เทรนด์เที่ยวไปทำงานไปฮิตCloud11ผุดโรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อกรับคนรุ่นใหม่
Cloud 11 จับมือแมริออทผุดโรงแรม‘สร้างสรรค์ แบงค็อก’ภายใต้แบรนด์ Tribute Portfolio แห่งแรกในประเทศไทยรับเทรนด์‘Workcation’ เที่ยวไปทำงานไปของครีเอเตอร์ นักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ ผลักดันการเติบโตของย่านนวัตกรรมสุขุมวิทใต้เตรียมเปิดตัวปี2567
ที่ยวไปทำงานไป หรือ Workcation เป็นเทรนด์การทำงานในโลกยุคใหม่ ซึ่งกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในเมืองที่คนอยากมา Workcation เป็นอันดับต้นไม่แพ้จังหวัดภูเก็ต
องศา จรรยาประเสริฐ ผู้อำนวยการโครงการ Cloud 11 กล่าวว่า Cloud 11 ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมเปิดตัวโรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก หนึ่งใน ทริบิวท์ พอร์ตฟอลิโอ (Tribute Portfolio) แบรนด์บูติคชั้นนำของกลุ่มแมริออท ความร่วมมือครั้งนี้บ่งบอกถึงความไว้วางใจในศักยภาพของ MQDC และตอกย้ำความพร้อมของ Cloud 11 ในการเป็นศูนย์กลางระบบนิเวศการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด
การมีโรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก มาเปิดทำการจะตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตของครีเอเตอร์ และนักธุรกิจ ก้าวทันเทรนด์การทำงานทั่วโลกที่รวมเอาเรื่องธุรกิจ การทำงาน และการพักผ่อนไว้เป็นเรื่องเดียวกัน ย่อมเติมเต็มพื้นที่ของเราให้สามารถบรรลุอีกระดับของพันธกิจ ‘Empowering Creators’ ได้
จากความเชื่อที่ว่าจิตวิญญาณแห่งการเล่นคือจุดกำเนิดแห่งนวัตกรรม จึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อโรงแรม Tribute Portfolio แห่งนี้ว่า “โรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก” ที่มาพร้อมแนวคิดการออกแบบให้โรงแรมแห่งนี้เป็น “Creator’s Playground” พื้นที่ที่เปิดให้ผู้เข้าพักเล่นและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ สนับสนุนการคิดและจินตนาการอย่างอิสระ เพื่อให้เหล่านักสร้างสรรค์ได้ค้นหาแรงบันดาลใจที่จะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลงานใหม่ๆ ดังนั้น ห้องพัก บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก จึงได้รับการออกแบบให้เอื้อต่อการผสานการเล่น การพักผ่อน การทำงาน รวมถึงการพบปะสังสรรค์ได้อย่างไม่มีสะดุด
ซอว์น ฮิลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนา ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นจีนแผ่นดินใหญ่ บริษัทแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงการเปิดโรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก ที่ Cloud 11 ว่า เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกับ MQDC นำแบรนด์ Tribute Portfolio มาเปิดที่ประเทศไทยที่ Cloud 11 เราเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC และรูปแบบโครงการที่ออกแบบมาเพื่อเป็นฮับของคอนเทนต์ครีเอเตอร์โดยเฉพาะ
จากจุดแข็งที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ย่านสุขุมวิทใต้ที่กำลังเติบโตเป็นย่านนวัตกรรม ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกึ่งกลางระหว่างย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพ (CBD) กับสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งยังใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีอุดมสุข จึงสามารถเดินทางเข้าออกใจกลางเมืองและย่านธุรกิจอื่นๆ ได้สะดวกรวดเร็ว
ทำให้เรามั่นใจว่าโรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก จะสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโตสูงอย่างลูกค้ากลุ่มครีเอเตอร์ นักเดินทาง และนักธุรกิจจากทั่วโลกที่เข้ามายังย่านนวัตกรรม และมองหาสถานที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ Workcation ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับทั้งการทำงาน และการพักผ่อน สามารถได้รับประสบการณ์ความสะดวกสบายด้วยนวัตกรรม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และการบริการที่ได้มาตรฐานของเรา โดยโรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก รองรับความต้องการที่พักได้ถึง 252 ห้อง ด้วยห้องพักหลากหลายรูปแบบ พร้อมเปิดให้บริการในปี2567
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
บิ๊กอสังหาฯดักโอกาสครึ่งปีหลัง ‘เอพี-แสนสิริ’ผุดโครงการใหม่แสนล้าน
แม้ว่าภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรกชะลอตัวจากปัจจัยลบรอบด้าน แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง “เอพี-แสนสิริ” มองว่ายังมีโอกาสครึ่งปีหลังนำเสนอโครงการใหม่ผุดโครงการใหม่แสนล้านเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยและผลักดันรายได้ตามเป้า
วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ครึ่งปีหลังปีนี้เตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่มูลค่ารวม 55,940 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 19,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 24,750 ล้านบาท คอนโด 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท และต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,340 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีหลังเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมากกว่า 179 โครงการ มูลค่ากว่า 143,367 ล้านบาท
เอพี เคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “DIVE DEEPER IN PROPERTY BUSINESS” ทำงานแบบเจาะลึกเพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาคอนโด กลุ่มธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยว และกลุ่มธุรกิจพัฒนาทาวน์โฮม
ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มแนวราบอย่างทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวเป็นกุญแจขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตของรายได้และกำไร รายได้ที่เกิดจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 17,358 ล้านบาท หรือ 73% ของรายได้รวมที่มีแบรนด์ THE CITY, CENTRO และบ้านกลางเมืองเป็นหัวหอก
ขณะที่กลุ่มคอนโดภาพรวมธุรกิจเริ่มมีแนวโน้มเป็นบวก สังเกตได้จากสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยบริษัทรับรู้รายได้จาก ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน, ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม และคอนโดร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในไตรมาสที่ผ่านมา มียอดขายรวมกว่า 46,819 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกมีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบกลุ่มคอนโด (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ สูง 23,856 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,023 ล้านบาท ไตรมาส 2 สร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบกลุ่มคอนโด (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ 12,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 11,805 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวม 1,478 ล้านบาท ราว 4.5%
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง แสนสิริมีแผนเปิดตัว 39 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 56,700 ล้านบาท เป็นแนวราบ 23 โครงการ มูลค่ารวม 35,900 ล้านบาท ไฮไลท์ด้วยการเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ “เศรษฐสิริ” 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาท ครอบคลุมทุกทำเล และแผนเปิดตัวคอนโดอีก 16 โครงการ มูลค่ารวม 20,800 ล้านบาท ไฮไลท์ด้วยการเปิดตัวคอนโดลักชัวรีในทำเลศักยภาพ “ราชเทวี” และ “อารีย์” เพื่อผลักดันยอดขายและยอดรับรู้รายได้ในอนาคต
สำหรับช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายรวม 27,000 ล้านบาท หรือเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขาย 55,000 ล้านบาท ซึ่งปิดการขายไป 10 โครงการ มูลค่ารวม 20,200 ล้านบาท ประกอบด้วย แนวราบ 7 โครงการ ได้แก่ เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา, เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล, เศรษฐสิริ พระราม 5, อณาสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี, อณาสิริ รังสิต-คลอง 2, คณาสิริ ศาลายา-ปิ่นเกล้า, สิริเพลส ราชพฤกษ์-พระราม 5 และ คอนโด 3 โครงการ ได้แก่ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ รังสิต, ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต ล่าสุดปิดการขายคอนโด เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ทำเลห้าแยกลาดพร้าว
ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ 7 เดือนของโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จมูลค่า 19,000 ล้านบาท หรือ 46% จากเป้าหมายยอดโอน 41,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีหลังเตรียมโอนอีก 3 โครงการแนวสูง แนวราบ มูลค่ารวม 3,100 ล้านบาท ได้แก่ เฮย์ หัวหิน ซึ่งเป็น Affordable คอนโดพร้อมอยู่และ เนีย บาย แสนสิริ คอนโดจากซีรี่ย์ One of a Kind Project ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
รวมทั้งโครงการแนวราบระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี เตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวพร้อมโอน “บูก้าน พัฒนาการ” จำนวน 17 ยูนิต ราคา 65-115 ล้านบาท รองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ปัจจุบันบริษัทมีรายได้ในมือ (Secured Revenue) 29,700 ล้านบาท หรือกว่า 70% จากเป้าหมายรายได้การขาย 41,000 ล้านบาทในปีนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 9ส.ค.”อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์
– เงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าในระยะสั้นทั้งภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม-การปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ -การย่อตัวลงของราคาทองคำ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 9 ส.ค.2566 ที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมองว่า ในระยะสั้น เงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเผชิญทั้งภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ที่หนุนให้เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ที่ยังคงกดดันให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย
นอกจากนี้ การย่อตัวลงของราคาทองคำก็ยังเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่า หากเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าทะลุระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ไปไกลมาก ก็อาจสะท้อนว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือ เพิ่มสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ในโซนดังกล่าว ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาท อาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
โดยเราประเมินแนวต้านในโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ และหากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ (ซึ่งเราคาดว่าต้องเห็นความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลก่อน) เรายังคงประเมินโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญ
แม้ว่าในวันนี้อาจมีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญไม่มากนัก และผู้เล่นในตลาดอาจรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ ทว่า ผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวัง ความผันผวนในฝั่งตลาดค่าเงินเอเชียที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของจีน (ในช่วงราว 8.30 น.)
โดยผู้เล่นในตลาดอาจตอบรับในเชิงบวก ต่อรายงานอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงได้ (Bad News = Good News for the markets) จากความหวังว่า ทางการจีนอาจเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งต้องจับตาใกล้ชิดว่า ตลาดการเงินจะตอบรับในเชิงบวกได้จริงตามที่เราคาดหรือไม่ โดยหากผู้เล่นในตลาดตอบรับในเชิงบวกก็อาจหนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งเอเชียเริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้และอาจช่วยชะลอการอ่อนค่า หรือ หนุนให้สกุลเงินเอเชียรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงนี้ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.95-35.20 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ sideway up (แกว่งตัวในช่วง 34.98-35.07 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว รวมถึงการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off)
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) อีกครั้ง ท่ามกลางแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็ก-กลาง หลัง Moody’s ได้ปรับลดเครดิตเรทติ้งของธนาคารขนาดเล็ก-กลาง หลายแห่ง และเตรียมทบทวนเครดิตเรทติ้งของธนาคารขนาดใหญ่ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.42%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลงราว -0.23% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารเช่นเดียวกับในฝั่งสหรัฐฯ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารอิตาลี ยังเผชิญแรงขายหนัก หลังทางการอิตาลีอนุมัติการเก็บภาษีลาภลอย 40% จากกำไรพิเศษของธนาคาร ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการพุ่งขึ้นแรงของหุ้น Novo Nordisk +17.3% หลังรายงานผลการศึกษายารักษาโรคอ้วนที่มีประโยชน์ต่ออาการที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ
ในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่มีทั้งฝั่งสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ และฝั่งที่มองว่า เฟดอาจไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง รวมถึงบรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 4.00% (กรอบ 3.98%-4.04%)
อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (ยังคงเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) เนื่องจาก Risk-Reward ถือว่าน่าสนใจ โดยเราประเมินว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจมีอีกไม่มากนัก (มองบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ทะลุระดับ 4.30%) ขณะที่ การปรับตัวลดลงยังมีโอกาสพอสมควร (คงเป้าปลายปี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แถว 3.50%) ในกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง หรือ เฟดเริ่มส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหว sideway โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนที่จะย่อตัวลงบ้าง หลังเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนเริ่มส่งสัญญาณว่า เฟดอาจหยุดการขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 102.5 จุด ทั้งนี้ เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังคงแกว่งตัว sideway เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ นี้
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในช่วงตลาดผันผวนนั้น ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ย่อตัวลง ใกล้ระดับ 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะเริ่มทรงตัวที่ระดับดังกลาวได้ หลังเงินดอลลาร์เริ่มย่อตัวลง นอกจากนี้ เรายังเห็นแรงซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกรกฎาคม โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า เศรษฐกิจจีนอาจเข้าสู่ภาวะเงินฝืดได้อีกครั้ง ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ยังซบเซาอยู่ สะท้อนผ่านอัตราเงินเฟ้อ CPI ที่จะลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ -0.4% อย่างไรก็ดี ภาพดังกล่าวอาจยิ่งเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะสามารถใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ร่วมกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้น
ส่วนในฝั่งไทย เรามองว่า ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การเมืองต่อ เพื่อประเมินแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลผสมว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร โดยตลาดการเงินไทยอาจกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้ หากการจัดตั้งรัฐบาลผสมมีความชัดเจนมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สื่อแดนมังกรวิเคราะห์! “สาวจีน” พ่าย “สาวไทย” ตกรอบศึกลูกยาง ชิงแชมป์โลก ยู-19
กลายเป็นประเด็นเดือดแดนมังกรกับผลงานของ ทีมลูกยางสาวทีมชาติจีน ที่ต้องกระเด็นตกรอบด้วยน้ำมือของ “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2023 รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดยเกมดังกล่าว “ลูกยางสาวแดนมังกร” ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งของรายการจากผลงานเก็บชัยรวดทุกนัด และไม่เสียเซตให้กับคู่แข่งเลย แถมเกมนี้พวกเขาก็ถูกมองว่าจะเก็บชัยไปได้อย่างไม่ยากเย็นเมื่อโคจรมาเจอกับ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม
ซึ่งรูปเกมในช่วงแรกก็เป็น สาวจีน ที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 2-0 เซต แต่สุดท้ายพวกเขากลับพลิกล็อกแพ้ให้กับ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ไปแบบช็อกโลก 2-3 สร้างความแปลกใจให้กับแฟนลูกยางทั่วโลกเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วง 3 เซตหลังพวกเขาแพ้ไปแบบขาดลอย
เรื่องนี้ทำให้ เฟิ่งหวงนิวส สื่อของประเทศชี้ว่าเป็นความพ่ายแพ้สุดอัปยศ พร้อมทั้งได้ทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุความพ่ายแพ้ทั้งหมด 3 ข้อหลัก ประกอบด้วย เรื่องแรกคือการรับบอลแรกที่ดูจะเป็นปัญหาของทั้งทีม และทำให้เสียโอกาสในการที่จะพลิกเกมกลับไปทำแต้ม
เรื่องที่สองคือการเซตบอลของทีมที่ไม่มีความแน่นอน ทำให้ผู้เล่นตีติดเน็ตมากมาย ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเกมรับที่ไม่สามารถป้องกันการทำแต้มได้เลย จนทำให้เกิดคำถามว่าผู้เล่นเหล่านั้นเป็นนักกีฬาอาชีพหรือไม่
นอกจากนี้สื่อเจ้าดังยังชี้ว่า หลิว เซียวหมิง โค้ชของทีมไม่มีการปรับแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขัน รวมทั้งมีการตัดสินใจที่ล่าช้าต้องรอให้คู่แข่งทำแต้มแซงก่อนถึงจะมีการเปลี่ยนตัว แต่สุดท้ายก็ไม่ทันการณ์
สำหรับ “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ที่เป็นฝ่ายเอาชนะ สาวจีน จะผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปพบกับ ญี่ปุ่น อีกหนึ่งทีมแกร่งจากเอเชีย ในวันพุธที่ 9 สิงหาคม นี้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อธิบายชาวต่างชาติยังไงเวลาเราไปเที่ยวงานวัด (Temple Fair)
เข้าสู่ฤดูกาลเทศกาลมากมายในสิ้นปีกันแล้ว เทศกาลที่พบเจอได้บ่อยหนึ่งในนั้นคือเทศกาลงานวัดหรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Temple Fair เป็นงานที่อาจจะคุ้นชินสำหรับพวกเราแต่ว่าคงไม่ง่ายเลยที่เราจะอธิบายสิ่งต่างๆ ภายในงานให้ชาวต่างชาติเข้าใจ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันกับศัพท์ต่างๆที่อยู่ในงานวัดกัน
ก่อนอื่นเวลาเราควรจะอธิบายว่ากับชาวต่างชาติก่อนว่างานวัดคืออะไร (What is Temple Fair?) เพราะชาวต่างชาติคงจะงงกันอย่างแน่นอนถ้าเราพูดแค่ Temple Fair
Temple fair is an annually traditional festival.
- งานวันคืองานเทศกาลแบบท้องถิ่นที่จัดเป็นประจำปี
There is a place of religious ceremony, Thai traditional food and a local theme park. So that’s why people love it.
- งานวัดคือสถานที่รวมของการทำบุญหรือพิธีทางศาสนาต่างๆ อาหารถิ่นดั่งเดิมของไทย และเครื่องเล่นเหมือนสวนสนุกแบบพื้นเมือง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนถึงชอบไปงานวัด
เมื่อเราอธิบายชาวต่างชาติว่างานวัดคืออะไรแล้วเราลองมาอธิบายกิจกรรมต่างๆภายในงานกันดีกว่า
พิธีทางศาสนา (Religious Ceremony)
- การทำบุญ (Make merit)
- บริจาค (Donate)
- สวดมนต์ (Pray)
- ถวายสังฆทาน (Give the offering dedicated to the monks)
- ปิดทององค์พระพุทธรูป (Put gold leaf onto the Buddha image)
- จุดธูป/เทียน (Light the incense sticks/candle)
เครื่องเล่น
- ชิงช้าสวรรค์ (Ferris wheel)
- ม้าหมุน (roundabout)
- บ้านผีสิง (Haunted House)
- ปาเป้า (Throw darts)
- ยิงปืนอัดลม (Air gun shooting)
- เพ้นเซรามิค (Ceramics painting)
ของกิน
- ขนมหวานไทย (Thai dessert) เช่น Thai candy (ขนมหวานไทยที่ปั้นเป็นรูปทรง)
- อาหารพื้นเมือง (Local food) เช่น Nam Ngao rice noodle (ขนมจีนน้ำเงี้ยว)
- ข้าวโพดคั่ว (Popcorn)
คนเที่ยวงานคึกครื้น (People are very jolly) รู้คำศัพท์เหล่านี้แล้วอย่าลืมเอาไปอธิบายให้เพื่อนชาวต่างชาติกันนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ธุรกิจจับตลาด ‘เนื้อผ้าสัมผัสเย็น’ สู้อากาศร้อน
บรรดาธุรกิจค้าปลีกและเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นห้างเมซีส์ (Macy’s) หรือโคลัมเบีย (Columbia) ต่างขยายไลน์เสื้อผ้าระบายอากาศและมีเนื้อผ้าสัมผัสเย็น เพื่อหวังกระตุ้นยอดขายท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุขึ้นและผลักดันความต้องการเสื้อผ้าสู้อากาศร้อนทะลุปรอทได้
ส่วนบริษัทอื่น ๆ อย่างเช่น วีเอฟ คอร์ป เจ้าของนอร์ธเฟซ (The North Face) และรีฟอร์เมชัน (Reformation) เลือกใช้ผ้าเทนเซล (Tencel) ซึ่งเป็นเส้นใยไลโคเซลล์ที่บริษัทผู้ผลิตสิ่งทอ เลนซิง ระบุว่าเป็นเนื้อผ้าที่ซึมซับได้ดีกว่าผ้าฝ้ายเสียอีก
การผลักดันการใช้เนื้อผ้าสู้อากาศร้อน เกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทค้าปลีกด้านเสื้อผ้ามียอดขายร่วงลงจากภาวะเงินเฟ้อ ที่ทำให้ผู้บริโภคต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ประจวบกับการทำการตลาดเสื้อผ้า “สัมผัสเย็น” ในช่วงที่คลื่นความร้อนปกคลุมอย่างน้อย 3 ทวีปทั่วโลกในขณะนี้
ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องแต่งกายกำลังทุ่มลงทุนไปกับวัสดุน้ำหนักเบาและเนื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยสมรรถนะสูง เพื่อชดเชยวัสดุดั้งเดิมอย่างผ้าฝ้ายและใยสังเคราะห์ เช่นเดียวกับเส้นใยแบบไฮเทคที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกเย็นได้ตลอดเวลา
เจสส์ รามิเรซ นักวิเคราะห์จาก Jane Hali & Associates บอกว่า ผ้าเนื้อสัมผัสเย็นไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการสิ่งทอ เพราะนำมาใช้ในชุดกีฬาของแบรนด์อย่างลูลูเลมอน แต่ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ห้างค้าปลีกที่พยายามโปรโมตสินค้ากลุ่มนี้สำหรับการรับมือกับอากาศร้อนและขยายตลาดเป็นคอเลคชันที่สามารถจำหน่ายได้ทั้งปี ในภาวะที่ฤดูหนาวก็อบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
เอมิลี เอรูชา-ฮิลลิค รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์แบรนด์สินค้าของเมซีส์ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ไลน์เสื้อผ้าใหม่ของทางห้าง ยังรวมถึงเสื้อโค้ทยาวที่ทำจากเส้นใยไลโคเซลล์ และเสื้อยืดจากเส้นใยโมดาล (Modal) ที่ขายในราคา 24.50 ดอลลาร์โดยเป็นเนื้อผ้าลื่นดุจแพรไหมนี้ทำจากเส้นใยพืชที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี และเมซีส์เตรียมที่จะขยายกำลังการผลิตและทำการตลาดสินค้าบางอย่างในกลุ่มนี้ แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะเป็นสินค้าแบบใดบ้าง
ส่วนแบรนด์เสื้อผ้าสตรีรีฟอร์เมชัน เริ่มต้นจำหน่ายกระโปรง กางเกง และชุดเดรสที่ใช้เนื้อผ้าเทนเซล ที่ทางแบรนด์ระบุว่าเป็น “รากฐาน” ของผลิตภัณฑ์ของบริษัทด้วย
แม้ว่าธุรกิจเสื้อผ้ากลุ่มนี้ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก แต่ฝั่งบริษัทผู้ผลิตเนื้อผ้าสัมผัสเย็นนี้กำลังเติบโตอย่างมาก
บริษัทเลนซิง ที่เน้นการผลิตผ้าเทนเซล ขยายฐานการผลิตในประเทศไทยเมื่อปีก่อน ตามการเปิดเผยของผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ชารอน เปเรซ กับทางรอยเตอร์ โดยบริษัทเล็งเห็นความต้องการจากแบรนด์ดังอย่าง พาทาโกเนียและนอร์ธเฟซ แม้ว่าต้นทุนจะแพงกว่าวัสดุอื่น ๆ ประมาณ 10 เซนต์ต่อปอนด์ก็ตามที
ส่วนตลาดโดยรวมทั่วโลกของเส้นใยธรรมชาติอย่างไลโคเซลล์ โมดาล และคิวโปร เติบโตราว 10% จากระดับ 7.2 ล้านตันเมื่อปี 2022 อ้างอิงจากข้อมูลขององค์กรอิสระ Textile Exchange
บริษัท พีที โกลเดน เท็กซ์ทิล จากอินโดนีเซีย ซึ่งมีลูกค้าอย่างเมซีส์ และโปโล ราล์ฟ ลอเรน เพิ่มกำลังการผลิตเนื้อผ้าที่ทำจากเส้นใย “สมรรถนะสูง” ราว 20-30% ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ตามการเปิดเผยของผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ เบธ คาร์เตอร์ ชแล็ค กับทางรอยเตอร์
ทั้งนี้และทั้งนั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าวัสดุที่ทำการตลาดว่าเป็น “สัมผัสเย็น” จะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายให้ต่ำลง หรือแค่ช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายตัวมากขึ้นกันแน่
สมาคมด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอได้เริ่มทดสอบเรื่องวัสดุสัมผัสเย็น เพื่อวัดศักยภาพของเนื้อผ้าในการกระจายความชื้นและการแห้งเร็วของเนื้อผ้า อ้างอิงจากข้อมูลของ American Association of Textile Chemists and Colorists
โรเจอร์ บาร์เกอร์ ผู้ศึกษาด้านสิ่งทอจาก North Carolina State University กล่าวกับรอยเตอร์ว่า จำเป็นต้องมีการทดสอบที่ชัดเจนกว่านี้ ก่อนที่บริษัทต่าง ๆ จะกล่าวอ้างสรรพคุณเรื่องความเย็น เพราะการค้นพบในห้องทดลองที่มีมากมายก็ไม่ได้หมายความว่าการใช้จริงจะเป็นเช่นนั้น
เนื้อผ้าเย็นทันใจ-ขจัดเหงื่อทันที
บริษัทต่างผลิตเนื้อผ้าด้วยเส้นใยสมรรถภาพสูง อย่างเช่น คูลแมกซ์ของไลครา ที่ใช้เส้นใยสังเคราะห์ซึ่งช่วยทำให้เหงื่อระเหยออกไปได้เร็วขึ้น หรือยูนิโคล ที่ออกไลน์เสื้อผ้า แอริซึ่ม ที่ใช้เส้นใยสังเคราะห์ผสมคิวโปรที่มาจากฝ้าย ซึ่งทำให้เนื้อผ้ามีความละเอียดและนุ่ม รวมทั้งแห้งไวและเป็นเนื้อผ้าที่ให้สัมผัสเย็น
คริสตี วิลสัน ที่ปรึกษาด้านวัสดุซึ่งทำงานร่วมกับบริษัทค้าปลีกใหญ่หลายแห่ง เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า มีหลายแบรนด์ที่เริ่มใช้ เส้นใยสมรรถนะสูง อย่างคูลแมกซ์ ที่แห้งไวกว่าผ้าฝ้ายมากขึ้นแล้ว
แบรนด์เจ.ครูว์ และเอชแอนด์เอ็ม เป็นหนึ่งในบริษัทที่หันมาใช้ผ้าคูลแมกซ์ ในชุดเครื่องนอน ถุงนอน และผลิตภัณฑ์สำหรับอากาศร้อนชื้น
ภายใต้สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ยังขับเคลื่อนให้มีการใช้เทคโนโลยีเส้นใยคลายความร้อน หรือ active cooling ด้วยการใส่วัสดุที่ช่วยดักจับและคลายความร้อนออกไปแทนที่จะเป็นการแผ่ความเย็นออกมาจากเนื้อผ้า
ในระหว่างที่เสื้อผ้าช่วยระเหยเหงื่อจะเร่งการระเหยเหงื่อออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีที่มนุษย์จะรู้สึกเย็นลงได้ตามธรรมชาติ แต่มันมีข้อจำกัดในรูปแบบเนื้อผ้าดังกล่าว ในทัศนะของบาร์เกอร์
หน้าร้อนปีนี้แบรนด์โคลัมเบีย สปอร์ตสแวร์ เปิดตัวเสื้อแขนยาวที่มีเนื้อผ้า Omni-Freeze Zero Ice fabric ที่ผสมผสานเทคโนโลยี active cooling เข้าไป เพื่อช่วยเรื่องการระเหยของเหงื่อและลายผ้าที่ช่วยดูดซับเหงื่อได้
ขณะที่บริษัทสิ่งทอในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย Brrr ซึ่งทำงานร่วมกับ 47 แบรนด์รวมทั้งอาดิดาส ได้ผสมเนื้อผ้าเข้ากับแร่ธาตุมีสารให้ความเย็น และว่ามีความต้องการเนื้อผ้าลักษณะนี้มากขึ้นสำหรับเสื้อผ้าที่เหมาะกับกิจกรรมอย่างการเดินป่าหรือเล่นสกีในฤดูหนาวด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
MBTI แบบนี้เหมาะกับแบบบ้านสไตล์ไหน?
MBTI หรือ Myers – Briggs Type Indicator คือการทดสอบบุคลิกภาพอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราได้เข้าใจตัวตน นิสัยและความคิดที่มีแตกต่างกันไป โดยการทดสอบ MBTI จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ชุด ซึ่งมาจากความถนัดทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
- ความถนัดด้านการได้รับพลังงาน แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ ความถนัดจากการรับพลังงานจากโลกภายนอก (Extraverting ตัวย่อ E) และความถนัดจากการรับพลังงานจากโลกภายใน (Introverting ตัวย่อ I)
- ความถนัดด้านการรับรู้สิ่งต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ ความถนัดด้านการรับรู้จากประสาทสัมผัสทั้งห้า (Sensing ตัวย่อ S) และความถนัดในการมองความเป็นไปได้ในอนาคต (Intuiting ตัวย่อ I)
- ความถนัดด้านการตัดสินใจ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ ความถนัดด้านการใช้ตรรกะและการวิเคราะห์ (Thinking ตัวย่อ T) และความถนัดในการตัดสินใจโดยใช้ค่านิยมส่วนตัวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้อื่น (Feeling ตัวย่อ F)
- ความถนัดด้านไลฟ์สไตล์ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ ความถนัดด้านการตัดสินใจและการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นลง (Judging ตัวย่อ J) และความถนัดด้านเฟ้นหาทางเลือก (Perceiving ตัวย่อ P)
ซึ่งตัวอักษรที่ได้จากแบบทดสอบทั้ง 4 ด้านจะประกอบกันเกิดบุคลิกภาพที่แตกต่างออกไปถึง 16 แบบด้วยกัน แต่ถึงอย่างไรแล้วแบบทดสอบ MBTI อาจไม่สามารถสะท้อนความเป็นตัวเราออกมาได้ทั้งหมด เพราะพฤติกรรมของมนุษย์มีความซับซ้อนบางครั้งความคิดและลักษณะนิสัยอาจมีการปรับไปตามสถานการณ์ที่แต่ละคนเจอ ณ ตอนนั้น
การออกแบบส่วนมากมักมาจากนิสัยและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน หากนำ MBTI มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบบ้าน มาดูกันว่าแต่ละบุคลิกภาพจะเหมาะกับบ้านสไตล์ไหนกันบ้าง สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าตนเองมี MBTI แบบไหนสามารถทำบททดสอบได้ที่ https://www.16personalities.com/th
- ISFT – สไตล์ลอฟท์
เพราะว่า ISFP เป็นบุคลิกของนักผจญภัย มีนิสัยเงียบ ๆ แต่เต็มไปด้วยความอ่อนไหวและใส่ใจจึงเข้ากับแบบบ้านที่ตกแต่งให้ดูโล่ง โปร่งสบายเพื่อให้มองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้าน เน้นเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งแบบลอยตัว สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายตัวบ้านเน้นโชว์โครงสร้าง
- ISTP- แบบโมเดิร์น
บุคลิกภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ นิสัยส่วนใหญ่ของชาว ISTP มักเป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัว มีเหตุผล และช่างสังเกต บ้านสไตล์โมเดิร์นเป็นบ้านที่ดูเรียบง่ายเน้นประโยชน์ใช้สอย สามารถแบ่งแยกสัดส่วนได้อย่างเต็มที่ทำให้ชาว ISTP ได้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับพักผ่อนและสร้างสรรค์ผลงานแห่งศิลปะ โครงสร้างถูกออกแบบตามรูปทรงเรขาคณิตจึงทำให้ภาพรวมของบ้านดูไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปจึงทำให้บ้านแบบโมเดิร์นมีเสน่ห์เหมือนกับคนบุคลิกภาพนี้
- INTP – บ้านทิวดอร์
ชาว INTP เป็นบุคลิกของนักตรรกะ ซึ่งลักษณะนิสัยส่วนใหญ่มักชอบการใช้ชีวิตคนเดียว สไตล์บ้านที่เหมาะกับเพื่อนไทป์นี้คือบ้านทิวดอร์ที่มีสถาปัตยกรรมกอธิคอังกฤษ จุดเด่นของสถาปัตยกรรมคือโครงสร้างที่เป็นโครงไม้ตกแต่ง หลังคาแหลมสูง จั่วกากบาทที่เด่น ประตูหน้าต่างที่สูงและแคบ บานแผ่นกระจกเล็ก ซึ่งบ้านแบบทิวดอร์ทำให้ได้บรรยากาศเงียบสงบแต่ไม่เล็กจนเกินไป
- INFP – บ้านสไตล์คอทเทจ
บ้านสไตล์คอทเทจ หรือ กระท่อมหลังน้อยมีโครงสร้างไม่ซับซ้อน ก่อสร้างได้ง่ายไม่เน้นความหรูหราใหญ่โต โครงสร้างมีความประณีตซึ่งเหมาะกับ INFP ที่เป็นคนชอบเพ้อฝัน เก็บตัว ขี้อาย มีความนุ่มนิ่มในตัวและชอบใช้เวลากับธรรมชาติ
- ENFP – บ้านสไตล์บังกะโล
บ้านไม้หลังเล็ก อบอุ่นน่ารัก เรียบง่าย การออกแบบที่พลิกแพลงรวมทั้งประยุกต์ระหว่างบ้านชั้นเดี่ยวและบ้านพักตากอากาศซึ่งบ้านแบบบังกะโลมีความยืดหยุ่นสูงสามารถตกแต่งได้หลากหลายไร้ขีดจำกัด สามารถออกแบบผสมผสานกับสไตล์อื่นได้อย่างลงตัวเหมาะกับบุคลิกนิสัยรักสนุกสนาน ชอบเข้าสังคมของนักรณรงค์อย่าง ENFP
- INTJ – บ้านที่มีดีไซน์แตกต่างเหมือนงานศิลปะ
เพราะ INTJ คือบุคลิกของนักออกแบบ จึงสามารถอยู่คนเดียวได้เป็นเวลานาน ๆ โดยปราศจากการรบกวนจากคน ในขณะเดียวกันก็ชอบอะไรที่แปลก แตกต่างและมีสไตล์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน เหมาะกับ INTJ ที่เป็นคนฉลาด ช่างสังเกต ถนัดในการเก็บรายละเอียดข้อมูลและชอบทำงานคนเดียว รวมถึงรักความสมบูรณ์แบบ
- ENTP – บ้านสไตล์ร่วมสมัย
บุคลิกของนักโต้วาทีอย่างชาว ENTP มักเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีเหตุผล ชอบความสะดวกสบาย ชอบอยู่ในบ้านที่โล่งกว้าง มีพื้นที่สาธารณะเหมาะกับบ้านสไตล์ร่วมสมัย เป็นการออกแบบตามสมัยนิยมในช่วงปัจจุบันเผยเสน่ห์การออกแบบทั้งดั้งเดิมและความทันสมัยออกมากได้อย่างลงตัว ทั้งยังมีเอกลักษณ์ตามสไตล์ตัวเอง
- INFJ – บ้านไม้ Log Cabin
เพราะ INFJ คือบุคลิกของผู้แนะนำ บ้านไม้แบบ Log Cabin เป็นบ้านที่ทำจากไม้ซุงเป็นท่อน ๆ มาบากส่วนที่ไขว้กัน เพื่อให้สามารถประกบกันตามมุมต่าง ๆ และยึดเข้าด้วยกันให้สนิทที่สุด บ้านสไตล์นี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นซึ่งเหมาะกับลักษณะนิสัยอบอุ่น ใจดี ชอบเก็บตัวแต่ก็สามารถเข้าสังคมได้ดี
- ISTJ – บ้านไม้สไตล์ Craftsman
สไตล์ที่สะท้อนงานฝีมือของช่างไม้ ออกแบบจากไม้ทั้งหมดเป็นที่นิยมสร้างในแถบยุโรปดูเรียบง่ายแต่ทนทานเหมาะกับ ISTJ นักคำนวณที่เป็นคนมีระเบียบและชอบทำตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ รวมถึงให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์เป็นอย่างมาก
- ESFJ – บ้านหรูหราสไตล์ฝรั่งเศส
บ้านสไตล์ฝรั่งเศสเน้นความสูงเพื่อให้บ้านดูสวยและโปร่ง โดยจะมีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์คือระเบียบหน้าบ้านขนาดเล็ก บ้านสไตล์ฝรั่งเศสจะเน้นลวดลายที่ผนังเพราะด้วยความที่เป็นประเทศแห่งศิลปะจึงทำให้ตัวบ้านมีความโดดเด่น เหมาะกับบุคลิกของผู้มอบคำปรึกษาอย่าง ESFJ เพราะมีนิสัยที่ชอบเข้าสังคม สนุกสนาน ชอบสังสรรค์และจัดปาร์ตี้
- ENFJ – บ้านโคโลเนียล
บ้านสไตล์โคโลเนียลเป็นบ้านที่มีเอกลักษณ์บ่งบอกตัวตนของเจ้าของบ้าน มีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่ผสานความงามของวัฒนธรรมตะวันตกกับความเป็นไทยได้อย่างลงตัวซึ่งชาว ENFJ เป็นคนอบอุ่น ใจดี สุภาพ เปิดเผย มองโลกในแง่ดีและสดใสร่าเริงอยู่เสมอ จึงเหมาะกับบ้านที่ให้ความรู้สึกร่มรื่นและเป็นธรรมชาติมาก
- ENTJ – ห้องชุดกลางใจเมือง
เพราะENTJ คือบุคลิกของผู้บัญชาการ จึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในที่อยู่อาศัย ความสะดวกสบายใจการสัญจร ใช้เวลาวันหยุดไปกับการพักผ่อน ท่องเที่ยวและทำความสะอาดที่อยู่อาศัย จึงเหมาะกับคอนโดที่เต็มไปด้วยพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
- ISFJ – บ้านเก่าที่เคยอยู่กับพ่อแม่
เพราะ ISFJ ให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียมความเชื่อเดิม จึงมีโอกาสสูงที่เหล่า ISFJ จะไม่ย้ายที่อยู่อาศัย หรือย้ายไปอยู่ในบริเวณใกล้เคียงไม่ห่างจากที่เคยอาศัยมากนัก ถึงแม้จะมีการปรับปรุงให้เข้ากับยุคและสมัยแต่การดีไซน์ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศแห่งความทรงจำให้หวนคิดถึง
- ESFP – บ้านหลังใหญ่สไตล์คฤหาสน์
บุคลิกของผู้มอบความบันเทิง จึงมีนิสัยช่างพูด รักความสนุกสนาน ชอบเข้าสังคมและมีมุมที่เอาแต่ใจเล็กน้อย การอาศัยในบ้านที่มีการออกแบบเหมือนอยู่ในคฤหาสน์จะทำให้ชีวิตในทุก ๆ วันของชาว ESFP เป็นเรื่องสนุกและมีความสุขรวมทั้งขนาดของตัวบ้านยังรองรับการจัดงานเลี้ยงสนุก ๆ ได้เป็นอย่างดีจึงเหมาะกับ MBTI นี้
- ESTP – ทาวน์เฮาส์
เพราะเป็นบุคลิกของผู้ประกอบการที่มีเหตุผล มองโลกตามความเป็นจริง แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยการลงมือทำในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าการอาศัยอยู่ในทาวน์เฮาส์ทำให้พบเจอกับผู้คนมากมายนอกจากพื้นที่ใช้สอยที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านของการทำธุรกิจเล็ก ๆ แล้วยังทำให้ชาว ESTP ได้พบปะผู้คนมากมายอีกด้วย
- ESTJ – Mid Century Modern
บุคลิกของผู้บริหาร จึงมีความเป็นระเบียบ เรียบร้อย มองโลกตามความเป็นจริงซึ่งบ้านแบบ Mid Century Modern เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย มีความอบอุ่นของโทนสี วัสดุทำจากไม้เป็นหลัก ตัวบ้านออกแบบตามรูปทรงเรขาคณิตแบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนจึงเป็นสไตล์บ้านที่เหมาะกับชาว ESTJ
ทั้งนี้ความชอบหรือสไตล์ของแต่ละคนอาจไม่ได้ตรงตาม MBTI เสมอไป แต่ทางผู้เขียนหวังว่าบทความดังกล่าวจะเป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นไอเดียให้นักออกแบบรวมทั้งเจ้าของบ้านที่กำลังมองหาดีไซน์ใหม่ ๆ ได้ แล้วมาร่วมค้นหาไอเดียใหม่ไปด้วยกันกับบทความต่อไปได้ทาง BuilderNews
ข้อมูลภาพจาก
https://women.trueid.net/detail/47x2eLV0RAe9
https://techsauce.co/connext/life-hacks/16-different-personality-types-check
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 09/08/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,850.00 | 31,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,063.00 | 31,275.08 | 32,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,856.70 | 28,147.57 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,650.40 | 25,020.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 928.00 | 14,068.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 722.00 | 10,945.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,138.00 | 32,412.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 09/08/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.85 | 38.85 | 39.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.55 | 38.85 | 38.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.58 | 38.58 | 39.58 | 38.58 | 38.58 | 38.58 | 38.58 | 38.28 | 38.58 | 38.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.54 | 36.54 | 37.54 | 36.54 | 36.54 | – | 36.54 | 36.24 | 36.54 | 36.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.99 | 36.99 | – | – | – | – | – | – | – | 36.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.14 | 47.84 | 48.94 | 48.24 | – | – | – | – | – | 44.14 |
เบนซิน 95 | 46.64 | – | – | – | 47.81 | – | 47.14 | 46.49 | – | 46.64 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.04 | 42.44 | 47.94 | 44.04 | 44.04 | – | – | – | – | 41.04 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |