ผ่าทางตัน วิกฤตอสังหาไทย กระทุ้งบ้านใหม่-มือสองไปต่อ
รัฐ-เอกชนผ่าทางตัน 3 ปัจจัยเสี่ยง เงินเฟ้อ-อัตราดอกเบี้ย ต้นทุนพลังงาน ธอส.นำทัพ ตรึงดอกเบี้ยอุ้มดีเวลอปเปอร์ ยาวถึงต้นปีหน้า แม้ต้องปล่อยลอยตัว ด้านบ้านใหม่-บ้านมือสอง ยันยังแข็งแกร่ง
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ การลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ครอบคลุมไปถึงบ้านมือสอง และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีประกาศผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราว
รวมถึงการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากการเปิดประเทศ ซึ่ง ณ ไตรมาสแรก ปี 2565 คาดตลาดปีนี้มีโอกาสโตขึ้นมา 9% อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อสังหาฯไทย กำลังถูกท้ายจากปัจจัยใหญ่ 3 เรื่อง ทั้งเงินเฟ้อ -อัตราดอกเบี้ย และต้นทุนพลังงาน จนอาจทำให้การขยายตัว โตได้ต่ำกว่าที่คิด
ทั้งนี้ในงานสัมมนา “Property inside 2022 ทางรอดอสังหาฯ” หลังโควิด-ไฟสงคราม หัวข้อ “วิกฤติโควิดสู่ไฟสงคราม อสังหาฯไทยจะไปทางไหน? ทั้งภาครัฐ และเอกชน ต่างเสนอทางรอดที่น่าสนใจ เพื่อพยุงและช่วยขับเคลื่อนอสังหาฯดังนี้
ธอส. ยันตรึงดอกเบี้ย ยาวถึงม.ค.ปี 66
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระบุว่า ความกังวลถึงแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของไทย จากแรงกดดันของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เป็นเรื่องยากที่จะฝืนตลาด ซึ่ง ธอส.จะไม่เป็นผู้นำในการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในทันที
โดยจะตรึงเวลา 3-5 เดือน หากกนง.ปรับช่วงเดือน ส.ค.นี้ ธอส.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกเดือนต.ค. เพื่อลดผลกระทบทั้งต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ และลดผลกระทบต่อเงินไหลออกด้วย ภายใต้สมมติฐาน กนง.ปรับขึ้น 2ครั้ง (ส.ค. 0.25% และพ.ย.อีก 0.25% ) แต่ธอส.จะปรับเพียงอัตรา 0.15% และอีกครั้งในช่วงเดือน ม.ค.ปี 2566 ซึ่งแม้การดำเนินการเช่นนี้ จะทำให้ ธอส.มีภาระประมาณ 1,000 ล้านบาท
แต่ธอส.ยังคงทำหน้าที่ที่สำคัญ คือการดำเนินนโยบายที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย เป็นการเข้าไปช่วยพยุงภาคอสังหาได้ เพียงขอให้ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้บริโภคต้องปรับตัว เช่น คนที่จะซื้อบ้านอาจจะต้องถอยระดับราคาลงมาตามภาวะเศรษฐกิจ
“ ชั่วโมงนี้ทุกคนกังวลดอกเบี้ยขาขึ้น แต่หากพิจารณาสถิติย้อนหลังช่วง 10 ปี ในอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเคยอยู่ที่ระดับ 1.50% ต่อปี ในปี 2558 ตอนนี้อยู่ที่ 0.50% ต่อปี โดยมองว่าหากมองย้อนไป 10-20ปี ที่ผ่านมาดอกเบี้ยนโยบายของไทยเคยอยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งหากดอกเบี้ยจะปรับขึ้นมาอยู่ระดับ 1.25-1.50 % ก็น่าจะยังอยู่ในวิสัยจะรับได้”
ทั้งนี้ อัตราการปล่อยสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยวงเงินไม่เกิน 1.5 ล้าน ณ ครึ่งปีแรก มียอดอนุมัติแล้วกว่า 106,231 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีจะสามารถทำได้ประมาณ 2.6 แสนล้านบาทหรืออาจจะสูงถึง 3 แสนล้านบาท (จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 226,423 ล้านบาท)
เฟรเซอร์สฯ เซตมาตรฐานอสังหาฯ
ขณะฟากเอกชน นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าวันนี้ เห็นสัญญาณฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ชัดเจนกว่าช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า แม้ยังเผชิญ 2 ปัจจัยลบวิกฤติเงินเฟ้อ และนโยบายปรับดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้กำลังซื้ออ่อนแอ อีกทั้งไฟสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบต้นทุนพลังงาน และราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มต้นทุนการพัฒนาโครงการสูงขึ้นราว 10%
