เปิดราคาขาย ‘วิลล่า’ ภูเก็ต สูงสุด 370 ล้าน!!
ไนท์แฟรงค์ เปิดข้อมูล ตลาด ‘วิลล่า’ ในจังหวัดภูเก็ต อสังหาฯยอดนิยม ของนักลงทุน ,คนรวย และ ชาวต่างชาติ ราคาขายถูกสุด 12 ล้าน ขณะแพงสุด ณ ปี 2564 อยู่ที่ 370 ล้านบาท ส่วน บริเวณหาดบางเทา ยังขึ้นแท่นทำเลฮอต
28 เมษายน 2565 – นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นสถานที่พักตากอากาศที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีการเติบโตควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวของเกาะเล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์แห่งนี้ บ้านพักตากอากาศหรือวิลล่าเป็นสถานที่พักตากอากาศที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญในการอยู่อาศัยในฤดูพักผ่อนของชาวต่างชาติ
นอกจากนี้วิลล่าไม่เพียงแต่จะเป็นบ้านพักตากอากาศเท่านั้นแต่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อโดยการปล่อยเช่าในช่วงเวลาที่ไม่ได้มีการอยู่อาศัย สถานที่ตั้งของวิลล่าจะนิยมตั้งอยู่ในบริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ตที่อยู่ใกล้ชายหาดและมองเห็นวิวทะเลที่สวยงามรวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมมากมาย ทำให้วิลล่าในบริเวณนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูงและสามารถทำราคาซื้อขายได้ดี
แม้ว่าสถานการณ์ของภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีนักแต่ตลาดวิลล่ายังคงได้รับความสนใจจากผู้ซื้ออยู่บ้างในช่วงตลอดทั้งปี 2564 ที่ผ่านมา
วิลล่าในจังหวัดภูเก็ต
จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทย พบว่าวิลล่าที่ขายได้แล้วในภูเก็ตมีจำนวนทั้งสิ้น 3,233 หน่วย จากจำนวนอุปทานทั้งสิ้น 4,002 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 80.8 อัตราการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 2.3 โดยในปี 2563 มีอัตราการขายที่ร้อยละ 78.5 การที่อัตราการขายเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากวิลล่าที่เปิดขายในภูเก็ตในปี 2564 มีจำนวนอุปทานใหม่เข้ามาจำนวนน้อยเพียง 108 หน่วย
ในส่วนจำนวนหน่วยวิลล่าที่ขายได้ใหม่ในปี 2564 มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ทั้งสิ้น 177 หน่วย จำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 จากภาวะโรคระบาดโควิค 19 ที่ยาวต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวและการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติยังมีไม่มากนักเป็นภาวะให้เศรษฐกิจยังไม่คล่องตัว ส่งผลให้จำนวนหน่วยขายของวิลล่าในภูเก็ตลดลง
อย่างไรก็ดีจากจำนวนหน่วยขายได้ใหม่สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นคนไทยที่มีฐานะประมาณร้อยละ 80 ของจำนวนหน่วยขายได้ทั้งหมดในปีนี้ ในขณะที่กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติมีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น โดยเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในแถบยุโรปและรัสเซีย โดยกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยที่ซื้อวิลล่าส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
การที่คนกลุ่มนี้หันมาซื้อวิลล่าในภูเก็ตอันเนื่องมาจากต้องการพื้นที่ Safe zone หากยังคงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ร้ายแรงและควบคุมได้ยากซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ทำให้หลายโครงการสามารถปิดการขายได้ทั้งในการขายออนไลน์และการเข้าเยี่ยมชมโครงการโดยตรงแม้จะปรับราคาขายขึ้นบางเล็กน้อยแล้วก็ตาม
3 ทำเลยอดนิยม
ขณะที่บริเวณที่มีจำนวนหน่วยขายได้มากที่สุด 3 อันดับได้แก่
- บริเวณหาดบางเทา ขายได้อยู่ที่ 65 หน่วย
- บริเวณเชิงทะเล ขายได้อยู่ที่ 58 หน่วย
- หาดกมลา ขายได้ที่ 17 หน่วย
” บริเวณบางเทาเป็นบริเวณที่นิยมในการพัฒนาวิลล่ามากที่สุด เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ รวมถึงศูนย์การค้า ปอร์โต เดอ ภูเก็ต ที่อยู่ในบริเวณนี้ให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกให้กับผู้ที่อยู่ในบริเวณนี้ นอกจากนี้ในอนาคตจะมีการพัฒนาเกิดขึ้นใหม่ได้แก่ โครงการ Boat Avenue Park & Playground โครงการที่ขยายจาก Boat Avenue พัฒนาโดยกลุ่ม โบ๊ท อเวนิว โดยจะพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะและมีร้านค้าที่สะดวกต่อการ Delivery พร้อมที่จอดรถให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น “
“บริเวณบางเทาถือเป็นหนึ่งในบริเวณที่เป็นทำเลเศรษฐกิจและน่าอยู่อาศัย ทำให้บริเวณนี้เป็นที่นิยมและชื่นของชาวต่างชาติของกลุ่ม Millionaire range เป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันบริเวณบางเทาไม่ค่อยมีพื้นที่เหลือในการพัฒนาวิลล่าอีกทั้งยังมีราคาที่ดินที่ค่อนข้างสูง นักพัฒนาจึงหันมาพัฒนาวิลล่าในพื้นที่ใกล้เคียงบางเทามากขึ้นนั่นก็คือบริเวณเชิงทะเล ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในบริเวณที่สามารถมองเห็นวิวทะเลแต่ผู้ซื้อก็ให้ความสนใจเพราะอยู่ในบริเวณที่อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นกัน “
ราคาขายวิลล่าภูเก็ต
ราคาขายวิลล่าในภูเก็ตขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างอันได้แก่ วิวจากวิลล่า โดยจะแบ่งประเภทของวิลล่าออกเป็น 3 ประเภทคือ
- วิลล่าที่ตั้งอยู่หน้าหาด หรือ บนภูเขาที่อยู่ติดกับทะเล (Oceanfront Villa)
- วิลล่าที่เห็นวิวทะเล วิลล่าประเภทนี้ตั้งอยู่ไกลจากหาดแต่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งสามารถเห็นวิวทะเล ได้ในมุมกว้าง (Seaview Villa)
- วิลล่าที่ไม่เห็นวิวทะเล (In Land Villa)
โดยวิลล่าประเภท Oceanfront จะเป็นวิลล่าที่มีระดับราคาขายต่อหน่วยที่สูงที่สุด โดยราคาขายของวิลล่าในตารางถัดไปเป็นราคาขายวิลล่าจากโครงการที่ยังมีหน่วยเหลือขายอยู่และโครงการที่เปิดขายในปี 2564 โดยพบว่าราคาขายวิลล่าประเภท Oceanfront ที่อยู่ระหว่างการขายมีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 292 ล้านบาท และ สูงสุด ที่ 370 ล้านบาท
ส่วนวิลล่าประเภท Sea view ที่เปิดขายในปีนี้มีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 38.8 ล้านบาท และสูงสุดที่ 56.5 ล้านบาท และวิลล่าประเภท In land มีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 12.3 ล้านบาท และ สูงสุดที่ 36.7 ล้านบาท และจากการเก็บข้อมูลจะพบว่าในบางโครงการราคาขายเริ่มต้นของวิลล่าประเภท In land มีราคาขายสูงกว่าวิลล่าประเภท Sea View เนื่องจากขนาดของวิลล่าIn land ที่อยู่ระหว่างการขายมีขนาดใหญ่กว่ามีจำนวนห้องนอน 3 ห้อง ส่วนระดับราคาขายเริ่มต้นของวิลล่าประเภท Sea view เป็นวิลล่าประเภท 1 ห้องนอน จึงมีราคาถูกกว่าวิลล่าประเภท In land
แนวโน้มตลาดวิลล่าในภูเก็ต
ตลาดวิลล่าในภูเก็ตในช่วงปี 2565 มีแนวโน้มเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัว จากการท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับมาสดใสอีกครั้งสะท้อนได้จากการที่กลุ่มนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติที่มีความพร้อมในการลงทุนยังคงให้ความสนใจและรับช่วงต่อในการบริหารโครงการในโครงการที่ไม่สามารถไปต่อได้ในช่วงที่ธุรกิจในภูเก็ตถดถอย นักลงทุนจึงเห็นโอกาสในการซื้ออสังหาฯ เก็บไว้ในราคาที่ต่ำเพราะยังเชื่อมั่นว่าภูเก็ตยังมีศักยภาพที่ดีและนักท่องเที่ยวยังให้ความสำคัญเช่นเดิม นอกจากนี้การที่รัฐบาลผลักดันให้มีการเปิดประเทศและมีวัคซีนที่รองรับได้อย่างทั่วถึงรวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีการปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้ชีวิตภายใต้สภาวะสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ลงตัวมากขึ้น ซึ่งถือว่าสัญญาณที่ดีที่บรรยากาศการท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะได้รับการตอบรับตามมาพร้อมกับกำลังซื้อของชาวต่างชาติที่ยังคงมีความต้องการวิลล่าอยู่ อย่างไรก็ดีคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 เศรษฐกิจของภูเก็ตจะเริ่มดีขึ้น จากการเปิดประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยระบบ Test & Go จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกที่จะเข้ามายังประเทศได้ง่ายขึ้น ปัจจัยดังกล่าวจะสามารถทำให้เศรษฐกิจของเมืองภูเก็ตกลับมาปกติได้ภายในปี 2566 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วและจะส่งผลดีต่อตลาดวิลล่าในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘เปิดประเทศ’ อสังหาฯภูเก็ต ลุ้นต่างชาติฟื้น’ตลาดโรงแรม-วิลล่า’
ซีบีอาร์อี เปิดแนวโน้ม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ลุ้นฟื้นตัว จากนโยบายเปิดประเทศไทย รับชาวต่างชาติ ขณะไตรมาสแรกอัตราเข้าพักโรงแรมเพิ่มเป็น 60-90% ส่วนวิลล่าหรู ส่วนใหญ่ยังถูกดูดซับจากผู้ซื้อคนไทย
28 เมษายน 2565 –นางสาวประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2564 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพียงเล็กน้อย ไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ และมีเพียงวิลล่าใหม่สองโครงการเท่านั้นที่มีการเปิดตัว แต่อย่างไรก็ตาม ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก รายงานว่าความต้องการบ้านพักตากอากาศปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และผลการดำเนินงานของโรงแรมต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากมีการผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเดินทางและการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์
“โมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 อาจไม่ได้ผลเท่ากับที่เราคาดหวังไว้ แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังสนามบินภูเก็ตเพิ่มขึ้นเป็น 219,144 คน และถึงแม้จำนวนดังกล่าวจะถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวจำนวน 4.4 ล้านคนที่เดินทางมาในช่วงหลังครึ่งของปี 2562 แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาพักอาศัยระยะยาวและความต้องการวิลล่าหรูจากชาวไทย และชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ”
“ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ซีบีอาร์อีปิดการขายวิลล่าจำนวนหลายหลังกับผู้ซื้อในประเทศที่มองหาบ้านพักตากอากาศหรูในภูเก็ต ซีบีอาร์อีเชื่อว่าตลาดวิลล่าหรูในภูเก็ตจะยังคงไปได้ดี เพราะผู้ซื้อกำลังมองหาพื้นที่สำหรับการทำงานนอกสำนักงานและพื้นที่ที่หลบจากความวุ่นวายเพื่อความเป็นส่วนตัวของครอบครัว ความต้องการสะสมที่เพิ่มขึ้นมาจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่มองหาโอกาสในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตในราคาพิเศษ ทั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ซึ่งเสนอขายในราคาที่ต่ำลง เนื่องจากเจ้าของเดิมไม่สามารถเดินทางกลับมายังเกาะภูเก็ตได้เนื่องจากโควิด-19 หรือบางรายอาจต้องการปลดภาระทรัพย์สิน”
นอกจากนี้ จำนวนนักลงทุนชาวจีนและชาวรัสเซียในตลาดคอนโดมิเนียมภูเก็ตลดลง เนื่องจากมีการจำกัดการเดินทาง รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศที่กำลังดำเนินอยู่ หากกลุ่มผู้ซื้อเหล่านี้กลับมา ซีบีอาร์อีเชื่อว่าตลาดการซื้อของลูกค้าดังกล่าวจะขยายครอบคลุมทั้งการซื้อเพื่อการลงทุนและเพื่ออยู่อาศัยเอง ในขณะเดียวกัน ตลาดลูกค้าชาวจีนจะเป็นความท้าทายสำหรับผู้พัฒนาโครงการ เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเพดานการโอนเงินออกนอกประเทศ ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการร่วมทุนกับบริษัทจีนอาจมีข้อได้เปรียบในเรื่องความมั่นใจในโครงการที่จะได้รับจากลูกค้าชาวจีนที่มากกว่า
ซีบีอาร์อีมีความเห็นว่า กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนที่มีศักยภาพสำหรับภูเก็ตมีด้วยกันสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่มีการการันตีและการบริหารการเช่า และกลุ่มที่สองคือผู้ซื้อเพื่ออยู่เองที่มองหาวิลล่าสุดหรูเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ พร้อมโอกาสที่จะนำมาปล่อยเช่าได้ด้วย
จากข้อมูลของแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ตลาดอพาร์ตเมนต์และคอนโดมิเนียมภูเก็ตมียอดขาย 115 ยูนิต เพิ่มขึ้น 113% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ที่มียอดขายเพียง 54 ยูนิต หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 74.2% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี 2564 ที่มียอดขาย 66 ยูนิต ในภูเก็ตไม่มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่มาเป็นเวลาสองปีติดต่อกันนับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2562 ในขณะที่มียูนิตใหม่ที่สร้างเสร็จจำนวน 209 ยูนิตมาจากเพียงโครงการเดียว และมีมากกว่า 4,700 ยูนิตอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 โดยโครงการส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันตกตอนกลางและชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้
สำหรับตลาดวิลล่าภูเก็ต แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่ามีวิลล่าทั้งหมด 81 หลังที่ปิดการขายไปในช่วงครึ่งหลังปี 2564 เพิ่มขึ้น 32.8% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และเพิ่มขึ้นถึง 125% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังของปี 2563 นอกจากนี้ ยอดขายยังเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส โดยในไตรมาส 3 ปี 2564 มีวิลล่าขายไปได้ 36 หลัง ขณะที่ในไตรมาส 4 ปี 2564 มีการขายวิลล่า 45 หลัง ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากความต้องการจำนวนมากที่มาจากผู้ซื้อในประเทศที่มองหาบ้านพักตากอากาศและบ้านหลังที่สอง ดังนั้น แนวโน้มตลาดวิลล่าภูเก็ตในปี 2565 จึงเป็นไปในทิศทางบวกมากกว่าปีก่อน ๆ แต่จะเป็นการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนหรือไม่นั้นยังยากต่อการคาดการณ์
ในด้านตลาดโรงแรมภูเก็ต หากพิจารณาปริมาณห้องพักในโรงแรม แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี รายงานว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 มีห้องพักโรงแรมเพิ่มขึ้น 1,180 ห้องจากการเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง ส่งผลให้ปริมาณห้องพักทั้งหมดของโรงแรมบนเกาะแห่งนี้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 43,000 ห้อง ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้อัตราการเข้าพักในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เพิ่มขึ้น 16.8% จาก 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนจากข้อมูลของ STR และภายในปี 2567 ปริมาณห้องพักโรงแรมในภูเก็ตจะเพิ่มขึ้น 7.3% จากโรงแรมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 15 แห่ง รวมทั้งสิ้น 3,120 ห้อง
นายอรรถกวี ชูแสง หัวหน้าแผนกธุรกิจโรงแรม ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ตลาดโรงแรมในภูเก็ตมีการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น ความมั่นใจในการเดินทาง และนโยบายจากภาครัฐที่ส่งเสริมการเดินทางภายในประเทศ รวมถึงการปรับนโยบายการเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ปีนี้ อัตราการเข้าพักโรงแรมในภูเก็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้อัตราการเข้าพักในช่วงโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็น 60% – 90% สำหรับโรงแรมที่แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ทำการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ แต่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก หรือ RevPAR ยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากเจ้าของโรงแรมยังคงเสนอแพ็คเกจราคาพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาเข้าพัก”
“เนื่องจากจีนยังคงปิดพรมแดน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเป็นชาวยุโรป ชาวอเมริกัน และชาวรัสเซียที่ตกค้างอันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกล่าสุดในจีนอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางออกจากจีนและเข้าสู่ประเทศไทยนั้นเป็นไปได้ยาก”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 34.42 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย
เงินบาทเปิดตลาด 34.42 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย แต่แนวโน้มอ่อนค่า ตลาดจับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.42 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.46 บาท/ดอลลาร์ แต่ระหว่างวันเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลกเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขณะที่ค่าเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม
“บาทแข็งค่าสวนทางกับตลาดโลก อาจเพราะมีปริมาณธุรกรรมเบาบาง แต่บาทมีโอกาสอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลกเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.30 – 34.50 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา คาดนักลงทุนรอดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“โปรอาร์ม” สร้างความฮือฮา หลังทำ โฮล อิน วัน ใน พีจีเอ ทัวร์ รายการ เม็กซิโก โอเพ่น
“โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์ นักกอล์ฟชาวไทยอดีตมืออันดับ 29 ของโลก ทำ โฮล อิน วัน ระหว่างการแข่งขัน พีจีเอ ทัวร์ รายการ เม็กซิโก โอเพ่น ที่ วิดานต้า วัลลาร์ต้า เมืองวัลลาร์ต้า ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
ทั้งนี้ “โปรอาร์ม” เริ่มต้นวันแรกไม่ดีนักเมื่อออกดับเบิลโบกี้ และโบกี้ ใน 2 หลุมแรก ก่อนจะใช้เหล็ก 5 ทำ โฮล อิน วัน ที่หลุม 5 พาร์ 3 ระยะ 189 หลา ก่อนจบวันด้วยสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ 70 อยู่ในอันดับ 61 ร่วม
“ลมพัดเข้ามาจากทางขวาเล็กน้อย ดังนั้นต้องตีไปทางขวาของหลุมซึ่งผมรู้ว่าเนินจะเทจากขวาไปซ้าย แต่ไม่ได้คาดว่าตัวเองจะทำโฮล อิน วัน”
สำหรับการทำ โฮล อิน วัน ของ “โปรอาร์ม” นับเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวทำได้ใน พีจีเอ ทัวร์ และเป็นครั้งแรกในการเล่นอาชีพ แต่เป็นครั้งที่ 2 ในการเล่นกอล์ฟต่อจากสมัยเป็นมือสมัครเล่นแข่งในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยเมื่อเกือบ 17 ปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นอกจาก “โปรอาร์ม” แล้ว สก็อตต์ กัตส์ชิวสกี้ โปรอเมริกัน ก็สามารถทำ โฮล อิน วัน ได้ในหลุมเดียวกัน กลายเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติในปี 1983 ที่มีการทำ โฮล อิน วัน หลายครั้งในหลุมเดียวกัน ในวันเดียวกันของการแข่งขัน ยูเอส พีจีเอ แบบสโตรกเพลย์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ยาที่ใช้รักษาโควิดตัวแรกของโลก แพกซ์โลวิด กินยังไง เหมาะกับกลุ่มใด อ่านเลย
ยาที่ใช้รักษาโควิดตัวแรกของโลก แพกซ์โลวิด กินยังไง เหมาะกับกลุ่มใด อ่านเลย อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และข้อควรระวัง
ยาที่ใช้รักษาโควิดในปัจจุบันมีออกมาหลากหลาย จากแต่ละบริษัทที่ผลิตออกมา แต่คำถามที่สำคัญก็คือยาตัวไหนที่ให้ผลในการรักษาได้ดีที่สุด และชนิดไหนที่ใช้รักษาโดยตรงเฉพาะโรค
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
ได้เข้าร่วมงานประชุมให้ความรู้ยาแพกซ์โลวิดกับแพทย์ จัดโดยบริษัทไฟเซอร์ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 ที่โรงแรม Waldorf Astoria
ยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) เป็นยาใหม่ตัวแรกในโลกที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาโรคไวรัสโควิด-19 จัดอยู่ในประเภท Protease Inhibitor
ยานี้ประกอบด้วย
- ยา Nirmatrelvir (150 มก.)
- ยา Ritonavir (100 มก.)
วิธีใช้ รับประทาน Nirmatrelvir 2 เม็ด และ Ritonavir 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
ให้ได้กับคนอายุ 18 ปีขึ้นไป (ในต่างประเทศให้ได้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป น้ำหนักมากกว่า 40 กิโลกรัม)
ถ้าการทำงานของไตบกพร่อง eGFR >30 ถึง <60 ต้องปรับขนาด Nirmatrevir ลงเหลือ 1 เม็ดวันละ 2 ครั้ง ส่วน Ritonavir 1 เม็ด วันละ 2 ครั้งเท่าเดิม ห้ามใช้ในกรณีไตวายและตับวาย
ผลการศึกษาพบว่า ยาแพกซ์โลวิดช่วยลดความเสี่ยงการป่วยหนักเข้านอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลงได้ 89% เมื่อผู้ป่วยได้รับยาภายใน 5 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ
กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงหลังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (covid-19) ประกอบด้วยคนอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มเสี่ยง 7 โรค และผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีน หรือได้รับเพียง 1-2 เข็ม
- ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน
- ผู้ป่วยเบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
- ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
- ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
- ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
- ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับเพียง 1-2 เข็ม
คนที่ไม่เคยได้รับวัคซีน หรือได้รับเพียง 1-2 เข็ม และมีปัจจัยเสี่ยง 1 ข้อ ควรพิจารณาให้ยาแพกซ์โลวิดโดยเร็วภายใน 5 วันที่เริ่มมีอาการ
สำหรับคนที่ได้รับวัคซีนแล้ว 3 เข็ม และเข็มสุดท้ายเป็นวัคซีนชนิด mRNA ควรมีปัจจัยเสี่ยงอย่างน้อย 2 ข้อ ถึงจะพิจารณาให้ยาแพกซ์โลวิด เนื่องจากในขณะนี้ยามีจำนวนจำกัด
ผลข้างเคียงของยาที่พบบ่อย คือการรับรสชาติอาหารเปลี่ยนไป และท้องเสีย
ข้อควรระวังในการใช้ยาแพกซ์โลวิดร่วมกับยาตัวอื่นๆ อาจเกิดปฏิกิริยาต่อกัน ต้องตรวจสอบก่อนการใช้ยาทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
จะบอกว่า ซวยแล้ว !! พูดยังไงได้บ้างในภาษาอังกฤษ
ซวยแล้ววว! เงินเดือนเพิ่งออกมาไม่นานเอง แต่แอดใช้เงินหมดแล้ว!!
แล้วแอดจะเอาชีวิตรอดได้ยังไง อีกตั้ง หลายวัน แอดจะเอาอะไรกิน….
เอาล่ะ ถ้าเราอยากจะระบายความอัดอั้นในใจออกไปให้โลกได้รับรู้ว่า “ชิ*หายแล้ว!” “ซวย” “ซวยจริงๆ!” “งานเข้าแล้วจ้าแม่” เราจะพูดยังไงได้บ้างในภาษาอังกฤษ วันนี้แอดเอามาฝากแบบไม่เยอะ แค่พอกรุบๆ เอาไปใช้บ่นกับเพื่อนกันได้
To be in trouble
ซวยแล้ว
ตัวอย่างประโยค : I’m in trouble! (งานงอกแล้วค่า ซวยแร้ว)
To be screwed
ซวยแล้ว
ตัวอย่างประโยค : I’m screwed (ฉันซวยแล้ว)
To be in deep shit
(โคตร) ซวยเลย (งานหยาบนะ)
ตัวอย่างประโยค : If you cannot answer his questions, you’ll be in deep shit.
(ถ้าเธอตอบคำถามเขาไม่ได้ เธอก็จะโคตรซวยเลยล่ะ)
To be in deep trouble
ซวยแล้ว, งานเข้าแล้ว
ตัวอย่างประโยค : I’m in deep trouble. I spilled water on my laptop.
(โคตรซวยเลยอ่ะ ฉันทำน้ำหกใส่คอม)
To be so fucked
(โคตร) ซวยแล้ว (งานหยาบนะ)
ตัวอย่างประโยค : He’s so fucked. I hope he can deal with the problem soon.
(เขาโคตรซวยเลยอะ หวังว่าเขาจะจัดการกับปัญหาได้เร็วๆนี้นะ)
To be finished
จบแล้ว, หมดกัน
ตัวอย่างประโยค : I’m finished. I have nothing left. (จบและ หมดกัน ฉันไม่เหลืออะไรแล้วจ้า)
To be toast
ซวยแล้ว (โดนปิ้งจนเกรียมกรอบ)
ตัวอย่างประโยค : I’m toast! I don’t know what to do. (ฉันซวยแล้วจ้า ไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำอะไร ฮือออ)
Not my day
ไม่ใช่วันของฉัน (โชคไม่ดี = ซวย)
ตัวอย่างประโยค : I’m toastIt’s not my day. Everything sucks.
(นี่มันไม่ใช่วันของฉัน ทุกอย่างห่วยแตกไปหมด)
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
“smart #1” รถไฟฟ้าเครือ Mercedes-Benz เคาะราคาที่จีนไม่ถึง 1 ล้านบาท
smart #1 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็กประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศจีน มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย เริ่มต้นเพียง 190,000 หยวน หรือประมาณ 990,000 บาท พร้อมแบตเตอรี่วิ่งไกลสุด 560 กิโลเมตร
smart #1 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่พัฒนาโดย smart Automobile Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน 50/50 ระหว่าง Mercedes-Benz AG และ Geely Automobile Group Co.,Ltd. โดยล่าสุดได้มีการประกาศราคาจำหน่ายของ smart #1 ในประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Pro+ ที่มีระยะทางขับขี่ประมาณ 535 กิโลเมตรต่อหนึ่งชาร์จ และ Premium ที่ขับขี่ได้ไกลขึ้นเป็น 560 กิโลเมตรต่อหนึ่งชาร์จ ภายใต้มาตรฐานการทดสอบ CLTC ของประเทศจีน
สำหรับราคาจำหน่ายของ smart #1 รุ่น Pro+ อยู่ที่ 190,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 990,000 บาท และรุ่น Premium อยู่ที่ 230,000 หยวน หรือประมาณ 1,198,000 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน
smart #1 ทั้งรุ่น Pro+ และ Premium ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 200 กิโลวัตต์ (ประมาณ 272 แรงม้า) พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 66 กิโลวัตต์ชั่วโมงเท่ากันทั้งคู่ แต่จุดต่างสำคัญอยู่ที่รุ่น Premium จะถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีซิลิคอนคาร์ไบด์ หรือ SiC ส่งผลให้มีน้ำหนักเบาและลดการใช้พลังงานลง ทำให้รุ่น Premium มีระยะทางขับขี่มากกว่ารุ่น Pro+ อยู่ราว 25 กิโลเมตร
ภายในห้องโดยสารของ smart #1 ติดตั้งหน้าจอแบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.8 นิ้ว ที่แสดงผลด้วยความละเอียด 1920 x 1080 พร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ที่สามารถทั้งค่าโปรไฟล์ส่วนบุคคล เพื่อกำหนดระบบนำทาง, ระบบปรับอากาศ, แสงและเสียง รวมถึงการปรับตั้งค่าต่างๆ ของตัวรถ พร้อมด้วยเรือนไมล์แบบ Full HD ขนาด 9.2 นิ้ว และหน้าจอ Head Up Display ขนาด 10 นิ้วมาให้ด้วย
ขณะที่ระบบความปลอดภัยถูกจัดเต็มด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS Package ประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go, ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน Active Lane Keeping, ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Assist, ระบบช่วยขับขี่บนทางด่วนและขณะรถติด Highway and Traffic Jam Assist, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Auto Parking Assist และระบบไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive High Beam Assist เป็นต้น
ทั้งนี้ smart #1 ถูกเริ่มประเดิมวางจำหน่ายในประเทศจีนเป็นแห่งแรก ส่วนกำหนดการเปิดตัวในภูมิภาคอื่นๆ จะตามมาอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Smart Living, Smart Building เป็นอยู่อย่างสมาร์ท กับโซลูชันเพื่อความเป็นอยู่และนวัตกรรมอาคาร
การก่อสร้างในยุคปัจจุบัน ต้องตอบโจทย์ในหลายๆ ด้าน ทั้งคุณภาพ การควบคุมเวลาและต้นทุน และการลด Waste จากการก่อสร้าง นวัตกรรมงานออกแบบและก่อสร้างอาคารในปัจจุบัน จึงต้องตอบโจทย์ตั้งแต่ต้นทางที่สถาปนิก นักออกแบบ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ไปจนถึงเจ้าของบ้าน
เอสซีจี ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการก่อสร้าง เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “SCG for Smart Living, Smart City” ในงานสถาปนิก’65 ระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2565 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมกับโจทย์ใหญ่เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนผ่านสินค้า บริการ และโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในบ้าน อาคาร การก่อสร้าง
ปูนตราเสือ
เริ่มต้นที่ผลิตภัณฑ์ที่คนไทยรู้จักกันดี กับปูนตราเสือ ผู้เชี่ยวชาญด้านปูนซีเมนต์ทั้งงานผนังและพื้น ครอบคลุมถึงงานตกแต่งพื้นผิวด้วยงสินค้าปูนซีเมนต์ตกแต่งสำเร็จรูปหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร พร้อมกับโซลูชั่นบริการพ่นฉาบ และงานฉาบตกแต่งผนัง เรียกว่าตอบโจทย์ครบครันทั้งฟังก์ชั่นและความงาม
และในงานสถาปนิก’65 ครั้งนี้ ปูนตราเสือยังมาพร้อมกับไอเดียใหม่ๆ ในการตกแต่งบ้านที่ตื่นตาตื่นใจกว่าเดิม และเพิ่มเติมด้วยแรงบันดาลใจกลับไปปรับลุคให้บ้านหลังนี้สดใสขึ้นอีก
Q-CON
คอนกรีตมวลเบา วัสดุก่อสร้างที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ ด้วยคุณสมบัติของตัววัสดุที่การกันความร้อน ประหยัดพลังงาน สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบต่างๆ ของการก่อสร้างได้ทั้งหลังได้อย่างรวดเร็ว และประสิทธิภาพของช่างที่หน้างาน ทั้งเรื่องการก่อสร้างทำได้ไว ทำงานง่าย ลดเศษและของเหลือทิ้งหน้างาน
นอกจากผลิตภัณฑ์แล้ว Q-CON ยังมีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญด้านคอนกรีตมวลเบา Q-CON Technical Service สำหรับให้คำปรึกษาทุกเรื่องงานก่อสร้างคอนกรีตมวลเบา และความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์อีกด้วย
DECAAR by SCG
ครบเครื่องเรื่องงานตกแต่งภายนอกบ้านด้วย DECAAR by SCG ผู้ให้บริการด้านการตกแต่งภายนอกครบวงจรทั้งงานโซลูชั่นฟาซาด (Façade Solution) และงานโซลูชั่นปรับภูมิทัศน์ภายนอก (Outdoor living Solution) เติมหน้าตาของบ้านให้เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ถอดแบบ ประมาณการสินค้า ไปจนถึงการติดตั้งและรับประกัน มั่นใจได้โดยทีมงานมาตรฐานจากเอสซีจี
CPAC 3D Printing Modular House
CPAC Green Solution มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่บ้านสำเร็จรูปที่ออกแบบและผลิตขึ้นจาก CPAC 3D Printing Solution ด้วยรูปแบบการก่อสร้างที่เรียกว่า Prefabricated Prefinished Volumetric Construction (PPVC) ซึ่งผลิตแต่ละชิ้นส่วนมาตรฐานจากโรงงาน พร้อมนำมาประกอบและติดตั้งที่หน้างานได้ทันที โดยที่งานสถาปนิก’65 นำมาจำลองจัดแสดงตัวอย่างรูปแบบห้อง โชว์พื้นผิวและความพิเศษในแบบเฉพาะงาน 3D Printing Solution เท่านั้นที่ให้ได้
ทดลองสัมผัสประสบการณ์ใช้งานกับเทคโนโลยีภายในบ้านไปกับเอสซีจีได้ที่ บูธเอสซีจี ในงานสถาปนิก’65 ระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2565 เวลา 10:00 – 20:00 น. ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือเข้าชมงานในรูปแบบ Metaverse ได้ที่ SCGlivingverse.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: SCG Brand หรือ SCG HOME Contact Center โทร. 02-586-2222
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/04/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,900.00 | 31,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,002.00 | 30,350.32 | 31,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,801.80 | 27,315.29 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,601.60 | 24,280.26 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 901.00 | 13,659.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 701.00 | 10,627.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,075.00 | 31,457.00 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/04/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.65 | 39.65 | 40.25 | 39.85 | 40.15 | 39.65 | 39.65 | 39.65 | 39.85 | 39.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.38 | 39.38 | 39.98 | 39.58 | 39.88 | 39.38 | 39.38 | 39.38 | 39.58 | 39.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 38.54 | 38.54 | 39.14 | 38.74 | 39.04 | – | 38.54 | 38.54 | 38.74 | 38.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 31.84 | 31.84 | – | – | – | – | – | – | – | 31.84 |
เบนซิน 95 | 47.06 | – | – | – | 48.01 | – | 47.56 | 47.56 | – | 47.06 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.34 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 30.34 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 30.34 | – | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 36.79 | 36.36 | 36.39 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |