ถอดโมเดล “แอสเซทไวส์” คัดทำเล – โตทางลัด
ผ่ามุมคิด : ‘กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์’ ซีอีโอ แห่ง บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW อสังหาฯน้องใหม่ไฟแรง ในตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่งออก IPO ระดมทุน ในช่วงสถานการณ์โควิด19 ได้ไม่นาน แต่กลับสร้างสีสันให้กับตลาดไว้อย่างน่าสนใจ
เมื่อประสบการณ์ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจ ‘ต้มยำกุ้ง’ ครั้งเป็น พนักงาน บริษัท สินทรัพย์นคร อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ในช่วงปี 2540 ได้กลายเป็น 1 ใน จุดแข็งของ ‘กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์’ ซีอีโอ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน ) หรือ ASW ซึ่งวันนี้เขาถูกจับตามองจากคนในวงการ ฐานะ อสังหาฯน้องใหม่ไฟแรง ในตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่งออก IPO ระดมทุน ในช่วงสถานการณ์โควิด19 ได้ไม่นาน แต่กลับสร้างสีสันให้กับตลาดไว้อย่างน่าสนใจ
เริ่มปี 2565 ปิดดีลการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ ‘ทาคาระ เลเบ็น’ ผุดโครงการบนทำเลทอง “แอทโมซ บางนา” มูลค่า 2.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน เข้าเทคโอเวอร์คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง กวาด “แม็กซี่ ไพร์ม รัชดา – สุทธิสาร ” เข้าพอร์ตอีก 1 โครงการ
ในแง่คนทั่วไป ชื่อ ASW เป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังเป็นนามผู้สนับสนุนเวทีนางงามดัง และ 1ในพันธมิตรเปิดตัวเหรียญ Popcoin สินทรัพย์ดิจิทัลที่มาแรงแห่งยุค ทั้งนี้ แม้สูตรลัดข้างต้น ไม่ได้แปลกใหม่ สำหรับหนทางสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ ซึ่งมีเป้าหมายใหญ่ ปีนไต่ขึ้น TOP 10 ในอุตสาหกรรม แต่ในแง่มุมมอง- การแตกไลน์ธุรกิจ และ โปรดักส์มีความน่าสนใจไม่น้อย “ฐานเศรษฐกิจ” ถอดโมเดลธุรกิจ ASW ในวันที่ ‘ยืนขาเดียว’ ไม่พอ กับ ภาวะยากลำบากของกำลังซื้อ
18 ปี พัฒนาโครงการ 3.4 หมื่นล.
พลิกปูม ASW ก่อตั้ง เมื่อปี 2548 รวมทุนจดทะเบียน กว่า 856 ล้านบาท มีบริษัทในเครือรวม 25 บริษัท ธุรกิจหลัก คือ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย แบรนด์ดัง เช่น Modiz (โมดิซ), Atmoz (แอทโมซ) และ Kave (เคฟ) รวมถึง บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และ โฮมออฟฟิศ พบ ณ สิ้นปี 2564 มีโครงการสะสมทั้งสิ้น 38 โครงการ กว่า 3.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกรมเชษฐ์ เผยว่า ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย 9 โครงการ และมียอดขายรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 7,338 ล้านบาท
เจาะยอดขาย พบเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วง 2 ปีวิกฤติโควิด ปี 2562 อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท ,ปี 2563 อยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท และ ปี 2564 เติบโตระดับ 8.8 พันล้านบาท สอดคล้องตัวเลขรายได้สูงขึ้นตามลำดับ จาก 2.6 พันล้านบาท สู่ 4.2พันล้านบาท ในปี 2563 ขณะ ปี 2564 อยู่ระหว่างแจ้งต่อตลท. คาดจะทำนิวไฮสูงสุด เป็นภาพฉายถึงความสำเร็จเบื้องต้นของ บมจ.แอสเซทไวส์
เศรษฐกิจ-การเมือง ปัจจัยหลักทำธุรกิจ
นายกรมเชษฐ์ เผยมุมมองต่อภาคธุรกิจอสังหาฯไทยในปี 2565 ว่า เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจบวกกับมาตรการรัฐ เช่น ดอกเบี้ยต่ำ , การปลดล็อก LTV ที่รอคอยมานานหลายปี ช่วยคลี่คลายบรรยากาศฟองสบู่ และ มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดจำนอง – โอนกรรมสิทธิ์ คาดจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อตลาดที่อยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่น่ากังวลตามมาอยู่มาก เช่น ระลอกวิกฤติเล็กๆทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อแน่นอน และโจทย์ใหญ่กลับเป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม อย่าง สงครามรัสเซีย-ยูเครน ,สงครามการค้าจีน-สหรัฐ
ขณะการเมืองในประเทศ มองมุมบวก โดยเฉพาะข่าวการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. ซึ่งภาพรวมโปรไฟล์ผู้ลงสมัครน่าสนใจกว่าทุกครั้ง ส่วนข่าวการยุบสภา กังวลระยะสั้น ต่อความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลัก เช่น คนละครึ่ง , บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อย่างไรก็ตาม ฐานะเอกชน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเต็มที่ ซึ่งทั้งปัญหาเงินเฟ้อ ,แนวโน้มค่าแรง หรือ ค่าที่ดิน ที่ดีเวลลอปเปอร์เริ่มกังวล ส่วนตัวมอง ยังไม่ใช่กับดักสำคัญ ที่จะผลักดันให้ราคาบ้านปีนี้สูงขึ้นได้ ฉะนั้น ยังเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อ และจังหวะเร่งขยายธุรกิจ
คัดทำเลลุยเปิดใหม่ 1.24 หมื่นล.
โดยปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 1.24 หมื่นล้านบาท ปรับพอร์ตโครงการบ้านเพิ่มขึ้นเพื่อรับอานิสงค์ดีมานด์ในตลาด แบ่งคอนโดฯ 60%จำนวน 5โครงการ และ บ้าน 40% จำนวน 2 โครงการ
ทั้งนี้ นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า จุดแข็งของบริษัท คือ นอกจากมีส่วนกลางขนาดใหญ่ ใช้ได้จริงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนซื้อยุคใหม่ การพัฒนาโครงการยังเน้นเรื่องทำเลที่ตั้ง เพื่อเป้าหมายยอดขายสูงถึง 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้ มองการขยายตัวของกทม. ผ่านรถไฟฟ้าสายใหม่ ,ทางด่วน เป็นการเปิดหน้าดิน เพิ่มทำเลที่อยู่อาศัยใหม่ๆของคนเมือง ถือเป็น บลูโอเชี่ยน ในการสร้างการเติบโตของบริษัท
เจาะโซนเหนือ อย่างรังสิต ปักหมุดทั้งคอนโดฯ และบ้านเดี่ยว แบรนด์แอทโมซ และ เอสต้า ในระดับราคาเข้าถึงได้ คอนโดฯเริ่มล้านต้นๆ ,บ้าน 3 ล้าน เพราะมองปีนี้เศรษฐกิจยังเปราะบาง หรือ แม้แต่มีนบุรี เบื้องต้น ตุนที่ดินติดรถไฟฟ้า 34 ไร่ เตรียมเปิดเฟสแรก (แอทโมซ โฟลว์) ก่อนขยายเฟสและขยายเป็นทาวน์ชิฟ พ่วงคอมมูนิตี้มอลล์ในอนาคต
“แผนคอนโดฯในมือมีมากกว่า 5 รอจังหวะเหมาะสม พร้อมเปิดเพิ่ม เนื่องจากมีที่ดินรออีก 3-4 แปลง จะดูทั้งอัตราการขายของคู่แข่ง ,สภาพโอมิครอน และ ปัจจัยเศรษฐกิจโลก แต่ทุกโครงการจุดแข็งหลักคือทำเล เช่น เคฟ ซีด เกษตร เราได้ที่ดินซึ่งติดสถานี ม.เกษตร คาดจะได้รับการตอบรับสูง”
เปิดไผ่ใหม่ลุยจับมือ-แตกไลน์นอกอสังหาฯ
เงินทุนก้อนแรก 2 พันล้าน จากการระดมทุน ยังเปิดโอกาสให้ ASW ขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น พบขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาของพันธมิตรทั้งไทยและ ต่างชาต เกาหลี-ญี่ปุ่น ในการร่วมทุนเพิ่มเติมอีก รวมถึงการเข้าไปลงทุนในแง่ควบรวมกิจการ M&A ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน 5-10%ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากโอกาสเสนอขายโครงการสร้างเสร็จเข้ามาเรื่อยๆ นายกรมเชษฐ์ ระบุ เป็นโอกาสสร้างรายได้และกำไรในเวลารวดเร็ว ปัจจุบันมีการพูดคุยลักษณะนี้อยู่ 3-4 ราย แต่ทั้งนี้ จะดูถึงความพร้อมของบริษัทในการรับช่วงต่อ ควบคู่กับการบริหารสต็อกพร้อมขาย 4-5 พันล้านบาทในมือด้วย
ปัจจุบัน ยังสนใจขยายกลุ่มธุรกิจสร้างรายได้ประจำเพิ่มเติม โดยในปีนี้ มีแผนลงทุนคอมมูนิตี้มอล Mingle Mall แห่งที่ 3 ในทำเลมีนบุรี 400-500 ล้านบาท หนุนรายได้ราวปีละ 30-50 ล้านบาท และ ลงทุนในธุรกิจสุขภาพและความงาม ผ่านบริษัท ดับบลิวเอชบี จำกัด หลังพบว่าตลาดดังกล่าวมีโอกาสเติบโตสูงมากในยุคนี้
“จากกลยุทธ์ 3 ขาเบื้องต้น จะรองรับสถานการณ์ปีนี้ ที่เศรษฐกิจคงไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ การมีอาชีพเดียว หรือ ธุรกิจเดียว คือ ความเสี่ยง บริษัทเองพยายามหาธุรกิจหลักใหม่ๆ ทั้งการซื้อหุ้น และจัดตั้งบริษัทใหม่ ทดลองและเสริมแกร่งการเติบโตอย่างยั่งยืน ”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘ชีวาทัย’รุกตลาด “บ้านมือสอง” ปั้นรายได้ TOP 1 ตลาดรอง
บมจ.ชีวาทัย (CHEWA) กางแผนปี 65 สู่รายได้ 3 พันล้านบาท เปิดเพิ่ม 6 โครงการ มูลค่า 5 พันล้านบาท พร้อมรุกตลาดบ้านมือสอง ผ่าน Chewa Renue หวังก้าวสู่ TOP 1 กลุ่มดีเวลลอปเปอร์ตลาดรอง รายได้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท
9 ก.พ.2565 – นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า รายได้ในปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ 2,800-3,000 ล้านบาท เนื่องจาก 2 โครงการใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก และโครงการเดิมที่ยังมี Backlog ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ 2 โครงการที่กำลังก่อสร้าง และคาดว่าจะรับรู้รายได้ตามกำหนดในปีนี้ ได้แก่
- โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า มีจำนวน 593 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,587 ล้านบาท เป็นคอนโดสูง 13 ชั้น ตั้งอยู่ติดถนนอรุณอัมรินทร์ ใกล้สะพานพระราม 8 สามารถเดินทางไปใช้รถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันได้สะดวก และยังมีบริการรถรับ-ส่งไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ อย่าง โรงพยาบาลศิริราช มีห้องให้เลือกตั้งแต่ 29–56 ตารางเมตร มาพร้อมกับระบบ Home Automation แบบเต็มระบบ ที่ถือเป็นจุดเด่นของโครงการ โดยจะพร้อมโอนและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2565
- โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 (เฟส2) มีจำนวน 380 ยูนิต มูลค่าโครงการ 994 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สไตล์ Loft ที่ตั้งอยู่บนทำเลย่านลาดพร้าว ถนนสังคมสงเคราะห์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีเทาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งยังมีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อยู่อีกด้วย มีห้องให้เลือกตั้งแต่ 26.0-45.50 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบถ้วน พร้อมโอนและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ที่รุนแรงและต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศ รวมไปถึงผู้รับเหมาและคนงานที่เป็นคู่ค้าของเราด้วย ชีวาทัยจึงได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือคู่ค้า และแบ่งเบาภาระการดูแลคนงาน ในช่วงที่มีการปิดแคมป์คนงาน ทั้งการช่วยเหลือในส่วนของอาหาร เครื่องใช้ที่จำเป็น ยารักษาโรคต่างๆ ด้วยนโยบายที่มีการวางแผนที่ดีร่วมกันกับบริษัทผู้รับเหมาพันธมิตร ทำให้การระบาดหรือปิดแคมป์คนงาน ไม่ส่งผลกระทบกับแผนการดำเนินงานก่อสร้างเดิม คาดว่าในปีนี้ทั้ง 2 โครงการใหม่ดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้ตามกำหนดในปีนี้
ด้านการลงทุน บริษัทฯ ยังวางแผนเพื่อหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม ตามเป้าหมาย 6 โครงการ ภายในปี 2565 ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค 2-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ชีวาโฮม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท
แตกไลน์ CHEWA RENUE รุกตลาดบ้านมือสอง
นอกจากธุรกิจเดิมที่พัฒนาบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยแล้ว บริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงโอกาสตลาดที่อยู่อาศัยมือสองที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยจุดขายที่สำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยมือสองคือ “ทำเล” และ “ขนาด” ที่เข้ามาตอบโจทย์วิถีการดำรงชีวิตแบบนิวนอร์มอล บริษัทฯ จึงเปิดทีมรุกธุรกิจตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง ในนาม “ CHEWA RENUE “
โดยนำจุดเด่นด้านการตรวจสอบคุณภาพ บริการหลังการขาย และเพิ่มแผนการตลาดพร้อมปรับกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงตลาดที่อยู่อาศัยมือสองให้มากขึ้น โดยคาดหวังว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายและสร้างกระแสในตลาดที่อยู่อาศัยมือสองได้เป็นอย่างดี ตั้งเป้า 3 ปี มีรายได้เพิ่มขึ้นสำหรับช่องทางนี้ 400 ล้านบาท เป็นการต่อยอดจากรายได้ในธุรกิจหลักอีกทางหนึ่ง
“ชีวาทัย” ยังคงยึดมั่นด้านคุณภาพและบริการหลังการขายจาก “ ชีวาแคร์ ” ตั้งเป้าก้าวขึ้นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ สำหรับกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ช่วงรายได้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้ารักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีและมีคุณภาพสูงสุด ตั้งแต่บริการก่อนการขายตลอดจนถึงบริการหลังการขาย โดยในปี 2564 บริษัทได้ผลการดำเนินงานด้านคุณภาพอยู่ในระดับที่ดีมาก มีอัตราส่วนการตรวจรับห้องครั้งแรก ( ZERO DEFECT) สูงถึง 90% ในโครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 เฟส 1 และกว่า 85% ที่โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค จรัญ 13 ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับอัตราปกติในตลาด
นอกจากนี้ ยังคงส่งมอบความช่วยเหลือสังคม ชุมชน และลูกค้าผ่านโครงการของชีวาแคร์ ทั้งมีการจัดทีมเข้าพ่นฆ่าเชื้อให้ลูกค้าที่บ้าน ส่งมอบอาหารและของใช้จำเป็นแก่ผู้ติดเชื้อ ดูแลประสานงานหน่วยงานท้องถิ่นในการหาเตียงเพื่อการรักษา และยังเพิ่มมาตรการการดูแลบ้านของลูกค้าที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกด้วย ” นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หุ้นสหรัฐปิดพุ่ง /น้ำมัน,ทองบวก
หุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่ง 305.28 จุด ด้านราคาน้ำมันขึ้น 30 เซนต์ ขณะที่ทองคำบวก 8.70 ดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,768.06 จุด เพิ่มขึ้น 305.28 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,587.18 จุด เพิ่มขึ้น 65.64 จุด หรือ +1.45% และดัชนี แนสแดค ปิดที่ 14,490.37 จุด เพิ่มขึ้น 295.92 จุด หรือ +2.08% ได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ ปิดที่ 89.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ ปิดที่ 91.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯรายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ลดลงถึง 4.8 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหลือ 410.4 ล้านบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018
ราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 8.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,836.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
การท่าเรือ ปลดล็อค! ทุบ สุพรรณบุรี 2-0 ศึกรีโว่ ไทยลีก
การท่าเรือ เอฟซี ปลดล็อคเอาชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี ไปได้ 2-0 หยุดสถิติไร้ชัย 6 นัดติด เปิดบ้านเฉือน สุพรรณบุรี 2-0
ศึกรีโว่ ไทยลีก 2021-22 นัดตกค้าง ที่แพท สเตเดียม เจ้าถิ่น การท่าเรือ เอฟซี อันดับ 8 ของตาราง เปิดบ้านพบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี อันดับ 12 ของตาราง
สิงห์เจ้าท่า ยังไม่ชนะใครในช่วงเลกสอง โดยเกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งาน เซร์คิโอ ซัวเรส จอมทัพชาวสเปน ที่ติดโทษแบน ทำให้ส่ง อดิศักดิ์ ไกรษร ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ เนลสัน โบนิญา
ส่วน ช้างศึกยุทธหัตถี ได้ วิลเลียน เอ็นริเก แนวรุกตัวเก่ง หายป่วยกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง พร้อมปรับมายืนกองหลัง 4 คน นำโดยแกนหลักชุดเดิมอย่าง จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ , นัสตพล มาลาพันธ์ และ ดานิโล อัลเวส
ผลปรากฎว่า เกมครึ่งเวลาแรก มีประตูเดียวเกิดขึ้น และเป็นฝั่งกองเชียร์เจ้าบ้านได้เฮจากการยิงของ บดินทร์ ผาลา นาทีที่ 28 ทำให้ การท่าเรือ เอฟซี ออกนำ สุพรรณบุรี เอฟซี ไปก่อน 1-0
ครึ่งหลัง ทีมเยือนพยายามบุกหวังตีเสมอ แต่นักเตะสิงห์เจ้าท่าสู้กันสุดฤทธิ์ และช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+4 มาได้ประตูตอกฝาโลงจากตัวสำรอง ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา
จบเกม เปิดบ้านชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี 2-0 ปลดล็อคคว้าชัยชนะในช่วงเลกที่สองได้สำเร็จ หลังก่อนหน้านี้ ไร้ชัยมา 6 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิถี Café Hopping ห้ามพลาด! กับ How to วิธีสั่งเครื่องดื่มในร้านกาแฟหรือคาเฟ่ ให้ดูสมาร์ท
เชื่อว่าหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็นคอกาแฟหรือไม่ล้วนต้องเคยเข้าร้านกาแฟเพื่อไปนั่งชิล หรือติวหนังสือ หรือ อยากหาที่เงียบๆ ให้ตัวเองได้คิดกันบ้าง อ๊ะ ลืมเลยไม่แน่บ้างคนอาจจะไปจู๋จี้กับแฟน วันนี้เราจะมาพูดถึง ประโยคภาษาอังกฤษต่างๆ กัน เผื่อเพื่อนๆ หลายคนได้มีโอกาสเข้าร้านที่ต่างประเทศ
เริ่มแรกเมื่อเข้าไปในร้านคงหนีไม่พ้นพนักงานหรือ Barista ถามเราว่า
What can I get for you? (วันนี้รับอะไรดีคะ/ครับ) หรือ Are you ready to order?
(คุณลูกค้าพร้อมจะสั่งออเดอร์หรือยังคะ/ครับ)
ซึ่งทั้งสองประโยคนี้ก็จะเป็นประโยคที่ได้ยินบ่อย
จากนั้นเราก็สั่ง Yes I’d like a cup of… ( coffee ) หรือเครื่องดื่มตามที่เราต้องการ
ซึ่งเครื่องดื่มและขนมในร้านค้ามีหลากหลายสิ่งที่เราเพิ่มเข้าไปในประโยคเพื่อความชัดเจนมากขึ้นอาจจะเป็น สรรพนาม ของสิ่งที่เราต้องการที่จะสั่งเช่น
Cup of coffee (สิ่งที่เป็นถ้วย)
Pot of tea (กาน้ำชา)
Slice of pineapple pie (เป็นชิ้นหรือสิ่งที่สามารถหันแบ่งได้)
Bottle of water (ขวดน้ำ)
หรือเราอาจสั่งเป็น Size ได้ เช่น Small , medium , large ตัวอย่าง เช่น
– Can I get a medium coffee, please? ซึ่งแปลว่า ฉันขอกาแฟแก้วกลางหนึ่งแก้วคะ/ครับ
แต่ถ้าหากเราเป็นคนรักสุขภาพก็อาจจะบอกเพิ่มว่า
– Can I get a medium coffee, please? With cream but no sugar
ฉันขอกาแฟแก้วกลางหนึ่งแก้วคะ/ครับใส่ครีมด้วย แต่ไม่เอาน้ำตาลเลยนะคะ
For Here or to go ประโยคนี้มีความหมายว่าเราจะดื่มกาแฟที่นี่หรือกลับบ้าน ซึ่งพนักงานมักจะถามเราเสมอเพื่อที่จะเตรียมถุงหรือบรรจุภัณฑ์ให้เราในกรณีเราสั่งกลับบ้าน
ในส่วนของสุดท้ายจะเป็นขั้นตอนสรุปยอด พนักงานมักจะพูดว่า
– So, total it’s going to be 6 dollar and 5 cents
ทั้งหมดจะเป็น 6 ดอลลาร์ กับ 5 เซน (ประมาณ 200 บาท)
ซึ่งถ้าหากเราป๋าพอ เราจะสามารถบอกว่าไม่เอาเงินทอนเป็นได้เลยคือ
– Keep the change หรือ เก็บเงินทอนไว้ ทิป
ก่อนจากกันไป สำหรับเครื่องดื่ม ทาง Engnow ก็นำมาฝากตามด้านล่างเลยนะ สำหรับใช้สถานการณ์ต่างๆ
- tea ชา ( ส่วนมากจะเป็นชาร้อน )
- iced tea ชาเย็น ( ของบ้านเค้าอาจจะเป็นคล้ายกับชาลิปตันบ้านเรา จะไม่ใช่ชานมบ้านเรา )
- green tea ชาเขียว
- black tea ชา
- Cold , hot chocolate ช็อคโกแลตร้อน
- iced coffee กาแฟเย็น
- black coffee กาแฟดำ ( นิยมมาก )
- juice น้ำผลไม้
- lemonade น้ำมะนาว
- milkshake นมปั่น ( นิยมมาก )
- orange juice น้ำส้ม
- smoothie น้ำผลไม้ปั่น ( นิยมมาก )
- soft drink น้ำอัดลมบ้านเราพวก โค้ก สไปรท์
- mineral water น้ำแร่
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Chula UTC ติดปีกปั้นสตาร์ทอัพสาย Deep Tech ด้าน AI-Medtech
UTC เร่งสปีดนวัตกรรมจากเทคโนโลยี Deep Tech ด้าน AI และ MedTech เพื่อผลักดันงานวิจัยให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริหารที่สามารถตอบโจทย์ และสร้างประโยชน์แก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
อาจารย์ ดร.ศันธยา กิตติโกวิท ผู้อำนวยการศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Chulalongkorn University Technology Center (UTC) ศูนย์บ่มเพาะ และเร่งสปีดนวัตกรรมจากเทคโนโลยี Deep Tech กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่า หลายประเทศเผชิญกับการดิสรัปของเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คน และถูกนำมาปรับใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆ แก้ไขข้อบกพร่อง เพิ่มประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนองค์กรยุคใหม่ให้เดินหน้าต่อไปได้แบบติดสปีด
UTC Demo Day เป็นการรวมสุดยอดนวัตกรรมที่เป็นผลงานวิจัยจากเทคโนโลยีเชิงลึกจากนวัตกรไทยมาไว้ในที่เดียว และตอบโจทย์การเป็น Gateway ที่เชื่อมนักพัฒนาและนักลงทุนมาไว้ด้วยกัน ก่อเกิดเป็นเครือข่ายที่ทรงพลัง และสามารถต่อยอดให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และออกสู่ตลาดได้จริง เสริมสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ และเพิ่มมูลค่าให้องค์กรได้ในทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมไทยให้อย่างยั่งยืน
ดร.ประวีร์ เครือโชติกุล หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สำหรับงาน UTC Demo Day ในปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากพันธมิตรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน มีผู้เข้าร่วมงานผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมากจากหลากหลายวงการ ทั้งนักวิจัย นักวิชาการ หน่วยงานราชการ องค์กรเอกชนชั้นนำ นักลงทุน ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ บริษัทสตาร์ทอัพ สมาคมการค้า สถานศึกษา และนักเรียนนักศึกษา อาทิ เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด, โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ, ทรู คอร์ปอเรชั่น, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), เครือเบทาโกร, LINE MAN, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เป็นต้น
โดยมุ่งหวังที่จะเป็นเพชรเม็ดงามที่น่าสนใจ และมีศักยภาพในการนำมาต่อยอดสู่การเป็นธุรกิจ Deep Tech Startup ในอนาคต ภายในงานนอกจากจะได้รับฟังการนำเสนอผลงานนวัตกรรมจาก 15 ทีมที่โดดเด่นแล้ว ยังมีนิทรรศการออนไลน์แสดงนวัตกรรมด้าน AI และ MedTech อีกกว่า 30 ผลงาน รวมไปถึงการเสวนาจากกูรูเทคระดับอินเตอร์ ได้แก่ ดร. นัยวุฒิ วงษ์โคเมท ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการ บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), ดร. เอธิกาน กานดาซามี คารุเพีย ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี จากเอ็นวิเดีย, ดร. โจฮาน บาร์ธเธลมี อาจารประจำมหาวิทยาลัยวูลล็องก็อง ประเทศออสเตรเลีย และวิลเลียม ลี รองผู้อำนวยการ ประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ที่ได้มาเล่าประสบการณ์การทำ Spin-off จากงานวิจัย
“จากความสนใจ และการตอบรับร่วมงานขององค์กรขนาดใหญ่ทั้งใน และต่างประเทศ ประกอบกับผลการวิจัยในหัวข้อ Thailand Digital Technology Foresight 2035 ที่ทำร่วมกันระหว่าง Frost & Sullivan และ depa ที่คาดการณ์ว่า มูลค่าของตลาด AI ในประเทศไทยจะแตะแสนกว่าล้านบาท ภายใน 8 ปีข้างหน้า และมีโอกาสสูงถึงเกือบสองแสนล้าน ภายในปี 2035 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสื่อสาร, โทรคมนาคม, สุขภาพ, เมืองอัจฉริยะ และความมั่นคงของประเทศ รวมไปถึง Krungsri Research 2020 ที่เผยว่า ตลาด MedTech ของประเทศไทยในปัจจุบันมีมูลค่าราว ห้าหมื่นล้านบาท และคาดจะโตเฉลี่ยราว 6.5% โดยมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการด้านเครื่องมือทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยเพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการวินิจฉัยโรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง จึงเป็นเสียงสะท้อนที่ชัดเจนถึงเทรนด์ และแนวโน้มการเติบโตของ AI และ MedTech ในประเทศไทยว่า มี Demand ในตลาดมาก และสามารถขยายตัวไปได้อีกไกล”
สำหรับ 15 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกให้นำเสนอผลงานกับนักลงทุน และองค์กรชั้นนำ ประกอบด้วย MyCourseVille แพล็ตฟอร์มบริหารการเรียนการศึกษาแบบออนไลน์สำหรับทุกช่วงวัย, Eikonnex AI ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการอ่านภาษาไทยด้วยภาพ (OCR), ICDguide ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อจำแนกรหัส ICD จากเวชระเบียน, Gowajee แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์เพื่อการประมวลผลการพูด ฟัง และทำความเข้าใจภาษาไทย, DeepGI ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการระบุติ่งเนื้อในการตรวจลำไส้ใหญ่จากกล้องส่องภายใน, Chest X-Ray Interpreter ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการอ่านผลภาพเอ็กซ์เรย์ทรวงอกอัจฉริยะ, KRx ชุดทดสอบกลิ่น, Pass อุปกรณ์เสริมเพื่อการอัลตราซาวด์หาตำแหน่งในการเจาะน้ำไขสันหลัง, Digital Cognitive Diagnosis Platform ระบบวินิจฉัยคัดกรองผู้ป่วยบกพร่องทางความคิดด้วยปัญญาประดิษฐ์, Stroke Subtype Classification System ระบบจำแนกประเภทของโรคหลอดเลือดสมองด้วยปัญญาประดิษฐ์, UV Irradiance Prediction ระบบและทำนายปริมาณรังสียูวีแบบอัตโนมัติสำหรับการรักษาทางไกล, Cancer Neoantigen Discovery ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการค้นหานีโอแอนติเจนเพื่อการรักษามะเร็ง, I-FARM PIG ระบบติดตามและจัดการฟาร์มปศุสัตว์สุกรด้วยปัญญาประดิษฐ์ และ IoT และ ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการตรวจจับความผิดปกติของท่อส่งใต้ท้องทะเลแบบอัตโนมัติ”
“เราจะเป็นหน่วยงานที่ผลักดันนวัตกรรมไทยจากเทคโนโลยีเชิงลึกอย่างจริงจัง ขับเคลื่อน Deep Tech Startup ให้เกิดขึ้นจริง และสามารถผลักดันผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ตอบรับและตอบโจทย์ความท้าทายต่างๆ ระดับประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้เจริญก้าวหน้าทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เคล็ด(ไม่)ลับ! รวมวิธีดูแลพื้นไม้ ให้สวยสดเหมือนใหม่ตลอดเวลา ฉบับคนรักบ้านสไตล์ BuilderNews
RECAP
– พื้นไม้ เป็นวัสดุสุดคลาสสิก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ยังเป็นที่นิยมเสมอ
– พื้นไม้ แบ่งประเภทได้เป็น ไม้เนื้อแข็ง (Hard Wood) และไม้เนื้ออ่อน (Soft Wood)
– ข้อดี: แข็งแรงมาก ทนแรงกระแทกได้ดี รับน้ำหนักได้เยอะ หากเคลือบและขัดเงาอย่างดีจะสร้างเกราะให้พื้นไม้ของคุณ
– ข้อเสีย: ผุพังง่าย ปลวกถามหา หากไม่วางแผนโครงสร้างให้ดี หรือไม่เคลือบน้ำยาที่เหมาะสม
– เทคโนโลยี CORE SHELL POLYMER ในสีย้อมไม้พื้น จะช่วยให้เนื้อฟิล์มสีซึมลึกเข้าไปในเนื้อไม้ รักษาเนื้อไม้ให้ทนทานต่อรอยขีดข่วน
“พื้นไม้” หนึ่งในวัสดุยอดนิยมของผู้ที่ชื่นชอบในงานไม้ เป็นวัสดุที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษไม่แพ้บริเวณอื่น ๆ เพราะเป็นส่วนที่ต้องได้รับการสัมผัสจากผู้คนในบ้านประจำทุก ๆ วัน หากได้รับการดูแลที่ไม่ดี ก็อาจจะทำให้พื้นไม้ที่คุณรักทรุดโทรมตามสภาพการใช้งาน และยังมีเจ้าฝุ่นร้าย คราบสกปรก หรือรอยขีดข่วนอันเกิดจากความไม่ตั้งใจ มาเร่งระยะเวลาให้พื้นไม้เก่าลงได้
หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น คงสร้างความเศร้าใจให้กับเจ้าของบ้านได้อย่างแน่นอน ซ้ำร้ายหากดูแลไม่ดีก็อาจจะทำให้ไม้ชำรุด เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับคนในครอบครัวอย่างแน่นอน
วันนี้ BuilderNews นำวิธีดูแลพื้นไม้มาฝากพ่อบ้าน-แม่บ้านที่รักในงานไม้ ได้บำรุงรักษาให้พื้นไม้ที่คุณรัก ให้สะอาด เงางาม เหมือนใหม่อยู่เสมอ
หมั่นทำความสะอาดทุกวัน
การทำความสะอาดเป็นเรื่องปกติอยู่ที่แล้วเราควรจะต้องทำ ทั้งกวาด, ดูดฝุ่น, เช็ดถูด้วยผ้าหมาด ๆ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดรอยขีดข่วนได้ สำหรับน้ำยาทำความสะอาดนั้น ก็ทำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอ
คำเตือน: ไม่ควรใช้ผ้าหรือไม้ถูที่เปียกโชกชุ่มไปด้วยน้ำนะ เพราะอาจทำให้พื้นไม้ของเราบวมได้ ถึงจะไม่บวมเร็ว ๆ นี้ แต่ส่งผลระยะยาวแน่นอน
หากเกิดคราบน้ำหรือรอยต่าง ๆ ให้เช็ดออกทันที
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าเผลอทำน้ำหก ลากเก้าอี้ด้วยความไม่ตั้งใจ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะทำให้พื้นไม้ที่คุณรักเป็นรอยแล้วละก็ ให้รีบหาผ้ามาเช็ดคราบน้ำหรือรอยนั้นออกทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดรอยด่าง ไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม ดังนั้นต้องรีบเช็ดทำความสะอาดให้ไว
ห้าม! ใช้น้ำยาผิดประเภทโดยเด็ดขาด
น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาล้างรถ ใช่ครับ น้ำยาเหล่านี้ไม่สามารถนำมาใช้กับพื้นไม้ไม่ได้ ด้วยความเข้มข้นของสารเคมีสามารถกัดกร่อนพื้นไม้ของคุณได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นควรใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้เฉพาะทางจะดีที่สุด น้ำยาอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าหาใช้เด็ดขาด!
ห้าม! ใช้ WAX ทาลงบนพื้นไม้
ไม่ควรลง WAX บนพื้นไม้ เพราะผิวหน้าไม้นั้น ได้เคลือบเงาไว้แล้วเรียบร้อย เมื่อเราอยากให้ไม้เงาขึ้นพอเราลง WAX ซ้ำลงไป ตัว WAX จะไปกัด Lacquer บนผิวไม้ออก
ลองใช้อุปกรณ์ในครัวของคุณ
น้ำมันมะกอกผสมน้ำส้มสายชูในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นนำผ้าสะอาด ๆ มาชุบ บิดให้หมาด จากนั้นนำไปเช็ดทำความสะอาด น้ำมันมะกอกจะช่วยเคลือบไม้ให้ดูเงา
หรือถ้าพื้นไม้มีคราบไขมัน ที่เกิดขึ้นจากอะไรก็ตาม สามารถใช้เกลือป่นมาโรยบริเวณที่เกิดคราบโดยทันที ทิ้งไว้สัก 5 นาที แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น บิดหมาด ๆ เช็ดออกจนสะอาด คราบไขมันก็จะหายไป
ก็ขัดหรือย้อมไปเลยสิคะ
เมื่อใช้พื้นไม้ไปสักระยะหนึ่งแล้ว พื้นไม้อาจซีดจางตามกาลเวลา ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายใน นั่นอาจส่งผลไม่ดีกับผู้อยู่อาศัยเวลากลับมาถึงบ้าน “โอโห้! ทำไมมันซีดอย่างนี้” ถึงเวลาที่จะต้องขัดสีฉวีวรรณ เพราะพื้นไม้สามารถขัดและเคลือบผิวใหม่ได้ ให้กลับมาดูสวยงามอีกครั้ง ซึ่งการขัดพื้นไม้นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับความหนาของผิวหน้า
และการได้สีย้อมไม้คุณภาพมาช่วยดูแลพื้นไม้ที่คุณรัก ย่อมเป็นเรื่องดีทั้งกับเจ้าของบ้านและพื้นไม้ของคุณ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้สิ่งที่เรารักทรุดโทรม หรือชำรุดเสียหาย หันมาดูแลใส่ใจสักหน่อยก็จะยืดอายุการใช้งานเพิ่มขึ้น หากชำรุดจริง ๆ ก็ต้องแก้ไขตามสถานการณ์กันไป
“สีย้อมไม้พื้นสูตรน้ำ WATER BASED DECKING STAIN จาก RTB ผู้นำเรื่องสีสูตรน้ำ” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำสำหรับผู้อ่านที่กำลังหาตัวช่วยในการดูแลรักษาไม้อยู่
เพราะใช้งานง่าย เปิดฝาทาได้เลย ไม่ต้องผสม แห้งไวไร้กลิ่นฉุน ด้วยเทคโนโลยี CORE SHELL POLYMER จากประเทศเยอรมนี ช่วยให้เนื้อฟิล์มสีซึมลึกเข้าไปในเนื้อไม้ รักษาเนื้อไม้ให้ทนทานต่อรอยขีดข่วน และการเหยียบย่ำ ป้องกันแมลงกัดกินเนื้อไม้ เชื้อรา และตะไคร่น้ำ รวมทั้งป้องกันรังสี UV ทำให้ฟิล์มสีไม่แตกและหลุดล่อน ช่วยยืดอายุการใช้งานของงานไม้ให้ยาวนานขึ้น และเนื้อฟิล์มสีกึ่งโปร่งแสงให้ความสวยงาม และโชว์ลายไม้จริงตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับไม้พื้นทั้งภายนอกและภายใน เช่น พื้นระเบียง ไม้บันได ชานระเบียง พื้นบริเวณริมสระน้ำ เป็นต้น แห้งเร็วภายใน 30 นาที ทาทับได้ภายใน 45 นาที
คุณสมบัติเด่น
-ปลอดภัย มาตรฐานจากยุโรป EN-71 Certified
-แห้งเร็วภายใน 30 นาที ทาทับได้ภายใน 45 นาที
-ป้องกันน้ำซึมเข้าเนื้อไม้ แต่ไม้สามารถคายความชื้นออกมาได้
-ใช้งานได้ทันทีไม่ต้องผสมทินเนอร์ คงทนกว่าสีย้อมไม้สูตรน้ำมันถึง 4 เท่า
“ทุกอย่างย่อมมีระยะเวลาของมัน” ไม้ก็เช่นเดียวกัน จริงอยู่ที่ไม้เป็นวัสดุที่ค่อนข้างแข็งแรง ยิ่งได้รับการเคลือบมาอย่างดีในครั้งแรกนั้น ไม้จะอยู่กับเราไปอีกยาวนานอย่างแน่นอน แต่หากเราใช้งานอย่างปล่อยปละ ละเลย อายุของไม้ก็จะสั้นลงอย่างแน่นอน ฉะนั้นการได้รับการดูแลที่ดี ย่อมเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมา “สีย้อมไม้ RTB DECKING STAIN สูตรน้ำ” สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการไม่ว่าจะเป็นการรีโนเวทงานไม้ คืนชีพไม้เก่า ไม้ชำรุด เพียงแค่ทา ก็เหมือนได้พื้นไม้ใหม่มาใช้ ใครกำลังมองหาสีย้อมไม้แจ่ม ๆ จดชื่อ เซฟรูป วิ่งไปร้านขายวัสดุก่อสร้างแล้วสั่งมาทาเองได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/02/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,350.00 | 28,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,836.00 | 27,833.76 | 28,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,652.40 | 25,050.38 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,468.80 | 22,267.01 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 826.00 | 12,522.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 643.00 | 9,747.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,903.00 | 28,849.48 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/02/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.05 | 35.05 | 35.15 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 35.25 | 35.05 | 35.05 | 35.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.78 | 34.78 | 34.88 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 34.98 | 34.78 | 34.78 | 34.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.94 | 33.94 | 34.04 | 33.94 | 33.94 | – | 34.14 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 27.24 | 27.24 | – | – | – | – | – | – | – | 27.24 |
เบนซิน 95 | 42.46 | – | – | – | 42.91 | – | 43.16 | 42.96 | – | 42.46 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 31.14 | 30.44 | 30.44 | 29.94 | 30.34 | 30.24 | 30.44 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 31.14 | 30.44 | 30.44 | 29.94 | 30.34 | 30.24 | 30.44 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 31.14 | – | 30.44 | – | 30.34 | 30.24 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 37.59 | 36.96 | 37.19 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | – | – | – | – | – | – | – | – | – | – |