สาระน่ารู้ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2565

เซ็นทรัล กางโมเดล 5ปี ผุดบ้าน-คอนโด 27 จังหวัด

เซ็นทรัล กางโมเดล 5ปี ผุดบ้าน-คอนโด 27 จังหวัด

เซ็นทรัลพัฒนา รุกแผนธุรกิจที่อยู่อาศัย กางโมเดล 5 ปี ขยายเพิ่มกว่า 50โครงการ ทั้งโครงการบ้าน และ คอนโดมิเนียม ครอบคลุม 27 จังหวัดทั่วประเทศ ชูจุดแข็งโครงการติดศูนย์การค้า-มิกซ์ยูสชั้นนำ มูลค่าร่วม 1.2 แสนล้านบาท

22 กรกฎาคม 2565 – ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย หลังจาก กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ประกาศแผนรุกธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัยแบบบุกหนัก กว่า 70 โครงการ ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากนี้ โดยมีจุดแข็ง ในแง่โครงการบ้าน-คอนโดมิเนียม ที่จะอยู่แนบชิดติดศูนย์การค้า และ มิกซ์ยูสชั้นนำในจังหวัดต่างๆ 

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ปีนี้เซ็นทรัลพัฒนาได้เน้นย้ำการเป็น Retail-Led Mixed-Use Developer ของเราด้วยแผนลงทุนต่อเนื่อง120,000 ล้านบาท ใน 5 ปี 

เซ็นทรัล กางโมเดล 5ปี ผุดบ้าน-คอนโด 27 จังหวัด

เซ็นทรัลรุกหนักธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัย เพิ่ม 50 โครงการ

สำหรับอีกหนึ่งธุรกิจหลักคือ Residential โครงการที่อยู่อาศัย เป็นส่วนหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนา โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สร้างรายได้รวมกว่า 10,000 ล้านบาท และภายในปี 2569 ธุรกิจ Residential จะขยายเพิ่มกว่า 50 โครงการ และเติบโตอย่างยั่งยืนไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี ทำให้ในอนาคต เราจะมีโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุม 27 จังหวัด มากกว่า 70โครงการ และมีลูกบ้านเซ็นทรัลกว่า 20,000ครอบครัว”

” ในฐานะที่เซ็นทรัลพัฒนามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี เราต้องการสร้างมาตรฐานโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพทั่วประเทศ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด เป็น ‘The Ecosystem of Quality Living’ ทั่วประเทศ ด้วยMarket Insight ที่เรามีทำให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในโลเคชั่นต่างๆ เป็นอย่างดี ” 

เมื่อพิจารณาจุดแข็งและความได้เปรียบ ก็คือ การที่เซ็นทรัลฯสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้คนได้หลากหลายและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง ตามแนวทางการพัฒนาศูนย์การค้าที่เป็นของเซ็นทรัลพัฒนา หรือของเซ็นทรัลกรุ๊ป หรือโลเคชั่นอื่นๆ ที่มีศักยภาพ 

โดยผู้บริหารเซ็นทรัลฯ ระบุว่า แนวทางดังกล่าว จะ สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ คือการตอบโจทย์ Affluent Urbanistsทั้งกลุ่ม ‘ซื้ออยู่เอง’ ด้วยความมั่นใจในแบรนด์, คุณภาพ และโลเคชั่นของบ้านเซ็นทรัล, กลุ่ม‘ซื้อพักผ่อน’ ที่มองหาบ้านอีกหลังเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Shop-cation และ Weekend House และกลุ่ม ‘ซื้อลงทุน’ มองหา asset ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ ด้วย yield ที่น่าดึงดูด 4%-5%” 

เซ็นทรัล กางโมเดล 5ปี ผุดบ้าน-คอนโด 27 จังหวัด

3 กลยุทธ์ ‘บ้านเซ็นทรัล’

ร.อ. กรี เดชชัย President, Residential Business บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า“การทำธุรกิจ Residential ของเราสอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคม และชุมชน ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับ ‘คุณภาพ’ ในทุกส่วนทั้งการพัฒนาโครงการบ้าน, คุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยทั้งนี้ ‘บ้านเซ็นทรัล’ โดยเซ็นทรัลพัฒนามีจุดแข็งที่โดดเด่นในการเชื่อมต่อ Retail & Residential Integration ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 

เซ็นทรัล กางโมเดล 5ปี ผุดบ้าน-คอนโด 27 จังหวัด
  1. Best in Town: แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown, 
  2. Beyond Quality:คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมาย 
  3. Strong Synergy: ผนึกกำลังในเครือเซ็นทรัล เติมเต็ม Lifestyle Journey ต่อเนื่อง ดังนี้
  • Best in Town: แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown พร้อมความสะดวกสบายของการมีที่อยู่อาศัยติดกับศูนย์การค้าหรืออยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งสามารถตอบโจทย์เชื่อมโยงการใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้าน ทั้งการช้อปปิ้งในศูนย์การค้า, ทานอาหารในโรงแรม และทำงานในอาคารออฟฟิศชั้นนำ อีกทั้งโครงการของเรายังเป็น Valuable Asset ที่มีมูลค่าน่าลงทุน
  • Beyond Quality: คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมายด้วย Customer-Centric Design Thinking เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ ‘ให้มากกว่า’ ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
  • • Space: ด้วยการให้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า, ให้พื้นที่สีเขียวที่มากกว่า สูงสุดถึง 35% ของพื้นที่ขายซึ่งมากกว่าโครงการทั่วไป เน้นความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และให้พื้นที่ใช้งานที่มากกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เช่น Flexible Space, Senior Room, Universal Design
  • Smart Security & Well-Being: ความปลอดภัยที่มาพร้อมสมาร์ทเทคโนโลยี และเราให้ในระดับมาตรฐานที่มากกว่า อาทิ ระบบ Double Gate, VMS (Visitor Management System) ที่ให้มากับโครงการตั้งแต่แบรนด์ระดับเริ่มต้น และโครงการระดับบนอย่าง ‘NIYHAM’ ที่มี Security ถึง  6 ระดับ, Smart Application ที่รวบรวมทั้งระบบ Privilege, Security, Home Automation และระบบ Active Air-Flowดูแลคุณภาพอากาศ ลดอุณหภูมิให้เหมาะแก่การอยู่อาศัย เป็นต้น
  • Services & Facilities: นิติบุคคลบริหารงานโดยเซ็นทรัลพัฒนา สร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งให้พื้นที่ส่วนกลางมากกว่า และ Facilities ที่ครบครัน อาทิ Rooftop pool ทุกโครงการคอนโดมิเนียม เป็นระบบเกลือ ขนาด 25 เมตร (Semi-Olympic), Fitness อุปกรณ์ได้มาตรฐานระดับเดียวกับในโรงแรม, บริการ Shuttle bus ไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ให้พื้นที่จอดรถที่มากกว่ามาตรฐานทั่วไป และ outdoor lifestyles ใหม่ๆ อย่างเช่น Playground, Library & Senior garden ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และรองรับกิจกรรมผู้สูงวัย, Pet-Friendly, Laundry café รอระหว่างซักผ้า, Garden gym พื้นที่ออกกำลังกายในสวน เป็นต้น
  • Sustainability: ผลักดันเป้าหมาย NET ZERO ในปี 2050 จึงได้นำร่องนำวัสดุ และเทคโนโลยี เข้ามาใช้ในการออกแบบ อาทิ คัดเลือก

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เจเอเอส แอสเซ็ท” รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพรับสังคมสูงวัย

"เจเอเอส แอสเซ็ท" รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพรับสังคมสูงวัย

“เจเอเอส แอสเซ็ท” รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพรับสังคมสูงวัย และแนวโน้มการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลทั้งส่วนร่างกาย จิตใจ สังคม

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เจเอเอส แอสเซ็ท ได้ดำเนินโครงการซีเนร่า ซีเนียร์ เวลเนส คู้บอน ซึ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

และเทรนด์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลทั้งส่วนร่างกาย จิตใจ สังคม จนถึงการปรับความคิด ความเชื่ออันนำไปสู่การมีความสุขกับตัวเองได้ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข 

นอกจากนี้ยังมีบุคลากรสหวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและฟื้นฟูร่างกายแก่ผู้สูงอายุ ได้แก่ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และจำนวนผู้ดูแลผู้สูงวัยที่เป็นไปตามกฎหมายควบคุมกิจการดูแลผู้สูงอายุกระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

โครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย 3 อาคาร บนพื้นที่ 7 ไร่ โดยออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียว บึงน้ำ อยู่ในโครงการกว่า 50% ของพื้นที่ อาคารแรกเป็นที่พักอาศัยจำนวน 49 ห้อง เน้นผู้สูงวัยที่ยังแข็งแรง ช่วยเหลือตัวเองได้ โดยมีผู้ดูแล (Care Giver) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในโครงการมีพยาบาล และแพทย์ประจำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง 

อาคารที่สองเป็นอาคารที่รองรับผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงจำนวน 78 เตียง โดยความร่วมมือกับบริษัทวิมุต เวลเนส จำกัด เน้นการดูแลผู้สูงอายุแบบ Daycare,มีห้องพักฟื้นฟูหลังผ่าตัด

"เจเอเอส แอสเซ็ท" รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพรับสังคมสูงวัย

หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูหลังการเจ็บป่วยด้วยโรคสมอง หัวใจ และอื่นๆที่ต้องการการดูแลใกล้ชิดด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวมทั้งมีห้องพักดูแลระยะยาวแบบ Nursing Home ด้วย

อาคารสุดท้ายตั้งอยู่ระหว่างสองอาคาร ประกอบไปด้วยแพทย์ทางเลือกและแพทย์เฉพาะทาง เช่น J VASU Pain Management Clinic ทั้งด้านศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ และเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ให้บริการรักษาความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท กระดูกและข้อที่เน้นวิธีการรักษาแบบหลีกเลี่ยงการผ่าตัด

หรือการผ่าตัดเวลาเฉพาะที่เหมาะสม ซึ่งมีห้องผ่าตัดขนาดเล็กอยู่ภายในอาคาร นอกจากนี้ยังมีคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย รวมไปถึงศูนย์ออกกำลังกาย (Fitness Center)

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ทองคำร่วงใกล้แตะระดับต่ำ ก่อนเด้งสู่ 1,700 ดอลลาร์

ทองคำร่วงใกล้แตะระดับต่ำ ก่อนเด้งสู่ 1,700 ดอลลาร์

Investing.com – ในที่สุด ทองคำก็เห็นการเคลื่อนไหวที่เกินปกติที่บางคนคาดไว้ในสัปดาห์ “Fed-vacuum” แม้ว่าราคาจะดิ่งลง แทนที่จะเป็นการพุ่งขึ้น

เหลือเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนการตัดสินใจของธนาคารกลางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสำหรับเดือน สิงหาคม ในตลาดโคเม็กซ์ของนิวยอร์กร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในวันที่ 31 มกราคมที่ 1,678.60 ดอลลาร์ สิ้นสุดวันที่ 1713.20 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13.2 ดอลลาร์ หรือ 0.8%

ราคาสปอตของทองคำแท่ง ซึ่งเทรดเดอร์กล่าวว่าเป็นตัวสะท้อนที่ดีกว่าในช่วงเวลาที่ราคาทองคำและความต้องการได้แตกต่างกันเล็กน้อย และเมื่อเทียบกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดโคเม็กซ์ก็แตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนที่ 1,680.96 ดอลลาร์เช่นกัน

นับตั้งแต่จุดต่ำสุดในรอบ 11 เดือนของสัปดาห์ที่แล้วที่ 1,695 ดอลลาร์ เป็นที่แน่นอนว่านักลงทุนทองคำฝั่งขาขึ้นไม่สามารถดึงตลาดให้สูงขึ้นได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของเฟดจะงดเว้นจากการแสดงความคิดเห็นในสัปดาห์นี้ตามธรรมเนียมปฏิบัติเป็นเวลา 10 วันก่อนที่จะมีการกล่าวแถลงก่อน การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ในวันที่ 27 กรกฎาคม

ไม่มีตัวขับเคลื่อนที่ชัดเจนสำหรับการพุ่งขึ้นของราคาของทองคำในวันพฤหัสบดี ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งมักจะกำหนดทิศทางของทองคำโดยเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามก็ร่วงลงเช่นกันเนื่องจากธนาคารกลางยุโรปก็ตัดสินใจที่จะ เพิ่มอัตราดอกเบี้ย โดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมอัตราดอกเบี้ยมากกว่าการป้องกันการเกิดภาวะถดถอย

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเทียบค่าเงินดอลลาร์กับกลุ่มสกุลเงินหลักอีก 6 สกุลอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 107 ในวันพฤหัสบดี หลังจากทะลุแนวต้านขึ้นเหนือ 109 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2002 ของ {{frl ||ธนาคารกลางสหรัฐฯ}}

แต่บางคนมองว่าการกลับมาที่ 1,700 ดอลลาร์เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความยืดหยุ่นของทองคำ

เครก เออร์แลมนักวิเคราะห์จาก OANDA แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ราคาทองคำผันผวนอีกครั้งและมีช่วงหนึ่งที่ทองคำดูเหมือนจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง” “ การเคลื่อนไหวที่แข็งกร้าวของ ECB อาจอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว แต่การขึ้นราคาทองคำนั้นสูงกว่าค่าเงินดอลลาร์อย่างมาก ดูเหมือนว่าเราจะเห็นการผกผันของการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่แน่ว่าทองคำกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว

ขอบคุณข้อมูลจาก th.investing.com


ตอบนักข่าวแบบนี้! “กัปตันคิม” วิเคราะห์ความตกต่ำ “สาวเกาหลี” ในเนชั่นส์ลีก 2022

ตอบนักข่าวแบบนี้! "กัปตันคิม" วิเคราะห์ความตกต่ำ "สาวเกาหลี" ในเนชั่นส์ลีก 2022

ถือเป็นมุมมองที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับ คิม ยอน-คยอง นักวอลเลย์บอลสาวอดีตกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ ที่มองผลงานของ “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2022 ที่ผ่านมา

โดยในงานแถลงข่าวการย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิดอีกครั้งกับ อินชอน ฮึงกุ๊ก ไลฟ์ อินชัวรันส์ พิงค์ สไปเดอร์ส ของ นักตบลูกยางสาววัย 34 ปี บรรดานักข่าวได้ถามถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิด

korko2

อย่างไรก็ตามมีนักข่าวรายหนึ่งได้ถามถึงสาเหตุที่ ทีมวอลเลย์บอลหญิงเกาหลีใต้ ตกต่ำจนน่าใจหายหลังไม่สามารถเก็บชัยได้เลยแม้แต่เกมเดียวในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2022 ที่ผ่านมา ด้วยการจบอันดับสุดท้ายของตารางแบบไร้แต้ม

ซึ่ง คิม ยอน-คยอง ได้เงียบไปสักพัก ก่อนตอบนักข่าวว่าให้ดูการพัฒนาของ วอลเลย์บอลไทย เป็นตัวอย่าง “ขอให้ดูทีมชาติไทยเป็นตัวอย่าง ผู้เล่นตัวจริงของพวกเขาล้วนออกไปเล่นในต่างประเทศ หรือไม่ก็เคยมีประสบการณ์ในการเล่นต่างแดน พวกเขาได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์จากการเล่นในลีกเหล่านั้น พวกเขาจึงกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งเมื่อมารวมตัวกัน”

“ฉันหวังว่าผู้เล่นเกาหลีของเราจะก้าวออกไปเล่นในต่างประเทศ เรียนรู้การเล่นมากมายในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งฉันยังคิดว่าเราจะดีขึ้นในอนาคต ดังนั้นฉันหวังว่าทุกคนจะให้กำลังใจกัน” นักตบลูกยางแดนโสม กล่าว

korko3

สำหรับ ทีมวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2022 แถมยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก ทำให้ขยับรั้งอันดับ 14 ของโลก ด้วยการมี 204 คะแนน

ขณะที่ ทีมชาติเกาหลีใต้ หล่นลงไปอยู่อันดับ 19 ของโลก ด้วยการมี 162 คะแนน ส่วนในระดับทวีป “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ก็สามารถแซง เกาหลีใต้ ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ของเอเชียได้สำเร็จ โดยเป็นรองเพียงแค่ จีน และ ญี่ปุ่น เท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


กินวิตามินทุกวัน อันตรายหรือไม่

กินวิตามินทุกวัน อันตรายหรือไม่

กินวิตามินอาหารเสริมบ่อยแค่ไหนถึงอันตราย แล้วต้องกินอย่างไรถึงจะปลอดภัยต่อร่างกายจริงๆ

ปัจจุบันวิตามิน หรือ Suppliments เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเลือกรับประทานอาหารเสริมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวเลือกผลิตออกมามากมายหลากหลายยี่ห้อให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรในท้องตลาด ทั้งนี้หลายๆ ท่านก็อาจจะสงสัยว่าการเลือกรับประทานหรือบริโภควิตามินอาหารเสริมเป็นประจำทุกวันจะก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงใดๆ หรือไม่

บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝากว่าการกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม ซึ่งจริงๆ แล้วขึ้นชื่อว่า “อาหารเสริม” ก็แปลตรงตัวคืออาหารที่เข้ามาเสริมหรือช่วยเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายอาจจะขาดหายไปบ้างในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งนี้หากในชีวิตประจำวันของคนเราได้รับสารอาหารจากรับประทานที่มากเพียงพอก็อาจจะไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมอีก แต่จะมีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรที่เราควรทราบบ้าง ตามมาหาคำตอบกันต่อได้จากบทความนี้เลย

วิตามินจากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน เพียงพอต่อร่างกายจริงๆ หรือไม่

สำหรับผู้บริโภคบางท่านที่อาจจะลังเลหรือสงสัยว่าเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม จากที่เกริ่นไปบ้างแล้วในข้างต้น วิตามินหรือสารอาหารในบางส่วนนั้นได้รับจากการเลือกรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น ผักและผลไม้ ปริมาณที่มากเพียงพอแก่ร่างกายต่อวันคืออยู่ที่ขนาดทั้งหมด 5 ส่วน โดย 1 ส่วนจะมีขนาดประมาณ 1 กำปั้นมือ ซึ่งถ้าใน 1 วันการเลือกรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันของคนเรามีผักและผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วน หรือ 5 กำปั้นมือนั่นหมายความว่าร่างกายอาจได้รับวิตามินหรือเกลือแร่ไม่เพียงพอ ในกรณีนี้อาจจำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริมเพิ่มเติม

คนที่มีโรคประจำตัว กินวิตามินทุกวัน อันตรายหรือไม่

อีกหนึ่งกรณีสำคัญที่ควรทราบสำหรับผู้บริโภคที่อาจจะยังคงมีข้อสงสัย ในกรณีของคนที่มีโรคประจำตัว การกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม หรือจะส่งผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า คำตอบก็คือสำหรับผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดลำไส้ มีประวัติลำไส้ดูดซึมที่บกพร่อง ตลอดไปจนถึงโรคประจำตัวอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าในชีวิตประจำวันร่างกายอาจดูดซึมวิตามินหรือเกลือแร่เข้าไปเพื่อใช้งานได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซับปริมาณสารอาหารให้เพียงพอแก่การใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็น

กินวิตามินอย่างไร ถึงจะปลอดภัยต่อร่างกาย

อีกหนึ่งคำถามสำคัญของการเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหมนั่นก็คือในเรื่องของปริมาณอาหารเสริมที่รับประทานในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามในส่วนนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเลือกรับประทานแต่พอดี ไม่มากเกินไปแต่ก็ไม่ควรน้อยจนเกินไป เน้นรับประทานให้ครบถ้วนในส่วนที่ร่างกายขาดไป ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเติมเต็มจะดีที่สุด

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เรากินไปมากหรือน้อยเกินไป

จริงๆ แล้ว วิตามินทุกชนิด เราสามารถมีได้อย่างเพียงพอจากการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลายสับเปลี่ยนชนิดของอาหารไปเรื่อยๆ แต่ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาให้กินวิตามินเสริมในบางกรณี เช่น

  • คนที่ทานมังสวิรัติและทานเจอย่างเคร่งครัดจะขาดวิตามิน B และ B12 จึงแนะนำให้รับประทานวิตามินเสริม
  • ผู้ที่ต้องกินยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาโรคใดโรคหนึ่งบ่อยๆ แพทย์อาจสั่งวิตามินเคให้รับประทานเพิ่ม
  • ผู้ที่ไม่รับประทานทั้งผักและผลไม้
  • คนไข้มีโรคหลอดเลือดสมอง และต้องได้รับอาหารผ่านทางสาย

รวมถึงวิตามินที่คนไทยขาดบ่อยๆ คือ วิตามินดี ที่สามารถเพิ่มให้กับร่างกายได้ง่ายๆ ด้วยการให้ร่างกายออกไปสัมผัสกับแสงแดดยามเช้าตรู่อ่อนๆ 10-15 นาที

หากไม่ได้อยู่กลุ่มเสี่ยงขาดวิตามิน อาจไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริม แต่หากอยากกินวิตามินเสริมเพื่อคุณสมบัติอื่นๆ เช่น เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค หรือเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับผิวพรรณ ควรกินตามขนาดที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ และไม่ควรติดต่อกันนานจนเกินไป ระยะเวลาโดยทั่วไปอยู่ที่การกินติดต่อกันทุกวันไม่เกิน 3 เดือน หากได้รับคุณประโยชน์จากการกินวิตามินนั้นๆ แล้ว สามารถปรับลดหรือหยุดกินได้

ทั้งนี้ เรื่องของการกินวิตามินให้ปลอดภัยต่อร่างกาย ในสภาพร่างกายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ก่อนซื้อวิตามินกินเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อกิน

จากข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมทั้งหมดที่กล่าวไปในข้างต้นเป็นการคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม อย่างไรก็ตามแนะนำให้เลือกรับประทานแต่พอดี การรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินในปริมาณเยอะๆ ในชีวิตประจำวันไม่ได้หมายความว่าจะดีแก่ร่างกายเสมอไป ปริมาณของวิตามินที่เยอะมากเกินไปอาจไปก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกายก็เป็นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ชมภาพ AirPods ทีมีช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C แทน Lightning แบบเดิม

ชมภาพ AirPods ทีมีช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C แทน Lightning แบบเดิม

ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของ Apple แล้วคงต้องบอกว่าชอบความนิยมในเรื่องของช่องเสียบอุปกรณ์ที่เป็นสายพกพาเช่น iPhone และ AirPods ที่เป็น Lightning Port เพราะก่อนหน้านีงที่มีการเปิดเผย iPhone ที่เป็นช่องเสียบ USB-C กันไปแล้ว

ล่าสุด Ken Pillonel นักศึกษาวิศวกรรมและหุ่นยนต์ได้ทดลองทำ AirPods โดยมีช่องเสียบแบบ USB-C โดยอาศัยเครื่องพิมพ์ 3D Printing ออกมา โดยในคลิปวิดีโอที่จะได้เห็นนี้เรียกได้วเหมือนกับ AirPods รุ่นแรกและรุ่น 2 ที่วางจำหน่ายแต่ช่องเสียบเป็นแบบ USB-C

โดยช่องเสียบดังกล่าวนั้นได้มาจากช่องเสียบของ Samsung Galaxy A51 นั่นเอง แต่จะทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่ต้นแบบและการทดลองเท่านั้นยังไม่สามารถยืนยันว่า กล่องเคส AirPods นี้จะชาร์จไฟได้จริงหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทางด้านข่าววงในของ Apple จาก Ming-Chi Kuo เปิดเผยว่า เราอาจจะได้เห็น AirPods และ iPhone ชาร์จไฟด้วย USB-C ได้ในปี 2024 นี้แต่ทั้งหมดจะจริงหรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มะม่วงหาว มะนาวโห่ มีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ

มะม่วงหาว มะนาวโห่ มีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ

ถ้าจะพูดถึงผลไม้ในบ้านเราที่ให้สรรพคุณทางยาก็มีอยู่หลากหลายชนิด แต่มีอยู่ชนิดหนึ่งที่ชื่อเรียกนั้นสะดุดหูซะเหลือเกินว่า “มะม่วงหาว มะนาวโห่” หลายคนที่เคยได้ยินชื่อนี้ก็ยังสงสัย สรุปแล้วมันเป็นมะม่วง หรือเป็นมะนาว แล้วทำไมต้องทั้งหาวและร้องโห่ แต่ในความเป็นจริงแล้วผลไม้ชนิดนี้ไม่ได้เป็นทั้งมะม่วงและมะนาวอย่างที่จินตนาการกัน ซึ่งที่มาของชื่อนั้นก็ถูกตั้งโดยนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร โดยบอกเพิ่มอีกว่าที่ตั้งชื่อนี้ก็เพื่อให้คล้องกับชื่อผลไม้ในวรรณคดี เรื่อง นางสิบสอง ตอน พระรถเมรี ที่ความตอนหนึ่งของเรื่องได้พูดถึงผลไม้สดที่มีรสชาติเปรี้ยวจัด ขนาดว่าทำให้คนที่ง่วงนอนอยู่รู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นตัวขึ้นมาในทันควัน

มะม่วงหาว มะนาวโห่ นับว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ถูกจับตามองในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า “มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่” ซึ่งถ้าเรียกสั้นๆ ก็น่าจะเข้าปากมากกว่า ผลไม้ชนิดนี้ได้รับความสนใจจากผู้ที่รักสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะในวงการแพทย์ก็ได้วิจัยออกมาพบว่ามีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ ครั้นจะนำไปใช้รักษาโรค หรือรับประทานควบคู่กับยาแผนปัจจุบันก็จะได้ผลที่ดียิ่งขึ้น

คุณสมบัติที่สำคัญของ “มะม่วงหาว มะนาวโห่”

ก็เห็นจะเป็นเรื่องของการ ป้องกันมะเร็ง เพราะภายในผลไม้ชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงโลหิต ชะลอการแก่ก่อนวัย ป้องกันโรคหัวใจ ขยายหลอดเลือด รักษาปอด รวมไปถึงอาการถุงลมโป่งพองก็ช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจว่าทำไมผลไม้ที่มีชื่อแปลกหูถึงได้รับความนิยม ขนาดว่าต้องควานหาซื้อมารับประทาน ตลอดจนหามาปลูกไว้เป็นไม้ประดับภายในบริเวณบ้านอีกด้วย

จากผู้ที่นิยมสมุนไพรให้ความรู้กับเราเพิ่มเติมมาว่า “มะม่วงหาว มะนาวโห่” นั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วนของลำต้น อีกทั้ง ก็ยังมีส่วนน้อยที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้ว มะม่วงหาว มะนาวโห่ นั้นเป็นคนละต้น หรือเป็นพืชคนละชนิด คนละสายพันธุ์กัน โดย ‘มะม่วงหาว’ ก็คือ มะม่วงหิมพานต์ ส่วน ‘มะนาวโห่’ ก็คือ หนามแดง ซึ่งพืชทั้งสองชนิดนี้ก็มีสรรพคุณเพียบและช่วยบำรุงร่างกายได้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพื่อให้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เราก็มีข้อมูลจาก องค์กรสวนพฤกษาศาสตร์ มาอธิบายขยายความแตกต่างของพืชทั้ง 2 ชนิดนี้… 

มะม่วงหาวมะนาวโห่

มะม่วงหาว

มะม่วงหาว” หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ “มะม่วงหิมพานต์” เป็นไม้ต้นขนาดกลางที่สามารถสูงได้ถึง 10 เมตร มีใบเป็นสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อหลวมๆ สีแดงอมม่วง หรือสีครีม มีกลิ่นหอมออกเอียนๆ โดยที่แต่ละดอกจะมี 5 กลีบ เมื่อดอกแก่ ฐานรองดอกก็จะขยายใหญ่ขึ้นมีลักษณะคล้ายกับชมพู่ยาวประมาณ 6 – 7 เมตร มีสีเหลืองอมชมพู หากว่าแก่จัดก็จะมีกลิ่นหอม มีเมล็ด 1 เมล็ดติดอยู่ที่ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอมเทา มีเปลือกแข็งหุ้ม เรียกว่า ‘เม็ดมะม่วงหิมพานต์’ 

สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว

  • ผล : ช่วยฆ่าเชื้อ แก้โรคลักปิดลักเปิด พอกดับพิษ อีกทั้งยังช่วยขับปัสสาวะ
  • เมล็ด : ช่วยแก้อาการเนื้อหนังชาในโรคเรื้อน แก้ตาปลา แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้เนื้องอก บำรุงกระดูก บำรุงไขข้อ บำรุงเส้นเอ็น บำรุงผิวหนัง ไปจนกระทั่งถึงช่วยในการบำรุงกำลัง
  • เปลือก : ช่วยในเรื่องการขับน้ำเหลืองเสีย แก้บิด แก้กามโรค แก้อาการท้องเสีย แก้ปวดฟัน ฟอกดับพิษ อีกทั้งยังสามารถนำเมล็ดไปทำเป็นยาอมเพื่อรักษาแผลในปากได้อีกด้วย
  • ยอดอ่อน : ใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร
  • ยาง : ใช้แก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ช่วยทำลายตาปลา โดยให้ยางเข้าไปเป็นตัวช่วยกัดทำลายเนื้อด้านในที่เป็นปุ่มโต รักษาแผลเนื้องอก รักษาหูด รักษากลาก โรคเท้าช้าง
  • น้ำมัน : ใช้ฆ่าเชื้อ เป็นยาชา ใช้รักษาโรคเรื้อน กัดหูด แก้ตาปลา แก้บาดแผลที่เน่าเปื่อย

50 สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว

  1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องชะลอวัยและลดริ้วรอย (ผล)
  2. ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง (แก่น)
  3. แก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า (เนื้อไม้)
  4. เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับร่างกาย (ผล)
  5. ช่วยให้เจริญอาหาร (ราก)
  6. มีส่วนช่วยในการลดความอ้วน (ผล)
  7. ช่วยขยายหลอดเลือดและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ (ผล)
  8. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง (ผล)
  9. มีส่วนในการรักษาโรคเบาหวาน เนื่องจากมีธาตุเหล็ก (ผล)
  10. มีส่วนช่วยในการรักษาโรคโลหิตจาง (ผล)
  11. ช่วยรักษาโรคปอด (ผล)
  12. ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองที่เกิดจากการสูบบุหรี่ (ผล)
  13. ช่วยรักษาโรคไต (ผล)
  14. บรรเทาอาการโรคตับ อาทิ โรคตับแข็ง (ผล)
  15. ช่วยรักษาโรคเกาต์ (ผล)
  16. ช่วยรักษาและบรรเทาอาการโรคไทรอยด์ (ผล)
  17. ช่วยป้องกันโรคไหลตาย (ผล)
  18. ในประเทศบังคลาเทศนิยมใช้ใบในการรักษาโรคลมชัก (ใบ)
  19. มีส่วนช่วยบรรเทาอาการโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ชาตามมือตามเท้า (ผล)
  20. ช่วยบำรุงกำลัง (เนื้อไม้)
  21. ช่วยบำรุงธาตุ (ราก , แก่น , เนื้อไม้)
  22. ช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย (แก่น , เนื้อไม้)
  23. รักษาไข้ รวมถึงไข้มาลาเลีย (ราก , ใบ)
  24. ช่วยดับพิษร้อน (ราก)
  25. ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ (ผล)
  26. ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ (ผล)
  27. ช่วยขับเสมหะ (ผล)
  28. มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน (ผล)
  29. บรรเทาอาการเจ็บคอ เจ็บในปาก (ใบ)
  30. แก้อาการปวดหู (ใบ)
  31. ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน ทั้งยังช่วยสมานแผลที่เกิดในช่องปาก (ผล)
  32. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร (ราก)
  33. แก้อาการท้องเสีย (ใบ)
  34. ช่วยรักษาโรคบิด (ใบ)
  35. ช่วยขับปัสสาวะ (ผล)
  36. ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร (ยอดอ่อน)
  37. ช่วยขับพยาธิ (ราก)
  38. ช่วยรักษาโรคเท้าช้าง (น้ำยาง)
  39. ช่วยฆ่าเชื้อ (ผล)
  40. ช่วยในการสมานแผล (ผล , ยาง)
  41. ใช้รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง (เปลือกต้น)
  42. ช่วยแก้อาการคัน (ราก)
  43. ในประเทศอินเดียนิยมใช้รากเพื่อรักษาแผลที่เกิดจากเบาหวาน (ราก)
  44. แก้กลากเกลื้อน (เมล็ด , น้ำยาง)
  45. แก้อาการเนื้อหนังชาในโรคเรื้อน (เมล็ด)
  46. ช่วยรักษาแผลเนื้องอก (น้ำยาง)
  47. ช่วยรักษาหูด (น้ำยาง)
  48. ช่วยทำลายตาปลาและช่วยกัดทำลายเนื้อด้านในที่เป็นปุ่มโต (น้ำยาง)
  49. ใช้พอกดับผิษ (ผล)
  50. ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อตามข้อ (ผล)

มะนาวโห่

“มะนาวโห่” หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ “หนามแดง เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย หรืออาจเรียกว่าเป็นไม้ต้นขนาดเล็กก็ได้ มีความสูงเพียง 5 เมตร มียางสีขาว ออกใบเดี่ยว ออกดอกเป็นช่อยาว มีกลีบดอกสีขาว หรือสีชมพู ออกผลเป็นรูปไข่สีแดงชมพู หรือดำ

สรรพคุณทางยา ของ มะนาวโห่

  • ผล : ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน
  • ใบ : ช่วยแก้อาการเจ็บคอ เจ็บในปาก แก้ท้องเสีย อาการปวดแก้วหู หรือแม้แต่แก้ไข้ก็ทำได้
  • แก่น : ช่วยบำรุงธาตุ บำรุงไขมันในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง
  • เนื้อไม้ : ช่วยบำรุงธาตุ แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงกำลัง ทั้งยังช่วยบำรุงไขมันในร่างกายได้อีกด้วย
  • ราก : ใช้แก้อาการคัน บำรุงธาตุ ช่วยขับพยาธิ ทำให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ใช้แก้ไข้ได้อีกด้วย

หากมองย้อนกลับไป การที่ “มะม่วงหาว มะนาวโห่” กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเฉพาะบรรดาคนที่รักสุขภาพ น่าจะหมายถึงผลของ “มะนาวโห่ หรือผลของ “หนามแดง” เสียมากกว่า เพราะมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในทุกพื้นที่ จากการสอบถามพบว่ามะนาวโห่เป็นพืชที่ดูแลง่าย ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน อีกทั้งในแต่ละระยะของการออกผลก็จะให้สีที่แตกต่างกัน บางบ้านก็ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับด้วย ส่วนการนำผลมารับประทานก็จะต้องเป็นผลที่มีสีดำ จะให้รสชาติอมเปรี้ยว อมหวาน กินแล้วสดชื่น กระชุ่มกระชวย แถมยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/07/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,800.0029,900.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,930.0029,258.8030,400.00
ทองรูปพรรณ 90%1,737.0026,332.92n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,544.0023,407.04n/a
ทองรูปพรรณ 50%869.0013,174.04n/a
ทองรูปพรรณ 40%676.0010,248.16n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,000.0030,320.00n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/07/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.2538.2538.2538.2538.2538.2538.2538.2538.2538.25
แก๊สโซฮอล์ 9137.9837.9837.9837.9837.9837.9837.9837.9837.9837.98
แก๊สโซฮอล์ E2037.1437.1437.1437.1437.1437.1437.1437.1437.14
แก๊สโซฮอล์ E8533.3433.3433.34
เบนซิน 9545.6646.1146.1646.1645.66
ดีเซล B734.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม46.3648.8649.7649.7649.7646.36
แก๊ส NGV15.5915.5915.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า