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อสังหาฯไทย แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้เล่นหลักๆในตลาด ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคมาได้ตลอด ครั้งนี้ก็คงเช่นเดียวกัน จากการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อเซตมาตรฐานใหม่ สร้างทางรอดให้กับตัวเองอย่างยั่งยืน
โดยกลยุทธ์ที่สำคัญของอสังหาฯในเวลานี้ คือ การกระจายความเสี่ยง จัดพอร์ตสินค้าหลากหลาย และรักษาฐานลูกค้าในทำเลเดิม รวมถึงการ บุกตลาดใหม่ๆ ในตลาดภูมิภาค เนื่องจาก ปัจจุบัน ราคาที่ดิน กทม.-ปริมณฑลปรับขึ้นทุกโซน 20% และตลาดมีการแข่งขันสูง
โดยเฉพาะในตลาดบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีการเติบโตขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ถึง 10% อย่างไรก็ตาม บริษัท มั่นใจว่า จะรักษามาร์เก็ตแชร์ในตลาดบ้านแนวราบได้อย่างดี
“การสร้างความยั่งยืน อาจต้องเริ่มตั้งแต่การวางแผนซื้อที่ดิน ซึ่งบริษัทจะเน้นแปลงไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อเพิ่ม Asset Turnover (อัตราหมุนเวียนของทรัพย์สิน) สร้างง่าย ขายได้เร็ว การเพิ่มแบบบ้าน และส่วนกลางที่แปลกใหม่ เพื่อดึงดูดลูกค้าในทุกเซกเม้นท์ เป็นต้น”
นายแสนผิน ยังระบุว่า ขณะนี้บริษัท ยังพิจารณาโอกาส ในการเข้าไปเจาะตลาดคอนโดมิเนียมด้วยเช่นกัน เพราะแม้โควิดจะทำให้ความต้องการน้อยลง แต่เชื่อว่า เมื่อเศรษฐกิจดี คอนโดฯกลุ่มคนทำงานรายได้ประจำ จะกลับเข้าสู่ตลาดเร็วขึ้น ทั้งนี้ ปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 25 โครงการ เกือบแตะ 3 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 13 % ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท
บสก.ชู รีโนเวทบ้านมือสองขายสนั่น
ด้านนายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) (บสก.หรือ BAM) เปิดเผย อีกหนึ่งโอกาสของอสังหาฯไทย ว่าปีนี้ บสก.ระบายทรัพย์รอการขาย2 หมื่นรายการมูลค่ากว่า 7 หมื่นกว่าล้านบาท เกินเป้าที่วางไว้ เป็นโอกาสช่วงแรกของโควิด-19ที่เกิดเอ็นพีเอในระบบแบงก์ เยอะมาก ส่วนใหญ่จากสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่เอาบ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ไปค้ำประกันไว้
ทั้งนี้ บสก.บริหารจัดการ เพื่อเร่งขายบ้าน-ที่ดินมือสอง ซึ่งเป็นทางเลือกการมีที่อยู่อาศัยของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูงเวลานี้ โดยข้อดีของบ้าน-ที่ดินมือสองนั้น มีหลายข้อ
อาทิ ราคาถูกกว่าบ้านมือหนึ่ง ดอกเบี้ยต่ำ โลเคชั่น ผู้จะซื้อเห็นเพื่อนบ้านและชุมชนของทรัพย์นั้นได้จริงว่ามีสภาพอย่างไร ที่ดินไม่ทรุดเพราะอยู่ตัวแล้ว เห็นโครงสร้างและองค์ประกอบจริงของบ้าน เพื่อจะได้ปรับปรุงได้ตรงจุด ไม่เกิดปัญหาภายหลัง ผ่านการจับมือกับ SCG ทีมสถาปนิกนักออกแบบ เข้ามารีโนเวทบ้านเก่าให้กลับมาใหม่ พร้อมใส่นวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อจำหน่ายแก่ผู้สนใจในราคาที่ถูกกว่าบ้านมือหนึ่งเยอะมาก
การดำเนินการดังกล่าวได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านเดียวราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ภาระค่างวดต่ำ ทำให้พร้อมรองรับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นได้ และเวลานี้ยังมีโปรโมชันพิเศษ เช่น ฟรีดอกเบี้ยปีแรก มีคูปอง เวาเชอร์ลดราคาต่าง ๆ เป็นต้น
“เวลานี้มีเครือข่ายลูกค้าบสก. ที่มาเลือกซื้อทรัพย์มือสองของบสก.ออกไปเพื่อนำไปรีโนเวทแล้วขายต่อ โดยเป็นกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ซื้อทีละ 2-3 รายการ ตามทุนที่มี และจะเลือกซื้อทรัพย์ในพื้นที่ที่ตนมีความเชี่ยวชาญ รู้ว่ามีลูกค้ากลุ่มไหน ต้องการบ้านลักษณะอย่างไร จากเดิมมีนักลงทุนกลุ่มนี้ 100-200 ราย เวลานี้ขยายตัวเป็นนับพันราย”
ผู้บริการ บสก.ยังกล่าวว่า ขณะนี้ยังมีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ เริ่มกลับเข้ามาหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่ดิน โรงแรม อาคาร อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ โดยมีพันธมิตรคนไทยร่วมด้วย ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ ในช่วงท้าทายของอสังหาฯ
วีบียอนด์ ชูอสังหาฯไทยยุทธศาสตร์ของโลก
ส่วน นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีบียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ระบุว่า อสังหาฯ เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ บริษัท ยังคงให้น้ำหนัก ในการทำให้อสังหาฯไทยกลายเป็นยุทธศาสตร์ของโลก และควรที่จะเชื้อเชิญต่างชาติ ให้นำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนกระตุ้นการจ้างงานเกิดการเช่า
เกิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่พัฒนาสำหรับชาวต่างชาติและเพิ่มพัฒนา โปรดักส์ ให้หลากหลายมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูส มากขึ้นเช่นในโครงการคอนโดมิเนียม มีโซน wellness สถานพยาบาล ออฟฟิศ ที่อยู่อาศัย supermarket เหมือนต่างประเทศ
สิ่งนี้จะเป็นจุดดึงดูดและเชื้อเชิญชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนและอยู่อาศัย นอกจากนี้รัฐบาลควรออกนโยบายสำคัญๆที่จะเอื้อให้กับต่างชาตินำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนหรือซื้ออสังหาฯในเมืองไทยเพื่อให้ได้มาซึ่งเม็ดเงินก้อนใหม่ เมื่อมีเม็ดเงินเข้ามาเราสามารถอัดฉีดได้ทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม เรื่องของเงินเฟ้อ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นหลายเท่าตัว ดังนั้นสิ่งที่เป็นทางรอดคือ อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นต้นทุนเก่าและราคาขายยังไม่ถูกปรับขึ้นราคา นั่นคือ อสังหาฯ มือสอง
“อสังหาฯผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว นับจากนี้ตลาดนี้เป็นโอกาสของผู้บริโภค ที่จะหันกลับมาจับจ่าย ลงทุนหรือซื้อ สิ่งที่น่าสนใจ คือ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าอยู่ และไม่ได้มีพื้นที่ตารางกิโลเมตรเพิ่มขึ้น มีแต่วันที่จะหมดไป เพราะฉะนั้นเมื่อที่ดินน้อยลงในอนาคตอสังหาฯ จะต้องมีราคาสูงขึ้นไปตามกลไกตลาด”
ทั้งนี้ หลังจากพบว่า บ้านมือสอง บางโครงการมีต้นทุนต่ำจนไม่น่าเชื่อ ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาส เริ่มซื้อสินทรัพย์จากธนาคาร หรือจากบริหารสินทรัพย์ต่างๆเข้ามารีโนเวท โดยใส่นวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆเข้าไป เพื่อเพิ่มความแตกต่างของโปรดักส์จากท้องตลาดที่มี นี่เป็นทางรอดที่บริษัทมองว่าเป็นโอกาสอย่างมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แจงเปิดต่างชาติซื้อบ้าน1ไร่ กระตุ้นลงทุนตามกฎหมายที่ดินปี42
มท.แจงกรณีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ออกกฎกระทรวงให้สิทธิต่างชาติซื้อบ้าน 1 ไร่ ตามประมวลที่ดินปี 42 มีอายุบังคับใช้5ปี นอกนั้น ยึดเกณฑ์เดิม ต่างชาติถือห้องชุดไม่เกิน49% -ลดค่าโอนบ้านราคาไม่เกิน3ล้าน ส่วน ดึงต่างชาติศักยภาพสูง 4 กลุ่ม เข้าไทย พำนักระยะยาวมีผลก.ย นี้
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่ากระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างร่างกฎกระทรวงมหาดไทย เพิ่มเติมในเรื่องการให้สิทธิชาวต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน (พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2542)
โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ คือ ต้องเป็นคนต่างด้าวตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนฯ ซึ่งต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปีในธุรกิจหรือกิจการประเภทที่กำหนด
กรณีผิดเงื่อนไขทั้งเรื่องการลงทุน หรือไม่ใช้เพื่อการอยู่อาศัย จะถูกยกเลิกสิทธิและต้องขายที่ดินออกไปโดยกฎกระทรวงฉบับนี้จะกำหนดให้มีอายุการใช้บังคับเพียงแค่ 5 ปี
ส่วนการให้สิทธิชาวต่างชาติถือครองห้องชุดยังคงให้ตาม พรบ.อาคารชุดในสัดส่วน 49% ของพื้นที่ห้องชุดที่มีการจำหน่ายในแต่ละอาคาร
เช่นเดียวกับประเด็นมาตรการลดค่าธรรมเนียมใช้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น โดยเป็นการซื้อบ้านพร้อมที่ดินหรืออาคารชุดจากผู้ประกอบการที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท จะได้สิทธิลดหย่อนค่าธรรมเนียมจาก 2% เป็น 0.01%
ขณะประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางกลุ่มเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าประเทศไทย ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ที่ 2 มิถุนายน 2565 โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายน 2565
ทั้งนี้ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มประชากรผู้มีความมั่งคั่งสูง
2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
และ4. กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สามารถพำนักและทำงานในประเทศไทยได้
จะช่วย กระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน โดยการให้สิทธิในการถือครองที่ดินของคนต่างชาตินั้นถือเป็นหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจให้มีการนำเงินมาลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ พิจารณาภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ตลาดหุ้นวันนี้: ดาวโจนส์ปิดตัวลงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงกระตุ้นความกลัว
โดย Yasin Ebrahim
Investing.com — หุ้นผันผวนแต่สุดท้ายปิดต่ำลงในคืนวันพุธ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบหลายทศวรรษทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% มากกว่าที่คาดไว้มากในปลายปีนี้
S&P 500 ปิดตัวลง 0.5% ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 0.7% หรือ 208 จุด Nasdaq ลดลง 0.1%
ตัวเลขเงินเฟ้อ ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9.1% ในเดือนมิถุนายนทำระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 9% โดยได้แรงหนุนจากราคาก๊าซที่พุ่งขึ้น 11.2% และราคาอาหารเพิ่มขึ้น 1.0%
“นี่จะเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย” Pantheon Macroeconomics กล่าว เนื่องจากอัตรากำไรลดลง ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง “แต่ตอนนี้รายงานฉบับนี้จะทำให้เฟดคิดหนัก” แถลงการณ์ระบุ
เหลือเวลาอีกเพียงสองสัปดาห์ก่อนการประชุมของเฟดในเดือนกรกฎาคม นักลงทุนกำลังเดิมพันว่าเฟดจะถูกมัดมือชกให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางเข้มงวดเกี่ยวกับนโยบายการเงินมากขึ้น ตามรายงานดังกล่าว ราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แห่งแอตแลนตา กระตุ้นการเก็งกำไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% โดยกล่าวว่า “ทุกอย่างอยู่ในแผน”
อัตราต่อรองของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% เพิ่มขึ้นเป็น 59% จากเพียง 10% จากวันก่อนหน้า อ้างอิงจาก เครื่องมือตรวจจับความเคลื่อนไหวของเฟด ของ Investing.com
หุ้นธนาคารซึ่งจะเป็นที่สนใจในวันพฤหัสบดีเนื่องจาก JPMorgan (NYSE:JPM) เริ่มต้นประกาศผลประกอบการรายไตรมาสของธนาคารรายใหญ่ใน Wall Street โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลอย่างต่อเนื่องว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะเกิดขึ้น
Wells Fargo (NYSE:WFC), Bank of America (NYSE:BAC), Citigroup Inc (NYSE:C) ร่วงลงมากกว่า 1%
การช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยีได้แสดงให้เห็นอีกครั้ง เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ตัดขาดทุนส่วนใหญ่เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวลงจากระดับสูงสุด ยัง, Apple (NASDAQ:AAPL), Meta Platforms (NASDAQ:META), Alphabet (NASDAQ:GOOGL) และ Microsoft (NASDAQ: MSFT) ยังคงอยู่ในแดนลบ
Twitter (NYSE:TWTR) พุ่งขึ้น 8% หลังจากยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียฟ้อง อีลอน มัสก์ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถอนข้อตกลงซื้อบริษัทมูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์
ในขณะที่การต่อสู้ในศาลระหว่าง มัสก์ และ Twitter ปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าหลังจะมี “แรงกดดันที่แข็งแกร่ง” Wedbush กล่าว โดยขณะนี้หุ้น “เมื่อประเมินว่ามีโอกาสที่อีลอน มัสก์ จะต้องจ่ายเงินให้ Twitter 1 พันล้านดอลลาร์”
Stitch Fix (NASDAQ:SFIX) เพิ่มขึ้น 13% หลังจาก Bill Gurley แห่ง Benchmark Capital ซื้อหุ้น 1 ล้านหุ้นในบริษัทในราคา 5.43 ดอลลาร์
ด้านผลประกอบการ Delta Air Lines (NYSE:DAL) รายงาน ผลการรายไตรมาส พลาดเป้า เนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นหักล้างผลกำไร และพลาดเป้ารายได้ที่คาดหวัง ทำให้หุ้นร่วงเกือบ 5%
ขอบคุณข้อมูลจาก th.investing.com
“หมิว” ควง “บาส-ป้อ” ตบฉลุย เข้ารอบ 2 แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น
แบดมินตัน ระดับ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 500 รายการ “สิงคโปร์ โอเพ่น” ชิงเงินรางวัลรวม 370,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13.4 ล้านบาท ที่สนาม สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดี้ยม ประเทศสิงคโปร์ วันนี้เป็นการแข่งขันในรอบแรก มีนักแบดมินตันไทยคว้าชัยได้ 3 คู่
ประเภทหญิงเดี่ยว “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มือ 10 ของโลก เอาชนะ จาง ไบเหวิน มือ 16 ของโลกจากสหรัฐฯ ไปแบบไม่ยากเย็น 2 เกมรวด 21-18, 21-13 ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับ เหยา เจียมิน มือ 18 ของโลกจากสิงคโปร์เจ้าถิ่น ซึ่งสถิติที่เคยพบกันผลัดกันแพ้ชนะคนละ 1 ครั้ง
ประเภทคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือ 2 ของโลก ผ่านเข้ารอบ 2 ได้ตามคาด หลังตบเอาชนะ ชุง หงเจียง กับ เป๊ก หยินเหว่ย คู่มือ 191 ของโลกจากมาเลเซีย ไป 2-0 เกม 21-16 และ 21-12 ผ่านเข้าสู่รอบ 2 ไปทำศึกสายเลือดกับ “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “เฟรม” ศุภิสรา แพรวสามพราน คู่มือ 20 ของโลก ที่พลิกแซงชนะ ซาชาเลีย ซูมานดี้ กับ เฮเดียน่า จูลิเมอร์เบลล่า คู่มือ 56 ของโลกจากอินโดนีเซีย ไป 2-1 เกม 22-24, 21-15 และ 21-18
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 วิธีแก้สะอึกง่ายๆ ใน 3 นาที
อาการ สะอึก เป็นหนึ่งในอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แถมเวลาเกิดขึ้นแล้วเป็นอะไรที่รู้สึกน่ารำคาญมากๆ วันนี้เลยมีวิธีแก้สะอึกง่ายๆ ใน 3 นาทีพร้อมกับมารู้กันว่าอาการสะอึกเกิดจากอะไร
สาเหตุของอาการสะอึก
เกิดจากการหดเกร็งกะบังลมโดยไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากกะบังลมและกล้ามเนื้อช่องระหว่างซี่โครง ทำงานไม่สัมพันธ์กัน หรืออาจจะมีสาเหตุอื่นๆ อีกเช่น
- ระบบประสาทที่ควบคุมกระบังลมถูกรบกวน
- การขยายตัวของกระเพาะอาหารมากเกินไป
- การเปลี่ยนที่รวดเร็วในอุณหภูมิห้อง
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก ๆ
- ปัจจัยด้านจิตใจ เช่น เครียด ตื่นเต้น กลัว
วิธีแก้สะอึกง่ายๆ
วิธีที่ 1
- หายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นไว้ 10 วินาที
- หายใจออกแล้วดื่มน้ำตามทันที
วิธีที่ 2
- เงยหน้าขึ้นแล้วกลั้นหายใจไว้ 10 วินาที
- หายใจออกยาวๆ แล้วดื่มน้ำตามทันที
วิธีที่ 3
- อมน้ำไว้ ก้มหน้า ให้คางชิดหน้าอก
- พยายามกลืนน้ำที่อมไว้
วิธีที่ 4
- หายใจเข้า กลั้นหายใจ 10 วินาที
- กลืนน้ำลาย 3-4 ครั้ง
- หายใจออกทันที
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันการสะอึก
- แอลกอฮอล์
- การสูบบุหรี่
- การกินอาหารที่มากเกินไป
- เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด อาหารรสจัด
- อารมณ์หงุดหงิด อารมณ์ด้านลบ
ใครที่กำลังมีปัญหากับอาการสะอึกก็ลองนำวิธีดังกล่าวไปใช้ดู หากสะอึกบ่อยๆ มีอาการเกิน 2-3 วันหรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สะอึกแรงจนมีอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตัวอย่างประโยคการยอมรับผิดในภาษาอังกฤษ
คนเราถ้าทำความผิด หรือทำอะไรผิดพลาดต่อผู้อื่นไป ก็ควรที่จะรู้จักยอมรับผิดใช่มั้ยคะ ปกติเราจะรู้แค่คำว่า “ขอโทษ” แต่เดี๋ยววันนี้เรามาดูประโยคตัวอย่างการยอมรับผิดในภาษาอังกฤษกันดีกว่าค่ะ ไปดูกันเลย
1. It’s me.
= ผมเอง
2. That was me.
= ฉันทำเอง
3. That’s my fault.
= เป็นความผิดของผมเอง
4. Sorry. I know this was my fault.
= ขอโทษครับ ผมรู้ว่ามันเป็นความผิดของผมเองครับ
5. I admit what I’ve done is wrong.
= ผมยอมรับในสิ่งที่ผมทำผิดไปนะครับ
6. It’s my mistake.
= มันเป็นความผิดของฉันเอง
7. I have made a mistake.
= ดิฉันทำผิดพลาดเองคะ
8. That’s my mistake.
เป็นความผิดของผมเอง
9. I’m wrong.
= ผมทำผิดเอง
10. I have to admit that I was wrong.
= ฉันยอมรับว่าฉันผิดเอง
11. I did.
= ผมเอง
12. I was the one to blame.
= คงต้องโทษที่ฉันคนเดียว
13. I’m sorry. I shouldn’t have done that.
= ผมขอโทษนะครับ ผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย
14. I never intended it that way.
= ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นเลย
15. I take full responsibility for my mistake.
= ฉันจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับความผิดของฉัน
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
All-new Honda CR-V 2023 (Gen 6) ปรับโฉมใหม่ทั้งคันพร้อมขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตร
All-new Honda CR-V 2023 ใหม่ ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ปรับดีไซน์เน้นความสปอร์ตยิ่งขึ้น มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และไฮบริด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงสุดเท่าที่เคยมีมาในรุ่น CR-V
ฮอนด้า ซีอาร์-วี 2023 ใหม่ ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชันที่ 6 แล้ว โดยโฉมล่าสุดนี้ถูกพัฒนาให้มีรูปลักษณ์เน้นความสมบุกสมบันมากยิ่งขึ้น ซึ่งฮอนด้าระบุว่าได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น Ridgeline และ Passport TrailSport ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน มาพร้อมตัวถังที่มีขนาดยาวขึ้น 2.7 นิ้ว กว้างขึ้น 0.4 นิ้ว และความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้น 1.6 นิ้ว พร้อมทั้งเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถังขึ้นอีก 15% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งและการยึดเกาะถนน
Honda CR-V 2023 ในสหรัฐอเมริกามีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่ EX, EX-L ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ตามด้วยรุ่น Sport และ Sport Touring พร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร โดยทุกรุ่นถูกติดตั้งไฟหน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ All-LED ดีไซน์รูปตัว L เป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ขณะที่รุ่น Sport และ Sport Touring จะเน้นความดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าทรงรังผึ้งสีดำเงา, ปลายท่อไอเสียโครเมียมทรงเหลี่ยม และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในรุ่น Sport Touring (รุ่นอื่นๆ มีขนาด 18 นิ้ว)
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้มีกลิ่นอายของ Honda Civic โฉมปัจจุบัน โดยรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบจะมาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถปรับการแสดงผลได้หลากหลาย ขณะที่รุ่นไฮบริดจะได้มาตรวัดความเร็วแบบ Analog ทำงานคู่กับหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถแสดงผลการทำงานของระบบไฮบริดได้
ส่วนหน้าจออินโฟเทนเมนท์ของ Honda CR-V 2023 มีให้เลือกทั้งขนาด 7 นิ้ว ในรุ่น EX และ Sport หรือขนาด 9 นิ้ว ในรุ่น EX-L และ Sport Touring ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายได้ (รุ่น EX และ Sport ต้องเชื่อมต่อผ่านสาย USB) โดยทุกรุ่นจะถูกติดตั้งช่องชาร์จไฟแบบ USB-A และ USB-C มาให้อย่างละ 1 จุด ขณะที่รุ่น EX-L และ Sport Touring จะเสริมด้วยช่องจ่ายไฟแบบ USB-C อีก 2 จุดสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และที่ชาร์จไฟแบบไร้สายขนาด 15W มาให้ด้วย
ในรุ่น Sport Touring ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดยังถูกติดตั้งระบบเสียง Bose ที่ประกอบด้วยลำโพงถึง 12 ตำแหน่ง พร้อมเทคโนโลยี Bose Centerpoint และระบบประมวลสัญญาณเสียงดิจิทัล SurroundStage เพื่อให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งได้สัมผัสประสบการณ์เสียงแบบเดียวกัน
All-new Honda CR-V 2023 ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ ถูกติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda Sensing ที่ทำงานผ่านกล้องมุมกว้าง 90 องศา และเรดาร์ที่ติดตั้งไว้ด้านหน้ารถ ซึ่งระบุว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงเส้นแบ่งถนน, ขอบทาง, ผู้ใช้จักรยาน, ผู้ใช้จักรยานยนต์ และป้ายจราจร เพิ่มเติมด้วยระบบ Traffic Jam Assist (TJA), Low-Speed Braking Control และระบบ Traffic Sign Recognition (TSR) รวมถึงปรับปรุงการทำงานของระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) with Low-Speed Follow และ Lane Keeping Assist (LKAS) เพื่อให้ตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ด้านขุมพลังของ All-new Honda CR-V 2023 ในสหรัฐฯ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 243 นิวตัน-เมตร (179 ปอนด์ฟุต) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และเครื่องยนต์ไฮบริด 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร (247 ปอนด์ฟุต) ซึ่งมาในรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,700 – 5,000 รอบต่อนาที
ทั้งนี้ All-new Honda CR-V 2023 ที่วางจำหน่ายในอเมริกาเหนือจะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ขณะที่การเปิดตัวในประเทศไทยคาดว่าอีกไม่นานเกินรอ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว กินคู่กันได้ไหม เป็นอันตรายหรือเปล่า ?
ฟ้าทะลายโจร และกระชายขาว ช่วยรักษาโควิดได้จริงหรือ ถ้ากินด้วยกันจะส่งผลอะไรกับสุขภาพหรือไม่ รู้ให้ชัดก่อนรับประทาน เพราะสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรช่วยรักษาโควิด 19 ได้ ขณะที่กระชายขาวก็เป็นสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันและน่าจะเป็นความหวังในการใช้รักษาโรคในอนาคต ทำให้คนไทยเสาะแสวงหาสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดนี้มารับประทาน แต่ก็มีคำถามอยู่เหมือนกันว่า เราสามารถกินฟ้าทะลายโจรควบคู่ไปกับกระชายขาวได้ไหมนะ แล้วจะมีผลอะไรกับร่างกายหรือเปล่า ใครสงสัย ลองมาหาคำตอบกันหน่อย
ฟ้าทะลายโจร สรรพคุณมีอะไรบ้าง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า สรรพคุณของฟ้าทะลายโจรโดยทั่วไปจะใช้แก้ไข้ บรรเทาอาการหวัด เจ็บคอ เนื่องจากมีฤทธิ์สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย แต่ภายหลังมีการวิจัยพบว่า สารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่อยู่ในฟ้าทะลายโจรนั้น มีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสโควิด 19 (SARS-CoV-2) ในเซลล์เนื้อเยื่อ แต่ไม่มีผลยับยั้งการเข้าเซลล์
หมายความว่า ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ช่วยป้องกันการติดโควิด 19 แต่หากใครติดเชื้อไปแล้วก็จะช่วยระงับไม่ให้โรครุนแรงขึ้น และทำให้หายจากโควิดโดยไม่เกิดปอดอักเสบได้ จึงมีการนำฟ้าทะลายโจรมาใช้รักษาผู้ป่วยสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การรักษาได้ผลดี จะต้องกินฟ้าทะลายโจรให้เร็วที่สุด คือไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง หลังได้รับเชื้อ และต้องให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์ในปริมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งกินวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน ไม่เกินนี้ และห้ามใช้กับคนบางกลุ่ม เช่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต ฯลฯ
กระชายขาว สรรพคุณมีอะไรบ้าง
สรรพคุณหลักของกระชาย คือ ใช้เพื่อรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้บิด แก้มูกเลือด ใช้บำรุงกำลัง แต่เนื่องจากมีรสร้อน หากกินติดต่อกันทุกวันจะทำให้ร่างกายร้อน เกิดการเสียสมดุล รวมทั้งระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ตับทำงานผิดปกติ ซึ่งจะเป็นผลเสียมากกว่า
ดังนั้น เราควรกินกระชายเป็นส่วนประกอบของอาหารเมนูต่าง ๆ เช่น แกงเลียง ผัดฉ่า หรือถ้าต้องการดื่มน้ำกระชายก็ควรต้มให้สุก แล้วผสมมะนาว น้ำผึ้ง เพื่อให้ยาสมดุลกัน โดยไม่ควรดื่มเกิน 1 แก้วต่อวัน และควรกินเนื้อกระชายด้วย เพราะสารสำคัญในกระชายไม่ละลายในน้ำ
อย่างไรก็ตาม กระชายขาวยังไม่สามารถป้องกันโควิดได้ ส่วนเรื่องการยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาก็ยังเป็นแค่ผลวิจัยในหลอดทดลองเท่านั้น โดยมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า สารสกัดจากกระชายขาว 2 ตัว คือ แพนดูราทิน เอ (Panduratin A) และพิโนสโตรบิน (Pinostrobin) ซึ่งใช้เอทานอลเป็นตัวสกัดออกมา มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในหลอดเพาะเชื้อได้ถึง 100% และเมื่อทดลองในสัตว์ เบื้องต้นก็พบว่าทำให้สัตว์ทดลองที่ติดเชื้อมีสุขภาพที่ดีขึ้น และลดภาวะปอดอักเสบในสัตว์ทดลองได้ดีมาก
แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าหากจะนำมาใช้กับคนจะต้องใช้ปริมาณเท่าใด และต้องกินอย่างไรถึงปลอดภัย จึงต้องศึกษาวิจัยต่อไป
ฟ้าทะลายโจร กับ กระชายขาว กินคู่กันได้ไหม
สำหรับคำถามที่ว่า กินฟ้าทะลายโจรร่วมกับกระชายขาวได้ไหม จะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายหรือไม่ นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอดีตนายกสภาการแพทย์แผนไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ว่า
“โดยหลักแล้วมันก็ไม่ได้มีข้อห้ามหรือข้อเสียอะไรที่จะกินทั้ง 2 ตัว แต่ประโยชน์ที่ได้มากน้อยแค่ไหนอาจจะตอบยาก ฟ้าทะลายโจรเป็นยารสขมจัด เป็นยาเย็น ส่วนกระชายเป็นยาร้อน กินไปก็บาลานซ์ แต่มีข้อมูลบางส่วนที่เอาไปใช้ในเรือนจำ ให้ทั้งสองคู่กันไป กลุ่มหนึ่งให้กระชายกับฟ้าทะลายโจร กลุ่มหนึ่งให้ฟ้าทะลายโจร กลุ่มที่ให้ฟ้าทะลายโจรอย่างเดียวดีกว่า ถ้าตามหลักแผนไทย เย็นจัดกับร้อนจัดมาเจอกันมันก็หมดฤทธิ์”
นพ.พิเชฐ ยังให้ข้อมูลอีกว่า ฟ้าทะลายโจร กับกระชาย ก็เหมือนหยินกับหยาง ซึ่งตามคัมภีร์แพทย์แผนไทย พบว่า ฟ้าทะลายโจรมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เยื่อเมือกต่าง ๆ แห้ง ซึ่งถ้าแห้งไปก็ไม่ดี เชื้อโรคจะเข้าง่าย แต่ถ้ากินไม่หวังผลกับโควิด 19 เลย อาจไม่มีผลเสียอะไร และยังไม่มีข้อมูลยืนยันในคนอย่างชัดเจน หรือแม้แต่ในหลอดทดลอง ว่าถ้าเอาสารของ 2 ตัวนี้ไปผสมกันแล้วจะฆ่าโควิดได้ไหม แต่มีบทพิสูจน์จากการนำไปใช้กับนักโทษในเรือนจำพบว่า การใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างเดียวได้ผลดีกว่าจากการทำวิจัย
สรุปได้ว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อห้ามเรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรร่วมกับกระชายขาว และก็ยังไม่มีการระบุถึงข้อดีเช่นกัน แต่จากการทดลองใช้จริง การกินฟ้าทะลายโจรอย่างเดียวจะให้ผลดีต่อการรักษาโควิดมากกว่า
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องเน้นย้ำก็คือ ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร หรือกระชายขาว ห้ามกินเพื่อหวังผลป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดยังไม่ได้ช่วยป้องกันโควิดแต่อย่างใด ซ้ำร้ายหากกินเกินปริมาณ หรือกินติดต่อกันทุกวัน จะส่งผลเสียต่อตับจนเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/07/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,650.00 | 29,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,921.00 | 29,122.36 | 30,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,728.90 | 26,210.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,536.80 | 23,297.89 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 864.00 | 13,098.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 672.00 | 10,187.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,991.00 | 30,183.56 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/07/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 38.94 | 38.94 | 38.94 | 38.94 | 38.94 | – | 38.94 | 38.94 | 38.94 | 38.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.44 | 34.44 | – | – | – | – | – | – | – | 34.44 |
เบนซิน 95 | 47.46 | – | – | – | 47.91 | – | 47.96 | 48.26 | – | 47.46 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 46.36 | 49.36 | 51.39 | 50.56 | 50.59 | – | – | – | – | 46.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |