“ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน”ยอดขายทะลุ 80%ชูจุดขายอยู่จริงพร้อมโอน
ศุภาลัยเดินหน้าปิดโครงการ “ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน”พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ หลังปิดการขายแล้วกว่า 80% จากมูลค่า1,200 ล้านบาท ล่าสุดจัดแคมเปญกระตุ้นโค้งสุดท้าย 5–6 ก.ค.นี้
นับตั้งแต่เริ่มเปิดขาย “ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน” ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องจากผู้ซื้อ ทั้งกลุ่มอยู่อาศัยจริงและนักลงทุน ด้วยทำเลติดถนนหัวหิน–ห้วยมงคล ใกล้ใจกลางเมือง พร้อมวิวทะเลและภูเขาในโครงการเดียว
นางสาวบุศรินทร์ รุ่งรัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขายอาคารสูง บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงการศุภาลัย บลูเวล หัวหินยอดขายทะลุ 80% คือเสียงสะท้อนถึงความมั่นใจของลูกค้า ที่มองเห็นทั้งศักยภาพทำเลและคุณภาพโครงการอย่างแท้จริง
ความสำเร็จของโครงการนี้ เป็นผลจากการวางแผนพัฒนาอย่างพิถีพิถันทั้งด้านดีไซน์ คุณภาพ และความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาคอนโดตากอากาศในทำเลใกล้เมืองหัวหิน ซึ่งโครงการของเราสามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน พร้อมเข้าอยู่และโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที”
โครงการ “ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน” เป็นอาคารสูง 28 ชั้น รวม 523 ยูนิต มีให้เลือกตั้งแต่ห้องสตูดิโอถึง 2 ห้องนอน ขนาด 29.5–64.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.76 ล้านบาท พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ทุกยูนิตได้รับการออกแบบให้เปิดรับวิวพาโนรามา ทั้งทะเลและภูเขา เพิ่มคุณค่าทางอารมณ์และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง
ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก โครงการมาพร้อมกับ Lighthouse Park สวนน้ำสำหรับเด็ก, Island Fitness, สระว่ายน้ำ, ห้องซาวน่า, Co-living & Co-working บนชั้น 28 พร้อมจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเล มอบมิติใหม่แห่งการใช้ชีวิตแบบ Work–Life–Vacation Balance
รองรับกลุ่มเช่าระยะยาว
ศุภาลัยยังเพิ่มทางเลือกด้วยห้องเช่ารายเดือน ภายใต้การบริหารจัดการมืออาชีพ เจาะกลุ่มผู้พักอาศัยระยะยาว ตอบโจทย์ทั้งคนทำงานจากหัวหินและผู้เกษียณที่มองหาที่อยู่ประจำแบบครบวงจรเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้าย ศุภาลัยเตรียมจัดงาน Grand Opening วันที่ 5–6 ก.ค.นี้ ที่โครงการ พร้อมข้อเสนอพิเศษ อาทิ ส่วนลดสูงสุด 10% และของแถมกว่า 20 รายการ โดยเปิดให้ชมห้องจริง พร้อมสิทธิพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
วีรันดา ชี้ท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง หนุนรายได้ครึ่งปีหลังพุ่ง
ผ่านจุดต่ำสุดไตรมาส 2 ‘วีรันดา’ เตรียมรับปัจจัยบวกทั้งในและต่างประเทศ ดันอัตราเข้าพักฟื้นตัว โครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” เสริมกำลังซื้อคนไทย–ตลาดต่างชาติบูม
หลังต้องเผชิญแรงกระแทกจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และนักท่องเที่ยวจีนชะลอเดินทางเข้าสู่ไทย ธุรกิจโรงแรมเริ่มเห็น “แสงปลายอุโมงค์” อีกครั้ง โดย วีรันดา รีสอร์ท หรือ VRANDA ระบุว่า ตลาดเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 2/2568 สะท้อนผ่านยอดจองโรงแรมในเครือที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
“ไตรมาส 2 ถือเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ แต่เรามองแนวโน้มปลายปีเป็นช่วงฟื้นตัวและเติบโตชัดเจน”ภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วีรันดา
โรงแรมเครือ วีรันดากลับมาคึกคัก
จากการติดตามยอดจองของโรงแรมในเครือ อาทิ SO Bangkok, วีรันดา ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่ และ ร็อคกี้ บูทิก รีสอร์ต สมุย พบว่ารายได้จากห้องพักเริ่มกระเตื้องขึ้น เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นสัญญาณว่ารายได้ไตรมาส 2 ของ VRANDA จะเริ่มกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงก่อนเกิดวิกฤติ
หนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญคือการที่ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปรับคำแนะนำการเดินทางให้ไทยอยู่ในระดับ “ปลอดภัยสูงสุด” (Level 1) เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ภาพลักษณ์ความมั่นคงของไทยดีขึ้นทันตา และส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย และสิงคโปร์
“เที่ยวคนละครึ่ง” ตัวเร่งเครื่องครึ่งปีหลัง
ภาคในประเทศเองก็มีปัจจัยบวกเช่นกัน โดยเฉพาะโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” ที่เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. ถึง 31 ต.ค. 2568 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของ วีรันดา ที่มีสัดส่วนกว่า 30% จากลูกค้าทั้งหมด
“โครงการนี้เข้ากับกลยุทธ์ราคาเราอย่างมาก เพราะห้องพัก วีรันดาอยู่ในระดับที่จะได้รับส่วนลดสูงสุด 50% หรือไม่เกิน 3,000 บาท”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเปิดทางให้นักท่องเที่ยวจาก 93 ประเทศ เดินทางเข้าไทยแบบไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่ 15 ก.ค. 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนการเดินทางเข้าไทยของกลุ่มต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรปและตะวันออกกลาง กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ ททท. ตั้งเป้าดึงดูดผ่านแคมเปญคุณภาพ
โอกาสเติบโตเด่นในกลุ่มท่องเที่ยว
นักวิเคราะห์ตลาดต่างเริ่มปรับประมาณการผลประกอบการกลุ่มท่องเที่ยวและบริการ โดยเฉพาะไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ หนึ่งในนั้นคือ UOB Kay Hian ที่ประเมินมูลค่าหุ้นวีรันดา ไว้ที่ 10 บาทต่อหุ้น โดยใช้ค่า P/E เฉลี่ยของธุรกิจโรงแรมที่ 20 เท่า และอสังหาริมทรัพย์ที่ 7 เท่า
การผสานธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท กับไลฟ์สไตล์ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ วีรันดา มีจุดแข็งจากรายได้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะ RevPAR (รายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่จริง) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พร้อมรับมือพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปหลังโควิด
วีรันดา มองบวกต่อแนวโน้มท่องเที่ยวไทยครึ่งปีหลังจากหลากหลายปัจจัยหนุน ทั้งคำแนะนำเดินทางจากต่างประเทศ โครงการรัฐ และมาตรการวีซ่าใหม่ เชื่อหนุนการฟื้นตัวของรายได้โรงแรมชัดเจน โดยไตรมาส 2 ถือเป็นจุดต่ำสุดก่อนส่งสัญญาณบวกต่อเนื่องสู่ไตรมาส 3 และ 4
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 30มิ.ย.”อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าไม่มากนัก หากเงินดอลลาร์ไม่ได้กลับมาแข็งค่าขึ้น หรือ ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 30มิ.ย.ที่ระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์
“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.57-32.66 บาทต่อดอลลาร์)
สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน หรือ Sideways ของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำ โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งจะทยอยรับรู้ในสัปดาห์นี้
รวมถึงประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณ (One Big Beautiful Bill Act) โดยสภาคองเกรส และที่สำคัญ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอติดตามแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะรับคำร้อง “ถอดถอนนายกรัฐมนตรี” ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่
สัปดาห์ที่ผ่านมา มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทยอยคลี่คลายลง ได้กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ พร้อมติดตาม สถานการณ์การเมืองของไทย และพัฒนาการการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ในเดือนมิถุนายน และยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ในเดือนพฤษภาคม โดยภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (ISM Manufacturing & Services PMIs) เดือนมิถุนายน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสราว 57% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของเฟด (Dot Plot) ในการประชุม FOMC เดือนมิถุนายน ที่เฟดมองว่า อาจลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ในปีนี้ และนอกเหนือปัจจัยข้างต้น เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า รวมถึงการพิจารณาร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณ (One Big Beautiful Bill Act) โดยสภาคองเกรส
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน รวมถึง รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) โดย ECB นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินทิศทางการปรับดอกเบี้ยนโยบายของ BOE ด้วยเช่นกัน
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนมิถุนายน (Official & Caixin Manufacturing and Services PMIs) ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลสำรวจภาวะธุรกิจในไตรมาสที่ 2 โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ Tankan Survey) ที่จะช่วยสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญความไม่แน่นอนจากทั้งนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์
▪ ฝั่งไทย –สถานการณ์การเมืองจะเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาว่า จะรับคำร้อง “ถอดถอนนายกรัฐมนตรี” ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ โดยหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและการเมืองไทยเผชิญความวุ่นวายอีกครั้ง ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม และดัชนี PMI ภาคการผลิต รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment Index) ในเดือนมิถุนายน
สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เรามองว่า แม้โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทยังมีกำลังอยู่ ทว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอาจชะลอลง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงการเมืองของไทย ที่อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ ในกรณีที่ สถานการณ์การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ซึ่งต้องจับตาว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะรับคำร้อง “ถอดถอนนายกรัฐมนตรี” ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ โดยความวุ่นวายของการเมืองไทยอาจทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสุทธิสินทรัพย์ไทยและลดสถานะถือครองเงินบาท (Long THB) ได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง จากประเด็นการเมืองในประเทศ ทว่า แนวโน้มเงินบาทยังขึ้นกับปัจจัยภายนอก หรือ Global Factors อย่าง ทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำเป็นสำคัญ ทำให้ หากเงินดอลลาร์ไม่ได้กลับมาแข็งค่าขึ้น หรือ ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ก็อาจทำให้เงินบาทไม่สามารถอ่อนค่าไปได้มากนัก โดยเงินบาท (USDTHB) ยังมีโซนแนวต้านแถว 32.65-32.75 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวรับจะอยู่แถว 32.30-32.40 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์) อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.80-32.90 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์จะรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ อาจต้องเห็นรายงานข้อมูลการจ้างงานที่สดใสหรือดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทว่า เงินดอลลาร์เสี่ยงเผชิญแรงกดดัน หากผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.25-33.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.75 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.53-32.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.54 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทพลิกแข็งค่ากลับมาอีกครั้ง โดยมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟด (หลังเริ่มมีสัญญาณคลี่คลายของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน) ประกอบกับปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กดดันเฟดอีกครั้งในเรื่องต้องการให้เฟดลดดอกเบี้ย และอยากให้ประธานเฟดลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระเดือนพ.ค. หน้า
อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากตลาดยังรอติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.45-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ทิศทางเงินทุนของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงประเด็นการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อันนา-มูนา ซิวแชมป์ US Open 2025 แบดหญิงคู่ ส่วนไตเติ้ล-เจน คว้ารองแชมป์คู่ผสม
อันนา-มูนา โชว์ฟอร์มเฉียบผงาดแชมป์ แบดมินตัน US Open 2025 ประเภทหญิงคู่ หลังต้อนคู่ไต้หวัน 2 เกมรวด ขณะที่ ไตเติ้ล-เจน พ่ายคู่เดนมาร์ก คว้ารองแชมป์ประเภทคู่ผสม ก่อนเตรียมลุยศึก แคนาดา โอเพ่น สัปดาห์หน้า
การแข่งขันแบดมินตันโยเน็กซ์ ยูเอส โอเพ่น 2025 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 240,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7,920,000 บาท) ณ เมืองเคาน์ซิลบลัฟส์ รัฐไอโอว่า สหรัฐอเมริกา เมื่อกลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โดยมีนักกีฬาไทยผ่านเข้าสู่รอบนี้ 2 คู่
ประเภทหญิงคู่ “อันนา” นันทน์กาญจน์ เอี่ยมสอาด กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด คู่มือวางอันดับ 3 ของรายการ (อันดับ 21 ของโลก) พบกับ ซือ หย่าฉิง และ ซุง หยูซวน คู่มือวางอันดับ 6 ของรายการ (อันดับ 31 ของโลกจากไต้หวัน)
เกมแรกทั้งสองฝ่ายเล่นกันอย่างสูสี ก่อนที่ อันนา-มูนา จะปิดเกมด้วยสกอร์ 21-15 และยังคงรักษาฟอร์มร้อนแรงในเกมที่สอง เอาชนะไปได้อีก 21-15 คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์ 2-0 เกม
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ อันนา-มูนา คว้าแชมป์เวิลด์ทัวร์รายการที่ 6 ในอาชีพ และเป็นหญิงคู่ไทยคู่แรกที่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น พร้อมรับเงินรางวัล 18,960 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 625,680 บาท) ขณะที่คู่รองแชมป์จากไต้หวันรับเงินรางวัล 9,120 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300,960 บาท)
ประเภทคู่ผสม “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการ (อันดับ 18 ของโลก) พบกับ ราสมุส เอสเพอร์เซ่น และ อเมลี เซซิเลีย คุดสค์ จากเดนมาร์ก (มือวางอันดับ 5 ของรายการ อันดับ 35 ของโลก)
เกมแรกคู่เดนมาร์กใช้ความแข็งแกร่งของ เอสเพอร์เซ่น ที่ร่างกายสูงใหญ่และลูกตบหนัก ทำแต้มขึ้นนำและชนะไปก่อน 21-17 เกมที่สอง ไตเติ้ล-เจน แก้เกมได้ดี ตอบโต้ด้วยการบุกหลากหลาย พลิกชนะ 21-13 แต่ในเกมตัดสิน คู่เดนมาร์กกลับมาเล่นด้วยจังหวะรุกที่เด็ดขาด เอาชนะ 21-10 คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์ 2-1 เกม
ราสมุส-อเมลี รับเงินรางวัล 18,960 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 625,680 บาท) ขณะที่ ไตเติ้ล-เจน รับเงินรางวัล 9,120 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300,960 บาท)
รายการต่อไป นักแบดมินตันไทยจะเดินทางไปแข่งขันในรายการ แคนาดา โอเพ่น 2025 ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 240,000 เหรียญสหรัฐ ที่เมืองมาร์กแฮม ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 1–6 กรกฎาคม 2568
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
“โรคกระดูกสันหลัง” ไม่ต้องแก่ ก็เป็นได้ อาการ สัญญาณเตือนคืออะไร
“โรคกระดูกสันหลัง” ไม่ต้องแก่ ก็เป็นได้ อาการ สัญญาณเตือนคืออะไร : Tricks for Life
หลายคนคิดว่า อาการปวดหลัง ปวดคอ เพราะนั่งทำงานใช้คอมพิวเตอร์หรือก้มดูโทรศัพท์นาน จนเป็น “ออฟฟิศซินโดรม” แต่แท้ที่จริงแล้วอาการดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง
เพราะอาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดคอร้าวลงแขน หรือปวดหลังร้าวลงขา อาจเกิดจากความผิดปกติของหมอนรองกระดูก หรือ การกดทับเส้นประสาท ซึ่งหากปล่อยไว้นานเกินไปโดยไม่ตรวจ อาจส่งผลให้เกิดภาวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง และ สูญเสียศักยภาพในการใช้งาน โดยเฉพาะในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นั่งทำงานท่าเดิมนาน ๆ ยกของหนักผิดท่า ออกกำลังกายไม่ถูกวิธี หรือ แม้แต่ผู้สูงอายุที่มีความเสื่อมของกระดูกตามวัย
หากผู้ป่วยมีอาการปวดหลังร้าวลงสะโพกหรือขา เดินไกลหรือยืนนานแล้วมีอาการขาอ่อนแรง ต้องนั่งพักก่อนจึงจะเดินต่อได้ อาการลักษณะนี้เป็นสัญญาณของภาวะโพรงไขสันหลังตีบแคบ หรือ หมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทบริเวณเอว ซึ่งสามารถเกิดได้ในทุกช่วงวัย ไม่จำกัดแค่วัยสูงอายุ
เพราะในวัยหนุ่มสาวก็สามารถเกิดหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาทได้เช่นกัน เพียงแต่ในผู้สูงอายุจะมักมีภาวะความเสื่อมร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการกลุ่มนี้ควรได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว เพราะหากปล่อยไว้ เส้นประสาทที่ถูกกดทับอาจฟื้นตัวยาก หรือไม่สามารถฟื้นได้สมบูรณ์ 100%
แนวทางการรักษา แพทย์เน้นการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อแยกแยะว่าอาการปวดที่ผู้ป่วยเป็นอยู่เกิดจากกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือความเสื่อม และต้องดูว่าอาการเหล่านั้นรุนแรงพอที่จะต้องพิจารณาการรักษาแบบเฉพาะทางหรือไม่
หากพบว่ามีอาการปวดร้าวลงแขนหรือขา มีอาการชา หรืออ่อนแรง การรักษาอาจไม่สามารถใช้แค่ยาแก้ปวดหรือกายภาพบำบัดเพียงอย่างเดียวได้ แต่จำเป็นต้องพิจารณาแนวทางที่ตรงจุดมากขึ้น
สำหรับผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ที่มีอาการจากกล้ามเนื้อหรือความเสื่อมของกระดูกสันหลัง หากไม่มีการกดทับเส้นประสาทร่วมด้วย ก็สามารถรักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ เช่น ควบคุมน้ำหนักร่างกาย การทำกายภาพบำบัด ปรับพฤติกรรมการใช้งาน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและคอให้แข็งแรงขึ้น เพื่อรองรับโครงสร้างที่อาจเสื่อมไปแล้วบางส่วน ถึงแม้ความเสื่อมจะย้อนคืนไม่ได้ แต่เราสามารถทำให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดีใกล้เคียงปกติอีกครั้ง
แนวทางการป้องกันที่สามารถทำได้ทันที เช่น การจัดท่านั่งให้ถูกต้องระหว่างทำงาน ลุกเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30-60 นาที และออกกำลังกายเพื่อเสริมกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัวอย่างสม่ำเสมอ แต่หากเริ่มมีอาการปวดอย่ารอจนเรื้อรัง
ขอบคุณ : โรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ลาก่อนจอฟ้ามรณะ! Windows 11 กำลังจะเปลี่ยนเป็น “จอดำ” แทนแล้ว
ใครใช้คอมพิวเตอร์ Windows 11 มานาน คงคุ้นเคยกับ “จอฟ้ามรณะ” (Blue Screen of Death หรือ BSOD) กันดีใช่มั้ยครับ? มันคือหน้าจอสีฟ้า ๆ ที่โผล่ขึ้นมาตอนคอมมีปัญหาหนัก ๆ ทำงานต่อไม่ได้ กำลังะถูกเปลี่ยนเป็น “จอสีดำ” แทนแล้วครับ! ฟังดูอาจจะไม่ได้ต่างกันมาก แต่เบื้องหลังแล้วมันดีขึ้นเยอะเลยนะ
ทำไมต้องเปลี่ยน?
ปกติเวลาเจอจอฟ้า เราก็ไม่ค่อยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ นอกจากแค่คอมค้างใช่ไหมครับ? แต่จอสีดำแบบใหม่นี้จะฉลาดขึ้นเยอะเลย มันจะบอกข้อมูลสำคัญอย่าง “รหัสหยุดทำงาน” (Stop Code) และ “ตัวขับ (Driver) ที่มีปัญหา” ให้เราเห็นชัดเจนบนหน้าจอเลย ขอดีของการเปลี่ยนคือจะทำให้อธิบายว่า “ปัญหาอยู่ที่ส่วนนี้ ๆ นะ” มันจะช่วยให้คุณหรือคนที่ซ่อมคอมให้คุณ หาสาเหตุและแก้ไขได้เร็วขึ้น เยอะเลยครับ ไม่ต้องมานั่งเดา หรือต้องเอาข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อให้ยุ่งยากอีกต่อไป
David Weston ผู้บริหารของ Microsoft บอกว่า “นี่เป็นความพยายามที่จะทำให้ข้อมูลชัดเจนขึ้น และช่วยให้เรากับลูกค้าแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น”
จะได้เห็นเมื่อไหร่?
Microsoft จะเริ่มปล่อยหน้าจอสีดำใหม่นี้ในการอัปเดตของ Windows 11 “ช่วงหน้าร้อนนี้” พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยกู้คืนคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถเปิดเครื่องได้ด้วย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Microsoft ที่จะทำให้ Windows เสถียรและทนทานมากขึ้น เพื่อให้เราใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างสบายใจมากขึ้นนั่นเองครับ!
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เกมฝึกภาษา มีประโยชน์ยามว่าง คลังศัพท์เพียบ
นอกจากการ เรียนภาษาอังกฤษ ในห้องเรียนแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่สามารถ เรียนภาษาอังกฤษ ได้สนุกเพลิดเพลิน ถึงมีเวลาน้อยแค่ไหนก็เรียนได้ นั่นก็คือ เกมฝึกภาษา อังกฤษ สอนคําศัพท์โดยเฉพาะที่มาในหลากหลายรูปแบบทางแอปพลิเคชันมือถือที่ใคร ๆ ก็โหลดมาเล่นได้ แต่จะเป็นแบบไหนและมีเกมอะไรบ้าง มาตามอ่านต่อกันเลย
เกมฝึกคำศัพท์หาได้จากที่ไหน
เกมคำศัพท์เราสามารถโหลดได้จากแอปพลิเคชันมือถือได้เลย เหมาะสำหรับคนที่ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เพราะว่างเมื่อไหร่ก็เล่นได้ สะดวก สามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังมาในหลายหลากสไตล์ให้ทุกคนได้เลือกเล่นตามเกมที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ Puzzle โยงตัวอักษรเติมลงในช่อง จับคู่คำศัพท์รูปภาพ เติมคำหรือตัวอักษรลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ทายคำจากภาพ และแม้กระทั่งในแบบ crossword ที่สามารถจับคู่เล่นกับคนอื่น ๆ ในเกมแบบออนไลน์ได้ โดยเริ่มจากระดับง่าย ๆ ไปจนถึงยาก ซึ่งบางเกมก็สามารถเลือกระดับเองได้ ใครที่กำลัง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ หรือ เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ ก็สามารถเรียนได้ด้วยตัวเอง โดยเกมสนุก ๆ เราจะมาแจกมีดังนี้!
แจก เกมฝึกภาษา ศัพท์ภาษาอังกฤษฟรี เลเวลไหนก็เล่นได้
- Zen Word
เกม Zen Word (หรือเรียกในบางเวอร์ชันว่า “Zen Words”) เป็นเกมปริศนาคำศัพท์ที่สามารถเล่นออฟไลน์ เน้นความผ่อนคลายและท้าทายสมอง โดยมีมากกว่า 6,000 ปริศนาให้เล่น ตัวเกมจะเพิ่มระดับจากง่ายที่สุดไปถึงช่วงหลังจะยากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อความท้าทาย ซึ่งเล่นโดยการเชื่อมต่อตัวอักษรเพื่อค้นหาคำศัพท์ (ประมาณ 20 คำต่อแต่ละด่าน) ไม่มีการจับเวลา ไม่มีการแข่งขันใด ๆ ผู้เล่นสามารถเล่นไปแบบสบาย ๆ ร่วมกับเสียงเพลงและภาพพื้นหลังแนวธรรมชาติที่ช่วยให้ผ่อนคลายลดความเครียด ระหว่างเล่นก็เหมือนได้ เรียนภาษาอังกฤษ ไปในตัว
- Johny Grammar Word Challenge
Johny Grammar Word Challenge จากสถาบันชื่อดังอย่างจาก British Council ที่เน้นคำศัพท์ ไวยากรณ์และการสะกดคำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความท้าทายมากขึ้นกว่าเกมก่อนหน้านี้ มีระดับคำถาม 3 ระดับ ได้แก่ ง่าย ปานกลาง ไปจนถึงยาก แบ่งเนื้อหาตามหัวข้อย่อย เช่น ร้านอาหาร การท่องเที่ยว สำนวนที่ใช้บ่อยและกิจกรรมต่าง ๆ หากตอบผิดจะมีคำอธิบายให้เพื่อเป็นบท เรียนภาษาอังกฤษ เพิ่มเติม และผู้เล่นต้องตอบคำถามให้ได้มากที่สุดภายใน 60 วินาที
- Classic Words
เกมฝึกภาษา นี้เป็นเกม Solo Word Game หรือเป็น เกมเดี่ยว (solitaire) ที่ให้เล่นคล้ายเกม Scrabble วางกระเบื้องตัวอักษรบนกระดานทำให้ได้ฝึก เรียนภาษาอังกฤษ ไปพร้อมกัน มีคะแนนพิเศษ เช่น Double/Triple Letter หรือ Word โดยสามารถเล่นกับ AI ที่มีหลายระดับความยาก ตั้งแต่ผู้เริ่มเล่น (Beginner) ถึงผู้เชี่ยวชาญ (Expert) โดยมีพจนานุกรมภายในเกมและสามารถดูความหมายของคำที่ถูกวางได้ไปพร้อม ๆ กัน เหมาะสำหรับคนชอบปริศนาวางแผนคำจากตัวอักษรภาษาอังกฤษ
- Word Collect
เกม Word Collect (หรืออาจเรียกว่า Word Collect: Word Search) เป็นเกมแนวจับคู่และเชื่อมตัวอักษรภาษาอังกฤษคล้าย ๆ กับเกมแรก ให้ผู้เล่นลากหรือเชื่อมตัวอักษรจากจุดวงกลมหาเป็นคำและเติมลงในช่องคำที่ซ่อนอยู่ด้านบนหน้าจอ เมื่อปลดล็อกด่านต่าง ๆ ก็จะเพิ่มความยากขึ้นเรื่อย ๆ มีด่านรายวันและ มินิเกมเสริม เช่น เกมภาพ ให้ฝึกคำศัพท์ เรียนภาษาอังกฤษ ในแบบที่หลากหลายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเกมคำศัพท์สบาย ๆ ฝึกสมองในเวลาสั้น ๆ ได้ทุกวันแม้มีเวลาไม่มาก เล่นแบบออฟไลน์ได้ตลอด
- Word Heaps
เป็น เกมฝึกภาษา ปริศนาคำศัพท์ที่เล่นสบาย ๆ แต่มีความท้าทาย เหมาะทั้งผู้ใหญ่และเด็กผู้ที่ชอบเล่นเกมเพื่อฝึกคำศัพท์และสมองสบาย ๆ และมีด่านใหม่ๆ ให้เล่นทุกวัน มีธีมที่หลากหลายเหมาะกับผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ โดยผู้เล่นสามารถลากหรือเชื่อมตัวอักษรจากจุดวงกลมหาเป็นคำ และเติมลงในช่องคำที่ซ่อนอยู่ด้านบนหน้าจอ บางธีมเชื่อมโยงกับภาพประกอบ ทำให้จำง่าย เล่นสนุก และมีบริบทชุดด่านตามฤดูกาล เช่น Halloween และ Christmas รวมถึงคำศัพท์ในชีวิตประจำวันอย่างอาหาร ธุรกิจ และการท่องเที่ยว
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
ผักชีลาว สมุนไพรกลิ่นแรงที่หลายคนไม่กล้ากิน แต่ประโยชน์แรงกว่าเยอะ!
คุณอาจเคยได้กลิ่นผักอะไรบางอย่างในลาบ ซุปหน่อไม้ หรือซุปปลา แล้วทำหน้าตาแปลก ๆ เพราะกลิ่นมัน “แรง!” ใช่ครับ…นั่นแหละคือ ผักชีลาว หรือที่บางคนเรียกว่า “ผักชีเทวดา”
ผักชีลาวไม่ใช่ผักแฟนซี แต่เป็นสมุนไพรบ้าน ๆ ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ ทั้งช่วยย่อย ขับลม ลดกลิ่นปาก แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกเพียบ แล้วรู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่หลายคนไม่กล้ากินกันเพราะ “เป็นผักที่มีกลิ่นเฉพาะตัว” ทั้งที่จริง ๆ มันดีต่อร่างกายมาก
ผักชีลาวคืออะไร?
ผักชีลาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Anethum graveolens) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์เดียวกับผักชี แครอท หรือขึ้นฉ่าย หน้าตาของผักชีลาวค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ใบฝอยละเอียด สีเขียวอ่อน ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ สีเหลืองอ่อนๆ คล้ายร่มคว่ำ เวลามีดอกบานเต็มที่ก็สวยไปอีกแบบ และมีกลิ่นหอมฉุนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ค่อนข้างแรงและโดดเด่น รสชาติออกไปทางซ่าๆ ซ่าลิ้นนิดๆ
นิยมใช้ในอาหารอีสาน เช่น แกงอ่อม, ลาบ, ซุปหน่อไม้, แกงปลา หรือ นำไปใช้ตกแต่งในอาหารฝรั่งอย่าง ซุปครีม, ดองแตงกวา, ซอสปลาแซลมอน
ประโยชน์ของผักชีลาว
1.ช่วยขับลม แก้ท้องอืด
น้ำมันหอมระเหยในผักชีลาวช่วยผ่อนคลายลำไส้ ทำให้รู้สึกโล่ง สบายท้อง แก้อาการแน่น อึดอัดหลังมื้ออาหาร ซึ่งกลิ่นหอมและสารในผักชีลาวช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยขับลม ลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้ดีเยี่ยม
2.มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักชีลาวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ วิตามินซี ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ และช่วยชะลอวัยได้ด้วย
3.ต้านการอักเสบ และเชื้อแบคทีเรีย
กลิ่นแรง ๆ ที่บางคนไม่ชอบจริง ๆ แล้วเป็นแหล่งรวมสารฆ่าเชื้อจากธรรมชาติ ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อในระบบย่อยอาหาร
4.ลดกลิ่นปากแบบธรรมชาติ
แค่เคี้ยวใบสดเล็กน้อยหลังอาหารก็ช่วยให้ลมหายใจสดชื่นขึ้นได้ โดยไม่ต้องพึ่งหมากฝรั่ง
5.บำรุงกระดูก
แม้จะเป็นผักเบา ๆ แต่ก็มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียมในปริมาณไม่น้อยเลย ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกได้เช่นกัน
ข้อควรระวังในการกินผักชีลาว
- กลิ่นแรง คนที่ไม่ชินอาจรู้สึกว่ากลิ่นฉุนเกินไป ต้องฝึกค่อย ๆ กิน
- น้ำมันหอมระเหยมาก กินในปริมาณเยอะอาจทำให้คลื่นไส้ หรือรู้สึกมึนหัวในบางราย โดยเฉพาะคนที่ไวต่อกลิ่น
- หญิงตั้งครรภ์ ไม่ควรกินมากเกินไป
สรุป ผักชีลาว สมุนไพรจิ๋วแต่แจ๋วที่ต้องมี!
ผักชีลาวเป็นมากกว่าแค่ผักโรยหน้า! มันคือสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยามากมาย ทั้งช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร บำรุงกระดูก บำรุงสายตา และเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี
ถ้าใครยังไม่เคยลองเพิ่มผักชีลาวในเมนูอาหาร ลองดูได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแกงอ่อม แกงเปรอะ หรือจะนำไปทำไข่เจียวผักชีลาวก็อร่อยเด็ด! แค่จำไว้ว่ากินในปริมาณที่พอเหมาะ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีข้อสงสัยหรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 30/06/2568
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 50,500.00 | 50,600.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,265.00 | 49,497.40 | 51,400.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 2,938.50 | 44,547.66 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 2,612.00 | 39,597.92 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 1,469.25 | 22,273.83 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 1,142.75 | 17,324.09 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,383.42 | 51,292.65 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30/06/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ |  ไออาร์พีซี | พีที |  ซัสโก้ |  เพียว |  พรุ่งนี้ | |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 33.15 | 33.15 | 33.65 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.78 | 32.78 | 33.28 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.94 | 30.94 | 31.44 | 30.94 | 30.94 | – | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 29.29 | 29.29 | – | – | – | – | – | – | – | 29.29 |
| แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.74 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 41.74 |
| เบนซิน 95 | 41.44 | – | – | – | 49.81 | – | 41.94 | 41.59 | – | 41.44 |
| ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
| แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | – | 18.55 |
