สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2560

ผู้มีรายได้น้อยเฮ! กรมธนารักษ์เดินหน้า “บ้านคนไทย” ราคาหลักแสน

โครงการ “บ้านคนไทย” 3.5-4.5 แสนบาท ผ่อนเดือนละ 2 พัน เพื่อผู้มีรายได้น้อย

จากราคาที่ดินที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนซ้ำเติมให้ผู้มีรายได้น้อยไม่มีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเอง กรมธนารักษ์ถือเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยได้เข้าถึงบ้านในราคาที่ไม่สูงมากนัก โดยพัฒนาโครงการบนที่ดินราชพัสดุ แม้จะได้รับอนุมัติโครงการจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาตั้งแต่ต้นปี 2559 แต่หลายโครงการกลับหยุดชะงักจากปัญหาที่คนในพื้นที่คัดค้าน ล่าสุด กรมธนารักษ์เตรียมเดินหน้าใหม่อีกครั้งโดยเตรียมเสนอโครงการ “บ้านคนไทย” ที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบในราคาไม่เกิน 3.5-4.5 แสนบาท/ยูนิต และมีภาระผ่อนชำระไม่เกิน 2,000 บาท/เดือน พร้อมเดินหน้าในปี 2561

กำเนิดโครงการบ้านคนไทย
โครงการบ้านคนไทย ถ้าพูดกันตรง ๆ แล้วก็คือโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเดิมที่เปลี่ยนชื่อมาโดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย และประชาชนที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองทั้งในเขตเมืองและต่างจังหวัด โดยมาพร้อมกับแพ็คเกจสินเชื่อของธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ด้วย

ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้เคยเสนอโครงการให้กระทรวงการคลังพิจารณาในเบื้องต้นแล้ว แต่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งให้กลับไปทบทวนรายละเอียดโครงการให้มีความรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่มีความอ่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดกรณีโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐในบางพื้นที่ที่เคยดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้วมีปัญหากับชุมชนใกล้เคียง จนต้องยกเลิกโครงการออกไป อาทิ โครงการบนที่ดินราชพัสดุ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และโครงการใน ซ.พหลโยธิน 11 ที่ถูกประชาชนร่วมกันคัดค้าน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และปัญหาจราจร

ตั้งเป้า 2,600 ยูนิต ผ่อนขั้นต่ำ 2,000 บาท
ในเบื้องต้นได้กำหนดรายละเอียดราคาเฉพาะสิ่งปลูกสร้างอยู่ที่ 3.5-4.5 แสนบาท/ยูนิต โดยมีทั้งห้องชุด บ้านแฝด บ้านแถว อาคารสูง หากเป็นห้องชุดจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 28 ตารางเมตร เปิดโครงการนำร่องในพื้นที่ 7-8 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่ ชลบุรี กรุงเทพฯ ตั้งเป้ากว่า 2,600 ยูนิต ผ่อนชำระต่อเดือนขั้นต่ำ 2,000 บาท โดยให้ยื่นขอสินเชื่อแบบเงื่อนไขผ่อนปรนผ่านธนาคารออมสินและ ธอส.

ยกตัวอย่างแพ็คเกจสินเชื่อของ ธอส. ได้แก่ สินเชื่อโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โดยเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท/หน่วย และซ่อมแซม/ต่อเติม ที่อยู่อาศัยของตนเองบนที่ดินราชพัสดุ วงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท/หน่วย ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 30 ปี โดยอายุของผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี อัตราดอกเบี้ยปีแรก 0% ปีที่ 2-3 อยู่ที่ 2.00% ต่อปี ปีที่ 4-6 อยู่ที่ 5.00% ต่อปี และปีที่ 7 จนถึงตลอดอายุสัญญา ลูกค้าบุคคลทั่วไป MRR-0.75% ส่วนลูกค้าสวัสดิการ ธอส. MRR-1.00% ผู้สนใจสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายใน 18 เมษายน 2564

โครงการบ้านคนไทย ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้าน

                  โครงการบ้านคนไทย ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้าน

ดึงเอกชนลงทุนปี 61
ขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างกำหนดเงื่อนไขประมูลเพื่อให้ภาคเอกชนยื่นข้อเสนอเข้ามาพัฒนาในที่ราชพัสดุที่กำหนดไว้ โดยจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด เบื้องต้นกำหนดให้เอกชนจะต้องมีการบริหารจัดการคุณภาพชีวิตและการจัดการชุมชนที่มีคุณภาพ ไม่ให้เหมือนเป็นชุมชนแออัด

นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังได้เตรียมหามาตรการจูงใจดึงดูดให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน เพราะเป็นบ้านราคาถูกได้ผลกำไรน้อย ไม่เกิน 15-20% โดยจะเป็นการใช้ที่ดินพัฒนาที่อยู่อาศัยอายุ 30 ปี และต่อสัญญาเมื่อครบกำหนด ซึ่งยังต้องปรับปรุงเงื่อนไขโครงการร่วมกับกระทรวงการคลังเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากรมธนารักษ์จะยื่นเสนอให้ ครม. พิจารณาได้ในเดือนมกราคม 2561 พร้อมกับการเคหะแห่งชาติ เพื่อรวมเป็นแพ็คเกจเดียวกันในการพัฒนาที่อยู่อาศัย

https://www.ddproperty.com


รัฐฯ แก้หนี้นอกระบบ ปล่อยกู้ 5 หมื่น/ราย

รัฐฯ แก้หนี้นอกระบบ ปล่อยกู้ 5 หมื่น/ราย ใช้ 5 มิติ เดินหน้าแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ปัญหาหนึ่งที่ทางภาครัฐดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องคือปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันถือว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ทั้งด้านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ และการอนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินแก่ประชาชน โดยก้าวต่อไปคือการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนแก่ประชาชน

นำร่องประนอมหนี้ใน 3 จังหวัด กว่า 193 ล้าน
หลังจากที่รัฐบาลเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 แล้ว ได้ประมวลรายชื่อผู้ที่มีหนี้นอกระบบส่งให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ติดต่อลูกหนี้แต่ละรายมาเข้าสู่กลไกการแก้ปัญหา โดยล่าสุดได้นำร่องมอบเงินสินเชื่อรายย่อยให้แก่คนกลุ่มนี้ หลังจากที่ได้ไกล่เกลี่ยประนอมหนี้กับเจ้าหนี้แล้วใน 3 จังหวัด คือ นครราชสีมา สุพรรณบุรี และสงขลา รวม 4,324 ราย เป็นเงิน 193.33 ล้านบาท

ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินรายละ 5 หมื่น กว่า 1.8 ล้าน
โดยทั้ง 2 ธนาคาร ยังได้อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินแก่ประชาชน เพื่อป้องกันปัญหาหนี้นอกระบบ วงเงินรายละ 50,000 บาท ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2560 รวม 180,898 ราย เป็นเงิน 1,831.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81.31% ของวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 169,356 ราย เป็นเงิน 7,620.38 ล้านบาท และผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 จำนวน 11,542 ราย เป็นเงิน 510.63 ล้านบาท

ทั้งนี้ สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินของธนาคารออมสิน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นฉุกเฉิน บรรเทาความเดือดร้อนภายในครอบครัว เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียน หรืออื่น ๆ ตามความจำเป็น แต่ต้องไม่เป็นการนำเงินไปชำระ (Refinance) หนี้ในระบบ ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยไม่เกิน 5 ปี (60 งวด)

โดยผู้ที่จะยื่นขอสินเชื่อต้องมีคุณสมบัติดังนี้
– มีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาชำระคืนต้องไม่เกิน 65 ปี กรณีผู้กู้มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ต้องให้บิดา-มารดา หรือผู้ปกครองเป็นผู้ให้ความยินยอม
– เป็นผู้ที่มีถิ่นที่อยู่แน่นอน สามารถติดต่อได้
– มีสถานที่ประกอบอาชีพ/ที่อยู่อาศัยแน่นอน
– เป็นผู้ฝากเงินประเภทเผื่อเรียกของธนาคาร

ผู้สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561

คนไทยส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต

                              คนไทยส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต

ใช้ 5 มิติ เดินหน้าแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
รัฐบาลได้ประกาศวาระสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง โดยบูรณาการความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ใน 5 มิติ คือ

1. ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบ
2. เพิ่มช่องทางเข้าถึงสินเชื่อในระบบ เช่น พิโกไฟแนนซ์ (สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง)
3. ลดภาระหนี้โดยไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ผ่านอนุกรรมการไกล่เกลี่ยฯ 77 จังหวัด
4. เพิ่มศักยภาพของลูกหนี้ ผ่านอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ฯ 77 จังหวัด
5. สร้างเครือข่ายองค์การการเงินชุมชน ให้ความรู้และทักษะทางการเงิน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวไม่ใช่การปลดหนี้ฟรี แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เช่น การรับคำปรึกษา การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ การช่วยเหลือด้านสินเชื่อ และการฟื้นฟูศักยภาพและการหารายได้ เพราะที่ผ่านมาหลายคนต้องการขอสินเชื่อเพียงอย่างเดียว และที่สำคัญลูกหนี้จะต้องมีคุณสมบัติและความสามารถในการชำระหนี้ต่อไปด้วย

https://www.ddproperty.com


ครม.ไฟเขียวกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปปี 61

ครม.ไฟเขียวกรอบเงินเฟ้อทั่วไปปี 61 ที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ระบุเป็นระดับเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ได้มีมติเห็นชอบเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี 2561 โดยกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2561 ที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกับปี 2560 ซึ่งยังเป็นระดับที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสอดคล้องกับศักยภาพของระบบเศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ยังได้ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2561 จะปรับสูงขึ้น และจะอยู่ภายในกรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่กระจายตัวทั่วถึง รวมถึงพลวัตเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปแตกต่างไปจากที่ประเมินไว้ ซึ่งหากอัตราเงินเฟ่อออกนอกกรอบเป้าหมาย กนง.จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุ รวมถึงระยะเวลาที่คาดว่าเงินเฟ้อจะเข้าสู่กรอบเป้าหมายด้วย

อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นนั้น จะคำนึงถึงการรักษาสมดุลในระบบเศรษฐกิจการเงิน 3 ประการ คือ เสถียรภาพราคา ในระยะปานกลาง โดยดูแลให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและเคลื่อนไหวไม่ผันผวนมากเกินไป 2.การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยดูแลเศรษฐกิจให้ใกล้เคียงกับศักยภาพ และ 3.เสถียรภาพระบบการเงิน

http://www.bangkokbiznews.com


เที่ยวตลาดน้ำฯพัทยา นั่งอีวีสะเทินน้ำสะเทินบก

ขวบปีที่ 10 ของตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างจุดขายที่แตกต่างด้วยนวัตกรรมที่พัฒนาคิดค้นขึ้น ทั้งเรือสะเทินน้ำสะเทินบกและรถสะเทินน้ำสะเทินบกพลังงานไฟฟ้าที่นำมาบริการนักท่องเที่ยว

ขวบปีที่ 10 ของตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างจุดขายที่แตกต่างด้วยนวัตกรรมที่พัฒนาคิดค้นขึ้น ทั้งเรือสะเทินน้ำสะเทินบกและรถสะเทินน้ำสะเทินบกพลังงานไฟฟ้าที่นำมาบริการนักท่องเที่ยว ล่าสุดเตรียมเปิดตัวยานยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมด้วยแผนพัฒนาศูนย์จัดแสดงนวัตกรรมและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่จะนำหุ่นยนต์มาให้บริการที่เมืองพัทยา

มนัส มีพงษ์ ประธานบริหารบริษัท ตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) จำกัด มีเป้าหมายจะพัฒนาสินค้านวัตกรรมแบรนด์ไทยที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ขณะเดียวกันนวัตกรรมนั้นต้องส่งเสริมวัฒนธรรมท่องเที่ยวได้ด้วย กระทั่งได้รับแรงบันดาลใจจากโครงการพระราชดำริด้านพลังงาน จึงเกิดเป็นสิ่งประดิษฐ์สะเทินน้ำสะเทินบกพลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยมลภาวะภายในตลาดน้ำฯ แห่งนี้

 “ผมตั้งเป้าว่าปี 2561 จะแถลงเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้าขนาด 4 ที่นั่ง ความเร็ว 120-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและมีความคืบหน้า 80-90% ความท้าทายหรือความยากอยู่ที่แบตเตอรี่กักเก็บพลังงานโดยนำสเกลเวลาการเติมน้ำมันมาเทียบ ก็ได้วิจัยพัฒนาโดยเน้นระยะเวลาการชาร์จแบบควิกชาร์จจะต้องไม่เกิน 10 นาทีเท่ากับการเติมน้ำมัน” มนัส กล่าวและว่า หากสำเร็จแล้วแผนการต่อไปก็จะทำรถสะเทินน้ำสะเทินบกพลังงานไฟฟ้า

มนัสโฟกัสการพัฒนานวัตกรรมให้กับยานพาหนะ เพราะสามารถใช้ส่งเสริมกิจกรรมนำเที่ยวภายในตลาดน้ำฯ ซึ่งสร้างบรรยากาศจำลองวิถีชีวิตริมน้ำของคนไทย ทั้งยังมีพื้นที่บนบกจัดแสดงโครงการพระราชดำริ โมเดลเศรษฐกิจพอเพียงและหมู่บ้านวิถีไทย จึงเป็นจุดเริ่มการพัฒนาเรือสะเทินน้ำสะเทินบก ทั้งยังนำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุน้ำท่วมกรุงเทพฯ เมื่อปี 2554

“โมเดลของเรือมาจากเรือเอี้ยมจุ๊นของคุณตา ซึ่งเป็นกำนันและเป็นพ่อค้านำสินค้าขึ้นล่องค้าขายทางน้ำระหว่างท่าเตียนกับอยุธยาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็นำมาปรับปรุงใหม่ใส่เครื่องยนต์และล้อด้านหน้า 1 ล้อ ด้านหลัง 2 ล้อ ที่จะพับเก็บอัตโนมัติเมื่อลงน้ำ ควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิกส์ จุดประสงค์เริ่มแรกสร้างเพื่อต้องการโชว์ที่ตลาดน้ำฯ เป็นการโปรโมทการท่องเที่ยวเมืองพัทยา”

เรือสะเทินน้ำสะเทินบกลำแรกที่ประดิษฐ์โดยฝีมือคนไทยนี้ ใช้ทุนพัฒนาลองผิดลองถูกประมาณ 4 ล้านบาท มีขนาดความกว้าง 5 เมตร ยาว 9 เมตร และสูง 4 เมตร มี 2 ระบบ สามารถวิ่งได้ทั้งในน้ำและบนบกแล้วแต่สถานการณ์ บรรจุผู้โดยสารได้ 30 ที่นั่ง และรับน้ำหนักได้มากถึง 7 ตัน ปัจจุบันสร้างขึ้นมาทั้งหมด 4 ลำนำมาให้บริการนักท่องเที่ยว โดยลำล่าสุดพัฒนาให้มีความสมบูรณ์ที่สุดทั้งเรื่องน้ำหนักที่เบา โครงสร้างแข็งแรงขึ้น มีความคงทนและลดแรงเสียดทานได้ดี

ขณะที่เรือสะเทินฯ เป็นการพัฒนาองค์ความรู้ด้านเครื่องยนต์และระบบไฮดรอลิกส์ ส่วนรถสะเทินฯ เป็นการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องแบตเตอรี่หรือระบบกักเก็บพลังงาน

มนัสคาดหวังว่า ในอนาคตต้องมีรถสัญชาติไทยด้วยฝีมือคนไทย ชิ้นส่วนต้นน้ำอยู่ในไทย ส่วนหนึ่งจะทำให้ต้นทุนต่ำ มีเงินไหลเข้าประเทศได้มาก โดยคิดไกลถึงการสร้างแบรนด์ไทยส่งไปตลาดต่างประเทศ แต่หนทางยังอีกยาวไกลเพราะต้องส่งแบตเตอรี่เข้ารับมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยก่อน

“ผมอยากให้ระบบวิจัยไทยเหมือนประเทศจีน ถ้าเอกชนคิดทำอะไรแล้วประเทศชาติได้ประโยชน์ หน่วยงานรัฐจะยื่นมือช่วยเหลือให้การพัฒนานั้นสำเร็จเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น เพื่อไม่ให้ประเทศชาติเสียโอกาสในตลาดโลกที่มีการแข่งขันสูง ขณะที่กลไกการสนับสนุนในบ้านเรายังต้องเป็นไปตามระเบียบขั้นตอน ทำให้เกิดความล่าช้าไม่ทันการแข่งขัน” ผู้บริหารตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


หนี้เยอะ หนี้หลายก้อน ควรจัดการอย่างไรดี?

หนี้เยอะ หนี้หลายก้อน ควรจัดการอย่างไรดี?

‘หนี้’ เป็นสิ่งที่เราควรห่างไกล ทว่ายุคนี้กลับเป็นยุคที่เราสามารถก่อหนี้ได้ง่ายมาก ง่ายจนเกินไปด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะค่านิยมที่เปลี่ยนไป ทำให้คนรุ่นใหม่บางคนแย่งกันเป็นดาวเด่น อยากให้มีคนสนใจ เช่น ทำตัวชิคๆ คูลๆ ใช้สินค้าแบรนด์เนม กินหรูอยู่คอนโด เป็นต้น ซึ่งหากเป็นคนที่มีฐานะทางครอบครัวดี รายได้เยอะก็คงจะไม่เป็นไร เพราะการเงินคงจะไม่เป็นปัญหามากนัก

หากแต่เป็นคนที่มีฐานะไม่ค่อยดี รายได้ไม่มาก การใช้จ่ายแบบนี้อาจจะทำให้เงินไม่พอใช้ก็ได้ และการที่เงินไม่พอใช้ ก็จะเป็นที่มาของการหยิบยืมจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต กู้สินเชื่อ บัตรกดเงินสด และอื่นๆ อีกมากมาย จนท้ายที่สุดผลที่รออยู่ก็คือ หนี้เยอะ หนี้หลายก้อน จนอาจจะใช้ไม่ไหว และก็ต้องเดือดร้อนหาวิธีจัดการกับหนี้ที่มีให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน เพราะบางคนอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหรา หากแต่เป็นการที่มีรายจ่ายหลายอย่างจนรายได้ที่มีอาจจะไม่พอจ่ายจึงกลายเป็นที่มาของการไปหยิบยืม จนเกิดเป็นหนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน

MoneyGuru.co.th เข้าใจถึงความจำเป็นในส่วนนี้ จึงนำเคล็ดลับดีๆ มาช่วยปลด หนี้เยอะ หนี้หลายก้อนกัน ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างไรนั้นตามมาดูกันได้เลย เริ่มต้นกันที่เราต้องแยกการจัดการออกเป็น 2 ส่วนก่อนก็คือ

  • การจัดการรายได้และค่าใช้จ่ายของเรา
  • การจัดการส่วนของหนี้สินของเรา

โดยการจัดการในแต่ละส่วนนั้นก็มีรายละเอียด ดังนี้ครับ

การจัดการรายได้และค่าใช้จ่ายของเรา

การที่เราต้องเริ่มรู้จักบริหารและวางแผนการใช้จ่ายของเราให้มีระเบียบ เพื่อที่จะแบ่งเงินให้เป็นสัดส่วนตามความจำเป็นและกำหนดขอบเขตของการใช้จ่าย เพื่อที่เราจะได้เหลือเงินสำหรับปลดหนี้ให้ตัวเราได้นั่นเอง แนวทางปฏิบัติก็คือ

  • แบ่งส่วนเงินรายได้ออกเป็นส่วนต่างๆ ตามความจำเป็น เช่น เงินสำหรับใช้ชีวิตในแต่ละเดือน เงินค่าจ่ายหนี้สิน เงินค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ เงินค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เงินค่าเดินทางไปทำงาน เงินลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้เราต้องวางแผนให้ดีว่าเรามีความจำเป็นอะไรบ้าง เพื่อที่รายได้ที่เรามีนั้นเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของเรา จากนั้นก็ทำตามอย่างมีวินัยเพื่อให้เป็นไปตามที่วางแผนไว้
  • ลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็นลง เพื่อที่จะทำให้เงินเราเหลือมากขึ้น รวมถึงไม่เป็นการสร้างหนี้เพิ่มอีกด้วย และเป็นการสร้างวินัยทางการเงินในการคิดถึงความจำเป็นก่อนการใช้จ่ายให้กับเราอีกด้วย
  • หารายได้เพิ่ม เมื่อแบ่งส่วนรายได้ก็แล้ว ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็แล้ว เงินก็ยังไม่พอ ก็ถึงคราวต้องหารายได้เพิ่ม หรือ รายได้เสริมกันแล้ว เพราะหากยังนิ่งนอนใจไปเรื่อยๆ ดอกเบี้ยของหนี้ก็มีแต่เพิ่มขึ้นไป อยากหนี้หมดไวๆ ก็ต้องขยันให้มากๆ ครับ

การจัดการส่วนของหนี้สินของเรา

การที่เราจะต้องรู้จักหนี้สินต่างๆ ของเราว่ามีรายละเอียดอะไรอย่างไร เช่น เป็นหนี้ที่ไหนบ้าง? แต่ละที่เป็นหนี้เยอะขนาดไหน? ดอกเบี้ยเป็นอย่างไร? เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราควรจะต้องหาเงินเท่าไหร่และจะมีวิธีจัดการอย่างไรจึงจะปลดหนี้ของเราได้หมด แนวทางปฏิบัติก็คือ

  • แจกแจงภาระหนี้สินของเราทั้งหมดว่ามีประเภทไหนบ้าง จากนั้นก็ให้เรียงลำดับความสำคัญของหนี้สินด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เราต้องเสีย โดยให้ความสำคัญที่อัตราดอกเบี้ยมากเป็นอันดับแรกๆ เพื่อที่จะได้ลดภาระดอกเบี้ยจากหนี้ลง
  • แยกว่าเป็นหนี้แบบในระบบหรือนอกระบบ หากเป็นหนี้ในระบบหมด เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้สินเชื่อ จากธนาคารต่างๆ ก็ยังถือว่าเราโชคดี แต่หากมีหนี้นอกระบบด้วยก็ถึงคราวเคราะห์แล้วล่ะครับ เพราะว่าหนี้นอกระบบนั้นขึ้นชื่อเรื่องความดุเดือดของอัตราดอกเบี้ยมาก เช่น บางที่คิดดอกเบี้ยรายวัน ซึ่งหากเราหมุนเงินมาใช้ไม่ทันก็เรียกได้ว่า ดอกอาจจะทบต้นได้ง่ายๆ ดังนั้นหากมีหนี้นอกระบบก็รีบจัดการให้หมดโดยเร็วจะดีที่สุดครับ แต่จะดีกว่าถ้าเราไม่เป็นหนี้นอกระบบเลย
  • เมื่อมีหนี้เยอะ หนี้หลายก้อน ก็ย่อมหมายถึงมีดอกเบี้ยจากหลายๆ ที่ใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้นวิธีที่หลายๆ คนนิยมก็คือ การรวมหนี้ หรือรีไฟแนนซ์หนี้ นั่นเอง โดยส่วนใหญ่ที่จะทำวิธีนี้ได้ต้องเป็นหนี้ในระบบครับ สาเหตุที่รวมหนี้ก็เพราะจะได้ลดจำนวนดอกเบี้ยที่เราต้องเสียลง และรวบรวมหนี้ทั้งหมดมาไว้ที่ก้อนเดียวกัน เพื่อจะได้ผ่อนชำระให้หมด ไม่แนะนำให้ใช้วิธีกู้เงินมาปลดหนี้ เพราะหากเงินที่กู้มาปลดหนี้ทั้งหมดของเราไม่ได้ ก็จะกลายเป็นเรามีหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก 1 แห่งทันที

อันที่จริงแล้วการปลดหนี้ ต้องเริ่มที่ตัวเราเอง จำต้องปรับความคิด ปรับพฤติกรรมการใช้เงินของเรา ให้เหมาะสมกับรายได้ที่เรามี สำหรับคุณผู้อ่านที่ไม่มีหนี้ อยากจะบอกว่า คุณโชคดีมากๆ ครับที่ไม่มีหนี้สิน

https://money.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 20/12/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,500.00 19,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,263.00 19,147.08 20,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,136.70 17,232.37 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 568.00 8,610.88 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 442.00 6,700.72 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,309.00 19,844.44 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  20/12/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.85 27.85 27.85 35.41 27.85
27.85
27.85
27.85
27.85
แก๊สโซฮอล E-20
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 27.58 27.58 27.58 27.58 27.58 27.98 27.58 27.58 27.58 27.58
เบนซิน 95 34.96 35.41 35.46 34.96 34.96 34.96
ดีเซลหมุนเร็ว 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.39 30.07 30.26 30.26 30.26
มีผลตั้งแต่ 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 10 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า