เปิด 5 ทางออก “แอชตัน อโศก” อนันดาเตรียมเสนอลูกบ้าน 23 ส.ค.
เปิด 5 ทางออก “แอชตัน อโศก” อนันดาเตรียมเสนอลูกบ้าน 23 ส.ค. หลังทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยหวังหาแนวทางแก้ไขปัญหา
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANANDA เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขและจะแจ้งให้ลูกบ้านโครงการ “แอชตัน อโศก” ทราบในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ตามที่ขอเวลาไว้ 14 วันทำการ โดยมีหลายแนวทางที่มีความเป็นไปได้ ประกอบด้วย
- ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ โดยการซื้อหรือหาที่ดินเพิ่มเติม
- เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านสำนักการโยธา กทม.ไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.)
- เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่าน รฟม. เสนอผ่านกระทรวงคมนาคม ไปยัง ครม.
- ประสานเจ้าของเดิมให้ยื่นทบทวนสิทธิที่ดินทางเข้า-ออกจาก รฟม. ให้ทบทวนสิทธิที่ดินเดิมก่อนเวนคืน ควรให้สิทธิทางเข้า-ออกอย่างน้อย 12-13 เมตร เพื่อให้สามารถขึ้นอาคารสูงและขนาดใหญ่พิเศษได้
- ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้พิจารณาพิพากษาคดีใหม่
“หลังทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไขกรณีใบอนุญาตก่อสร้างใหม่นั้น คาดว่าจะมีหารือร่วมกันเร็วๆ นี้”
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากอนันดา โดยยังยืนยันว่าศาลให้เพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างฯของ กทม.ทั้ง 4 ฉบับ มิได้เพิกถอนประกาศกำหนดประเภทการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของ รฟม. และใบอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของ รฟม. เป็นทางผ่านดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูรายละเอียดของคำพิพากษาและข้อกฎหมาย รฟม.
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนให้กรมดำเนินการตรวจสอบข้อกฎหมายควบคุมอาคารเพิ่มเติม โดยเมื่อปี 2558 อนันดามีหนังสือหารือมาในข้อกฎหมายว่าถ้าหากมีทางเข้าออกที่ติดกับทางสาธารณะหน้ากว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ตามกฎหมายจะสามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษได้หรือไม่ ซึ่งกรมได้ตอบไปตามข้อกฎหมายว่าถ้ามีก็ทำได้ แต่ทางเข้าออกนั้นต้องไม่มีติดเงื่อนไขใดๆ ตราบเท่าที่มีอาคารนั้นตั้งอยู่
“กรมไม่ได้ตอบรายละเอียดทางเข้าออกที่ขอใช้ของ รฟม. เป็นแค่คำถามมาว่าจะอนุญาตได้หรือไม่ถ้าเกิดมีที่ดินอีกแปลงเพิ่มแค่นั้นเอง เราก็ไม่ได้ตอบว่าได้หรือไม่ได้ เราแค่เป็นการทวนข้อกฎหมายไปให้รับทราบว่าที่ดินที่เขาหามาจะทำเป็นทางเข้าออกจะต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ เท่าที่ดูเนื้อหาที่ตอบในเวลานั้นเราไม่ได้แตะเรื่องทางเข้าออก 12 เมตร ว่าเป็นที่ดินของใครเลย”
ส่วนการที่บริษัทเสนอแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านสำนักการโยธา กทม.มายังกรม กระทรวงมหาดไทยไปยัง ครม.นั้น คงเป็นไปได้ยากถ้าจะให้แก้กฎหมายเพื่อโครงการเดียว และกรมคงทำให้ไม่ได้ เข้าใจว่าคงเป็นการเรียกร้องของบริษัทต่อ กทม.เพื่อร่วมกันแก้ปัญหามากกว่า
อย่างไรก็ดี กรมมองว่าข้อกฎหมายควบคุมอาคารหรือกฎกระทรวงต่างๆ มีความชัดเจนอยู่แล้ว และมีแนวทางการปฏิบัติที่รัดกุมอยู่แล้วว่าอาคารขนาดใหญ่มีทางเข้าออกอย่างไร เพื่อให้มีความปลอดภัย ซึ่งสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่เรื่องแอชตัน อโศก เป็นประเด็นที่บริษัทนำเอกสารทางเข้าออกที่นำมาแนบขออนุญาตก่อสร้างอาคารเป็นทางเข้าออกสาธารณะหรือทางเข้าถาวรหรือไม่ เป็นเรื่องที่ กทม.ต้องพิจารณาเอง เพราะเป็นรายละเอียดของการอนุญาต
ขณะที่กรณีสมาคมอาคารชุดไทยหรือภาคเอกชนด้านอสังหาฯ มีข้อเสนอขอให้ปรับแก้ไขข้อกฎหมายควบคุมอาคารในเรื่องขนาดถนนมากไปหรือน้อยไป ยังไม่มีประเด็นที่ต้องไปแก้ ส่วนการสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษได้มากขึ้นในพื้นที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้า ถนน ทางด่วน เป็นเรื่องของผังเมือง กทม.ที่จะต้องกำหนดโซนนิ่งและความสูงอาคาร เพราะ กทม.เป็นผู้จัดทำผังเมืองรวม กทม.เอง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กทม. จ่อรื้อแนวทางขอก่อสร้างอาคารสูง หวั่นซ้ำรอย แอชตันอโศก
ผู้ว่าฯ กทม. ประชุมผู้บริหาร รับทราบความคืบหน้ากรณีโครงการ แอชตัน อโศก สำนักการโยธา เตรียมตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแนวทางการขออนุญาตก่อสร้างอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ
วันนี้ (7 สิงหาคม 2566) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหาร กทม. โดยที่ประชุมได้หารือถึงความคืบหน้ากรณีการก่อสร้างโครงการ แอชตัน อโศก โดยสำนักการโยธา กทม. จะมีการตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแนวทางการขออนุญาตก่อสร้างอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งจากนี้จะมีการออกคำสั่ง เพื่อทบทวนข้อมูลและกระบวนการที่มีอยู่ทั้งหมด
ทั้งนี้ในการดำเนินการล่าสุดเกี่ยวกับขั้นตอนของคดี ขณะนี้ สำนักการโยธา กทม. ได้แจ้งคำพิพากษาให้บริษัททราบแล้วเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา และได้แจ้งให้สำนักงานเขตปฏิบัติตามคำพิพากษา โดยสำนักงานเขตอยู่ระหว่างออกคำสั่งให้มายื่นใบขออนุญาตก่อสร้างใหม่ตามมาตรา 41 ต่อไป
ส่วนกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ต้องการให้กทม.ตั้งกรรมการตรวจสอบการทุจริตในการอนุญาตก่อสร้างนั้น ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า คณะกรรมการคงไม่มีหลายชุด แต่กรรมการชุดที่จะตั้งขึ้นมานี้น่าจะทบทวนทั้งหมดและเอากรณีแอชตันเป็นกรณีศึกษา และหากใครมีเบาะแสการทุจริตก็ขอให้แจ้งเข้ามาเลย พร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการ เรื่องของแอชตันมีขั้นตอนในการพิจารณา มีหลักการ ตอนนี้ยังไม่มีใครแจ้งเบาะแสการทุจริตเข้ามา ถ้าหากมีข้อมูลการทุจริตก็แจ้งเข้ามาได้
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ส่วนการขออนุญาตก่อสร้างออนไลน์ยังมีไม่เยอะ น่าจะยังไม่คุ้นชิน ต้องค่อยเป็นค่อยไป ก็อาจมีแรงจูงใจเพิ่ม เช่น ขออนุญาตปกติระยะเวลาพิจารณา 45 วัน แต่ขออนุญาตออนไลน์ใช้เวลา 30 วัน เป็นต้น ซึ่งอาจช่วยให้มีการขออนุญาตก่อสร้างออนไลน์มากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบความคืบหน้าการทำผังเมืองรวม กทม. โดยนายชัชชาติ ยอมรับว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งจะทำเป็นครั้ง เป็นรอบ ๆ ไป ล่าสุดเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว กาคประชาพิจารณ์ความโปร่งใสมาจากการเปิดให้ประชาชนเห็น มีการชี้แจงอธิบายที่มาที่ไป คนที่ร่วมทำประชาพิจารณ์เป็นอาจารย์ กทม.ไม่ได้มีส่วนเข้าไปกำหนด แค่ให้นโยบาย แล้วก็พัฒนาตามหลักวิชาการ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและผู้ชำนาญการเป็นผู้ช่วยพิจารณา เรื่องนี้ไม่ได้เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิ์ในการก่อสร้าง แต่เป็นแนวทางว่าแต่ละพื้นที่สามารถก่อสร้างอะไรได้บ้าง สุดท้ายก็ต้องมาขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“ผังเมืองเองก็คงไม่ได้เปลี่ยนแต่เหมือนเป็นการพัฒนาการตามลำดับชั้นมากกว่า ผังเมืองจะทำให้เมืองเป็นเมืองน่าอยู่ อาจมีบางจุดเปลี่ยนสีบ้าง แต่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป” ผู้ว่าฯ กทม. ระบุ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8ส.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 34.85 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าตาม sentiment ของค่าเงินหยวน สวนทางกับเงินดอลลาร์ฯ -ทิศทางเงินดอลลาร์อาจเริ่มเข้าสู่ช่วงแกว่งตัว sideway สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8ส.ค.2566 ที่ระดับ 34.85 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.83 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมองว่า ในระยะสั้น เงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเผชิญความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย
ทว่า เราประเมินว่า จากสถานการณ์การเมืองล่าสุด นักลงทุนต่างชาติก็ไม่ได้เทขายหุ้นไทยมากขึ้นและเริ่มเห็นแรงขายหุ้นไทยที่ลดลงจากช่วงก่อนหน้า ทำให้เรามองว่า หากมีสัญญาณที่ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยจะสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สำเร็จ
นักลงทุนต่างชาติก็อาจมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้นและเริ่มทยอยกลับมาเป็นฝั่งซื้อสินทรัพย์ไทยสุทธิ ซึ่งจะช่วยทำให้เงินบาทไม่ได้อ่อนค่าไปมาก โดยเรายังคงประเมินโซนแนวต้านสำคัญไว้ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแรกแถว 34.75 บาทต่อดอลลาร์ มาได้ในช่วงวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ หากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ (ซึ่งเราคาดว่าต้องเห็นความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลก่อน) เราประเมินโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญแรก และโซน 34.25 บาทต่อดอลลาร์ เป็นโซนแนวรับถัดไปในระยะสั้น
นอกจากนี้ ทิศทางเงินดอลลาร์อาจเริ่มเข้าสู่ช่วงแกว่งตัว sideway เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ในตลาดต่างก็มีสถานะ Short เงินดอลลาร์อยู่ (มองเงินดอลลาร์อ่อนค่า) และรอจังหวะในการเพิ่มสถานะ Short เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงนี้ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.70-34.95 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideway (แกว่งตัวในช่วง 34.78-34.90 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ ทำให้ทั้งเงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในกรอบเดิม
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด (ราว 85% ของบริษัทที่ได้รายงานผลประกอบการนั้น มีผลกำไรดีกว่าคาด) รวมถึงแรงซื้อหุ้นในจังหวะย่อตัว หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.90%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย +0.09% หนุนโดยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) เดือนสิงหาคม ที่ปรับตัวขึ้น ดีกว่าคาด ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นทั้งรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนฝั่งยุโรป
ในฝั่งตลาดบอนด์ แรงขายบอนด์ระยะยาวฝั่งสหรัฐฯ เริ่มชะลอลงบ้าง ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 4.08% (กรอบ 4.05%-4.12%) โดยเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟดจากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนอีกครั้ง
ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (ยังคงเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) เนื่องจาก Risk-Reward ถือว่าน่าสนใจ โดยเราประเมินว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจมีอีกไม่มากนัก (มองบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ทะลุระดับ 4.30%)
ขณะที่ การปรับตัวลดลงยังมีโอกาสพอสมควร (คงเป้าปลายปี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แถว 3.50%) ในกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง หรือ เฟดเริ่มส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหว sideway โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 102.1 จุด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็เผชิญแรงขายทำกำไรบ้าง ในช่วงที่บรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง
ในส่วนของราคาทองคำ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตาปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานยอดการค้าเดือนกรกฎาคม โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า ยอดการส่งออก (Exports) จะยังคงหดตัวกว่า -12.6%y/y กดดันโดยการชะลอตัวของบรรดาเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สอดคล้องกับรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ยังคงอยู่ในภาวะหดตัว (ดัชนีต่ำกว่าระดับ 50 จุด)
นอกจากนี้ การฟื้นตัวในประเทศที่ยังคงซบเซาจะกดดันให้ยอดการนำเข้า (Imports) ยังคงหดตัว -5.3%y/y ทั้งนี้ ในระยะถัดไป เราคาดว่า ยอดการค้าของจีน โดยเฉพาะในฝั่งนำเข้าอาจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังทางการจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อของแต่ละประเทศ อาทิ อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง ก็อาจทำให้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้
นอกจากนี้ เรามองว่า รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ยังคงเป็นปัจจัยที่ควรติดตามใกล้ชิดและอาจส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ และส่วนในฝั่งไทย สถานการณ์การเมืองไทยจะยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อรอลุ้นการจัดตั้งว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลใหม่และการโหวตเลือกนายกฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าในรอบเกือบ 1 เดือน (นับตั้งแต่ 13 ก.ค. 2566) ที่ระดับ 34.94 ในช่วงเช้าวันนี้ (8.40 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าตาม sentiment ของค่าเงินหยวน สวนทางกับเงินดอลลาร์ฯ ที่ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดยังคงให้ความเห็นถึงความจำเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปของสหรัฐฯ นอกจากนี้ตลาดยังคงรอติดตามสถานการณ์และปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศของไทยอย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.75-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ประเด็นทางการเมือง ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และตัวเลขการส่งออกเดือนก.ค. ของจีน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กระหึ่มโลก! สาวไทย U-19 แซงดับจีนระทึก 3-2 ทะลุรอบ 8 ทีมศึกชิงแชมป์โลก
การแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนหญิง อายุต่ำกว่า 19 ปี ชิงแชมป์โลก 2023 ณ สนามพิค อารีนา เมืองเซเกด ประเทศฮังการี วันที่ 7 สิงหาคม 2566 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติจีน
รายชื่อ 6 คนแรกของทีมชาติไทย ได้แก่ กนกพร แสงทอง, วริศรา สีทาเลิศ, กาญจนา ศรีใสแก้ว, ภัทรวดี คำนวน, พุทธิมล งามนวล, ธัญพร สีโซ่ ตัวรับอิสระ กัลยรัตน์ คำวงษ์ และ ณัฐมน เหลืองวัฒนวิไล
ผลการแข่งขันปรากฎว่า สาวไทยพ่ายไปก่อน 2 เซตแรก แต่กลับมาเอาชนะไปได้ใน 2 เซตที่เหลือ จนต้องตัดสินด้วยเซตสุดท้าย ซึ่งไทยสามารถเอาชนะไปได้แบบสุดระทึก 15-12 ทำให้ไทยชนะไปได้แบบสุดเดือด 3-2 เซต 31-33, 16-25, 25-16, 25-17, 15-12 โดยกาญจนา ศรีใสแก้ว ทำคะแนนสูงสุด 30 คะแนน
ทั้งนี้ทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ พบศึกหนัก เจอ ญี่ปุ่น โดยจะแข่งขันในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เวลาการแข่งขันรอฝ่ายจัดยืนยันอีกครั้ง
โปรแกรมรอบก่อนรองชนะเลิศ (8 ทีมสุดท้าย)
สหรัฐอเมริกา พบ บราซิล
อิตาลี พบ โครเอเชีย
ตุรกี พบ บัลแกเรีย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีสังเกต เนื้อสัตว์แบบไหน มี “พยาธิ”
หากลองค้นหาข้อมูลดูในอินเตอร์เน็ตจะพบว่ามีการถ่ายภาพเนื้อสัตว์สดๆ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของเนื้อสัตว์นั้นๆ และสอบถามอย่างไม่แน่ใจว่า “นี่มันคือพยาธิใช่ไหม?” อยู่มากมายหลายต่อหลายครั้ง และส่วนใหญ่ภาพที่เห็นน่ากลัวเกินกว่าที่เราจะกล้านำมาปรุงอาหารทานต่อ แต่ก็มีบางครั้งที่เป็นเพียงส่วนผสมของเครื่องเทศเพิ่มเข้ามาจากผู้ผลิตที่ทำให้เราตกใจเล่นเท่านั้น
ดังนั้น Sanook! Health จึงขอแนะนำวิธีเลือกเนื้อสด ว่าแบบไหนเสี่ยงพยาธิมาฝากกันค่ะ
พยาธิตัวตืด
พยาธิตัวตืด มีทั้งพยาธิตืดหมู และพยาธิตืดวัว จะพบพยาธิตืดวัวได้บ่อยกว่าตืดหมู พบได้ทั่วไปในประเทศที่มีการบริโภคเนื้อวัว และเนื้อหมู
ลักษณะของเนื้อที่พบพยาธิ จะเป็นลักษณะของไข่พยาธิทรงกลมสีขาวเหลือง เม็ดขนาดเท่าสาคู ลักษณะคล้ายถุงน้ำใสๆ เล็กๆ ขาวๆ มีหัวของพยาธิอยู่ภายในซึ่งเป็นระยะติดต่อ กระจายอยู่ทั่วเนื้อ
เมื่อคนกินหมูหรือวัวที่มีไข่พยาธิตัวตืดโดยไม่ปรุงสุกให้ดี พยาธิตัวอ่อนจะโผล่หัวออกมา และเจริญเติบโตเป็นพยาธิ เต็มวัยเกาะติดอยู่กับผนังลำไส้เล็กโดยมีปล้องยาวออกไปเรื่อยๆ พยาธิตัวเต็มวัยทำ ให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร รวมทั้งคลื่นไส้ อาเจียน และซีด จากภาวะโลหิตจาง
พยาธิไส้เดือน
พยาธิไส้เดือนเป็นพยาธิที่พบได้มากที่สุดประมาณ 70-80% ของฟาร์มสุกร จะเข้าสู่ร่างกายของหมูผ่านการกิน โดยหมูอาจจะทานอาหารที่ปนเปื้อนอุจจาระที่มีไข่ของพยาธิอยู่ ไข่พยาธิจึงเข้าไปเจริญเติบโตตามลำไส้ ปอด และอวัยวะภายในอื่นๆ ของหมู
ลักษณะของเนื้อที่พบพยาธิ จะพบลักษณะเส้นๆ เรียวๆ นุ่มๆ สีขาวแดง อยู่ในเครื่องในของหมู โดยอาจสับสนกับเส้นเลือดของหมูได้ แต่ส่วนใหญ่จะพบพยาธิไส้เดือนในเครื่องในของหมูมากกว่าเนื้อหมู ได้แก่ ไส้ ตับ ปอด และไต เป็นต้น แต่หากสังเกตเห็นตับหมูมีลักษณะเป็นจุดเลือดออก เหมือนมีเม็ดเลือดขาวมารวมกัน นั่นจะเป็นระยะที่ตัวอ่อนเคลื่อนตัวผ่านตับ จนทำให้เกิดรอยโรคที่เรียกว่า “milk spot” ที่เกิดขึ้นหลังจากที่หมูติดพยาธิ 10-14 วัน หากไม่มีการติดพยาธิซ้ำ รอย milk spot นี้จะหายไปเอง แต่หากมีการติดพยาธิซ้ำ จะพบรอย milk spot ที่ตับด้วย
หากบริโภคหมูดิบที่มีตัวพยาธิ หรือไข่พยาธิเข้าไป พยาธิก็อาจเข้าไปเจริญเติบโตในร่างกายได้ หากกลายเป็นโรคพยาธิไส้เดือนอาจเกิดอาการแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย มีไข้ และหากพยาธิฝังตัวอยู่ที่ลำไส้เล็ก จะมีอาการท้องใหญ่ ขาดสารอาหารปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และหากมีจำนวนพยาธิมาก อาจกระจุกรวมตัวเป็นก้อนจนทำให้ลำไส้อุดตันได้
พยาธิตัวกลมไทรชิเนลลา สไปเรลีส
เป็นพยาธิอีกชนิดหนึ่งที่อาจพบได้ในเนื้อสัตว์ทั้งสัตว์เลี้ยง และสัตว์ป่า เช่น หมู หนู หมี และยังสามารถพบได้ใน แหนม โดยพยาธิสามารถมีชีวิตอยู่ในเเหนมได้นานถึง 8 วัน
ด้วยเหตุที่พยาธิตัวกลมไทรชิเนลลา สไปเรลีส เป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็ก จึงมักสังเกตไม่ค่อยเห็น แพทย์ต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจในห้องปฏิบัติการ
พยาธิตัวเต็มวัยจะไชอยู่ในลำไส้เล็กของสัตว์ หรือคนที่เป็นโรค เมื่อเมื่อผสมพันธุ์กันเเล้ว ตัวเมียจะปล่อยพยาธิตัวอ่อนออกมา ซึ่งท้ายที่สุดเเล้วมันจะเดินทางเข้าไปอยู่ในกล้ามเนื้อลาย โดยมันชอบไปอยู่ในกล้ามเนื้อที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยๆ เช่น กล้ามเนื้อเเถวน่อง ลิ้น กระบังลม
ในระยะเเรกในช่วงประมาณ 1-7 วัน หลังกินเนื้อดิบ จะมีอาการท้องร่วง คล้ายอาหารเป็นพิษ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียมาก ต่อมาหลังจากอาทิตย์เเรกผ่านไป ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หน้าบวม หนังตาบวม เยื่อบุตาอักเสบเเละมีเลือดออกใต้หนังตา ตาพร่า อ่อนเพลียมาก ปวดกล้ามเนื้อเเละกดเจ็บ การเคลื่อนไหวเเขนขาทำได้ลำบาก การพูด หายใจ กลืน เเละเคี้ยวอาหารทำได้ลำบาก ถ้าโชคร้ายก็อาจมีอาการเเทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาจรุนเเรงถึงตายได้ ต่อจากนั้นประมาณอาทิตย์ที่ 5 หรือ 6 ไข้จะเริ่มลดลง อาการปวดกล้ามเนื้อลดลง พูดได้ดีขึ้น อาการต่างๆ จะค่อยๆ ลดลงจนเป็นปกติ
นอกจากเนื้อสัตว์อย่างหมูหรือเนื้อแล้ว ปลา กุ้ง หอย เป็ด ไก่ กบ งู ยังพบพยาธิต่างๆ ที่อาจสังเกตเห็นได้ยากอีกมากมาย เช่น พยาธิตัวจิ๊ด พยาธิใบไม้ในตับ พยาธิใบไม้ในปอด และอื่นๆ
วิธีป้องกันเนื้อสัตว์ที่มีพยาธิ ทำได้ง่ายๆ เพียงเลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ และปรุงเนื้อสัตว์ให้สุก 100% ทุกครั้งที่ทาน เพราะความร้อนจากการปรุงอาหารสามารถทำลายไข่ และตัวพยาธิได้ ทำให้เราทานเนื้อสัตว์ได้อย่างปลอดภัย ไร้พยาธิเจริญเติบโตในร่างกาย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บทสนทนา+ศัพท์น่ารู้ที่ใช้ในร้านอาหาร
ประโยคยอดนิยม ที่มักใช้ในร้านอาหาร
Do you have any tables available?
คุณมีโต๊ะว่างบ้างมั้ย ?
We are fully booked.
โต๊ะร้านเราเต็มหมดแล้ว
The restaurant is full now.
ร้านของเราเต็มแล้วค่ะ
I’d like to book a table, please.
ฉันต้องการจะจองโต๊ะล่วงหน้า
I’d like to make a reservation.
ฉันต้องการจะจองโต๊ะ
Do you have a reservation?
คุณได้จองโต๊ะไว้รึเปล่าครับ?
That table is already reserved.
โต๊ะนั้นมีคนจองแล้วค่ะ
I’ve got a reservation.
ผมจองเอาไว้แล้วครับ
Under what name?
ใช้ชื่ออะไรจองไว้ครับ?
Who’s the reservation for?
จองไว้ในนามของใครครับ ?
How many people?
กี่ท่านคะ ?
How many seats?
กี่ที่คะ ?
Table for…please.
ขอโต๊ะสำหรับ…(จำนวนคน)…คนค่ะ
Could you follow me, please.
เชิญเดินตามผมมาเลยครับ
Could I see the menu, please.
ขอเมนูหน่อยได้มั้ยคะ ?
What would you like to eat ?
คุณต้องการจะทานอะไรดีคะ?
Would you like to see the menu?
คุณต้องการเมนูมั้ยครับ?
Would you like to order now?
คุณต้องการจะสั่งอาหารเลยมั้ยครับ?
Are you ready to order?
คุณพร้อมที่จะสั่งอาหารเลยมั้ยคะ?
I’ll be back for your order in a moment.
อีกสักครู่ ดิฉันจะกลับมารับออเดอร์นะคะ
What do you have for today?
วันนี้มีอาหารอะไรบ้างคะ
What tasty dishes do you have?
ร้านนี้มีอาหารอร่อยแนะนำมั้ยครับ?
What’s the special menu for today?
วันนี้มีเมนูพิเศษมั้ยครับ?
Do you have any recommended dishes?
ร้านคุณมีรายการอาหารแนะนำบ้างมั้ยคะ?
Could you recommend something?
คุณช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยครับ?
Can I have…?
ฉันขอ…(ชื่ออาหาร) /เป็นประโยคสั่งอาหาร
This is not what I ordered.
ฉันไม่ได้สั่งจานนี้ค่ะ
Bill please.
คิดเงินด้วยครับ
Do you accept credit cards?
คุณรับบัตรเครดิตมั้ย?
Cash only.
รับเฉพาะเงินสดค่ะ
Please pay at the cashier.
ชำระเงินที่แคชเชียร์นะคะ
Here’s your change, sir.
เงินทอนครับ
คำศัพท์น่ารู้ในร้านอาหาร
Appetizer / Starter
อาหารเรียกน้ำย่อย
Main course
อาหารจานหลัก
Drink
เครื่องดื่ม
Dessert
ของหวาน
Tax
ภาษี
regional dish
อาหารพื้นบ้าน
Well-done
เนื้อสุก
raw
ดิบ
dish
จาน
tasty
รสชาติดี / อร่อย
reservation
จองโต๊ะ
recommend
แนะนำ
Cash
เงินสด
Pay
จ่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
พิมพ์ผิดอย่าไปกลัว Google Search เพิ่มเครื่องมือตรวจสอบไวยากรณ์ด้วย AI
นานๆ ที Google Search จะออกฟีเจอร์ใหม่มาสักทีในรอบนี้เอาใจคนที่กลัวว่าตัวเองจะพิมพ์ข้อความไม่ถูกหลักไวยากรณ์ เมื่อ Google เปิดตัวฟีเจอร์ Grammar Check (หรือจะเรียกว่า Check Grammar ก็ไม่ผิด) ออกมา
วิธีการใช้งานให้คุณเปิดหน้า Google Search ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ หรือ มือถือก็ได้ ให้คุณพิมพ์ประโยคที่ต้องเช็ค แล้วต่อด้วยคำว่า Grammar Check หรือ Check Grammar ก็ได้ (เช่น This is a car Grammar Check) ระบบจะทำงานและตรวจสอบในส่วนที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง โดยมีคำแนะนำให้คุณใช้ที่ถูกต้อง และมีการแก้ไขข้อความให้เสร็จ และถ้าถูกต้อง จะมีเครื่องหมาติ๊กถูก
Google ได้เผยว่าการทำงานนี้มีการนำ AI มาตรวจสอบข้อความให้ถูกต้อง ดังนั้นอาจจะมีความคลาดเคลื่อนบ้าง แต่ระบบก็จะมีการกรองว่าถ้าประโยคมันจะเป็นอันตราย ภัยคุกคาม และสร้างความเกลียดชัง อาจจะไม่สามารถทำได้ แถมยังมีการส่ง Feedback ให้ได้ด้วย
ทั้งนี้ใครอยากทดลองก็สามารถลองได้วันนี้ แต่ช่วงแรกนี้จะรองรับ ภาษาอังกฤษเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อาหารลดไขมันพอกตับ ยิ่งทานยิ่งดีต่อสุขภาพ
ไขมันพอกตับ เป็นภาวะที่หลายคนกำลังเผชิญ เพราะพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ระวัง ตามใจปากมากเกินไป จนทำให้น้ำหนักเกินมาตรฐาน อ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง และเสี่ยงเป็นไขมันพอกตับตามมา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตับอักเสบ หรือพัฒนาเป็นมะเร็งตับได้ในอนาคต น่ากลัวใช่เล่นนะ
แพทย์มักแนะนำให้ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ลดการทานอาหารที่มีน้ำตาล แป้ง ไขมัน (เลว) สูง เช่น อาหารทอด อาหารปิ้งย่าง ขนมในร้านเบเกอรี่ต่างๆ แต่ถ้าไอ้นู่นก็งด ไอ้นี่ก็งด แล้วเราต้องทานอะไรเพื่อช่วยลดไขมันพอกตับล่ะ? มาดูกันเลย
อาหารลดไขมันพอกตับ ยิ่งทานยิ่งดีต่อสุขภาพ
หากอยากลดไขมันเลว ควรเอาไขมันดีเข้าสู้ เพราะไขมันดีจะช่วยลดการสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ในตับได้ ไขมันดีพบได้ในอาหารมากมาย เช่น
1. ปลาทะเลน้ำลึก อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่ามีอยู่ใน แซลมอน สำหรับปลาไทยๆ สามารถทานปลาสวาย ปลาทู ปลาซาบะ ได้ แต่ปลาเหล่านี้หากทานมากอาจได้รับไขมันอิ่มตัวสูงไปด้วย ดังนั้นควรทานปลาเหล่านี้คู่กับผัก เพื่อช่วยจับไขมันส่วนเกินออกไปได้บ้าง และวิธีทานปลาเหล่านี้ไม่ควรปรุงด้วยการทอด เพราะจะทำให้โอเมก้า 3 ที่จะเข้าไปช่วยลดไตรกลีเซอไรด์หายไป ควรใช้วิธีต้ม นึ่ง หรืออบแทน
2. น้ำมันพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดฟักทอง น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นไขมันที่ดี ก็ไม่ควรทานเยอะเกินไปอยู่ดีนะคะ เพราะน้ำมันให้พลังงานสูง หากทานมากกว่าที่เราจะเผาผลาญหมด ก็มีสิทธิ์อ้วนได้เช่นกัน
3. ถั่วชนิดต่างๆ เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เฮเซลนัท แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ ข่าวดีคือการทานถั่ววันละ 30 กรัม (ประมาณ 1 กำมือ) คู่กับอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆ จะช่วยลดน้ำหนักได้มากกว่า 2 เท่าของคนที่ไม่ทานถั่วเลย
4. ผัก ผลไม้ และธัญพืชที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวกล้อง (แทนข้าวขาว) บล็อกโคลี่ คะน้า ผักกาด ตำลึง ผักบุ้ง อโวคาโด แอปเปิ้ล ฝรั่ง แตงโม ส้ม ฯลฯ หากอยากทานขนมปัง ให้เลือกเป็นแบบโฮลวีทที่มีธัญพืชผสมด้วย
ทั้งนี้อย่าลืมว่าอาหารทุกมื้อสำคัญ ทานให้ครบ 3 มื้อ และครบ 5 หมู่อาหาร เน้นผ้กผลไม้มากกว่าคาร์โบไฮเดรต แล้วออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละอย่างน้อย 45 นาที – 1 ชั่วโมง เท่านี้คุณก็ห่างไกลจากความเสี่ยงในการเป็นไขมันพอกตับแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/08/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,850.00 | 31,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,063.00 | 31,275.08 | 32,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,856.70 | 28,147.57 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,650.40 | 25,020.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 928.00 | 14,068.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 722.00 | 10,945.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,138.00 | 32,412.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/08/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.55 | 38.55 | 39.95 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.28 | 38.28 | 39.68 | 38.28 | 38.28 | 38.28 | 38.28 | 38.28 | 38.28 | 38.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.24 | 36.24 | 37.64 | 36.24 | 36.24 | – | 36.24 | 36.24 | 36.24 | 36.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.69 | 36.69 | – | – | – | – | – | – | – | 36.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.54 | 47.44 | 49.94 | 47.84 | – | – | – | – | – | 43.54 |
เบนซิน 95 | 46.34 | – | – | – | 47.51 | – | 46.84 | 46.49 | – | 46.34 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.04 | 42.44 | 47.94 | 44.54 | 44.54 | – | – | – | – | 41.04 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |