ภาคอสังหาฯฟื้น สั่งตรึงดอกเบี้ย ดันสินเชื่อธอส.พุ่ง
“อาคม” สั่งตรึงดอกเบี้ยบ้าน 1 ปี หลังเห็นสัญญาณภาคอสังหาฯฟื้นตัว ธอส.รับลูกสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ มั่นใจปีนี้ปล่อยสินเชื่อได้กว่า 2.7 แสนล้านบาท ภาคเอกชนตีปีก ความต้องการที่อยู่อาศัยกลับมาแน่
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวปาฐกถาพิเศษ “Property Outlook 2022” ในงานสัมมนา Property Focus 2022 : Mega Trend อสังหาฯ รับ New Normalจัดโดย นสพ.กรุงเทพธุรกิจ โดยระบุว่าขณะนี้ได้เริ่มเห็นสัญญาณที่ชัดเจนของภาคอสังหาฯมากขึ้น จากยอดขออนุญาตการจัดสรรที่ดินและการก่อสร้างที่เริ่มมีมากขึ้น
ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัย พบว่ามีความต้องการใกล้เคียงกับซัพพลาย ยังไม่เห็นภาวะโอเว่อร์ซัพพลายของภาคอสังหาริมทรัพย์ จึงมองว่ายอดสินเชื่อใหม่จะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องไปถึงปี 2566 อย่างแน่นอน ซึ่งภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจตัวหนึ่งว่า เศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ เพราะเมื่อภาคอสังหาฯฟื้นตัวอื่นก็จะฟื้นตามมา
ช่วงที่ผ่านมาจะพบว่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างดี เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยที่จะปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ลูกค้าระดับรายได้ปานกลาง
หันมาใช้สินเชื่อของ ธอส. มากขึ้น พร้อมย้ำว่า จากพันธกิจของ ธอส. ที่ต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยของตนเอง จึงมีนโยบายให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานที่สุด หรืออย่างน้อยภายในปี 2565 นี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทลงเหลือ 0.01% รวมทั้งขยายโครงการบ้านล้านหลังเฟส 2 ขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก แต่ยอดทำนิติกรรมจริงยังไม่เต็มวงเงิน เนื่องจากอาจรอประเมินสถานการณ์ก่อน
ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่รัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการปรับลดภาษี 90% นั้นส่งผลกระทบต่อรายได้ท้องถิ่นหายไปประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทบต่องบประมาณที่ใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น ทั้งถนนหนทาง น้ำเสีย และสิ่งแวดล้อม
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า ในไตรมาสแรกปีนี้ ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 6.2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าภาวะปกติ
หากคิดรวม 4 ไตรมาส จะปล่อยได้ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท แต่เชื่อว่าในปีนี้จะปล่อยสินเชื่อได้ราวประมาณ 2.7 แสนล้านบาท ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการและเป็นดัชนีชี้วัด การฟื้นตัวภาคอสังหาฯ
อีกทั้ง จากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และกระทรวงการคลังได้มีนโยบายให้ ธอส. ตรึงอัตราดกเบี้ยไปนถึงสิ้นปี 2565 นั้น จึงเป็นช่วงที่ดี สำหรับผู้มีความพร้อมที่จะซื้ออสังหาฯ แต่ราคาของอสังหาฯ
ที่มีการก่อสร้งใหม่ มีสิทธิ์ปรับขึ้น ซึ่งธอส. พร้อมจะเข้าไปช่วยในเรื่องของดอกเบี้ยและวงเงินสินเชื่อ แม้รายได้ของผู้กู้จะลดลงก็ตาม และพร้อมจะปล่อยสินเชื่อภายใต้การบริหารความเสี่ยงของเราเอง ซึ่งในส่วนของหนี้เสียของ ธอส. ขณะนี้ยังต่ำเพราะเป็นการกู้เพื่อที่อาศัยจริง
นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาร์ค ลักชัวรี จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ในเครือ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ แบรนด์ ไนท์บริดจ์ และ พาร์ค ออริจิ้น กล่าวว่า
อสังหาฯไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ หลังจากตลาดคอนโดฯลักชัวรีกลางเมือง และเมืองท่องเที่ยว หดตัวลง 50% ซึ่งบริษัทได้ศึกษาตลาด และพบโอกาสใหม่
พลิกการพัฒนาโครงการคอนโดฯไปสู่ บริการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ตอบสนองนักลงทุนระยะยาว ที่แสวงหารายได้ค่าเช่า ซึ่งจะเป็นโอกาสใหม่ในภาคอสังหาฯไทย หลังปัจจัยต่างๆ คลี่คลาย
เพราะเมื่อคำนวณอัตราเงินเฟ้อแต่ละปีโต 1.5% ขณะราคาคอนโดฯที่ถือไว้ มูลค่าเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 8% ทำให้นักลงทุนจากตลาดสินทรัพย์ต่างๆ เริ่มกลับมาลงทุนในคอนโดฯมากขึ้น
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอส เตท จำกัด (มหาชน) ระบุว่าปัจจัยโควิดยาวนานที่สุดเท่าที่เคยเจอมา 28 เดือนแล้วยังไม่จบ ผลกระทบโดมิโนอาจยังมีต่อ แต่เชื่อว่าในภาคของอสังหาฯดีมานด์จะพลิกอัพกลับมา
ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยว ปลุกตลาดโรงแรม และตลาดที่อยู่อาศัย วันนี้ลูกค้าจะดูว่าใครตอบโจทย์ที่สุด ความกังวลเดียวของเรา คือ การขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างจำเป็นต้องบริหารจัดการให้ดี
โอกาสและทางออกอสังหาฯ จากนี้ไป จะต้องตามให้ทันเมกะเทรนด์ เช่น ดิจิทัลคอนเทนต์ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคยุคใหม่ การผลักดันตัวเองไปสู่มิติธุรกิจสีเขียว
ใส่ใจการออกแบบและการบริหารที่ถูกใจลูกค้า และมุ่งสนับสนุนสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคม ทั้งหมดเป็นองค์ประกอบ ที่ทำให้พื้นฐานของธุรกิจแข็งแกร่งและจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เทอร์ร่า เจาะเทรนด์ผู้บริโภค 2022 บ้านแนวราบเด่น – ผู้ซื้อเชื่อมโลกดิจิทัล
เว็ปไซต์ TerraBKK.com เจาะเทรนด์ผู้บริโภค 2022 พบผู้ซื้อ นิยม บ้านเดี่ยว สูงสุด ขณะ ช่องทางดิจิทัล ออนไลน์ โฆษณาผ่าน Facebook เข้าถึงผู้บริโภคสูงสุด
7 เมษายน 2565 – นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ เว็ปไซต์ TerraBKK.com กล่าวถึงเทรนด์ผู้บริโภคในอสังหาริมทรัพย์ไทย ว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการเลือกซื้ออสังหาฯ มีการเปลี่ยนแปลงไป จากข้อมูลที่ TerraBKK ได้เก็บจากผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์จำนวน 1,500 คน ในช่วงปลายปี 2564 พบว่า บ้านเดี่ยว เป็นสินค้าที่คนต้องการซื้อมากที่สุด ขณะที่ทาวน์โฮม,บ้านพักตากอากาศและบ้านแฝด เป็นกลุ่มสินค้าที่โดดเด่นจากอัตราการเติบโตขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้คนในกลุ่ม Gen Z ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกลุ่มบ้านเดี่ยวเป็นอันดับแรก รองลงมาคือคอนโดฯ โดยส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้องการซื้อที่อยู่เป็นของตนเอง, ต้องการสังคมที่ดีขึ้น และที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่บอกว่าต้องการที่จะแยกออกจากครอบครัวใหญ่ ซึ่งจะเห็นว่าคนกลุ่มนี้เกิดมาพร้อมกับแนวคิดช่วยเหลือตัวเองพึ่งพาตนเอง ซึ่งการครอบครองอสังหาฯของตนเอง คือหนึ่งในเครื่องหมายความสำเร็จในชีวิต
ส่วนกลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายมีความต้องการ มีความสนใจที่ซับซ้อนในการเลือกอสังหาฯ ซึ่งในแต่ละช่วงสถานการณ์จะค่อนข้างแตกต่างกัน เป็นกลุ่มที่ไม่ได้มี กำลังซื้อสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น
สำหรับปัจจัยสำคัญในการที่ลูกค้าจะเลือกซื้ออสังหาฯในช่วงนี้ ส่วนใหญ่บอกว่าต้องการเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่มากกว่า โดยเฉพาะบ้านแนวราบที่ลูกค้าต้องการความปลอดภัยที่มากกว่าการดูแลจาก รปภ.ตลอด 24 ชั่วโมงจากหน้าโครงการ
นอกจากนี้ลูกค้ายังต้องการโครงการที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ซึ่งปัจจุบันทำเลที่อยู่ติดรถไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่คำตอบของการเลือกซื้ออสังหาฯในตอนนี้ เพราะหลายคนบอกว่ายิ่งใกล้รถไฟฟ้า ยิ่งได้รับมลภาวะทางเสียงและฝุ่นละอองมากขึ้น
อย่างไรก็ดีการใช้สื่อออนไลน์ ยังเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดยุคนี้ โดยเฉพาะการโฆษณาผ่านทาง Facebook ที่มาเป็นอันดับหนึ่งซึ่งแซงหน้าสื่ออื่นๆ เพราะ Facebook มีการจับพฤติกรรมของผู้ใช้งานอย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างในช่วงสถานการณ์โควิด ลูกค้าไม่ได้ออกมาดูโครงการจริงด้วยตนเอง ซึ่งการทำโฆษณาผ่าน Facebook จะทำให้ผู้ที่สนใจกดไลค์ Property product ก็จะได้รับข้อความโดยอัตโนมัติ
” จะเห็นว่าปัจจุบันนี้สื่อออนไลน์เข้าถึงลูกค้าในทุกกลุ่มและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อมากทีเดียว customer Journey มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ โดยเฉพาะลูกค้าที่สนใจบ้านแนวราบ ที่ส่วนใหญต้องการพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับครอบครัวและพื้นที่ขนาดเล็กของตัวเอง ดังนั้นหลายคนจึงเลือกที่จะขยับขยายออกมาซื้อคอนโดฯ ที่อยู่ใกล้กับบ้านปัจจุบันเป็นต้น “
ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่สนใจซื้อทาวน์โฮม ปัจจุบันเป็นกลุ่มที่ใช้ทาวน์โฮมเป็นโฮมออฟฟิต สามารถทำธุรกิจหรือเก็บสต๊อกสินค้าได้ในพื้นที่เดียวกับที่พักอาศัย ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง และอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัว จึงชอบโครงการที่แบ่งทาวน์โฮมออกเป็นคลัสเตอร์ หรือจำนวนบ้านในแต่ละซอยไม่เยอะมากนัก เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้มากขึ้น ทำให้ทาวน์โฮมในปัจจุบันบางโครงการก็ขยับเข้ามาในทำเลที่ใกล้เมืองมากขึ้น
ส่วนคอนโดฯ คนยุคนี้ก็ไม่ต้องการโครงการที่มียูนิตเยอะ ๆ แต่มีความต้องการพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ Family Room ที่ผู้พักอาศัยต้องการนำมาใช้เป็นพื้นที่กิจกรรมของครอบครัวมากขึ้น เหมือนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการกลับมาต้องการพื้นที่ Family Room ก็เพื่อทดแทนพื้นที่ภายในห้องที่มีขนาดเล็ก หรือไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หุ้นไทย7เม.ย. คาดดัชนีปรับลงตามตลาดภูมิภาค
หุ้นไทย7เม.ย.คาดดัชนีปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค นักลงทุนกังวลเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนพ.ค. ขณะที่ในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ ราคาทองปรับลง50บาท
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.65 นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับตัวลงเป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 15-16 มี.ค.ที่ผ่านมาระบุว่ากรรมการเฟดเห็นพ้องปรับลดขนาดงบดุลลงเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในเดือนพ.ค.นี้ และกรรมการเฟดหลายคนยังสนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง โดยเฉพาะ Nasdaq ร่วงไปกว่า 2%
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลง 5.6% โดยหลุดระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลงมาที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.65 หลังประเทศสมาชิกสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตรียมระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ 120 ล้านบาร์เรลรับมือภาวะอุปทานตึงตัวและสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยจะรวมถึงน้ำมันจากคลังของสหรัฐ 60 ล้านบาร์เรลด้วย และยังได้รับแรงกดดันจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.85 ล้านบาร์เรล จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานบ้านเราให้ปรับตัวลง
รวมถึงหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี คาดว่าจะร่วงลงตามดัชนี Nasdaq ด้วย ขณะที่บ้านเราก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์ คาดว่าปริมาณการซื้อขายน่าจะเริ่มเบาบางลง จากนักลงทุนชะลอการลงทุน
ให้แนวรับไว้ที่ 1,690-1,695 จุด และแนวต้าน 1,706-1,7010 จุด
ด้านสมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำประจำวัน เปิดตลาดปรับลง 50 บาท ทองแท่งรับซื้อ 30,450 บาท ขายออก 30,550 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 29,895.52 บาท ขายออก 31,050 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ที่ 1 ของโลก! เปิดวาร์ป “อันนา” สาวน้อยมหัศจรรย์สเก็ตลีลาแดนหมีขาว
พาไปรู้จักกับ อันนา เชอร์บาโควา นางฟ้านักสเก็ตลีลาหญิงทีมชาติรัสเซีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ในตอนนี้
สาวน้อยวัย 18 ปี เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2004 ที่กรุงมอสโก เริ่มเล่นสเก็ตตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ก่อนจะเทิร์นโปรเมื่ออายุ 9 ขวบ และจากนั้นก็ระเบิดฟอร์มสร้างตำนานได้เรื่อยมา
จนถึงตอนนี้ อันนา กวาดแชมป์แห่งชาติของรัสเซียไป 3 สมัย, แชมป์เยาวชนยุโรป 1 สมัย, แชมป์โลกประเภททีม 1 สมัย, แชมป์โลก 1 สมัย และล่าสุดคือเหรียญทองโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ทำให้เธอรั้งตำแหน่งมือ 1 ของโลกไปครองอย่างไร้ข้อกังขา
อย่างไรก็ดี สาวน้อยสุดน่ารักก็ยังมีอีก 1 รายการที่ยังไปไม่ถึงฝัน นั่นก็คือ แชมป์ยุโรป เนื่องจาก อันนา ทำได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น หลังจากลงแข่งมา 2 ครั้งในปี 2020 และ 2022 ซึ่งครั้งล่าสุดนี้เธอพ่ายให้ คามิลา วาลิเอวา วันเดอร์คิดรุ่นน้องเพื่อนร่วมชาติวัย 15 ปีไปอย่างน่าเสียดาย
ด้วยฝีมือระดับโลกและรูปร่างหน้าตาที่เป็นดาราได้สบายๆ ทำให้ อันนา มีผู้ติดตามในอินสตาแกรม anna__shcherbakova_ มากกว่า 7.6 แสนคน และเป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้าแบรนด์ดังมากมาย โดยเฉพาะ ไนกี้ ที่ทุ่มเงินให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ด้วยสัญญาระยะยาวเลยทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โควิด-19, ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ่ อาการแตกต่างกันอย่างไร
อาการของโควิด–19, ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ่ อาจจะใกล้เคียงกันจนแยกไม่ค่อยออก แต่จริงๆ แล้วมีจุดสังเกตง่ายๆ อยู่ หากสงสัยว่าเป็นโรคไหน จะได้เตรียมรับมือได้ถูกวิธี
ท่ามกลางช่วงโรคโควิด-19 ระบาด เราอาจจะระมัดระวังตัวเองแต่กับโรคนี้โรคเดียว ทั้งที่จริงแล้วไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ต่างก็กำลังระบาดหนักไม่แพ้กัน แต่อาการที่จะแยกโรคแต่ละโรคออกจากกันได้ ที่เราสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองมีอะไรบ้าง
โควิด-19, ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ่ อาการแตกต่างกันอย่างไร
โควิด-19 (โอมิครอน)
การระบาดของโควิด-19 ในปี 2022 นี้ ส่วนใหญ่มาจากสายพันธุ์โอมิครอนเป็นหลัก และพบว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 โอมิครอนเกือบ 50% ไม่มีอาการ ส่วนอาการที่พบได้ มีดังนี้
- มีไข้
- ไอ เจ็บคอ
- ปวดกล้ามเนื้อ
- มีน้ำมูก
- ปวดศีรษะ
- หายใจลำบาก
- ได้กลิ่นลดลง
ไม่จำเป็นต้องมีอาการครบทุกข้อ อาจจะมีอาการ 1-3 ข้อนี้ก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่อาการใกล้เคียงกับไข้หวัดธรรมดามาก
โดยส่วนมากแล้วการติดเชื้อโควิด-19 โอมิครอนจะเป็นการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนไม่ได้ลงปอด จึงทำให้อาจพบเจอผู้ป่วยเหล่านี้ปะปนกับคนทั่วไปในที่สาธารณะได้ง่าย แม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วก็ยังสามารถติดเชื้อได้แต่ช่วยลดความรุนแรงของอาการลงไปได้มาก ดังนั้นจึงควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนสัมผัสอวัยวะต่างๆ ในร่างกายหรือหยิบจับอาหารเข้าปาก
ไข้เลือดออก
เพราะโควิด-19 ทำให้คนอยู่ดูแลบ้านจึงกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายไปได้มากขึ้น แต่โรคไข้เลือดออกก็กลับมาระบาดอีกครั้งเพราะคนเริ่มออกจากบ้านจนการป้องกันลดลง แต่อาการของไข้เลือดออกจะเป็นอย่างไร สามารถสังเกตได้ดังนี้
- มีไข้สูงแบบเฉียบพลัน และต่อเนื่องเป็นเวลา 2-7 วัน แม้จะเช็ดตัวหรือทานยาลดไข้แล้วก็ไม่ดีขึ้น
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยตามตัว
- หน้าแดง
- อาจมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา
- ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก
- มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้องและเบื่ออาหาร
หากพบว่ามีอาการไข้ลดลงอย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะทำให้เกิดภาวะช็อกจนกระทั่งเสียชีวิตได้ ควรนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการและรักษาได้ทันท่วงที
ไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) เป็นเชื้อที่พบมานานแล้ว อาการมักจะไม่รุนแรง และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่างๆ ทั่วไป
อาการทั่วไปคล้ายกับโควิด-19 ค่อนข้างมาก ดังนี้
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก
- ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หนาวสั่น
- เบื่ออาหาร
- คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ
- บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ข้อแตกต่างที่ยังพอสังเกตได้ คือ ไข้หวัดใหญ่อาจจะไม่มีอาการเจ็บคอ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้มากในผู้ป่วยโควิด-19 แต่ก็ยังต้องได้รับการตรวจจากแพทย์เพื่อยืนยันอีกครั้ง หรืออาจจะจำแนกได้ด้วยตัวเองจากการตรวจ ATK
อย่างไรก็ตาม โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง สามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัย ในเด็กสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ส่วนผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถฉีดเพื่อป้องกันลูกน้อยที่เพิ่งคลอดยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะฉีดวัคซีนได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
11 คำศัพท์บ่งบอกเลยว่า นี่แหละชีวิตคนเมือง
Pollution = มลพิษ
Noise pollution = มลพิษทางเสียง
Air pollution = มลพิษทางอากาศ
Crowd = ผู้คนเยอะเเยะ
Traffic jam = การจราจรติดขัด
Rush hours = ชั่วโมงเร่งด่วน
Living Cost = ค่าครองชีพ
Stress = ความเครียด
Crime = อาชญากรรม
Social evil = ความชั่วร้ายทางสังคม
Discrimination = การแบ่งแยกแตกต่าง (ดูถูก)
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
โคเน่ เผยโฉม ‘ลิฟต์อัจริยะ’ ตัวแรกของโลก สั่งงานผ่านหุ่นยนต์
นวัตกรรมแห่งอนาคต โคเน่ เผยโฉมลิฟต์อัจริยะ “โคเน่ ดีเอ็กซ์ คลาส”มี built-in connectivity ภายในตัว ไร้สัมผัส สั่งงานผ่านมือถือ หุ่นยนต์เสริฟอาหารและต้อนรับ
5 เมษายน 2565 -โคเน่ บริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมลิฟต์และบันไดเลื่อน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการประกาศเปิดตัวลิฟต์โดยสารอัจฉริยะซีรีส์แรกของโลก “โคเน่ ดีเอ็กซ์ คลาส (KONE DX Class)”
นายแอนโทนี่ ตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเน่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา โคเน่ให้บริการเคลื่อนย้ายผู้คนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนต่อวันจากทั่วโลก เรามีปณิธานที่จะขับเคลื่อนการสัญจรของผู้คนทั้งในและระหว่างอาคารให้ราบรื่นที่สุด และสร้างประสบการณ์การสัญจรภายในอาคารให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน โคเน่จึงไม่เคยหยุดยั้งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ จากอัตราการขยายตัวของชุมชนเมืองทั่วโลก การนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้และพัฒนาร่วมกับอาคารเพื่อก้าวสู่การเป็นอาคารอัจฉริยะ (smart building) การคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
โคเน่จึงพัฒนาลิฟต์โดยสารรุ่นดีเอ็กซ์ (DX) ขึ้น ปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมลิฟต์โดยสารให้ต่างออกไปกว่าเดิมเพื่อรองรับการก้าวสู่เมืองอัจฉริยะแห่งโลกอนาคตและเมืองแห่งความยั่งยืน (smart and sustainable city) และตอบสนองความต้องการของอาคารอัจฉริยะและอาคารเขียว (smart & green building) ยกระดับการโดยสารลิฟต์ไปอีกขั้นให้เป็นมากกว่าแค่การสัญจรภายในอาคารหรือการเดินทางระหว่างชั้น แต่จะเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างประสบการณ์การเดินทางภายในอาคารให้แตกต่างออกไปนับตั้งแต่การก้าวสู่ล็อบบี้อาคารไปจนถึงจุดหมายปลายทางแต่ละชั้น ด้วยการนำเทคโนโลยี IoT มาเชื่อมต่อลิฟต์โดยสาร ขณะเดียวกันก็ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน และมีเทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีในการโดยสารลิฟต์”
ลิฟต์โดยสารโคเน่ รุ่นดีเอ็กซ์ ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับซอฟต์แวร์และบริการเสริมต่างๆ สำหรับลิฟต์โดยสารได้ตลอดอายุการใช้งานของอาคารผ่านการเชื่อมต่อระหว่างระบบหรือ APIs (Application Programming Interfaces) ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดายด้วยการทำงานร่วมกับอุปกรณ์อันหลากหลาย แอปพลิเคชัน และบริการต่างๆ ซึ่งจะช่วยสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตอบสนองทุกประสาทสัมผัสของผู้ใช้ลิฟต์ผ่านการผสมผสานระหว่างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์กับบริการระบบดิจิทัลที่ให้ความพึงพอใจส่วนบุคคล ยกระดับประสบการณ์การใช้ลิฟต์พร้อมความสะดวกสบาย ปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด และสามารถตรวจสอบระบบได้ตลอดเวลา
“โคเน่ พร้อมเปิดประสบการณ์สู่มิติใหม่ของการใช้ลิฟต์โดยสารซีรีส์แรกของโลกที่สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีดิจิทัล ช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคลพร้อมกับสร้างความสะดวกสบายในการโดยสารสำหรับลูกค้าและผู้ใช้งาน เราทำงานร่วมกับลูกค้าของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาลิฟต์โดยสารรุ่นดีเอ็กซ์ ให้ตอบสนองต่อความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างดีที่สุด เทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ภายในอาคารที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ และเนื่องจากเทคโนโลยีการก่อสร้างอาคารมีการพัฒนาอยู่เสมอ ลิฟต์โดยสารภายในอาคาร
จึงต้องวิวัฒนาการสู่รูปแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ลิฟต์โดยสารโคเน่ รุ่นดีเอ็กซ์ คือโอกาสอันยอดเยี่ยมในการสร้างประสบการณ์อันแตกต่างให้กับอาคารและผู้ใช้งาน นอกจากนี้ โคเน่ ยังได้ประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและระดับโลกเพื่อนำนวัตกรรมใหม่ๆ ของแบรนด์เหล่านั้นมาเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน อาทิ Gaussian robots – หุ่นยนต์ทำความสะอาด Yunji Robots – หุ่นยนต์บริการเสิร์ฟอาหารและส่งของ Temi – หุ่นยนต์ต้อนรับและผู้ช่วยส่วนตัว Yape – หุ่นยนต์บริการส่งของประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน Y-Matrix บริษัทผู้พัฒนาระบบจัดการผู้มาเยือน (VMS) BlindSquare – แอพนำทางสำหรับผู้พิการทางสายตาและผู้มีปัญหาทางการมองเห็นชั้นนำของโลก เป็นต้น”
5 ความโดดเด่นของนวัตกรรมลิฟต์ “โคเน่ ดีเอ็กซ์ คลาส”
- เชื่อมต่อบริการเสริมหลากหลายผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทุกที่ ทุกเวลา ประกอบด้วย บริการ KONE 24/7 Connected Services การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์อัจฉริยะโดยนำข้อมูลจากระบบออนไลน์ที่ส่งจากลิฟต์มาใช้ประมวลผลการเกิดเหตุขัดข้องล่วงหน้าด้วย AI และ แอปพลิเคชั่นเรียกลิฟต์โดยสาร (KONE Elevator Call)
- สามารถเชื่อมต่อเข้ากับโซลูชันการใช้งานระหว่างระบบ (APIs) กับทั้งเจ้าของอาคารเองและผู้ให้บริการอื่นๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่อันน่าตื่นเต้น และส่งมอบสุดยอดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้งาน
- ลิฟต์โดยสารรุ่นดีเอ็กซ์ได้รับรางวัลด้านการออกแบบจาก Red Dot Award: Product Design 2020 ถึงสี่รางวัลในด้านนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมการออกแบบอันชาญฉลาด เพราะดีไซน์การออกแบบที่สวย ทันสมัย ควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โคเน่ให้ความสำคัญ
- วัสดุทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสารลิฟต์ ระบบแสง สี และแผงควบคุมหลากหลายตัวเลือก ผลิตขึ้นจากนวัตกรรมการออกแบบอันชาญฉลาดด้วยเทคโนโลยีพิเศษอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของโคเน่ อันได้แก่ วัสดุป้องกันสนิม ป้องกันรอยขีดข่วน ป้องกันรอยนิ้วมือและรอยเปื้อนต่างๆ และพื้นผิวที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ ช่วยสร้างสุขอนามัยในการโดยสารลิฟต์ที่ดี
- ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยคาร์บอนในอาคาร ตอบโจทย์อาคารสีเขียวตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ BREEAM LEED และ TREES
“เราผสานเทคโนโลยีแห่งอนาคตเข้ากับอาคารในปัจจุบันเพื่อบูรณาการ “ลิฟต์อัจฉริยะ” เข้ากับ “อาคารอัจฉริยะ (Smart building)” ให้สามารถพัฒนาการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ ของอาคารได้อย่างลงตัว อาทิ แอปพลิเคชันเรียกลิฟต์ผ่านโทรศัพท์มือถือ และโปรแกรมเพื่อให้หุ่นยนต์ประเภทต่างๆ ทำงานร่วมกับลิฟต์โดยสารได้ เป็นต้น ความพยายามอย่างมุ่งมั่นเหล่านี้ของโคเน่กำลังเปลี่ยนไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจ อันหมายถึงการผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์และการให้บริการตลอดอายุการใช้งานของอาคาร เกิดเป็นรูปแบบทางธุรกิจที่ทรงพลัง ลิฟต์โดยสารโคเน่รุ่นดีเอ็กซ์ จะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกว่าการโดยสารในลิฟต์ผ่อนคลายยิ่งขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของโครงสร้างพื้นฐาน อาคาร และบริการอันหลากหลายในอนาคตได้” นายแอนโทนี่ ตัน กล่าวสรุป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“กาแฟ” มีสารก่อ “มะเร็ง” จริงหรือไม่?
คอกาแฟต้องรู้ ดื่มกาแฟมากๆ เสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่
ผศ. นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ แพทย์ประจำสาขาวิชาเภสัชวิทยาและพิษวิทยาคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ความเชื่อที่ว่าการดื่มกาแฟทำให้เป็นมะเร็งนั้นมาจากสารในกาแฟที่ชื่อว่า “อะคริลาไมด์” (Acrylamide) เป็นสารที่สัมพันธ์กับโรคมะเร็ง หากร่างกายได้รับสารดังกล่าวเกินปริมาณที่กำหนดไว้ จะมีความเสี่ยงและทำให้เป็นมะเร็งได้
สารก่อมะเร็งในกาแฟ
อะคริลาไมด์ สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีการนำมาผ่านความร้อนสูง เช่น ขนมอบกรอบที่ต้องผ่านการทอดด้วยความร้อนสูง เป็นต้น
กาแฟ อาจเกิดสารอะคริลาไมด์ได้จากขั้นตอนการคั่วกาแฟ รวมถึงขั้นตอนการทำกาแฟสำเร็จรูปที่ทำให้เกิดสารอะคริลาไมด์อีกครั้งหนึ่ง
ปริมาณอะคริลาไมด์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ร่างกายควรได้รับสารอะคริลาไมด์ไม่เกิน 2.6 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หากได้รับมากกว่าที่กำหนดไว้จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
กาแฟมีสารก่อมะเร็ง (อะคริลาไมด์) มากเท่าไร
จากการศึกษาของประเทศโปแลนด์พบว่าในกาแฟคั่วบดหรือกาแฟสด 160 ซีซี (ประมาณ 1 แก้ว) มีสารอะคริลาไมด์ 0.15-1 ไมโครกรัม แสดงว่าหากคนที่มีน้ำหนักตัว 40 กิโลกรัม จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งจากการดื่มกาแฟได้ ต้องได้รับสารอะคริลาไมด์เกิน 40×2.6 = 104 ไมโครกรัม
ในกาแฟ 1 แก้วมีสารอะคริลาไมด์ 0.15-1 ไมโครกรัม แปลว่าในคนที่มีน้ำหนัก 40 กิโลกรัมจะต้องบริโภคกาแฟมากกว่า 104 แก้ว จึงจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง แสดงให้เห็นว่าการดื่มกาแฟในปริมาณปกตินั้น ไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้าม ในกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคเส้นเลือดอุดตัน เคยมีการศึกษาพบว่าในคนที่บริโภคกาแฟดำ 2 แก้วขึ้นไป มีอัตราการเกิดมะเร็งน้อยกว่าประชากรทั่วไป
แต่การดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ คือการดื่มกาแฟดำเท่านั้น การดื่มกาแฟที่ใส่ครีมหรือน้ำตาลมาก ควรระมัดระวังภาวะอ้วน ไขมันในเลือดสูง และน้ำตาลสูงจากน้ำตาล ครีม หรือครีมเทียมที่เติมเข้าไป
อันตรายจากการดื่มกาแฟ
แม้ว่าปริมาณสารอะคริลาไมด์ในกาแฟจะไม่ได้มากพอที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่อันตรายจากกาแฟที่มาจากคาเฟอีนก็อาจเป็นอันตรายต่อบางคนที่ดื่มได้ เช่น ทำให้ชีพจรเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้นเล็กน้อย จึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมโรคได้ไม่ดี รวมถึงกาแฟมีความเป็นกรดพอสมควร จึงทำให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะอาหาร จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยกรดไหลย้อน เพราะจะกระตุ้นให้ตัวโรคมีอาการรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ฤทธิ์ของคาเฟอีนที่ทำให้ตื่นตัวหากได้รับผิดเวลาจะทำให้นอนไม่หลับ ข้อแนะนำคือควรได้รับในช่วงครึ่งเช้าของวัน หรือพยายามอย่าให้เกิน 16.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 07/04/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,450.00 | 30,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,972.00 | 29,895.52 | 31,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,774.80 | 26,905.97 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,577.60 | 23,916.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 887.00 | 13,446.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 690.00 | 10,460.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,044.00 | 30,987.04 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/04/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.35 | 38.35 | 38.75 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.08 | 38.08 | 38.48 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.24 | 37.24 | 37.64 | 37.24 | 37.24 | – | 37.24 | 37.24 | 37.24 | 37.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 30.54 | 30.54 | – | – | – | – | – | – | – | 30.54 |
เบนซิน 95 | 45.76 | – | – | – | 46.21 | – | 46.26 | 46.26 | – | 45.76 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 36.39 | 36.36 | 36.39 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |