สาระน่ารู้ประจำวันที่ 8 กันยายน 2566

FPIT ปักหมุด บางพลี-อยุธยา-อีอีซี รับคลื่นลงทุนไทย-ต่างชาติ

FPIT ปักหมุด บางพลี-อยุธยา-อีอีซี รับคลื่นลงทุนไทย-ต่างชาติพร้อมเสิร์ฟโซลูชันสินค้าและบริการคุณภาพสูงตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรม

หากสแกนประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนต้องบอกว่าไทยเป็นประเทศที่เนื้อหอมและเป็นคำตอบสำหรับนักลงทุนไทยและต่างชาติในแง่ของการเป็นฐานการผลิต ด้วยความพร้อมด้าโครงสร้างพื้นฐานและทำเลที่ตั้งศักยภาพ ตอบโจทย์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์การเมืองโลก ทำให้เรากำลังเห็นนักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง

นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FPIT” ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ของอาเซียน ให้ข้อมูลว่า ปีนี้เป็นปีที่บริษัทต่างชาติย้ายและขยายฐานการผลิตจากจีน โดยโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของไทยกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก

เปิดโอกาสให้ประเทศไทยเป็นฐานทุนแห่งใหม่ คาดว่าระยะเวลาของการตั้งฐานจะครอบคลุมไปอีก 2-3 ปี ซึ่งจะดึงดูดซัพพลายเออร์ของธุรกิจที่ย้ายฐานให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติมด้วย สำหรับอุตสาหกรรมที่โดดเด่นและน่าจับตามอง คือ กลุ่มยานยนต์ที่ความต้องการรถยนต์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น และการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ประกอบการต่างชาติที่วางให้ไทยเป็นฐานการผลิต

รวมถึงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตสดใสจากดีมานด์การนำไปใช้ในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังขยายตัวต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น

สำหรับพื้นที่ยุทธศาสตร์ของไทยที่มีศักยภาพในการรองรับการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ได้แก่ บางพลี-บางนาในโซนจังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วยความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค รวมถึงโลเคชันที่สอดรับระบบโลจิสติกส์หลากหลายรูปแบบ โดยในส่วนของบางพลี-บางนาตอบโจทย์ธุรกิจโลจิสติกส์ที่ต้องการกระจายสินค้าไปในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่อยุธยาเป็นเกตเวย์สำหรับการผลิตและขนส่งสินค้าไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน รวมถึงอีอีซีที่เหมาะกับการรองรับธุรกิจการผลิตอย่างชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจโลจิสติกส์ให้บริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า

ปัจจุบัน FPIT มีพื้นที่อาคารอุตสาหกรรมภายใต้การบริหารจัดการ 3.5 ล้าน ตร.ม. มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยอยู่ในพื้นที่บางพลี-บางนา  อยุธยา และอีอีซี รวมถึง 3.2 ล้านตร.ม. และอีก 300,000 ตร.ม.กระจายอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ลำพูน ขอนแก่น และปราจีนบุรี รวมถึงในประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของบริษัทฯ ในการรองรับทุกความต้องการของลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมผ่านการให้บริการโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมด้วยโซลูชันทันสมัยในรูปแบบของอาคารอุตสาหกรรมแบบสำเร็จรูป (Ready-Built) และแบบสร้างความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit)

ในปีนี้ บริษัทฯ เสริมขีดความสามารถในการปลดล็อกประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า ด้วยการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมรายแรกของไทยในการพัฒนาอาคารแบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ (Built-to-Function) ที่เสริมมาตรฐานและฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้กับอาคารอุตสาหกรรมแบบพร้อมใช้ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาอาคารแบบ Built-to-Function แห่งแรก พื้นที่รวม 50,000 ตร.ม.ในโซนบางพลีสำหรับลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ที่เชี่ยวชาญ

สินค้า/บริการเฉพาะทาง รวมถึงลูกค้ากลุ่ม FMCG  และกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีความต้องการพื้นที่ในโซนบางพลีอย่างต่อเนื่อง 

“จากประสบการณ์ของ FPIT ในฐานะผู้นำตลาดและอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ประกอบกับแนวทางดำเนินงานด้วยกลยุทธ์ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) บริษัทฯ จึงเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าทุกรายในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี ด้วยพื้นฐานเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาสินค้าและบริการด้วยโซลูชันใหม่ ๆ ที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าได้เสมอ” นายโสภณกล่าว

ขณะเดียวกัน FPIT ยังเดินหน้ารักษาความเป็นผู้นำในการยกระดับมาตรฐานอาคารเพื่ออุตสาหกรรม โดยพัฒนาทุกอาคารอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ภายใต้แนวทางด้านความยั่งยืนสอดรับเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, Governance) และกลุ่มลูกค้าชั้นนำให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบัน FPIT มีพื้นที่อาคารเขียวรวมกว่า 500,000 ตร.ม.

ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลของทั้ง LEED และ EDGE ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงการออกแบบที่เกี่ยวกับการยกระดับสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร พร้อมตั้งเป้าหมายภายในปี พ.ศ. 2569 จะมีพื้นที่อาคารเขียวเพิ่มเป็น 2 ล้านตร.ม.

นายโสภณ กล่าวว่า ด้วยความพร้อมด้านสินค้าและบริการหลากหลายรูปแบบในระดับพรีเมียมของ FPIT ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั้งพื้นที่บางพลี-บางนา อยุธยา และอีอีซี บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าสามารถรองรับดีมานด์ที่จะเข้ามาในตลาดมากขึ้น ตอบทุกโจทย์การใช้งานของลูกค้าไทยและต่างชาติได้อย่างครอบคลุม และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากดีมานด์โรงงานและคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยศักยภาพของ FPIT จะผลักดันให้บริษัทฯ สามารถขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเป็น 4 ล้านตร.ม.ภายในปี พ.ศ.2569

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


แอสเซทไวส์แตกไลน์ธุรกิจ’อสังหาให้เช่า-เวลเนส’ สร้างรายได้ประจำ

แอสเซทไวส์ แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ‘อสังหาให้เช่า-เวลเนส’ภายใต้แนวคิด “Wellbeing” เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพชูจุดเด่นOne on One Serviceในรูปแบบของศูนย์นวัตกรรมสุขภาพและความงามแบบครบวงจร บนทำเลรัชดาภิเษก – ลาดพร้าว หวังสร้างรายได้ประจำ

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวรวมกว่า 54 โครงการแล้ว แอสเซทไวส์ยังได้แตกไลน์พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า  

โดยใช้ประสบการณ์และความชำนาญในด้านการทำธุรกิจอสังหาฯ ที่ยาวนานกว่า 19 ปี บริหารงานภายใต้ บริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด ในเครือแอสเซทไวส์ ซึ่งก่อนหน้านี้เทรเชอร์เอ็มได้เปิดพื้นที่เช่าคอมมูนิตี้มอลล์โครงการ Mingle Mall ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงพื้นที่สร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ บน 2 ทำเลศักยภาพย่านรังสิต และมีนบุรี 

ล่าสุดได้เปิด  “Well Aesthetic & Wellness Center” ซึ่งเป็นพื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพ เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภค ที่ปัจจุบันให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพและความงามกันมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็ม และเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแอสเซทไวส์ และเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ให้กับบริษัท

ด้าน นายบรรจง ลัคนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทรเชอร์เอ็ม จำกัด ในเครือ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  Well Aesthetic & Wellness Center ถือเป็นศูนย์นวัตกรรมสุขภาพและความงามแบบองค์รวม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกเจนเนอเรชั่น ไม่ว่าจะคนวัยทำงาน กลุ่มครอบครัว และกลุ่มผู้สูงอายุที่รักสุขภาพและความงาม ภายใต้แนวคิด “Wellbeing” ซึ่งประกอบไปด้วยศูนย์สุขภาพ และธุรกิจชั้นนำด้านสุขภาพและความงามถึง 7 ศูนย์

 ไม่ว่าจะเป็น 1. Care D Center ศูนย์บริการด้านสุขภาพแบบไม่ต้องนอนพักฟื้น ได้แก่ One Day Surgery ศูนย์ผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งไม่ต้องนอนพักค้างคืนที่คลินิก, Care-D Pharmacy ศูนย์รวมยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และSleep Coach Thailand แก้ปัญหาด้านการนอนหลับแบบครบวงจร, 2. Plearn Skin Clinic คลินิกผิวหนัง ความงาม และเลเซอร์, 3. Surkin Clinic คลินิกความงาม ปรับรูปหน้า และศัลยกรรมจักษุเฉพาะทาง,        4. BellyBurn Pilates Lab สตูดิโอสอนพิลาทิส โดยครูผู้สอนมืออาชีพ, 5. The Standard Aesthetic Clinic คลินิก
ความงามกับแนวคิด The Standard Clinic Beyond Standard, 6. Aestheta Wellness and Aesthetic Center                  

ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ฟื้นฟูสุขภาพและความงามทุกวัย และ 7. Bangkok New Smile Dental Clinic คลินิกทันตกรรมเพื่อความงามแบบครบวงจร ซึ่งแต่ละศูนย์โดดเด่นด้วยการนำนวัตกรรมสุดทันสมัย ที่ได้การรับรองความปลอดภัยจากกระทรวงสาธารณสุขของไทย และได้มาตรฐานในระดับสากล รวมถึงการให้บริการแบบ One on One Service ที่ผู้ใช้บริการยังสามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพแบบเฉพาะตัวกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ปลอดภัยแบบไร้กังวล 

สำหรับ Well Aesthetic & Wellness Center  เป็นอาคารสูง 4 ชั้น ออกแบบภายใต้แนวคิด “Moving Forword for Wellbeing” เน้นเส้นสายและลวดลายที่มี Movement สะท้อนถึงความไม่หยุดนิ่งด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย  และแสดงถึงความอ่อนโยน นุ่มนวล

สะท้อนถึงความเป็นมิตร และการให้บริการที่เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า โดยโครงการฯ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางถนนรัชดาภิเษก – ลาดพร้าว ซึ่งเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เดินทางสะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว และรถไฟฟ้า MRT ถึง 2 สาย ทั้ง MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว พร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8ก.ย. ที่ระดับ 35.64 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอาจถูกชะลอการอ่อนค่าลงบ้าง จากแรงขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งผู้ส่งออก จับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยเพียงใด ล่าสุด แรงขายหุ้นไทยเริ่มชะลอลง และเห็นแรงซื้อในฝั่งบอนด์ระยะยาว

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8ก.ย. 2566ที่ระดับ  35.64 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.61 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหรือแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น (ล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดมองเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อราว 52%

และการลดดอกเบี้ยจะเริ่มในการประชุมเดือนมิถุนายนปีหน้า) เงินดอลลาร์ก็จะยังไม่สามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ ทำให้โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ ซึ่งหลังจากที่เงินบาทได้ทยอยอ่อนค่าทะลุทุกโซนแนวต้านที่เราประเมินก่อนหน้า ทั้งโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ และ 35.60 บาทต่อดอลลาร์

 เรามองว่า เงินบาทก็มีโอกาสที่จะผันผวนอ่อนค่าต่อไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 35.75 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอลงได้บ้าง จากแรงขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งผู้ส่งออก

 ทั้งนี้ ต้องจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด ว่าจะเริ่มกลับมาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยได้มากน้อยเพียงใด หลังล่าสุด แรงขายหุ้นไทยเริ่มชะลอลง ส่วนในฝั่งบอนด์ นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งบอนด์ระยะยาว หลังบอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวสูงขึ้นพอสมควรในช่วงนี้

อนึ่ง ในช่วงนี้ เรามองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.60-35.66 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลว่าเฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้และเฟดก็อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันราคาทองคำ ซึ่งเรามองว่าผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทในช่วงนี้เช่นกัน

รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ยังคงสร้างความกังวลให้กับผู้เล่นในตลาดว่าเฟดอาจเดินหน้าขึ้นต่อได้ หรือ เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าว รวมถึงความกังวลผลกระทบจากการที่ทางการจีนห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐบาลกลางใช้ “Iphone” ได้กดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มเทคฯ และกลุ่ม Semiconductor ต่างปรับตัวลดลง (Apple -2.9%, Nvidia -1.7%)  ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาดราว -0.32%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลงต่อเนื่อง -0.14% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ที่ยังคงส่งผลให้หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมและกลุ่มเหมืองแร่ต่างปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (LVMH -1.0%, Rio Tinto -2.6%) นอกจากนี้ แรงขายหุ้นกลุ่ม Semiconductor (ASML -3.8%) จากความกังวลการห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางจีนใช้ “IPhone” และอุปกรณ์สื่อสารจากต่างประเทศ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นยุโรป ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่ม Healthcare (Novo Nordisk +1.9%)

ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังมีความกังวลว่าเฟดอาจเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น หรือ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะนี้ยังคงออกมาดีกว่าคาด แต่ทว่าผู้เล่นบางส่วนในตลาดยังเชื่อว่า เฟดใกล้ถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

กอปรกับ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับ 4.30% ก่อนที่จะย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.26%  ซึ่งภาพดังกล่าวก็สอดคล้องกับ มุมมองเดิมของเราว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการทยอยซื้อสะสมบอนด์ระยะยาว

เนื่องจากระดับยีลด์ที่สูงขึ้น มี risk/reward ที่น่าสนใจและเรามองว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ ก็อาจปรับตัวขึ้นไม่ได้มาก ยกเว้นว่าเฟดจะส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ซึ่งเราคงประเมินว่า โอกาสเกิดภาพดังกล่าวยังต่ำอยู่

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวนและการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105 จุด (กรอบ 104.9-105.2 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงผันผวนใกล้ระดับ 1,943 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง ทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ เนื่องจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจมีไม่มากนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดว่าจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยต่อได้อีกหรือไม่

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


คุณค่าที่คุณคู่ควร!!! ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ได้เงินรางวัลกี่บาท? หลังผงาดเเชมป์เอเชีย

หลังจากที่เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย สร้างผลงานสุดยอด ผงาดคว้าแชมป์ศึกวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ด้วยการเอาชนะ ทีมชาติจีน ไปอย่างสุดสะใจ 3-2 เซต ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่จังหวัดนครราชสีมา

การคว้าแชมป์ในระดับเอเชียของทีมวอลเลย์บอลไทย จากเงื่อนไขตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้เงินรางวัลแก่นักกีฬา บุคลากรกีฬาและสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” พ.ศ. 2565 (ฉบับปรับปรุง)

ตามหลักเกณฑ์การแข่งขันระดับนานาชาติ (ที่ส่งแข่งขันโดยใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย) ในระดับชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย หากคว้าเหรียญทองจะได้เงินรางวัล 600,000 บาท , เหรียญเงิน ได้เงินรางวัล 400,000 บาท และเหรียญทองแดง ได้เงินรางวัล 200,000 บาท

ดังนั้น เบื้องต้นหากนับเฉพาะเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพียงอย่างเดียว ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยชุดนี้จะได้รับเงินรางวัลตกคนละ 600,000 บาท (หกแสนบาท) รวมทั้งหมด 14 คน เป็นเงินทั้งหมด 8,400,000 บาท โดยที่ยังไม่นับรวมกับเงินรางวัลที่สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จะได้รับ 30 เปอร์เซ็นต์ และ เจ้าหน้าที่ทีมโค้ชจะได้รับอีกจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ จากกองทุนอีกด้วย

นอกจากนี้ “เอส โคล่า” หนึ่งในสปอนเซอร์หลักของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ยังมอบเงินรางวัลอัดฉีดอีก 1 ล้านบาท

เช่นเดียวกับ “อุบล ไบโอ เอทานอล” ที่ได้มอบเงินสนับสนุนอีก 1 ล้านบาท เช่นกัน

สำหรับ โปรเเกรมต่อไปของทีมวอลเลย์บอลสาวไทย คือการเดินทางไปแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง โอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก ที่เมืองลอดซ์ ประเทศโปแลนด์ โดยการแข่งขันจะจัดในระหว่างวันที่ 16-24 กันยายน 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 เหตุผล ทำไม “ผู้สูงอายุ” เสี่ยง “ซึมเศร้า” มากกว่าที่คิด

ขณะที่สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์มาตั้งแต่ปี 2564 และกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดในปี 2574 ซึ่งก็คือการที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมดในประเทศ แต่การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาจากการที่มีผู้สูงอายุล้นเมืองยังไม่ค่อยมีให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนเท่าที่ควร ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้สูงวัยนั้นต้องการการดูแลทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย เนื่องจากเป็นวัยที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ไม่มีอนาคตให้คาดหวัง มีแต่ปัจจุบันและอดีตให้ถวิลหาเท่านั้น

การที่ผู้สูงอายุต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงพร้อมๆ กันทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม การที่จะก้าวข้ามผ่านไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสำหรับคนวัยนี้ โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ ที่อารมณ์และความรู้สึกอาจจะเปราะบางเป็นพิเศษ เมื่อรับมือได้ยาก ก็จะส่งผลให้สุขภาพจิตย่ำแย่ จนอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุได้ นี่เป็นเรื่องที่คนในครอบครัวจำเป็นต้องสังเกตพฤติกรรมพวกท่านให้ดี ว่ามีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมหรือไม่ อย่ามัวแต่ฟังเสียงบ่นแล้วทำท่าทีรำคาญใส่อย่างเดียว เพราะมันอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายได้ อย่าใจร้ายนักเลย เดี๋ยวแก่เองก็จะรู้สึก

“ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ” เป็นการเจ็บป่วยทางจิตใจของคนวัยสูงอายุ ซึ่งเกิดจากความรู้สึกผิดหวัง สูญเสีย ถวิลหาอดีต หรือสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิต รวมถึงความยากลำบากในการยอมรับความเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผู้สูงอายุไม่มีความสุข จิตใจเศร้าหมอง รู้สึกสิ้นหวัง จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เราจึงต้องหมั่นสังเกตถึงสัญญาณเตือนภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ รวมถึงทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่สนับสนุนให้พวกท่านรู้สึกเช่นนั้น ดังนี้

 5 เหตุผล ทำไม “ผู้สูงอายุ” เสี่ยง “ซึมเศร้า” มากกว่าที่คิด

  1. เคยทำงานทุกวันต้องมาอยู่เฉยๆ

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รับมือได้ค่อนข้างยาก ต้องใช้เวลาในการปรับตัว แม้ว่าผู้สูงอายุหลายๆ คนจะโหยหาชีวิตสบายๆ ที่ปลดระวางจากการทำงานมาพักผ่อนในช่วงบั้นปลาย แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ มันกลับรู้สึกโหวงอย่างบอกไม่ถูก และทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาได้ เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่เคยชินกับการที่ต้องทำงานมาตลอดหลายสิบปี บางคนเคยมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต พอเกษียณมาชีวิตก็เปลี่ยนไปไม่มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลัง หลายคนทำงานหนักมาทั้งชีวิต ก็เปลี่ยนมาเป็นว่างงาน จึงไม่ชินที่จะต้องอยู่บ้านเฉยๆ และไม่ได้ทำในสิ่งที่เคยทำมาตลอด

  1. ความเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว

พอเกษียณก็ไม่ได้ออกไปทำงาน และต้องมาใช้ชีวิตอยู่บ้านคนเดียวในช่วงกลางวัน เพราะลูกหลานก็ออกไปทำงานไปเรียนหนังสือกันหมด นี่เป็นเรื่องที่สะเทือนใจคนแก่พอสมควร สำหรับคนที่ทำงานนอกบ้านมาตลอดหลายสิบปี การอยู่บ้านในช่วงกลางวันในวันธรรมดาเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุไม่คุ้นเคย มันเงียบ มันเหงา มันโล่ง จนดูวังเวง อ้างว้าง น่ากลัว ปกติหยุดอยู่บ้านวันหยุดก็ยังมีลูกหลานคนอื่นอยู่ด้วย เมื่อต้องมาอยู่คนเดียวมันเลยรู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมา บวกกับเมื่อเห็นลูกหลานออกไปทำงาน ก็พาลให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไม่มีคุณค่า ไม่มีประโยชน์ขึ้นมาได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


การใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ (Punctuation)

เครื่องหมายวรรคตอน (Punctuation) เป็นเครื่องมือของภาษาเขียนที่จะช่วยแบ่งประโยคให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เครื่องหมายวรรคตอนมีต่อไปนี้

1. Full Stops (British English) หรือ Periods (American English) ( . )

-ใช้เมื่อจบประโยคในประโยคทุกประโยค ยกเว้น ประโยคคำถาม ประโยคอุทาน เช่น

  • Good morning.
  • I love you.

-ใช้หลังอักษรย่อต่างๆหรือคำย่อ เช่น

  • Dr. = Doctor
  • Mr = Mister
  • M.A. = Master of Art
  • U.S.A. = United states of America

2. Comma ( , ) หรือ เครื่องหมายจุลภาค/เครื่องหมายลูกน้ำ

– ใช้แยกบันทึกรายการต่างๆ หรือคำกลุ่มเดียวกันเช่น 

  • At the party we had cakes, jellies, chocolate, and ice cream.
  • I want a car, a motorcycle, and a bicycle.

สังเกตได้ว่าจะมี (,) วางไว้หน้าคำว่า and

– ใช้เพื่อแยกข้อความในประโยคคำพูด เช่น 

  • He said, “They are happy.”
  • ‘Tell me’, I said, how you know all that.

– ใช้แยกประโยคที่ตามหลัง Yes, No และ Well ที่ขึ้นต้นประโยค เช่น

  • Are you Chinese? Yes, I am.

– ใช้แยกประโยคที่ตามหลัง ในที่ที่ต้องการให้หยุดพักการอ่าน เช่น 

  • If you will help me, I will help you.

– ใช้คั่นเพื่อแยกคำนามซ้อน เช่น 

  • Thailand, a country in Asia, is famous for its beautiful temples.

– ใช้แยกคำที่เป็นชื่อเรียกของคน เช่น

  • Mary, Are you OK?
  • Chen, where have you been?
  • What would you like to eat, Lisa?

– ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่บอกสี เช่น

  •  a blue, yellow car

– ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่ตามหลังคำนาม เช่น 

  • My girlfriend is slim, tall, and beautiful.

– คั่นระหว่างปีที่ตามหลังเดือน, ถนนกับเมือง, เมืองกับประเทศ เช่น

  • Today is May 4th, 2008.Tang lives at 76 Satorn Road, Bangkok.

– ใช้แยกคำหรือวลี เช่น however, therefore, of cause, for instance, etc. 

3. Question Mark ( ? ) หรือ เครื่องหมายปรัศนี

ใช้กับประโยคคำถามเท่านั้น ใช้ในประโยค Direct question เท่านั้น ไม่ใช้ในประโยค Indirect question เช่น 

  •  How are you?
  • What’s your name?
  • Direct : I said to him “when are you going to Thailand?”
  • Indirect : I ask him when he was going to Thailand.

4. Colon ( : ) หรือ เครื่องหมายมหัพภาคคู่/เครื่องหมายทวิภาค

– Colon ( : ) มีความหมายคล้ายกับคำว่า กล่าวคือ

– ใช้ colon ก่อนการประโยคอธิบาย เช่น

  •  We have two choices: work hard or fail.

-ใช้แจ้งรายการหรือรายละเอียด มักใช้ตามหลังคำ the following หรือ as follows เช่น 

  • I want the following items: eggs, sugar, and flour.

5. Semi-colon ( ; ) หรือ เครื่องหมายอัฒภาค

– ใช้คั่นประโยคที่มีเครื่องหมาย comma คั่นอยู่แล้ว เช่น 

  • Hello, Nan; Please come here.

– ใช้ทำหน้าเพื่อเชื่อมประโยคสองประโยคที่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกันวางไว้หน้า adverbs ได้แก่

therefore (ดังนั้น) besides (นอกจากนี้) เป็นต้น เช่น

  • Canada is very cold; therefore people must wear heavy coats in the winter.

-ใช้เชื่อมประโยคสองประโยคที่ไม่มีคำเชื่อม และทั้งสองประโยคมีความหมายเกี่ยวเนื่องกัน เช่น 

  • Jen eat fried rice; Ken eat noodle.

6. Exclamation Mark ( ! ) หรือ เครื่องหมายอัศเจรีย์ ใช้หลังคำอุทานหรือประโยคอุทาน เช่น

  • Hey! Please aware your step.
  • Oh! I miss you.
  • It is cold!

7. Apostrophe ( ‘ ) หรือ เครื่องหมายวรรคตอน

– ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามทั้งนามเอกพจน์และนามพหูพจน์ เช่น 

  • My sister’s car, John’s home.

– ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามพหูพจน์ที่เติม s หรือชื่อเฉพาะที่มี s เช่น

  •  The girls’ books, Charles’ school

– ใช้สำหรับละตัวอักษร เช่น 

  • I’ve (I have), can’t (can not), it’s (it is), I’d rather (I would rather), O’clock (of the clock)

8. Quotation Marks ( ” ” ) หรือ เครื่องหมายอัญประกาศ

– ใช้เขียนคร่อมข้อความที่เป็นประโยคคำพูด เช่น

  • I said, “I love you.”

ข้อสังเกต 1. เครื่องหมาย full stop, Exclamation Mark,  Question Mark และ Comma จะต้องอยู่ใน Quotation Marks เสมอ 2. Quotation Marks อาจจะมีเครื่องหมายขีดเดียว (‘  ‘) หรือ สองขีด (“ “) ก็ได้

9. Hyphen ( – ) หรือ เครื่องหมายยติภังค์

– ใช้เพื่อเชื่อมคำสองคำให้เป็นคำเดียวกัน เช่น 

  • ex-boyfriend, ex-husband

10. Dash ( — ) หรือ เครื่องหมายเส้นประ

ใช้เพื่อเน้นข้อความที่แทรกเข้ามาเพื่ออธิบายหรือใช้คั่นคำละไว้ในฐานที่เข้าใจหรือเปลี่ยนใหม่ เช่น

  • I got lost, forgot my bag, and missed my plane– it was a terrible trip.

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


นักวิเคราะห์เผย เราอาจจะได้เห็นชิป Modem ของ Apple ใน iPhone ต้องรอไปจนถึงปี 2025

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้า Apple ดังได้มีการแชร์ข้อมูลว่า Apple มีแผนที่จะใช้ชิป โมเด็มของตัวเองสำหรับ iPhone ภายในปี 2025 ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า iPhone SE รุ่นต่อไปจะเป็นเครื่องที่ได้ใช้ชิปนี้ก่อน แต่สุดท้ายตอนนี้ยังไม่มความแน่ชัดว่าจะเป็นอย่างไร

ซึ่งำก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเผยตั้งแต่เดือนกรกฎาคมว่า iPhone SE รุ่นที่ 4 จะเปิดตัวช้ากว่ากำหนดถึงปี 2025 โดยคาดว่าจะมีการใช้ชิปโมเด็มใหม่ของตัวเอง ซึ่ง Apple เองก็มีแผนที่จะใช้และพัฒนาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การซื้อกิจการโมเน็มของ Intel ในปี 2019 ซึ่งสุดท้ายแล้วชิปนี้กลับพร้อมในปี 2036 ทำให้ iPhone 15 และ 16 จะต้องใช้ชิปของทาง Qualcomm 

ส่วน iPhone 17 และ SE ใหม่จะใช้ชิปใหม่นี้ถือว่าเป็นความท้าทายของทีมพัฒนาอย่างมากในการพัฒนาชิปครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็ยังไม่มีคยวามแน่ชัดว่าชิปโมเด็มของ Apple จะพร้อมให้ผู้บริโภคใช้งานและได้ประโยชน์กว่า Qualcomm หรือไม่ ทั้งนี้ก็มีการออกมาเปิดเผยตั้งแต่ปี 2017 Apple ได้มีการเรียกรองที่จะไม่จ่ายเงินกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ จึงเป็นเรื่องที่เกิดศึกระหว่าง 2 บริษัทที่เคยเปิดขึ้นในปี 2019 มาแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยชน์ของ “ต้นอ่อน” โปรตีนสูง-ช่วยลดน้ำหนัก

“ต้นอ่อน” หากพูดแค่นี้หลายคนอาจจะงงๆ ว่าหมายถึงอะไร พืชผักชนิดไหน ต้นอ่อนก็คือต้นอ่อนของผักต่างๆ หลากหลายชนิด ซึ่งนับว่าเป็นพืชที่มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง จนอยากให้ทุกคนได้ลองรับประทานกัน

พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือ หมอผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ระบุเอาไว้ในเฟซบุ๊ก Pleasehealth Books ดังนี้


ต้นอ่อนของพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง

  • ถั่วงอก หรือต้นอ่อนถั่วเขียว
  • ถั่วงอกหัวโต หรือต้นอ่อนของถั่วเหลือง
  • ต้นอ่อนทานตะวัน
  • ต้นอ่อนข้าวสาลี หรือวีทกราส
  • ไควาเระ หรือต้นอ่อนหัวไชเท้า
  • โตวเหมี่ยว หรือต้นอ่อนถั่วลันเตา
  • อัลฟาฟ่า
  • ต้นอ่อนบร็อคโคลี่
  • ต้นอ่อนกะหล่ำดาว
  • ต้นอ่อนแรดิชแดง
  • ต้นอ่อนเคล


ทำไมต้นอ่อนถึงมีประโยชน์ และนิยมนำมารับประทานกัน?

ต้นอ่อนเป็นระยะที่พืชอัดแน่นด้วยสารอาหารและพลังงานเพื่อพร้อมเจริญเติบโต ดังนั้นเมื่อเรานำมารับประทาน ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพ 


ประโยชน์ของต้นอ่อน

  1. เป็นแหล่งของโปรตีนดี มีกรดอะมิโนที่ร่างกายพร้อมดูดซึมนำไปใช้ 
  2. โปรตีนจากพืชช่วยในการคุมน้ำหนัก และมีเส้นใยอาหารสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนอยากลดน้ำหนัก 
  3. ลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้ดีกว่าโปรตีนจากสัตว์
  4. อัดแน่นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะต้นอ่อนกะหล่ำดาวและต้นอ่อนเคล ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็งในกลุ่ม Glucosinolates และ Phenolics สูง 


ระวังต้นอ่อนดิบ

ต้นอ่อนผักสามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบและปรุงสุก แต่ถ้าจะรับประทานแบบดิบ ต้องระวังการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ เพราะสภาพความชื้นและสารอาหารที่อัดแน่นในต้นอ่อน ทำให้ต้นอ่อนเป็นที่ชื่นชอบของแบคทีเรียต่างๆ เช่นกัน จึงต้องนำมาล้างให้สะอาด หรือปรุงให้สุกโดยผ่านความร้อนจะปลอดภัยกว่า 


ต้นอ่อนของพืชในไทย ราคาไม่แรง และให้ประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนกัน

เมื่อเทียบกับสารอาหารที่อัดแน่นแล้ว ต้นอ่อนแบบไทยๆ จัดว่าราคาไม่แพง แต่ต้นอ่อนแบบฝรั่งอาจจะราคาสูงและหาซื้อยากไปนิด สำหรับคนที่มีฝีมือทางการเกษตร แนะนำว่าซื้อเมล็ดมาเพาะเองได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องการพื้นที่ใหญ่โตในการเพาะปลูก และยังมั่นใจในความสะอาดได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 8/09/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,300.0032,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,092.0031,714.7232,900.00
ทองรูปพรรณ 90%1,882.8028,543.25n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,673.6025,371.78n/a
ทองรูปพรรณ 50%941.0014,265.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%732.0011,097.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,168.0032,866.88n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 8/09/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.3539.3540.3539.3539.3539.3539.3539.3539.3539.35
แก๊สโซฮอล์ 9139.0839.0840.0839.0839.0839.0839.0839.0839.0839.08
แก๊สโซฮอล์ E2037.0437.0438.0437.0437.0437.0437.0437.0437.04
แก๊สโซฮอล์ E8537.4937.4937.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.0449.0449.8449.0445.04
เบนซิน 9547.1448.3147.6447.2947.14
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม42.2443.6449.4443.6443.6442.24
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า