สาระน่ารู้ประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2566

แรงส่งรถไฟฟ้า-ดีมานด์พื้นที่ใช้สอยดันอสังหาฯ แนวราบปริมณฑลเนื้อหอม

ครึ่งปีหลังอสังหาฯ ฟื้นรับความต้องการบ้านแนวราบ บวกแผนแม่บทโครงข่ายคมนาคมระดับชาติส่งเสริมพฤติกรรมผู้บริโภคปรับเปลี่ยนสนใจบ้านชานเมือง “วิลล่า คุณาลัย” ปรับทัพส่งบ้านราคา 6-10 ล้านบาท เจาะฐานลูกค้าใหม่ๆ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KUN   นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์แนวราบในครึ่งหลังของปี 2566คาดอสังหาฯ แนวราบในเขตปริมณฑล ยังเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากราคาอสังหาฯ ในเขตกลางเมืองของกรุงเทพฯ ที่เป็นแนวราบจะมีราคาที่สูงมาก และจากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนไปทำให้ลูกค้ามีความต้องการบ้านที่มีพื้นที่มากขึ้น และใช้เวลาภายในบ้านเพิ่มขึ้นจากวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไป

ประกอบกับการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมพื้นที่ปริมณฑลมากขึ้น ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่เพิ่งเปิดให้บริการและสายสีชมพูที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2567 ทำให้การเดินทางจากเขตปริมณฑลเพื่อเข้าเมืองสะดวกมากขึ้น รวมถึงภาครัฐยังมีการจัดทำร่างแผน M-MAP 2 เพื่อพัฒนาระบบรถไฟฟ้าต่อจากแผน M-MAP ที่จะสิ้นสุดปี 2572 ซึ่งจะทำให้ระบบขนส่งทางรถไฟฟ้าสะดวกและครอบคลุมมากขึ้น

ส่วนกำลังซื้อของผู้บริโภคคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น หากการเมืองที่เข้าสู่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อย เพราะจะมีความชัดเจนจากนโยบายด้านกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในไทยในปี 2566 จำนวน 29.5 ล้านคน ขยายตัว 164.6% ต่อปี ซึ่งจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.25 ล้านล้านบาท

โดยปัจจัยดังกล่าวจะกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนให้ดีขึ้น ทำให้การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัว 4.5%ทำให้ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว และเชื่อว่า ภาคอสังหาฯ จะเป็นอีกภาคการลงทุนที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากเป็นสินค้าที่มีภาคธุรกิจเชื่อมโยงเป็นจำนวนมาก ที่จะสามารถสร้างการขับเคลื่อนได้อย่างครบทุกมิติมากขึ้น

ส่วนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้น กระทบต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน เพราะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทำให้การขอสินเชื่อเคหะยากขึ้น และมีผลต่อค่างวดสินเชื่อรายเดือนปรับเพิ่มขึ้น โดยการขึ้นดอกเบี้ยทุก 0.25% ต่อปี จะเพิ่มการผ่อนชำระค่างวดบ้านประมาณ 2% – 5% จากค่างวดเดิมทำให้ลูกค้าได้รับผลกระทบดังกล่าว

อย่างไรก็ตามสำหรับ บมจ. วิลล่า คุณาลัย (“KUN”) มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 โดยมีรายได้รวมเท่ากับ 224.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.40% และกำไรสุทธิ เท่ากับ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300%   ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 396.50 ล้านบาท และกำไรสุทธิ เท่ากับ 26.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมาจากการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น  รวมถึงมีต้นทุนสินค้าที่ลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาส 1 เนื่องจากมีการบริหารต้นทุนและการปรับราคาขายบ้าน รวมถึงการรับรู้รายได้ของโครงการคุณาลัย นาวาร่า พระราม 2 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 40% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยรวมของบริษัท อีกทั้งยังมีการรับรู้รายได้จากโครงการในทำเลเดิม อาทิ โครงการคุณาลัย บีกินส์ 2, โครงการคุณาลัย จอย ออน 314, โครงการคุณาลัย พาร์โก้ และโครงการคุณาลัย เดซี่

ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มียอดพรีเซลแล้ว 665 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 35%ของเป้าหมายปี 2566 ที่ 1,800 ล้านบาท แต่เป็นอัตราประมาณ 85% ของเป้าหมายรายเดือน จากทั้งหมด 7 โครงการของกลุ่มบริษัท ได้แก่ โครงการคุณาลัย คอร์ทยาร์ดเฟส 2,โครงการคุณาลัย บีกินส์ 2, โครงการคุณาลัย จอย ออน 314, โครงการคุณาลัย พาร์โก้ 5. คุณาลัย เดซี่, โครงการคุณาลัย นาวาร่า พระราม 2, และโครงการคุณาลัย เพอร์ร่า ส่งผลให้มียอด Backlog ณ สิ้นเดือนมิถุนายน อยู่ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 2566 ทั้งหมด

 สำหรับความคืบหน้าโครงการคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 และ โครงการ คุณาลัย นาวาร่า พระราม 2  นั้น กระแสตอบรับดีมาก โดย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โครงการคุณาลัย นาวาร่า พระราม 2 มียอดพรีเซลเข้ามาแล้ว 155 ล้านบาท ในส่วนของยอด Walk เข้าชมโครงการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่โครงการคุณาลัยนาวาร่า รังสิต-คลอง 2 ได้เริ่มเปิดขาย (Soft Opening) ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามียอดพรีเซลแล้ว โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 ส่วนการก่อสร้างโครงการคุณาลัย เพอร์ร่า ณ สิ้นเดือน กรกฎาคม ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้วประมาณ 40% และมียอดพรีเซลจากโครงการแล้วประมาณ 57 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทฯ จึงได้ทำการ Develop Market ขึ้นใหม่ในสินค้าที่ระดับราคา 6-10 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างระดับราคาจากเดิมที่เคยทำ 2-5 ล้าน เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตทางด้านรายรับให้เป็นไปตามเป้าหมายระยะยาว และการมุ่งรักษาส่วนแบ่งตลาดในบางบัวทองไว้อย่างมั่นคง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ออฟฟิศ‘พหลโยธิน-วิภาวดี’ฮอต!ซัพพลาย2.5แสนตร.ม.รองสีลม-สาทร

“ซัพพลายออฟฟิศ” ล่าสุดพบทำเล “พหลโยธิน-วิภาวดี” มีซัพพลายขึ้นอันดับ 2 มากกว่า 253,000 ตร.ม.รองจากสีลม-สาทร หลัง “แลนด์ลอร์ด” แห่ผุดโครงการรับดีมานด์ออฟฟิศฟื้น

อาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทำเลอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่อยู่พื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจบนถนนหลักย่านสีลม สาทร สุขุมวิท ซึ่งผลการสำรวจล่าสุดตลาดออฟฟิศในทำเลพหลโยธิน-วิภาวดี ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อด้านการค้าการลงทุนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ถูกยกระดับเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมืองแห่งใหม่ หรือ NEW CBD ที่มีซัพพลายออฟฟิศมากเป็นอันดับ 2 รองจากทำเลสีลม-สาทรที่มีซัพพลายอยู่ที่ 1,762,894 ตร.ม.

โดยทำเลพหลโยธิน-วิภาวดี มีซัพพลาย 1,335,603 ตร.ม. ซึ่งมีซัพพลายที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 128,000 ตร.ม.และซัพพลายที่เตรียมไว้ 125,000 ตร.ม. รวมกว่า 253,000 ตร.ม. ขณะที่ทำเลสีลม-สาทร มีซัพพลายที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 88,000 ตร.ม. และซัพพลายที่เตรียมไว้ 15,430 ตร.ม. เป็นอันดับสอง สะท้อนให้เห็นว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

“จุดเด่นของทำเลนี้รวมถึงอารีย์เป็นย่านธุรกิจที่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอบวก และเกรดเอ  มีความสะดวกในการคมนาคม ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน เชื่อมต่อไปยังทำเลอื่นๆ ของกรุงเทพฯได้อย่างครอบคลุม ทั้งยังเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ อยู่ใกล้สถานศึกษา โรงพยาบาล มีโอกาสที่จะพัฒนาให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต”

แม้ว่า “อารีย์” จะเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยแต่ด้วยความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีครบทำให้เจ้าของที่ดินส่วนหนึ่งพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานยาวไปถึงพญาไทเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้นเพราะใกล้กับย่านพักอาศัยรวมถึงใกล้กับศูนย์กลางธุรกิจ ในอัตราค่าเช่าที่ไม่สูงเกินไปจึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการสำนักงานที่ยังเป็นช่องว่างทางการตลาดได้

ปัญญา เจนกิจวัฒนาเลิศ กรรมการบริหารและหัวหน้าส่วนงานตัวแทนนายหน้าพื้นที่สำนักงาน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันทำเลอารีย์กลับมาคึกคักมากขึ้นเนื่องจากเจ้าของที่ดิน หากมีที่ดินหรือตึกแถวจะพัฒนามาเป็นที่อยู่อาศัย ทั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียม ไม่ต่ำกว่า 15 โครงการ บ้านหรู หรืออาคารสำนักงาน เพราะมองว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ยิ่งมีรถไฟฟ้ากลายเป็นจุดขายในการพัฒนาโครงการเหมือนสถานีโซล หรือ “Seoul Station” เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของโซล

ยกตัวอย่างโครงการหมอชิตคอมเพล็กซ์ ของบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นอาคารมิกซ์ยูส ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน พื้นที่ให้เช่าร้านค้า และพื้นที่จอดรถสูง 36 ชั้นและชั้นใต้ดิน 3 ชั้น โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวม 82,193 ตร.ม. ใช้งบลงทุน 9,940 ล้านบาท คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2567

นอกจากนี้ ในทำเล “อารีย์” ยังมีอาคารสำนักงานที่เปิดใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ อาคารเดอะไรซ์ ทาวเวอร์ หัวมุมถนนประดิพัทธ์-พหลโยธินใกล้บีทีเอส สะพานควาย (ห้างเมอรี่คิงส์เก่า) ของกลุ่มศรีศุภราช สูง 26 ชั้น มีพื้นที่ให้เช่า 15,668 ตร.ม. ตั้งแต่ขนาดเล็ก 103 ตร.ม. ไปจนถึงเช่าเหมาชั้น 950 ตร.ม.,เอส โอเอซิส หรือ S-OASIS ของสิงห์ เอสเตท มีพื้นที่ให้เช่า 54,000 ตร.ม. สูง 35 ชั้น, วานิช เพลซ อารีย์ กลุ่มแหลมทอง มีพื้นที่รวม 73,000 ตร.ม.

ถัดมาเป็นโครงการวัน ออริจิ้น สนามเป้า  เป็นโครงการอาคารสำนักงานเกรดเอ สูง 25 ชั้น พื้นที่อาคารรวม 56,100 ตร.ม. เริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาส 2/2565 คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้งานไตรมาส 1/2567

“อัตราค่าเช่าพื้นที่ในโซนนี้อยู่ที่ 750-850 บาท เป็นตึกเกรดเอ แต่ราคาบี เนื่องจากอยู่ระหว่างการดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเพราะผู้เช่าในตึกเก่าได้เรตราคาอยู่ที่ 500-600 บาท ดังนั้นการที่ลูกค้าตัดสินใจย้ายมาอยู่ตึกใหม่จึงต้องพิจารณาให้ดี เพราะดีมานด์โซนนี้ยังไม่ตื่นตัวในการจ่ายเงินเพิ่ม”

กลุ่มเป้าหมายในทำเลนี้เป็นธุรกิจเกี่ยวกับเทเลคอม พลังงาน และผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งธุรกิจ โดยที่ผ่านมาทำเลย่านนี้ไม่มีอาคารสำนักงานใหม่ หากเลยไปทำเลพญาไท จะมีโครงการ “เดอะ ยูนิคอร์น” ของกลุ่มบีทีเอส ที่มีพื้นที่สำนักงานเกรดเอ กว่า 21,000 ตร.ม. และโรงแรมอีสติน แกรนด์  เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว เดินทางสะดวกด้วยทางเชื่อมสู่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพญาไท และสถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พญาไท มีห้องพักให้บริการ 494 ห้อง ขนาด 34-370 ตร.ม. ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดรุนแรงขึ้นจากการเข้ามาของคู่แข่งที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15ส.ค. ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทโมเมนตัมการอ่อนค่าเริ่มแผ่วลงควรระวังความผันผวนจากฝั่งตลาดการเงินจีน ที่อาจกดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าลง กระทบค่าเงินบาท

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้  15ส.ค.2566 ที่ระดับ  35.25 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาหก่อนหน้า ที่ระดับ  35.07 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึงคืนวันจันทร์ก่อน (วันหยุดของตลาดการเงินไทย) เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 35.03-35.34 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์

ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวนและการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มกลับมามองว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ นอกจากนี้ โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเช่นกัน

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตลาดเพิ่มโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นและจีน รวมถึงจับตารายงานการประชุมล่าสุดของเฟด และติดตาม ความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกรกฎาคม โดยบรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า ยอดค้าปลีก อาจโตกว่า +0.4%m/m หนุนโดย Amazon Prime Day ที่กระตุ้นยอดขายสินค้าออนไลน์ กอปรกับภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่ผ่านมา อาจยังหนุนให้ผู้คนออกมาใช้จ่าย

โดยเฉพาะในส่วนของการใช้จ่ายภาคการบริการ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วน (รวมถึงเรา) มองว่า การบริโภคในสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง ตามการชะลอลงของการจ้างงาน, เงินออมส่วนเกิน (Excess Savings) ที่ทยอยหมดลง, ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นตามการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและการบริโภคสไตล์ “ซื้อก่อน ผ่อนจ่ายทีหลัง” ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

ทำให้เรายังคงมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น ทำให้เฟดอาจไม่สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ผ่านรายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ซึ่งเราคาดว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ก็อาจยังสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อ แต่ก็อาจระบุว่า เฟดนั้นเข้าใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการขึ้นดอกเบี้ยได้เช่นกัน

▪  ฝั่งยุโรป – นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของอังกฤษ เดือนกรกฎาคม อาจชะลอลงสู่ระดับ 6.8% จากระดับ 7.9% ในเดือนก่อนหน้า ตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงาน รวมถึงมาตรการคุมราคาแก๊สและค่าไฟฟ้า แต่ทว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจชะลอลงเล็กน้อยสู่ระดับ 6.8% (จาก 6.9%)

ทำให้เราประเมินว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง อีก 2 ครั้ง ครั้งละ +25bps จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 5.75% ทั้งนี้ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ จากรายงานยอดค้าปลีก เดือนกรฎาคม โดยการใช้จ่ายของครัวเรือนอาจได้รับผลกระทบจากทั้งภาวะเงินเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และภาวะอากาศที่แปรปรวนล่าสุด ทำให้ยอดค้าปลีกอาจหดตัว -0.5% จากเดือนก่อนหน้า ชะลอลงจากที่โตกว่า +0.7% ในเดือนก่อน

▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเดือนกรกฎาคม โดยบรรดานักวิเคราะห์ยังคงประเมินว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงซบเซาอยู่ กดดันโดยภาคอสังหาฯ ที่ยังคงชะลอตัวลง สะท้อนผ่าน ยอดการลงทุนสินทรัพย์ถาวร (Fixed Assets Investment) ที่ขยายตัว +3.7%y/y, YTD ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า

ส่วนภาพเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอลงก็ยังคงส่งผลให้ ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) โต +4.3%y/y ชะลอลงจากเดือนก่อนเช่นกัน อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังคงได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงการท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อนมีความคึกคัก ส่งผลให้ ยอดค้าปลีกอาจโต +4.2% ดีขึ้นจาก +3.1% ในเดือนก่อน

ทั้งนี้ แม้ว่าภาพเศรษฐกิจจีนอาจยังไม่สดใส แต่ตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) อาจยังคงอัตราดอกเบี้ย MLF ไว้ที่ระดับ 2.65% ทว่ามีโอกาสที่ PBOC อาจลดอัตราดอกเบี้ย MLF สู่ระดับ 2.55% ในเดือนกันยายน ซึ่งอาจเป็นช่วงที่ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ตลาดประเมินว่า เศรษฐกิจอาจโตกว่า +2.9% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี หนุนโดยการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การบริโภคในประเทศอาจไม่ได้ขยายตัวดีมากนัก จากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อสูง ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ทำให้ แม้ว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่น เดือนกรกฎาคม

โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core-Core CPI (ไม่รวมผลของพลังงานและอาหารสด) อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็อาจยังไม่มั่นใจต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ จนกว่าการบริโภคในประเทศจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และ BOJ อาจยังไม่รีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น

▪  ฝั่งไทย – เรามองว่า การจัดตั้งรัฐบาลผสมอาจเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มชะลอลงบ้าง อย่างไรก็ดี ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติจะยังมีความผันผวนอยู่ จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเสร็จสิ้น

ส่วนแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า แม้ว่าปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงอยู่ แต่โมเมนตัมการอ่อนค่าเริ่มแผ่วลง โดยหากการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนมากขึ้น เงินบาทก็สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ตามฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนจากฝั่งตลาดการเงินจีน ที่อาจกดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าลง กระทบค่าเงินบาทได้ ในกรณีที่ตลาดปิดรับความเสี่ยง อนึ่ง เราประเมินแนวต้านแรกของเงินบาทแถวโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนแนวรับแรกจะอยู่ในช่วง 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากตลาดยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง หรือตลาดเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด หรือรายงานการประชุมเฟดที่ย้ำจุดยืนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินโลก ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.75-35.50 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.35 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไม่มีปัญหา! ลูกยางสาวไทย อัด อินโดนีเซีย 3-0 เซต ศึกซี วี.ลีก 2023 สนามสอง นัดสอง

การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงซี วี.ลีก 2023 (SEA V.League) หรือชื่อเดิม “อาเซียน กรังด์ปรีซ์” สนามสอง ที่โรงยิมเนเซียม 1 สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2566

โดยรายการนี้จะแข่งขันทั้งหมด 2 สนาม ที่ประเทศเวียดนาม และ ประเทศไทย รูปแบบการแข่งขันจะเป็นแบบพบกันหมด 4 ชาติ ประกอบด้วย “แชมป์เก่า” ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ซึ่งสนามแรก ทีมตบสาวไทยคว้าแชมป์ด้วยผลงานชนะรวด 3 นัด

โปรแกรมนัดที่สองของสนามสอง ไทย ลงสนามพบกับ อินโดนีเซีย ผลการแข่งขันปรากฏว่า ทัพลูกยางสาวไทยไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-0 เซต ด้วยคะแนน 25-23, 25-20 และ 25-16 เก็บชัยต่อเนื่องเป็นนัดที่ 5 เมื่อรวมทั้งสองสนาม

สำหรับนัดสุดท้าย ทีมชาติไทย จะพบกับ ทีมชาติเวียดนาม ในวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2566 เวลา 18:00 น. ถ่ายทอดสดทาง ช่อง ONE 31

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


3 วิธีกระตุ้นความสดชื่นในตอนเช้า แทนการดื่มกาแฟ

ตอนเช้าที่ต้องทนทรมานกับความง่วง คนส่วนใหญ่มักเลือกที่แก้ปัญหาด้วยกาแฟสักแก้วสองแก้ว แม้ว่าการดื่มกาแฟวันแก้วสองแก้วจะไม่ได้ทำลายสุขภาพมากนัก แต่หากเลือกกาแฟที่ใส่นมใส่น้ำตาล อาจจะได้น้ำหนัก และห่วงรอบพุงมากกว่าจะได้คาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย แถมยังเสี่ยงติดคาเฟอีน และเปลืองเงินในกระเป๋าไปไม่น้อยอีกด้วย หากอยากได้ความสดชื่นในตอนเช้าจริงๆ ลองวิธีเหล่านี้ดูกันบ้างดีกว่า รับรองว่าเห็นผล และดีต่อสุขภาพแน่ๆ

ออกกำลังกายยามเช้า

ตื่นนอนตอนเช้าให้เร็วขึ้นสัก 30 นาที แล้วเริ่มออกกำลังกายกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำท่ากายบริหารง่ายๆ บนเตียง ข้างเตียง โยคะ หรือวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ รอบหมู่บ้าน ก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้มากแล้ว

ดื่มน้ำผักผลไม้ปั่นเย็นๆ

เข้าใจว่าคาเฟอีนช่วยถ่างตาของเราได้มากกว่าเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ แต่หากลองเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างน้ำผักผลไม้ปั่น (พร้อมกาก) ก็ช่วยให้เราสดชื่นได้ไม่แพ้กัน ลองเลือกผักผลไม้ที่ชอบ ปั่นรวมกัน ใส่แก้ว แล้วยกดื่มเลย หรือถือไปดื่มระหว่างขับรถแทนกาแฟ ก็ช่วยให้เช้าของคุณดูสดใสขึ้นเยอะ

ทานอาหารเช้า

ใครที่บอกว่าทานอาหารเช้าแล้วจะทำให้ง่วงมากกว่าเดิม จริงๆ ก็ถูกครึ่งหนึ่ง เพราะหากทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เช่น แป้ง และน้ำตาล ถึงแม้ว่าจะให้พลังงานในตอนเช้าได้ดี แต่หากทานมากเกินไปจำทำให้เราง่วงนอนได้ ดังนั้นจึงควรเลือกทานอาหารเช้าที่ครบ 5 หมู่มากกว่า เช่น ข้าวเปล่ากับต้มเลือดหมู โจ๊ก (ใส่ผักด้วย) สลัดกับขนมปังไข่ดาว เป็นต้น การทานอาหารเช้านอกจากจะทำให้เรากระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังให้พลังงานกับเราไปตลอดทั้งวันอีกด้วย


จริงๆ แล้ว เราแก้ปัญหากันที่ต้นเหตุกันดีกว่า พยายามอย่านอนดึก นอนให้ถึง 6-8 ชั่วโมง ไม่นอนน้อยหรือมากจนเกินไป และพยายามเข้านอน-ตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แค่นี้เราก็สามารถตื่นนอนได้อย่างสดชื่นโดยไม่ต้องดื่มกาแฟ หรืออาศัยเคล็ดลัดอะไรมากมายแล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Measure word คืออะไรพร้อมหลักการใช้

เอ๊ะ? measure words เคยได้ยินชื่อนี้คุ้นๆ ว่าแต่มันคืออะไรกันน้า จะใช่ คำแม่ใช่ เอาไว้พูดตอนที่เราเห็นด้วยกะแม่รึเปล่า แบบ ใช่ แม่ใช่ โอนมาเลยแม่ บัญชีหนูนั่นแหละแม่ ใช่ๆ ฮ่าๆ (มีใครเข้าใจมุกแอดมั้ย) คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ อีกอยาก คำนี้ measure อ่านว่า เมช เช่อะ เป็นคำกริยาในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า วัด (ที่ไม่ใช่ temple!!) หรือเป็นคำนาม ที่แปลว่า หน่วยการวัด ก็ได้ อธิบายมาแบบนี้เพื่อนๆคงทราบกันแล้วนะคะว่า measure words ที่เราจะมาเรียนกันในวันนี้คืออะไร มันคือคำที่ใช้บอกปริมาณของคำนามต่างๆนั่นเอง แอดมายด์รวบรวมมาให้เพื่อนๆได้เรียนกันถึง 4 ประเภทด้วยกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

คำบอกปริมาณของคำนามประเภทอาหาร เช่น

  • A bowl of …. ถ้วย ได้แก่ a bowl of rice, cereal, maccaroni
  • A dish/plate of …. จาน ได้แก่ a dish/plate of spaghetti
  • A pound of …. ปอนด์ ได้แก่ a pound of meat, cheese
  • A piece of …. ชิ้น ได้แก่ a piece of cake, pie
  • A can of …. กระป๋อง ได้แก่ a can of soup
  • A box of …. กล่อง ได้แก่ a box of cereal
  • A bag of …. ถุง ได้แก่ a bag of flour, rice
  • A carton of …. กล่อง ได้แก่ a carton of milk, ice cream
    (carton ส่วนใหญ่จะทำจากกระดาษลูกฟู กระดาษแข็ง ไม่ทนทานและทำมาได้จากหลายวัสดุเหมือน box) 
  • A jar of …. กระปุก ได้แก่ a jar of peanut butter, jam
  • A loaf of …. แถว ได้แก่ a loaf of bread
  • A slice of …. สไลซ์ ได้แก่ a slice of bread, pizza, cheese
  • A package of …. ห่อ ได้แก่ a package of pasta
  • A dash of …. จำนวนเล็กน้อย ได้แก่ a dash of salt, sugar, cinnamon
  • A cube of …. ก้อน ได้แก่ a cube of ice, 
  • A pack of …. ห่อ ได้แก่ a pack of gum
  • A head of …. หัว ได้แก่ a head of lettuce, cabbage
  • An ear of …. รวง ได้แก่ a ear of corn, rice, wheat, barley
  • A grain of …. เมล็ด ได้แก่ a kernel of corn, wheat
  • A stalk of …. ก้าน ได้แก่ a stalk of celery, broccoli 
  • A clove of …. กลีบ ได้แก่ a clove of garlic, ginger

คำบอกปริมาณของคำนามประเภทของเหลว เช่น

  • A teaspoon of …. ช้อนชา ได้แก่a teaspoon of medicine, salt
  • A tablespoon of …. ช้อนโต๊ะ ได้แก่ a tablespoon of vinegar, ketchup
  • A glass of …. แก้ว ได้แก่ a glass of water, wine
  • A cup of …. ถ้วย/แก้วเล็กมีหูจับ ได้แก่ a cup of coffee, tea, hot milk
  • A pint of …. ไพท์ 500 ml ได้แก่ a pint of blood, whiskey, beer
  • A quart of …. 1/4 แกลลอน ได้แก่ a quart of milk, ice cream
  • A half gallon of …. ครึ่งแกลลอน ได้แก่ a half gallon of  juice, milk, water
  • A gallon of …. แกลลอน ได้แก่ a gallon of punch, oil, petrol
  • A tank of …. ถัง ได้แก่ a tank of gas
  • A jug of …. เหยือก ได้แก่ a jug of lemonade, juice
  • A bottle of …. ขวด ได้แก่ a bottle of wine, coke, water
  • A keg of …. ถังเบียร์ ได้แก่ a keg of beer
  • A shot of …. ช็อต (แก้วเล็ก) ได้แก่ a shot of vodka
  • A drop of …. หยด ได้แก่ a drop of rain, oil, water

คำบอกปริมาณของคำนามประเภทของใช้ส่วนตัว เช่น

  • A bar of …. ก้อน ได้แก่ a bar of soap
  • A tube of …. หลอด ได้แก่ a tube of toothpaste, ointment
  • A stick of …. แท่ง ได้แก่ a stick of deodorant
  • A bottle of …. ขวด ได้แก่ a bottle of perfume
  • A roll of …. ม้วน ได้แก่ a roll of toilet paper
  • A ball of …. ก้อน ได้แก่ a ball of cotton

คำบอกปริมาณของคำนามประเภทเครื่องเขียน เช่น

  • A piece of …. แผ่น ได้แก่ a bar of paper, wood
  • A pad of …. แผ่น ได้แก่ a pad of paper
  • A roll of …. ม้วน ได้แก่ a roll of tape, wire, film, stamps
  • A stick/piece of …. แท่ง/อัน ได้แก่ a stick/piece of chalk
  • A tube of …. ขวด ได้แก่ a tube of glue, paint
  • A jar of …. เหยือก ได้แก่ a jar of paste
  • A pair of …. คู่ ได้แก่ a pair of scissors

ซึ่งคำบอกปริมาณพวกนี้ จะใช้นำหน้าคำนามต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ ที่ใหญ่มาก จะเป็นคำนามที่นับไม่ได้ (แต่ในบางกรณีก็เป็นคำนามนับได้นะคะเช่น ที่ยกตัวอย่างไป a roll of stamps เป็นแสตมป์ที่มาเป็นม้วน ม้วนละหลายดวง ในกรณีนี้ก็อย่าลืมเติม s, es หลังคำนามกันล้าา)

ถ้ามีสิ่งเดียว เราจะใส่ article a, an นำหน้าคำบอกปริมาณ เช่น

  • A tube of toothpaste
  • A bag of chips

แต่ถ้ามีปริมาณนั้นๆมีเยอะ เราจะใส่จำนวนนำหน้า และอย่าลืม! เติม s,es ไว้ด้านหลังคำบอกปริมาณเพื่อเเสดงความเป็นพหูพจน์ด้วย เช่น 

  • Three jugs of lemonade
  • Two slices of toast

อย่างไรก็ตาม การใช้คำบอกปริมาณพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้พูดด้วยนะคะว่า เค้าต้องการเอาคำนามนั้นๆไปใส่ในภาชนะไหน ทีนี้ถ้าเพื่อนๆอยากบอกใครในภาษาอังกฤษว่า เราต้องการสิ่งนี้ในปริมาณเท่าไหร่ ก็จะไม่ต้อง งง มึน อึน กันอีกต่อไป อย่าลืมเอาไปลองฝึกใช้ในชีวิตประจำวันกัน และแน่นอนค่ะ ก่อนจบ ลองไปใส่คำบอกปริมาณให้คำนามด้านล่างกันหน่อยยยยยย สำหรับตัวแอดวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่า 

Exercise

  1. I’ll get a __________of matches to light the fire.
  2. Can I buy a __________of tuna and make tuna salad tonight?
  3. There are five __________ of strawberry jam on the shelf.
  4. I always bring a __________ of water to the gym.
  5. Give me two ________ of toilet paper. It’s in the cupboard.

Answer

  1. box
  2. can
  3. jars
  4. bottle
  5. rolls

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


[How To] ทำไมเราควรจะรีสตาร์ทมือถือทุกสัปดาห์

ทุกวันนี้มือถือคือเรื่องที่หลายคนก็คงจะเป็นเปรียบเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว แต่รู้กันหรือไม่ว่าหากเราใช้งานมือถือไปทุกวันนี้ก็จะมีข้อสังเกตว่า อยู่ดี เครื่องก็ช้า การรีสตาร์ทเครื่องเป็นอีกตัวเลือกที่ดี แต่ทำไมเราควรทำ

วันนี้ Sanook Hitech จะมาบอกว่า รีสตาร์ทมือถือ มันดีอย่างไร มาเริ่มกันเลย

ช่วยจัดการความจำเครื่องให้เข้าที่

ในเรื่องการรีสตาร์ทเครื่องจะมีการจัดการเรื่องของความจำ บางทีการทำงานของเครื่อง เบื้องหลังอาจจะใช้ความจำเยอะเกินไปเช่น RAM ดังนั้นการรีสตาร์ทก้จะช่วยทำให้ฟื้นฟูเรื่องความจำทำให้เครื่องกลับมาลื่นได้

ช่วยปรับประสิทธิภาพของเครื่องให้เร็วขึ้น

การรีสตาร์ทเครื่องก็มีส่วนที่ทำให้ประสิทธิภาพทำได้รวดเร็วมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ Apps ที่ทำงานอยู่อาจจะไม่รู้ว่าเปิดและหน่วยเครื่อง จะได้ปิดเวลาเริ่มต้นใหม่ช่วยทำให้เครื่องทำงานลื่นไหวมากขึ้น

ซ่อมแซมจุดบกพร้อมของโปรแกรม

บางครั้งการทำงานของเครื่องอาจจะมีปัญหาของโปรแกรม เมื่อเราลบและลงใหม่ถ้าเสริมด้วยการรีสตาร์ทมือถือก็จะทำให้ส่วนที่เป็นข้อบกพร่องอาจจะได้รับการซ่อมแซมและปรับให้เข้ากับเครื่องได้

ช่วยทำให้ Software ของเครื่องทำงานได้ดี

สังเกตกันไหมครับว่าเวลาเราอัปเดต Firmware ใหม่ของมือถือที่มีการติดตั้งฟีเจอร์และการทำงานต่างๆ เครื่องมักจะบังคับให้รีสตาร์ทเพื่อปรับให้ Software ติดตั้งได้สมบูรณ์โดยไม่ถูกรบกวนจากการใช้งานและเริ่มต้นใหม่เพื่อให้คุณใช้งานได้ราบรื่นขึ้น

เป็นการล้างความจำที่ไม่ได้ใช้

ความจำของเครื่องโดยเฉพาะ Cache Memory มีผลต่อการทำงานของเครื่อง ซึ่งอาจจะทำให้เครื่องเกิดการทำงานที่ช้าลงได้ ดังนั้นถ้าอยากให้เครื่องเร็วขึ้นการรีสตาร์ท ก็จะมีผลต่อการทำให้ความจำถูกล้างได้เช่นเดียวกัน

ปรับปรุงประสิทธิภาพแบตเตอรี่

เป็นผลจากเรื่องของ Apps ถ้ามีการทำงานหลายๆ โปรแกรมก็อาจจะมีผลต่อการใช้พลังงานได้การรีสตาร์ทเพื่อเริ่มใหม่ก็ถือว่าเป็นการปิดโปรแกรมและทำให้เครื่องนั้นกลับมาใช้พลังงานได้เหมาะสม และอาจจะทำให้เครื่องลื่นไหลมากขึ้นได้

เป็นการปรับปรุงระบบการรับสัญญาณเครือข่ายได้

บางครั้งผู้ให้บริการอาจจะออก Patch เพื่อให้เครื่องของคุณรับสัญญาณได้ดี เมื่ออัปเดตเราควรจะรีสตาร์ทเครื่องสักหน่อยจะช่วยให้ Software ติดตั้วเข้ากับ Hardware ได้ง่ายมากขึ้นและส่งผลต่อการทำงาน

และเป็นการรบำรุงรักษาอุปกรณ์ในตัว

แน่นอนว่ามือถือคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคชิ้นหนึ่งที่ควรต้องดูและ การรีสตาร์ทถือว่าเป็นอีกวิธีในการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่ดีอีกวิธีหนึ่งเลยครับ

แม้ว่าการรีสตาร์ทเครื่องถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและควรทำทุกสัปดาห์ แต่อาจจะยังไม่เพียงพอในการดูแลเครื่องทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็บรรเทาอการหนักให้เป็นเบาได้ แล้วถ้าเกิดเครื่องทำงานช้าลงอีกแล้วรีสตาร์ทไม่ได้ผลจะทำอย่าง อย่าลืมมาติดตามต่อได้ที่ Sanook Hitech ในโอกาสหน้า เราจะมี Tips เทคนิคเล่าให้คุณได้อ่านและลองทำตามอย่างแน่นอนครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เปิดตัว ‘KANNA’ แอปบริหารโครงการก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่น รุกอสังหาฯ ในไทยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจส่งมอบงานตรงเวลา

เปิดตัว ‘KANNA’ แอปบริหารโครงการก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่นรุกอสังหาฯ ในไทยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจส่งมอบงานตรงเวลา

Aldagram Inc. สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัว ‘KANNA’ แอปพลิเคชันบริหารโครงการก่อสร้าง เสริมประสิทธิภาพระบบจัดการงานเอกสาร และติดตามกระบวนการทำงานโครงการแบบครบวงจร เตรียมจัดตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศไทย รุกกลุ่มเป้าหมายธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ชี้กระแสตอบรับจาก 20,000 บริษัทชั้นนำ มากกว่า 10 ประเทศทั่วโลกเลือกใช้งาน พร้อมสัมมนา “Building the Future with Digital transformation” ผลักดันนวัตกรรมการจัดการโครงการ ตั้งเป้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงการก่อสร้างในประเทศไทย

ในงานเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทฯ ได้จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนะนำเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นสู่ไทย โดยได้รับเกียรติจาก นายโอบะ ยูอิชิ  อัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มาเป็นประธานกล่าวเปิดงาน ร่วมด้วยวิทยากรชั้นนำจากบริษัทในวงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ที่ต่างยอมรับว่า ทุกวันนี้การใช้เทคโนโลยี Digital Transformation มีความจำเป็นในวงการก่อสร้างไทยมากขึ้น เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวอย่างมากหลังการฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 โดยเฉพาะความรวดเร็วในการดำเนินงานก่อสร้าง เพื่อให้ทันกับการขยายตัวของระบบสาธารณูปโภค ขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ระบบรางและถนน รวมถึงเมกะโปรเจ็คต่าง ๆ ที่กระจายตัวไปตามจังหวัดใหญ่ ๆ มากขึ้น ดังนั้น เมื่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หรือ ผู้รับเหมาที่บริหารจัดการโครงการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพก็สามารถรับงานต่อเนื่องได้ทันที

นายฮิคารุ นากายามา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Aldagram Inc. สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่นผู้พัฒนา “KANNA” แอปพลิเคชันบริหารจัดการโครงการก่อสร้าง กล่าวว่า ภาพรวมของเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมามักจะพบปัญหาการรับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน รวมถึงการถ่ายทอดข้อมูลที่ไม่ราบรื่นระหว่างโครงการก่อสร้างกับบริษัท ส่งผลให้การบริหารโครงการทำได้ค่อนข้างยาก ผิดพลาดง่าย

ในฐานะที่ประเทศญี่ปุ่นมีค่าใช้จ่ายก่อสร้างสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เนื่องจากจำนวนแรงงานลดลงอย่างต่อเนื่องจากอัตราการเกิดที่น้อยลง และประชากรสูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของ Aldagram Inc. ในการคิดค้นและพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อช่วยให้การส่งมอบงานที่มีคุณภาพ ทำทันตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ และสามารถควบคุมต้นทุนได้ด้วย

หลังจากเปิดตัวในปี 2563 บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบรองรับภาษาอังกฤษในปี 2565 เพื่อขยายกลุ่มผู้ใช้งานนอกประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งได้เพิ่มรองรับการใช้งานในภาษาไทยและภาษาสเปนด้วย ไม่เพียงแต่ใช้งานสำหรับกลุ่มบริษัทก่อสร้างเท่านั้น ได้ขยายกลุ่มผู้ใช้ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกด้วย ทำให้ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน “KANNA” แล้วมากกว่า 20,000 บริษัท จาก 10 กว่าประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น ดูไบ อังกฤษ อินเดีย ออสเตรเลีย สเปน ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม เคนย่า และอูกันด้า

โดยแอปพลิเคชัน “KANNA” มีจุดเด่นที่การควบคุมคุณภาพ การบริหารจัดการต้นทุน และการส่งมอบงานตามกำหนด ด้วยการบริหารจัดการงานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ให้สามารถเชื่อมข้อมูลการทำงานทุกแผนกผ่านแพลตฟอร์มในแอปพลิเคชันเดียว ในรูปแบบของแอปพลิเคชันที่เข้าถึงได้ง่าย ส่งผลดีต่อผู้ปฏิบัติงานให้สามารถบริหารจัดการโครงการ พร้อมกับแชร์และเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา ลดปัญหาหน้างาน สื่อสารได้รวดเร็ว และจัดเก็บเอกสารบนแพลตฟอร์มที่แม่นยำ พร้อมระบบการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง

ขอเชิญผู้ที่สนใจลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้ฟรี ได้ที่ https://lp.kanna4u.com/th/  และติดต่อทีมงานได้ที่ info_thai@aldagram.com

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/08/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,750.0031,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,057.0031,184.1232,350.00
ทองรูปพรรณ 90%1,851.3028,065.71n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,645.6024,947.30n/a
ทองรูปพรรณ 50%926.0014,038.16n/a
ทองรูปพรรณ 40%720.0010,915.20n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,132.0032,321.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/08/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.5539.5540.5539.5539.5539.5539.5539.5539.5539.55
แก๊สโซฮอล์ 9139.2839.2840.2839.2839.2839.2839.2839.2839.2839.28
แก๊สโซฮอล์ E2037.2437.2438.2437.2437.2437.2437.2437.2437.24
แก๊สโซฮอล์ E8537.6937.6937.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.8448.5448.9448.9444.84
เบนซิน 9547.3448.5147.8447.4947.34
ดีเซล B731.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.7443.1447.9444.0444.0441.74
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า