อนันดาพลิกเกมกู้วิกฤติแอชตันอโศก-หุ้นกู้!กัดฟันหั่นมาร์จิ้น8%กำเงินสด
ห้วง 2 เดือนหลังศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม “แอชตัน อโศก” ความเคลื่อนไหวล่าสุด “อนันดา” ไปต่อด้วยการจัดเคลียร์แรนซ์เซลครั้งใหญ่! ยอมหั่นมาร์จิ้น(GP) 8% เพื่อกำเงินสดรับมือวิกฤติหุ้นกู้ในปีหน้า พร้อมแก้ปัญหา “แอชตัน อโศก”
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณี แอชตัน อโศก วันนี้ อนันดาพยายาม “หยุด” และจำกัดความเสียหาย เพื่อก้าวข้ามปัญหานี้ให้ได้ โดยจะพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเห็นว่าเราไม่ได้รับผลกระทบจาก “แอชตัน อโศก” แถมยังขายดีขึ้นด้วยแบบผิดหูผิดตา
ทั้งนี้ การแก้ปัญหาต้องเริ่มที่ “ต้นตอ” โดยจับมือกับเจ้าของร่วม (ลูกบ้าน) ในการขับเคลื่อนด้านกฏหมาย ทั้งศาลปกครอง หน่วยงานภาครัฐ ผ่านทีมงานของรัฐบาลใหม่ ทั้งกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
“เชื่อว่า นายกฯ ที่เคยอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์จะเข้าใจปัญหานี้ เราคาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจะเห็นความคืบหน้าจาก 5 แนวทางหลัก”
ประกอบด้วย 1. ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ โดยการซื้อ หรือหาที่ดินเพิ่มเติม 2. เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฏหมายที่เกี่ยวข้องผ่านกรุงเทพมหานคร ไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย
3.เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฏหมายที่เกี่ยวข้องผ่าน รฟม. เสนอผ่านกระทรวงคมนาคมไปยังคณะรัฐมนตรี 4.ประสานเจ้าของเดิมให้ยื่นทบทวนสิทธิ์ที่ดินทางเข้าออก จาก รฟม. ให้ทบทวนสิทธิ์ที่ดินเดิมก่อนเวนคืน ควรให้สิทธิ์ทางเข้าออกอย่างน้อย 12-13 เมตร เพื่อให้สามารถขึ้นอาคารสูงและขนาดใหญ่พิเศษได้ และ 5.ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากมีหลักฐานใหม่ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป
“เราดำเนินงานพร้อมกันทั้ง 5 แนวทาง เพราะไม่รู้ว่าจะสามารถจบได้ที่แนวทางไหนก่อน! ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ซึ่งมีความซับซ้อนเพราะเกี่ยวข้องกับหลายกฏหมาย หลายกระทรวง แต่มั่นใจว่า จะแก้ได้ เพราะเป็นเรื่องการตีความทางกฏหมาย และส่งผลกระทบในวงกว้าง ฉะนั้นภาครัฐน่าเข้ามาหยุดเพื่อจำกัดผลกระทบที่เกิดจากกรณีนี้ ล่าสุดได้เสนอข้อมูลผ่านทีมงานของรัฐบาลใหม่ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น”
ประเสริฐ ระบุว่า 6 เดือนแรกปีนี้ (ก่อนเกิดกรณี แอชตัน อโศก) อนันดา มียอดขายเติบโต 59% คิดเป็นมูลค่า 9,711 ล้านบาทเทียบ 6 เดือนแรกของของปีที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขการโอนในครึ่งปีแรกตลาดโต 1% ตลาดคอนโดโต 16% บ้านเดี่ยวติดลบ 7% ทาวน์เฮาส์ติดลบ 4% แต่อนันดากลับมียอดโอนครั้งปีแรกเติบโตถึง 39% เทียบกับปีก่อน
“ถ้าไม่มีกรณี แอชตันอโศก อนันดาคงเทคออฟไปแล้ว ไม่ต้องมาเทิร์นอะราวด์วันนี้”
ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีแรก ตัวเลขยอดโอนต่างชาติเติบโต 30% คิดเป็นมูลค่า 20,886 ล้านบาท ส่วนอนันดามียอดโอนจากลูกค้าต่างชาติ 1,165 ล้านบาท เติบโต 269% ตัวเลข 8 เดือนยอดโอนโตขึ้น 28% เทียบช่วงเดียวกับปีก่อน รวมทั้งพอร์ตแบรนด์แอชตัน ยังคงเติบโต ถึง 200% แม้ว่าในเดือน ส.ค. กระแสข่าวของแอชตัน อโศก
เรียกได้ว่า “อนันดา” ก้าวข้ามผลกระทบจากกรณี แอชตัน อโศก เพื่อไปต่อได้แล้ว ในฝั่งการขายเดือน ส.ค.โต 15% คิดเป็นมูลค่า 1,707 ล้านบาท คาดเดือน ก.ย. ขยับถึง 2,000 ล้านบาท โดย 75% มาจากคอนโด 25% มาจากแนวราบ ซึ่งมาจากสต็อกที่มีอยู่ ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบการทำงานหลังบ้านที่ดี
การจะเทิร์นอะราวด์ให้ได้เร็ว ล่าสุดจัดแคมเปญ “ANANDA DADDY CLEARANCE SALE” แด๊ดดี้ สั่งลด ล็อตสุดท้ายก่อนปิดโครงการ นำสต็อกกว่า 29,000 ล้านบาท เป็นคอนโดพร้อมโอน 22,712 ล้านบาท จากคอนโด 18,441ล้านบาท แนวราบ 4,271 ล้านบาท โดยนำสต็อกคอนโดและบ้านพร้อมอยู่จำนวน 7,337 ล้านบาท จำนวน 1,100ยูนิต ออกขายช่วง 4 เดือนสุดท้าย เฉลี่ยยูนิตละ 6-7 ล้านบาท คาดเป็นต่างชาติซื้อ 30-40% โดยมีเป้าหมายปิดโครงการในปีนี้ 4 โครงการ ได้แก่ ไอดีโอ จรัญ70, ไอดีโอ จุฬา สามย่าน, คิว ประสานมิตร และเอลิโอ เดล เนสท์ และในปีหน้า 4 โครงการ
“การทำแคมเปญช่วงนี้ส่วนหนึ่งเพราะดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเท่าตัวในเวลาไม่ถึงปี ทำให้เราต้องลดหนี้ลง และตลาดหุ้นกู้เริ่มไม่ดึงดูดใจเพราะคนขาดความมั่นใจในการซื้อบอนด์ใหม่ทั้งอุตสาหกรรมในประเทศโดยไปกระจุกตัวอยู่ที่รายใหญ่ที่มีเรต A เท่านั้นเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของตลาดหุ้นกู้ในปีหน้า”
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายจากแคมเปญนี้ 1,000 ล้านบาท เป็นการขายบิ๊กล็อต (10 ยูนิต หรือมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป) ให้กับลูกค้า 7-8 ราย
แม้ว่าการนำสต็อกมูลค่า 7,337 ล้านบาท มาจัดแคมเปญจะส่งผลกระทบกับความสามารถในการทำกำไรของอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงปลายปีนี้ลดลงถึง 8% แต่ก็ต้องทำ! เพื่อให้ได้กระแสเงินสดกลับเข้ามา 3,800 ล้านบาท หลังจากที่เพิ่งจ่ายหุ้นกู้ในเดือนที่ผ่านมา 1,700 ล้านบาท และต้องจ่ายอีก 700 ล้านบาทในไตรมาส 4 ส่วนปีหน้าจะต้องจ่ายหุ้นกู้อีก 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดไตรมาส 1 จำนวน 3,826 ล้านบาท ไตรมาส 3/2567 อีก 3,200 ล้านบาท
จึงต้องเตรียมกระแสเงินสดไว้รองรับการจ่ายหุ้นกู้ เพราะการยอดรอดในยุคนี้คือการมีกระแสเงินสด !!!
ในปี 2567 บริษัทเชื่อว่าภาพรวมผลการดำเนินงานจะสามารถพลิกมีกำไร (เทิร์นอะราวด์) ได้ โดยบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการรับรู้รายได้ในปีหน้า อีกทั้งมีแผนเปิดตัว 4-8 โครงการใหม่ ปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาคอนโดแล้ว 4 แปลง มูลค่าที่ดินรวม 10,000 ล้านบาท ย่านสะพานควาย ทองหล่อ พระราม 4 และ สามย่าน พร้อมมีสินค้า READY TO MOVE ที่จะทยอยเสร็จในปีหน้าเข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง
บริษัทยังมองว่าขณะนี้เป็นจังหวะที่ดีในการเสนอแนวทางการพัฒนาอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้รัฐบาลในยุคของนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” โดยการใช้โครงการอสังหาฯ เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมตาม Functional Zone
ส่วนมาตรการระยะสั้น คือการยกเลิกมาตรการ LTV ชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบต่อการมีบ้านเป็นของตนเองของตลาดกลาง-ล่าง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่มาตรการระยะยาว รัฐบาลควรวางโครงสร้างสิทธิประโยชน์ ระบบภาษี รองรับความต้องการอสังหาฯ ของชาวต่างชาติ เพื่อจัดระเบียบ ลดผลกระทบ และเป็นประโยชน์ในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“แอสเซทไวส์”คว้าสุดยอดบริษัทอสังหาฯที่น่าทำงานด้วยในเอเชียปี2023
“แอสเซทไวส์” คว้ารางวัลสุดยอดบริษัทอสังหาฯ ที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย ปี 2023สู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
แอสเซทไวส์ คว้ารางวัลใหญ่ระดับนานาชาติ “HR Asia Best Companies to Work for in Asia Awards 2023” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่น่าทำงานด้วยที่สุดในภูมิภาค จัดโดย HR Asia นิตยสารชั้นนำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ได้รับการยอมรับในภูมิภาคเอเชีย สะท้อนความเป็นเลิศในการบริหารงานทรัพยากรบุคคลได้อย่างยอดเยี่ยม
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่แอสเซทไวส์ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ “HR Asia Best Companies to Work for in Asia Awards 2023” ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา แอสเซทไวส์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ “พนักงาน” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในทุกมิติ
ทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยค่านิยมหลัก (Core Value) ของชาวแอสเซทไวส์ที่เรายึดมั่นคือ องค์กรที่มีหัวใจ (HEART) เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรชั้นนำที่พนักงานมีความรักและผูกพันในองค์กรสูงสุด และมีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน
ที่แอสเซทไวส์ เรามุ่งเน้นดูแลพนักงานเสมือนคนในครอบครัว สนับสนุนให้พนักงานมี Work life balance ที่ดี มีสวัสดิการเพียบพร้อมเหมาะสมตามตำแหน่งและอายุงาน มีวันลาพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากการลาพักร้อนและวันหยุดทั่วไป เช่น ลาปฏิบัติธรรม ลาดูแลภรรยาคลอดบุตร มอบทุนการศึกษาให้กับบุตรพนักงานทุกคน
ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงชั้นมัธยม รวมถึงออกแบบออฟฟิศให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขของการทำงาน (Happy Workplace) มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายตอบโจทย์พนักงานทุกเจเนอเรชั่น อาทิ โซนคาเฟ่, ห้องเกมส์, ห้องฟิตเนส, ห้องนวดผ่อนคลาย, Co working space ที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวที่สามารถสร้างสรรค์ไอเดียในการทำงานได้แบบไม่จำกัด บริการอาหารเช้า อาหารกลางวัน กิจกรรมพิเศษ ปาร์ตี้ ในโอกาสต่าง ๆ ที่เข้าถึงความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง เพื่อให้พนักงานแต่ละฝ่ายได้มีโอกาสได้กระชับความสัมพันธ์ การทำงานร่วมกันจึงเป็นเรื่องง่ายขึ้น
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้พร้อมรับมือกับโลกแห่งการแข่งขันยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว มีการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากปัจจัยสำคัญเหล่านี้ ทำให้แอสเซทไวส์ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่น่าทำงานด้วยที่สุดในปี 2023 ในระดับภูมิภาคเอเชีย
อนึ่ง รางวัล “HR Asia Best Companies to Work for in Asia Awards 2023” จัดโดย HR Asia นิตยสารชั้นนำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ได้รับการยอมรับในภูมิภาคเอเชีย เป็นรางวัลที่มอบให้สำหรับองค์กรต่างๆ ในเอเชีย ที่มีแนวทางการบริหารงานทรัพยากรบุคคลที่ดีเยี่ยม มีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง และพนักงานมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในองค์กรที่สูง จนเป็นที่ยอมรับในประเทศและในระดับนานาชาติ
โดยก่อนหน้านี้ แอสเซทไวส์ เพิ่งได้รับรางวัล “Developer of the Year 2023” จากเวที Dot Property Thailand Awards 2023 ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย ด้วยผลงานโดดเด่นในรอบปีจากช่วงครึ่งปีแรก 2566 ความสำเร็จทั้งหมดนี้ ถือเป็นรางวัลใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจของชาวแอสเซทไวส์ทุกคน ที่ร่วมกันทุ่มเท มุ่งมั่นส่งต่อความสุขในพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด We Build Happiness ให้แก่ลูกค้าทุกคน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28ก.ย. ที่ระดับ 36.69 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ไฮไลท์สำคัญวันนี้หากรายงานข้อมูลจีดีพีและยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐออกมาดีกว่าคาดมีโอกาสดอกเบี้ยเฟดส่งผลให้เงินดอลลลาร์และยอนด์ยีลด์10ปีขึ้นต่อ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28ก.ย.2566 ที่ระดับ 36.69 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.55 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า หลังจากที่เงินบาทได้อ่อนค่าทะลุแนวต้านสำคัญ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ แม้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.50%
สวนทางกับที่ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่คาด (แต่เป็นไปตามที่เราคาด) แต่ก็ไม่สามารถช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ยังคงกดดันค่าเงินบาท คือ โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
โดยเฉพาะในฝั่งตลาดบอนด์ที่อาจยังคงดำเนินต่อไปได้บ้าง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้เราต้องปรับมุมมองใหม่และประเมินแนวต้านที่เป็นไปได้ของเงินบาท รวมถึงจุดอ่อนค่าสุดของเงินบาท
โดยในเชิง Technical เงินบาทจะมีโซนแนวต้านอยู่ในช่วง 36.65-36.85 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าหลุดโซนดังกล่าว จะมีความเสี่ยงที่เงินบาทอาจอ่อนค่าเร็วไปสู่โซน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก ทั้งนี้ เราได้ประเมินจุดอ่อนค่าสุดของเงินบาทที่เป็นไปได้ใหม่
โดยอ้างอิง Valuation ของเงินบาทจากดัชนีเงินบาท REER เราพบว่า จุดอ่อนค่าสุดที่เป็นไปได้ของเงินบาท (Z-Score ของ REER ราว -2.0 เท่า) จะอยู่ที่ประมาณ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่เราเคยประเมินไว้ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน แถวระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์ พอสมควร
ทั้งนี้ เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้างและการอ่อนค่าอาจชะลอลงได้ หากนักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อหุ้นไทยมากขึ้น หลังล่าสุด ดัชนี SET ได้ปรับตัวลงมาสู่โซนแนวรับสำคัญ และใกล้กับช่วงที่ความเสี่ยงการเมืองไทยร้อนแรง ทำให้เรามองว่า ณ ปัจจุบัน ความเสี่ยงการเมืองได้ลดลงไปมาก
อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจไทยก็ยังคงสดใสอยู่ กอปรกับระดับราคา (valuation) ของหุ้นไทยก็ไม่แพง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก็ควรหนุนให้นักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าสะสมหุ้นไทยในจังหวะย่อตัวได้เช่นกัน (อนึ่ง Krungthai CIO แนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อสะสมหุ้นไทย โดยมีเป้าระยะสั้น SET แถว 1,540-1,550)
เรายังคงมองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.50-36.85 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 36.52-36.76 บาทต่อดอลลาร์) ตามการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ยังคงได้แรงหนุนจากความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงได้นาน และ
ความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวน ขณะเดียวกัน การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงหนัก ซึ่งเราคาดว่า โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเช่นกัน
ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง หลังการพุ่งขึ้นแรงของราคาน้ำมันดิบ (ตามรายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าได้) ยังคงสร้างความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงได้นานกว่าคาด (Higher for Longer) เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อที่อาจได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.02%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ย่อลงต่อเนื่อง -0.18% กดดันโดยแรงขายบรรดาหุ้นที่อ่อนไหวต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและบอนด์ยีลด์ อาทิ หุ้นสาธารณูปโภค (Utilities) ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มบรรดาธนาคารกลางหลักอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +1.4%) หลังราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ในฝั่งตลาดบอนด์ การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลว่า กระบวนการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ (Disinflation) อาจถูกกระทบได้ ทำให้ยังมีความเสี่ยงที่เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานกว่าคาด (Higher for Longer)
ซึ่งภาพดังกล่าว ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.60% ทั้งนี้ แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นสูงกว่าแนวต้านระดับ 4.50% ที่เราเคยประเมินไว้ แต่เราคงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนควรทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้น
โดยในปัจจุบัน ผู้เล่นในตลาดต่างมีสถานะ Short บอนด์ระยะยาวกันมาก ทำให้ หากมีปัจจัยที่ทำให้มุมมอง Higher for Longer เปลี่ยนไป เรามองว่า การทยอยปิดสถานะ Short อาจช่วยหนุนให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงได้ไม่ยากและอาจเห็นการปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในระยะสั้นได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญแถว 106.6 จุด (กรอบ 106.2-106.9 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,895 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตามที่เราประเมินไว้ว่ามีความเสี่ยงที่ราคาทองคำอาจลดลงสู่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ไม่ยาก)
ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจยังคงเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ GDP ไตรมาสที่ 2 และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)
ซึ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด หรือ สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งอยู่ ก็อาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้ม “Higher for Longer” สำหรับดอกเบี้ยเฟด ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เล่นเกมจนได้ดี!!! “TDKeane” : อีสปอร์ต คือโลกกว้างที่ความท้าทายไม่สิ้นสุด
กีฬา กับ ความท้าทาย เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก เพราะนักกีฬาจะไปถึงจุดสูงสุดไม่ได้เลย หากไม่ท้าทายขีดความสามารถของตัวเองเพื่อเอาชนะคู่แข่งที่มีระดับสูงกว่า
สำหรับ อีสปอร์ต แล้ว ความท้าทายแทรกซึมอยู่ในทุกองศา และมันเริ่มได้โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬาทีมชาติหรือนักกีฬาที่มีสังกัดเพื่อไปแข่งทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ ด้วยซ้ำ เพราะคุณสามารถออนไลน์เจอกับคู่แข่งทั่วโลกได้เลยจากที่บ้านของตัวเอง
เรื่องความท้าทายของกีฬาชนิดนี้ คงไม่มีใครอธิบายได้ดีไปกว่า “คีน” ธีเดช ทรงสายสกุล หรือ TDKeane โปรเพลเยอร์เกมฟีฟ่าออนไลน์ ที่คว้าแชมป์ระดับโลกและรายการนานาชาติมาแล้วนับไม่ถ้วน และล่าสุดเขาเพิ่งคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์มาครองได้เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา
เริ่มจากสนามหญ้า ก่อนโชคชะตาพาไปสู่สนามออนไลน์
ชีวิตในวัยเด็กของคีนไม่ได้ต่างจากเด็กทั่ว ๆ ไปนัก นั่นคือต้องตั้งใจเรียนหนังสือตามความต้องการของพ่อแม่ จะมีพิเศษอยู่หน่อยก็ตรงเป็นลูกชายของ ชุมพตน์ ทรงสายสกุล เจ้าของนามปากกา “ซัมเมอร์ฮิลล์” คอลัมนิสต์ฟุตบอลชื่อดัง ทำให้คลุกคลีและคุ้นชินกับกีฬาลูกหนังไปโดยปริยาย ส่วนการเล่นเกมเป็นสิ่งที่อยู่ไกลตัว แต่ก็ไม่เกินเอื้อมมือ
“ตอนแรกไม่ได้เล่นเกมบ่อยมากครับ เพราะที่บ้านไม่ได้ให้เล่นเยอะ ไปเรียนตามปกติ แล้วก็มีซ้อมบอล มาได้เริ่มเล่นเกมจริง ๆ คือ ม.4 ที่ได้ติดอินเตอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลทำรายงาน เลยได้เล่นเกมออนไลน์ เป็นเกมทั่วไป ยังไม่ได้เล่นเกมฟุตบอล พอดีตอนนั้นคุณพ่อมีเกมเพลย์สเตชั่น 1 เค้าชอบเล่นเกมบอล ผมก็นั่งดู แล้วหยิบจอยที่ไม่ได้ต่อเครื่องมากดเล่น เป็นภาพจำจนโต พอมีเกมบอลก็โหลดมาเล่น ชอบเกมฟุตบอลเป็นอันดับต้น ๆ”
จากเด็กที่หยิบจอยเปล่ามาทำทีเป็นเล่นเกมกับคุณพ่อ จนโตพอจะเล่นเกมกับคนอื่น ๆ แล้วกลายเป็นค้นพบความชอบที่ใส่ใจกับมันอย่างจริงจัง คีนออกจากโลกออนไลน์ที่ผลตอบแทนของชัยชนะเป็นแค่ความรู้สึกอิ่มเอมใจ กระโจนเข้าสู่เวทีการแข่งขันที่มีผลตอบแทนเป็นเงินรางวัล จนเกิดความรู้สึกอยากมุ่งไปในทางสายนี้อย่างจริงจัง
“นานมากครับกว่าจะมาเล่นจริงจัง เพราะว่าเมื่อก่อนไม่ได้มีการสนับสนุนขนาดนี้ ที่บ้านมองว่าเป็นโบนัสมากกว่า เพราะมองไม่เห็นภาพว่าจะไปได้ถึงไหน แต่พอแข่งไปเรื่อย ๆ เริ่มเข้ารอบ ได้ท็อปแปดบ้าง ที่สองบ้าง ที่สามบ้าง เงินรางวัลหลักห้าพัน หลักหมื่น มาเริ่มขยับตอนได้แชมป์ภาพคกลางที่ได้หนึ่งแสน แล้วก็แชมป์ประเทศที่ได้หนึ่งแสน ทำให้ที่บ้านเริ่มเปิดใจ แต่ก็ยังไม่ได้ให้มองว่าเป็นงานหลัก จนได้มาเริ่มเป็นตัวแทนประเทศไทย ก็เริ่มเปิดใจบ่อยขึ้น แล้วเราก็ได้เป็นบ่อยครั้งจนเขายอมรับขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับเงินรายได้หรือว่าเงินรางวัลที่ค่อนข้างเยอะ จนสุดท้ายเขาก็ตามเชียร์เราไปด้วย”
เปิดใจทางบ้าน เปิดทางสู่โปรเพลเยอร์
อุปสรรคแรกเริ่มที่นักกีฬาอีสปอร์ตในบ้านเราทุกคนต้องเจอ คือการทำอย่างไรให้ที่บ้านยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ที่กีฬาชนิดนี้ยังไม่แพร่หลายและได้รับความนิยมเท่าในปัจจุบัน ซึ่งแม้ครอบครัวจะเริ่มเปิดใจให้กับการเล่นเกมแข่งอย่างจริงจังของคีนแล้ว แต่กับคำว่าโปรเพลเยอร์ที่หมายถึงการยึดสิ่งนี้เป็นอาชีพนั้น มันคนละเรื่องกับภาพอนาคตที่พ่อแม่วางเอาไว้
“ช่วง ม.5 มีทีมจีนมาติดต่อไปแข่ง ด้วยความที่เราเป็นเด็กก็อยากจะไป ไม่ได้สนว่าต้องเรียนให้จบก่อน เพราะปูทางตัวเองเรื่องเรียนมาดีแล้ว แต่พ่อแม่อยากให้เรียน เลยมีทะเลาะกันนิดหน่อย แต่เราไม่ใช่คนโวยวายก็อยู่เงียบ ๆ แล้วก็ได้ปรับความเข้าใจกันว่าถ้าเราฟอร์มดีก็ต้องได้โอกาสอีก เราก็ยังทำผลงานได้ดี พอจบม.6ก็มีโอกาสเข้ามาใหม่ก็ลองไปดู ที่บ้านก็เห็นเรื่องรายได้ที่มั่นคง จนมีสังกัดจริงจัง มีเงินเดือนประจำ เดือนละสองหมื่น ที่บ้านก็สบายใจและเปิดใจเต็มที่”
ความท้าทายของโลกอีสปอร์ต
สำหรับกีฬากายภาพแล้ว เรื่องสรีระ ความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายชนิดกีฬา เราไม่สามารถสู้กับต่างชาติได้ แต่ไม่ใช่กับอีสปอร์ตที่เรื่องเหล่านั้น ไม่มีผลเลยแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องของเทคนิคและวิธีการเป็นแค่เพียงสไตล์เฉพาะของแต่ละชาติที่ไม่ใช่ว่าจะหาวิธีรับมือไม่ได้ เพราะฉะนั้นความท้าทายของกีฬาชนิดนี้คือการรักษามาตรฐานของตัวเอง และหมั่นศึกษาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่เสมอ
“เป็นเรื่องยากที่เราจะเข้าใจระบบของเกมได้ทะลุปรุโปร่ง เพราะมีการออกแพตช์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ บางทีเราก็ดูจุดแข็งของผู้เล่นคนอื่นมา แล้วก็ต้องปรับตัวตามเวอร์ชันของเกม ทุกชาติเก่งพอ ๆ กัน แต่ละประเทศก็จะมีตัวท็อปที่เป็นสตรีมเมอร์ ทำให้เล่นคล้ายกันทั้งประเทศ ส่วนชาติที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจคือเกาหลีใต้ ที่การต่อบอลเนียนมาก ทุกอย่างละเอียด และเหนือกว่าเราเล็กน้อย ส่วนของไทยจะเป็นบุกหวังผลได้ ตอนแรกตื่นตาตื่นใจ แต่หลัง ๆ เราก็เอาชนะเกาหลีใต้ได้บ่อยเหมือนกันครับ แล้วพอเราเจอกับระดับแบบนี้เราก็สนุกไปด้วย”
ประสบการณ์ใหม่ – การลงแข่งในนามทีมชาติ
สำหรับนักกีฬาที่เจนสนามมาอย่างยาวนานอย่างคีน เรื่องของความตื่นเต้น หรือความกดดันคงไม่ได้มีผลต่อเขาเท่าไรนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่า กับมหกรรมกีฬาที่เป็นแค่ระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างซีเกมส์ กลับทำให้เขาเจอประสบการณ์ใหม่แบบที่ไม่คาดคิด
“ทุกรายการที่แข่งมายากทั้งหมด แต่ถ้าเอาที่ประทับใจคือในซีเกมส์ที่เวียดนาม เมื่อปีที่แล้ว ก่อนแข่งไทยเป็นตัวเต็ง แต่เราไปในนามทีมชาติแล้วต้องแบกรับความกดดัน สุดท้ายแม้จะได้เหรียญทองแต่มันยากจนตัวเองแปลกใจ ทั้งที่ทีมเวียดนาม เราเจอมาแล้วรอบแรกแล้วก็มาเจออีกรอบ หืดขึ้นคอทั้งสองรอบ ถ้าเป็นสถานการณ์อื่นผ่านได้สบาย แต่พออันนี้ตัวแปรเยอะ พอได้ทองมาโล่งมาก และเป็นการปลดล็อกอีกอย่างในชีวิต ไม่เหมือนกับรายการอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เลย”
ความท้าทายที่เหลืออยู่และครั้งแรกกับเอเชียนเกมส์
ชีวิตนักกีฬาที่คว้าความสำเร็จมาแล้วมากมาย ผ่านเวทีใหญ่มาครบทุกอย่าง คำถามที่เกิดขึ้นคือเขาและเธอเหล่านั้นจะเหลืออะไรให้ตัวเองท้าทายอีก แต่สำหรับคีนแล้ว มาตรฐานระดับสูงที่เขาเคยทำเอาไว้คือสิ่งท้าทายที่สุดที่เขาอยากรักษาไว้ให้ได้
“ความท้าทายที่สุดของผมตอนนี้คือ อยากรู้ว่าตัวเองยังแข่งในระดับสูงไปได้อีกนานแค่ไหน คิดว่าตัวเองน่าจะอยู่ในเกมนี้นานสุดแล้ว นับเป็นสิบปี เลยอยากจะชาลเลนจ์ตัวเอง เจอรุ่นใหม่ ๆ น้อง ๆ มา เราจะสู้ได้มั้ย แต่ถ้าวันหนึ่งทำไม่ได้ แข่งไม่ไหว ไม่ถึงตัวแทนประเทศ ก็คงถอยเพื่อไปทำหลังบ้านแทน เป็นโค้ชหรือนักวิเคราะห์เกม ซึ่งคิดว่าตัวเองทำได้ดี”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ เอเชียนเกมส์ “จาการ์ตา-ปาเลมบัง 2018” บรรจุอีสปอร์ตเป็นกีฬาสาธิต มาถึง “หางโจวเกมส์” ได้เป็นกีฬาชิงเหรียญและมีเกมที่คีนลงแข่งนั่นก็คือฟีฟ่าออนไลน์ ทำให้เขาเพิ่มความท้าทายอีกอย่างในชีวิต
“ตอนแรกที่รู้ว่ามีแข่งในเอเชียนเกมส์ ไม่รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เพราะเราแข่งซีเกมส์มาแล้ว แต่พอดูรายละเอียดก็เปลี่ยนความรู้สึกไปเลย ดีใจที่เกมของเราได้รับเลือกและเป็นชาลเลนจ์อีกอย่างที่อยากทำให้ได้ เป้าหมายคือเหรียญทองที่รู้ว่าไม่ง่ายเพราะรูปแบบการแข่งขันเปลี่ยนจากทีมเป็นแข่งเดี่ยว ซึ่งท้าทายตัวเองมากขึ้นไปอีก
ความท้าทายคือการที่เราลองในสิ่งที่เราไม่เคยทำ หรือทำไม่ได้ การจะเอาชนะความท้าทายนั้นต้องเริ่มจากความกล้า เพื่อเอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง ลบความกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นทิ้งไป ซึ่งสำหรับคีนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนเขามองเป็นความท้าทายของตัวเองอยู่เสมอ และเชื่อได้เลยว่า ในเอเชียนเกมส์ที่หางโจวปีนี้ TDKeane จะสร้างความสุขให้กับคนไทย เหมือนกับทุกครั้งที่เขาเคยทำมาแล้วอย่างแน่นอน
****ล่าสุด “TDKeane” ธีเดช ทรงสายสกุล เอาชนะ พัฒนศักดิ์ วรนันท์ ไปได้ 2-0 เกม คว้าเหรียญทองไปครอง และเป็นเหรียญทองเอเชียนเกมส์ประวัติศาสตร์ของวงการอีสปอร์ตไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
น้ำ “สกัดเย็น” (cold pressed) มีประโยชน์จริงหรือ?
เทรนด์สุขภาพมาใหม่เรื่อยๆ จนเราเริ่มตามไม่ค่อยทัน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นของดีมีประโยชน์ เราก็อยากหามาลองทานกันเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าเรากำลังดูแลสุขภาพตัวเองอย่างเต็มที่ สำหรับเทรนด์น้ำ “สกัดเย็น” เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็น หรือเคยซื้อทานกันมาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้ว่าการสกัดเย็นเป็นอย่างไร แล้วมีประโยชน์กว่าน้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มปกติอย่างไร ลองมาอ่านกันเลยดีกว่า
สกัดเย็น คืออะไร?
การสกัดเย็น (cold pressed) คือการแยกส่วนของน้ำออกมาจากส่วนต่างๆ ของพืชอย่าง เมล็ด หัว ใบ ดอก ผล และเปลือก โดยการบีบอัดที่อุณหภูมิปกติ พืชที่นำมาสกัดเย็นจะต้องไม่ผ่านความร้อนหรือสารเคมีมาก่อนแล้วตั้งทิ้งไว้จนตกตะกอน จากนั้นจึงกรองเอาเฉพาะส่วนของน้ำมันที่บริสุทธิ์มาใช้
ในกรณีที่เป็นการสกัดน้ำมัน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันที่ได้จะใส สะอาด ไม่มีกลิ่นหืน และยังคงสภาพวิตามินต่างๆ ตามธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน หากเป็นการสกัดเย็นจากผลไม้ ก็จะเป็นน้ำผลไม้ที่ได้คุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนเช่นกัน โดยที่สี และรสชาติของน้ำผลไม้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เครื่องดื่มสกัดเย็น VS น้ำปั่นผลไม้แยกกาก VS น้ำผลไม้กล่อง
หลายคนอาจเคยซื้อน้ำปั่นผลไม้แยกกากมาทาน รูปร่างหน้าตาคล้ายน้ำผลไม้สกัดเย็น แต่การใช้เครื่องปั่นอาจทำให้เกิดความร้อนขึ้นระหว่างการปั่น จึงอาจทำให้เอนไซม์ และวิตามินบางส่วนถูกทำลายหายไป
ส่วนน้ำผลไม้กล่อง เป็นน้ำผลไม้ที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะต้องผ่านความร้อน ดังนั้นจึงอาจทำให้สูญเสียคุณค่าทางสารอาหารไปบ้าง รวมถึงรสชาติ และสีเปลี่ยนไป จึงต้องมีการเติมกลิ่น รส สีเข้าไปใหม่ ทั้งสีสังเคราะห์ และน้ำตาล (ในบางยี่ห้อ)
เครื่องดื่มสกัดเย็น VS ผลไม้สด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระบวนการในการทำน้ำผลไม้สกัดเย็น จะช่วยคงคุณค่าทางสารอาหาร รสชาติ และกลิ่นเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ “กากใยอาหาร” ที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของผักผลไม้ ที่เป็นส่วนที่มีวิตามินอยู่มาก และยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากสามารถเลือกได้ ผลไม้สดก็ยังคงมีคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนที่สุดอยู่ดี
อย่าลืมทานผักผลไม้ให้หลากหลายชนิด เพื่อให้ได้วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารต่างๆ ครบถ้วน ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องหาเทรนด์อาหารใหม่ๆ มาทานก็ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สำนวน Give ที่พบบ่อยในบทสนทนา
1. Give (Someone) A Break.
ความหมาย: หยุดตัดสิน (บางคน), หยุดโกรธในการกระทำของ (บางคน)
ตัวอย่าง: Just give him a break. He didn’t want to be rude. He’s just tired.
(หยุดโกรธเขาได้แล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจจะยาบคายหรอก เขาแค่เหนื่อยอ่ะ)
2. Give (Someone) The Boot.
ความหมาย: ไล่ (บางคน) ออกจากงาน, เลิก/ยุติความสัมพันธ์กับ (บางคน)
ตัวอย่าง: He got the boot from his job because he didn’t work to the best of his ability.
She said she couldn’t stand me anymore. So, she gave me the boot and left me here.
(เขาโดนไล่ออกจากงาน เพราะเขาไม่ได้ทำงานอย่างดีที่สุด)
(เธอพูดว่า เธอไม่สามารถอดทนกับฉันได้อีกต่อไป ก็เลยเลิกกับฉันและทิ้งฉันไว้ที่นี่)
3. Give Way.
ความหมาย: หยุดถกเถียง-หยุดสู้ (บางคนหรือบางสิ่ง), หลีกทาง-ให้ทาง (ใช้กับรถ)
ตัวอย่าง: I won’t give way to him unless he gives me an apology.
If the emergency cars drive past, you should give way to them unconditionally.
(ฉันจะไม่หยุดเถียงเขาแน่ ถ้าเขาไม่ขอโทษฉันก่อน)
(ถ้ารถฉุกเฉินผ่านมา เธอต้องให้ทางพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยนะ)
4. Give away (sth)
ความหมาย: แจก, ให้ฟรี
ตัวอย่าง: If you go to shopping mall on Friday, they’ll give a giveaway away.
(หยุดโกรธเขาได้แล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจจะยาบคายหรถ้าคุณไปที่ห้างในวันศุกร์ พวกเขาจะแจกของแถมให้ฟรีเลย)
5. Give (Someone) A Lift/Ride
ความหมาย: ให้ติดรถไปด้วย, ขับไปส่ง
ตัวอย่าง: I saw my friend with a broken car. So, I gave her a lift/ride to the company.
(ฉันเห็นเพื่อนของฉันอยู่กับรถที่เสียแล้ว ก็เลยให้เธอติดรถไปบริษัทด้วย)
6. Give (Someone) Your Word
ความหมาย: ให้คำมั่นสัญญา
ตัวอย่าง: I give my word. I won’t do it again.
(ฉันขอให้คำมั่นสัญญาว่าฉันจะไม่ทำมันอีก)
7. Give It A Rest!
ความหมาย: ให้ (บางคน) หยุดพูดในสิ่งที่กวนใจคุณ
ตัวอย่าง: You’ve been talking about it since this morning. Just give it a rest!
(เธอพูดเรื่องนี้มาไม่หยุดตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ หยุดพูดสักทีเถอะ!)
8. Give It Time
ความหมาย: ให้เวลากับมันหน่อย
ตัวอย่าง: I know how hard it is, but why don’t you give it time?. It’ll be better, I promise.
(ฉันรู้ว่ามันยากแค่ไหน แต่ทำไมเธอไม่ลองให้เวลากับมันหน่อยล่ะ? มันจะต้องดีขึ้นแน่ๆ ฉันสัญญาเลย)
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
5 วิธีแก้ปัญหา เครื่องค้าง เครื่องหน่วง แอปฯ เด้งออกเอง มันแก้ไม่ยากเลย
ทุกวันนี้ ปัญหาที่น่าหงุดหงิดใจของมนุษย์ยุคสมาร์ตโฟนครองเมือง ก็คือ “แอปพลิเคชั่นที่ใช้งานบนมือถือเด้งออก” บางครั้งกำลังเล่น ๆ เฟซบุ๊กอยู่ ๆ ก็เด้งออก หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ไลน์ หรืออาจจะเป็นแอปอื่น ๆ ที่มีผลต่อการใช้งาน เช่น เกม หากคุณเป็นหัวร้อนเกมเมอร์ตัวพ่อแล้วล่ะก็ รับรองว่าคุณจะต้องโมโหและหัวเสียอย่างแน่นอน
หากคุณกำลังเบื่อกับการที่แอปฯ เด้งออก วันนี้เราจะมานำเสนอ 5 วิธีแก้ปัญหาใช้แอปพลิเคชันบนมือถือแล้วเด้งออก วันนี้ Sanook Hitech จะมาสรุป 5 เรื่องที่แก้ปัญหาเรื่องเครื่องค้างได้แก่
1. ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่มีปัญหาแล้วติดตั้งใหม่อีกครั้ง
วิธีนี้จัดได้ว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ มนุษย์เรากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หากเจอปัญหาแอปพลิเคชั่นที่ตัวเองใช้งานอยู่ เช่น ค้าง เข้าแล้วเด้งออก ส่วนมากก็จะใช้วิธีการลบแอปนั้นทิ้งแล้วดาวน์โหลดใหม่ เพื่อเป็นการคืนค่าแอปพลิเคชั่นให้กลับมาเป็นดังเดิมทุกประการแบบไร้ตำหนิ ไร้ปัญหา ไร้ข้อกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น
2. Restart โทรศัพท์ใหม่
หลังจากที่ลองถอนการติดตั้งแอปพลิเคชั่นแล้วติดตั้งใหม่อีกครั้งแล้วไม่ได้ผล วิธีต่อมาก็อาจจะเป็นวิธีที่ง่ายรองลงมา นั่นก็คือ การปิดเปิดเครื่องโทรศัพท์ใหม่อีกครั้ง หรือ Restart โทรศัพท์ใหม่อีกครั้งนั่นเอง เพราะการทำแบบนี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เนื่องจากค่าภายในของโทรศัพท์รอการ Restart หรือเริ่มต้นใหม่นั่นเอง
3. ลบแอปที่ไม่จำเป็นทิ้ง
บางครั้งการที่แอปพลิเคชั่นที่ใช้งานมีปัญหา แอปค้างบ้าง เด้งออกบ้าง อาจจะเกิดจากการที่ RAM หรือ ROM มีเนื้อที่ไม่เพียงพอกับแอปพลิเคชั่นที่เรากำลังใช้งาน หรือแอปพลิเคชั่นที่เราติดตั้งไว้ ดังนั้นการเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำให้เพิ่มมากขึ้นจากการลบแอปพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็น หรือไม่ค่อยได้ใช้งานออก ก็อาจจะแก้ปัญหานี้ได้
4. คืนค่าโรงงานให้กับโทรศัพท์เครื่องนั้น
ลบแอปแล้วดาวน์โหลดใหม่ก็แล้ว ปิดเปิดเครื่องใหม่ก็แล้ว แถมยังลบแอปที่ไม่ได้ใช้ทิ้งไปแล้วด้วย แต่แอปก็ยังค้างแล้วเด้งออกอยู่ดี หากเป็นแบบนี้คงจะต้องใช้วิธีคืนค่าโรงงานให้กับโทรศัพท์เครื่องนั้น หรือในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Factory Reset เป็นการล้างความจำเครื่องทั้งหมดให้เหมือนกับพึ่งผลิตออกมาจากโรงงานเลยล่ะ
5. ซื้อโทรศัพท์ใหม่
ถ้าหากทำตามทั้ง 4 วิธีก่อนหน้านี้แล้วยังไม่ได้ผล เราขอแนะนำให้คุณซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่แทน สาเหตุอาจจะมาจากระยะเวลาของเจ้าโทรศัพท์ที่เราใช้นั้นมีระยะเวลานาน ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์คุณอาจจะล้าสมัยไปแล้ว ดังนั้นการซื้อโทรศัพท์ใหม่คือคำตอบสุดท้ายของการแก้ปัญหานี้
หากสังเกตดูดี ๆ แล้ว วิธีแก้ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลเวลาเกิดปัญหาแอปพลิเคชั่นค้าง หรือแอปพลิเคชั่นเด้งออกเอง ล้วนแล้วมีแต่วิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองทั้งนั้น ถ้ารู้วิธีแล้วก็อย่าไปเสียรู้ให้กับพวกร้านซ่อมโทรศัพท์อีกล่ะ ด้วยความปรารถนาดี “รักหรอกจึงบอกก่อน”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จริงหรือไม่? ผู้หญิงมีประจำเดือน ห้ามดื่มน้ำเย็น?
ช่วงมีประจำเดือน เป็นช่วงที่เปราะบางของผู้หญิง และผู้หญิงหลายคนก็มีอาการแตกต่างกันออกไป บางคนปวดท้องมาก บางคนไม่ปวดเลย บางคนสิวขึ้น อยากทานอาหารรสจัด หน้าอกใหญ่ขึ้น หรือแม้กระทั่งหงุดหงิดง่ายกว่าเดิม
แต่สำหรับเรื่อง “น้ำเย็น” หลายคนอาจเคยได้ยินว่าช่วงมีประจำเดือนไม่ควรดื่มน้ำเย็น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร Sanook! Health มีคำตอบมาฝากกันค่ะ
ทำไมผู้หญิงที่มีประจำเดือน ถึงมีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น?
เพราะช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือน ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และไม่สมดุลเหมือนปกติ ร่างกายจะเกิดความอ่อนแอขึ้นเล็กน้อย เพราะร่างกายสูญเสียของเหลวออกไปปริมาณหนึ่ง ผู้หญิงคนไหนที่สุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ช่วงนี้อาจจะเจ็บป่วยได้ง่าย
บางคนอาจแค่ไม่สบายตัว บางคนมีอาการอ่อนเพลีย ปวดแขน ปวดขา ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือบางคนอาจมีอาการปวดท้องรุนแรง และอาการเหล่านี้เองที่ส่งผลทางด้านอารมณ์ตามมา เช่น หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย หรืออารมณ์เสียบ่อยๆ และอารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลต่อปริมาณของประจำเดือนในแต่ละคนด้วยเช่นกัน
จริงหรือไม่? ผู้หญิงมีประจำเดือน ห้ามดื่มน้ำเย็น?
วารสารทางการแพทย์หลายฉบับระบุว่า ภูมิคุ้มกันโรคของผู้หญิงจะลดต่ำลงระหว่างมีรอบเดือน จึงเป็นที่มาของคำแนะนำที่ว่า ผู้หญิงมีประจำเดือน ห้ามดื่มน้ำเย็น ห้ามทานไอศกรีม หรือแม้กระทั่งห้ามอาบน้ำเย็น เพราะในขณะที่ร่างกายเราอ่อนแอ แล้วอยู่ดีๆ เราทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเราเย็นลงกว่าปกติ เมื่อนั้นเชื้อโรคที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว หรือมาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว จะฉวยโอกาสในตอนนี้เข้ามาทำร้ายสุขภาพของคุณ จนเจ็บป่วยได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า การดื่มน้ำเย็น จะทำให้เกิดสิ่งผิดปกติกับการมีประจำเดือน เช่น ประจำเดือนจะออกไม่หมด ประจำเดือดจะออกมาเป็นลิ่มเลือด จะปวดท้องประจำเดือนหนักกว่าเดิม หรือประจำเดือนจะมาไม่ปกติ ฯลฯ แต่เหตุผลที่แนะนำไม่ให้ดื่มน้ำเย็น เพียงเพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้แข็งแรงในช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยไข้มากกว่า
วิธีดูแลสุขภาพระหว่างมีประจำเดือน
- นอนหลับให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายได้ตามปกติ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์
- ดื่มน้ำอุ่น หรือน้ำดื่มอุณหภูมิห้อง เพื่อลดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่างกายอย่างรวดเร็ว
- ระมัดระวังความสะอาดของจุดซ่อนเร้นเป็นพิเศษ เพราะช่วงมีประจำเดือน ปากมดลูกจะเปิดมากกว่าเดิม อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
คุณผู้ชายที่อยู่ข้างกายคุณผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน ก็ช่วยดูแลเอาใจใส่ และเข้าใจคุณผู้หญิงกันหน่อยแล้วกันนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/09/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,550.00 | 32,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,108.00 | 31,957.28 | 33,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,897.20 | 28,761.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,686.40 | 25,565.82 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 949.00 | 14,386.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 738.00 | 11,188.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,184.00 | 33,109.44 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/09/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.45 | 39.45 | 40.25 | 39.45 | 39.75 | 39.45 | 39.45 | 39.45 | 39.45 | 39.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.18 | 39.18 | 39.98 | 39.18 | 39.48 | 39.18 | 39.18 | 39.18 | 39.18 | 39.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.14 | 37.14 | 37.94 | 37.14 | 37.44 | – | 37.14 | 37.14 | 37.14 | 37.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.79 | 36.79 | – | – | – | – | – | – | – | 36.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.94 | 49.34 | 49.94 | 49.34 | – | – | – | – | – | 44.94 |
เบนซิน 95 | 47.24 | – | – | – | 48.71 | – | 47.74 | 47.39 | – | 47.24 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 40.24 | 42.34 | 49.44 | 42.34 | 41.64 | – | – | – | – | 40.24 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |