เทรนด์อสังหาโตแรง ‘ความยั่งยืน – ไลฟ์สไตล์ – โลว์คาร์บอน’
จับตา โอกาส & ทางรอด ในอนาคต เทรนด์อสังหาโตแรง ‘ความยั่งยืน – ไลฟ์สไตล์ – โลว์คาร์บอน’ จาก “ตัวจริง” ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ร่วมกันถ่ายทอดมุมมอง กลยุทธ์ทางธุรกิจ และที่ไม่ควรพลาด
‘Super Young Generation’ เปย์บ้านหรู
จากอายุ 40+ ที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของคนซื้อบ้าน วันนี้ต้องหลีกทางให้กลุ่ม Under 30 ที่กำลังมาแรงไม่หยุด กำลังซื้อบ้านหรูจากกลุ่มนี้มีอายุตั้งแต่ 26, 27, 28, 30, 32, 33, 37, 38 ปี ที่ความสำเร็จจากธุรกิจในโลกออนไลน์ มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความพร้อมในการซื้อบ้านลักชัวรี (Luxury) ราคาเริ่มต้น 80-150 ล้านบาท “ลูกค้าที่ซื้อ 80% เป็นคนอายุน้อยกว่า 40 ปี และในจำนวนนี้ มีมากถึง 50% ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี”
ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด (Head of Marketing) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในงานเสวนากรุงเทพจตุรทิศ 2567 ว่า SC ทำวิจัยมาเป็นเวลา 2 ปี จากข้อมูลที่ได้ทำให้เห็นว่าบ้านที่ทำอยู่วันนี้ และปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าจะไม่เหมือนเดิมแล้วจากการใช้โซเชียลมีเดีย และ ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เป็น Old values เช่น ทำเลที่ตั้ง ลูกค้าจะมั่นใจว่าได้บ้านในทำเลที่ต้องการจริงๆ อาจต้องปรับไปตามกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทฯ ขณะที่ “New values” สิ่งที่เติมเข้าไปให้กับลูกค้ายุคใหม่ เอสซีฯ จะใช้หลักคิด MLW ว่าด้วยเรื่องของ Mind, Lifestyle และ Health and Well-being
“Mind” หลังจากทำงาน เมื่อกลับบ้านแล้วลูกค้าต้องการอะไรบ้างที่มาช่วยชาร์ตพลัง ซึ่งสิ่งที่นำเสนอ คือ my space , my joy ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว สองคน หรืออยู่รวมกันสามเจนเนอเรชัน ต่างก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอย่างในการทำกิจกรรม เช่น วาดรูป
นอกจากนี้ ที่ขาดไม่ได้คือ “Connected layout” สเปซที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว , “Small oasis” พื้นที่สีเขียว การใส่สวนขนาดเล็กเข้าไปสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อน
“Lifestyle” ในยุคนี้คนสะสมของมากขึ้น การมีแพสชัน รูม (Passion Room) สำหรับดีไซเนอร์ทอยส์ รถยนต์ กระเป๋า และรองเท้า, ห้องที่มีไฟเปลี่ยนสีปรับเปลี่ยนตามอารมณ์ และ Lifestyle kitchen ไว้ทำขนมอบ อาหาร รวมทั้งสร้างคอนเทนต์สร้างรายได้จากออนไลน์
“Health and Well-being” แนวโน้มครอบครัวที่เล็กลง แต่ต้องการพื้นที่รองรับกิจกรรมที่ชื่นชอบกลับมีมากขึ้น พร้อมกันนี้ บ้านยังต้องระบบป้องกันฝุ่น ห้องน้ำมีราวจับสำหรับผู้สูงอายุ และรถเข็นสามารถเข้าไปได้ ไปจนถึงมีลิฟต์สำหรับขึ้นลงแต่ละชั้น
“SC ไม่ได้ทำบ้านเท่านั้น แต่ทำโปรเจกต์ One size does not fit all เช่น บ้านคนโสด บ้านเกมเมอร์ และล่าสุดเปิดตัว บ้าน Introvert และ Extrovert ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสำหรับไลฟ์สไตล์ และเป็นบ้านที่หาไม่ได้จากที่อื่น” ณัฏฐกิตติ์ กล่าว
‘ความยั่งยืน’ คำตอบในทุกก้าวเดิน
“ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นเรื่องใกล้ตัว แต่การแอคชั่น (ลงมือทำ) นั้นไม่ง่าย จะเกิดขึ้นได้อยู่ที่การใส่ใจอย่างจริงจัง ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่ในมิติของสังคมด้วย”
ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สะท้อนมุมมองของการเดินหน้าธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน กลยุทธ์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของ “แสนสิริ” มุ่งทำใน 3 เรื่องหลัก
เรื่องแรก การก้าวไปสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ โดยบริหารจัดการเสียหรือการกำจัดของเสีย (Waste Management) อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่องที่สอง การจัดซื้อจัดจ้างที่วางแนวทางการใช้พลังงานจากธรรมชาติมากขึ้น โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ และ ซัพพลายเออร์ ใน
การปรับวิธีการทำงาน และทำไปด้วยกัน เช่น สัญญาที่ชัดเจนถึงวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สีกันความร้อน ที่ใช้ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งแผงโซลาเซลล์ (Solar Panel) ซึ่ง แสนสิริ เตรียมทยอยติดตั้งให้กับลูกบ้าน 3,200 หลังภายในปีนี้
เรื่องที่สาม การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green construction) แสนสิริ มีโรงงานพรีคาสท์สีเขียว 4 แห่ง ในไทย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่มีการจัดการขยะ และนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล พร้อมกันนี้ก็ได้จับมือกับ ทีพีไอ ในการนำกรีนซีเมนต์รักษ์โลกเข้ามาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ทั้งหมดที่กล่าวมาจะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย ในปี 2023 สร้างบ้านประหยัดพลังงาน (Low energy home) สามารถลดก๊าซเรือนกระจก 20% ปี 2030 บ้านคาร์บอนต่ำ (Low carbon home) ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 50%, และ Net zero home ในปี 2050 ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ต้องใส่ใจมิติทางสังคมด้วย ซึ่ง “แสนสิริ” ทำโครงการดูแลการศึกษาเด็กในไทย Zero Dropout ปี 3 ที่จังหวัดราชบุรี, Life equality สนับสนุนด้านความเท่าเทียม ปีที่ 6 และ Sansiri Academy จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 18
ออกแบบเพื่อเมืองที่ยั่งยืน
ตลอดการทำงานกว่า 10 ปี “ไพทยา บัญชากิติคุณ” จาก ATOM DESIGN กล่าวถึงการทำงานร่วมกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ถึงคุณภาพโปรดักส์ดีต่อเมืองและผู้คน โดยการทำงานในแต่ละครั้งจะพยายามเพิ่ม พื้นที่สีเขียว (Green Space) ให้มากกว่าที่ EIA (Environmental Impact Assessment) กำหนด เช่น การสร้างสวนสีเขียวในโครงการ แอชตัน จุฬา-สีลม (Ashton Chula – Silom) ของ
อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ อีกตัวอย่างเป็นการออกแบบบ้านลักชัวรี โครงการ Tri Vananda ที่หาดบางเทา จังหวัดภูเก็ต บนพื้นที่ 584 ไร่
โดยที่เจ้าของโครงการมีความตั้งใจเก็บพื้นที่สีเขียวไว้ครึ่งหนึ่ง
การออกแบบเป็นสไตล์โมเดิร์น และเน้น Passive design ทุกหลังมาพร้อมพูลวิลล่า โดยแนวคิดของการออกแบบจะให้ความสำคัญกับ “Carbon neutrality” หรือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน มีการคำนวณหาปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับจากการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ป่าที่กันเอาไวครึ่งหนึ่งของพื้นที่โครงการทั้งหมด
ส่วนตัวบ้าน เน้นลดการใช้กระจกติดตั้งรอบบ้าน ทำการติดตั้งโซล่าร์ พาแนล เลือกใช้วัสดุที่ช่วยลดคาร์บอน ไปจนถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อลดการขนส่ง ก่อสร้างด้วยคอนกรีตโลว์คาร์บอน ซึ่งจะทำให้ลดคาร์บอนได้ 20-25%
Pet Family เทรนด์มาแรงที่ยังโตไม่หยุด
เจเนอเรชันของคนในสังคมเปลี่ยนไป เป้าหมายการใช้ชีวิตก็เปลี่ยน SINKs (Single Income No Kid) คนโสด หรือคนที่แต่งงานแล้วแต่
ไม่ต้องการมีลูก และ DINKs (Double Income No Kid) กลุ่มคนที่แต่งงานแต่ตัดสินใจไม่มีลูก รวมถึงชาว LGBTQ เป็นกลุ่มที่มองหาสัตว์เลี้ยงมาดูแลและใส่ใจเหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่ “เจ้าของ” กับ “สัตว์เลี้ยง” แต่แนบแน่นกันเป็นครอบครัว เทรนด์นี้มาแรง และโตแรงไม่หยุด เฉลี่ยปีละ10% และสร้างมูลค่าการตลาดให้กับธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 70,000 ล้านบาท ได้แก่ โรงพยาบาล อาหารสัตว์ บริการอาบน้ำ และแต่งขนสัตว์เลี้ยง รวมไปถึง คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้พบว่ามีการเติบโตของจำนวนยูนิตในตลาดมากถึง 4,000%
จากประสบการณ์ 25 ปี เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ผู้บุกเบิกเป็นเจ้าแรกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ ในปี 2544 โครงการ แฮมป์ตัน ทองหล่อ การตอบรับที่ดีอย่างมากจากบรรดาพ่อ แม่ น้องหมา น้องแมว ส่งผลให้เมเจอร์ฯ มีการปรับกลยุทธ์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ที่เติบโต
โดยเริ่มจาก Pet allow ในยุคแรกที่เปิดกว้างให้เลี้ยง มาเป็น Pet Friendly ในปีที่แล้ว และพัฒนามาเป็น Pet Family ในปีนี้
Pet Family สำหรับเมเจอร์ฯ มาพร้อม ฟูล ออปชั่น สำหรับสัตว์เลี้ยงสุดเลิฟ ทั้ง Guide พาน้องไปลงทะเบียน ระบุสายพันธุ์ ชื่อ สัดส่วน น้ำหนัก ประกันภัย และตรวจสุขภาพฟรี, Design pet functions ฟังก์ชันภายในโครงการ เช่น ติดตั้งผนัง 2 ชั้น เพื่อป้องกันเสียงรบกวน, Pet technology การมีระบบฟอกอากาศ, Pet facilities อย่างสนามวิ่งเล่น นอกจากนี้ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์กลุ่มโรงแรมและโรงพยาบาล ให้บริการ Pet family Privilege เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน, การสร้างชุมชน (Community) ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่สามารถพาน้องๆ เข้าไปใช้บริการได้ พร้อมบริการเสริมสวยน้องๆ ตัดขน อาบน้ำ ตัดเล็บ ฟรีให้ลูกบ้าน
“ปัจจุบันเราเรียกตัวเองว่า Life scape developer ผู้พัฒนาภูมิทัศน์ของการใช้ชีวิตที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และเป็นความสุขที่เท่าเทียมในแบบ Happetness”
‘เปลี่ยน’ อสังหาฯ ให้สมาร์ทด้วยเทคโนโลยี
เทคโนโลยีกับการดูแลและบริหารโครงการอสังหาฯ เป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่หากทำได้จะนำมาซึ่งการบริหารจัดการต้นทุนที่คุ้มค่า และเกิดประสิทธิภาพ ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะแบบครบวงจร (Smart Facility Management) กล่าวว่า การบริหารจัดการโครงการอสังหาฯ ห้างสรรพสินค้า โรงงาน และโรงพยาบาล สามารถลดต้นทุน ด้วยการใส่เทคโนโลยีเข้าไป เพื่อให้คน(แรงงาน) และเทคโนโลยี ทำงานด้วยกันได้
ในกรณีของ Smart building แต่ละอาคารมี AI CCTV ที่เก็บข้อมูลและนับจำนวนคนเดินทางเข้าออกอาการด้วยเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า วันนี้การเข้าออกอาคารไม่จำเป็นต้องแลกบัตร เพียงแค่ใช้นำข้อมูลบัตรประชาชนเข้าสู่ระบบจากนั้นสแกนใบหน้า รวมถึงให้ AI CCTV ทำหน้าที่แทนพนักงานรักษาความปลอดภัย ( รปภ.) ในช่วงเวลากกลางคืน
บริการทางด้าน Visitor management เพื่อให้รู้ว่าพนักงาน บุคคลภายนอก ใครบ้างที่เข้าออกอาคาร จำนวนคนกับการใช้พลังงานในอาคาร เช่น แอร์ ที่ทำงานร่วมกับ Energy consumption management เก็บข้อมูลและวิเคราะห์จำนวนคนในอาคารกับการใช้พลังงาน หากจำนวนพนักงานน้อยลง การใช้งานเครื่องปรับอากาศ ไฟฟ้า ควรต้องปรับลดลงตามไปด้วย ซึ่งเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยบริหารจัดการต้นทุนพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ระบบยังช่วยลดการทำงานในรูปแบบของ Facility management การนำหุ่นยนต์แม่บ้าน เข้ามาทำงานร่วมกับคน ทำให้โครงการขนาดใหญ่บางแห่งจากเดิมที่มีแม่บ้าน 300 คน ในการดูแล สามารถลดลงเหลือ 200 คนเท่านั้น
รวมทั้ง Security as a service เป็นหนึ่งในบริการด้านความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง รปภ.และเทคโนโลยี เริ่มให้บริการแล้วกับโครงการของเอสซี แอสเสทฯ “บางกอก บูเลอวาร์ด” ทั้ง 10 โครงการ โดยระบบจะทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น รู้ใจ พร้อมติดตั้ง AI CCTV ในจุดที่ควรเฝ้าระวัง โดยปีนี้ เตรียมเปิดให้บริการในกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ได้แก่ ตลาดโรงพยาบาล
ไม่ว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ และกลุ่มกำลังซื้อบ้าน เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนก็ตาม จะยังมีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ
จากเทรนด์มาแรงวันนี้ และในอนาคต “ความยั่งยืน-ไลฟ์สไตล์-โลว์คาร์บอน”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
คนไทยวางแผนซื้อบ้าน1ปีข้างหน้า หวังมาตรการภาครัฐช่วยให้ซื้อง่ายขึ้น
ผลสำรวจดีดีพร็อพเพอร์ตี้พบ คนไทยวางแผนซื้อบ้าน1ปีข้างหน้าหวังพึ่งมาตรการภาครัฐช่วยให้ซื้อง่ายขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทาย คาดดีมานด์ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นก่อนสิ้นสุดมาตรการรัฐ
ข้อมูลจากแบบสอบถามฯ DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามฯ (50%) วางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยในอีก 1 ปีข้างหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากรอบก่อนหน้าที่เป็น 44% นับเป็นสัญญาณบวกสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังต้องการซื้อบ้าน/คอนโดมิเนียมในระยะเวลาอันใกล้ก่อนที่มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนและลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 นี้ ด้านสัดส่วนของผู้เลือกเช่าที่อยู่อาศัยลดลงมาอยู่ที่ 10% (จากเดิม 14%) ขณะที่ผู้บริโภค 7% วางแผนจะรับมรดกที่อยู่อาศัยจากพ่อแม่และผ่อนชำระต่อ ส่วนอีก 32% ยังคงไม่มีการวางแผนซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยใด ๆ ในเวลานี้
ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) หรือ Gen Y และ Gen Z เป็นวัยที่เริ่มต้นสร้างครอบครัวและเริ่มวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยจึงมีความสำคัญต่อภาคอสังหาฯ อย่างไรก็ดีมีผู้บริโภคเพียง 37% เท่านั้นที่มีแผนย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ภายใน 1 ปีข้างหน้า ขณะที่กว่า 3 ใน 5 (63%) เผยว่ายังไม่มีแผนย้ายออกเร็ว ๆ นี้ โดยให้เหตุผลว่าต้องการดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด 43% รองลงมาคือตั้งใจรับช่วงต่อบ้านของพ่อแม่ 28% และไม่มีเงินเก็บเพียงพอในการซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยของตัวเองในเวลานี้ 27% สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางการเงินที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญของมนุษย์
แม้ความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อแผนการซื้อบ้าน/คอนโดฯ ของคนรุ่นใหม่ แต่ความต้องการซื้อนั้นยังคงมีอยู่ โดยกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) และ Gen Z เผยว่าหากต้องเลือกระหว่างการซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อมากถึง 82% มีเพียง 18% เท่านั้นที่สนใจเช่า
ทั้งนี้ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) และ Gen Z วางแผนการเงินไปกับการใช้จ่ายภายในครอบครัวมากถึง 56% รองลงมาคือเก็บเงินไว้เป็นกองทุนเงินสำรองฉุกเฉิน 54% เพื่อรับมือสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต และเก็บเงินไว้เพื่อเคลียร์หนี้ต่าง ๆ ให้หมด 27% โดยมีเพียง 21% เท่านั้นที่วางแผนออมเงินไว้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
สอดคล้องกับข้อมูลจากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2567 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผยว่า สถานการณ์สังคมสูงวัยที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับวัยแรงงานที่ลดลงในไทย ส่งผลให้ “แซนด์วิช เจเนอเรชัน (Sandwich Generation)” หรือคนที่อยู่ตรงกลางที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่สูงอายุและลูกของตนเอง มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเผชิญปัญหาทางการเงิน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางกลายเป็นความท้าทายให้คนรุ่นใหม่สร้างเนื้อสร้างตัวได้ยากกว่าสมัยก่อน การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยจึงอาจไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ อีกต่อไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นเวลายาวนานและอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้กลายมาเป็นความท้าทายสำคัญที่ทำให้ตลาดอสังหาฯ ไม่ได้เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ และกระทบต่อผู้ที่วางแผนซื้อบ้าน/คอนโดฯ อย่างเลี่ยงไม่ได้ เห็นได้จาก 1 ใน 3 ของผู้บริโภค (33%) เผยว่าจะชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยออกไปก่อนเนื่องจากเงินเก็บได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ รองลงมาคือวางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคาถูกกว่าแทน และไม่มีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคตอันใกล้ ในสัดส่วนเท่ากันที่ 22% เพื่อเป็นการลดการสร้างภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้ออกไปก่อน
นอกจากนี้ สภาพคล่องทางการเงินยังเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้การมีบ้านในฝันไม่ใช่เรื่องง่าย มากกว่าครึ่งของผู้บริโภค (56%) เผยว่าอุปสรรคสำคัญในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยมาจากรายได้และอาชีพที่ไม่มั่นคง รองลงมาคือมีประวัติทางการเงินที่ไม่ดี 41% และมีสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) ไม่เอื้ออำนวย 30% จะเห็นได้ว่าอุปสรรคสำคัญ 3 อันดับแรกล้วนเป็นผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของผู้บริโภค ที่มีผลโดยตรงต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของธนาคารทั้งสิ้น ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เผยว่าอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน จากเดิมที่เป็นกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท
ทั้งนี้ หลายฝ่ายยังคงคาดหวังปัจจัยบวกจากมาตรการจากภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการเติบโตในตลาดอสังหาฯ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ จากภาครัฐที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุดในเวลานี้ 3 ใน 5 (60%) ต้องการให้มีมาตรการช่วยลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
รองลงมาคือมาตรการลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งสินเชื่อเดิมที่มีอยู่และกู้ใหม่ 51% จะเห็นได้ว่า 2 อันดับแรกให้ความสำคัญกับมาตรการที่มาช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยเป็นหลัก เนื่องจากจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของผู้กู้ซื้อบ้านได้โดยตรง
และอันดับ 3 มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก 40% ซึ่งจะช่วยดึงดูดใจให้กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ตัดสินใจเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีบ้านเป็นของตนเองสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่อยากให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัย ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญขับเคลื่อนให้ภาคอสังหาฯ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเ ช้านี้26ก.ย. “อ่อนค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways 32.60-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงระหว่างวัน ก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดและเจ้าหน้าที่ ECB
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 26ก.ย.2567ที่ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ในช่วงระหว่างวัน ก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ
ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดและเจ้าหน้าที่ ECB เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways 32.60-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ โดยเรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทก็อาจชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์เริ่มทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงบ้างของบรรดาสกุลเงินหลัก
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดก็อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรสถานะการลงทุนธีมความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้บ้าง ซึ่งจะช่วยชะลอการแข็งค่าของบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียได้ ดังจะเห็นได้จากการที่เงินหยวนจีน (CNY) ก็ไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องชัดเจน (ผู้เล่นในตลาดก็ยังไม่ได้มั่นใจมากนักต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน)
ภาพดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองสินทรัพย์ไทยได้บ้าง อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ราคาทองคำยังพอมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น เข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้าที่ทำไว้ เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน และอาจยังเห็นเงินบาทติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 32.80 บาทต่อดอลลาร์ได้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB โดยเราคงกังวลว่า ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดได้บ้าง หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนทยอยลดดอกเบี้ยตาม Dot Plot ล่าสุด
นอกจากนี้ ควรระวังการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของฝั่ง ECB เช่นกัน หลังผู้เล่นในตลาดยังไม่ได้คาดหวังว่า ECB จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้พอสมควร ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนในระยะหลังนี้ ก็ออกมาไม่สดใสและสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น
และที่สำคัญ เราขอย้ำมุมมองเดิมว่า ในเชิง Valuation การแข็งค่าของเงินบาทมากกว่าโซน 33 บาทต่อดอลลาร์ โดยเฉพาะโซนแข็งค่าเกิน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่า เป็นระดับที่ Overvalued (Z-Score ของดัชนีค่าเงินบาท REER เกินระดับ +0.5) ซึ่งหากปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
เงินบาทก็ไม่ควรแข็งค่าเกินระดับดังกล่าวไปมากนัก ทำให้ผู้ประกอบการอย่างฝั่งผู้นำเข้าควรเตรียมพร้อมปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.85 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในลักษณะ Sideways Up หรือ ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง (กรอบการเคลื่อนไหว 32.59-32.81 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงทะลุระดับ 144.50 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เงินยูโร (EUR) ก็กลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของหุ้นธีม China-Recovery Optimism (ความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน) ออกมาบ้าง
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาทได้บ้าง
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติมมากนัก โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะ ประธานเฟด Jerome Powell และรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันบ้างจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน Exxon Mobil -2.0% ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่ม Healthcare ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.19%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 กลับมาย่อตัวลง -0.11% ตามแรงขายทำกำไรหุ้นธีมการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ที่ได้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงระยะสั้น หลังทางการจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน Total Energies -3.2% ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงการปรับตัวลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง SAP -2.4% ที่เผชิญการสอบสวนจากทางการสหรัฐฯ ในข้อหาร่วมกับบริษัทอื่นในการเรียกเก็บค่าบริการจากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ สูงเกินไป
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 3.80% อีกครั้ง หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงมีความกังวลว่า การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของเฟดอาจเปิดความเสี่ยงที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะกลับมาเร่งตัวขึ้นได้ หลังภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ส่งสัญญาณชะลอตัวลงหนัก ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง อนึ่ง แม้ว่า เราคงแนะนำ กลยุทธ์ “Buy on Dip” หรือรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ในการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับผู้เล่นในตลาด แต่การทยอยปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่เกิดขึ้น ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจับตาว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซน 3.80% ได้อย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เหนือโซนดังกล่าวอาจเปิดโอกาสให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กลับไปแถว 3.90%-4.00% ได้ไม่ยาก
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หนุนโดยการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทว่าการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ยังคงเผชิญแรงขายจากผู้เล่นในตลาดอยู่บ้าง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 100.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 100.2-101 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ย่อตัวลงมาบ้าง ทว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำอยู่ ทำให้โดยรวมราคาทองคำยังสามารถแกว่งตัวแถวโซน 2,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 20.20 น. ตามเวลาประเทศไทย พร้อมกันนั้นผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึง คาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ครั้งสุดท้าย
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะในส่วนของประธาน ECB Christine Lagarde ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.66-32.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.07 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวเป็นกรอบแคบ แต่อาจมีแรงหนุนในด้านแข็งค่าระหว่างวันตามทิศทางเงินหยวนที่ขยับขึ้น และการทรงตัวอยู่ในระดับสูงของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ยังคงขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ เนื่องจากตลาดอยู่ระหว่างรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด เพื่อประเมินสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.60-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ถ้อยแถลงของประธานเฟด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนส.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/67 (final)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ครีม-จิว” ผ่านฉลุย – “เมย์ รัชนก” ถอนตัวแบดมินตันมาเก๊า โอเพ่น
“ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ โชว์ฟอร์มสมราคาเต็ง 1 ไล่ทุบ และ “จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ ตบสาวไต้หวัน ผ่านเข้ารอบสองแบดมินตันมาเก๊า โอเพ่น ด้าน “เมย์” รัชนก อินทนนท์ แข่งไม่จบขอถอนตัว
การแข่งขันแบดมินตันรายการ แซนด์ ไชน่า ลิมิเต็ด มาเก๊า โอเพ่น 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 210,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,930,000 ที่ เขตบริหารพิเศษมาเก๊า แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันพุธที่ 25 ก.ย.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบแรก
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มือวางอันดับ 1 ของรายการ มืออันดับ 11 ของโลก พบกับ คารุปาเทวัน เล็ตชาน่า มืออันดับ 72 ของโลกจากมาเลเซีย เกมนี้ ครีม บุศนันทน์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะไปได้ 2-0 เกม 21-13,21-12 “ครีม” บุศนันทน์ ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ ได หวัง มืออันดับ 100 ของโลกจากจีน
ขณะที่ “จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ มืออันดับ 81 ของโลก ชนะ ตุง ซิ่วทง มืออันดับ 101 ของโลกจากไต้หวัน 2-0 เกม 21-13 , 21-13 “จิว” ลลินรัศฐ์ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ เกา ฟังเจี๋ย มือวางอันดับ 6 ของรายการ มืออันดับ 32 ของโลกจากจีน
ด้าน “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มือวางอันดับ 3 ของรายการ มืออันดับ 21 ของโลก พบกับ โลว ซินยาน แฮปปี้ มืออันดับ 43 ของโลกจากฮ่องกง เกมนี้ เมย์ รัชนก ที่แพ้ไปก่อนในเกมแรกที่ 18-21 แต่ในเกมที่สอง จะกลับมาเอาชนะไปในเกมที่สอง ได้ที่ 21-19 ก่อนที่เมย์จะขอถอนตัวออกจากการแข่งขันหลังจากจากนั้น ต้องรีไทร์ออกจากการแข่งขันด้วยอาการบาดเจ็บ
ประเภทคู่ผสม รอบแรก “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มือวางอันดับ 8 ของรายการ คู่มืออันดับ 28 ของโลก ชนะ โรฮัน คาพูร์ กับ กัดเด รูทวิกา ชิวานี คู่มืออันดับ 120 ของโลกจากอินเดีย 2-0 เกม 23-21,24-22
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
8 วิธีป้องกันโรคมะเร็งแสนง่าย ทำได้แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
“มะเร็ง” แค่ชื่อก็ไม่อยากได้ยินแล้ว ทุกคนคงรู้ว่ามันร้ายแรงขนาดไหน น้อยคนที่จะมีชีวิตรอดหากตรวจพบ บางคนอาจตรวจเจอตอนเริ่มเป็นระยะแรกก็มีสิทธิ์ที่จะหายได้ แต่ยังไงเสียมันก็ทำลายสุขภาพจิตของเราไปไม่ใช่น้อย Sanook! Health เลยรวบรวม 8 วิธีป้องกันโรคมะเร็งมาให้อ่านกัน
เปลี่ยนพฤติกรรมต้านโรคมะเร็ง
1. เพิ่มโรสแมรี่และใบโหระพาในการหมักเนื้อสัตว์
หมักเนื้อเพื่อทำอาหารเมื่อไร ลองใส่โรสแมรี่และใบโหระพาลงไปด้วยสิ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนปรุง เพราะในโรสแมรี่ และใบโหระพาเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากถึง 87% ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้
2. ดื่มน้ำเยอะๆ
การดื่มน้ำมากๆ ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะได้ เพราะการรับน้ำในปริมาณที่เพียงพอจะทำให้สารก่อมะเร็งในปัสสาวะเจือจางลงและขับออกทางปัสสาวะ
3. รับประทานผักผลไม้สีเขียว
การทานผักผลไม้สีเขียวเข้มช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้หญิงได้ เพราะในคลอโรฟิลล์จะมีแมกนีเซียมอยู่มาก ซึ่งแมกนีเซียมจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติในการแบ่งเซลล์ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโรคอะไร ยังไงเสียการออกกำลังกายก็ช่วยได้เสมอ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ช่วยรักษาสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ถ้าฮอร์โมนผิดปกติ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นออกกำลังกายวันละ 30-45 นาที นอกจากจะช่วยป้องกันโรคแล้ว ยังทำให้ผ่อนคลายและสุขภาพดีอีกด้วย
5. รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
ควรรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะทางสมาคมมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า 20% ของผู้ชายและ 14 % ของผู้หญิงเสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั้งหมด เนื่องจากมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั่นเอง ดังนั้นอย่าตามใจปากมากนักละ จะได้ห่างไกลโรคร้ายนี้
6. อย่าละเลยอาการเจ็บปวดต่างๆ
ถ้ารู้สึกมีอาการปวดบริเวณไหนมากๆ หรือบ่อยครั้ง ควรพบแพทย์โดยเร็ว อย่าปล่อยไว้ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายจากร่างกายได้ สำหรับผู้หญิงหากมีอาการปวดบริเวณช่องท้องมาก และเป็นบ่อยครั้ง มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งรังไข่ได้
7. ลดการรับประทานอาหารเค็ม
ในที่นี้จะพูดถึงการทานเกลือ เกลือสามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารของเราได้ หากได้รับเกิน 2400 มิลลิกรัมต่อวัน มีความเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควรทานให้พอเหมาะ คนทานอาหารติดเค็มควรเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเร็ว
8. รับประทานแคลเซียมให้มากขึ้น
นอกจากแคลเซียมจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงแล้ว มีงานวิจัยพบว่ากลุ่มที่ทานแคลเซียมติดต่อกันเป็นเวลา 4 ปี อัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลง 36% อาหารที่มีแคลเซียมและหาซื้อได้ง่ายมีมากมาย เช่น นม และโยเกิร์ต นั่นเอง
วิธีดังกล่าวนี้เราสามารถทำมันได้เอง เพราะมันอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารและการดูแลตัวเอง ถ้าทำได้รับรองว่าชีวิตนี้ห่างไกลจากโรคมะเร็งแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
‘การ์ทเนอร์’ มองเทรนด์ Gen AI กำหนดอนาคตดิจิทัลองค์กร
- 40% ของโซลูชัน Generative AI จะทำงานแบบมัลติโหมดภายในสามปี
- การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Human-AI มีปฏิสัมพันธ์ที่พัฒนายิ่งขึ้น และยังมอบโอกาสที่จะสร้างความต่างให้กับสิ่งที่ GenAI มีให้
- เทคโนโลยี 2 ประเภทที่ได้รับการระบุว่ามีศักยภาพสูงสุด ได้แก่ Domain-Specific GenAI Models และ Autonomous Agents
การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าปี 2570 หรือในอีกสามปีข้างหน้า 40% ของโซลูชัน Generative AI จะทำงานในแบบมัลติโหมดที่จะสามารถประมวลผล ทำความเข้าใจและทำงานร่วมกับข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งประเภท อาทิ ข้อความ, รูปภาพ, เสียง และวิดีโอ เพิ่มขึ้นจาก 1% ในปี 2566
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Human-AI มีปฏิสัมพันธ์ที่พัฒนายิ่งขึ้น และยังมอบโอกาสที่จะสร้างความต่างให้กับสิ่งที่ GenAI มีให้
เนื่องจากตลาด GenAI วิวัฒน์ไปสู่โมเดลที่เกิดและพัฒนาด้วยโหมดต่างๆ มากกว่าหนึ่งโหมด สิ่งนี้ช่วยสะท้อนภาพความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่ส่งออกมาในปริมาณมากและเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่แตกต่างกัน
ขณะเดียวกัน มีศักยภาพในการปรับขนาดการใช้และเพิ่มประโยชน์ของ GenAI ให้ครอบคลุมประเภทข้อมูลและแอปพลิเคชันทั้งหมด นอกจากนี้ยังช่วยให้ AI สนับสนุนการทำงานของมนุษย์ได้มากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม
พลิกโฉมแอปองค์กร
อรุณ จันทรเศกการัน รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า การวิเคราะห์แนวโน้มระบบนิเวศของ GenAI ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับองค์กร เนื่องจากระบบนิเวศของเทคโนโลยีนี้และผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการเทคโนโลยีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Multimodal GenAI : จะมีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันองค์กรอย่างมาก จากการเพิ่มคุณสมบัติและฟังก์ชันใหม่ๆ ที่วิธีอื่นๆ ทำไม่ได้ และผลกระทบนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะอุตสาหกรรมหรือยูสเคสการใช้งานเฉพาะเท่านั้น
แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในทุก Touchpoint ระหว่าง AI กับมนุษย์ ปัจจุบัน Multimodal Model หลายๆ ตัวยังมีข้อจำกัดอยู่เพียงสองหรือสามโหมดเท่านั้น แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น
ในโลกความเป็นจริง ผู้คนจะพบเจอและเข้าใจข้อมูลผ่านการประมวลผลที่เป็นการผสมผสานของข้อมูลหลากหลายประเภท อาทิ เสียง ภาพและการสัมผัส โดย Multimodal GenAI นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อมูลโดยทั่วไปนั้นจะประกอบด้วยประเภทต่างๆ อยู่แล้ว เมื่อนำ Single Modality Models มาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อรองรับแอปพลิเคชัน Multimodal GenAI มักส่งผลให้เกิดความล่าช้าและลดความแม่นยำของผลลัพธ์ ส่งผลให้ได้รับประสบการณ์ที่มีคุณภาพต่ำ
2 เทคโนฯ ศักยภาพสูงสุด
บรรดานวัตกรรม GenAI ที่การ์ทเนอร์คาดว่าจะได้รับการยอมรับแพร่หลายภายใน 10 ปีนั้น มีเทคโนโลยี 2 ประเภทที่ได้รับการระบุว่ามีศักยภาพสูงสุด ได้แก่ Domain-Specific GenAI Models และ Autonomous Agents
Domain-Specific GenAI Models : Domain-Specific GenAI Models ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรม ฟังก์ชันทางธุรกิจ หรือภารกิจที่มีความเฉพาะ โดยโมเดลเหล่านี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดวางยูสเคสการใช้งานภายในองค์กรได้ พร้อมมอบความแม่นยำ ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวที่ดีกว่า
รวมถึงคำตอบที่เข้าใจบริบท ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการออกแบบข้อความที่ใช้สื่อสารกับโมเดล AI เทียบกับโมเดล AI ที่พัฒนามาเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไป และยังสามารถลดความเสี่ยงจากกรณีที่ AI อาจสร้างภาพหลอนขึ้นมาเอง (Hallucination Risks) จากการฝึกฝนที่เน้นการกำหนดเป้าหมาย
องค์กรสามารถร่นระยะเวลาส่งมอบบริการตามความต้องการ (Time to Value) ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและมีความปลอดภัยสูงขึ้นสำหรับโครงการ AI ต่างๆ โดยการนำเสนอจุดเร่ิมต้นที่ก้าวล้ำกว่าสำหรับงานอุตสาหกรรมเฉพาะ
สิ่งนี้จะส่งเสริมการนำ GenAI มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากองค์กรต่างๆ จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในยูสเคสที่ General-Purpose Models ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
Autonomous Agents : ระบบรวม (Combined Systems) ที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้โดยปราศจากมนุษย์ โดยใช้เทคนิค AI ที่หลากหลายในการระบุรูปแบบของสภาพแวดล้อม การตัดสินใจ การจัดลำดับการดำเนินการและสร้างผลลัพธ์ โดยตัวแทนเหล่านี้มีศักยภาพเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมและปรับปรุงตลอดเวลา ทำให้สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของความสามารถ AI โดยความสามารถดำเนินการและตัดสินใจได้อย่างอิสระช่วยปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และใช้ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ส่งผลให้ประหยัดต้นทุนและมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
นอกจากนี้ยังเปลี่ยนบทบาทของทีมงานในองค์กรจากการส่งมอบ (Delivery) เป็นการควบคุมดูแล (Supervision) แทน
เลือกให้เหมาะกับ ‘ยูสเคส’
ในวงจรเทคโนโลยีสำหรับ Generative AI ที่น่าสนใจยังมี Open-Source LLMs : LLM แบบโอเพ่นซอร์สเป็นโมเดลพื้นฐานการเรียนรู้เชิงลึกที่เร่งมูลค่าองค์กรจากการนำ GenAI ไปปรับใช้งาน โดยทำให้การเข้าถึงเชิงพาณิชย์ได้อย่างเสรีและอนุญาตให้ผู้พัฒนาปรับแต่งโมเดลให้เหมาะกับงานและยูสเคสการใช้งานเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าถึงชุมชนนักพัฒนาในองค์กร สถาบันการศึกษา และบทบาทการวิจัยอื่นๆ ที่กำลังทำงานเพื่อเป้าหมายร่วมกันปรับปรุงและทำให้โมเดลนี้มีคุณค่ามากขึ้น
การ์ทเนอร์มองว่า LLM แบบโอเพ่นซอร์สเพิ่มศักยภาพด้านนวัตกรรมผ่านการปรับแต่งอย่างเหมาะสม ทำให้การควบคุมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยดีขึ้น โมเดลมีความโปร่งใส มีความสามารถเพิ่มจากการพัฒนาร่วมกัน และมีศักยภาพในการลดการผูกขาดของผู้ขาย
ท้ายที่สุดแล้ว LLM นำเสนอโมเดลขนาดเล็กกว่าให้กับองค์กร ซึ่งฝึกฝนได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และเปิดใช้งานแอปพลิเคชันทางธุรกิจและกระบวนการทางธุรกิจหลัก
Multimodal GenAI เป็นหนึ่งในสองเทคโนโลยีที่ได้รับการระบุไว้ในรายงาน Gartner Hype Cycle for Generative AI ปีนี้ ซึ่งการนำมาใช้ช่วงแรกอาจสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านระยะเวลาในการนำออกสู่ตลาด ควบคู่ไปกับโมเดลภาษาโอเพ่นซอร์สขนาดใหญ่ (LLM) ทำให้เทคโนโลยีทั้งสองมีศักยภาพที่จะสร้างผลกระทบสูงต่อองค์กรอย่างสูงภายในห้าปีข้างหน้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
แคปชั่นฮีลใจ ภาษาอังกฤษ คิดบวก ให้กำลังใจตัวเอง แจกรอยยิ้มให้คนรอบข้าง
แคปชั่นฮีลใจ ภาษาอังกฤษ คิดบวก คำคมให้กำลังใจ
- Your love helps your heart to heal.
ให้ความรักของคุณเยียวยา รักษาหัวใจของคุณ
- The journey of a thousand miles begins with one step.
การเดินทางนับพันไมล์ เริ่มต้นได้ด้วยก้าวเดียวเสมอ
- Our greatest glory is not in never falling, but in rising every time we fall.
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเรา ไม่ได้อยู่ที่การไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่การลุกขึ้นมาได้ทุกครั้งที่ล้ม
- Don’t cry because it is over, smile because it happened.
อย่าร้องไห้กับสิ่งที่จบไปแล้ว แต่จงยิ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้น
- Smile on, Chin up.
ยิ้มไว้ เชิดไว้
- Try and fail but never fail to try.
พยายามและล้มเหลว แต่อย่าล้มเหลวโดยที่ยังไม่พยายาม
- Life isn’t as easy as it seems, but it’s not as difficult as we think.
ชีวิตไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราเห็น แต่มันก็ไม่ได้ยากเหมือนที่เราคิด
- You can get through this.
คุณจะผ่านมันไปได้
- It is better to walk alone, then with a crowd going in the wrong direction.
เดินไปคนเดียว ดีกว่าเดินกับผู้คนมากมายที่เดินผิดทาง
- Turn your wounds into wisdom.
เปลี่ยนบาดแผลของคุณให้กลายเป็นปัญญา
- When you cease to dream you cease to live.
เมื่อคุณหยุดฝัน ก็เท่ากับคุณหยุดมีชีวิต
- Every day may not be good but there is something good in every day.
ทุกวันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันต้องมีสิ่งดีๆ เข้ามาในทุกๆ วัน
- Learn from the past, but don’t get stuck in it.
เรียนรู้จากอดีต แต่อย่าจมอยู่กับมัน
- Be you, not them
จงเป็นตัวเอง ที่ไม่เหมือนใคร
- Confidence is sexy.
ความมั่นใจคือความเซ็กซี่
- Learning to love myself unconditionally.
จงเรียนรู้ที่จะรักตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข
- Self-love is the greatest revolution.
การรักตนเองคือการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- Too many of us are not living our dreams because we are living our fears.
หลายๆ คน ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ฝัน เพราะมัวแต่ใช้ชีวิตกับความกลัว
- As we grow old, we learn that life is not always easy.
เมื่อเราโตขึ้น เราได้เรียนรู้ว่าชีวิตไม่ได้ง่ายเสมอไป
- Mindfulness is the key to inner peace.
สติเป็นกุญแจสู่ความสงบสุขภายในใจ
- Life is like riding a bicycle. To keep your balance, you must keep moving.
ชีวิตก็เหมือนกับการปั่นจักรยาน เพื่อประคองการทรงตัว คุณจะต้องปั่นต่อไปข้างหน้า
- If you have the ability to love, love yourself first.
ถ้าคุณเก่งกาจในเรื่องรัก จงรักตัวเองเป็นอันดับแรก
- Beauty starts from within.
ความสวยเริ่มจากภายใน
- You’re allowed to scream, you’re allowed to cry, but do not give up.
คุณกรีดร้องได้ ร้องไห้ได้ แต่อย่ายอมแพ้
- The only person who can pull me down is myself.
คนเดียวที่สามารถทำให้ฉันอ่อนแอได้ คือตัวฉันเอง
- Hope is the only thing stronger than fear.
ความหวังเป็นสิ่งเดียวที่แข็งแกร่งกว่าความกลัว
- You are enough just as you are.
คุณเป็นอย่างที่คุณเป็นก็พอ
- It’s never too late to start over, never too late to be happy.
ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ และไม่สายเกินไปที่จะมีความสุข
- Set your goals high , and don’t stop till you get there.
ตั้งเป้าหมายให้สูงและอย่าหยุด จนกว่าคุณจะไปถึงจุดนั้น
- Don’t cry because it’s over, smile because it happened.
อย่าร้องไห้เพราะมันจบลง แต่จงยิ้มที่มันเคยเกิดขึ้น
- I’m not perfect, but I’m still damn sexy.
ฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ฉันโคตรจะเซ็กซี่เลยล่ะ
- If you want to be happy, do not dwell in the past.
ถ้าคุณอยากมีความสุข ก็อย่าจมอยู่กับอดีต
- Life becomes easier and more beautiful when we can see the good in other people.
ชีวิตจะง่ายขึ้นและสวยงามขึ้น เมื่อเรามองเห็นสิ่งที่ดีในตัวคนอื่น
- A bad day doesn’t mean you have a bad life.
วันที่แย่ไม่ได้หมายความว่าคุณนั้นมีชีวิตที่แย่
- Winners are losers who got up and gave it one more try.
ผู้ชนะคือผู้แพ้ที่ลุกขึ้นและลองอีกครั้ง
- I am more than just a pretty face.
ฉันมีดีมากกว่าแค่ใบหน้าสวย ๆ
- Do what makes you feel alive and happy.
จงทำในสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาและมีความสุข
- Mindfulness is the anchor that keeps me grounded amidst life’s storms.
การมีสติเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวฉันให้ยืนหยัด ท่ามกลางมรสุมแห่งชีวิต
- Love is a journey, not a destination.
ความรักคือการเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
แคปชั่นกำลังใจ คิดบวก สู้ชีวิต
- No one can make you feel inferior without your consent.
ไม่มีใครสามารถทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อยได้ หากคุณไม่ยอมรับมัน
- Life is too short to be shy.
ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมานั่งเขินอาย
- Life isn’t about finding yourself. Life is about creating yourself.
ชีวิตไม่ได้เกี่ยวกับการค้นหาตัวเอง ชีวิตคือการสร้างตัวคุณเอง
- Life is better when you’re laughing.
ชีวิตดีขึ้นเมื่อคุณหัวเราะ
- Happiness is not having what you want. It is appreciating what you have.
ความสุขไม่ใช่การได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่คือการเห็นคุณค่าในสิ่งที่มี
- Tough situations build strong people in the end.
สถานการณ์ที่ยากลำบาก จะสร้างคนที่แข็งแกร่งในที่สุด
- You are never too old to be cute.
คุณไม่ได้แก่เกินไปที่จะน่ารัก
- Growing and glowing.
จงเติบโตและเปล่งประกาย
- Even with a broken crayon, I can still draw a rainbow.
แม้ว่าดินสอสีจะหัก ฉันก็ยังวาดสายรุ้งได้
- It is never too late to be what you might have been.
ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเป็นในสิ่งที่คุณอยากจะเป็น
- Cute is the new cool.
น่ารัก คือความเท่แบบใหม่
- Believe you can and you’re halfway there.
เชื่อว่าคุณทำได้ คุณก็มาถึงครึ่งทางแล้ว
- No one is perfect – that’s why pencils have erasers.
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ – นั่นคือเหตุผลว่าทำไมดินสอจึงมียางลบ
- Turning wounds into wisdom and pains into gains.
เปลี่ยนบาดแผลให้เป็นปัญญา และเปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นกำไร
- Keep your head up, things will get better.
ยืนหยัดเข้าไว้ เดี๋ยวอะไรๆ ก็จะดีขึ้น
- You can always start again.
คุณสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
- It’s okay not to be okay.
ถึงจะไม่โอเค แต่ก็ไม่เป็นไร
- You’re stronger than you know.
คุณแข็งแกร่งกว่าที่คุณรู้
- If you ever want to love someone, love yourself unconditionally first.
ถ้าคุณอยากจะรักใครสักคน จงรักตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไขเสียก่อน
- What’s meant to be will always find a way
สิ่งที่เราตั้งใจไว้ จะหาทางได้เสมอ
- Life lesson to learn is… sometimes the good guys don’t win.
บทเรียนชีวิตที่ต้องเรียนรู้คือ… บางครั้งคนดีก็ไม่ชนะเสมอไป
- No matter what you’re going through, there’s a light at the end of the tunnel.
ไม่ว่าคุณจะเจออะไรก็ตาม มีแสงที่ปลายอุโมงค์เสมอ
- Tough times don’t last, tough people do.
ช่วงเวลาที่มันแย่ๆ มันจะไม่อยู่กับเรานาน แต่คนที่เข็มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่ได้นาน
- Happiness is the secret to all beauty.
ความสุขเป็นเคล็ดลับของทุกความงาม
- Success is not the key to happiness, happiness is the key to success.
ความสำเร็จไม่ใช่กุญแจสู่ความสุข ความสุขคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
- You’re not alone, we’re in this together.
คุณไม่ได้อยู่คนเดียว เราจะผ่านไปด้วยกัน
- I’m the best you’ll never ever get.
ฉันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่คุณไม่มีทางได้ครอบครอง
- Sun is alone too, but still shines.
ดวงอาทิตย์ก็โดดเดี่ยวเหมือนกัน แต่ก็ยังส่องแสงอยู่
- Forgive yourself for your faults and move on.
จงให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดและก้าวต่อไป
- Don’t look for happiness, Create it.
อย่าพยายามมองหาความสุข แต่จงหาทางสร้างมันขึ้นมา
- Beauty begins the moment you decide to be yourself.
ความงามเริ่มต้นในชั่วขณะที่คุณตัดสินใจเป็นตัวของตัวเอง
- The Best way to be loved is to love yourself.
วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ใครมารัก คือ การรักตัวเอง
- Face challenges with confidence.
จงเผชิญกับความท้าทายด้วยความมั่นใจ
- Love is all around you. You just have to take the time to feel it.
ความรักอยู่รอบตัวคุณ คุณเพียงแค่ต้องใช้เวลาในการรู้สึกมัน
- Inner beauty will always be in fashion.
ความงามจากภายในจะคงอยู่ในแฟชั่นเสมอ
- Stars don’t shine without darkness.
ดวงดาวไม่ส่องแสงโดยปราศจากความมืด
- Be a shining star in the darkest of nights.
จงเป็นดาวที่ส่องแสงในคืนที่มืดมนที่สุด
- Happiness is not by chance, but by choice.
ความสุขไม่ใช่เกิดโดยบังเอิญ แต่เป็นทางเลือก
- There are beautiful days ahead.
มีวันที่สวยงามรออยู่ข้างหน้า
- The best thing to hold onto in life is each other.
สิ่งที่ดีที่สุดที่จะยึดมั่นในชีวิต คือกันและกัน
- What you believe, remember, you can achieve.
สิ่งที่คุณเชื่อจำไว้ว่า คุณทำได้
- Motivation gets you moving, but determination keeps you going.
แรงบันดาลใจทำให้คุณเคลื่อนไหวได้ แต่ความมุ่งมั่นจะทำให้คุณก้าวต่อไป
- The future belongs to those who believe in the beauty of their dreams.
อนาคตเป็นของคนที่เชื่อในความฝันของตัวเอง
- You don’t need to see the whole staircase, just take the first step.
คุณไม่จำเป็นต้องเห็นขั้นบันไดทั้งหมด ขอแค่เริ่มต้นที่ก้าวแรก
- Sometimes the heart sees what is invisible to the eye.
บางครั้งหัวใจจะมองเห็น สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา
- Don’t give up the beginning is always the hardest.
อย่าเพิ่งยอมแพ้ จุดเริ่มต้นนั้นมักจะยากที่สุดเสมอ
- Our attitude toward life determines life’s attitude towards us.
ทัศนคติของเรา เป็นตัวกำหนดชีวิตของเรา
- Believe in yourself
เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้
- We failed, we cried, we lost but then we will rise and strong again.
เราล้มเหลว เราร้องไห้ เราแพ้พ่าย แต่เราจะลุกขึ้นและกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
- Don’t be the same. Be better!
อย่ามัวแต่เป็นเหมือนเดิม เราต้องดีกว่าเดิม!
- Don’t be afraid to choose a different path than others.
อย่ากลัวที่จะเลือกเส้นทางของตัวเอง ถึงแม้มันจะแตกต่างจากคนอื่น
- Life always offers you a second chance.
ชีวิตจะให้โอกาสคุณครั้งที่สองเสมอ
- No matter how much it hurts, you have to hold your head up and keep going.
ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน จงเชิดหน้าขึ้น.. และก้าวต่อไป
- If you get tried, learn to rest not to quit
ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย จงเรียนรู้ที่จะพัก แต่อย่าล้มเลิก
- A smile is happiness you’ll find right under your nose.
รอยยิ้มคือความสุข ที่คุณหาพบได้ แค่ใต้ปลายจมูก
- It’s hard to beat a person who never gives up.
มันยากที่จะเอาชนะคนที่ไม่เคยยอมแพ้
ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net
15 อาหารสีม่วงช่วยป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองเป็นอย่างดี
การรับประทานอาหารหลากสีสัน เปรียบเสมือนการเติมเต็มร่างกายด้วยสารอาหารที่จำเป็น การตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มอาหารสีม่วงลงในมื้ออาหารของคุณ จะช่วยกระตุ้นให้คุณได้ลองทานอาหารใหม่ๆ และทำให้สุขภาพดีขึ้น สีม่วงของผักและผลไม้บ่งบอกถึงปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับปรุงสุขภาพโดยรวม และป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็ง
อาหารสีม่วงเป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้คนมากมาย ซึ่งสามารถให้ประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ การเพิ่มปริมาณการบริโภคผักและผลไม้อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน ต้อกระจก และโรคหัวใจ อาหารสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์ สารเหล่านี้เป็นรงควัตถุจากธรรมชาติของพืชที่ทำให้พืชบางชนิดมีสีแดงและสีน้ำเงิน
การรับประทานอาหารสีม่วงที่อุดมไปด้วยแอนโทไซยานินอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่บริโภคอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอ้วน ตามการศึกษาในสัตว์ปี 2017 การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงซึ่งรวมถึงมันฝรั่งสีม่วงหรือแครอทอาจมีประโยชน์ต่อการเผาผลาญและหัวใจ อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการศึกษาในมนุษย์เพื่อยืนยันประโยชน์เหล่านี้
15 อาหารสีม่วงป้องกันมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ
1.องุ่นม่วง อุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนต์ ซึ่งเป็นสารอาหารจากพืชที่อาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
2.บลูเบอร์รี ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายการศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าบลูเบอร์รีอาจช่วยปรับปรุงระบบการย่อยอาหาร เพิ่มการเผาผลาญไขมัน และลดการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้ บลูเบอร์รียังเป็นแหล่งรวมวิตามินเอ ซี และ เค ที่สำคัญ ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้บลูเบอร์รียังมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองและเป็นแหล่งใยอาหารที่ดีเยี่ยม การรับประทานบลูเบอร์รีเป็นประจำอาจช่วยปรับปรุงหน่วยความจำและการเรียนรู้ รวมถึง ชะลอการเสื่อมของสมอง
3.ลูกเกดดำ อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสีม่วงเข้ม นอกจากจะให้สีสันที่สวยงามแล้ว สารชนิดนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสุขภาพดวงตา และ ระดับคอเลสเตอรอล
4.บลูเบอร์รี ผลไม้สีน้ำเงินม่วงเข้ม อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล ซึ่งรวมถึงฟลาโวนอยด์และกรดฟีนอลิก สารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และมีส่วนช่วยในการ ปรับปรุงอารมณ์ และ ลดการอักเสบ
5.น้ำองุ่นคอนคอร์ด มีงานวิจัยสนับสนุนว่าอาจมีผลดีต่อความจำเชิงพื้นที่ ปฏิกิริยาตอบสนอง และการทำงานของสมอง นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้รู้สึกสงบมากขึ้นอีกด้วย
6.มะเดื่อ ผลไม้รสหวานจากแถบเมดิเตอร์เรเนียนนั้นอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบย่อยอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และ ระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้มะเดื่อยังช่วยลดไขมันในร่างกาย ลดการอักเสบ และ ป้องกันมะเร็ง
7.พลัม เป็นผลไม้ที่มีสีสันสวยงามและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในพลัม ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกระดูก ช่วยระบบย่อยอาหาร และ ลดการอักเสบ นอกจากนี้ พลัมยังมีส่วนช่วยในการ ลดความดันโลหิต และลดระดับน้ำตาลในเลือด
8.อาซาอิเบอร์รี เป็นผลไม้ป่าที่มีสีม่วงเข้มและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงได้รับการยกย่องให้เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ
9.บีทรูท นั้นอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สารอาหารในบีทรูทมีคุณสมบัติ ต้านการอักเสบ ช่วยลดความดันโลหิต และปรับปรุงสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้บีทรูทยังมีส่วนช่วยในการป้องกันมะเร็ง ช่วยในการย่อยอาหาร และส่งเสริมสุขภาพลำไส้อีกด้วย
10.กะหล่ำปลีม่วง ผักสีม่วงสดใสชนิดนี้ มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ รวมถึงมะเร็ง นอกจากนี้กะหล่ำปลีม่วงยังช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย
11.ข้าวโพดสีม่วง นั้นไม่เพียงแต่มีสีสันที่สวยงามสะดุดตา แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การวิจัยพบว่าข้าวโพดสีม่วงอาจช่วยป้องกันโรคเบาหวาน และมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก ลดการอักเสบ และปรับปรุงการมองเห็นได้อีกด้วย
12.มันม่วง ผักที่มีสีสันสวยงามและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สารอาหารในมันม่วงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
13.มันเทศสีม่วง นั้นโดดเด่นด้วยสีม่วงเข้มสวยงาม ซึ่งสีสันนี้มาจากสาร แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มันม่วงมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การวิจัยพบว่ามันม่วงสามารถ ลดการอักเสบ ในร่างกายและ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น
14.แครอทม่วง นั้นโดดเด่นด้วยสีม่วงสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสีสันนี้มาจากสาร แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้แครอทม่วงยังอุดมไปด้วย แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
15.มะเขือม่วง เป็นพืชผักที่มีสีม่วงเข้มสวยงาม และอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี โพลิฟีนอล และฟลาโวนอยด์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26/09/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,050.00 | 41,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,659.00 | 40,310.44 | 41,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,393.10 | 36,279.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,127.20 | 32,248.35 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,197.00 | 18,146.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 931.00 | 14,113.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,755.00 | 41,765.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/09/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.75 | 35.75 | 36.05 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.38 | 35.38 | 35.68 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.64 | 33.64 | 33.94 | 33.64 | 33.64 | – | 33.64 | 33.64 | 33.64 | 33.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.39 | 33.39 | – | – | – | – | – | – | – | 33.39 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.34 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.34 |
เบนซิน 95 | 43.84 | – | – | – | 49.81 | – | 44.34 | 43.99 | – | 43.84 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 18.59 | 18.59 | – | – | – | – | – | – | – | 18.59 |