สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565

เอไอเอปักหมุด“AIA East Gatewayสำนักงานให้เช่าแห่งที่ 3”บูมทำเลทองบางนา

เอไอเอปักหมุด“AIA East Gatewayสำนักงานให้เช่าแห่งที่ 3”บูมทำเลทองบางนา

เอไอเอ ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวอาคารสำนักงานระดับพรีเมียมพร้อมพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าแห่งใหม่ “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” (AIA East Gateway) ติดถนนบางนา-ตราด กม.4.5 ถือเป็นอสังหาฯแห่งที่ 3 ของเอไอเอ หลังประสบความสำเร็จจากอาคารสำนักงานให้เช่า2โครงการ

บางนาหนึ่งในทำเลศักยภาพโซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ขยายการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟฟ้า ทางพิเศษ(ทางด่วน) สนามบินสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังเป็นเกตเวย์เชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีและเป็นเส้นทางสายหลักเชื่อมเข้ากรุงเทพฯชั้นในได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ นักลงทุนชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติปักหมุดขึ้นโครงการเป็นจำนวนมาก

 นายโยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องภายใต้วิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ต้องการขยายฐานการลงทุนเพิ่มในธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือไปจากธุรกิจประกันชีวิตที่เป็นธุรกิจหลัก

เพื่อมีส่วนช่วยเป็นกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย และตอบรับไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพของคนไทยในยุค Next Normal ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เอไอเอประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียมไปแล้ว 2 โครงการ

เอไอเอปักหมุด“AIA East Gatewayสำนักงานให้เช่าแห่งที่ 3”บูมทำเลทองบางนา

โครงการ คือ อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์  บนถนนรัชดาภิเษก และอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ย่านสาทร ปัจจุบันทั้ง 2 อาคารมีอัตราการเช่าสูงถึง 90% สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้น ในปีนี้เอไอเอเตรียมจะเปิดตัวอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียมแห่งที่ 3 “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด กม.4.5  ซึ่งจะช่วยรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัทและนักลงทุนชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เอไอเอปักหมุด“AIA East Gatewayสำนักงานให้เช่าแห่งที่ 3”บูมทำเลทองบางนา

ทั้งนี้ เอไอเอมองเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจของย่านบางนา-ตราด ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะเป็นย่าน New CBD หรือศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ย่านกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก อีกทั้งยังสะดวกในด้านการคมนาคม และระบบขนส่งทางราง

ที่มีทั้งรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการกลางปีนี้ โดยที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีเอี่ยมประมาณ 350 เมตรเท่านั้น รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเส้นนี้สามารถพาคนเข้า-ออกตัวเมืองได้ง่ายมากขึ้น ตั้งแต่ลาดพร้าวจนถึงสำโรง และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าในอนาคตได้อีกหลายเส้นทาง อาทิ สายสีน้ำเงิน สายสีเทา สายสีส้ม สายสีชมพู Airport Rail Link และสายสีเขียว เป็นต้น

สำหรับอาคาร เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็นอาคารสำนักงานสูง 33 ชั้น คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 136,000 ตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งตามแผนงานก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ โดยตัวอาคารถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ใช้สอยอาคารตามเกณฑ์มาตรฐานของ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard ระดับโกลด์

สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอไอเอ “Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ เพื่อสนับสนุนให้ผู้เช่าได้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีระดับเวิลด์คลาส อาทิ AIA Vitality Zone ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับให้ผู้ใช้สอยภายในอาคารสามารถเข้ามาใช้ทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพได้

นอกจากนี้ยังมีสวนผักออร์แกนิก (Urban Farming) ฟิตเนสเซ็นเตอร์ครบวงจร Trail Network Rooftop Running Track สระว่ายน้ำระบบเกลือ และ Co-Working Area พร้อมความสะดวกสบายด้วยที่จอดรถมากกว่า 1,500 คัน

ด้าน นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากศักยภาพและความโดดเด่นของอาคาร เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ รวมถึงทำเลที่ตั้งที่อยู่ในย่าน New CBD บนถนนบางนา-ตราด กม.4.5 ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่มีความโดดเด่น

ทั้งในเรื่องของความสูงภายในพื้นที่สำนักงานที่สูงถึง 3 เมตร มีดีไซน์ที่ล้ำสมัย โดยใช้เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานตามมาตรฐานระดับสากล และคำนึงถึงคุณภาพของสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ค้าปลีก สวนพักผ่อน และสถานที่ออกกำลังกายให้กับคนที่ทำงานอยู่ในอาคารแห่งนี้ได้ใช้บริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้เช่าที่มองหาพื้นที่สำนักงานที่มีคุณภาพ รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้สอยภายในอาคารด้วย”

สำหรับพื้นที่ใช้สอยของอาคารทั้งหมดมีประมาณ 70,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีก 5 ชั้น ประมาณ 10,000 ตารางเมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 20 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่รีเทลชั้น 1-3 มีทั้งร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อ พื้นที่ฟิตเนส และสระว่ายน้ำบนชั้น 4 และพื้นที่ Co-Working Space บนชั้น 4-5 ส่วนพื้นที่สำนักงานให้เช่าทั้งหมดประมาณ 60,000 ตารางเมตร จะตั้งอยู่บนชั้น 6 – 33 ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 85 ตางรางเมตร ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มชั้น 2,270 ตางรางเมตร

เอไอเอปักหมุด“AIA East Gatewayสำนักงานให้เช่าแห่งที่ 3”บูมทำเลทองบางนา

โดยสามารถจัดสรรพื้นที่การทำงานได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ พื้นที่ระหว่างชั้นยังสามารถติดตั้งบันไดภายในออฟฟิศได้เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน เน้นความโปร่งโล่งด้วยความสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดาน 3 เมตร ที่สำคัญไม่มีเสากั้นกลางพื้นที่เช่า ทำให้ใช้สอยพื้นที่ได้ทุกตารางเมตร โดยคิดอัตราค่าเช่าเปิดตัวที่ 700 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เอไอเอปักหมุด“AIA East Gatewayสำนักงานให้เช่าแห่งที่ 3”บูมทำเลทองบางนา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เปิด7ข้อกทม.นำร่องขยายเวลาชำระภาษีที่ดิน  ถึง มิ.ย.2565

เปิด7ข้อกทม.นำร่องขยายเวลาชำระภาษีที่ดิน  ถึง มิ.ย.2565

เปิด7ข้อกทม.นำร่องขยายเวลาชำระภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างถึง จากเดิมภายในเดือนเมษายน ให้ชำระได้ถึงเดือนมิถุนายน 2565

มีการประเมินกันว่า นอกจากประชาชนเจ้าของกิจการจะได้รับผลกระทบจากโควิด เศรษฐกิจซบเซาแล้ว ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ ซ้ำเติมค่าครองชีพเจ้าของที่ดินที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีดังกล่าว ส่งผลให้กรุงเทพมหานคร(กทม.)หนึ่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจึงมีนโยบายขยายเวลาชำระเงินสำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำปี2565ออกไป

ทั้งนี้เมื่อ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565  นางสุธาทิพย์ สนเอี่ยม รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) แจ้งว่า กทม.ได้ขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ดังนี้ 

1.ขยายกำหนดเวลาการจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกาศ พร้อมทั้งจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผู้เสียภาษีแต่ละรายทราบ จากภายในเดือนมกราคม เป็นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565  

2.ขยายกำหนดเวลาการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บและรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษี จากก่อนวันที่ 16 มีนาคม เป็นก่อนวันที่ 16 เมษายน 2565 

3.ขยายกำหนดเวลาการแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี จากภายในเดือนมีนาคม เป็นภายในเดือนเมษายน 2565 

4.ขยายกำหนดเวลาการชำระภาษีตามแบบแจ้งการประเมินภาษี จากภายในเดือนเมษายน เป็นภายในเดือนมิถุนายน 2565  

5.ขยายกำหนดเวลาการผ่อนชำระภาษี ดังนี้ งวดที่ 1 จากภายในเดือนเมษายน เป็นภายในเดือนมิถุนายน 2565 งวดที่ 2 จากภายในเดือนพฤษภาคม เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2565  และงวดที่ 3 จากภายในเดือนมิถุนายน เป็นภายในเดือนสิงหาคม 2565 

6.ขยายกำหนดเวลาการมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ จากภายในเดือนพฤษภาคม เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2565  

7.ขยายกำหนดเวลาการแจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขาทราบ จากภายในเดือนมิถุนายน เป็นภายในเดือนสิงหาคม 2565 

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ กองรายได้ สำนักการคลัง โทร. 02-224-8266 หรือฝ่ายรายได้ สำนักงานเขต ทั้ง 50 เขต 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 32.45 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าต่อเนื่อง

บาทเปิด 32.45 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าต่อเนื่อง

เงินบาทเปิดตลาด 32.45 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าต่อเนื่อง กังวลสถานการณ์ยูเครนรุนแรง ให้กรอบ 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.45 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่องจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์ หลังนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงหันมาถือครองดูอลลาร์จากความกังวลต่อสถานการณ์ยูเครนที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น

“บาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ เพราะนักลงทุนปิดรับความเสี่ยง โดยตลาดจับตาดูสถานการณ์ยูเครนที่เกรงว่าอาจรุนแรงเกินกว่าการตอบโต้ทางการค้าและการลงทุน” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.30 – 32.50 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


“ส.ว่ายน้ำ” พอใจผลงานนักกีฬาพบดาวรุ่งเเจ้งเกิดเพียบ ในรายการชิงเเชมป์ประเทศไทย

"ส.ว่ายน้ำ" พอใจผลงานนักกีฬาพบดาวรุ่งเเจ้งเกิดเพียบ ในรายการชิงเเชมป์ประเทศไทย

สมาคมกีฬาว่ายน้ำฯพอใจผลงานนักกีฬา ในรายการชิงเเชมป์ประเทศไทย รอบคัดเลือก พบดาวรุ่งเเจ้งเกิดเพียบ หวังเห็นพัฒนาการต่อยอดให้ถึงเส้นทางทีมชาติ

พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อุปนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำเเห่งประเทศไทย กล่าวถึงการเเข่งขันกีฬาว่ายน้ำชิงชนะเลิศเเห่งประเทศไทย ของภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ประจำปี2565 ที่เพิ่งจบไปว่า “รู้สึกดีใจกับพัฒนาการของนักกีฬาที่เข้าร่วมเเข่งขันในรายการนี้ โดยในเดือน ก.พ. ทางสมาคมฯ ได้เปิดโอกาสให้นักกีฬาในโซนภาคใต้ ,ภาคกลาง เเละภาคอีสาน ได้ลงทดสอบความสามารถเเละโชว์ศักยภาพทางกีฬาว่ายน้ำอย่างเต็มที่ หลังติดปัญหาการระบาดของโควิด-19 ทำให้การเเข่งขันต้องหยุดชะงัก เพื่อคัดเลือกผู้ที่ทำผลงานดีเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในช่วงเดือน เม.ย.”

พล.อ.ศิริชัย กล่าวต่อว่า” ในส่วนผลงานปรากฏว่า โซนภาคใต้ หรือภาค4 จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ระหว่างวันที่11-13ก.พ.65 มีนักกีฬาเข้าร่วม 245 คน พบว่าสโมสรสมาชิกสามารถพัฒนานักกีฬาจนทำลายสถิติหลายรายการ โดยเฉพาะนักกีฬาดาวรุ่ง อายุ 13-15ปี เเจ้งเกิดอย่างมากมาย ขณะที่โซนภาคกลาง 1 เเข่งขันที่มหาวิทยาลัยการกีฬาเเห่งชาติ จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่18-20ก.พ.65 นักกีฬาทั้ง454 คน จาก 57 สโมสรที่เข้าร่วม เเสดงให้เห็นถึงพัฒนาการเเละสภาพร่างกายของนักกีฬาหน้าใหม่ที่เเข็งเเกร่ง”

เช่นเดียวกับโซนภาคอีสานหรือภาค 3 จัดขึ้นเป็นครั้งเเรกที่ จ.นครพนม โรงเรียนนครพนมวิทยาคม สร้างความตื่นตัวให้กับบรรดานักกีฬาเเละผู้ปกครอง รวมถึง 35 สโมสรสมาชิกเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นการเรียกกระเเสการเเข่งขันว่ายน้ำของภาคอีสานให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

พล.อ.ศิริชัย กล่าวอีกว่า “อย่างไรก็ตามทางสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ ต้องการเห็นพัฒนาการนักกีฬาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดเส้นทางสู่ทีมชาติในอนาคต หวังว่าหลังจากนี้หากมีการเปิดใช้สระว่ายน้ำได้ทั่วประเทศ ทุกคนจะกลับมาฝึกซ้อมเเละทำเวลาได้ดียิ่งขึ้น โดยมีรายการสำคัญรออยู่ในช่วงเดือนมี.ค. คือการเเข่งขันว่ายน้ำชิงชนะเลิศเเห่งประเทศไทย โซนกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่17-20 มี.ค. 65 เเละโซนภาคเหนือ หรือภาค 5 ที่ จ.อุตรดิตถ์ ระหว่าง18-20 มี.ค.65 เพื่อคัดตัวเเทนภาค ไปเเข่งขันในรอบชิงชนะเลิศใน เม.ย. ต่อไป”

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 มะเร็งยอดฮิตในผู้ชาย-ผู้หญิง ครองแชมป์โรคร้ายคร่าชีวิตคนทั่วโลก

5 มะเร็งยอดฮิตในผู้ชาย-ผู้หญิง ครองแชมป์โรคร้ายคร่าชีวิตคนทั่วโลก

ปัญหาด้านสุขภาพกลายเป็นสิ่งที่หลายคนเกิดความกังวลเป็นอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน ท่ามกลางภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ทั้งโรคอุบัติเก่าโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น และกลายพันธ์อย่างรวดเร็วไม่เว้นแต่ละวัน จนตามแนวทางการรักษาหรือป้องกันกันไม่ทัน ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ขณะเดียวกันโรคที่ไม่ติดต่ออย่าง “โรคมะเร็ง” ยังคงครองแชมป์โรคร้ายที่สร้างความกังวลกับผู้คนทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน 

ด้วยมีอัตราการเสียชีวิตสูง จากตัวเลขของ wordometers.info ประเมินว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งไปแล้ว 5.12 ล้านคน และซึ่งเมื่อย้อนกลับไปปี 2563 พบจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากถึง 10 ล้านคน จากการประเมินของ Globocan ในการเก็บข้อมูลจาก 185 ประเทศ ขณะที่ประเทศไทยหากไม่นับอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ว โรคมะเร็งก็ยังคงครองแชมป์สาเหตุคร่าชีวิตประชากรไทยเป็นลำดับต้นๆ มานานกว่า 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2542 ถึงปัจจุบัน 

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ยังสะท้อนให้ตัวเลขเหตุคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เฉลี่ยสูงถึงวันละ 221 ราย หรือแตะ 80,665 รายต่อปี และเมื่อเจาะลึกลงไปในข้อมูลพบจำนวนผู้ป่วยรายใหม่จากมะเร็งเฉลี่ยถึงวันละ 336 ราย หรือ 122,757 รายต่อปี และกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน เมื่อดารานักแสดงและศิลปิน ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรงมะเร็งในปัจจุบันบ่อยขึ้น

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ข้อมูลว่า เมื่อเปรียบเทียบอัตราผู้ป่วยมะเร็งในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว กลับพบว่าในแต่ละวันมีคนไทยเป็นผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่นำพาตนเองเข้าใกล้มะเร็งแบบไม่รู้ตัว เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่จัด และเกิดภาวะความเครียดเป็นประจำ  จากความกดดันด้านการงาน การเงิน และครอบครัว สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าโรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทุกคนมีโอกาสป่วยเป็นมะเร็ง และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับว่ามะเร็งอยู่ในระยะลุกลามระดับใด ฉะนั้นการตั้งใจดูแลตัวเองเชิงป้องกันสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และสามารถการดูแลตัวเองเชิงรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะตามระยะของโรคมะเร็งจึงเป็นเรื่องที่ควรตระหนักและให้ความสำคัญ

5 มะเร็งยอดฮิตในผู้ชาย-ผู้หญิง

มะเร็งที่พบบ่อยสุดในคนไทย แบ่งเป็น มะเร็งในผู้ชายพบ เฉลี่ย169.3 คน ต่อประชากร 1 แสนคน ติดอันดับที่ 15 ของเอเชีย โดย 5 อันดับแรกของมะเร็งในเพศชายคือ

  1. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  2. มะเร็งปอด
  3. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
  4. มะเร็งต่อมลูกหมาก
  5. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง  

ขณะที่มะเร็งในผู้หญิง จากสถิติพบป่วยเป็นมะเร็ง 151 คนต่อประชากร 1 แสนคน อยู่ในอันดับ 18 ของเอเชีย โดยโรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิง

  1. มะเร็งเต้านม
  2. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  3. มะเร็งปากมดลูก
  4. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
  5. มะเร็งปอด 

วิธีป้องกันโรคมะเร็ง

พุทธภาษิตที่ว่า “อโรคยา ปรมา ลาภา” หรือ “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” ยังคงเป็นประโยคที่เป็นจริงมาจนถึงปัจจุบัน เพราะคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ฉะนั้นทุกคนสามารถเริ่มปรับพฤติกรรม โดยคำนึงถึงการป้องกัน ให้ห่างไกลโรคมะเร็งด้วย 4 ข้อ ได้แก่ 

  1. ลด ละ เลิก สูบบุหรี่ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งสำคัญ ลดความเสี่ยงจากมะเร็งปอดและโรคอื่นๆ  ที่มีสาเหตุมาจากบุหรี่  
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ผัก ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในการต่อสู้กับมะเร็ง 
  3. ออกกำลังกายให้มากขึ้น ครั้งละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลายชนิด อาทิ มะเร็งปอด มะเร็ง เต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง 
  4. หลีกเลี่ยงการเผชิญกับสารเคมีอันตราย สารจำพวก ยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด น้ำมันเบนซินนั้นเต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายที่เกี่ยวโยงกับการเกิดมะเร็ง เป็นต้น  

สัญญาณอันตรายโรคมะเร็ง

นอกเหนือจากการป้องกันแล้ว การดูแลตนเอง หมั่นค่อยสังเกตความผิดปกติของร่างกายถือเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ควรหมั่นตรวจเช็คความผิดปกติของร่างกายด้วยการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ นับเป็นตัวช่วยส่งสัญญาณล่วงหน้าของโรคมะเร็ง เพื่อให้เราสามารถตั้งหลักรับมือกับมะเร็งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ได้แก่

  1. ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ ย่อยยาก หรือขับถ่ายยากเป็นเวลานาน เช่น ท้องผูก
  2. มีเลือดออกผิดปกติ เช่น ทางช่องคลอดหรือเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ   
  3. มีแผลเรื้อรังไม่หายใน 3 สัปดาห์  
  4. มีก้อนที่เต้านมหรือตามตัว ไฝโตขึ้น หรือเปลี่ยนสี  
  5. ไอเรื้อรังหรือเสียงแหบ  
  6. ร่างกายทรุดโทรม น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ  
  7. ประสิทธิภาพการได้ยินลดลง หรือหูอื้อเรื้อรัง เป็นต้น

การตรวจจับสัญญาณเหล่านี้ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์การรักษามะเร็ง รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้เป็นปกติได้มากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


How to ask for information ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการสอบถาม

วันนี้เรามีประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสอบถามข้อมูลมาฝากกันค่ะ

1. Can you tell me something about ___?

คุณช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับ___หน่อยได้มั้ย?


2. What exactly is it?

มันคืออะไรเหรอ?


3. Do you know anything about___?

คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ___มั้ย?


4. I’d like to ask about ___.

ฉันอยากถามเกี่ยวกับ___


5. I wonder if you could give me some information about ___.

รบกวนคุณช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับ___หน่อยได้มั้ย

6. May I ask you about ___?

ฉันข้อถามคุณเกี่ยวกับ___หน่อยได้มั้ย?


7. I’m interested in knowing more.

ฉันอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้


8. Do you have any idea about ___?

คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ___มั้ย?


9. What did you know about ___?

คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ___บ้างมั้ย?


10. Can you explain in detail for me?

คุณช่วยอธิบายรายละเอียดได้มั้ย?

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ชมภาพแรกของดีไซน์ Samsung Galaxy Book Pro 360 2 ก่อนการเปิดตัวไม่นานเกินรอ

ชมภาพแรกของดีไซน์ Samsung Galaxy Book Pro 360 2 ก่อนการเปิดตัวไม่นานเกินรอ

อีกไม่นานแล้ว Samsung จะเปิดตัวกลุ่มของ Galaxy Laptop ในงาน MWC 2022 โดนล่าสุดมีภาพ Render ไม่เป็นทางการแต่ก็ใกล้ความจริงมาพอสมควรกับ Galaxy Book Pro 360 รุ่นที่ 2 ออกมาโดยฝีมือของ @Onleaks และ GizNext

2
o1

ซึ่งภาพที่เห็นคือคอมพิวเตอร์สีส้มและสีออกชมพูที่ดูคล้ายกับ Galaxy Book Pro 360 ตัวเดิมแต่สังเกว่ารุ่นใหม่จะมี Number Pad ซึ่งเป็นไปได้วส่ารุ่นใหม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 15.6 นิ้ว แต่ว่าขุมพลังนั้นคาดว่าจะเปลี่ยนไป ซึ่งยะงไม่ระบุว่าใช้อะไร

1
o3

ช่องเสียบต่างๆ นั้นการขยายเพิ่มขึ้น คาดว่ารอรงรับการใส่ SD Card ได้แล้วและสามารถพับได้แบบ 360 องศาเหมือนเดิม แถมยังรองรับปากกา S Pen ได้เช่นเคย นอกจากนี้สีที่ดูแล้วอาจจะเป็นชื่อว่า Burgundy Red ซึ่งสีเข้มกว่าปีที่แล้วมากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ต้องรอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


10 ประโยชน์ ‘เคล’ ราชินีผักใบเขียวที่สาย ‘สุขภาพ’ ต้องรู้จัก

10 ประโยชน์ 'เคล' ราชินีผักใบเขียวที่สาย 'สุขภาพ' ต้องรู้จัก

“เคล” หรือ “คะน้าใบหยัก” เป็นผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จนเรียกได้ว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” สารพัดประโยชน์ช่วยเสริมสร้าง “สุขภาพดี” หนุ่มสาวสายเฮลตี้ต้องหามากินด่วนๆ

อีกหนึ่งอาหาร “สุขภาพ” ที่กำลังมาแรงในปี 2020 คงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจาก “เคล” (Kale) หรือ “คะน้าใบหยัก” โดยพบว่าในช่วง 1-2 ปีมานี้ มีโปรดักส์อาหารเสริมจากผักเคลออกวางจำหน่ายตามท้องตลาดจำนวนมากในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เคลแคปซูล, เคลพาวเดอร์, เคลอบกรอบ(Chips), สมูทตี้เคล ฯลฯ 

สำหรับคนไทยคงคุ้นเคยกับ ‘ผักคะน้า’  กันอยู่แล้วในเมนูอาหารไทยทั่วไป แต่สำหรับ “เคล” เป็นคะน้าที่มีหน้าตาแตกต่างออกไป ด้วยขอบใบที่มีลักษณะหยิกหยักไปมา และเป็นพืชที่เน้นกินใบเป็นหลัก

ว่าแต่.. เจ้าผักใบเขียวเข้มชนิดนี้มีประโยชน์อย่างไร?  และทำไม “เคล” จึงถูกเรียกว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดของหนุ่มสาวสายสุขภาพในยุคนี้? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนหาคำตอบไปพร้อมกัน

160189352690
  • “เคล” หรือ “คะน้าใบหยัก” มาจากที่ไหน?

“เคล” เป็นผักที่มีตระกูลเดียวกับ  กะหล่ำปลี  กะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์  และบร็อคโคลี ผักเคลมีหลากหลายสายพันธุ์  ใบอาจมีได้ตั้งแต่สีเขียว สีม่วง ขอบใบเรียบหรือขอบใบเป็นลอน แต่ที่เป็นที่พบมากที่สุดคือ เคลใบหยักสีเขียวเข้มและมีลำต้นที่แข็งเป็นเส้นๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  ทำไม ‘อะโวคาโด’ เป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ดของสาย ‘สุขภาพ’

ผักเคลมีต้นกำเนิดในแถบประเทศเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและเอเชียไมเนอร์  ซึ่งได้รับการเพาะปลูกเพื่อเป็นอาหารตั้งแต่ปี 2000 ก่อนคริสตศักราช  ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช คะน้าใบหยิกและคะน้าใบแบนถูกพบในประเทศกรีซ  ซึ่งชาวโรมันเรียกว่า ‘คะน้าซาเบลเลียน’ ถือเป็นบรรพบุรุษของคะน้าสมัยใหม่

จากนั้นผักเคลได้แพร่กระจายออกไปทั่วยุโรปในศตวรรษที่ 13  และยังพบบันทึกของชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 14 เขียนถึงผักเคลประเภทต่างๆ อีกทั้งพบผักเคลบางสายพันธุ์มาจากประเทศรัสเซียด้วย  ต่อมาผักเคลถูกนำเข้ามาในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาโดยพ่อค้าชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 19  จากนั้นผักเคลก็ถูกแพร่ขยายไปสู่โครเอเชีย  มีการปลูกผักเคลกันอย่างแพร่หลายในโครเอเชียเพราะปลูกง่ายและราคาไม่แพง  จากนั้นมันเป็นที่นิยมมากขึ้นในฐานะผักที่กินได้ในช่วงปี ค.ศ. 1990 เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

160189352667
  • “เคล” ในปี 2020 ซูเปอร์ฟู้ดยอดฮิต!

มาถึงในยุคนี้ “เคล” ถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งผักสีเขียวทั้งมวล (Queen Of Greens) และได้รับการยอมรับว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดหรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและหลากหลาย เมื่อเทียบกับผักประเภทอื่นๆ ในปริมาณที่เท่ากัน 

โดยผักเคลต้มสุก 1 ถ้วยหรือประมาณ 118 กรัม มีสารอาหารมากมาย เช่น โปรตีน, แคลเซียม, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม,  ธาตุเหล็ก,  วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินเค, วิตามินบี1 บี2 บี3, ไฟเบอร์ และที่โดดเด่นสุดๆ คือมีสารลูทีนและซีแซนทีน ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยดูแลดวงตาได้อย่างดี

นอกจากนี้ “เคล”  ยังเป็นผักที่มีแคลอรี่ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ และด้วยความที่มันเป็นผักที่มีสารอาหารหลากหลาย การกินผักเคลให้มากขึ้นจึงเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มปริมาณสารอาหารให้ร่างกาย

160189359483
  • 10 ประโยชน์จาก “เคล” ที่คนรักสุขภาพต้องรู้ 

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ผักเคล  เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย หากรับประทานเป็นประจำจึงมีส่วนช่วยให้สามารถป้องกันปัญหาสุขภาพต่างๆ  ได้ 

1.  เคลมีไฟเบอร์สูง ช่วยลดความเสี่ยง “โรคเบาหวาน”

สมาคมโรคเบาหวานอเมริกัน แนะนำให้บริโภคอาหารในกลุ่มที่อุดมไปด้วยวิตามิน  แร่ธาตุ  กากใยไฟเบอร์  และสารต้านอนุมูลอิสระสูง เนื่องจากมีหลักฐานทางการแพทย์พบว่าอาหารในกลุ่มนี้ช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้

โดยเฉพาะผักที่มีไฟเบอร์สูงก็ยิ่งมีประโยชน์ในแง่ของการป้องกันโรคเบาหวานมากขึ้น  มีการศึกษาวิจัยในปี 2018 ชิ้นหนึ่งระบุว่าผู้ที่บริโภคใยอาหารในปริมาณสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่บริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์น้อยหรือไม่บริโภคเลย นอกจากนี้การบริโภคผักไฟเบอร์สูงยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

2.  ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันโรคความดันสูง

จากการศึกษาขององค์กร Cochrane เมื่อปี 2559 พบว่าการบริโภคอาหารไฟเบอร์สูงส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดลดลง  และทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ ผู้ที่บริโภคกากใยไฟเบอร์มากขึ้นมีแนวโน้มที่จะมีระดับคอเลสเตอรอลชนิด  “ไม่ดี” (LDL) ลดลง 

(Cochrane เป็นองค์กรอิสระที่ไม่ได้แสวงหากำไร มีหน้าที่สร้างฐานความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลการรักษาผู้ป่วยจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งผลิตและเผยแพร่งานวิจัยเชิงสังเคราะห์ Healthcare intervention และสนับสนุนการค้นคว้าทางการแพทย์ด้าน Clinical trials)

160189352636

3.  เคลมีลูทีนและซีแซนทีนสูง ช่วยปกป้องดวงตา

ผักเคลมีสารสำคัญอย่างลูทีนและซีแซนทีนในปริมาณสูง  ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบมากในผักเคลหรือคะน้าใบหยัก  เป็นสารสำคัญทรงพลังที่ช่วยปกป้องดวงตา ไม่ให้สายตาแย่ลงเมื่อมีอายุมากขึ้น ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีสารลูทีนและซีแซนทีนเพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อมและโรคต้อกระจกได้

4.  เคลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันมะเร็ง

ผักเคลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น วิตามินซี  เบต้าแคโรทีน  และซีลีเนียม ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง มีผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่าคนที่รับประทานผักที่มีวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่างๆ เพราะสารเหล่านี้จะช่วยป้องกันความผิดปกติและการอักเสบต่างๆ ของเซลล์ในร่างกายได้

5.  เคลมีคลอโรฟิลล์สูง ช่วยดักจับสารก่อมะเร็ง

ผักเคลมีคลอโรฟิลล์สูง ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึม “เอมีนเฮเทอโรไซคลิก” หรือสารก่อมะเร็งจากอาหารประเภทปิ้งย่างได้  จริงๆ แล้วร่างกายมนุษย์ไม่สามารถดูดซึมคลอโรฟิลล์ได้มากนัก แต่คลอโรฟิลล์สามารถดักจับกับสารก่อมะเร็งเหล่านี้และป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมเข้าไปได้ ด้วยวิธีนี้ผักเคลจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลงได้

6.  ผักเคลมีโพแทสเซียม ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association : AHA) มีคำแนะนำผู้คนให้บริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมมากขึ้น  เนื่องจากโพแทสเซียมสามารถลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง ของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยผักเคลก็เป็นผักอีกชนิดที่มีสารโพแทสเซียมอยู่ค่อนข้างมากเช่นกัน

7.  เคลอาจช่วยลดน้ำหนักได้ดีขึ้น

ผักเคลมีคุณสมบัติหลายประการที่เป็นมิตรต่อการ  ลดน้ำหนัก  นั่นคือ แคลอรี่ต่ำมาก มีไฟเบอร์ และมีน้ำปริมาณมาก แม้จะกินเยอะชามใหญ่ก็ไม่ทำให้อ้วนแถมยังช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน การรับประทานผักที่มีพลังงานต่ำแบบนี้จึงช่วยลดน้ำหนักได้

160189359264

8.  มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นผม

ผักเคลอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนที่ดีซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นวิตามินเอตามที่ต้องการ  โดยเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อของร่างกายทั้งหมด รวมถึงผิวหนังและเส้นผม

9.  เคลเป็นแหล่งแร่ธาตุที่ดี

ผักเคลเป็นแหล่งแร่ธาตุที่ดีที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับเพียงพอในแต่ละวัน โดยแร่ธาตุต่างๆ  ที่จำเป็นต่อร่างกายพบว่ามีอยู่ในผักเคลเกือบครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น “แคลเซียม” สำคัญต่อสุขภาพกระดูกและฟัน,  มีแมกนีเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจได้  มีสารออกซาเลตต่ำ ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุได้ดี (ผักบางชนิดมีออกซาเลตสูง ซึ่งจะทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุไม่ได้)

10.  ไม่ควรกิน “เคล” มากเกินไป

แม้เคลจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็ไม่ควรรับประทานจนเกินความพอดี เพราะหากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้  หากคุณมีภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำหรือที่เรียกว่าไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถบริโภคผักเคลได้มากน้อยแค่ไหนจึงจะพอดีและไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/02/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,050.0029,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,882.0028,531.1229,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,693.8025,678.01n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,505.6022,824.90n/a
ทองรูปพรรณ 50%847.0012,840.52n/a
ทองรูปพรรณ 40%659.009,990.44n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,950.0029,562.00n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/02/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.7535.7535.7535.7535.7535.7535.7535.7535.7535.75
แก๊สโซฮอล์ 9135.4835.4835.4835.4835.4835.4835.4835.4835.4835.48
แก๊สโซฮอล์ E2034.6434.6434.6434.6434.6434.6434.6434.6434.64
แก๊สโซฮอล์ E8527.9427.9427.94
เบนซิน 9543.1643.6143.6643.6643.16
ดีเซล B727.9427.9428.9428.3428.4427.9428.3428.2428.3427.94
ดีเซล27.9427.9428.9428.3428.4427.9428.3428.2428.3427.94
ดีเซล B2027.9427.9428.9428.4428.3428.2427.94
ดีเซลพรีเมี่ยม33.9633.9635.3934.8635.1933.96
แก๊ส NGV

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า