3 สมาคมอสังหาฯ EEC โวยผังเมือง – แนวถนน 384 เส้น ล็อกที่ดินมูลค่าเป็นศูนย์
3 สมาคมอสังหาฯ พื้นที่ EEC จี้รัฐ เร่งปลดล็อกแนวถนน 384 เส้นขีดคล่อม บ้านเรือน ที่ดินเปล่า ในผังเมือง หลังประเมินเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการพัฒนาเมือง และภาคอสังหาฯ ฉุดมูลค่าที่ดินสูง กลายเป็นศูนย์ เสนอแบ่งไทม์ไลน์ 5 ปี เปิดแผนพัฒนาถนน ที่เหลือปล่อยตามประสงค์เจ้าของที่ดิน
สัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา โดยตลาดที่อยู่อาศัย มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ราว 21% ผ่านจำนวนซัพพลายสะสม 7.18 หมื่นหน่วย มูลค่า 2.38 แสนล้านบาท เป็นรองแค่เพียง กทม.เท่านั้น
แนวราบ 3 จังหวัด ดันอสังหาฯ EEC ฟื้น
พบ ณ สิ้นปี 2564 มีความเคลื่อนไหวโดดเด่น หลังจากตลาดปรับสู่สมดุลช่วงโควิด-19 โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผย หน่วยเหลือขาย EEC มีจำนวนลดลง – 6.8 % ขณะมูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 2.03 แสนล้านบาท ลดลง – 8.3 % ส่วนภาพกำลังซื้อ สดใสขึ้นมาอีกครั้ง จากอานิสงค์ภาคการส่งออกไทยโต 17.1% มูลค่าส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 11 ปี ส่งผลโครงการแนวราบ กลุ่มทาวน์เฮ้าส์ ระดับล่าง 1.5-3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 3-5 ล้านบาท พื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 จังหวัด ขายได้ใหม่ และมีอัตราดูดซับดีขึ้นตามลำดับ
ขณะชลบุรี , ระยอง พื้นที่ยุทธศาสตร์ EEC ตลาดคอนโดฯกระเตื้องขึ้น จากสต็อกลดลง อีกทั้ง การซื้อคอนโดฯสำหรับบ้านหลัง 2 และบ้านพักตากอากาศ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ รวมถึงแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆในปี 2565 ด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนเข้าใหม่กว่า 2 หมื่นหน่วย ทั้งนี้ REIC ประเมิน อสังหาฯ EEC ยังต้องเฝ้าระวังอีกหลายปัจจัยเสี่ยง อย่างภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ และจะอยู่ได้ด้วยกำลังซื้อของนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นสำคัญ
‘มีศักดิ์’ โวยแนวถนน 384 เส้น
อย่างไรก็ตาม เจาะลึกในมุมผู้ประกอบการพื้นที่จังหวัดชลบุรี นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี และ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ แอนด์ ลีฟวิ่ง จำกัด ยอมรับ แม้แนวโน้มการส่งออกที่ดี ทำให้การจ้างงาน และรายได้ของคนในพื้นที่เข้มแข็ง และเป็นกำลังซื้อหลักของอสังหาฯในอนาคต
แต่ประเด็นที่ผู้ประกอบการกังวลกันขณะนี้ คือ ปัจจัยนอกเหนือการควบคุม เช่น ข้อกำหนดกฎหมายต่าง ๆ และ ผังเมือง ที่อยู่ระหว่างปรับจากผังเมือง อีอีซี เป็นผังเมืองรายอำเภอ โดยรายละเอียดหลายส่วน ไม่เอื้อต่อการพัฒนาเมือง ซึ่งจะกระทบ ต่อการขยายตัวของชุมชนเมือง ,ตลาดที่อยู่อาศัย และเป็นอุปสรรคต่อภาคอสังหาฯ ในอนาคตอย่างแน่นอน
ประเด็นที่ค่อนข้างรุนแรง ยังมาจาก แนวถนน จำนวน 384 เส้น (3 จังหวัด) ที่ขีดคล่อมไว้ แต่ยังไร้แผนการพัฒนา กระทบพื้นที่ชุมชน บ้านเรือน ที่ดินเปล่า และแผนพัฒนาอสังหาฯเป็นจำนวนมาก เช่น เขตบางพระ ซึ่งมีเขตทาง 25 เมตร พาดผ่านหมู่บ้านจัดสรรนับ 100 หลังคาเรือน ละแวกนั้นมีที่ดินว่างมากมาย ที่พร้อมจะขึ้นโครงการ แต่แนวถนนดังกล่าว ทำให้ความเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง ซึ่งสมาคมพยายามท้วงติงไปยังบอร์ดอีอีซี แต่ยังเงียบ ฉะนั้น วันนี้ สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่สุด และน่าจะฉุดการเติบโตของอีอีซีในอนาคต คือ แนวนโยบายที่ไม่เหมาะสม
“ผังเมือง ออกเงื่อนไขมาใหม่ๆ ไม่ค่อยสอดคล้อง กับแนวโน้มการใช้พื้นที่ วิถีชุมชน และ การพัฒนาเมือง เรียกว่า ผิดฝาผิดตัวมาตลอด เดิม อีอีซี ถูกมองเป็นเมืองอุตสาหกรรม แต่อนาคต ไม่มีใครการันตีถึงศักยภาพ วันนี้ มีจีน เวียดนาม ขึ้นมาแซงหน้า อุตสาหกรรมจะเป็นต่ออย่างไร ขณะเราไม่ได้วางเมือง ไว้เพื่อรองรับภาคที่อยู่อาศัย หรือ การท่องเที่ยว 5-10 ปี ข้างหน้าจะเป็นอุปสรรค “
ฉะเชิงเทรา จี้รัฐปลดล็อก
สอดคล้อง นายวัชระ ปิ่นเจริญ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ฉะเชิงเทรา ระบุว่า เรื่อง แนวถนนขีดคล่อม เป็นมหากาพย์ ซึ่งเกี่ยวโยงกับผังเมือง ขณะตนเองได้เข้าหารือหลายระดับของภาครัฐ เพื่อเรียกร้องให้มีการปลดล็อก แนวถนนทั้ง 384 เส้น เนื่องจากยังไม่มีไทม์ไลน์การพัฒนาที่ชัดเจน และมองไม่เห็นเป้าหมายการล็อกไว้ ซึ่งขณะนี้ทำให้ที่ดินที่เคยมีมูลค่าสูง จาก 30 ล้านบาทกลางเมือง กลายเป็นศูนย์ เพียงเพราะในผังมีเส้นขีดแนวถนนครอบไว้ บางแปลง เหลือพื้นที่แค่ 4 เมตร มีอุปสรรคแม้แต่นำไปจำนอง ไม่ต่างจากกระดาษเปล่าใบนึง ขณะสิ่งที่เจ้าของที่ดินกังวล คือ ในอนาคตหากถูกเวนคืน การเรียกร้องขอค่ากรรมสิทธิ์จะทำได้หรือไม่
นายวัชระ เสนอว่า อาจมีความจำเป็นที่บอร์ด อีอีซี ต้องพิจารณา การปลดล็อก เลือกสรรแผนพัฒนาแนวถนนดังกล่าว เช่น 5 ปีเริ่มแรก คลอบคลุมพื้นที่ใดบ้าง พัฒนาถนนได้เท่าไหร่ ส่วนที่เหลือขอให้เป็นไปตามกลไก และความประสงค์ของเจ้าของที่ดินนั้นๆ รวมถึงการใช้กฎหมาย เวนคืนให้ถูกต้องเหมาะสมด้วย ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในการพัฒนาที่ดิน และกระทบของประชาชนในพื้นที่ สร้างการเติบโตของเมืองผ่านภาคอสังหาฯได้
” การล็อกที่ดิน และไม่ใช้กฎหมายเวนคืน ด้วยเหตุต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน การขีดคล่อมไว้ถึง 384 แนวถนน โดยไม่มีแผนพัฒนา เท่ากับเป็นการสตาฟเมือง ทำให้ที่ดินถูกหั่น สัดส่วนแปลงที่ดินไม่ได้รูปร่าง และทำให้มูลค่าลดลง ”
แนวถนนผังเมืองกระทบยกแผง
ขณะ นายเปรมสรณ์ ศรีวิบูลย์ชัย นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดระยอง ระบุ พื้นที่มีแนวถนน 8 เส้นใหม่คล่อมอยู่ พบพาดผ่านผ่านบ้านเรือนของผู้คน , วัด และที่ดินเปล่าจำนวนมาก โดยการดำเนินการที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้เข้าไปหารือ พร้อมอธิบายถึงอุปสรรคและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ของประชาชน และแผนพัฒนาเมือง ในรูปแบบอสังหาฯ กับบอร์ดอีอีซี และ กรมโยธา แล้วเช่นกัน ส่วนจังหวัด ทราบว่า ขณะนี้กำลังเร่งทำผังเมืองรายอำเภอ เพื่อประกอบร่างกันอยู่ แต่ในรายละเอียดก็ยังไม่มีความชัดเจน ยอมรับจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอสังหาฯอีอีซีอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ EEC นับเป็นความหวังและพื้นที่สำคัญของอสังหาฯไทย แต่ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กำหนดแผนผังคมนาคม ซึ่งมีการกำหนดเส้นทางถนน ที่จะขยายและสร้างใหม่ในอีอีซีรวม 384 สาย รายละเอียดตามสีผังเมืองที่กำหนดไว้ เช่น หากผังเมืองกำหนดเป็นพื้นที่สีแดง เพื่อเป็นเขตพาณิชยกรรม จะต้องตัดถนนรองรับการขยายตัวของปริมาณรถยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนพื้นที่สีเหลืองเพื่อที่พักอาศัยต้องมีถนนรองรับที่เหมาะสม และพื้นที่สีม่วงเพื่ออุตสาหกรรมต้องมีถนนเชื่อมโยงเส้นทางท่าเรือและระบบโลจิสติกส์ ประเมินเรื่องดังกล่าว นอกจากเป็นอุปสรรคในภาคอสังหาฯแล้ว ยังทำให้ชาวบ้านหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อย่าเข้าใจผิด หากซื้อบ้าน-คอนโดฯ ในช่วงนี้ ต้องเตรียมตัว-เตรียมใจอย่างไร
อย่าเข้าใจผิด! หากซื้อ บ้าน-คอนโด ฯ -อสังหา-ที่อยู่อาศัย ในช่วงเศรษฐกิจขาลง -วิกฤติยูเครน -ภัยสงครามทุบซ้ำ โควิด-19 ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมอย่างไรบ้าง
ในช่วงเศรษฐกิจขาลง วิกฤติยูเครน ภัยสงครามทุบซ้ำ สถานการณ์โควิด-19 มีคนจำนวนหนึ่ง อาจเล็งเห็นว่า หากเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ บ้าน-คอนโดมิเนียม ในช่วงนี้คงเป็นโอกาสทองอย่างแน่แท้ทีเดียวเชียว
อย่างไรก็ตาม บางครั้งในหลายข้อหลายประเด็นอาจไม่เป็นดั่งที่ใจคิดและเข้าใจว่าที่อยู่อาศัยจะต้องลดราคาอย่างถล่มทลาย แต่ในทางกลับกันตามข้อเท็จจริงแล้ว
หากโครงการเหล่านั้นตั้งอยู่ในทำเลที่ดี อย่างไรเสียราคาอาจจะไม่จำเป็นต้องลดลงเลยหรือหากจะลดลงบ้าง อาจไม่มากอย่างที่คิด เช่นทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสำคัญ ทำเลกลางใจเมือง ทำเลติดถนนสายหลัก ทำเลย่านชุมชนขนาดใหญ่มีผู้คน จอแจ เข้าใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก
ทำเลย่านพาณิชยกรรมขนาดใหญ่มีห้างสรรพสินค้า เกิดขึ้น ทำเลย่านสถานศึกษา ศูนย์ราชการแหล่งงาน เป็นต้น ทำเลเหล่านี้มักได้เปรียบหากเทียบกับทำเลอื่นๆกล่าวคือ สามารถขายได้เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านหลังแรกบ้านหลังที่สอง หรือซื้อเพื่อลงทุนมองว่ายังมีคนที่พร้อมที่จะซื้อ ดังนั้นดีเวลลอปเปอร์อาจไม่จำเป็นต้องลดราคาก็สามารถขายได้ หรือลดราคาให้พอเป็นน้ำจิ้ม
มาตราการการปลดล็อกแอลทีวี 100%ของรัฐกระตุ้นการซื้ออสังหาฯ หลายคนอาจคิดว่าสามารถกู้เงินได้เต็ม100% ฟันธงว่าไม่จริงเสมอไปเพราะในที่สุดแล้วสถาบันการเงินจะเป็นผู้พิจารณาตามขีดความ สามารถของผู้กู้ นั่นหมายถึงคุณอาจจะไม่ได้รับวงเงินสินเชื่อทั้ง100 %
ตามที่มาตรการระบุไว้ หากคุณติดเครดิตบูโร มีภาระหนี้ครัวเรือนที่มากเกินไป หรือเพิ่งซื้อห้องชุดเมื่อไม่นานมานี้ การปล่อยสินเชื่ออาจจะได้ตามสัดส่วนที่คุณสามารถผ่อนชำระไหวหรืออาจถูกปฏิเสธสินเชื่อไปเลยก็มี ดังนั้นควรเตรียมตัวให้ดี ต้องไม่สร้างหนี้เกินตัวแม้จะเห็นว่าอสังหาฯเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในเวลานี้ก็ตาม เพราะสถาบันการเงินจะตรวจสอบลึกลงถึงดีเอ็นเอ ซึ่งเข้มงวดกว่าที่ผ่านมา
ทั้งนี้ข้อมูลจากผู้ประกอบการหลายรายระบุว่า กรณีที่ผู้ซื้อบ้านกู้ไม่ผ่านหรือ ยอมทิ้งเงินจอง เพราะ สถาบันการเงินตรวจสอบไปถึง ประกันสังคม สวัสดิการต่างๆ ของบริษัที่ทำงานอยู่ ,การชำระภาษี ,การซื้อสินค้าฟุ้มเฟือย ,ความถี่ที่ซื้อสินค้า
มาที่ มาตราการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์-จดจำนอง รายการละ0.01% ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียมไม่ว่าจะมือหนึ่งหรือมือสองมือสามว่า ระดับราคาที่อยู่ในเกณฑ์ลดหย่อนค่าโอน-จดจำนองที่รัฐสนับสนุนต้องไม่เกิน 3ล้านบาทเท่านั้น หากราคาสูงจากนี้ จะไม่ได้สทธิ์ลดหย่อน ยกเว้นแต่การทุบราคาให้ลงมาไม่เกิน3ล้านบาท
ออกให้
1. เจ้าของโครงการต้องการปิดการขายเพราะเหลือจำนวนหน่วยไม่มาก
2.บ้าน-คอนโดฯเกิดการหมุนเวียนนำกลับมาขายใหม่จากลูกค้าทิ้งดาวน์
3.บ้าน-คอนโดฯที่สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ
4.บ้าน-คอนโดฯในทำเลฮวงจุ้ยไม่ดี ตามความเชื่อ ที่อยู่อาศัยแล้วไม่เจริญรุ่งเรืองเดือดเนื้อร้อนใจ
5.ตั้งอยู่ในทำเลเสี่ยง
6.ผู้ประกอบการอัดแคมเปญบ้านเกิน3ล้านบาทฟรีค่าโอน-จดจำนอง
อย่างไรก็ตามตัวแปรที่ทำให้อสังหาฯมีราคาแพงนั่นคือที่ดินต้นทุนหลัก ดังนั้น ยิ่งอยู่ในทำเลที่ดี ย่อมมีราคาแพงมีมูลค่า การลดราคาลง ต่ำๆ50% มองว่ายากยิ่ง อนาคตอันใกล้หากเศรษฐกิจดีขึ้น ใครถือครองความได้เปรียบย่อมเกิดขึ้น!!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แนวโน้มหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ราคาทองขึ้น150บาท
แนวโน้มหุ้นไทย 21 มี.ค.65 คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ตามตลาดภูมิภาค นักลงทุนยังรอปัจจัยใหม่ ขณะที่ราคาทองคำเปิดตลาดปรับขึ้น150บาท
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.65 นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งไซด์เวย์สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ เนื่องด้วยนักลงทุนยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการเจรจาหาข้อยุติการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งปัจจุบันยังไม่เห็นความคืบหน้าเชิงบวก
ขณะเดียวกันการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจไบเดน ของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก็ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน
แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบฟิวเจอร์ยังคงปรับตัวขึ้น เป็นผลต่อเนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยมีการคาดการณ์ว่าสหรัฐและรัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมัน ประมาณ 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้เป็นผลบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในวันนี้
ให้แนวรับไว้ที่ 1,670-1,674 จุด และแนวต้าน 1,685-1,690 จุด
ด้านสมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำประจำวันเปิดตลาดปรับขึ้น 150 บาท ทองแท่งรับซื้อ 30,400 บาท ขายออก 30,500 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 29,850.04 บาท ขายออก 31,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
แรงไม่หยุด! “ภูริพล” ทำลายสถิติวิ่ง 200 เมตร ประเทศไทยในกีฬาแห่งชาติ
“บิว” ภูริพล บุญสอน ยังแรงไม่หยุด ทำลายสถิติประเทศไทยในการแข่งขันวิ่ง 200 ม. ชาย ลงได้อีกแล้ว ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” ที่มรภ.ศรีสะเกษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา
โดยในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ วิ่ง 200 ม. ชาย มีนักกีฬาลงชิงชัยทั้งสิ้น 8 คน ผลปรากฎว่าเหรียญทองตกเป็นของ ภูริพล บุญสอน ลมกรดหนุ่มวัยเพียง 16 ปี จากสมุทรปราการ ที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกด้วยเวลา 20.58 วินาที
ส่วนเหรียญเงินเป็นของ ธวัชชัย หีมเอียด จากชัยภูมิ ทำเวลา 21.18 วินาที และ เหรียญทองแดง ชยุตม์ คงประสิทธิ์ จากกรุงเทพฯ ทำเวลา 21.26 วินาที
จากเวลาดังกล่าวของ ภูริพล ถือเป็นการทำลายสถิติประเทศไทย ของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ นักวิ่งรุ่นพี่ที่ทำเอาไว้ 20.69 วิ. ใน กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่กรุงบันดาเสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน เมื่อปี 1999 และถือเป็นการทำลายสถิติประเทศไทยได้ใน 2 วันติดต่อกัน
หลังเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวเพิ่งสร้างสถิติวิ่ง 100 เมตร ชาย ด้วยเวลา 10.19 วินาที ทำลายสถิติประเทศไทยของเหรียญชัย สีหะวงษ์ ที่เคยทำได้ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ 1998 ที่ประเทศไทยด้วยเวลา 10.23 วินาที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อันตรายจากการ “อดนอน” ที่มากกว่าเรื่องสุขภาพ
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลเสียต่อปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจ เป็นต้น ขณะที่อาการง่วงขณะขับรถ ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าปกติ
อ.นพ.สมประสงค์ เหลี่ยมสมบัติ สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคการนอนหลับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การนอนหลับพักผ่อนมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ในช่วงที่เราหลับ สมองบางส่วนของเรายังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมการทำงานของระบบ ต่างๆ ในร่างกายให้เป็นไปอย่างเหมาะสม เช่น การเจริญเติบโตของร่างกาย การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การพัฒนาของระบบภูมิคุ้มกัน การเรียนรู้หรือจดจำสิ่งต่างๆ เป็นต้น การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า หากกระตุ้นให้หนูทดลองตื่นตัวตลอดเวลาไม่ให้นอนหลับ การใช้พลังงานในร่างกายจะสูงขึ้น น้ำหนักจะลดลงเรื่อย ๆ แม้การกินอาหารจะปกติ ภูมิคุ้มกันจะบกพร่อง และเสียชีวิตในเวลา 2-3 สัปดาห์
อันตรายจากการ “อดนอน”
เราไม่สามารถทำการศึกษาลักษณะเดียวกันได้ในมนุษย์ แต่จากการศึกษาชนิดที่สังเกตการณ์เกี่ยวกับปริมาณการนอนในมนุษย์ พบว่า การนอนหลับที่น้อยกว่าปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน (7-8 ชั่วโมงต่อวัน) พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เพิ่มขึ้นหลายชนิด ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ เป็นต้น ที่สำคัญพบว่าผู้ที่นอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมง หรือมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน มีอัตราตายสูงกว่า อายุไขเฉลี่ยสั้นกว่าผู้ที่นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีอัตราส่วนแปรผันตรงตามปริมาณเวลาที่น้อยหรือมากกว่าค่าปกติ ผู้ที่นอนมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน จากสถิติพบเป็นส่วนน้อยและอัตราตายที่สูงขึ้นพบในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่ามีความสัมพันธ์กับโรคหรือภาวะสุขภาพเรื้อรัง ในขณะที่กลุ่มที่นอนน้อยกว่าปกติ คาดว่าอัตราตายที่สูงขึ้นเกิดจากปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ดังที่กล่าวข้างต้น รวมถึงภาวะการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย และอัตราการเกิดโรคมะเร็งที่พบสูงขึ้น
อดนอน เสี่ยง “อุบัติเหตุ”
มีการศึกษายืนยันเกี่ยวกับผลของการอดนอนต่อการทำงานของสมองและการตอบสนองของระบบประสาท โดยพบว่าผู้ที่นอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน มีการตอบสนองของสมองและระบบประสาทในแง่ของการตื่นตัวระแวดระวัง (psychomotor vigilance) ต่ำกว่าปกติ กลไกดังกล่าวเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุซึ่งนำมาสู่การสูญเสียทรัพย์สิน การบาดเจ็บ หรือการเสียชีวิต ในผู้ที่ขาดการนอนหลับอย่างพอเพียง อุบัติเหตุดังกล่าวพบว่ามีการศึกษารองรับมากที่สุดในกลุ่มของอุบัติเหตุบนท้องถนน การศึกษาชนิด systematic review ในประชากรกว่า 70,000 คนทั่วโลก พบว่า อาการง่วงนอนขณะขับรถหรือยวดยานพาหนะอื่นๆ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยผู้ที่มีอาการง่วงขณะขับรถ มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าปกติ 2.56 เท่า
การศึกษาชนิดสังเกตการณ์ (prospective cohort) ขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกายังพบว่า อาการง่วงนอนขณะขับรถพบเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงถึงร้อยละ 20 ของอุบัติเหตุที่เกิดบนท้องถนนทั้งหมด จะเห็นได้ว่า การขับรถขณะง่วงนอนนั้นมีอันตรายเทียบเคียงได้กับการดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับรถเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังพบว่า ไม่เพียงแต่การนอนหลับไม่เพียงพอเท่านั้น ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ยวดยานพาหนะ โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ซึ่งพบอุบัติการณ์สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก ยังเป็นสาเหตุที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยพบเป็นสาเหตุได้ราวร้อยละ 10 ดังนั้น ผู้ที่นอนหลับพักผ่อนเป็นระยะเวลาที่เพียงพอ แต่ยังมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอนผิดปกติ นอนกรนเป็นประจำ หายใจผิดปกติขณะหลับ หรือตื่นบ่อย ๆ ไม่ทราบสาเหตุ จึงควรพบแพทย์เพื่อปรึกษา เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม
ไม่เพียงแต่อุบัติเหตุบนท้องถนนเท่านั้นที่มีความสัมพันธ์กับการนอนหลับผิดปกติ อัตราการหกล้มก็พบสัมพันธ์กับการนอนหลับไม่เพียงพอเช่นกัน ในการศึกษาชนิด systematic review ในประชากรแถบเอเชียตะวันออกกว่า 200,000 คน พบว่า ผู้ที่นอนหลับน้อยกว่าปกติ (ตั้งแต่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง จนถึงน้อยกว่า 7 ชั่วโมง) มีอัตราการพลัดหกล้มสูงกว่าปกติราวร้อยละ 32
อุบัติเหตุจากการทำงานก็เช่นเดียวกัน ในการศึกษาโดยการสำรวจประชากรขนาดใหญ่ในแคนาดาพบว่า หญิงที่นอนหลับเป็นเวลาเพียง 5-6 ชั่วโมงต่อวัน เทียบกับผู้ที่นอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน พบการเกิดอุบัติเหตุขณะทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือเครื่องจักรสูงกว่า ร้อยละ 59 นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับที่ไม่ดีเป็นประจำ เช่น ตื่นนอนไม่สดชื่น นอนไม่หลับ ต้องใช้ยานอนหลับเป็นประจำ มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บจากการทำงานสูงกว่าปกติ ราวร้อยละ 25
การนอนหลับที่เพียงพอมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ การนอนหลับเป็นเวลาน้อยกว่าปกติหรือการมีโรคความผิดปกติขณะหลับที่ไม่ได้รับการรักษา ส่งผลต่อสุขภาพหลายประการ ทำให้เกิดภาวะทุพพลภาพหรือแม้แต่เสียชีวิตได้ หนึ่งในสาเหตุที่สำคัญ คือการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ทั้งอุบัติเหตุขณะขับขี่ยวดยานพาหนะ อุบัติเหตุจากการหกล้ม หรืออุบัติเหตุจากการทำงานหรือใช้เครื่องจักรต่างๆ
ดังนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญต่อการนอนหลับพักผ่อน โดยนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการขับขี่หรือใช้เครื่องจักรขณะเกิดอาการง่วง พักหลับเมื่อง่วงหรือเปลี่ยนตัวผู้ขับขี่กรณีที่ขับรถทางไกล ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติหรือสงสัยว่ามีโรคความผิดปกติขณะหลับ ทั้งหมดนี้อาจช่วยให้ตัวท่านปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดจากการนอนหลับผิดปกติ ลดความเสียหายที่เกิดกับชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง รวมทั้งบุคคลรอบข้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บุพบทที่ควรรู้ในภาษาอังกฤษ
คำบุพบทมีมากมายหลากหลาย วันนี้แอดมินเลยนำคำบุพบทที่ใช้บ่อย และ เจอบ่อยมาฝากเพื่อนๆครับ
IN ใน
ON บน
UNDER ข้างใต้
OVER เหนือ
BEHIND ด้านหลัง
BETWEEN ระหว่าง
OUT ออก
FAR ไกล
1. การใช้ on = บน, ข้างบน
ตัวอย่างเช่น
The table is on the floor.
= โต๊ะอยู่บนพื้น
He sits on the chair.
= เขานั่งบนเก้าอี้
2. การใช้ In = ใน, ภายในหรือในสถานที่
ตัวอย่างเช่น
We work in laboratory.
= เขาทำงานในห้องทดลอง
Fish lives in the water.
= ปลาอาศัยอยูในน้ำ
Put it in the box, please.
= โปรดเอามันใส่ไว้ในกล่อง
3. การใช้ under = ใต้, ข้าง, ล่าง, เบืองใต้, ตํ่ากว่า, รอง, ใน, ภาย
ตัวอย่างเช่น
We sit under the tree.
= เรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้
The cat is under the table.
= แมวอยู่ใต้โต๊ะ
4. การใช้ over = บน, เหนือ, นอกเหนือ, กว่า, เกิน, ท่วม, ปกคลุม, ทั่ว
ตัวอย่างเช่น
The bird flows over our head.
ช นกบินอยู่เหนือศีรษะพวกเรา
The plane flows over the building.
เครื่องบินบินอยู่เหนืออาคาร
5. การใช้ behid = หลัง, ข้างหลัง
ตัวอย่างเช่น
behind the house.
= หลังบ้าน
behind the television.
= ข้างหลังโทรทัศน์
6. การใช้ between = ระหว่าง, ในระหว่าง, ระหว่างระยะ, อยู่กลาง (ใช้ระหว่างของสองสิ่ง, คนสองคน, สถานที่สองแห่ง)
ตัวอย่างเช่น
between 6 and 7 o’clock.
= ระหว่างเวลา 6 ถึง 7 นาฬิกา
between the two world war.
= ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
between sunrise and sunset.
= ระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
between Bangkok and Phuket.
= ระหว่างกรุงเทพกับภูเก็ต
7. การใช้ out of = ออกจาก, จาก, นอก, เนื่องจาก
ตัวอย่างเช่น
I went out of the class-room.
= ฉันออกจากห้องเรียน
Bring all the things out of the box.
= เอาของทั้งหมดออกมาจากกล่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ทำความรู้จัก “ZipCharge Go” พาวเวอร์แบงค์สำหรับชาร์จไฟรถ EV
ในขณะที่ทุกค่ายรถยนต์ทั่วโลกต่างกำลังพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่กำลังจะเป็นยานพาหนะหลักของโลกแทนที่รถเครื่องยนต์สันดาปในอนาคต เรื่องของการชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ คืออีกหนึ่งประเด็นที่ผู้ใช้รถให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะมันคือการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถไปอย่างสิ้นเชิง
พฤติกรรมที่ว่านี้ คือการเปลี่ยนจากจอดรถเพื่อเติมน้ำมัน ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 10 นาทีต่อครั้ง มาเป็นการจอดเพื่อชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนรับรู้ว่ามีทางเลือกคือชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนขณะจอดรถที่บ้าน หรือใช้บริการสถานีชาร์จตามจุดบริการต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการชาร์จหลายชั่วโมง
ล่าสุดในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 มีการเปิดตัว ZipCharge Go โดยบริษัทสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ชาร์จไฟรถ EV แบบพกพา หรือเปรียบได้กับ “พาวเวอร์แบงค์” ที่ใช้ชาร์จสมาร์ทโฟน
สำหรับอุปกรณ์ ZipCharge Go มีขนาดเท่ากระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก น้ำหนัก 22 กิโลกรัม สามารถชาร์จไฟรถ EV ได้ทุกทีทุกเวลา เป็นอุปกรณ์ชาร์จไฟเสริมจากการชาร์จปกติ ใช้เวลาชาร์จ 30-60 นาที และทำให้รถ EV ของคุณ วิ่งต่อไปได้อีกราว 30-65 กิโลเมตร
นอกจากจะสามารถใช้กับกับรถ EV ทุกรูปแบบแล้ว ยังสามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ Plug-in Hybrid ที่มีอยู่ในตลาดเวลานี้ได้อีกด้วย และจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอังกฤษ ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2022 เบื้องต้นจะให้เช่าเป็นรายเดือน เดือนละ 49 ปอนด์ หรือราว 2,200 บาท
ทั้งนี้อุปกรณ์ชาร์จหลักของรถแต่ละยี่ห้อในตลาดรถไฟฟ้าฟ้าปัจจุบัน รถจะสามารถวิ่งได้ราว 300-500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่ง ZipCharge Go แบบพกพานี้ ถูกออกแบบมาให้เป็นอุปกรณ์เสริม รวมถึงในกรณีฉุกเฉินหากแบตเตอรี่หมดกลางทาง แล้วหาสถานีชาร์จไม่ได้
ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังวิ่งไล่ตามตลาดรถ EV ที่กำลังจะเป็นตลาดใหญ่ในไม่ช้านี้ และคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะมีการพัฒนาทั้งเรื่องแบตเตอรี่และการชาร์จไฟ ให้สะดวกไม่แพ้การเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ผักคอส สารอาหารล้นเหลือ ผักสลัดยอดนิยม แคลอรี่ต่ำ ตัวช่วยลดน้ำหนัก!!
ผักคอส สารอาหารล้นเหลือ ผักสลัดยอดนิยม แคลอรี่ต่ำ ตัวช่วยลดน้ำหนัก!!
ผักคอส หรือ ผักกาดหวาน มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Cos Lettuce/Romaine Lettuce มีชื่อวิทยาศาสตร์ Lactuce sativa. longifolla ลักษณะใบเรียวยาว ซ้อนกันเป็นกอขึ้นมา เป็นผักที่มีความกรอบ อร่อย รสชาติออกหวานนิดๆ ไม่มีกลิ่น จึงทำให้ง่ายต่อการรับประทานในทุกๆวัน อีกทั้งยังสามารถรับประทานสดๆได้เลย นิยมรับมารับประทานกับสลัดหรือรับประทานคู่กับยำ
- อุดมไปด้วยวิตามินและธาตุเหล็กสูง ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
- ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย เป็นยาระบายได้อย่างดีเพราะในผักคอสมีน้ำอุ้มอยู่เป็นจำนวนมากจึงช่วยกระตุ้นลำไส้ทำให้กากอาหารนุ่มลง จึงขับถ่ายสะดวก
- แก้ไอ แก้ไข้ ขับเสมหะ รักษาอาการเจ็บคอ ผักคอสมีวิตามินซีจึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น และวิตามินซียังช่วยแก้ไอ ขับเสมหะได้เป็นอย่างดี
- บำรุงสายตา ผักคอสปริมาณ 100 กรัม มีสารลูทีนและซีแซนทีนถึง 2,312 ไมโครกรัม ซึ่งจะช่วยบำรุงสายตา ชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อม และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง เบต้า-แคโรทีนสูงถึง 5,226 ไมโครกรัม จึงช่วยป้องกันเซลล์ประสาทตาถูกทำลาย และช่วยบำรุงสายตาจากอาการเมื่อยล้าและบำรุงดวงตาให้สดใสแข็งแรง
- ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ เส้นใยอาหารในผักคอสจะช่วยกระตุ้นลำไส้ ขจัดสารพิษ และช่วยให้ขับถ่ายง่ายสะดวก จึงลดการสะสมหมักหมมของอาหารในลำไส้ได้
- ลดความดันโลหิตสูง ผักคอสมีแคลเซียมจึงช่วยให้กล้ามเนื้อบีบตัวได้ดี แล้วยังช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นจึงทำให้ความดันโลหิตลดลง
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะมีเส้นใยสูงทั้งยังอุ้มน้ำได้ดี จึงทำให้รับประทานแล้วอิ่มนานอยู่ท้อง แล้วยังแคลอรี่ต่ำ
- ช่วยให้เลือดแข็งตัว ผักคอสมีวิตามินเคสูงจึงช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด และป้องกันภาวะเลือดไหลมากจนเกินไป
คุณค่าทางโภชนาการของ ผักคอส 100 กรัม
ให้พลังงาน 17 กิโลแคลอรี
ไฟเบอร์ 2.1 กรัม
วิตามินบี1 0.072 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.313 มิลลิกรัม
วิตามินบี5 0.142มิลลิกรัม
วิตามินบี6 0.074 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 436 ไมโครกรัม
วิตามินซี 4.0 มิลลิกรัม
วิตามินเค 102.5 ไมโครกรัม
แคลเซียม 33 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.97 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 14 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 247 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.23 มิลลิกรัม
เบต้า-แคโรทีน 5,226 ไมโครกรัม
ลูทีน-ซีแซนทีน 2,312 ไมโครกรัม
ขอบคุณข้อมูลจาก mthai.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/03/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,350.00 | 30,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,966.00 | 29,804.56 | 30,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,769.40 | 26,824.10 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,572.80 | 23,843.65 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 885.00 | 13,416.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 688.00 | 10,430.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,037.00 | 30,880.92 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/03/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.75 | 38.75 | 39.75 | 38.75 | 39.55 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.48 | 38.48 | 39.48 | 38.48 | 39.28 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.64 | 37.64 | 38.64 | 37.64 | 38.44 | – | 37.64 | 37.64 | 37.64 | 37.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 30.94 | 30.94 | – | – | – | – | – | – | – | 30.94 |
เบนซิน 95 | 46.16 | – | – | – | 47.41 | – | 46.66 | 46.66 | – | 46.16 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 31.44 | 30.44 | 30.54 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 31.44 | 30.44 | 30.54 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 31.44 | – | 30.54 | – | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 37.89 | 36.86 | 36.99 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |