฐานในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งได้สองแบบใหญ่ ๆ นั่นคือ regular verbs และ irregular verbs แค่ชื่อเรียกก็แตกต่างแล้ว เรามาดูความแตกต่างของคำกริยาเหล่านี้กันดีกว่า
Regular verbs คืออะไร?
Regular verbs คือกริยาที่อยู่ในปกติไม่เปลี่ยนรูป กริยารูปปกติหรือ Regular Verb นั้น มักจะถูกนำมาใช้งานใน 4 รูปแบบ คือ
1. Infinitive หรือกริยาช่อง 1 เช่น ‘cook’, ‘love’, ‘hate’ และ ‘walk’
2. รูปเอกพจน์ของประธานบุรุษที่สาม (พวก he, she, it) เช่น ‘cooks’, ‘loves’, ‘hates’ และ ‘walks’
3. รูปกริยาเติม –ing หรือ present participle เช่น ‘cooking’, ‘loving’, ‘hating’ และ ‘walking’
4. รูปกริยาเติม –ed หรือ past tense (V2) หรือ past participle (V3) เช่น ‘cooked’, ‘loved’, ‘hated’ และ ‘walked’ ซึ่งหากเป็น V3 ก็สามารถนำมาแต่งเป็นประโยค Passive Voice ได้
Irregular verbs คืออะไร?
Irregular verbs คือ กริยาไม่ปกติ มันผิดปกติก็ตรงที่มันเปลี่ยนรูปได้ บางครั้งก็เปลี่ยนสองตัว เปลี่ยนทั้งสาม หรือไม่เปลี่ยนเลยก็ได้ Irregular verbs สามารถใช้งานได้แบบนี้
1. Infinitive คือ รูปกริยาปกติในช่องที่ 1ใช้ใน Present Simple พูดถึงสิ่งที่เป็นความจริงหรือประโยคบอกเล่าทั่วไป
2. Past Tense คือรูปกริยาในช่องที่ 2 ใช้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเสร็จสิ้นในอดีต โดยใช้ได้กับประธานทุกตัว
3. Past Participle คือ รูปกริยาในช่องที่ 3 ซึ่งในกรณีนี้ ก็มีการใช้งานที่คล้ายคลึงกับ Regular Verb คือ
- ใช้ใน Present Perfect Tense (has/have + Past Participle) หรือการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
- ใช้ใน Past Perfect (had + Past Participle) พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีตและจบในอดีตแล้ว
- ใช้ในประโยค Passive Voice หรือรูปประโยคที่ประธานถูกกระทำโดยบุคคลหรือสิ่งอื่น เช่น The tiger was caught this afternoon. (เสือถูกจับแล้วเมื่อบ่ายนี้)
พอมาถึงเจ้ากริยาไม่ปกตินี้ทุกคนอาจจะงง แต่เรามาดูตัวอย่างแบบชัดกัน ๆ เช่น
- put, put, put ไม่เปลี่ยนรูปเลย เหมือนกันทั้งสามช่อง
- go, went, gone เปลี่ยนรูปทั้งหมด
- come, came, come เปลี่ยนรูปแค่บางตัว
มันแตกต่างกันอย่างไร?
regular verbs และ irregular verbs แตกต่างกันโดยดูได้จากตัวอย่างด้านบน คือ regular verbs เช่น walk ที่เป็นคำกริยาปกติ ช่องสองและช่องสามจะเติม ed ไปเลย กลายเป็น walk, walked, walked แต่ถ้าเป็น irregular verbs นั้น จำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่าให้ตัด ed ทิ้งไปเลย ห้ามเติมเด็ดขาด เพราะมันเป็นคำกริยาไม่ปกติซึ่งมันจะมีรูปของมันอยู่แล้ว เช่น go, went, gone
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Binance Academy เผย คนรุ่นใหม่ยอมรับเทคโนโลยี Web3 มากขึ้น
Binance Academy ศูนย์การเรียนรู้แบบเปิดกว้างด้านบล็อกเชนและคริปโต ภายใต้การดูแลของ Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเยาวชนเริ่มสนใจการศึกษาเกี่ยวกับบล็อกเชนมากขึ้น โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีอายุระหว่าง 19 – 25 ปี มากถึง 36% ตามด้วยผู้ใช้ที่มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี อยู่ที่ 22% และกลุ่มอายุ 26 – 30 ปี อยู่ที่ 18%
ทั้งนี้ Binance Academy เปิดตัวครั้งแรกในปี 2561 โดยนำเสนอเนื้อหาด้านการศึกษาในรูปแบบต่างๆ แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ประกอบไปด้วย บทความ คู่มือ วิดีโอ และรายการอภิธานศัพท์ ซึ่งจำแนกไว้ตามระดับทักษะและความสนใจด้านต่างๆ เพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาด้านคริปโต เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและปรับใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
ส่งเสริมความสนใจด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนในคนรุ่นใหม่
ผู้คนเริ่มตระหนักถึงศักยภาพและกรณีการใช้งานของเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ โดยหลักสูตรของ Binance Academy ได้รับความสนใจและมีจำนวนการเข้าใช้งานสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ประกอบไปด้วยหลักสูตร ‘Introduction to Blockchain’ ‘GameFi’ และ ‘Brief history of Blockchain technology’ ทั้งนี้ความนิยมของหลักสูตรพื้นฐานและหลักสูตรเบื้องต้นของ Web3 ยังแสดงถึงการยอมรับในเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้นอีกด้วย
โดยองค์กรที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยรายงาน “Time for trust” ของ PwC[1] เผยว่า ภายในปี 2573 เทคโนโลยีบล็อกเชนจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพและสร้างงานได้มากถึง 40 ล้านตำแหน่งทั่วโลก เนื่องจากความต้องการผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคริปโตและบล็อกเชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ จากการรวบรวมแบบประเมินทักษะกว่า 200,000 รายการของ DevSkiller ในปีที่ผ่านมา ยังได้แสดงให้เห็นว่า มีความต้องการผู้ที่มีทักษะด้านการเขียนโปรแกรมบล็อกเชนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 552% ด้วยเช่นกัน
จากผลการศึกษาดังกล่าว ทำให้องค์กรภาครัฐในแต่ละประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการศึกษาด้าน Web3 เพื่อส่งเสริมความรู้และขยายการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม ยกตัวอย่างเช่น รัฐอุตตรประเทศ ของประเทศอินเดีย มีการทำงานร่วมกับคณะกรรมการการศึกษาระดับมัธยมศึกษาเพื่อเพิ่มเนื้อหาด้านคริปโตเข้าไปในหลักสูตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ แก่นักเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่อนาคต ในขณะเดียวกัน เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ได้ร่วมมือกับบริษัท Web3 เพื่อส่งเสริมความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนแก่เยาวชน
โดยมีการจัดสรรงบประมาณกว่า 1,330 ล้านวอน หรือ 35 ล้านบาท สำหรับโครงการริเริ่มในการสนับสนุนการศึกษาด้านบล็อกเชนให้แก่นักเรียนในเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี ดังนั้น การสร้างชุมชน Web3 ที่แข็งแกร่งจะช่วยส่งเสริมระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบ่มเพาะเยาวชนและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Web3 เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และการเติบโตของอุตสาหกรรมต่อไป
ศึกษาเทคโนโลยี Web3 ผ่าน Binance Academy
Binance Academy เป็นแหล่งข้อมูลด้านการศึกษาจาก Binance ผ่านเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย และไม่มีค่าใช้จ่าย โดยผู้เข้าชมมากกว่าแสนรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในสองไตรมาสแรกของปี 2566
นอกจากการเข้าถึงข้อมูลทางการศึกษาได้อย่างง่ายดายผ่านแพลตฟอร์ม Binance Academy แล้ว Binance ยังได้ขยายการศึกษา Web3 ไปสู่สถาบันท้องถิ่นอีกด้วย โดยในปีนี้ Binance Academy ได้ร่วมมือกับ Edukasyon.ph ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อมอบทุนการศึกษา ‘Binance Scholar Philippines Web 3.0’ โดยนักเรียนที่ได้รับทุนสามารถเข้าร่วมหลักสูตร Web3 ที่ประกอบไปด้วยเนื้อหาเทคนิคขั้นสูงได้
นางสาว หยี่ เหอ (Yi He) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานฝ่ายการตลาดของ Binance กล่าวว่า “Binance Academy เชื่อมั่นว่าการศึกษาเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างนวัตกรรมและส่งเสริมความก้าวหน้า เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน ผ่านการมอบองค์ความรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุด Binance มุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานและผลักดันการนำไปใช้ของเทคโนโลยี Web3 ต่อไป”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยชน์ของ “ผลไม้แห้ง” และวิธีการทำผลไม้แห้งด้วย “ไมโครเวฟ”
ผลไม้แห้งเป็นอีกหนึ่งของว่างที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมารับประทานเพื่อความงามและสุขภาพที่แข็งแรง มารู้ประโยชน์ของผลไม้แห้งและวิธีการทำผลไม้แห้งแบบง่ายๆ โดยใช้ไมโครเวฟกัน
ประโยชน์ของผลไม้แห้ง
- ช่วยปรับสภาพแวดล้อมในลำไส้ และบรรเทาอาการท้องผูก
ผลไม้แห้งอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารทั้งเส้นใยชนิดละลายน้ำได้ซึ่งเป็นอาหารที่ดีของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ และเส้นใยที่ละลายน้ำไม่ได้ซึ่งช่วยปรับให้สภาพแวดล้อมในลำไส้ดีขึ้นและบรรเทาอาหารท้องผูกได้ดี การรับประทานผลไม้แห้งที่มีเส้นใยอาหารสูงติดต่อกันประมาณ 2 อาทิตย์ จะเปลี่ยนระบบขับถ่ายที่มีปัญหาให้กลับมาเป็นปกติได้
ผลไม้แห้งที่มีเส้นใยอาหารสูง เช่น บลูเบอร์รี่ (เส้นใยอาหาร 17.6 กรัมต่อ 100 กรัม) ลูกพลับแห้ง (เส้นใยอาหาร 14 กรัมต่อ 100 กรัม) พุทราจีน (เส้นใยอาหาร 12.5 กรัมต่อ 100 กรัม) พรุน (เส้นใยอาหาร 7.2 กรัมต่อ 100 กรัม) และกล้วย (เส้นใยอาหาร 7 กรัมต่อ 100 กรัม) เป็นต้น
- เป็นตัวช่วยที่ดีในการลดน้ำหนัก
นอกจากจะมีเส้นใยอาหารสูงแล้ว ผลไม้แห้งจัดเป็นอาหารที่มีค่า GI (Glycemic Index) ต่ำ ซึ่งหมายความว่าเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วแล้วน้ำตาลจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้า ทำให้อิ่มนานและไม่รู้สึกอยากรับประทานจุกจิกระหว่างมื้ออาหาร จึงเหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะนอกจากจะพึงใจจากการได้รับประทานของหวานแล้วก็ยังทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นานด้วย
- ดีต่อความงามและสุขภาพของคุณผู้หญิง
ผลไม้แห้งมีสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อความงามและการคงสภาพที่ดีของร่างกาย เช่น ลูกเกดและลูกฟิกแห้งมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งช่วยป้องกันโรคโลหิตจางในผู้หญิงและหญิงมีครรภ์ แอพริคอต มะม่วง และลูกพลับแห้งมีบีต้า แคโรทีนสูง ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย วิตามินเอช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนัง และช่วยป้องกันการเกิดสิวในผู้ใหญ่ได้ดี บลูเบอร์รี่อุดมไปด้วยแมงกานีสซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดี และแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่และช่วยบำรุงสายตา อินทผลัมอุดมไปด้วยโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยชะลอความแก่ และกล้วยซึ่งอุดมไปด้วยโพลีฟีนอล แมกนีเซียมและโพแทสเซียม เป็นต้น
วิธีการทำผลไม้แห้งโดยใช้ไมโครเวฟ
การทำผลไม้แห้งนั้นทำได้ทั้งการนำมาตากแดด อบ และไมโครเวฟ สำหรับผู้เริ่มทำผลไม้แห้งใหม่ก็ขอแนะนำให้ใช้ไมโครเวฟ ซึ่งมีวิธีการทำง่ายๆ ดังนี้ คือ
- นำผลไม้ เช่น กล้วย แอปเปิ้ล และกีวี มาปอกเปลือกและหั่นให้มีความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตร
- นำผลไม้ที่เตรียมเสร็จแล้ววางเรียงบนภาชนะทนร้อนที่รองไว้ด้วยกระดาษรองอบหรือกระดาษชำระสำหรับงานครัว นำเข้าไมโครเวฟที่ 500 วัตต์ เป็นเวลา 1 นาที
- เปลี่ยนกระดาษรองอบใหม่ และไมโครเวฟต่ออีก 1 นาที
- ทำซ้ำขั้นตอนที่ 3 อีก 2-3 ครั้งหรือจนไม่มีความชื้นหลงเหลือติดกระดาษรองอบหรือกระดาษชำระสำหรับงานครัว แต่ต้องคอยระวังไม่ให้ผลไม้ไหม้ด้วย ทั้งนี้เวลาและความร้อนที่ใช้ไมโครเวฟนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของไมโครเวฟและชนิดของผลไม้ เช่น หากวัตถุดิบเป็นกล้วยก็ใช้ความร้อน 300 วัตต์ ครั้งละ 2 นาที และเปลี่ยนกระดาษรองอบประมาณ 3 ครั้ง เป็นต้น
- ผลไม้แห้งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอาหารในการคงความสวยหล่อและรูปร่างที่ดีไว้ อย่างไรก็ดี ผลไม้แห้งมีน้ำตาลอยู่ในปริมาณที่สูง ดังนั้นจึงควรระวังไม่รับประทานมากจนเกินไป โดยหากรับประทานเป็นอาหารว่างก็ไม่ควรเกินวันละ 50-70 กรัม อีกทั้งหากอยากให้ได้ผลดีในด้านความงามยิ่งขึ้นก็ควรรับประทานผลไม้แห้งไปพร้อมกับโยเกิร์ตหรือถั่วต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/07/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,950.00 | 32,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,070.00 | 31,381.20 | 32,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,863.00 | 28,243.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,656.00 | 25,104.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 932.00 | 14,129.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 725.00 | 10,991.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,145.00 | 32,518.20 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/07/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.64 | 35.64 | 35.64 | 35.64 | 35.64 | – | 35.64 | 35.64 | 35.64 | 35.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.09 | 36.09 | – | – | – | – | – | – | – | 36.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.94 | 46.74 | 46.94 | 46.84 | – | – | – | – | – | 42.94 |
เบนซิน 95 | 45.74 | – | – | – | 46.51 | – | 46.24 | 45.89 | – | 45.74 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 40.44 | 41.44 | 41.94 | 41.84 | 41.84 | – | – | – | – | 40.44 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |