สาระน่ารู้ประจำวันที่ 18 สิงหาคม 2566

ปัจจัยลบไม่สะเทือน!คอนโดซูเปอร์ลักชัวรีขายดี

ปัจจัยลบไม่สะเทือน ! คอนโดซูเปอร์ลักชัวรี เศรษฐีไทย-ต่างชาติแห่ช้อป ล่าสุด โครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์มูลค่า3,000 ล้านราคาตั้งแต่ 23-190 ล้านบาท ในทำเลชิดลม-เพลินจิต ประกาศสิ้นปีนี้จะปิดการขาย

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ร่วมกับนายฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด  มองว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังทรงตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ กำลังซื้อลดลง หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นทำให้ความเชื่อมั่นลดลง   ขณะที่ตลาดคอนโดระดับลักชัวรียังไปได้ดี เพราะกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ ต่างจากลูกค้าระดับกลางล่าง ที่มีปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่มีมาตรการเข้มงวดขึ้น

สังเกตได้จากยอดขายของโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์คอนโดระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีสูง 29 ชั้น จำนวน 80 ยูนิตมูลค่า 3,000 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่ 57- 387 ตร.ม. มีระดับราคาตั้งแต่  23-190 ล้านบาท ในทำเลชิดลม-เพลินจิต ที่ผ่านมามียอดขาย 90%และมียอดโอน 40% คิดของยอดขายทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 900 ล้านบาทเฉลี่ยราคาขาย35 ล้านบาทต่อยูนิต คาดว่าสิ้นปีนี้จะปิดการขายโครงการต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด หลังเปิดขายเมื่อปี 2562 โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 1,600 ล้านบาท 

“กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการต้นสน วัน เป็นคนไทย 70% ต่างชาติ 30% ทั้งเอเชียและยุโรป เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ยังไม่มีคนจีนเข้ามาส่วนเพนท์เฮ้าส์ขนาด 387.5 ตารางเมตรราคา 190 ล้านบาทนั้นได้ขายให้กับนักธุรกิจชาวเยอรมันแล้ว เหลือห้องเพนท์เฮ้าส์จำนวน 3 ยูนิต  ”

ปัจจุบันยอดขาย10% ที่เหลือต่อให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อทั้งหมด ยังไม่เต็มโควตาต่างชาติที่กำหนดไว้49% สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มคนซื้อคอนโดลักชัวรีในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนไทยไม่ใช่ต่างชาติ และเป็นกลุ่มที่ยังคงมีความต้องการคอนโดระดับลักชัวรีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด -19 ซึ่งทางโครงการไม่ได้ลดราคาลงมาเพื่อขาย ล่าสุดได้ปรับราคาขายขึ้น 10% หรือราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตร.ม.ละ350,000 บาท

สำหรับโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น ประกอบด้วยห้องชุดพักอยู่อาศัยแบบส่วนตัวจำนวน 80 ห้อง โดยมีขนาดห้องตั้งแต่ 1 ถึง 3 ห้องนอน และมีขนาดใช้สอยตั้งแต่ 57 ตร.ม. ถึง 387.5 ตร.ม. ทุกห้องชุดมีโถงทางเดินหน้าลิฟท์ส่วนตัวและภายในมีวิวเปิดกว้างทั้งสองฝั่ง โครงการมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย ได้แก่ พื้นที่รับรองพร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัว, ห้องประชุมงาน, ห้องจัดเลี้ยงพร้อมอุปกรณ์ชุดครัวติดตั้งครบครัน, สระว่ายน้ำขนาด 25 เมตรและอ่างจากุซซี่, ห้องออกกำลังกาย

 และห้องสตูดิโอสำหรับโยคะและพิลาทิสแบบส่วนตัว โครงการมีระบบที่จอดรถแบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถรองรับรถได้มากถึง 117 คันและถูกออกแบบมาให้รองรับรถซูเปอร์คาร์และรถตู้แบบครอบครัวได้ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ให้บริการช่วยจอดรถและดูแลรักษาระบบตลอดการใช้งาน

โครงการตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าชิดลมเพียง 300 เมตร และสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตเพียง 350 เมตร แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าที่สำคัญ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และเซ็นทรัล ชิดลม สถานดูแลสุขภาพที่มีเชื่อเสียง เช่น สวนลุมพินี และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สำคัญอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและโรงเรียนมาร์แตเดอีวิทยาลัยอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


คราฟเวิร์คผุดบ้านแฝดโซนกรุงเทพฯตะวันออกนำร่องโครงการ“ละไม”หทัยราษฎร์39

คราฟเวิร์คสยายปีกผุดบ้านแฝดทำเลกรุงเทพฯตะวันออกอยู่ในผังสีเขียว นำร่องโครงการ“ละไม หทัยราษฎร์ 39”เจาะกลุ่มคนในพื้นที่ต้องการบ้านขนาดใหญ่ คาดสิ้นปียอดขาย200ล้าน พร้อมเตรียมนำแลนด์แบงก์มูลค่าหมื่นล้านพัฒนาโครงการอสังหาฯมูลค่า3หมื่นล้านก่อนเข้าตลาดฯปี2570

นายเฉลิมพล โขนแจ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คราฟเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์มากว่า 30 ปีในการะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว และคอนโดทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดที่มีศักยภาพในพื้นที่อีอีซี ในจ.ชลบุรี และระยอง

อาทิ โครงการ อารมณ์ วงศ์มาตย์ และอารมณ์ จอมเทียน เป็นต้น  แต่ทว่ามองเห็นโอกาสหในการขยายธุรกิจอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง

ล่าสุดบริษัทได้พัฒนาโครงการแนวราบทำเลกรุงเทพฯตะวันออก ซึ่งอยู่ในผังสีเขียวไม่สามารถทำทาวน์เฮ้าส์ได้จึงพัฒนาโครงการ“ละไม หทัยราษฎร์ 39”  บนเนื้อที่กว่า 35 ไร่เป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ในรูปแบบของโครงการบ้านแฝดจำนวน  144 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5-9 ล้านบาท มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ 

แบบ ARUN มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 153 ตารางเมตร มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว1 ห้องอเนกประสงค์ และจอดรถได้ 2 คัน แบบ TIWA ขนาดพื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร ขนาด  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องพระ   1 ห้องอเนกประสงค์

และจอดรถได้ 2 คัน และแบบ SURI ขนาดพื้นที่ใช้สอย 216 ตารางเมตร มี 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ครัวไทย 1 ห้องอเนกประสงค์ และจอดรถได้ 3 คัน ทั้งนี้เพื่อรองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ ซึ่งต้องการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนอีกกลุ่มคนทำงานในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น บางกะปิ มีนบุรี ลาดพร้าว เป็นต้น

นายเฉลิมพล กล่าวต่อว่า บริษัทมีที่ดินในทำเลนี้จำนวน 80 ไร่ แบ่งมา 35 ไร่เพื่อพัฒนาโครงการบ้านแฝดและคอมมูนิตี้มอลล์หน้าโครงการ ที่มีพื้นที่2ไร่ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดโครงการและรอผังเมืองกรุงเทพฯ ฉบับใหม่ที่จะประกาศใช้ใน1-2 ปีข้างหน้า 

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2570  โดยปัจจุบันมีBacklog อยู่ในมือคิดเป็นมูล5,000 ล้านบาทซึ่งอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างการบริหารงานภายใน คาดว่าในปี 2567 บริษัทจะมีรายได้จากโครงการแนวราบและอาคารสูง 5,000 ล้านบาทมาจากคอนโด3,000 ล้านบาทและแนวราบ2,000 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ส.ค. ที่ระดับ 35.48 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุระดับ 35.50-35.60 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออก วันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ ผ่านรายงานยอดค้าปลีกเดือนก.ค.

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ส.ค.2566ที่ระดับ  35.48 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.43 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นเริ่มแผ่วลง ดังจะเห็นได้จากการที่เงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุระดับ 35.50-35.60 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออก

ขณะเดียวกัน สถานการณ์การเมืองไทยที่มีความวุ่นวายน้อยลงและการจัดตั้งรัฐบาลผสมใหม่ก็มีความชัดเจน ได้ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยมากขึ้นได้ ดังจะเห็นได้จากแรงซื้อหุ้นไทยสุทธิราว +782 ล้านบาทในวันก่อนหน้า

ทั้งนี้ แม้เราประเมินโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นแผ่วลง แต่ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ และเงินบาทก็อาจผันผวนอ่อนค่าลงต่อได้ หากสถานการณ์การเมืองไทยกลับมาวุ่นวายมากขึ้นอีกครั้ง ทำให้เรายังคงประเมินแนวต้านเงินบาทในโซน 35.50-35.75 บาทต่อดอลลาร์

นอกจากนี้ หากการโหวตเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลผสมเสร็จสิ้นลง เรามองว่า เงินบาทก็อาจพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น “จบรอบการอ่อนค่าที่ผ่านมา” โดยเราประเมินแนวรับเงินบาทในระยะนี้ โซนแรกจะอยู่ในช่วง 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ และโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับหลักที่สำคัญถัดไป

อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ เรามองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.25-35.55 บาท/ดอลลาร์

ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ Sideway (แกว่งตัวในช่วง 35.35-35.54 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่า ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง

หลังเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นได้ ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวน นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำพลิกกลับมาย่อตัวลงในช่วงเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเช่นกัน

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความกังวลว่า เฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ (จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดให้โอกาส 42% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน) ส่งผลให้บรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างเผชิญแรงขายต่อเนื่อง (Meta -3.1%, Netflix -3.0%) ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลง -1.17% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.77%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลงต่อเนื่องกว่า -0.90% ท่ามกลางแรงขายหุ้นเทคฯ จากความกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก (SAP -2.5%, ASML -1.5%) รวมถึงแรงขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes -2.7%, LVMH -2.2%) หลังผู้เล่นในตลาดยังคงไม่มั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

ในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มคาดว่าเฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะจุดสูงสุดในรอบ 15 ปี แถวระดับ 4.33% ก่อนที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะย่อตัวลงบ้าง สู่ระดับ 4.28% ตามแรงซื้อบอนด์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ที่ยังคงมุมมองว่า บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ คงไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมาก

หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงมากขึ้นและเฟดก็อาจไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยต่อหลายครั้ง ซึ่งมุมมองดังกล่าวก็สอดคล้องกับคำแนะนำของเราที่ยังคงมองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ จะเปิดโอกาสให้ นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ในจังหวะย่อตัวได้ โดยที่ Risk-Reward คุ้มค่า ในช่วงที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 4.00% เช่นในปัจจุบัน

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่เงินดอลลาร์ก็ไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เพราะผู้เล่นในตลาดยังคงต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ทำให้เงินดอลลาร์มีจังหวะรีบาวด์แข็งค่าขึ้นและโดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวระดับ 103.4 จุด (กรอบ 103.0-103.5 จุด)

 ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) มีจังหวะรีบาวด์ขึ้นทดสอบระดับ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ทว่า การปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ในช่วงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน ได้กดดันให้ ราคาทองคำย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ซึ่งเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกรกฎาคม โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การใช้จ่ายของครัวเรือนอาจได้รับผลกระทบจากทั้งภาวะเงินเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และภาวะอากาศที่แปรปรวนล่าสุด ทำให้ยอดค้าปลีกอาจหดตัว -0.5% จากเดือนก่อนหน้า ชะลอลงจากที่โตกว่า +0.7% ในเดือนก่อน

ส่วนในฝั่งไทย เรามองว่า ควรจับตาสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หลังรัฐสภาเตรียมโหวตเลือกนายกฯ อีกครั้งในสัปดาห์หน้า อีกทั้งการจัดตั้งรัฐบาลผสมก็ดูมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้ ซึ่งล่าสุด นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิหุ้นไทยอีกครั้ง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.34-35.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่ากลับมาตามเงินหยวนและทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย หลังจากที่ทางการจีนส่งสัญญาณดูแลค่าเงินผ่านการกำหนดอัตราอ้างอิงของเงินหยวนที่ระดับแข็งค่ากว่าที่ตลาดประเมินไว้ อย่างไรก็ดี ยังคงต้องระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างวัน ประกอบกับตลาดยังรอติดตามพัฒนาการของสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.30-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัจจัยทางการเมืองของไทย สถานการณ์เงินหยวน และทิศทางเงินทุนต่างชาติ และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของยูโรโซน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


8 อาการเริ่มต้นของโรค “มะเร็ง” ที่สังเกตได้ด้วยตัวเอง

“โรคมะเร็ง” มักเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นโรคที่ไม่แสดงสัญญาณอันตรายชัดเจนให้เราเห็นกันนัก หากเราไม่ได้มีอาการที่แสดงออกชัดเจนว่ากำลังเป็นโรคนี้ในระยะ 3 ระยะ 4 จึงอาจจะยากที่จะทราบได้ว่าเรากำลังเป็นโรคมะเร็งอยู่ 

แต่เรายังพอจะสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเองได้ว่า กำลังเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งอยู่หรือเปล่า โดยดูจากการอาการในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ผิดปกติไปจากเดิม ดังนี้

 
อาการเริ่มต้นของโรค “มะเร็ง” ที่สังเกตได้ด้วยตัวเอง

ข้อมูลจาก โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ระบุอาการเริ่มต้นของโรคมะเร็งที่เราสังเกตได้ ดังนี้

  1. พบก้อนหนาที่ผิวหนัง เต้านม หรือส่วนใด ๆ ของร่างกาย
  2. มีไฝเกิดขึ้นใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของไฝเดิม เช่น ขยายขนาดโตขึ้น คัน แตกเป็นแผล เลือดออก
  3. มีอาการเจ็บปวดที่บริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่เรื้อรัง ผ่านไปหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ๆ ก็ยังไม่ดีขึ้น
  4. เสียงแหบ หรือไอเรื้อรัง อย่างไม่ทราบสาเหตุ
  5. มีความเปลี่ยนแปลงในการขับถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะปนเลือด ถ่ายอุจจาระลำเล็กลง อุจจาระลำบาก อุจจาระปนเลือด ปวดหน่วงทวารหนักเวลาขับถ่าย
  6. มีความเปลี่ยนแปลงในการรับประทานอาหาร เช่น กลืนติด กลืนลำบาก กลืนเจ็บ อิ่มเร็ว คลื่นไส้อาเจียน
  7. การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก เช่น น้ำหนักลดมากโดยไม่มีสาเหตุอันควร
  8. มีสารคัดหลั่งออกผิดปกติหรือเลือดออก เช่น ตกขาวผิดปกติ ตกขาวปนเลือด เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติภายหลังการมีเพศสัมพันธ์

อย่างไรก็ตาม แม้ในบางคนจะมีอาการดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคมะเร็ง ยังต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมจากแพทย์อีกครั้ง เพียงแต่หากมีอาการเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งเฉยแล้วคิดว่าเป็นเรื่องปกติเดี๋ยวก็หายไปเอง ควรรีบหาเวลาไปตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อเข้ารับการวินิจฉัย หรือรักษาอย่างทันท่วงทีจะดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะโรคอะไร หากพบก่อน รักษาได้ทัน และง่ายกว่าเสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สาวไทย U21 ประเดิมพ่าย อียิปต์ ศึกวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก

ทีมนักตบลูกยางสาวทีมชาติไทย ทีมอันดับ 11 ของโลก ประเดิมพ่ายอียิปต์ ทีมอันดับ 8 ของโลกไป 1-3 เซ็ต 25-21, 13-25, 23-25, 19-25 ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงอายุต่ำกว่า 21 ปีชิงแชมป์โลก (รายการเดิมชิงแชมป์โลกรุ่น 20 ปี) ณ ประเทศเม็กซิโก เมื่อเช้าวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา (ตามเวลาไทย)

ทีมสาวไทยซึ่งจบอันดับ 14 ในการแข่งขันครั้งที่แล้วจะลงสนามนัดต่อไปพบกับเจ้าภาพ เม็กซิโก ในเช้าวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม เวลา 09.00 น.

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เคลียร์ให้ชัด การใช้ A vs The

อย่างที่เรารู้กันว่า A กับ the คือ “article”  ซึ่งมักจะใช้กับคำนามเพื่อระบุประเภทของที่มาของคำนามโดยเราสามารถแบ่งมันได้หลักๆ 2 แบบ คือแบบ

Definite  และ Indefinite.

ถ้าเอาตามหลักการที่เราเข้าใจแบบง่ายๆไม่ซับซ้อน “a” จะไม่สามารถตามด้วยคำนามพหูพจน์ได้ และเอาไว้กล่าวถึงรวมๆ แต่ถ้าเป็น “The” จะเอาไว้นำหน้าคำนามที่เป็นคำนามเฉพาะ จะเติม s ก็ได้ แต่ทีนี้มันมีอะไรบางอย่างลึกไปมากกว่านั้น มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 

Articles

แบบ Definite             แบบ Indefinite

the                      a, an


อย่างแรกเลยก่อนที่เราจะไปไกล “the” เราจะใช้พูดถึงคำนามที่เฉพาะเจาะจง ด้วยตัวของมันเองจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ใช้ได้ทั้งกับคำนามนับได้และนามนับไม่ได้ หรือจะเป็นคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์

เราสามารถใช้ “the” นำหน้าคำนามเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่จะต้องเป็นคำนามที่เฉพาะเจาะจง ทีนี้เรามาดูกันว่าอะไรล่ะที่มันเฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น มานะมานี กำลังพูดถึงหมาตัวหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นทั้งสองสามารถเรียกหมาตัวนั้นได้ว่า “the dog” เพราะหมาที่กำลังพูดถึงอยู่นั้นมีหนึ่งเดียวมีตัวเดียว คือหมาที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้หมายถึงหมาทั่วๆไป

2. เอาไว้ใช้นำหน้าคำนามที่มีการพูดถึงเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ในกรณีที่มีการกล่าวถึงคำนั้นก่อนหน้านี้แล้ว

ตัวอย่างเช่น

  • My mom has cat. The cat is so cute.
    แม่ของฉันมีแมว และแมวตัวนั้นมันน่ารักมากๆ

3. เราจะเอาไว้ใช้นำหน้าคำนามที่มีหนึ่งเดียวในโลก

ตัวอย่างเช่น

  • The moon, the sun, the earth

4. ใช้นำหน้าคำนามที่มีการใช้คำ adj. ขั้นสูงสุด

อย่างเช่น

  • the most handsome boy, the fastest car เป็นต้น

5. ใช้นำหน้าพวกตัวเลข Ordinal หรือตัวเลขที่เป็นลำดับ

อย่างเช่น 

  • the first, the second, the third

ต่อมาคือแบบ Indefinite นั่นก็คือพวก “a,an” ซึ่งต้องบอกก่อนว่า Article เหล่านี้จะเอาไว้นำหน้าคำนามที่ไม่เฉพาะเจาะจงเลย นั่นหมายถึงการที่เราพูดกว้างๆไม่ได้เจาะจงสิ่งหนึ่งสิ่งใด 

“A”

เราจะเอาไว้ใช้นำหน้าคำนามที่มันมีเสียงต้นเป็นเสียงพยัญชนะ อย่างเช่น

  • a toy, a bathroom, a bed, a cat, a toilet เป็นต้น

“An”

เราจะเอาไว้ใช้นำหน้าคำนามที่มีเสียงต้นเป็นเสียงสระ ทีนี้ก็มาดูว่าสระมันมีอะไรบ้างล่ะในภาษาอังกฤษ มันมี A,E,I,O,U ใช่ไหมคะ

ก็นั่นแหละคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงเหล่านี้จะนับเป็นคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ แต่ก็ต้องระวังให้ดีนะเพราะบางคำมันมีการออกเสียง silent

อย่างเช่นคำว่า hour ที่แปลว่าชั่วโมง

เห็นมันขึ้นด้วยตัว  -h ที่เป็นพยัญชนะ แต่คำนี้จะออกเสียง silent -h ดังนั้นตัว -h นี้จึงไม่ออกเสียง จึงทำให้มีการออกเสียงของตัวถัดไปนั่นก็คือ “o” ดังนั้นมันจึงต้องเป็น “an hour” ไม่ใช่ “a hour”

ทีนี้มาเข้าเรื่องของการใช้ a,an กันเลยดีกว่า

1. มันสามารถนำหน้าคำนามที่นับได้เท่านั้นและจะต้องเป็นเอกพจน์

(ห้ามเป็นคำนามที่เติม -s เด็ดขาดดดด ถ้าไปเจอในข้อสอบเติม article แล้วมีคำนามที่เติม -s ต้องรู้ไว้เลยนะว่าจะต้องตัดช้อยส์ article -a) ตัวอย่างเช่น Elle will bring a small gift to Sophie’s party. แอลจะนำของขวัญเล็กๆน้อยๆมาที่งานเลี้ยงของโซฟี (ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นของขวัญชิ้นไหน แค่บอกว้างๆว่าจะเอาของขวัญมานะ)

2 เอาไว้นำหน้าคำนามที่เรากล่าวถึงมันเป็นครั้งแรก

ตัวอย่างเช่น

  • I like reading a book.
    ฉันชอบอ่านหนังสือนะ (ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นหนังสือเล่มไหน แค่บอกว่าชอบอ่านนะ)

3. เอาไว้นำหน้าหน่วยการวัดหรือหน่วยบอกเวลา

ตัวอย่างเช่น

  • wait a minute
    รอแป๊บนึงนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ทำแบบนี้ก็ได้เนอะ X ปรับลดความเร็วลิงก์ในเว็บไซต์บน Platform ตู่แข่ง

ปกติ Social Network เป็นแหล่งที่คนสามารถแชร์เนื้อหาอะไรได้เยอะมากมายรวมถึงลิงก์เว็บไซต์ หรือ Social Network อื่นๆ ก็ตามแต่ล่าสุดมีการจับได้ว่า X แอบมีการปรับอะไรสักอย่างขึ้นมา

โดยการรายงานของ Hacker News ได้เผยว่าเมื่อมีการใส่ลิงก์บางเว็บไซต์เช่นเว็บข่าว NYTimes.com จาก Threads ไปแชร์ใน Twitter หรือ X ในปัจจุบัน พบว่าเว็บไซต์โหลดช้าไป 5 วินาที ต่อมาได้มีการนำเว็บไซต์ The Washington Post มาลงลักษณะเดียวก็พบว่าช้า ซึ่งหลายเว็บก็เป็นปัญหานี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านตัวแทนของ The New York Times ได้ออกมายอมรับว่ามีปัญหาดังกล่าวและได้ติดต่อ X เพื่อแก้ไขแต่ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด คงต้องรอดูกันต่อไปว่าปัญหานี้จะจบอย่างไร

ย้อนกลับไปเล็กน้อยจริงๆ สำนักข่าวดังกล่าว ก็มีประเด็นดกับ Elon Musk ในเรื่องไม่ตัดสินใจจ่ายเงินบริการ Premium อย่าง X Premium ทำให้ Elon Musk ออกมาโจมตีและเหน็บๆ ว่าก็เว็บข่าวของคุณยังต้องสมัครสมาชิกเลย ทำไมคุณจะไม่สมัครของเรา อะไรทำนองนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“น้ำเซเลอรี่” กับประโยชน์-โทษที่ควรทราบก่อนดื่ม

“น้ำเซเลอรี่” หรือน้ำขึ้นฉ่ายคั้นสดกำลังเป็นที่นิยมของสายเฮลธ์ตี้ทั้งหลายในขณะนี้ โดยได้รับการแนะนำต่อๆ กันมา รวมถึงโฆษณาว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ให้พลังงานต่ำ และสารอาหารสูง จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก แต่ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์มาก ก็ยังมีโทษที่ควรทราบก่อนซื้อมาดื่มกันด้วย


ประโยชน์ของน้ำเซเลอรี่

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าจากกระแสการดื่มน้ำเซเลอรี่ หรือ น้ำขึ้นฉ่ายฝรั่งที่กำลังได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพ เพราะมีประโยชน์ดังนี้

  1. ขึ้นฉ่าย เป็นผักที่ให้พลังงานต่ำ แต่มีสารอาหารสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  2. ขึ้นฉ่ายมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ที่มีฤทธิ์อ่อนในการขับปัสสาวะออกจากร่างกาย ช่วยลดอาการบวมน้ำ
  3. ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะหัวใจ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวขาดเลือดได้
  4. ช่วยปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่สมดุลโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
  5. หากเลือกกินขึ้นฉ่ายแบบสดๆ จะทำให้ได้รับวิตามินซีสูงที่ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานแบคทีเรีย และไวรัสที่จะทำให้เกิดโรคหวัด โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน

อันตรายจากน้ำเซเลอรี่

เนื่องจากขึ้นฉ่ายมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตจึงควรกินอย่างระมัดระวัง เพราะหากกินในปริมาณมากอาจทำให้ได้รับปริมาณโพแทสเซียมจากเซเลอรี่ที่มากเกินไป


คำแนะนำในการดื่มน้ำเซเลอรี่

  1. สามารถดื่มน้ำเซเลอรี่ได้ แต่ไม่ควรดื่มบ่อยในปริมาณที่มากเกินไป
  2. ควรปั่นน้ำเซเลอรี่ผสมกับผัก และผลไม้อื่นเพื่อให้ได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่เหมาะสม เพราะการกินอาหารซ้ำๆ จะทำให้เราได้รับประโยชน์จากอาหารเพียงชนิดเดียว จึงควรสลับหมุนเวียนเมนูกับอาหารชนิดอื่นด้วย
  3. นอกจากการนำมาปั่นแล้วสามารถนำมาปรุงประกอบอาหารต่างๆ ได้ด้วย เช่น หั่นเป็นแว่นใส่สลัดหรือต้มเป็นซุป ก็จะทำให้กินได้ง่ายขึ้น
  4. ก่อนนำเซเลอรี่มาปั่นหรือปรุงประกอบอาหารควรล้างด้วยน้ำไหล โดยแช่ในน้ำนาน 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลผ่านและคลี่ใบผักถูไปมานาน 2 นาทีให้สะอาด สามารถลดสารเคมีตกค้างในผักได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/08/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,700.0031,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,053.0031,123.4832,300.00
ทองรูปพรรณ 90%1,847.7028,011.13n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,642.4024,898.78n/a
ทองรูปพรรณ 50%924.0014,007.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%719.0010,900.04n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,127.0032,245.32n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/08/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.5539.5540.5539.5539.5539.5539.5539.5539.5539.55
แก๊สโซฮอล์ 9139.2839.2840.2839.2839.2839.2839.2839.2839.2839.28
แก๊สโซฮอล์ E2037.2437.2438.2437.2437.2437.2437.2437.2437.24
แก๊สโซฮอล์ E8537.6937.6937.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.8448.5448.9448.9444.84
เบนซิน 9547.3448.5147.8447.4947.34
ดีเซล B731.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.7443.1447.9443.5443.5441.74
แก๊ส NGV17.5917.5917.59


 

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า